อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    วัดระฆัง.jpg


    พระประธานยิ้มรับฟ้า วัดระฆังโฆษิตาราม

    "ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าประตูโบสถ์ พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที"
    (พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว )


    สมเด็จโต1.jpg


    รูปหล่อท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)

    รูปหล่อสมเด็จโตองค์ใหญ่ และงดงามมากๆตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัดระฆัง คาดว่าต่อไปจะเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญอีกจุดหนึ่งกำลังปรับภูมิทัศน์โดยรอบองค์พระอยู่ครับยังไม่เสร็จดี

    คำสอนสมเด็จพระพุฒาจารย์โต

    "ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีจากหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือ บารมีของตน ลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว
    เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัวแล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า​

    หมั่นสร้างบารมีไว้ แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง
    จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้
    ครั้นถึงเวลาทั้งฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน
    เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า"
     
  2. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    วัดม่วง1.jpg


    พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ วัดม่วง (หลวงพ่อใหญ่)

    หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ เป็นผู้วางศิลาฤกษ์ ด้วยตัวของท่านเอง เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๓๔ และต่อมา วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๓๔ ได้ทำพิธีตอกลงเข็มเสาเอก หลวงพ่อเกษมเป็นประธานดำเนินการก่อสร้าง ร่วมกับลูกศิษย์และ ประชาชนผู้มีใจบุญทั้งหลาย เข้ามาร่วมกันก่อสร้างองค์พระ ทำให้ได้มีเงินทุนมากพอ ในการก่อสร้าง การหล่อหลอมสร้างองค์พระ ใช้วัสดุ อิฐ หิน ปูน ทราย หลวงพ่อใช้เงินทุกบาท ทุกสตางค์ จากผู้มาบริจาคในวัด เงินจากที่หลวงพ่อออกปฎิบัติกิจนิมนต์ เงินจากการทอดกฐิน ทอดผ้าป่า และงานบุญต่างๆในวัด และพร้อมด้วยคณะศิษย์ของหลวงพ่อ โดยหลวงพ่อได้ควบคุมการก่อสร้างเองมาตลอด


    DSC_6789.jpg


    มาระยะหลัง หลวงพ่อเกษมตรากตรำงานมาก จึงมีร่างกายอ่อนเพลีย ได้ให้หมดตรวจร่างกาย พบว่าเป็นมะเร็งที่ตับ จึงเข้ารับการรักษา ที่โรงพยาบาลศิริราช ตึก ๘๔ ปี ชั้น ๙ ห้อง ๙๒๕ หมอได้ทำการรักษาไม่กี่เดือน ก็ได้มรณภาพลง เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๔๔ ศิริอายุได้ ๕๔ ปี ๖ เดือน ๗ วัน


    DSC_6792.jpg


    หลวงพ่อเกษม เคยสั่งบอกฝากกับลูกศิษย์ การก่อสร้างองค์พระ ให้ช่วยกันก่อสร้างต่อจากหลวงพ่อ ให้เสร็จ และหลวงพ่อเกษมได้ตั้งนามองค์พระเอาไว้ว่า “พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” พระนามนี้หลวงพ่อเกษมตั้งใจสร้างองค์พระนี้ เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ คณะลูกศิษย์หลวงพ่อเกษม ได้พร้อมใจรวมพลัง ช่วยกันสร้างร่วมกับ ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาด้วย จนการก่อสร้างองค์พระ ได้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฏาคม ๒๕๕๐ มีระยะเวลาการก่อสร้างรวมประมาณ ๑๖ ปี และวัดหน้าตักองค์พระได้ ๖๓.๐๕ เมตร ความสูงจากฐานองค์พระ ถึงยอดเกศา วัดได้ ๙๕ เมตร ใช้เงินประมาณ ๑๐๖,๕๘๖,๑๐๙ บาท


    DSC_6803.jpg

    (หุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ อดีตเจ้าอาวาส)


    บัดนี้หลวงพ่อใหญ่วัดม่วงได้ชำรุดไปตามกาลเวลา ทางวัดม่วงจึงได้ทำการบูรณะองค์หลวงพ่อขึ้นมาใหม่ จึงได้ภาพที่แปลกตาไปอีกแบบครับ(ภาพเมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๑)
     
  3. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    หลวงพ่อใหญ่ วัดม่วง.jpg


    พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ วัดม่วง (หลวงพ่อใหญ่)
    ภาพเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๑

    อานิสงส์การซ่อมพระพุทธรูปพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีได้เล่าไว้ว่านางวิสาขานั้นทำมามากจนได้เบญจกัลยาณี คือมีความงาม ๕ อย่าง มีอะไรบ้างเรามาดูกันครับ

    จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ…แล้วไปไหน
    โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง


    “..พูดถึงคนสวยชั้นยอด ว่ากันแค่ร่างกายภายนอก อย่ามองเข้าไปถึงกระเพาะ ตับ ไต ไส้ ปอด ภายในร่างกายเพราะมันเต็มไปด้วยความสกปรกน่าเกลียด ไม่มีความสวย ในที่นี้หมายถึงรูปร่างภายนอกไม่เปลี่ยนแปลง คลอดบุตรคนแรกสวยขนาดไหนก็เป็นสาวขนาดนั้นจนกระทั่งถึงวันตาย


    DSC_7089.jpg


    อานิสงส์ซ่อมพระพุทธรูป
    ตัวอย่างก็คือ พระนางวิสาขามหาอุบาสิกา ท่านสวยด้วยอำนาจเบญจกัลยาณี ตามที่ท่านเจ้าคุณราชเมธี วัดประยูรวงศาวาส ท่านแต่งเป็นคำกลอนไว้ว่า

    งามผมสมพักตร์ลักขณา โอษฐาจิ้มลิ้มดูพริ้มเพรา
    งามทนต์ยลปลั่งดังสังข์ขัด ผิวทัศน์กรรณิการ์งามราศี
    คลอดบุตรสักเท่าไรวัยยังดี หญิงเช่นนี้ใครได้มางามหน้าเอย



    DSC_7099.jpg


    คำว่า “งามผมสมพักตร์ลักขณา” ก็เพราะว่าผมจะเรียบอยู่ตลอดเวลา ถ้าต้องการให้เป็นคลื่นก็จะเป็น และก็เรียบโดยไม่ต้องหวี ไม่ต้องแต่ง และก็จะยาวไม่มากถ้ายาวไปถึงเอวก็จะช้อนงอนขึ้นไม่ยาวลากดิน ผมก็ไม่เหม็นสาบเหม็นสาง ไม่ต้องสระไม่ต้องล้าง
    คำว่า “โอษฐาจิ้มลิ้มดูพริ้มเพรา” ก็เพราะว่าริมฝีปากแดงระเรื่อไม่แดงมากนัก แล้วเรียบไม่มีริ้วไม่มีรอย ปากสวย
    คำว่า “งามทนต์ยลปลั่งดังสังข์ขัด” ก็เพราะว่าฟันเรียบแลดูเป็นเงาเหมือนมุกน่าชม ไม่ต้องใช้แปรงสีฟัน ไม่ต้องขัด ไม่ต้องแต่ง
    คำว่า “ผิวทัศน์กรรณิการ์งามราศี” ขึ้นชื่อว่าผิวไม่มีไฝไม่มีฝ้า ถ้าขาวก็ขาวเนื้อละเอียดดี ถ้าดำก็ดำนวลๆ เรียกว่าพอสวยสำหรับในสมัยที่เขาต้องการ


    คำว่า “คลอดบุตรสักเท่าไรวัยยังดี” หมายความว่าเวลาที่คลอดบุตรคนแรกอายุเท่าไร ท่านคลอดบุตรคนแรกอายุ ๑๖ ปี แล้วก็เลยเป็นสาวแค่ ๑๖ อยู่แบบนั้น ร่างกายไม่เปลี่ยนแปลงอีกต่อไปจนกระทั่งอายุ ๑๒๐ ปี พระนางวิสาขามีบุตรหญิง ๒๐ คน แล้วบุตรหญิงของท่านคลอดบุตรมาอีกคนละ ๒๐ คน ระหว่างที่บรรดาหลานๆ เป็นสาวคราว ๑๕-๑๖ ปี ท่านวิสาขานั่งอยู่ท่ามกลางหลาน ท่านชีวกโกมารภัจนำพระเจ้าปเสนทิโกศลไปดู อยากจะทราบว่าพระนางวิสาขาคนไหน ก็ดูไม่ออกเพราะสาวเท่ากัน เรียกว่าท่านสาวเท่าอายุ ๑๖ ตลอดกาล


    DSC_7095.jpg


    อานิสงส์ที่พระนางวิสาขามหาอุบาสิกามีความสาวความสวยไม่เปลี่ยนแปลง ก็เพราะว่าในชาติก่อนท่านซ่อมพระพุทธรูปที่ปรักหักพัง ทรุดโทรม คือมีผิวแตกทองลอกไปเสียแล้ว ท่านซ่อมพระพุทธรูปด้วยกุศลเจตนาจริงๆ เกิดมาชาตินี้จึงกลายเป็นคนสวย
    และการที่ท่านมีเครื่องประดับประกอบไปด้วยแก้วเพชรนิลจินดาและทองคำ เสื้อคลุมตั้งแต่ศีรษะถึงเท้า มีนกยูงรำแพน มีแก้วมณีตั้ง ๒๐ ทะนาน และมีแก้วประพาฬ แก้วอินทนิล อะไรต่ออะไรอีก เสื้อตัวนั้นไม่มีด้ายเลย ที่ทำเป็นด้ายก็ทำด้วยเงินหรือเป็นทองคำ ก็เพราะอาศัยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนาในอดีตชาติ..”

