อยากขอคำแนะนำผมมีปัญหาเรื่องการกำหนดจิตแบบละเอียด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Supop, 7 พฤศจิกายน 2012.

  1. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ผมขอขอบคุณ คุณ เล่าปัง ครับ

    สำหรับตัวผมเองนั้น ยังรู้สึกว่า การทำสมถะยังง่ายกว่าการทำวิปัสสนา

    จึงชอบที่จะทำสมถะไปก่อนมากกว่าวิปัสสนา จึงทำให้การปฏิบัติของผมมักจะมุ่งเน้นในการทำสมถะมากกว่า ซึ่งผมก็จะค่อยๆแทรกการพิจารณาเพื่อทำวิปัสสนาเข้าไปทีนิดทีละหน่อย จึงทำให้ยังไม่ละเอียดในการพิจารณามากนัก หรือเผลอเรอหลุดจากการพิจารณาอยู่ ซึ่งผมเองก็พยายามจะทำให้มากกว่าเดิมอยู่ครับ และก็พยายามในการกำหนดสติและสมาธิอยู่ พยายามจะทำให้ได้ตลอดทั้งวัน แต่ก็ยังไม่ได้เต็มที่นัก ยังหลุดอยู่บ่อยๆ ยังเข้าๆออกๆ นึกได้ก็กำหนดเผลอก็หลุด แต่ก็ยังจะพยายามต่อไปครับ

    และก็ขอขอบคุณที่คุณ พยายามแทรกข้อคิดในการพิจารณาให้อยู่เรื่อยๆนะครับ

    และอีกอย่างคือ ผมเข้าใจแล้วว่าการให้ธรรมเป็นทานนั้นดีที่สุดยังไง ผมเข้าใจนะครับไม่ได้รู้เฉยๆ

    ขออภัยผมเพิ่งจะอ่านโดยละเอียดว่า คุณเล่าปังบอกให้หยุดและรู้เฉยๆหน่ะครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2012
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เนี่ยะ คุณฟังธรรมมาผิด

    อีกทั้ง ฟังธรรมที่ ธรรมเขาแสดงภายในจิตคุณ คุณก็ยังฟังผิด

    หากฟังถูก คุณจะไม่กล่าวแยก สมถะ กับ วิปัสสนา แล้ว

    หากยังแยกอยู่ ก็แปลว่า สะสมการฟังธรรมมาผิดๆ หรือ อาจจะหมายๆ
    อะไรไว้สักอย่างหนึ่ง เพื่อฉ้อฉลต่อพระพุทธองค์ เพื่อความไม่ศรัทธา
    ต่อพระพุทธองค์ เพื่อยกตนให้เหนือกว่า จึงทำให้กลายเป็น
    จ้าวทิฏฐิ( นักสมถะ นักจินตนาการตัวพ่อ )

    น่าเสียดายนะ

    ทั้งๆที่ สบช่องเห็นธรรม สบช่องในการเฝ้นธรรม เพื่อเอามาวิปัสสนา
    ไปอย่างไม่มีชื่อเรียก พ้นวิตกวิจารได้ แต่กลับไป ถือการฟังธรรมผิด
    หรือไม่ก็คิด กบฏ ก็เลยแล่นไปสู่การทำ แทนที่จะเห็น การไม่ทำ

    พอคลาดการภาวนา ไม่ทำ ( แต่ ประกอบธรรมอยู่อย่างหัวหกก้นควิด )
    ก็เลยคลาดธรรมไปหมด เลยจุดพอดี จุดพอเพียง

    หากเห็น จุดพอเพียง จุดพอดีได้นะ จะไม่สนหรอกว่า ต้องทั้งวันหรือไม่ทั้งวัน
    ต้องดี หรือไม่ดี ทุกอย่างมันเป็นธรรมที่ฟังได้หมด จึงไม่มี กาล ไม่มีว่างเว้น เด็ด
    ขาดหากฟังธรรมได้พอเพียง พอดี เป็น

