อยู่อย่างเบิกบานด้วยตนเอง

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 14 มกราคม 2019.

  1. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    สวัสดีครับท่านธรรม-ชาติ ขอบคุณที่เมตตาตอบครับ
    ครับผมพอเข้าใจละครับตัวดู กลายมาเป็นสภาวะรู้
    ก่อนหน้านี้ รู้อยู่ส่วนรู้ รู้สึกอยู่ส่วนรู้สึก หลังทำเปอร์เซ็น เหมือนรู้กับรู้สึกจะเป็นเนื้อเดียวกันมากขึ้น แบบภาษาผมคือตัวกูเข้าใจธรรมชาติ ไม่ยึดธรรมชาติ เหมือน เรา +รู้ +รู้สึกทำงานไปพร้อมๆกันครับ
    ครับผม
    ขอพื้นฐานแน่นๆก่อนดีกว่าครับไม่อยากไปหกล้มกลางทาง เดี๋ยวงง
    อ่าครับผม ผมคิดเหมือนเหมือนที่ท่านกล่าวเลยครับ ให้รู้ +รู้สึก เป็นเนื้อเดียวกันตลอดเวลา แต่ตัวกูมีหมดแรงด้วยเหรอครับอยู่ดีๆก็หายไปซะงั้น ต้องเร่งกลับมาใหม่แถมไม่ค่อยจะยอมออกมาด้วยครับ
    เข้าใจละ ที่ผมทำตอนนั่งสมาธิ มันเกิน 100 เปอร์เซ็นแน่นอนครับทำจนกายเวทนาเกร็งจ๋าเลยมันถึงอุ่น แล้วก็ไม่เห็นมีสุขอะไรเลยครับผ้าห่มไฟฟ้า (ผมว่าอาการสุขมันก็คือการคลายตัวของตัวกูหรือเปล่าครับ(ชงเองกินเอง หลงสิ่งที่ตัวเองทำซะงั้น))ซักพักก็จะ ล้าๆที่กายเวทนาครับหลังจากที่เร่งไปเยอะๆ
    สำหรับผมมองว่าขั้นตอนนี้สำคัญมากๆครับ จะพยายามทำให้ได้เท่าที่จะทำได้ครับผม
    แถมตอนจะแก้ไขมันบังผมซะมิดไม่รู้ตัวเลยครับ ลบท่อนที่มันอวดเก่งออกไปละท่าทางจะอาย(ตอนกำลังพิมผมเห็นมันหายตัวไปผมก็หา สงสัยตอนนั้นละมันแว้บมาลบไป มีซ่อนแอบอีก ผมตายไปไม่มีคนช่วยจะรู้สึก 555)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2019
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ มันเป็นการเปลี่ยนจาก "ตัวดู มาเป็น สภาวะรู้ โดยไร้การระลึก"
    +++ ท่อนนี้เป็น "ตัวดู ลดความเข้มข้น จน หายไปเอง (เลือนหายไป)"