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2018
  4. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    โบสถ์ วัดม่วง1.jpg


    วัดม่วงนอกจากองค์หลวงพ่อใหญ่ที่เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญแล้วก็ยังมีโบสถ์ดอกบัวที่งดงาม โดยปกติวัดทั่วๆไปก็จะทำรั้วกำแพงแก้วล้อมรอบโบสถ์ แต่ที่นี่ทำเป็นกลีบดอกบัวแทนทำให้เป็นที่สนใจแก่ผู้พบเห็นและภายในกลีบดอกบัวยังมีรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ที่ขึ้นชื่อทั่วฟ้าเมืองไทยประดิษฐานอยู่


    DSC_6828.jpg


    หลวงพ่อเงิน พระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๗๙ นิ้ว หล่อด้วยเนื้อเงินแท้บริสุทธิ์ ประดิษฐานอยู่ในวิหารแก้ว



    DSC_6829.jpg


    หลวงปู่ขาว หลวงปู่แดง พระพุทธรูปที่หลวงพ่อเกษมสร้างครอบศิลาขาว ศิลาแดงเอาไว้ ตามประวัติเล่าว่า เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ท่านพระคูวิบูลอาจารคุณ ( หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ) ได้มาปักกลดธุงดงค์เห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้าง จึงน่าปฏิบัติธรรม แต่ขณะปฏิบัติธรรม ได้ปรากฏนิมิต เห็นองค์หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านได้ช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เพราะท่านพระครู เป็นผู้มีบารมี ที่สามารถจะก่อสร้างบูรณะวัดม่วง ขึ้นมาใหม่ได้ด้วย ผู้ที่เคยอาศัยในสมัยก่อนได้มาเกิด และจะมาช่วยท่านแล้ว และในบริเวณวัดร้างนี้จะมีศิลาขาว และศิลาแดงอยู่ คือ องค์ของหลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง นั้นเอง ซึ่งต่อมาหลวงพ่อเกษม ได้มีการปั้นองค์พระครอบศิลาขาว และศิลาแดงไว้


    DSC_6837.jpg


    วิหารแก้ว

    หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ กับคุณป้าละม่อม รัตนพราหมณ์ เป็นผู้มีจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า ขอจองเป็นเจ้าภาพ สร้างวิหารแก้ว และคณะของคุณอานนท์ สุวรรณปาล พร้อมด้วยคณะลูกศิษย์ของหลวงพ่อเกษม

    วิหารแก้วก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น ติดกระจกแก้วภายในและภายนอกทั้งหลัง ได้ก่อสร้างในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ขนาดกว้าง ๑๖ เมตร ยาว ๕๐ เมตร



    45384796_1402010069929962_7166996499312672768_o.jpg


    45387107_1402010059929963_3019725771343134720_o.jpg


    นอกจากนี้แล้วภายในวัดยังมีรูปปั้นจำลองนรก-สวรรค์ เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ เรื่องราวในนิทานชาดก วรรณคดีต่างๆ ให้เยี่ยมชมอีกด้วย

    บารมีแห่งองค์หลวงพ่อใหญ่ วัดม่วง นอกจากจะดึงดูดผู้คนให้มากราบไหว้ ชื่นชมกับความใหญ่โตแห่งองค์พระแล้ว ยังเผื่อแผ่ไปถึงชาวบ้านโดยรอบวัดให้มีรายได้จาการขายอาหารและสินค้าที่ระลึกอีกด้วยเป็นการนำเงินนำรายได้เข้าสู่ชุมชน จากนักท่องเที่ยว และทัวร์ที่มาลงกันหลายคันรถ เป็นอานิสงส์ผลบุญจากองค์พระใหญ่ที่มองเห็นได้
     
  5. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    DSC_7115.jpg


    DSC_7116.jpg


    อนุสาวรีย์พระพินิจอักษร (องค์กลาง)
    พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
    และพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


    ประดิษฐานเบื้องหน้าอาคารที่พักผู้ปฏิบัติธรรม วัดท่าซุง

    ประวัติพระพินิจอักษร โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี

    "..พระพินิจอักษร มีนามว่า "ทองดี" เป็นสมเด็จพระราชบิดาของรัชกาลที่ ๑ ทรงประสูติในเรือฝั่งตรงข้ามกับโบสถ์เก่าวัดท่าซุง ในฐานะที่พระองค์เป็นทั้งชาวสุโขทัยและก็ชาวกรุงศรีอยุธยาและก็ยังเป็นชาวเชียงแสนด้วย ท่านเป็นคนของแผ่นดิน เพราะว่าท่านสืบเชื้อสายมาจากเชียงแสน ชาวเชียงแสนมาตั้งถิ่นฐานที่สุโขทัย ต่อมาพระราชโอรสของพระองค์ได้เป็นใหญ่ในกรุงเทพฯ เป็นอันว่าวงศ์นี้เป็นวงศ์ที่มีคุณต่อประเทศชาติอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเป็นแม่ทัพในการกู้ชาติ ที่มีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นหัวหน้า ต่อมาเมื่อ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เถลิงราชสมบัติเป็นกษัตริย์ พระองค์ก็เป็นกำลังใหญ่ในการปราบปรามข้าศึก ต่อมาในสมัยพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ก็ทรงปราบปรามข้าศึก รักษาเอกราชให้ชาติไทยอยู่รอดเป็นอิสระจนกระทั่งทุกวันนี้ เวลานี้วงศ์ของท่านทองดีก็ยังครองประเทศชาติอยู่ ท่านพระพินิจอักษรท่านเป็นครูและท่านเป็นหมอด้วย สมัยก่อนคนเป็นหมอง่าย เรียกว่าหมอยาป่าหรือหมอโบราณ ท่านมีความรู้ทางหมออยู่บ้างตามสมควร เรื่องความเป็นหมอคนโบราณถือว่ามีความสำคัญ
    คืนวันหนึ่งของปี ๒๕๑๕ เวลาประมาณ ๒๓.๐๐น.เศษ อาตมารู้สึกง่วงนอนเร็วกว่าปกติ จึงเอนกายลงนอน ได้เห็นชายคนหนึ่งรูปร่างขาวท้วม นุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อธรรมดาแต่ยาวลงเลยชายพกประมาณ ๖ นิ้วฟุต มือขวาถือหนังสือเล่มใหญ่แนบกับตัว เห็นภาพนั้นเมื่อดับไฟมืดสนิทและไม่มีแสงสว่างจากภายนอกลอดเข้ามา ก็ทราบว่าชายที่เห็นนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เพราะประตูใส่กลอนแล้ว หน้าต่างก็มีลูกกรงเหล็ก ตามความรู้สึกขณะนั้นบอกว่า "ชายผู้นี้คือผี" ชายที่ยืนให้เห็นนั้นท่าทางท่านสุภาพมากยืนเฉยๆ ไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่เวลานั้นกำลังง่วงจัดอยากจะหลับท่าเดียว จึงคิดว่ามีธุระอะไรพรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันใหม่แต่ต้องมาก่อนง่วงนอน พอวันรุ่งขึ้นเข้านอนก่อนเวลาเพราะเกรงว่าจะง่วงและอาจผิดสัญญากับผีได้ เวลา ๒๒.๐๐ น. ก็เข้าห้องบูชาพระตามปกติ​


    เมื่อบูชาพระเสร็จก็เข้านอน พอหลังถึงพื้นศีรษะถึงหมอน ก็ปรากฏภาพชายคนเมื่อวานที่ผ่านมา มายืนอยู่ข้างปลายเตียงทางด้านขวา จึงถามท่านว่า "ท่านเป็นใคร" ท่านก็ตอบว่า "ผมคือทองดีครับ" ถามท่านอีกว่า "ทองดีคือใคร" ท่านตอบว่า "ทองดีพ่อทองด้วงครับ" เมื่อท่านตอบแล้วก็คิดไม่ถึงว่าท่านทั้งสองเป็นผู้มีคุณใหญ่ต่อประเทศ และอาตมาก็ยังสำนึกในบุญคุณของท่านที่ท่านเมตตาเสียสละให้ไทยได้เป็นไทอยู่จนทุกวันนี้ ท่านจะมาแสดงตนให้เห็น จึงได้ถามท่านต่อไปว่า "ทองด้วงคือใคร" ท่านตอบว่า "ทองด้วงคือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช" ถามท่านว่า "ที่ท่านมานี้ท่านมีความประสงค์อะไร" ท่านบอกว่า "ผมเป็นครูครับ เมื่อท่านสร้างวัดเสร็จแล้วช่วยสร้างโรงเรียนให้ผมสักหลังหนึ่ง" ก็รับปากท่านว่าถ้าไม่เกินกำลังเต็มใจสร้างให้ท่าน

    ท่านเล่าให้ฟังอีกว่า เดิมทีเดียวท่านเป็นข้าราชการที่กรุงศรีอยุธยาได้รับบรรดาศักดิ์ครั้งสุดท้าย ที่พระอักษรสุนทร ต่อมาเมื่อพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยา ท่านพาภรรยาและบุตรคนเล็กอายุ ๗ ปีขึ้นไปพิษณุโลกไปอยู่กับเจ้าเรืองพระฝาง (พระยาพิษณุโลก) ท่านตั้งให้เป็นพระพินิจอักษร เพราะให้ท่านเป็นครูสอนหนังสือ (หนังสือราชการ) กับพวกขุนนาง เวลาล่วงมาประมาณปีเศษอาศัยที่คุณพระพินิจอักษรเป็นคนฉลาด มีความสามารถมาก ต่อมาขั้นสุดท้ายท่านได้รับบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์ แต่ไม่มีใครสนใจในบรรดาศักดิ์นี้ ที่สนใจจริงๆ ก็คือ คุณพระอักษรสุนทร เป็นบรรดาศักดิ์ที่ทางกรุงศรีอยุธยาตั้งให้ ดังนั้นในประวัติศาสตร์ของท่านจึงมีชื่อเพียง พระอักษรสุนทร ท่านบอกว่า "ผมเกิดที่แม่น้ำสะแกตรัง (ชาวบ้านเรียกสะแกกรัง) เกิดในเรือครับ เรือที่ผมคลอดจากครรภ์มารดาอยู่ตรงนี้ครับ" ท่านชี้สถานที่เรือจอดให้ทราบ