    กุศลาธรรมมา

    อกุศลาธรรมมา

    อัพพยากตาธรรมมา

    สามบรรทัดนี้ แทนที่จะเห็นได้เร็ว ก็นู้นไปนู้น ไปเอาศาสดาอื่นมาแทน ไม่มีวันเข็ด

    ระวังเป็น มิจฉัตาทิฏฐิ มิจฉาทิฏฐิอนันตกาลนะ เตือนไว้ก่อน แบบ หนูหล่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2012
  3. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ผู้ที่มีของเก่าด้านกำลังสมถะมาก่อน ก็แบบนี้แหละครับ มันจะไปทำทางนั้นเรื่อย เพราะมันติด มันชอบ มันเคยทางนั้นอยู่

    แต่การมีตัว ติด ชอบ เคย แบบนั้น เมื่อตอนมันทำงานอยู่ มันจะบังไม่ให้เห็นวิปัสสนาตามจริงนะครับ คือ มันจะดึงให้เกิดการภาวนาของจิต ทำให้จิตเคลื่อนจากฐานความเป็นกลาง ของการมีสติรู้รอบ เพื่อวิปัสสนา ในข้อนี้ การติดในการภาวนาทุกอย่าง แม้กระทั่งอารมณ์ของการที่จิตพยายามเข้าไปยึดความว่าง ถ้าเราไม่เห็นตัวนี้เป็นการทำงานของจิต ของขันธ์ แต่เราเห็นมันเป็นความต้องการของตัวเราเอง ว่ายังมีตัวเรา ชื่นชอบในความว่างอยู่ ยังเป็นตัวเรา มีความปรารถนาแม้เล็กน้อยอยู่ อันนั้นเคลื่อนจากฐานความเป็นกลางทันที

    พยายามต่อไปเรื่อยๆ ครับ ใช้เจริญสติให้มากเข้าไว้ การต่อสู้นี้ คุณไม่ได้สู้กับอะไรเลย แต่สู้กับอนุสัยของการชอบการภาวนา ที่เคยสะสมไว้ตั้งแต่อดีตชาติ สู้กับสิ่งที่ตัวเองเคยสะสมไว้นั่นแหละ ยิ่งมีเยอะ สะสมไว้เยอะ ก็ดิ้นกันเหนื่อย กว่าจะมาเจอจุดกลาง เพราะมันจะคอยดึงคุณทุกครั้งที่มีโอกาส ลองสังเกตดูว่า บางครั้ง ก็รู้สึกเหมือน หาจุดนี้ไม่เจอสักที เหมือนตึงไปบ้าง หย่อนไปบ้าง ไม่ตรงเป้า บางทีก็อาจจะเหมือนฟลุ๊คๆ ได้เจอแว้บๆ แล้วก็พลาดไปอีก ก็ต้องเจริญสติ ปรับให้เสมอกับสมาธิ ไปเรื่อยๆ จนตรงศูนย์ได้ครับ

    ป.ล. จุดที่ท่าน ธรรม-ชาติ กล่าวถึง เรื่อง การรบกวนของจิต เรื่อยๆ อันนั้นสำคัญนะครับ ดูแบบกลางๆ ไปเรื่อยๆ หากเห็นการรบกวนตัวนี้บ่อยๆ มันจะนำจิตไปสู่การเปลี่ยนแปลงสำคัญ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2012
  4. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ขออภัย ผมอาจจะเข้าใจความหมายผิดไป และขอโทษด้วยครับ

    เอาเป็นว่า ผมมักจะเน้นการทำสมาธิให้สูงอย่างเดียวหน่ะครับ ส่วนเรื่องการทำให้เกิดปัญญานั้น ผมมักจะไม่ค่อยทำ หรือการหยุดรู้เพียงอย่างเดียว แต่ผมมักจะทำไปเรื่อยๆและทำบ่อยๆหน่ะครับ เพราะพอทำไปบ่อยๆ มันจะรู้เองว่าอารมณ์ไหนจะเกิดอะไร จะมีนิมิตเกิดในอารมณ์แบบไหน จะปรับอุณหภูมิในตัวเองเมื่อหนาวหรือร้อน เมื่อมีสภาวะจิตหรืออารมณ์แบบไหน

