เรื่องเด่น อานาปานะ (สติ) แบบพระพุทธเจ้า

ถามทำไมล่ะ...จะได้โม้ไปเรื่องอื่น ไช่มั้ยล่ะ เผื่อผมจะไม่รู้เรื่อง งั้นสิ อิอิ

ไอ้นั่ง สมาธิ ดูลมเข้าออก พุทธโท พ้นกาย พ้นเวทนา พ้นลม จนเข้าสู่แสงสว่าง ที่ไร้ตัวตน เราลอย เบา เหมือนอยู่บนอากาศ ความว่าง เนี่ย ตอน ปฺ3

แต่ก็งั้นแหล่ะ มันไม่เกิดปัญญา ปล่อยวาง กาย เวทนา จิต อวิชชา ได้จริง
จนต้องมาฝึก แยกจิตออกนอกกาย เอาจิตมาดูกายทั้งกาย แบบสติปัฏฐานสี่
แบบนี้ จึง รู้เห็นทั้งกาย ทุกเวทนา ทุกผัสสะ ทุกความคิด..ตรงนี้ จึง เข้าไปรู้เห็น ตัวที่คิด...คือใจ...จนจิตมัน วางกาย เวทนา ใจ ความคิด ได้จริง จึงเกิดปัญญา..เข้าใจไตรลักษณ์...เข้าสู่โหมด อรูปธรรม คือ เข้าสู่ โลกแห่งจิตหนือตัวรู้ ที่แท้จริง...(เรื่องขันธ์5)..แล้วค่อย มีบทต่อไป อิอิ

 

อ้าวๆๆๆ คุณก็โม้มาเยอะเหมือนกันนี่...ก็ช่วยเขาไปซี้...เกี่ยวไรกับผม
ผมจะแนะนำไปทำไม ในเมื่อไม่รู้จักกัน.เลย อิอิ

 

นั่นแหละเครื่องทดสอบความรู้ คิกๆๆ

พูดยังงี้ได้ยังไง คุณรู้จักสมช.พลังจิตทุกคนหรอ อิอิ

 

คุณปฏิบัติมาแบบนี่หรอ

 

แหย่อีกสักที ทั้งนิวรณ์ วรณ์นิ เราจะโต นี่เขาฝึกจนพบจิตแพทย์มาแล้ว อ้าวดู (นำมานิดหน่อย)

ถ้าการฝึกสมาธิมันเสี่ยงกับการเป็นบ้า ทำไมเราถึงสนับสนุนคนให้ฝึกกันละคะ เพราะก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าตัวเองมีเชื้อบ้าอยู่ในตัวไหม น่าจะสนับสนุนให้ศึกษาธรรมมะให้เข้าใจก็พอแล้ว คนที่เข้าใจธรรมมะจากการศึกษาก็พ้นทุกข์ได้ ไม่เห็นต้องมาเสี่ยงปฏิบัติ

ดิฉันไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อมากก่อนไหม แต่รู้ว่าตัวเองสุขภาพจิตดีก่อนเกิดเหตุ
แต่เคยได้ยินว่าฝึกแล้วอาจจะบ้าได้ แต่เสียดายไม่เคยคิดเลยว่ามันใกล้ตัวไป ก็ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรในการฝึก
ทำไปตามปกติสบายสบาย จนมันผิดปกติถึงได้พยายามแก้ไขเอง นี่เองจุดหักเข้าสู้ความตาย
พอเห็นอาการทางกายหายไป แล้วดิฉันเริ่มหลง เพราะเห็นพระที่ดิฉันนับถือที่สุดในชีวิตเอาพระองค์เล็กๆใส่มาในตัวเรา
ต่อจากนั้นก็รู้สึกไปว่าติดต่อทางจิตกับท่านตลอดเวลา... เจอมุขนี้ มือใหม่จะรับมือไหวได้ยังไง

หมอยังทำให้เบาใจได้ระดับนึงคือเขาคิดว่ามันเป็น Bipolar มากกว่า schizophrenia
(ข้อแตกต่างของสองอันคือ schizophrenia จะไม่มีทางหาย แต่ bipolar หายได้)

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/10/Y9785609/Y9785609.html

 

ไอ้ผมเคย อาการ ปวดหัด เหมือน ไฟฟ้า ช๊อต มันวิ่งจาก นอกกระโหลกเข้าไปจี้ในกลางศรีษะ ไฟวิ่งจี๊ดแต่ละที มันทั้งมัน ทั้งปวด น้ำตาไหล แทบล้มทั้งยืน ก็ไปหาพระ ให้พระเป่าให้ไง