    เป็นธรรมดาของอาตมาเมื่อคุยกับผี จะเป็นผีระดับไหนก็ตาม ผีมีหลายระดับคือ นรก เปรต อสุรกาย สัมภเวสี ภูมิเทวดา อากาศเทวดา พรหม ทั้งหมดนี้เรายกยอดเรียกผีเหมือนกันหมด เพราะไม่สามารถเห็นเขาได้ตามปกติ เมื่อเขาต้องการให้เห็นเราจึงเห็น เมื่อท่านจะกลับจึงได้ถามว่า "ท่านมาขอร้องตามนี้ก็ไม่ขัดข้อง แต่อยากจะขอเหตุผลสักหน่อยว่า ถ้าท่านเป็นท่านทองดีจริง ท่านจะบอกหรือแสดงอะไรสักอย่างหนึ่งก็ได้เพื่อเป็นหลักฐานควรเชื่อถือได้" ท่านถามว่า "ไม่ไว้ใจท่านหรือ" ก็เรียนท่านว่า "ไว้ใจ แต่ขอไว้เพื่อความมั่นใจ" ท่านก็บอกว่า "วันพรุ่งนี้ทางบ้านโน้นเขาจะรื้อบ้าน (ท่านชี้ไปทางที่ท่านบอกว่าบ้านท่านเคยตั้งที่นั่น) เขาจะรื้อบ้านเขาจะได้เงินกลม ถ้าเขาได้เงินกลมจริงก็เป็นการยอมรับว่าผมคือ "ทองดี" จริง กับอีกเรื่องหนึ่งก็คือต่อจากนี้ไปไม่เกิน ๑ เดือน ทองคำที่ตระกูลผมฝังไว้ใกล้พระอุโบสถจะเลื่อนเข้ามาใต้ถุนที่คุณอยู่ จะมีเสียงดังจากทองที่เลื่อนมาไว้ชัดเจนมาก ถ้ามีเสียงทองเลื่อนจริงก็เป็นเครื่องยอมรับว่าผมคือ "ทองดี" จริง"

    พอวันรุ่งขึ้นก็มีคนนำเงินกลมมาให้ ๑๐ กว่าอัน ผู้ให้บอกว่า เจ้าของบ้านเขารื้อบ้าน ขุดดินลงไปเพื่อเอาเสาเรือนขึ้น เมื่อนำเสาขึ้นมาแล้วพบเงินกลมหนึ่งไห เจ้าของให้นำมาถวาย ต่อมาอีกไม่ถึงครึ่งเดือน คืนวันนั้นมีคนมาร่วมเจริญพระกรรมฐานกันมาก ขณะที่ทุกคนกำลังเจริญพระกรรมฐานก็ได้ยินเสียงครืนใต้ดิน ได้ยินชัดมาก เสียงนั้นเลื่อนใกล้เข้ามาพอถึงกลางตึกเสียงก็เงียบ เมื่อเลิกพระกรรมฐานแล้วต่างคนต่างก็ไปดูสถานที่ที่มีเสียง ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ รุ่งเช้า นายดาบตระกูล เปาริก ออกไปดูบริเวณนั้นเห็นดินยุบลงนิดหน่อยแต่เป็นบริเวณกว้าง ได้เอาเหล็กแทงลงไปปรากฏว่าจมเส้นเหล็กแล้วยังไม่ถึงกันหลุม ทั้งหมดนี้จัดเป็นอภินิหารของท่านได้

    ต่อมาตั้งใจจะสร้างโรงเรียนให้ตามที่ท่านขอไว้ ได้ติดต่อทางผู้ช่วยศึกษาธิการจังหวัดสมัยนั้นเรื่องก็เงียบหายไป เมื่อหาทางสร้างโรงเรียนไม่ได้จึงสร้างศาลาการเปรียญแทนให้ชื่อว่า โรงเรียนพระพินิจอักษร ทั้งนี้ก็เพราะว่าศาลาก็คือโรงเรียน คำว่า "เปรียญ" แปลว่า"รู้รอบ" หรือรู้ทุกอย่างทั้งทางโลกและทางธรรม ดูเหมือนจะมีความสำคัญมากกว่าโรงเรียนซึ่งสอนเฉพาะความรู้ปกติธรรมดา จึงมีความเห็นว่าศาลาการเปรียญมีความสำคัญมาก หลังจากนั้นได้สร้างโรงพยาบาลแม่และเด็กขึ้น จึงคิดจะสร้างรูปท่านไว้เป็นอนุสรณ์ในฐานะที่ท่านเมตตามาหาถึงสถานที่นอน และถ้าชาวบ้านถามก็จะได้บอกว่า "ปั้นรูปต้นวงศ์จักรี เพราะว่าถ้าเรามีความเลื่อมใส มีความจงรักภักดีต่อพระราชวงศ์จักรี คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๙ เราไหว้ต้นวงศ์จักรีองค์เดียวก็ถึงลูกหลานเหลนทั้งหมด"

    เวลาที่จะปั้นรูปท่าน รูปตัวอย่างไม่มี ก่อนอื่นปั้นรูปเล็กก่อน โดย คุณยุพดี จักษุรักษ์ เป็นผู้ปั้นรูปเล็กด้วยดินเหนียวก่อน และช่างปั้นรูปใหญ่ชื่อ นายช่างประเสริฐ แก้วมณี จบชั้นประถมปีที่ ๔ อาตมาถามท่านว่า "เอาใครเป็นแบบฉบับที่คล้ายคลึง" ท่านก็บอกว่า "เอารูปรัชกาลที่ ๖ คล้ายคลึงมาก แต่ผมมากกว่านั้น เหลนผมคนนี้ผมน้อยไปหน่อย พุงโตกว่าผมนิดหนึ่ง" ท่านเป็นคนเนื้อเต็ม ปกติท่านไว้ผมทรงดอกกระทุ่ม ท่านบอกว่า "ถ้าปั้นรูปใหญ่ท่านจะมาช่วย มีส่วนคล้ายคลึงประมาณสัก ๓๐ เปอร์เซ็นต์ก็เป็นอันว่าใช้ได้" เพราะไม่มีรูปตัวอย่างให้ดู เมื่อปั้นรูปท่านเสร็จแล้วประดิษฐานไว้ที่หน้าโรงพยาบาลแม่และเด็ก ปรากฏว่า อภินิหารรูปของท่านก็คือ คนไข้ที่รักษาโรคมาจากที่อื่นมาแล้วไม่หายก็รักษาหายได้ ถ้าคนไข้คนไหนไปจุดธูปบูชาท่านขณะที่มารักษา คนไข้คนนั้นโรคจะหายเร็วมาก เป็นที่ยอมรับนับถือจากคนไข้เป็นอันมาก

    ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่านมาเล่าให้ฟังอีกว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกทัพไปปราบพระฝางได้ เมื่อเจ้านายหมดวาสนาบารมี ท่านก็พาภรรยาและบุตรธิดาไปอยู่เมืองเล็กๆ ทางเหนือ อยู่อย่างคนแก่ชอบสงบ ไม่นานนักท่านก็มรณะเพราะไข้ ท่านบอกว่าท่านเป็นพรหมชั้นที่ ๗.."


    คำสอน พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน​
     
  6. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    DSC_7122.jpg


    DSC_7123.jpg


    บุษบก3.jpg


    DSC_7135.jpg


    ความงดงามของบุษบกประดิษฐานสังขารพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ที่ถูกออกแบบมารับกับมหาวิหารแก้วร้อยเมตร ทำให้หลายคนที่เพิ่งเข้ามาครั้งแรก ถึงกับตกตะลึงและต้องอุทานว่างดงามราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์

    (ภาพเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๑)​
     
  7. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    DSC_7145.jpg


    สมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง

    ครั้งนี้ได้เข้ามากราบสมเด็จองค์ปฐมอีกครั้งหนึ่งองค์พระงดงามมากๆ พยายามจะถ่ายภาพให้ออกมาดีที่สุดเพื่อนำภาพมาฝากทุกท่านได้จับภาพพระเป็นอนุสติกันแต่ก็ยังไม่ได้อย่างใจ คราวหน้าจะพยายามแก้ไขจุดบกพร่องที่พบเจอ


    DSC_7147.jpg


    อานิสงส์การสร้าง "สมเด็จองค์ปฐม"
    โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นประธานพิธีเททอง โดยท่านนั่งอธิษฐานถือ สายสิญจน์ภายในระเบียงวิหาร ๑๐๐ เมตร
    ส่วนหลวงพ่อลงไปที่ปะรำพิธีเททองเอง ทองคำที่หลวงพ่อเทลงในเบ้าหล่อสมเด็จองค์ปฐม รวมทั้งสิ้น ๗๘ กิโลกรัม นับว่ามากที่สุดตั้งแต่เททองมา

    และเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านบอกว่า “ พระองค์นี้บูชาให้ดี จะมีลาภมาก

    หลวงพ่อ : “ช่างมาถามเกี่ยวกับลักษณะองค์ปฐม อาตมาบอกสร้างแบบพระพุทธรูปธรรมดา แต่ต้องอ้วนหน่อยนะ คือ มีเนื้อมากหน่อย ไม่ใช่อ้วนพุงพลุ้ยนะ

    และก็เวลาลงไปสอนกรรมฐาน เมื่อเสร็จแล้วเขาก็คุยกันเขาก็ถามปัญหา ถามไปถามมา เขาถามถึงพระพุทธเจ้าองค์ปฐมว่า

    ถ้าจะสร้างจะมีอานิสงส์ยังไง ลุงสองลุง นายบัญชี กับ ลุงพุฒิ ท่านมายืนอยู่นานแล้ว ท่านไม่มีโอกาสคุย เพราะอาตมาขึ้นไปคุยกับพระซะ

    ท่านบอกว่า การสร้างองค์ปฐมนี่ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ เอาบัญชีมาให้ดู บอก นี่...บัญชีเล่มนี้ (คือว่าเป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่ที่จดธรรมดา) “บัญชีสีทอง” เป็นทองคำล้วนทั้งเล่มเลย

    ฉันอยากได้บัญชีเอามาขาย ท่านบอก ถ้าสร้างองค์ปฐมลงบัญชีเล่มนี้โดยเฉพาะ ก็แสดงว่าคนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี่ ต้องเป็นคนมีบุญมาก...หรือไง?