    ตรงนี้ถือเป็นวิสัยที่ไม่ดีของผมเองที่ชอบหรือสนใจในความมหัศจรรย์ของสมาธิมากกว่าที่จะเรียนรู้ธรรม และผมเองก็กำลังพยายามปรับนิสัยตรงนี้อยู่ครับ ก็คงจะต้องใช้เวลาต่อไปอีก ก็ไม่รู้ว่าจะเท่าไหร่หน่ะครับ ค่อยๆปรับปรุงให้ถูกทางไปเรื่อยๆครับ

    ขอบคุณที่แนะนำสั่งสอนครับ คุณ อินทรบุตร ด้วยนะครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2012
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ข้างต้นนั้น ภาษาคนถ่อยๆ แบบผมอะนะ ทนได้ก็ฟังเอา

    แต่อันนี้ จะพยายามเอา ภาษาพระ เมื่อคืนไปสดับเทศนามา เห็นว่า
    เหมาะแก่การเอามากล่าว ณ จุดนี้เหมือนกัน จะลองเขียนดีๆ ดูเนาะ

    แต่....


    ****************

    สันตติ

    หากนักภาวนา ปฏิบัติไปแล้ว เกิดความเห็นว่ามี ตัวเวลา ปรากฏอยู่ เช่น
    วันนี้ทำได้สามชั่วโมง ตะกี้อะไรนะ พรุ่งนี้จะทำใหม่ไปผลิกตรงนั้นตรงนี้

    อันนี้ คือ การปรากฏของ เวลา ซึ่งเป็น อาการของจิตอย่างหนึ่ง เป็นเจตสิกก็เรียก

    หาก เวลา ปรากฏ ก็แปลความได้อย่างเดียว คือ นักภาวนายัง แยกธาตุ แยกขันธ์
    ไม่ขาดออกจากจิต

    หากนักภาวนา ไม่แยกธาตุ แยกขันธ์ ให้สันนตติมันแตก มันกระจายตัว ภาวนาเท่าไหร่
    ก็ เสร็จมันหมด โดนอุปทานกินหมด ล่มจมหมด ไม่มีวันได้เห็นธรรม
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    นี่ๆ เห็นไหม เขาเรียกว่า อาการสำคัญตัว

    จริงๆ เวลาเราสนทนากัน คุณอย่าไปคิดว่า เรามาห้าม หรือ มาดึง เพื่อ
    ให้เปลี่ยนกรรมฐานที่คุณทำอยู่

    หากเป็นนักปฏิบัติจริง เขาจะพึงรู้กันว่า เราไม่ได้มากล่าวเพื่อให้แต่ละคน
    เปลี่ยนกรรมฐานของตน

    นักปฏิบัติจริงๆ เขาจะแค่ มาหยอดมุมมอง มุมเบรค มุมสังเกต มุมเพียรเพ่ง
    บางอย่างเท่านั้น เห็นได้ก็เห็น เห็นไม่ได้เขาก็ไม่เอามา สำคัญตัว มันจะ
    โดนมานะสังโยชน์ตลบหลัง

    ดังนั้น

    ไม่ต้องออกตัวว่า ผมจะทำอย่างนั้น อย่างนี้ เรารู้กันอยู่แล้ว เขาไม่ห้ามกัน
    หรอก

    แต่...................


    ก็นะ....................................


    มันส์จะตาย การภาวนา
     
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    แหม ขอธรรมะจาก พระ อีกสักดอก อันนี้ ของหลวงตามหาบัว อ้างได้
    เพราะท่านมรณะภาพไปแล้ว ท่านแสดงธรรมสุดยอดให้เห็นเป็นพยานไว้แล้ว
    เลยอ้างได้มากกว่า เคสตะกี้

    ปัญญา

    ปัญญา นี่เราก็ไม่ได้ ภาวนาเพื่อปัญญานะ ตรงนี้เป็นพุทธวัจนะ

    ส่วนหลวงตา หลวงตาท่านก็พูดครั้งหนึ่งว่า ปัญญา มันก็ไม่เที่ยง
    ไม่ใช่ของเราๆ สำเร็จแล้วก็ไม่ได้มีอยู่