    +++ ส่วน "สภาวะรู้" ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่มีอะไร เปลี่ยน
    +++ อาการจริง มันเป็นอย่างที่ผมโพสท์ มานี้แหละ
    +++ หาก "ต้องการของเล่น" ต้องทำจน "ตัวกู+รู้สึก+รู้ และเป็น เนื้อเดียวกัน"
    +++ จน "มีความรู้สึก เป็น กาย" เป็น "กายเวทนา เป็น กายแห่ง สัมปชัญญะ"
    +++ และในที่สุด "เป็น กายแห่งสัมโภชฌงค์" จากนั้นจึง "เดินสัมโภชฌงค์ ด้วยกาย"
    +++ จากนั้นจะถึง "อาการ เดินจิต = เดินกาย" และนัยยะกลับกัน "เดินกาย = เดินจิต"
    +++ และในยามที่จะ "ย้ายกาย/ย้ายจิต" จะรู้ได้ทันทีว่า มันมีอาการประดุจ
    +++ "บุรุษที่คู้แขนเข้า แล้ว เหยียดออกด้วยกำลัง" จนกว่าอาการนี้จะเกิด จึงจะรู้ได้เอง
    +++ ตรงนี้ เป็น อาการเบื้องต้น ของอาการ "ตัวกู/อัตตา เกิด/ดับ"
    +++ แต่ไม่ว่าอย่างไร "เราก็ รู้ อยู่ดี"
    +++ สภาวะรู้ นี้ กลับไม่มีอาการ "เกิด/ดับ"
    +++ ตรงนี้ "ชัดเจน" แล้วนะว่า "เหนือเกิด/ดับ มี ไม่เกิด/ดับ"
    +++ ตรงนี้ "ให้ปล่อยไว้เฉย ๆ สังเกตุว่า มันเกิดได้ อย่างไร" เท่านั้นพอ
    +++ ยังไม่ใช่ อาการ "กาย 100" คือ เร่งได้เต็มที่ "สุดขีด" แล้ว ไม่สามารถไปเกินนั้นได้อีก
    +++ จากนั้น "แช่อาการ (ภาษาคือ ตั้งมั่น)" ไว้เฉย ๆ แล้วจะ "รู้" ว่ามัน "แปรสภาพ" ไปเอง
    +++ ยังไม่ถึง สุข แต่ถ้า "แช่ความอุ่น (ตั้งแช่อยู่)" มันจะพัฒนาไปเป็น "สุข" ได้เอง
    +++ แต่ ตรงนี้ "อย่าเพิ่งทำ" ถ้ามัน "ติดใจ" ตรงนี้เมื่อไรก็จะ "ไปต่อยาก"
    +++ อาการคลายคัวของ "ตัวกู" จะเป็น "อาการเบา" หากเกิด "ชอบ" ตรงนี้ ถึงจะเป็น "สุข"
    +++ หาก "ติดสุข" มันจะ "วนเวียน" อยู่แค่นั้น ปัญญาในการเดินจิต จะหยุดการพัฒนา
    +++ อาการ "หา" นั่นแหละ "ตัวดู มีอาการเป็น จุด ๆ หย่อม ๆ ในระดับ เจโต"
    +++ หาก หาต่อไปอีกนิด "อาการปรุง/มโน" จะตามมา หาเหตุ/ผล มั่วไปหมด