    แต่ก็ไม่ได้หมายความต้องเงินมากนะ คือว่าโดยมากเราจะนึกไม่ถึงกันใช่ไหม เรานึกกันถึงพระกกุสันโธ พระโกนาคม พระพุทธกัสสป แต่ยังไม่เคยนึกถึงองค์ปฐม

    ส่วนใหญ่ไปนึกถึงพระศรีอาริย์ ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้าใช่ไหม นี่องค์นี้เป็นองค์แรกก็คุยกันแล้ว

    ท่านบอกว่า การสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมทำได้ยาก คือว่า เป็นพระพุทธเจ้าต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด ใช่ไหม และการทำบุญเนื่องในการสร้างวิหารก็ดี สถานที่ก็ดี เอาของไปประดับก็ตาม

    ทีนี้อย่างคนมีเงินน้อยๆ ใช่ไหม ก็มีสตางค์ไม่มาก เอาสตางค์ ๙ สตางค์ ๑๐ สตางค์ไปใส่แท่น อย่างนี้ลงบัญชีสีทองหมด

    คือไม่หมายความต้องมีเงินมากเสมอไปนะ ที่เขามีน้อยๆ บาทสองบาท ๑๐ สตางค์ ๒๐ สตางค์ พวกนี้เอาไปใส่แท่นอย่างนี้ลงบัญชีสีทองหมด

    ก็ถามว่า บัญชีสีทองหมายถึงอะไร ท่านบอก มันหมายถึงกลับไม่ได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้าทุกองค์ต้องโมทนาหมด

    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ การหล่อองค์ปฐมด้วยทองคำนี่ อานิสงส์จะเหมือนกับหล่อพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน หรือว่าจะแตกต่างกันอย่างไรครับ ถ้าเป็นทองคำเหมือนกัน ?

    หลวงพ่อ : ก็มีอานิสงส์เหมือนกัน แต่ว่าต่างกันอยู่นิดหนึ่งที่ไปนิพพานเร็ว ไปนิพพานเร็วมาก เพราะเขาเข้า “บัญชีสีทอง” ไม่ใช่ตัวทอง บัญชีทั้งเล่มเป็นทอง ลงบัญชีเล่มนั้น”

    ผู้ถาม: หมายถึงเป็นเจ้าภาพหล่อองค์ปฐมนี่หรือครับ ?”

    หลวงพ่อ : “ใช่ๆ ๆ จะทองคำก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม… เหมือนกัน ลงบัญชีเล่มเดียวกัน”


    DSC_7151.jpg


    ...หลังจากนายช่างประเสริฐ แก้วมณี ได้ทำการตบแต่งองค์พระเสร็จแล้ว ด้วยการพ่นสีเหลืองรองพื้นไว้ เพื่อรอปิดทองต่อไปนั้น

    ส่วนวิหารสมเด็จองค์ปฐม นายช่างชิต แก้วแดง ก็ได้ทำการก่อสร้างไปบ้างแล้ว พอที่จะทำการอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนแท่นภายในวิหารก่อน จึงรอแต่วันฤกษ์งามยามดีเท่านั้น

    ครั้นถึงวันนี้ที่เป็นวันสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ของวัดท่าซุง นั่นก็คือเป็นวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ซึ่งตรงกับ "วันวิสาขบูชา" ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้กระทำพิธี ๔ อย่าง นับเป็นครั้งสุดท้ายในวันเดียวกัน คือ...


    งานสำคัญครั้งสุดท้ายของหลวงพ่อฯ

    ...๑. ตอนเช้า เวลา ๐๗.๐๐ น. หลวงพ่อทำพิธีบวงสรวงที่ "วิหารสมเด็จองค์ปฐม" หลังจากนั้นท่านได้เดินขึ้นไปบนวิหาร เพื่ออัญเชิญพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมขึ้นประดิษฐานบนแท่นภายในวิหาร

    เมื่อเห็นว่าช่างได้ยกพระขึ้นบนแท่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงเดินลงไปจากวิหารท่ามกลางผู้ที่มาร่วมพิธีมากมาย หลังจากนั้น หลวงพ่อก็มิได้กลับมาที่วิหารหลังนี้อีกเลย


    DSC_7159.jpg


    ...๒. เวลา ๐๘.๐๐ น. หลวงพ่อแสดงพระธรรมเทศนา ที่ศาลาพระพินิจอักษร นับป็นการเทศน์เนื่องใน "วันวิสาขบูชา" เป็นปีสุดท้ายของท่าน

    ...๓. เวลา ๐๙.๐๐ น. หลวงพ่อเดินทางมาที่ศาลา ๑๒ ไร่ และทำพิธีบวงสรวงเนื่องในงาน "พิธีสะเดาะเคราะห์" นับเป็นการทำ "พิธีสะเดาะเคราะห์" ให้ลูกหลานเป็นครั้งสุดท้าย

    ...๔.

    ที่มา: Watthasung.com





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2018
  8. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    DSC_6952.jpg
    (วัดอรุณราชวราราม)


    DSC_2360.jpg

    DSC_2451.jpg
    (ทั้งสององค์ วัดหงส์รัตนาราม)


    DSC_1936.jpg
    (วัดประดู่ฉิมพลี)


    DSC_5591.jpg
    (วัดราชคฤห์ ตลาดพลู)



    DSC_5609.jpg
    (วัดอินทาราม ตลาดพลู)


    DSC_5633.jpg
    (วัดเวฬุราชิณ ตลาดพลู)


    DSC_4283.jpg
    (ศาล จ.ตาก)


    DSC_6353.jpg
    (วัดพิชัยสงคราม จ.อยุธยา)


    ๒๘ ธันวาคม วันคล้ายวันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

    น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ขอนำภาพรูปหล่อสมเด็จพระเจ้าตากสิน ที่ผมเคยถ่ายไว้จากสถานที่ต่างๆมาให้ชมกันครับ


     
  9. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    DSC_7174.jpg


    DSC_7175.jpg


    คำอธิษฐานปีใหม่
    โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง



    ผู้ถาม : ที่หลวงพ่อบอกว่า ให้นั่งหน้าพระพุทธรูปแล้วอธิษฐานว่า ความรวยจงปรากฏ มันเป็นอย่างไรครับ ?

    หลวงพ่อ : ล้อ " เจ้าขวัญ " มันว่า ถ้าอยากรวยก็เอาแบบนี้ซิ ๕ ทุ่ม ๔๕ นาทีใกล้ๆจะ ๖ ทุ่มใช่ไหมเล่า ก็ไปนั่งหน้าพระพุทธรูป บูชาพระ นึกถึงพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ เทวดา และพรหมทั้งหมด ครูบาอาจารย์ ผู้มีคุณทั้งหมด บูชาท่านขอลาภ

    'ขอให้ความซวยทั้งหมด ความยากจน จงไปกับปีเก่า
    แล้วความรวย ความดี ความโชคดี จงมากับปีใหม่ '


    หลังจากนั้นก็ ภาวนา คาถาเงินล้าน เรื่อยๆไป พอนาฬิกาตีเป๊ง..ขึ้นปีใหม่ " ขอให้ความซวย จงหายไปพร้อมกับปีเก่า ฉันต้องการความรวย จากปีใหม่ "


    ผู้ถาม : อ๋อ....หลวงพ่อพูดกับ ขวัญ เหรอ ?

    หลวงพ่อ : ใช่

    ผู้ถาม : แล้ว ลูกๆหลานๆ ที่ไม่ใช่ขวัญ จะได้ไหมครับ ?

    หลวงพ่อ : ก็มีขวัญนี่ ลองก้มหัวดู คนไหนไม่มีขวัญทำไม่ได้ ความจริงไม่ต้องรอดึกก็ได้ ถึงวัด ถึงบ้าน อาบน้ำ สวดมนต์ไหว้พระ ก็อธิษฐานก่อนนอนเลยก็ได้ ไม่ต้องรอถึงเวลานั้น

    คำอธิษฐานได้ผล

    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง เมื่อคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๑ นี้ ลูกได้ทำตามคำแนะนำของหลวงพ่อที่อธิษฐานว่า " ความซวยจงหมดไป พร้อมกับปีเก่า และขอความร่ำรวย จงมาพร้อมกับปีใหม่ ๒๕๓๒ นี้ " ปรากฏว่าวันนี้การค้าของลูกคล่องตัว ลูกอยู่ในโอวาท (แหม..นี่แกคงจะดีใจว่า ลูกอยู่ในโอวาทนะ) หากลูกจะอธิษฐานอย่างนี้ทุกคืนๆ ไป จะผิดกฏที่เทวดาเขาสงเคราะห์อยู่ในเวลานี้หรือเปล่าเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ : ดีมาก ถ้าทำตามนั้นนะ จะดีมากเลย จะมีการทรงตัว เงินจะเหลือใช้ เอาทุกวันดีกว่า ไม่ใช่ทำวันเดียว

    ผู้ถาม : อ๋อ..ยิ่งว่าบ่อยๆ ยิ่งดีหรือครับ

    หลวงพ่อ : ใช่ ทำเป็นสมาธิแบบนั้น ก็ไม่ต้องใช้เวลาใกล้ ๒ ยาม เวลาไหนก็ได้ที่เราเห็นสมควร ที่ว่าใกล้ ๒ ยาม เพราะปีเก่าจะไป ปีใหม่จะมา เวลานี้เป็นเวลาของปีใหม่ ก็ใช้ได้ทุกเวลาตามที่ชอบใจ นั่นดีมากนะ ต่อไปจะรวยใหญ่ เมื่อทุกคนรวยใหญ่ ฉันก็สบายใจ สร้างวัดอีก ๑๐ วัด (หัวเราะ)

    ผู้ถาม : นี่ก็เป็นผลดีแก่แม่บ้านนะ มีผัวอยู่ในโอวาท เอ..ถ้าผู้ชายว่าบ้าง ลูกเมียจะอยู่ในโอวาท หรือเปล่าครับ ?

