เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    นำดอกไม้ปลายฤดูร้อนมาฝากพวกเราชาวห้องวิทย์ตามสัญญา
    ด้วยความรักและคิดถึงทุกๆคนอย่างยิ่งค่ะ(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_5092.jpg
      IMG_5092.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.7 KB
      เปิดดู:
      21
    • IMG_5095.jpg
      IMG_5095.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.2 KB
      เปิดดู:
      19
    • IMG_5099.jpg
      IMG_5099.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.9 KB
      เปิดดู:
      22
    • IMG_5102.jpg
      IMG_5102.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.2 KB
      เปิดดู:
      28
    • IMG_5131.jpg
      IMG_5131.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.8 KB
      เปิดดู:
      16
    • IMG_5263.jpg
      IMG_5263.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.5 KB
      เปิดดู:
      18
    • IMG_5275.jpg
      IMG_5275.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.5 KB
      เปิดดู:
      17
    • IMG_5287.jpg
      IMG_5287.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.2 KB
      เปิดดู:
      22
    • IMG_5288.jpg
      IMG_5288.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.6 KB
      เปิดดู:
      42
    • IMG_5292.jpg
      IMG_5292.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.3 KB
      เปิดดู:
      16
    • IMG_5351.jpg
      IMG_5351.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.3 KB
      เปิดดู:
      14
    • IMG_5375.jpg
      IMG_5375.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.9 KB
      เปิดดู:
      23
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2008
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ;aa28

    สวัสดีครับพี่นักเขียนฯ ดอกไม้ในสวนหลังบ้านสดสวยตลอดทั้งปีเลยนะครับ
    วันนี้มาตอบข้อสงสัยให้พวกเราฟังชัดเจนจริงๆครับ ต้องขอขอบคุณมากครับ
    เพราะกำลังคุยกันเรื่องนี้หลังห้องพอดีครับ การเผชิญผีอำ-ถูกตามไล่ล่า..ฯลฯ
    ขอนำประโยคสำคัญๆมาพิจารณากันอีกรอบ..เพื่อจะได้บันทึกเอาไว้ในจิตวิญญาณ
    และไม่ต้องกลัวอีกต่อไป ด้วยเหตุการณ์ทางจิตที่ดูเหมือนจะน่ากลัวทั้งหลายทั้งปวงครับ


    "การเผชิญกับจิตวิญญาณ คือ การเผชิญกับ ข้อมูลความรู้ และความทรงจำข้ามชาติภพ
    ที่ถ่ายทอดมาสู่สติสัมปชัญญะด้วยอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด............"

    "โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติที่เราเผชิญในความฝันก็ดี ในภวังค์สมาธิก็ดี
    คือ ภาวะจิตของตนเอง ไม่ว่าสิ่งใดจะปรากฏขึ้นในโลกหลากมิตินั้น
    มันเกิดขึ้นจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราเสมอ......"

    "ประสาทสัมผัสภายในเป็นเครื่องรับ-เครื่องส่ง ที่รับส่งข้อมูลความรู้ด้วยด้วยอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด เรามักจะตีความหมายข้อมูลความรู้เหล่านั้นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เราคุ้นเคย แทนที่จะรับข้อมูลความรู้ที่กว้างไกล-เข้มข้น เต็มไปด้วยสาระ หรือ ข้อมูลที่ท่วมท้นไปด้วยความลุ่มลึกของอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด..."

    :z3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2008
  3. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ขอบคุณข้อมูล ความรู้ ที่ไม่ว่าจะอ่านกี่รอบ ก็ช่วยขยายสติสัมปชัญญะให้ขยายตัว และกว้างไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    ความรู้ที่ลึกซึ้งเหล่านี้ ต้องอ่าน ทำความเข้าใจ ฝึกปฎิบัติ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกเลยทีเดียวครับ:z10
    พี่นักเขียนอธิบายได้ครอบคลุม และชัดเจนมากๆครับ
    ดอกไม้หลังบ้านก็สวยด้วย มีแมลงตัวเล็กๆเกาะอยู่ด้วย 1 ตัว ขอเก็บมาหมดเลยละกันนะครับ ;aa46
     
  4. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขอขอบพระคุณพี่นักเขียน มากค่ะ..
    เวลาคุณครู ไม่อยู่ นักเรียนแตกแถวเล็กน้อย
    แต่สัญญาค่ะ จะไม่ดื้อ ไม่เกเร แต่ขอซนบ้างนิดหน่อย..ได้มั๊ยค่ะ
    ข้อความที่ยกมา ขอสัญญาด้วยเกียรติ ของห้องวิทย์ฯ...ว่าไม่เคย ละเลย จริงๆค่ะ
    love_รัก และ คิดถึง พี่นักเขียนเสมอค่ะ..
     