    +++ ณ ระดับการฝึกนี้ ให้ทำ "วสี 5" หากทำได้แล้ว ให้ทำต่อ ดังนี้

    +++ 1. กำหนด กายเวทนา/สัมปชัญญะ แล้ว "ปล่อยให้เกิด"
    +++ 2. กำหนด กายเวทนา/สัมปชัญญะ แล้ว "ไม่ตาม/ไม่ปล่อย ให้เกิด"

    +++ 3. กำหนด วสี 5 แล้ว "ปล่อยให้เกิด สลับกับ ไม่ให้มันเกิดอาการ ตามมา"

    +++ ตรงนี้จะ "เป็นการเรียนรู้" กรรม/วิบาก (การกำหนดมโนกรรม/ผลลัพธ์)
    +++ รวมทั้งการ "ทิ้งวิบาก" ในระดับเริ่มต้น (ไม่ปล่อยให้ผลแห่งกรรมเกิด (ตัดกรรม))

    +++ ทุกอย่าง "มีอยู่แล้ว ในตน" ให้ปฏิบัติจนกว่า "ตนจะพ้นภัย" เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ นะครับ
     
  3. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    สวัสดีครับท่านธรรม-ชาติ
    ครับผม เป็นอย่างนี้เลยครับรู้สึกแบบที่ท่านบอกเลยครับ
    อาการคล้ายแบบนี้หรือเปล่าครับ ถ้าเราขยับส่วนแขนของกายเวทนาขึ้นบน ส่วนแขนของกายหยาบที่วางอยู่ก็ไม่สามารถขยับได้ครับ
    อ่าเหรอครับผมนึกว่าโดนตัวกูแกล้งซะแล้ว
    วันนี้ลองทำติดต่อกันประมาณ 10 โมงเช้า ถึง3 โมงเย็นครับครับ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแผ่นแข็งๆ วาวๆ ลื่นๆทั้งตัวเลยครับ ผมยังคิดว่ามันไม่สวยเลยทำไมไม่ทำให้เป็นแบบกล้ามเนื้อ ปรุงอีกแล้วครับ
    พอตกค่ำๆ เหมือนตัวกูมันค้างๆหรือยึดกายหยาบมั่งครับทำให้หายใจอึดอัดนิดหน่อยประมาณ 1-2 ชม. ผมก็เลยกลับมารู้กายธรรมดาเพื่อให้ผ่อนคลาย แต่ตอนนี้พอรู้กายหยาบโดยหายใจนำซัก2-3ครั้ง กายสัมปชัญญะก็มาเองครับไม่ได้บังคับอะไร
    ครับผมจะรับไปปฏิบัติครับท่านธรรมชาติ ขอบคุณครับ
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เลิกที่จะตั้งเป้าหมายในการใช้ตัวเราไปเอาความ
    ว่างความไม่ยึด
    เพราะจะเป็นการไปยึด""เพื่อตัวเรา"" ฮับ
     
  5. Fallenz

    Fallenz ○~พบแล้ว เจอแล้ว เสวนาแล้ว ที่เหลือแล้วแต่วาสนา~●

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +733
    เฉยๆ รู้ก็ช่าง ไม่รู้ก็ช่างไปเนอะ
     
  6. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    (เมื่อสติเกิด)
    กำลังรู้ก็รู้ว่ากำลังรู้
    กำลังไม่รู้ก็รู้ว่ากำลังไม่รู้
    ถ้าสติไม่เกิดก็ปล่อยไปตาม
    เหตุปัจจัยฮับ
    ไม่ไปจดจ่อ ไม่ไปเพ่งฮับ
    ถ้าจดจ่อ ถ้าเพ่งก็มีตัวเราที่เพ่ง ตัวเราที่
    ดิ้นรนหาทางบรรลุฮับ
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    วางใจถูกต้องเบาโล่ง วางใจผิดคือหนักอึ้ง
    555
     
  8. Fallenz

    Fallenz ○~พบแล้ว เจอแล้ว เสวนาแล้ว ที่เหลือแล้วแต่วาสนา~●

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +733
    จะจับ จะวาง ยังต้องคลาย เนอะ
     
  9. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    บางทีเราก็จะกลายเป็นผู้ยึด " ความไม่ยึด "
    ที่แก้ยากเพราะไม่รู้ตัว
    เดินทางดั้นด้นไปไกลแสนเพื่อไปหาสำนัก
    ที่สอนการปล่อยวาง
    แต่กลับมาบ้าน ได้ความยึดมั่น ใน" ความไม่ยึดมั่น" กลับมาท่วมตัว
     
  10. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    กว่านั้นมีอีก

    ยังมีทิฏฐิแนว

    "ยึดก้ไม่ใช่ ไม่ยึดก้ไม่ใช่"

    การ "ยึดก้ไม่ใช่ ไม่ยึดก้ไม่ใช่"
    ก้เปนเพียง อุปทานที่เกิดจาก
    การใช้ขันธ์5 แสวงหาการพ้น ขันธ์5

    ใช่ไม่ใช่?

    ถามนะ

    ไม่ได้มาแสดง ธรรม เฮีย! อะไร
     
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ฝึกให้เกิด"" รู้ ""
    ที่เกิดจากสติเฉพาะหน้า
    เป็นตัวตั้งบ่อยๆ
    เรื่องอื่นๆ ที่เป็นความคิดปรุง
    แต่งที่เกิดโดยขันธ์5 มันก็เกิดดับ เกิดดับไปตาม
    เหตุปัจจัย ไม่ต้องไปใส่ใจฮับ
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เช่น
    เมื่อเห็นแมวดำแอบเสาก็ รู้ ว่าเห็นแมวแอบ
    เสา
    ไม่ต้องไปคิดว่าตัวผู้หรือตัวเมีย
    หรือมันสอดรู้สอดเห็น หรือกำลังดักรอตะปบ
    หนู
    หรือมัน
    เหนียมอายอะไร
    ไม่ต้องไปปรุงต่อเป็นต้น
    ฮับ
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เรื่องของ กายเวทนา กับ กายเนื้อ ณ ขณะฝึก จะมีอาการหลัก ๆ อยู่ 2 ประการ คือ