    วันไหนจำเป็นต้องใช้ มันก็ค่อยระลึกขึ้นมาได้ วันไหนต้องใช้มาก
    มันก็ระลึกได้มาก วันไหนมันไม่มีเหตุต้องใช้ก็ไม่มีปัญญาเลย ไม่
    ต้องนำขึ้นมา

    อะไรทำนองนี้

    หากชอบบแบบสำนวนหลวงตา เดี๋ยว รอแฟนคลับมาด่าผม แล้ว เขา
    แสดงให้ดูซ้ำ ก็ว่ากันไป

    แต่ที่อยากให้สังเกตุ อย่า นึกว่า เราภาวนาเพื่อจะมีอะไร นะคร้าบ
    เอา อุปทานแสวงหาการหลุดพ้น ไม่มีหรอกนะ ไม่มีทางเจอ
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    อันนี้ แพ้ทริกจัดให้


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2012
  9. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    สาธุๆๆๆ เห็นการฟุ้งซ่านชัดเจนแล้ว ผมว่าไม่นานหรอกครับ เป็นกำลังใจให้ครับ ทำไปเรื่อยๆ เพิ่มสติเข้าไปเรื่อยๆ ในชีวิตประจำวันให้เยอะๆ ครับ ปรับอินทรีย์สักพัก มันก็จะเดินตามทางของมันไปเองครับ หวังว่าจะได้ข่าว update อะไรดีๆ เร็วๆ นี่ครับผม
     
  10. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    คนจำนวนมาก มักเคยได้ยินคำว่า อย่าไปทำวิปัสสนานะ ( กรรมฐานที่มีเฉพาะในพุทธ
    ศาสนา) หากไปสมาทานวิปัสสนาแล้ว จะเป็นอันตราย !!

    เราจะได้รับการกรอกหู ให้เชื่อ อยู่แบบนี้

    อันตราย ที่เขาหมาย และชี้ พร้อมทั้ง ขย้ำ ขยี้ ฟัดแล้วฟัดอีก ก็คือ

    อันตราย ต่อ ลาภ คือ "ความรู้ยิ่ง" อันที่เขาเรียกว่า ฤทธิ์ แต่อาจจะแฝง
    ด้วยคำว่า อภิญญา แต่โดยนัยปฏิบัติคือ เขาหมายถึง ฤทธิ์

    เรียกว่า เราถูกปลูกฝังให้เห็น พระพุทธองค์เป็นศัตรู ผู้มุ่งขัดลาภ(ฤทธิ์)

    แต่ถ้าเรา ไม่โง่ มีความฉลาด มีปฏิภาณ ไม่เอาแต่ กำไรแสนกัปแบบโง่ๆ
    ก็จะ เอ.....มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ กรรมฐานของพระพุทธองค์จะเป็น
    อันตรายต่อนักปฏิบัติ

    ตรงกันข้าม มีแต่จะทำให้ ได้ฤทธิ์สุดยอด ต่างหากหละ

    เว้นแต่ ศรัทธามันจะเสีย ไปเห็น สมเด็จองค์มัธยมอื่นๆ ว่าดีเลิศกว่า ไปแล้ว

    ก็จะไม่แปลกเลยที่จะ เข้าใจผิดเห็นวิปัสสนาเป็น ธรรมที่ปรากฏเมื่อไหร่ก็จะ
    เป็นว่าขัดลาภ กำจัดความรู้ บรรดามี
     
  11. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ไม่เคยได้ยินใครบอกห้าม ว่าอย่าสมาทานวิปัสสนา มาก่อนเลยครับท่านเล่าปัง

    แต่เห็นว่า สำหรับชาวพุทธปกติทั่วไป กว่าจะฝ่าด่านแต่ละชั้น จนมาถึงวิปัสสนาจริงๆ ได้ นี่... สาหัส!!!
     
  12. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    อินทรบุตรท่าทางจะเก่งนะ ?
     