กลับมาบ้าน ก็นอนนิ่งๆ ทำสมาธิ เอาสติจับที่ เดียวคือ ที่ไฟฟ้ามัยวิ่งนั้นแหล่ะ สติไม่จับส่วนอื่นของกายเลย...รู้ตามไฟที่ จี๊ดนั้น จนมันหลับไปเองไง

 

คุณทำยังไง จึงเป็นยังงั้น

 

พระเป่าให้แล้ว ไฟที่วิ่งจี๊ดมันไปไหนต่อ ตอนนี้ยังจี๊ดอยู่ไหม

 

ดูซิ-ถามนี่ไม่ได้รู้เรื่องเลย-ไมไ่ด้เข้าใจเลยว่า จิต ..เขาทำงานอย่างไร ถามมาเหมือนคนบ้าไม่มี-สติเอาเลย..มาจากดิน

ตอบ..จิตเขารับ-เสพ ได้ทีละอารมณ์ เมื่อลมหายใจแผ่ว-นิ่ง-แสดงว่าสภาวะ จิต ขณะนั้นเขากำลังจะสงบ..แต่อยู่ๆกลับมีสภาวะฟุ้งซ่านเกิดขึ้น..จิตที่สงบ..เสือกวิ่ง..รีบมารับสภาสวะฟุ้งซ่านแทน..
โถ ไอ้คนถามนี่ไม่บ้า-ก็เมา นี่มันนั่งมโนแล้วพี้กัญชารึไง มาจากดิน ยังจะมาถามอีกผมควรจะเอาจิตไปจับกับอะไรครับ..ไม่ได้เข้าใจ สภาวะที่กำลังเกิดกับจิต-ในขณะนั้นๆเลย-ว่ามันเป็นไปได้ไหม-หากจิตสงบแล้ว เขามีแต่สะดุ้งตกใจตื่น-ไอ้นี่บอกฟุ้งซ่านเข้ามาแทนที่-มันเป็นไปได้รึ-ตามกริยาขณะนั้นๆนะ -คุณนี่นะ มาเปิดเวบ-โปรโมทตนเอง -เอาจิตไปจับขี้โคลนไป

 

แปลเป็นไทยให้ด้วยเด้อ อ่านไม่เข้าใจ
ก็ การแยกจิตดูกายของผม มันไม่ได้หลับตา มันจะบ้าได้ไง
แต่ก็นะ พอเข้าสู่โหมด อรูปธรรม เนี่ย ก็บ้าตาม สภาวะจิตอื่น บ้างไง
เออ บ้าตาม ที่เคยอยากได้ อยากเป็นไง...เช่นบ้าเป็นพระเจ้า บ้าเป็นเทพ บ้าเป็นพระอรหันค์...อ้าว..ก็ ต้อง ลองบ้า ลองเป็นดู หลายๆอันมั่งสิ จะได้รู้ได้เองไงว่า เมื่อเป็นสิ่งนั้น แล้ว ได้อะไร รู้อะไร บ้าง เข้าใจอะไรบ้าง...ไง

อิอิ

 

มั่วไปเรื่อย คิกๆๆ

 

ก็ตั้งแต่ตอนนั้น ก็หันหน้าเข้าวัด ปฏิบัติธรรมไง...(เหมือนโดนบังคับ กลายๆ)
ก็เข้ามาเจอเวปพลังจิต ตั้งแต่ตอนนั้น แหล่ะ

หายนานแล้วครับ ...ตั้งแต่อธิฐาน ปฏิบัติธรรม มาโน่นแหล่ะ นานหลายปีแล้ว

 

แยกกายแยกจิตลืมตา ไม่บ้า เคร
อรูปธรรมนี่มันอะไร ทำยังไง จึงเข้าโหมดอรูปไปได้ วานบอกเป็นวิทยาทานหน่อยขอรับ

 

มาจากดิน..
อ้อ..นี่คุณเป็นจิตแพทย์รึนี่ -เอาคำถามคนบ้า-จากศรัธัญญามาถาม-มาถามรึนี่..มิน่าดูคุณเพี้ยนๆชอบกล ..รักษาตัวด้วยนะไปพักผ่อนไป

 

ตอนนี้หายเป็นปกติแล้วหรือขอรับ พระวัดไหนนะเป่าเก่งจัง

 

มีทั้งลิงค์ มีทั้งที่เขาทำแล้วเป็นยังงั้น เราจะโตยังแยกไม่ออก ข้าพเจ้าก็ได้แต่ส่ายหน้าเป็นพัดลมไปละขอรับ