    +++ 1. กายเวทนาขยับ แต่ กายเนื้อ ไม่ขยับ ตรงนี้ หากกายเวทนา ขยับออกพ้นกายเนื้อทั้งตัว จะเป็น "การถอดกาย"
    +++ 2. กายเวทนาขยับ แล้ว กายเนื้อ ขยับด้วย ตรงนี้ เมื่อ "ควบคุมได้ ทั่วถึง ทั้งตัว" จะเป็นการฝึกในภาค "จิตเคลื่อนร่าง"

    +++ ทั้ง 2 ปรการที่กล่าวมา ข้อ 1 จะง่ายกว่าข้อ 2 มากมายหลายเท่า
    +++ ในข้อ 2 ผู้ฝึกรุ่นหลัง ๆ มักทำได้แค่เป็นส่วน ๆ ไม่ได้ทั้งตัว เหมือนรุ่นแรก ๆ
    +++ ตรง "แผ่นแข็งๆ วาวๆ ลื่นๆทั้งตัว" ตรงนี้ ถ้าใช้ภาษาได้อย่างถูกต้อง ก็ถือได้ว่า "โดน มโน คาบไปแด๊ก เรียบร้อยแล้ว"
    +++ หากใช้ภาษา "ไม่ถูกต้อง ตรงกับอาการ" ก็ควรที่จะ "เรียบเรียงภาษา ให้ตรงกับอาการด้วยนะ"

    +++ ใหสังเกตุอาการ "ดังนี้"

    1. ตรง "ตัวเองเป็นแผ่นแข็งๆ" นั้น เป็นอาการ "เนื้อมวลกาย เกาะกลุ่มจนเป็นสภาวะเดียวกัน ประกอบเป็น กาย หรือไม่"
    2. ตรง "วาวๆ" นั้นใช่อาการ "แตกประจุ ระยิบระยับ ตลอดทั้งกาย ใช่หรือไม่"
    3. ตรง "ลื่นๆทั้งตัว" นั้นเป็นส่วนของ "เปลือกกาย ที่เรียกว่า รูปกาย อันเป็นขอบเขตของ ผิวหนังของ กายเนื้อ" ใช่หรือไม่

    +++ อย่างที่ผมเคยบอกไว้ ว่า "ภาษา เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย โดยเฉพาะ การฝึกกรรม-ฐาน"
    +++ หากใช้ภาษาที่ "ไม่ตรงกับอาการที่เกิดขึ้น" มันจะ "พูดกัน ไม่รู้เรื่อง" "พูดกัน คนละภาษา"
    +++ ดังนั้น "ให้ระวัง การใช้ภาษา ให้ตรง กับอาการที่เกิดขึ้น กับตน ด้วย"
    +++ มัน "ปรุงมโน" มาตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่า ให้ไปตรวจการใช้ภาษาก่อนหน้านั้น ให้เรียบร้อยก่อน
    +++ ช่วงนี้พูดยาก Particle Mass 2.5 มันฟุ้งไปหมด เรื่องการหายใจอึดอัด ต้องค่อย ๆ ดูสถานการณ์ ว่าเกิดจากอะไร นะ
    +++ อาการ "หายใจนำซัก2-3ครั้ง กายสัมปชัญญะก็มาเอง" ตรงนี้ พอที่จะถือได้ว่า "พอได้นิสัย (อุปนิสัยยะปัจจัยโย)" บ้างแล้ว
    +++ จนกว่าจะได้ "กายสัมปชัญญะ" มาด้วยการ กำหนดจิดเพียง 1 วาระจิตเท่านั้น จึงจะเป็น "ได้นิสัย (นิสัยยะปัจจัยโย)" เต็ม ๆ