    หลวงพ่อ : เราอยู่ในโอวาทเขา เขาก็อยู่ในโอวาทเรา " วันทโก ปฏิวันทนัง " ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ " ปูชา ลภเตปูชัง " ผู้บูชาย่อมได้รับการบูชาตอบ ในเมื่อเราอยู่ในโอวาทเขา เขาก็อยู่ในโอวาทเรา

    ที่มา : (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒)

    คาถาเงินล้าน

    (ตั้ง นะโม 3 จบ )

    สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม (คาถาเงินแสน )
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
    มิเตภาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
    วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
    สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
    เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ


    ( บูชา ๙ จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)​
     
  10. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    R0045189.jpg


    DSC_6866.jpg


    DSC_1357.jpg


    DSC_1368.jpg


    พระพุทธชินราช วัดใหญ่และวัดท่าซุง พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา


    สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๒ ครับ

    สิทธิกิจจัง ขอให้การงานสำเร็จ
    สิทธิกัมมัง ขอให้การกระทำทุกอย่างจงสำเร็จ
    สิทธิลาโภ นิรันตะรัง ขอให้มีลาภตลอดกาลนาน
    สิทธิเตโช ชะโยนิจจัง ขอให้มีเดชมีอำนาจที่ยั่งยืน
    สัพพะสิทธิ ภะวันตุ เต ขอความสำเร็จทั้งหลายเหล่านี้จงมีแก่ท่านทั้งหลาย


    'ขอให้ความซวยทั้งหมด ความยากจน จงไปกับปีเก่า
    แล้วความรวย ความดี ความโชคดี จงมากับปีใหม่ '



     
  11. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    DSC_7168.jpg


    DSC_7170.jpg


    DSC_7169.jpg


    พระศรีอริยะเมตไตรย วัดท่าซุง

    มณฑปพระศรีอริยะเมตไตรย จะอยู่ใกล้ๆกับมณฑปสมเด็จองค์ปฐมเป็นอันว่าบริเวณนี้เราสามารถกราบพระสามสมัยคือ

    -สมเด็จองค์ปฐม เป็นพระพุทธเจ้าในอดีต
    -พระยืน ๓๐ ศอก เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และ
    -พระศรีอริยะเมตไตรย เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต​


    ประวัติการสร้าง "พระศรีอาริยเมตไตรย"

    โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
    ผู้เรียบเรียง...พระชัยวัฒน์ อชิโต

    รูปลักษณะที่จะหล่อ

    .....ท่านบอก.. หล่อเป็นรูปยืนครับ และเครื่องประดับทั้งหมดไม่ต้องการให้มีสี ต้องการเป็นแก้วใสอย่างเดียว ส่วนที่เป็นเนื้อให้เป็นเนื้อ... เนื้อของท่านก็เป็นเนื้อสีขาว จึงถามว่า

    "ถ้าจะเอาแก้วปิด ก็จะเหมือนเครื่องประดับที่เสื้อที่กางเกง จะทำอย่างไร?"
    ท่านบอก "ปิดทองก็ได้ ปิดแผ่นเงินก็ได้"​


    ถ้าปิดแผ่นเงินจะคล้ายคลึงเนื้อของท่าน ส่วนที่เป็นเครื่องแต่งกายให้ใช้กระจกเงาใส ท่านแสดงให้ดูท่ายืน มือขวาถือ "จักร" แต่ห้อยเฉย ๆ มือซ้ายถือ "พระขรรค์"

    ก็ถามว่า "มีจักรมีพระขรรค์ทำไม?"
    ท่านบอก "ผมห้อยเฉยๆ ไม่ใช่ท่าของนักรบ"​


    "จักร" ก็หมายถึง "ธรรมจักร" ก็หมายความว่า หากคนใดที่มีกิเลสหนามาก มีทิฏฐิมานะหนามาก ต้องใช้จักรปราบปราม คือ "ธรรมจักร"

    คนใดที่มีกิเลสน้อยก็ให้ใช้ "พระขรรค์" เคาะหรือให้ถู หรือขูดก็หาย อย่างเทศน์พระสูตรก็ดี หรือชาดกก็ดี

    เลยถามว่า "จะให้หล่อเป็นพระหรือเป็นเทวดา?"
    ท่านบอกว่า "เวลานี้ผมเป็นเทวดา..ให้หล่อเป็นรูปเทวดา อย่าเพิ่งหล่อรูปเป็นพระ"​



     
  12. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    DSC_7193.jpg


    ปราสาททองคำ2.jpg


    DSC_7185.jpg


    ปราสาททองคำ

    (ปราสาททองกาญจนาภิเษก วัดท่าซุง)

    "ถามพระท่านว่าทำไมจึงต้องสวย ท่านบอกว่าเป็นการเจริญศรัทธา ทุกอย่างที่ให้ทำนี่ ไม่ต้องการโอ้อวด ไม่ต้องการแข่งขันกับใคร จึงทำไม่เหมือนใคร

    ต้องการอย่างเดียว ให้ทุกคนที่มองเห็นแล้ว ติดตาติดใจว่า วัดท่าซุงมีอะไรบ้างที่เราชอบใจ ถ้าเวลาก่อนเขาจะตาย จิตเขานึกขึ้นมาว่า เราเคยเห็นวัดท่าซุงชอบใจตรงนั้นตรงนี้ ในขณะนั้นพร้อมกับเขาตายไป เขาจะไปสวรรค์ทันที"
    (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)


    ****************

    ปัจจุบันโลกโซเชียลเราพัฒนาไปไกลมาก แทบจะทุกคนมีสมาร์ทโฟนอยู่ในมือและก็มีเฟสบุ๊คไว้คอยอัพเดตความเคลื่อนไหวต่างๆของเรา หากเข้าไปดูสถานที่เช็คอินวัดท่าซุง ในปัจจุบันนอกจาก พระมหาวิหารแก้วร้อยเมตรอันเป็นที่ประดิษฐานสังขารพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี อันเป็นไฮไลท์ที่สำคัญแล้ว แลนด์มาร์คที่สำคัญแห่งใหม่ที่คนนิยมไปเยี่ยมชมความงามกันก็คือ "ปราสาททองคำ" ที่นอกจากตัวปราสาทจะงดงามแล้วภูมิทัศน์โดยรอบก็งดงามไม่แพ้กัน

    ทุกวันนี้การที่คนไปเที่ยววัดทำบุญแล้วถ่ายรูปมาลงก็เป็นสิ่งที่ดี นอกจากคนอื่นเขาจะได้ร่วมอนุโมทนา(ซึ่งหลวงพ่อฤาษีท่านก็บอกว่าได้รับอานิสงส์มาก) บางที่คนอื่นเขาไม่เคยเห็นไม่เคยไปจะได้รู้จัก ยิ่งเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมาเห็นตามวัดต่างๆจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งก็มีคนไปร่วมงานกันมากมายดูไดัจากเฟสบุ๊ค ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
     
  13. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    DSC_7202.jpg


    วิหารหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดท่าซุง

    อยู่บริเวณด้านหน้าตึกรับแขกหรือตึกจำหน่ายวัตถุมงคล

    ประวัติหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์

    หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นที่เก่าแก่ อยู่ในวิหารหลวงปู่ใหญ่มาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ (หลวงปู่ใหญ่มาบูรณะวัดนี้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ครองราชย์ได้ปีที่ ๙ หลวงปู่ใหญ่ท่านมาถึงวัดท่าซุงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๓๒)

    ในวิหารนี้มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่หลายองค์ส่วนมากจะปั้นเป็นพระพุทธรูปทรงสมัยอยุธยาเป็นเกศหนามขนุนทั้งสิ้น

    ต่อมาพระพุทธรูปบางองค์รวมทั้งหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ถูกพวกมิจฉาชีพตัดเอาเศียรพระไป และมีคนมาปั้นเศียรพระต่อให้แต่ก็ไม่สวยงามเท่าไรนัก โดยปั้นเป็นหน้าคนฟันเหยิน ตาโปน หมุ่นมวยผม

    ดังนั้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ผู้บูรณะได้กราบขออนุญาตจากพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อมหาวีระ ถาวโร หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เจ้าอาวาสวัดท่าซุงในสมัยนั้น) ซ่อมแซมพระพุทธรูปทั้งหมดที่ชำรุด รวมทั้งขอปั้นปูนทับอค์หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ด้วย

    หลวงพ่อท่านอนุญาต และได้กล่าวอีกว่า พระพุทธรูปองค์นี้ เมื่อปั้นเสร็จให้ทำป้ายชื่อติดเอาไว้ พ่อให้ชื่อท่านว่า "หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์"ต่อไปในภายภาคหน้าจะมีคนขึ้นกับท่านมาก และนี่ก็คือประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ตามที่ได้กล่าวมาจนถึงทุกวันนี้...