 

อย่างว่าละนะ สภาวธรรมมันชวนให้บ้า ชวนให้หลงได้ทุกขั้นทุกตอน ไม่แปลกที่จะหลง จะเพี้ยน อ้าวให้ดูอีก

คือฝึกสมาธิเองมาตลอด มีหลายครั้งมากที่เกิดอาการแปลกๆกับตัวเอง เคยนั่งบริกรรมพุธ-โธไปเรื่อยๆ แล้วอยู่ดีๆก็รู้สึกว่าตัวเองตัวใหญ่มาก...และอีกอย่างที่สำคัญ เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากบริกรรม ไปเรื่อยๆ จนรู้สึกนิ่งมาก เห็นตัวเองไม่ใช่ตัวเองคะ เห็นตัวเองเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ตัดผมสั้น ใส่ชุดขาวทั้งชุด ภาพมันจะสลับกันไปคะ ระหว่างดิฉันกับผู้ชายคนนั้น และเห็นหลายวันมาก ทุกวันเป็นคนคนเดิมและคนเดียวกัน พอจะทราบไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้น ดิฉันพยายามไม่สนใจคะ แต่ก็เห็นอยู่ดี

 

วิธีแยกจิตคือ สติกำหนด เงาร่างจำแลงของตนเองขึ้นมา อีกร่าง ตรงข้ามกับร่างจริง หันหน้า เห็นกัน ห่างกันสัก สองเมตร (ประมาณเห็นเงาตัวเองในกระจกน่ะ) เสร็จแล้ว เราย้ายมุมมอง สติ จากร่างจริง ย้ายเอาออกไปไว้ที่ ร่างจำแลงนั้น (แปลว่า มุมมองในจิต จะเห็นเป็นมุมที่ตัวจำแลงมองเห็นร่างจริงๆของเรา นั่นเอง)..ตอนแรก มองเห็น กัน หน้าต่อหน้า..แต่ต่อมา ย้ายร่างจำแลงนั้นเปลี่ยนไปเป็นมุมมอง ทางด้านข้าง ด้านหลัง ของร่างจริง..ต่อมายกร่างจำแลงนั้นให้สูงขึ้นจากพื้น ลอยสูงให้พ้นศรีษะ ทำมุม 45% กับร่างจริง (แปลว่า ภาพที่เห็นในจิต จะเห็น เป็นเหมือนเรามีกล้องวงจรปิด ที่มองดูร่างจริงของตนเอง จากมุมเบื้องสูง อยู่ตลอดเวลา ทางด้านหลัง)..เมื่อชำนาญ สติเราจะฝึกโดย ยกกำหนดร่างจำแลง ยกขึ้น ไปทางด้านหลังขึ้นข้างบนได้เลย
แล้ว สติจะกำกับให้เห็นภาพมุมสูง มองดูร่างจริง ของตนเอง มันทำกิจกรรม ทุกอย่าง..หมดเลย และรับรู้ ทุกอารมณ์ ทุกเวทนา ที่ร่างจริง มันรู้สึกไง

เหมือน ตามดูตามรู้ ตัวจริง เล่นละครใบ้
..แต่ถ้าจะพูด จะคุย ต้อง เอาสติและร่างจำแลง มันกลับลงมารวมกับร่างจริงด้วยนะ ไม่งั้นร่างจริง จะพูดคุย ไม่ได้ไง

จน..จิตมันตามดูตามรู้ ทุกผัสสะกาย ทุกเวทนา มันจะเห็นความจริงแล้ว ปล่อยวาง ตามจริงไง

จนรู้เห็น ทั้งความคิด เห็นตัวใจ จนวันนึง มัน ปล่อยวาง กายใจ ไปไง

เมื่อจิต วางกายใจ จิตเลย ยกระดับลอยออก ลอยสูงขึ้น ไม่จมโลก มันเลยเข้าสู่ สภาวะ อรูปธรรมไง...จิตล้วนๆ

เรื่องก็เป็นแบบนี้แหล่ะ..เล่าย่อ แล้วนะเนี่ย

 

เห็นไหมสามสหาย คุณจะใช้พุทโธ ธัมโม สังโฆ พอง-ยุบ นับเลข เมื่อจิตถึงความสงบบ้างแล้ว ผู้ปฏิบัติที่ขาดผู้รู้แนะนำ จะเพี้ยน จะเตลิด จะหลงกันก็ตอนนี้แหละขอรับผม

 

มันเป็นของมันเอง...มั้ง จะรู้ได้ไง ใครอยากเป็นล่ะ