    +++ จากนั้นจึงจะ "รู้" ได้ว่า "มีแต่ กายหยาบ ของ มนุษย์/เดรัจฉาน เท่านั้น ที่ต้อง หายใจ"
    +++ และตั้งแต่ "กายสัมปชัญญะ" เป็นต้นไป ไม่ได้ใช้ "ลมหายใจ" แต่ประการใด ทั้งสิ้น
    +++ การที่จะ "รู้จัก ภพ/ภูมิ อื่น ที่ไม่ใช้ ลมหายใจเป็น เครื่องดำเนินชีวิต"
    +++ เราเอง "ต้องทำ สัมปะยุตตาธัมมา" ตรงนี้ ได้เสียก่อน
    +++ จึงจะสามารถ "พูดคุย/สื่อสาร/เรียนรู้" ได้ใน "ทุกสภาวะ ที่ไม่ใช่ กายเนื้อ"

    +++ ช่วงนี้ ให้ฝึก "สัมปชัญญะกาย + วสี 5" ต่อไป จนกว่าจะ ชำนาญ นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2019
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้ "ยังเอาตัว ไม่รอด" นะ
    +++ การ "วางใจที่ถูกต้อง" ควรวางได้ทั้ง "หนัก/เบา"
    +++ แต่ทั้ง 2 อาการ "ไม่มีอิทธิพล" ในสภาวะ "รู้"
    +++ ไม่งั้น หากจิตตกลงไปในภูมิที่ หนัก "จะเอาตัวไม่รอด" นะ

    +++ และ "ภูมิที่หนัก" นี้ "สัตว์หลายยูสเซ้อ รวมทั้ง สัตว์หน้าแดง" มันเอาตัว "ไม่รอด" แน่นอน
    +++ ช่วงนี้ "สัตว์หลายยูสเซ้อหน้าแดง" มันเริ่ม แดกเหล้า จน "สติหมดขวด" ไปแล้ว หึหึ...
     
  15. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    สวัสดีครับท่านธรรมชาติ
    น่าจะโดนมันแด๊กไปเรียบร้อยละครับท่าน อาจจะเป็นเพราะผมทำทั่วตัวก่อนหน้านี้รู้สึกช่วงท้องมันไม่ค่อยถึง ผมเลยเน้นมันมากไปโดยไม่รู้ตัว กดท้องนิ่มกายหยาบไม่มีอาการแข็งอะไร แต่มันรู้สึกแข็งช่วงหน้าท้อง ถึงลิ้นปี่ครับ
    มันแข็งแค่ส่วนเดียว มันก็เลยมีอาการอึดอัดเล็กน้อยเวลาหายใจต้องเฉลี่ยๆให้เท่ากันครับ
    ครับ วันนี้บ่ายๆ เข้าใจประโยคที่ท่านธรรมชาติกล่าวเลยครับตัวกูมันรู้ของมันเอง
    เพราะมันต้องปรับ การหายใจของกายหยาบ(ซึ่งจะมีการพองยุบตามธรรมชาติ)+กายเวทนาที่ไม่ต้องหายใจ ให้มันเข้ากันครับแบบนี้ใช่หรือเปล่าครับ
    ช่วงนี้ฟุ้งแปลกๆครับเหมือนไม่ค่อยตั่งใจเท่าไหร่ทำไมตัวกูขี้เกียจจัง เอาเป็นว่าช่วงนี้ผมเน้นข้อนี้ยาวๆไปก่อนครับทำจนกว่ามันจะชัดเจนไปเลย
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2019
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    555 นังหน้าแดงมันไม่มีที่ยืนในสังคมต้องมา
    เกาะรั้วอาละวาดเหย็งๆ น่างสาร
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    นังหน้าแดงดิ้นรนโพสต์ส่งสาร
    ด้วยไอดี ลำบากราวๆ เปรตอยากเกิดเป็นมนุษย์
    แต่ไม่มีบุญพอฮับ น่างสาร
     