  13. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    เจ้าของกระทู้ ไปพิจารณาให้ดีที่ปฏิบัติอยู่เป็นการกำหนดความคิด หรือกำหนดจิต ที่ท่านปฏิบัติอยู่ยังไม่ถึงจิตเลย ไปอยู่แค่ความคิด

    จิตกับความคิดเป็นอย่างไร ถ้าไม่เข้าใจลองหาคำสอนที่ผู้อธิบายเคยอธิบายไว้ในเว็บนี้เผื่อการปฏิบัติท่านจะดีขึ้น ถ้าให้สอนตอนนี้จะง่ายไปเดี๋ยวจะไม่จำ ไปหาเองจะได้จำได้ขึ้นใจ
     
  14. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    คำตอบสุดท้ายของวันอาทิตย์


    ธรรมแท้ ๆไม่ต้องกล่าวให้มากไป
    จขกท. พิจารณาธรรม จนมาเห็น ความเป็นดวง เป็นขอบ เป็นจุด เล็กเท่าปลายเข็มได้แล้ว
    ทำไมไม่กำหนดให้จุดเล็ก ๆเท่าปลายเข็มสลายไปเสียเล่า
    มัวเสียเวลาวิ่งไล่คว้าเงาของจิตตนทำไม บรรดาปวงปราชญ์บัณฑิตแท้ๆในทางธรรมะ
    เห็นตรงกันทั้งหมด จิตนี้ไม่มีตัวตน จะป่วยการไปใยกับการกล่าว ธรรมะที่ปรุงแต่งได้
    กับ ธรรมะที่ปรุงแต่งไม่ได้ ล้วนเป็นความว่างเปล่า.
     
  15. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    เสริมเล็กน้อย

    ถ้าจะสลายปลายเข็มไปเสีย ก็นับว่าไม่จำเป็นต้องเสียเวลามากระทำแบบนี้ตั้งแต่ตอนต้น เป็นการตัดทาง ลัดทาง มุ่งเข้าหาเป้าหมายแบบเร่งรัด

    เหนือกว่าทุกสิ่ง ใดๆในโลก ล้วนข้องแวะอยู่กับรูป รูปเป็นอนิจจัง รูปเป็นทุกขัง และท้ายที่สุด รูปเป็นอนัตตา หากไม่สนใจในรูป หนทางที่มุ่งหวัง กล่าวกันว่า ไม่ไกลเกินไขว่คว้า

    เมื่อยังอาศัยอยู่ในโลก แต่พึงทำตนให้อยู่เหนือโลกเสียแล้ว

    ด้วยอาศัย อาสวักขยญาณ เป็นเครื่องอยู่เฉพาะตน
     
  16. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    เส้นทางสายธรรมยุติ & สายสร้างบุญบารมีสายป้องกันแก้ไขภัยพิบัติ

    ขออนุญาตครับ

    เส้นทางสายธรรมยุติ & สายสร้างบุญบารมีสายป้องกันแก้ไขภัยพิบัติ

    ดูเอาเอง ฟังเอาเอง อ่านเอาเอง ศึกษาเอาเอง

    ท่านอยู่ตรงไหน?
    ท่านกำลังทำอะไรอยู่?
    ท่านกำลังจะไปไหน?
    ท่านจะไปอย่างไร?


    การแสดงธรรม ที่ละเอียดที่สุด ขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโน
    "การปฏิบัติตั้งแต่เริ่มต้นจนเข้าถึงพระนิพพาน"
    ต่อพระธรรมยุติ นับ หมื่นรูป ที่วัดอโศการาม สมุทปราการ

    https://www.youtube.com/watch?v=x6mskfoqjNo&feature=channel&list=UL

    "จิตที่พ้นจากทุกข์" โดยคุณลุงหวีดบัวเผื่อน
    จิตที่พ้นทุกข์

    มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ตอนเรื่องงานกฐินสามัคคี 24-25 พฤศจิกายน 2555
    http://palungjit.org/posts/6974498

    ขอโมทนาบุญ
    ขออนุโมทนาบุญ
    ลุงมหา
     
  17. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ผมขอขอบคุณในคำแนะนำของทุกท่านครับ

    ผมเพิ่งเจอสภาวะใหม่มาครับ อยากถามครับ

    มันจะเป็นคล้ายๆกับว่าจุดที่เรากำหนดอยู่นั้นคือเรา (ไม่ได้กำหนดตั้งจิตไว้ที่กาย แต่ตั้งไว้ลอยๆ) แล้วผมก็ไม่ได้เพ่งจิตหรือบีบเค้นจิต แต่ปล่อยรู้ตามสบายเมื่อเจอสภาวะใหม่นี้ผมจึงรักษาสภาวะไว้