    สิ่งที่ผู้คนนิยมมาทำบุญแลขอพระกับหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์มากทีเห็นก็คงจะเป็นการถวายผ้าสไบห่มองค์พระ โดยจะมีหลวงพี่องค์หนึ่งท่านนำสวดถวายและขอพรให้ เรียกว่าแบบละเอียดเลยก็ว่าได้

    แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนเยอะขนาดไหน ถ้าคนเยอะเกินไปท่านจะไม่อธิบายมาก แนะนำให้ไปวันธรรมดาคนน้อยๆ ท่านจะเล่าสาระดีๆ ให้เกี่ยวกับหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ให้ฟังอย่างละเอียด

    โดยทั่วไปที่วิหารหลวงพ่อใหญ่แห่งนี้ คนจะหนาแน่นเป็นพิเศษ ในช่วงงานฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง... เพราะเป็นช่วงที่บุคคลทั้งหลายต้องการกำลังใจกันสุดๆ

    เรียกว่าช่วงก่อนงานมโนยิทธิภายในวิหารนี้ แทบไม่มีที่จะให้นั่งเลยก็ว่าได้ ที่แน่นไม่ใช่เพราะอะไร ส่วนใหญ่คนจะมาขอพรให้สำเร็จ ในการได้มโนมิยทธเต็มกำลังกันทั้งนั้น และส่วนใหญ่ก็สัมฤทธิ์ผลซะด้วย...

    ฉะนั้นถ้าใครได้อ่านและปรารถนาที่จะได้ชมบารมีของท่าน ก็ขอเชิญสักการะได้ที่วิหารหลวงปู่ใหญ่ อยู่คู่กับโบสถ์เก่า วัดท่าซุง

    ท่านเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มาก บางท่านได้อธิษฐานจิตขอพรจากท่าน และได้สมความปรารถนาก็มีหลายราย

    ดังนั้นท่านใดที่สนใจจะเข้าชมบารมีหรืออธิษฐานจิตขอพรจากท่านก็เชิญได้ตามที่ปรารถนา ถ้าไม่เกินวิสัยก็ขอให้โชคดี สมความปรารถนาทุกผู้คน


    คาถาบูชาหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์

    ตั้ง นะโม ๓ จบ

    "อิติ สุคะโต นะโมพุทธายะ พุทธบูชา วันทามิ"

    ให้ว่าคาถานี้วันละ ๙ จบ เป็นอย่างน้อย บูชาทุกวัน จัดเป็น "พุทธานุสสติ" และเป็นการเสริมบุญบารมี ความเป็นสิริมงคลแก่ตัวผู้สวดได้เป็นอย่างดี..

    ที่มา: watthasung.com


    DSC_7204.jpg


    ระฆังหมุนหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ สะเดาะเคราะห์รับพระเสวยอายุ

    อยู่ด้านหลังวิหารหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ให้อธิษฐานแล้วปิดทองที่พระประจำวันเกิดแล้วหมุนระฆังหนึ่งรอบ

     
  14. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    DSC_7206.jpg


    DSC_7208.jpg


    DSC_7211c.jpg


    DSC_7212a.jpg


    อนุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช วัดท่าซุง

    ใกล้งานบวงสรวงพระธาตุจอมกิตติ-พระธาตุดอยตุง ที่จะมีขึ้นในวันที ๑๒-๑๓ มกราคมนี้แล้ว

    ขอนำประวัติพระเจ้าพรหมมหาราชแบบย่อมาลงไว้ครับ


    มรดกของพ่อ จัดทำโดยคณะคุณมิตรดา เลิศสุมิตรกุล

    ในสมัยโยนกนคร พระเจ้าพังคราชบรมกษัตริย์พระองค์เสวยราชสมบัติตั้งแต่อายุ ๑๘ ปี พออายุ ได้ ๒๐ ปี ขอมดำยกทัพมา พระเจ้าพังคราช ได้เตรียมทัพออกรบ เพื่อประวิงเวลาในการให้ เด็ก สตรี และ คนชรา หลบหนี พร้อมทั้งเตรียมขนย้ายทรัพย์สมบัติไปซ่อนไว้ แถวดอยตุงบ้าง แม่สายบ้าง การรบครั้งแรก ก็ได้ ปะทะกับทัพหน้า ของขอมดำ พระเจ้าพังคราชก็มีชัยชนะ แต่พอทัพหลวงทัพซ้ายทัพขวาของขอมดำมา ถึงซึ่งกำลังพลมากกว่าเรากว่า ๔ เท่า ในที่สุดพระเจ้าพังคราช ก็ยอมแพ้ เมื่อเห็นว่า ผู้คนที่ให้หลบหนีไป ปลอดภัยแล้ว

    เจ้าขอมดำเมื่อมีชัยชนะ ได้จับพระเจ้าพังคราช ไปพิจารณาโทษ แต่มีอำมาตย์ของขอมดำชื่อ พันจาม เป็นแม่ทัพคนสำคัญ ได้กราบทูลเจ้าขอมดำว่า "พระเจ้าพังคราชไม่มีความผิด เพราะ ไม่ได้ยกทัพตีเรา แต่เรายกทัพมาตีเขา ถ้าจะฆ่าพระเจ้าพังคราช ก็ผิดความมุ่งหมายไปมาก เพราะ เราต้องการพื้นที่ควร จะส่งพระเจ้าพังคราชไปอยู่ที่ วังสีทอง อยู่ทางแม่สาย ให้เนื้อที่อยู่อาศัย ประมาณแสนไร่ และให้ส่งส่วย เป็นทองคำปีละ ๒๐ ชั่ง"

    เมื่อพระเจ้าพังคราช และประชาชนคนไทยถูกต้อนไปอยู่ยังวังสีทอง ความเจ็บปวดแสนสาหัส ความทุกข์ ทรมานที่ถูกขอมดำย่ำยี อย่างโหดร้าย ลูกใคร เมียใคร ที่มันต้องการ มันจะบังคับเอาตามอำเภอใจของ มัน หรือจะฆ่าจะทำร้ายใครก็ทำได้ เพราะ เป็นนโยบายของเจ้าขอมดำที่จะกำจัดคนไทยให้หมดภูมิภาคนี้

    เวลาผ่านไป พระมเหสีของพระเจ้าพังคราช ทรงพระครรภ์ และคลอดพระราชโอรส ให้นามว่า ทุกภิกข แปลว่า เกิดมาในท่ามกลางความทุกข์ เพราะ คนไทยในขณะนั้น ต้องอยู่อย่างอดทน ต่างก็ช่วยกันทำมา หากินพร้อมกับออกไปร่อนทอง เพื่อเป็นส่วนส่งให้ขอมดำ แม้แต่พระเจ้าพังคราชก็เสด็จไปร่อนทองด้วย

    คนไทยซึ่งมีความเคารพใน พระพุทธศาสนา มากมีความเมตตาเป็นปกติ แต่ต้องมาทนทุกข์ทรมานมีความอดยากลำบากยิ่ง ทั้งยังถูกขอมดำกดขี่ขมเหง แต่คนไทยยัง มีการไหว้พระ มีการภาวนา และ เจริญพระกรรมฐานเป็นปกติ ท้าวโกสีย์สักกะเทวราช คือ พระอินทร์ ทราบว่า กรรมเก่าของพระเจ้าพังคราช และราษฎรคนไทยได้สลายตัวแล้ว จึงแปลงกายเป็นเด็กอายุประมาณ ๑๒ ปี เดินมาจากป่าตรงไปหา พระเจ้าพังคราช ทีแรกบรรดาประชาชนก็กันไว้ แต่พระเจ้าพังคราชบอกว่าอย่ากัน "จะเป็นใครมาจาก ไหนก็ตามเราถือว่า เป็นคนเหมือนกัน เราจะต้องอยู่ร่วมกันได้" แล้วเด็กคนนั้นก็เข้าไปหาพระเจ้าพังคราชแนะนำวิธีทำทอง โดยบอกส่วนผสม ที่ใช้ในการหลอมทำทอง คือ แร่เพรียงไฟ ดีบุก แร่ทอง แดง สารปากนกแก้ว และสารอีกชนิดหนึ่ง (ขอปิดไว้) พร้อมบอก สถานที่มีสารแร่เหล่านี้ และทำให้ดูเป็น ตัวอย่าง จะได้ทองคำ ๑๐๐%

    หลังจากนั้นพระเจ้าพังคราช และราษฎรคนไทยก็มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ผ่านไป ๓ ปี ในขณะนั้น "ท้าวผกาพรหม" ได้ไปเรียก "สัพเกศีพรหม" บอกว่า ขณะนี้คนไทยลำบากอยู่ ท่านจะมาเสวยสุข อยู่เฉพาะผู้เดียว โดยไม่เหลียวแลคนไทยที่อยู่ข้างหลังไม่เป็นการสมควร ท่านควรจะ ลงไปเกิดเป็นลูกชายพระเจ้าพังคราช แล้วช่วยกู้ชาติไทย ให้ปลอดภัยจากความเป็นทาส

    หลังจากนั้น ท้าวผกาพรหมก็ประกาศว่า มีพรหมองค์ใดที่นับถือ พระพุทธศาสนา เคยเกิดเป็นคนไทยมา ก่อนจะลงไปช่วยคนไทย ก็มีพรหมอีก ๒๕๐ องค์ลงไปเกิดพร้อมๆกันเป็นสหชาติ และมีพรหมอีก ๓ องค์ บอกว่าจะมาช่วยไปเกิดเป็นช้างคู่บารมี ต่อมา สัพเกศีพรหม พร้อมด้วยพรหมอีก ๒๕๐ องค์ ก็ได้มาเกิด พร้อมกันทุกองค์ ต่างมีรูปร่างผิวพรรณ สวยงามมาก เพราะต่างก็มาจากพรหม โอรสพระเจ้าพังคราชมีนามว่า "พรหมกุมาร" หลังจากพรหมกุมาร และ สหชาติทั้ง ๒๕๐ ได้มาเกิด ความอุดมสมบูรณ์ ก็ปรากฏแก่ประชาชนชาวไทย และ พวกขอมดำก็ลดตัวในการข่มเหงคนไทยลง เพราะคนไทยเกิดความแข็งแกร่งในจิต ในวัยเด็กพรหมกุมาร และสหชาติได้เป็นเพื่อเล่นกัน ที่โปรดปรานมาก คือ การเล่นสงครามการฝึกอาวุธ สร้างอาวุธ ขี่ม้า เป็นต้น