  18. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ใช่เลย... มันเอา หน้าสีแดง ประดุจ "ตูดลิง" มาเกาะรั้ว โชว์หน้าของมัน
    +++ เหตุที่ "ลิงตูดแดง" เพราะมันชอบเอา "ตูดไถลเถลือกกับพื้น"
    +++ เหมือนกับที่มันชอบ "โพสท์ไถลเถลือก" ไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ
     
  19. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ใช่อีกตามเคย "ลิงมันเอา แดง ไว้ที่ตูด"
    +++ แต่ นังหน้าแดง มันเอา "ตูด แดง ไว้ที่หน้า"
    +++ แสดงว่า "หน้ามัน กับ ตูดลิง สมพงษ์ซึ่งกันและกัน"
    +++ ภูมิปัญญา ณ ขณะนี้ของมัน "เท่ากับตูดลิง"
    +++ ดังนั้น "ไม่นาน" จะลำบากประดุจ "เปรตเดินดิน"
    +++ นอกจากจะ "ไม่มีบุญพอ" แล้วยังมี "บาปอกุศล เกินพอซะอีก"

    +++ ลุงแมวต้อง เปลี่ยนคำศัพท์ ให้กับมันใหม่นะ
    +++ เปลี่ยนจาก "น่าสงสาร เป็น น่าสมเพช"
    +++ ถึงจะ "สัมปะยุตตาธัมมา" กับ "หน้าแดงตูดลิง" ตัวนี้นะ...
    +++ ตรงนี้ "อีปัง หน้าแดงตูดลิง" คงเป็นที่ พึงพอใจของมันนะ...
     
  20. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ นั่นคือ "ยังไม่เป็น เนื้อเดียวกัน ตลอดทั้งตัว"
    +++ จริง ๆ แล้ว "ตรงนี้เป็น หมายเลข 1 ที่ต้องทำให้ได้ก่อน"
    +++ วสี 5 ยังเป็นเรื่อง "ภายหลัง ต่อจากตรงนี้"
    +++ หากยังไม่เป็น "เอกภาพ เนื้อเดียวกัน ตลอดทั้งตัว"
    +++ หากฝึกต่อไปจะ "ตัน แล้วต้องกลับมา เริ่มต้นใหม่" อยู่ดี
    +++ เหมือนกับ "ตัวถังรถ ฉีกขาดบ้าง บวมบ้าง แหว่งบ้าง"
    +++ ถือว่า "ยังไม่อยู่ในสภาพ พร้อมใช้งาน"
    +++ หากขับต่อไป "รถย่อมพังกลางถนนได้ง่าย ๆ นะ"
    +++ ภาษาในท่อนนี้ "คลุมเคลือมาก" สิ่งที่คุณ สื่อออกมาคือ
    +++ 1. ตัวกู ในท่อนนี้ คือ "กายเวทนา/สัมปชัญญะ"
    +++ 2. ตัวกู ปรับการหายใจของ กายหยาบ (พองยุบ)
    +++ 3. ตัวกู (กายเวทนา) ให้มันเข้ากัน (สื่อถึงอะไร ??????)

    +++ ขั้นตอนในการ "ปฏิบัติ" ตามลำดับ เรียงตามภาษา จะเป็นดังนี้

    +++ 1. ณ ขณะที่ "ลงมือปฏิบัติ" ให้เข้าที่ "กายเวทนา" ก่อน
    +++ 2. หากเข้าไม่ได้ จึงใช้ "ลมหายใจ" ปรับช่วยให้ "สัมปชัญญะ" เกิด
    +++ 3. เดินจิต ประกอบกับ การหายใจ เพื่อ "เกลี่ยสัมปชัญญะ" ให้เท่ากันทั้งตัว
    +++ 4. เมื่อ "สัมปชัญญะ เป็นเนื้อเดียวกันทั้งตัวแล้ว จะกลับมาเป็น กาย โดยอัตโนมัติ"

    +++ 5. กายสัมปชัญญะ เป็น กายแห่ง "ความรู้สึกตัว"
    +++ 6. ความรู้สึกตัว คือ "หมวดเวทนา" จึงชื่อว่า "กายเวทนา"