  5. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    การรักษาโรคด้วยตนเอง



    การรักษาโรคด้วยตนเอง ด้วยการจดจ่อกับความเจ็บไข้ได้ป่วย กับ การเบี่ยงเบนความสนใจออกไปจากความเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่บางคนอาจข้องใจว่า เหตุใดบางครั้งการเบี่ยงเบนความสนใจออกไปความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ทำให้เราหายป่วยได้เช่นกัน ทั้งๆที่บางคนกลับบอกว่า การทำสมาธิคือการจดจ่อกับความเจ็บปวดนั้นๆ หรือการนำเอาความเจ็บปวดนั้นมาเป็นจุดวางจิต จะทำให้รักษาโรคได้หายขาด ในเมื่อการกระทำทั้งสองทิศทาง ดูเหมือนจะตรงกันข้าม ทิศทางใดคือวิธีการที่รักษาโรคได้จริง? และเป็นเพราะเหตุใด?

    จากประสบการณ์ส่วนตน พี่นักเขียนเคยป่วย เคยมีโรคประจำตัวหลายโรคด้วยกัน พี่นักเขียนพบว่า การเบี่ยงเบนความสนใจออกไปจากความเจ็บป่วย ทำให้ลืมความเจ็บป่วยนั้นๆได้จริงไม่มากก็น้อย อาการบางอย่างจะจางหายไป เช่น อาการปวดศีรษะที่แทบจะทนไม่ได้ จางหายไป แต่มันอาจกลับมาได้อีก หรือแปลงสภาพเป็นความเจ็บป่วยชนิดอื่นๆ เพราะการเบี่ยงเบนความสนใจออกไปจากความเจ็บป่วย ไม่ได้รักษาภาวะจิตอันเป็นต้นกำเนิดของการก่อเกิดโรคโดยเด็ดขาด มันเพียงแต่ทำให้เรามีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป พร้อมกับโรคหรือความเจ็บปวดนั้นๆได้ โดยที่มันไม่กำเริบ หรือกล่าวง่ายๆได้ว่า อยู่กับโรคได้อย่างสันติ แต่ไม่ได้หมายความว่า เรากำจัดมันได้สำเร็จ



    คำกล่าวของคุณ Mead จะได้ผลต่อผู้ป่วยก็ต่อเมื่อ ความเจ็บปวดนั้นๆเป็นสิ่งที่เล็กน้อย พอทนได้ หรือพอจะลืมได้เท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่เจ็บปวดอย่างสาหัส คำกล่าวนี้จะไร้ผล เพราะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขา เนื่องจากความเจ็บปวดนั้นสาหัส และกระตุ้นให้สติสัมปชัญญะรับรู้ความเจ็บปวดนั้นๆอย่างคมชัดตลอดเวลาจนลืมไม่ลง หากจะให้ผู้ป่วยเชื่อว่า ความเจ็บปวดของเขาเป็นเรื่องของธรรมชาติ ผู้ป่วยก็จะเชื่อต่อไปด้วยว่า ธรรมชาติของความเจ็บป่วยอันสาหัสของเขา มีผลสืบเนื่องคือความทรุดโทรม ความเสื่อม และมีจุดจบ คือ ความตาย การขอให้คิดและเชื่อแต่เพียงอย่างเดียวในทิศทางนี้ นอกจากจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แล้ว ยังไม่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยรักษาตนเองได้ หรือแม้แต่ทุเลาลงได้เลย

    การรักษาโรคด้วยการนำความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นๆมาเป็นจุดวางจิต มักทำให้เราเผชิญกับความเจ็บปวดนั้นๆด้วยสติสัมปชัญญะอันคมชัด พร้อมด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า เราจะพบว่า ความเจ็บปวดทั้งหลายคมชัด ดังเช่นที่คุณน้อง Kindred บอกว่า ถ้าจดจ่อกับร่างกายจะรู้สึกทนไม่ค่อยได้

    ผู้ที่ป่วยด้วยอาการของโรคอย่างสาหัส จึงตกอยู่ในภาวะที่เรียกได้ว่า จิตวิญญาณกำลังจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะ กับโรคภัยไข้เจ็บ และความเจ็บปวดทั้งหลาย อย่างคมชัดอยู่แล้ว หรือจะเรียกว่า ก้าวล่วงไปสู่ภาวะที่สติสัมชปัญญะรู้เห็นความเจ็บปวดคมชัดอยู่แล้วจนแทบจะก้าวล่วงไปสู่สติสัมปชัญญะระดับต่อไปอยู่แล้ว

    ดังนั้นสิ่งที่เป็นไปได้สูงสุด สำหรับผูุ้ป่วยที่เผชิญกับโรคภัยและความเจ็บปวดอย่างสาหัส คือ การจดจ่อกับความเจ็บปวดนั้นๆ เพราะในที่สุดเมื่อสติสัมปชัญญะเผชิญกับความเจ็บปวดจนถึงจุดที่ประสาทสัมผัสทั้งห้า ไม่สามารถทนต่อการรู้เห็นนั้นๆได้ต่อไป จิตวิญญาณจะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปอย่างอัตโนมัติ ไปสู่ระดับที่ละจากประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งทำให้ความเจ็บปวดนั้นๆ สลายตัวไป