    ก็มีความรู้สึกว่า จุดที่เรากำหนดนี้คือเรา เหมือนเราอยู่นิ่งเฉยๆ แล้วก็รู้สึกถึงสิ่งต่างๆที่อยู่แวดล้อม เช่น เสียงต่างๆ อาการทางกายต่างๆ (เช่นการหายใจ) เป็นสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา แล้วก็มีอาการเหมือนกับทุกสิ่งนั้นเคลื่อนไหวเร็วมากขึ้น ดูวุ่นวายมากขึ้น แต่เรานิ่งเฉยอยู่เหมือนเดิม ความรู้สึกน่าจะคล้ายกับเรานั่งนิ่งเฉยๆอยู่กลางถนน แล้วมีรถราวิ่งไปมา ผู้คนพลุกพล่าน ประมาณนั้นหน่ะครับ แต่ผมครองอารมณ์นี้ได้แค่สักพัก ก็เกิดอาการตัวเกร็งสั่น แล้วลักษณะของจิตเหมือนจะเป็นอะไรสักอย่าง มันมีอาการแรงขึ้นจนผมหลุดออกมาอีกแล้ว แต่หลังจากที่หลุดชั่วแวบเดียวนั้นความรู้สึกทุกอย่าง หรือจะเรียกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันหายไปหมด ไม่มีอะไรเลย (แค่แวบเดียวเท่านั้น)

    และหลังจากที่หลุดออกมา ผมมีความสงบและมีกำลังจิตดีมากครับ
    มันเป็นสภาวะที่ต่างจากตอนเข้าฌาณหน่ะครับ

    แบบนี้คือสภาวะอะไรครับ

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2012
  18. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    ผมเพิ่งเจอสภาวะใหม่มาครับ อยากถามครับ

    มันจะเป็นคล้ายๆกับว่าจุดที่เรากำหนดอยู่นั้นคือเรา (ไม่ได้กำหนดตั้งจิตไว้ที่กาย แต่ตั้งไว้ลอยๆ) แล้วผมก็ไม่ได้เพ่งจิตหรือบีบเค้นจิต แต่ปล่อยรู้ตามสบายเมื่อเจอสภาวะใหม่นี้ผมจึงรักษาสภาวะไว้

    +++ เราตัวนั้น ยังเป็น เราที่ถูกรู้ ใช่ไหมครับ แล้วใครละครับที่กำลังรู้ตัวจริง ๆ หนะ

    ก็มีความรู้สึกว่า จุดที่เรากำหนดนี้คือเรา เหมือนเราอยู่นิ่งเฉยๆ แล้วก็รู้สึกถึงสิ่งต่างๆที่อยู่แวดล้อม เช่น เสียงต่างๆ อาการทางกายต่างๆ (เช่นการหายใจ) เป็นสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา

    +++ ถูกแล้วครับ ทุก ๆ อย่างที่กล่าวมาถูกทั้งหมด ยกเว้นจุดเดียวคือ เราที่ถูกรู้นั้น ยังเป็นเราตัวปลอมอยู่ครับ

    แล้วก็มีอาการเหมือนกับทุกสิ่งนั้นเคลื่อนไหวเร็วมากขึ้น ดูวุ่นวายมากขึ้น แต่เรานิ่งเฉยอยู่เหมือนเดิม ความรู้สึกน่าจะคล้ายกับเรานั่งนิ่งเฉยๆอยู่กลางถนน แล้วมีรถราวิ่งไปมา ผู้คนพลุกพล่าน ประมาณนั้นหน่ะครับ

    +++ สรรพสิ่งถูกรู้ มีแต่เราตัวจริงรู้อยู่ ยินดีด้วยนะครับ อย่างน้อย เราตัวจริงเริ่มโผล่ออกมาดูสภาวะธรรมกับเขาบ้างแล้ว