    +++ 7. กายเนื้อ "พองยุบ" ตามลมหายใจ (กายเวทนา ไม่เกี่ยว)
    +++ 8. กายเวทนา "พองยุบ" ตามแต่วิธีการเร่ง (กายเนื้อ ไม่เกี่ยว)

    +++ 9. ให้ "อยู่กับเฉพาะ" กายเวทนา เท่านั้น ณ ขั้นตอนการฝึกนี้
    +++ 10. เมื่อ "ได้แล้วจริง ๆ" จึงค่อยต่อด้วย วสี 5 ภายหลัง
    +++ 11. จนกว่าจะรู้สึกว่า "คล้ายกับตัวเรา มีกายเนื้อเป็น ชุดประดาน้ำ ที่สวมทับอยู่ชั้นนอกเฉย ๆ"
    +++ 12. เมื่ออาการ "ชุดประดาน้ำ คลุมทับอยู่ชั้นนอก เกิดขึ้น" ตรงนี้จะได้ "กายในกาย" มาโดยสมบูรณ์
    +++ 13. ระดับนี้ขึ้นไป เท่านั้น ที่ "การฝึก จะไม่พึ่ง ลมหายใจ อีกต่อไป"

    +++ 14. เมื่อ "ไร้กายเนื้อ ไร้ลมหายใจ" การฝึก การเร่งความเพียร ก็ยัง "สืบเนื่องต่อไปได้"
    +++ 15. ดังนั้น "ตาย/ไม่ตาย" ไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับ "การฝึก" อีกต่อไป
    +++ 16. ถึงตรงนี้เท่านั้น จึงจะพอเรียกได้ว่า "พึ่งตนเอง หลังวางกายเนื้อไปแล้ว ได้" ตามความเป็นจริง
    +++ อาการที่ "รายงาน" มานี้ "ชี้ชัด" ว่า
    +++ 1. สัมปชัญญะกาย ยังไม่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริง (อาการฟุ้ง มันฟ้องเอง)
    +++ 2. ดังนั้น "ปิติ/สุข/เอกัคตา" ยังไม่ปรากฏ (ไม่ตั้งใจ/ขี้เกียจ มันฟ้องอยู่ในตัว)
    +++ 3. ชี้ถึง "สัมปชัญญะ" ยังไม่เป็นเนื้อเดียวกันทั้งตัว ดังนั้น "กายเวทนา ยังไม่เกิด"

    +++ หาก "กายเวทนา" เกิดขึ้นจริงเมื่อไร อาการ "ไม่ตั้งใจ/ขี้เกียจ" จะสาปสูญหาย จนตามรอยไม่เจอ
    +++ เหมือนกับการ "เกิดใหม่ โลกใบใหม่ ภพ/ภูมิใหม่ ชีวิตใหม่" จิตจะเปลี่ยนไปเลย
    +++ การแสวงหา "สัจจธรรม" จะเข้มข้นสุดชีวิต เพราะจะ "ชัดเจน" อยู่เองว่า "ความตายที่แท้จริง ไม่มี"
    +++ ตรงนี้แล... คือ "อาการของผู้ที่ตกในกระแส ย่อมไม่หวลกลับ" (สักกายะทิฏฐิ วิจิกิจฉา ศีล/พรต ปรามาส)

    +++ สิ่งที่มี คือ "กฏแห่งกรรม" เท่านั้นที่ทำให้ "ความเป็นกาย แปรสภาพต่าง ๆ นา ๆ ได้"
    +++ กฏแห่งกรรม เท่านั้น ที่ทำให้ "ตน+กาย" เป็นไปต่าง ๆ นา ๆ ไปตาม "ภพ/ภูมิ" มั่วไปหมด
    +++ และ "กฏแห่งกรรม" นี่แหละ จะผลักดันให้ "เร่งความเพียร ต่อเนื่อง" จนกว่าจะ "รู้แจ้ง" ด้วยการเดินจิต
    +++ จนกว่าจะ "พ้น/ขาด" จากความเป็น ตน ความเป็น ขันธ์ ความเป็นกรรม (ยังมีวิบาก) ได้ตามความเป็นจริง เท่านั้น นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...