    เมื่อพรหมกุมารอายุได้ ๑๒ ปี คืนหนึ่งได้ฝันว่า วันรุ่งขึ้น ให้ไปที่แม่น้ำโขงจะมีช้าง ๓ เชือก ถ้าจับช้าง เชือกที่หนึ่งได้ จะได้เป็นจ้าวโลก ถ้าจับช้างเชือกที่สองได้ จะปราบชมพูทวีปได้หมด ถ้า จับช้างเชือกที่สามได้จะปราบขอมได้หมด

    พอตื่นเช้าขึ้นมา พรหมกุมารก็กราบทูลให้พระราชบิดาทราบ พระบิดาจึงอนุญาตให้ไปดักช้างได้ ในตอนสายของวันนั้น พรหมกุมารและสหชาติ ได้ไปดักจับช้างตามที่ฝัน แทนที่จะเห็นช้างกลับ เป็นงูหงอนแดง ตัวใหญ่ขาวโพลน ก็ปล่อยไป ตัวที่สองก็เป็นงูหงอนแดงอีก และได้ปล่อยไปอีกรออยู่พักหนึ่งงูหงอนแดงตัวที่สามก็โผล่มา พรหมกุมารจึงให้สหชาติช่วยกันจับพอโดดขึ้นจับคองูหงอนแดงก็กลายเป็นช้างเผือกขาวโพลนเดินทวนน้ำมาได้ทั้งๆ ที่น้ำไหลหลากมาก แต่ช้างไม่ยอมขึ้นฝั่ง พรหมกุมารจึงให้สหชาติไปกราบทูลพระราชบิดา ให้ทรงทราบ พระเจ้าพังคราชจึงให้โหรทำนายโหรได้ บอกว่า ต้องเอากระพังทองไปตีล่อจึงขึ้นมา
    ในที่สุดพรหมกุมารก็ได้ช้างพลายประกายแก้ว มีความสวยงดงามมากมีสีขาวเป็นประกายคล้ายแก้วการ เลี้ยงดูก็ปล่อยเป็นอิสระ ช้างพลายประกายแก้วจะไปไหน จะเข้าป่า ก็ไม่มีสัตว์ตัวใดกล้า ทำร้าย ช้างป่าก็ เข้ามาเป็นบริวารมากมายโดยไม่ต้องไปต่อหรือไปดึงมา

    เมื่อพรหมกุมารอายุได้ ๑๖ ปี พระเจ้าพังคราชให้แต่งงานมีภรรยา ต่อมา พรหมกุมารกราบทูลพระราชบิ ดาว่า "ต่อไปนี้เราจะไม่เป็นผู้แพ้ ดินแดนของเราอยู่เพียงไหน เราจะยึดเอามาให้หมด แล้ว จะยึดพื้นที่อีกไม่น้อยกว่า ๔ เท่า"
    พรหมกุมารก็เริ่มสะสมอาวุธ ฝึกการรบ เตรียมไพร่พล เพื่อกู้เอกราช เมื่อเตรียมการเสร็จก็ได้งดส่งส่วย ให้ขอมดำ เมื่อขอมคำรู้ว่า คนไทยงดส่งส่วย แสดงว่า แข็งเมือง จึงยกทัพมาตี ฝ่ายไทยเตรียมพร้อมอยู่ แล้วจึงจัดทัพออกไปรบทันที

    การรบแม้ไทยมีกำลังน้อยกว่าถึง ๔ เท่าแต่การรบครั้งนี้ กำลังใจของคนไทยแข็งแกร่งมากเพราะการรบ ครั้ง นี้ รบเพื่อหวังประโยชน์สองอย่าง คือ ๑.รบเพื่อหวังอิสรภาพ ไทยต้องเป็นไท ๒.รบเพื่อขับไล่ขอมดำให้ออกไปนอกเขตไทย
    ในที่สุด พรหมกุมารและสหชาติ ใช้กลยุทธต่าง ๆ ในการรบ จนสามารถขับไล่ขอมออกไปจากเขตแดน ไทยได้ แต่ในการไปตีเมืองขอม ภรรยาของพรหมกุมาร ซึ่งได้ออกรบด้วย ได้ถูกขอมฆ่าเสียชีวิต ทำให้ พรหมกุมารโกรธแค้นขอมมาก ได้ไล่ล่าฆ่าขอมเป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน จึงหยุดพักทหารแล้วจึงเคลื่อนทัพ ไล่ฆ่าขอมต่อขึ้นชื่อว่าขอมจะต้องไม่มีชีวิตอยู่ ไล่ไปจนถึงเมืองกำแพงเพชร

    พระอินทร์เห็นว่า ถ้าปล่อยให้ฆ่าต่อไป จะบาปมากเกินไป จึงให้ท่าน วิษณุกรรมเทพบุตร มาทำให้ทหารหมดกำลัง และสร้างกำแพงแก้วกั้นทัพของพรหมกุมารไว้ ซึ่งพรหมกุมารเอง ก็คิดว่า การเก็บล้างขอมก็ ยากแล้วแค่นี้ก็พอ และเจ้าเมืองกำแพงเพชร ก็ไม่ต้องการจะทำศึกจึงได้ยกพระธิดา ให้สมรสกับ พรหมกุมาร

    ในขณะที่ทำศึก พรหมกุมาร ก็ได้กราบทูลพระราชบิดา ขอเป็นกษัตริย์ชั่วคราว เพื่อสะดวกในการออกคำ สั่งเมื่อเสร็จศึก พรหมกุมารจึงได้เชิญพระราชบิดา ขึ้นเสวยราชสมบัติ ให้พี่ชาย คือ เจ้าชายทุกภิกขเป็น อุปราช ส่วนพรหมกุมารอยู่รักษาเมืองกำแพงเพชรรวมทั้งหมดที่พระเจ้าพังคราชเป็นทาสขอมดำ ๒๒ ปี

    ต่อมาพระพุฒโฆษาจารย์ ซึ่งเป็นไทยใหญ่ ท่านได้นำพระไตรปิฎก และพระบรมสารีริกธาตุมาถวายพระเจ้าพังคราช พระองค์ได้ให้โอรสทั้งสององค์ ร่วมกันบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ บนดอยน้อย คือ พระธาตุจอมกิตติ แล้วสร้างเจดีย์ โดยใช้แผ่นทองคำ หุ้มองค์เจดีย์ เวลาต่อมาพระเจ้า ผาเมือง ทรงสร้างเจดีย์ องค์ใหญ่ทับไว้อีกชั้น

    สมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์ ท่านได้ชี้จุดบนดอยน้อย ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประทับ ณ ที่ นี้ทรงอธิษฐาน ให้เส้นพระเกศาของพระองค์ หลุดติดพระหัตถ์มา ๓ เส้น เมื่อทรงเสยเกศาแล้วพระพุทธ องค์ทรงฝังเส้นพระเกศา โดยการอธิษฐานให้จมลงไปบนดอยน้อยนั้น แล้วทรงพยากรณ์ว่า "เขตแดนนี้ ต่อไปจะมีนามว่า โยนกนคร จะมีความเจริญรุ่งเรืองมาก จะสามารถรักษา พระพุทธศาสนา ไว้ได้ครบ ๕,๐๐๐ ปี" พรหมกุมารก็ได้เสวยราชสมบัติต่อจากเจ้าชายทุกภิกข มีพระนามว่า พระเจ้าพรหมมหาราช ปกครอง โยนกนครสืบมา พระองค์ก็เจริญพระกรรมฐาน ทรงฌาณสมบัติ เมื่อทรงทิวงคตก็ไปเป็นพรหมตามเดิม
     
  15. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    หลวงพ่อฤาษี22.jpg


    พระคำข้าว

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี เคยถามสมเด็จองค์ปฐมว่า มีใครเคยทำพระคำข้าวบ้าง

    ท่านตรัสว่ามี สมเด็จโต หลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง


    เกร็ดความรู้จากหลวงพ่อเรื่องพระคำข้าว

    อันดับแรกที่เราจะทำอะไรทั้งหมด ตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงด้วยความเคารพ เพื่อหวังพระนิพพานก็ตาม นึกถึงเพื่อขอลาภสักการะก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้าเหมือนกัน อันดับแรกนะ อย่างมี พระคำข้าว พระคำข้าวน่ะ หนักไปในทางลาภสักการะ อย่างอื่นก็มีหมด แต่ลาภน่ะหนักมาก และก็หยิบขึ้นมาพนมมือ สาธุ ว่า นะโม ตัสสะ ใช่ไหม ว่านะโมตัสสะ ด้วยความเคารพ และอธิษฐานว่า วันนี้ต้องการ...(ลาภอย่างไร)

    เป็นอันว่า เราอยากจะให้ค้าขายดี ทำราชการดี เมตตาปราณี อะไรก็ตามเถอะ ก็อย่าลืมว่าเวลานั้นเรานึกถึงพระพุทธเจ้า เราขอบารมีจากท่าน อย่างนี้ถือว่าเป็น ฌาน ในพุทธานุสติกรรมฐาน ถ้านึกถึงทุกวันนะ ถ้าถึงเวลาแล้วต้องทำอย่างนั้นทุกวัน ถ้าไม่ทำแล้วไม่สบายใจ นั่นเป็นฌานในพุทธานุสติ เป็นของง่าย ๆ เพราะวันนี้ท่านบอกให้พูดง่าย ๆ ใช้วิธีง่าย ๆ นะ ก็ว่าตามท่าน

    ...ทีนี้เมื่อเมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัท นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้ว อย่าลืมพระที่คอ นี่คือพระพุทธเจ้า อย่าง พระคำข้าว เป็นพระพุทธชินราช อย่าลืมน่ะ คือก็เหมือนกับพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งนั่นแหละ เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าท่าน

    และเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านก็มาทำ อันนี้ไม่ได้โฆษณานะ พูดให้ฟัง คือเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าทุกองค์เสด็จมาหมด สมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน อยู่ข้างบนใช่ไหม

    และสมเด็จองค์ปัจจุบันคุมฉัน ท่านปล่อยกระแสจิตพุ่งสว่างเป็นลำพุ่งมาที่ใจฉัน แล้วบอกเธอนั่งนิ่งๆ อย่าคิดถึงเรื่องอะไรทั้งหมด ห้ามดูอะไรทั้งหมด ให้ทรงอารมณ์เฉยๆ ๑๐ นาที ก็ทำตามท่าน แล้วท่านก็สั่งว่า ให้ว่าอิติปิโสฯ หลัง ๑๐ นาทีแล้ว ท่านบอกดูได้พุ่งใจไปที่ของได้ พอพุ่งใจไปที่ของ ที่เห็นเป็นลำ ไม่เห็นของที่ปลุกเลย แสงพระพุทธเจ้ากลบหมด หนามาก

    พระคำข้าว เด่นทางมหาลาภ มีรูปพระพุทธชินราช ด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ

    หลวงพ่อเคยบอกว่า สมเด็จเด็จองค์ปฐม ได้ให้พระพุทธกัสสป-พระพุทธทีปังกร คุมเรื่องลาภ


    (คัดลอกจากหนังสือธัมมวิโมกข์ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๖๓)

     
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,494
    ค่าพลัง:
    +53,107
    IMG_25620108_120901.JPG IMG_25620108_120901.JPG IMG_25620108_120901.JPG IMG_25620108_120901.JPG
     
  17. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    30806098_1236023306528640_5802182836902671738_o.jpg


    มีดหมอหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    (รุ่นปรากฏการณ์เดิม ด้ามบรรจุเกศาและมวลสารเก่าหลวงพ่อเดิม)

    สุดยอดเครื่องรางสะท้านแผ่นดิน

    " หมากดี ที่วัดหนัง ถ้าเบี้ยขลัง วัดนายโรง
    ไม้ครู คู่วัดอินทร์ ส่วนมีดบิน วัดหนองโพ

    พิสมร วัดพวงมาลัย ครั่งเหลือร้าย วัดโตนดหลวง

    ราหู คู่วัดศรีษะ แหวนอักขระ วัดหนองบัว

    ลูกแร่ ที่วัดบางไผ่ ฤทธิ์เหลือร้ายหาใดปาน

    เก้าสิ่งล้วนเป็นมงคล ทั่วทุกคนควรค้นหา

    ติดกายยามยาตรา ภัยมิกล้ามาแผ้วพานฯ "


    นี่คือบทโคลงกลอนที่นักสะสมครื่องรางของขลังในยุคเก่าก่อนได้กล่าวถึง ๙ เครื่องรางของขลังทรงคุณค่าที่ควรมีไว้คู่กาย อันได้แก่ ๑. หมากทุยหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ๒. เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง ๓.ตะกรุดไม้ครู หลวงปู่ภู วัดอินทร์ ๔. มีดหมอ (มีดบิน) หลวง่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ๕. ตะกรุดพิสมรหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ๖. ตะกรุดอุดครั่งหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ๗. ราหูหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง ๘. แหวนอักขระหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ๙. ลูกสะกดเนื้อแร่บางไผ่ หลวงปู่จันทร์ วัดโมลี...

    คาถาบูชามีดหมอหลวงพ่อเดิม

    สักกัสสะ วะชิราวุธัง
    เวสสุวัณนัสสะ คะทาวุธัง
    ยัมมะนัสสะ เนยยะนาวุธัง
    อาฬะวะกัสสะ ทุสาวุธัง
    นะรายัสสะ จักกะราวุธัง
    ปัญจะอะวุทธานัง เอเตสัง อานุภาเวนะ
    ปัญจะอะวุทธา ภัคคะภัคขาวิจุณณัง วิจุณณาโลมัง
    มาเมนะพุธสันติ คัจฉะอะมุมหิ
    โอกาเส ติถาหิ​


    พระคาถานี้มีชื่อว่า “คาถาอาวุธ ๕ ประการ”
    เทพศาสตราวุธ...ที่ทรงอิทธิฤทธิ์ ๕ อย่าง คือ

    วัชระ...อาวุธของพระอินทร์ ซึ่งเป็นเทพศาสตราวุธที่มีอานุภาพรุนแรงเหมือนสายฟ้า มีความแข็งแกร่งประดุจเพชร
    กระบอง...ของท้าวเวสสุวรรณ ที่บรรดาภูตผีทั้งหลาย ล้วนเกรงกลัวต่อท้าวเวสสุวรรณทั้งสิ้น
    นัยน์ตา...ของพญายมราช ที่เพ่งมองแล้ว ภูตผีทั้งหลาย...จะถูกเผาไหม้พินาศไป
    ผ้าแดง...ของอาฬาวกยักษ์ ถ้าปล่อยในอากาศ ฝนก็จะไม่ตกถ้าปล่อยในแผ่นดิน ต้นไม้และหญ้าทั้งปวง ก็จะเหี่ยวแห้ง ถ้าปล่อยในสมุทร น้ำทั้งหมด ก็จะเหือดแห้ง
    กงจักร...ของพระนารายณ์ ใช้ปราบสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง​

     
  18. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    DSC_5091.jpg


    DSC_5144.jpg


    DSC_5109.jpg


    ๑๕ มกราคม ครบรอบวันละสังขาร หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง

    คำสอนหลวงพ่อเกษม

    ๑. การเห็น เป็นเหตุแห่ง การคิด
    ... การคิด เป็นเหตุแห่ง การเห็น
    ... ถ้าคิดดี ก็เป็นทางเย็น
    ... หากคิดไม่เป็น ก็เย็นสบาย

    ๒. ตายเป็นเหม็นเน่า เราเขาเหมือนกัน
    ... อยู่ไปทุกวัน ใครได้ก็ดี ใครมีก็ได้

    ๓.มาไหว้ทำไม มีแต่ขี้ไคล
    ...ไม่แปลกอะไร พระไทยเหมือนกัน
    ...ไม่ใช่ฝรั่งเยอรมัน แมดอินไทยแลนด์

    ๔.หมั่นดีมีมาก เกียจคร้านนักไม่ดี
    ...เกียจดีมาก หมั่นนักไม่ดี

    ๕.เงินก็ได้ ไส้ก็เต็ม
    ...มาหาท่านเกษม ไส้เต็ม เงินได้

    ๖.ตายเพราะอยาก ลำบากเพราะกิน
    ...ส่วนผู้ถือศีลไม่ควรกังวล ผู้ถือธุดงค์กรรมฐานอยู่ป่า

    ๗.ไม่กินก็อยาก ไม่ปากก็ใจ
    ...สารพัดยัดเข้าไป ถ้าเจ็บท้องไม่ร้องหาใคร
    ...นอนอยู่ในป่าช้าผู้เดียว สวัสดี

    ๘.ยามจนคนดูแคลน แฟนก็ไม่มี สิบโท สิบตรี หนี้สินรุงรัง
    ...ยามไม่จน คนไม่ดูแคลน แฟนมี สิบโท สิบตรี หนี้สินไม่รุงรัง สวัสดี

     
  19. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    DSC_7226.jpg


    DSC_7229.jpg


    DSC_7232.jpg


    หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

    หลวงปู่ศุข เป็นพระเกจิระดับตำนานอีกองค์หนึ่ง เรื่องราวของท่านเป็นที่เล่าขานและชื่นชอบกันในหมู่ผู้นิยมขลังหรือเรื่องอภินิหาร ไม่ว่าจะเป็นการเสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย เสกคนให้เป็นจระเข้ เสกใบมะขามเป็นต่อเป็นแตน จุดเทียนระเบิดน้ำลงไปจารตะกรุดโดยจีวรไม่เปียก และอีกสารพัด และเหรียญของท่ายยังติดอยู่ในเบญจภาคีแห่งเหรียญอีกด้วย เรียกว่าทั้งขลังและแพงสุดๆ นอกจากท่านจะเป็นอาจารย์ของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรแล้วยังเป็นครูบาอาจารย์ของพระเกจิผู้มีความเข้มชลังในยุคหลังอีกมากมาย

    วัดปากคลองมะขามเฒ่าคงจะมีความเกี่ยวเนื่องกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง อยู่ไม่มากก็น้อย เพราะท่านเคยอยู่จำพรรษาที่นี่อยู่ราวๆ ๒ ปี ประมาณปี ๒๕๐๘ และที่วัดท่าซุง ในศาลาหลวงพ่อ ๕ พระองค์ ก็มีรูปหล่อหลวงปู่ศุขอยู่ด้วย


    DSC_7230.jpg


    คาถาหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

    ตั้งนะโม ๓ จบ

    "สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ มะอะอุ"


    คาถาอาราธนาพระเครื่องหลวงปู่ศุข

    ตั้งนะโม ๓ จบ ระลึกถึง(หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) แล้วภาวนา

    "อิติอะระหังสุคะโต เกสโรนามะเต ประสิทธิเม อิหิอะโห นะโมพุทธายะ"
     
  20. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    DSC_7243.jpg


    DSC_7244.jpg


    DSC_7245.jpg


    DSC_7249.jpg


    วิหารหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

    วิหารตรงจุดนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าวัด ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งปัจจุบันทางวัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ปรับปรุงจัดระเบียบภายในวัดใหม่ และปรับภูมิทัศน์ด้านหน้าวัดให้สวยงาม ตามความรู้สึกผมว่าวัดที่อยู่ติดแม่น้ำเป็นอะไรที่มีเสน่ห์มาก หากทำให้สวยๆยามเย็นแดดร่มลมตก ชาวบ้านก็ได้มานั่งพักผ่อน รับกระแสบารมีจากองค์หลวงปู่ได้


     

แชร์หน้านี้

Loading...