    แต่ผมครองอารมณ์นี้ได้แค่สักพัก ก็เกิดอาการตัวเกร็งสั่น แล้วลักษณะของจิตเหมือนจะเป็นอะไรสักอย่าง มันมีอาการแรงขึ้นจนผมหลุดออกมาอีกแล้ว แต่หลังจากที่หลุดชั่วแวบเดียวนั้นความรู้สึกทุกอย่าง หรือจะเรียกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันหายไปหมด ไม่มีอะไรเลย (แค่แวบเดียวเท่านั้น)

    +++ "ดับจิต" เป็นคำศัพท์ที่ถูกต้องที่สุดในกรณีนี้ แต่ไม่ได้ดับ "สภาวะรู้" "สังขารทั้งหลายถูกดับ เหลือแต่ วิสังขารเท่านั้น"

    +++ ทุกอย่างหายหมด ยกเว้นอย่างเดียวที่หายไปไม่ได้ นั่นก็คือ เรา ที่ไม่สนใจความเป็นเรา และกำลังรู้อยู่ถูกไหมครับ อาการนี้แหละที่ผมใช้คำศัพท์ว่า "สภาวะรู้" เพราะมันไม่มีตัวให้ถูกรู้เหลืออยู่เลย และ "สภาวะรู้" นี้ก็ไม่เคยแสดงอาการที่จะเป็น "ตัวเรา" เลยสักนิดเดียว

    +++ "สภาวะรู้" นี้คือ อสังขตธรรม ที่ไม่เคยเสแสร้งแสดงความเป็น "ตัวกู" "ผู้รู้มากยากนาน" "ไม่เคยตาม ดู หรือ รู้ แม้กระทั่งจิตตน" "เป็นสภาวะรู้ที่ไร้กิริยาทั้งมวล" เพียงแต่ว่า "ไม่มีอะไรที่ไม่ถูกรู้ จากสภาวะรู้นี้"

    และหลังจากที่หลุดออกมา ผมมีความสงบและมีกำลังจิตดีมากครับ
    มันเป็นสภาวะที่ต่างจากตอนเข้าฌาณหน่ะครับ

    +++ แน่นอนครับ มันเหนือกว่า ฌาณ (ชาน) ทุกชนิด เพราะมันเป็น ญาณ (ยาน แปลว่ารู้) ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "ตาสติ"
    +++ ให้อยู่กับสภาวะนี้จนเป็น "นิสัย" แล้วจะรู้ได้เองว่าอะไรคือ ญาณทัศศนะวิสุทธิ หลังจากนี้แล้ว คุณย่อมรู้ได้เองว่า อะไรเป็น มรรคปฏิบัติที่ถูกต้อง และเป็นหนทางไปสำหรับคุณ

    แบบนี้คือสภาวะอะไรครับ

    +++ สภาวะที่ไม่มีการเกิด ไม่มีการดับ แต่อาจถูกบดบังได้ถ้ายังไม่ได้นิสัย +++
    +++ ทราบทางเดินแล้วนะครับ ต่อจากนี้ไป คุณสามารถบัญญัติวิถีการฝึกส่วนตัวได้ด้วยตัวคุณเองแล้ว +++
     
  19. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    การบีบนิมิตจิตนั้นเบื้องต้นเป็นการพยายามดับรูปเข้าสู่อรูป
    มันต้องผ่านหลายอย่างก่อนอย่างเร่งจนเกินไป


    ถ้าเอาละเอียดสุดๆอีกขั้นเป็นการพยายามดับจิต เบื้องต้นผู้ปฏิบัติจะเห็นแต่จิตฝ่ายเกิด
    การพยายามดับมันจึงทำให้จิตต่อสู้อย่างเต็มกำลัง

    ผู้ปฏิบัติพึงพิจารณาดูเอาว่าตนอยู่ลำดับใด


    สาธุ
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เป็นโมหะ สมาธิอย่างหนึ่ง มันก็เป็น ลูกหลานของการกลั้นลมหายใจ
    จนจวนเจียนตาย มันตัวเดียวกัน ต่างกันตรงที่ อันก่อนนั้น เหมือนมี
    สิ่งภายนอกบอกบท แต่อันนี้ เป็นวิบากจิตที่ทำไว้เองแล้วมันสะท้อน
    ออกมาเป็นผลกรรมของการหลงผิด ซึ่งแน่นอนว่า ดอกผลของมันย่อม
    ร้ายกาจกว่าเดิม

    จริงๆ สมาธิแบบนี้ไม่ได้ยากอะไร คนในสภาเมืองไทย ใช้กันเกร่อ ใคร
    อะไรก็ตามภายนอกเคลื่อนไหวหมด ผิดหมด มีแต่ สิ่งที่ยกหางเอาไว้ว่า
    นั่นเรา ถูกแต่เพียงผู้เดียว

    แล้วมันก็ไม่ต่างกันกับ อารมณ์จิต เวลาคุณกล่าว ขอบคุณทุกความเห็นครับ

    แต่ภายในจิตไม่ได้น้อม หรือ เข้าใจ ประโยชน์ หรือ เข้าใจโทษ ที่ได้รับเลย

    พฤติกรรมนี้เรียกคะแนนได้นะ เวลาเดินไปในตลาด จะกราบพ่อแม่พี่น้องได้
    ขอบคุณพ่อค้าแม่ค้าได้หมด เรียกคะแนนได้ เพราะทำตัวให้หนักเหมือน
    แผ่นดิน

    มันจะคล้าย ปัญญาเหมือนแผ่นดิน

    แต่ กามตัณหาเนี่ยะ ท่านก็อุปมาเหมือนแผ่นดินเหมือนกัน

    เอ.......คราวหน้าจะมีอะไรแปลกๆ อีกไหม ........ ทายเล่นๆ ดีกว่า

    อ้อ พินาได้และ ....... ดูตัวนี้เลย หัวใจถูกบีบ มันจะมารู้อยู่กลางอก
    คล้ายๆกับที่พระท่านว่า หากน้อมมาพิจารณากลางอก จะเป็นกรรมฐาน
    ที่ใช้ละอาสวะถึงพระนิพพาน แต่ อันนี้ มันจะน้อมมากลางอกเหมือน
    กัน แต่มันบีบหัวใจ หากกระทำบ่อยๆ สังเกตแขนขามันจะหมดเรี่ยวแรง
    ( ซึ่ง หากเอาไปเปรียบเทียบอีก ก็จะ สำคัญว่า กำลังขึ้นฌาณ4 ) แต่
    จริงๆ แล้วมันบีบหัวใจให้หมดเรี่ยวแรง เกิดความกระวนกระวายเร่งรัด
    ยิ่งภาวนา หน้าตาจะยิ่งคล้ำ จิตไม่สว่าง ( หากภาวนาแบบเปรียบเทียบ
    อีกก็จะคิดว่า จิตกำลังจะรวม มันกำลังจะถอนออกจากภพ ) พอน้อม
    ตามมันนะ วูบ!! วูบในช่วงนั่งทำกรรมฐานก็ไม่มีอะไรมากกว่า หันซ้านหัวขวา
    แต่ถ้า วูบขณะเดิน วูบกลางอากาศ รู้ตัวอีกที ตัวสูงใหญ่กว่าตึก10ชั้นไปแล้ว

    [ หากไปสังเกตตอนที่ตัวสูงใหญ่ไปแล้ว อาจจะทวนได้นิดหน่อย ว่า เอ้ยมัน
    วูบนานกว่าที่เขาวูบกัน ของจริงเข้า ไม่กี่ขณะจิตก็กลับคืนสู่ปรกติ แต่ถ้า
    วูบของปลอมนี่มันเน่นนานกว่า 2 3 ขณะจิต เสมอ ....... ตรงนี้ ให้สังเกต
    ตรงที่คุณเรียกว่า กำลังจิตดี นั่นแหละ มันแปรผันตามกัน เพราะมันเป็น วิบาก
    ตัวเดียวกัน ]

    ว่าแต่ว่า จะภาวนาเห็นไปตามนี้ จริงๆ หรือ

    หนทางที่ ใช่ มันก็มีอยู่ดาษดื่น พระพุทธองค์บรรยายวิธีที่สะอาด ปรศจาก
    ความประมาทไว้เอนกอนันต์ ไม่สนใจบ้างเหรอ ไม่ศรัทธาบ้างเลยเหรอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...