    ภาวะดังกล่าวนี้ จะคล้ายคลึงกับสิ่งที่เรียกว่า Free Fall หรือการปลดปล่อยตนเอง ณ จุดสูงสุด (ของความเจ็บปวด) ให้ร่วงหล่นไปพร้อมกับความรู้สึกที่รุนแรงที่สุด ซึ่งเป็นจุดต่อระหว่างการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะ ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ไปสู่ การจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะ ผ่านประสาทสัมผัสที่หก

    เราจะพบกับความว่างชั่วขณะ ซึ่งเว้นว่างไปจากความเจ็บปวดทั้งปวง

    ภาวะดังกล่าวเกิดจากการที่ประสาทสัมผัสภายใน ไม่รับรู้ความเจ็บปวดในนัยเดียวกับประสาทสัมผัสทั้งห้า ประสาทสัมผัสภายในรู้เห็นความเจ็บปวด และ โรคภัยไข้เจ็บ เป็นความไม่สมดุลย์ เป็นอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบ ซึ่งจะปรากฏในมโนภาพเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ประสบการณ์ของพี่นักเขียน อาการปวดไซนัส ปรากฏเป็นวงกลมสีดำที่แผ่ขยายอยู่ภายในกระโหลกศีรษะ

    ตัวรู้หรือสติสัมชปัญญะของตัวตนภายในจะดำเนินการควบคุม และปรับความสมดุลย์อย่างเป็นอัตโนมัติ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พี่นักเขียนพบว่า การจดจ่ออันคมชัดนั้น ทำให้วงกลมสีดำนั้นถูกควบคุม จนกระทั่งมันหดตัวลงเรื่อยๆ และสลายตัวไปจนหมดสิ้นในที่สุด

    ตัวตนภายใน พร้อมด้วยสติสัมปชัญญะที่เปลี่ยนวิถีการจดจ่อไป จะตระหนักรู้อย่างเป็นธรรมชาติว่า ความเจ็บไข้ได้ป่วยเหล่านั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนที่แท้จริงของเรา ความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเพียงภาวะที่ขาดความสมดุลย์ อันเกิดจากภาวะจิต เกิดจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกในแง่ลบ ที่ทำให้การไหลเวียนของพลังงานในร่างกายของเราถูกขัดขวาง

    ภาพที่จะปรากฏขึ้นในมโนภาพของแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไปอย่างเป็นเอกลักษณ์ ในกรณีของคุณเซลล์ ภาพของโรคภัยไข้เจ็บปรากฏเป็นรถไฟสายมรณะในความฝัน
    คุณเซลล์แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงภาวะภายใน อันเป็นภาวะจิตที่กำลังก่อให้เกิดความป่วยไข้
    ด้วยการหาทางออก ให้พ้นจากรถไฟสายมรณะ


    คุณน้อง Kindred กล่าวว่า
    อ่านความฝันคุณเซลล์ แล้ว ไม่ค่อยเกี่ยวกับอาการป่วยเท่าไหร่เลยเน๊อะ.. เหมือนเป็นการฝันไปเรื่องอื่นไปเลย แต่ก็เป็นฝันแบบผจญภัย เจอปัญหา และแก้ปัญหาขณะนั้นๆ


    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า ประสบการณ์ทางจิตเป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ และไม่มีวันเสมอเหมือนกัน
    เราแต่ละคนจึงมีสัญลักษณ์ที่ปรากฏในภาวะจิตแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
    สิ่งที่ปราศจากความหมายของคุณน้อง Kindred มีความหมายอย่างมากต่อคุณเซลล์ และแม้แต่เป็นกลไกที่ทำให้คุณเซลล์หายป่วย ด้วยการปลดปล่อยตนเองออกจากภาวะจิตที่ไม่พึงปรารถนา

    ผู้ป่วยทั้งหลายที่กำลังเผชิญกับความเจ็บไข้ได้ป่วยในระดับต่างๆ จึงมีทางเลือกที่จะรักษาตนเองได้
    แต่ทั้งนี้ การรักษานั้นๆจะได้ผล จะต้องขึ้นอยู่กับการฝึกฝนตนเอง ให้สามารถจดจ่อกับภาวะของร่างกายได้อย่างคมชัด ด้วยการฝึกสมาธิ เพราะมิฉะนั้นแล้ว ผู้ป่วยจะเผชิญกับภาวะที่เรียกว่า ทนไม่ได้และไม่ทน ทำให้ไม่สามารถก้าวล่วงไปสู่ภาวะที่ล่วงเลยไปสู่การเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะ ด้วยประสาทสัมผัสที่หก ทำให้ไปไม่ถึงตัวรู้ที่จะทำให้การรักษาโรคนั้นๆเป็นไปอย่างได้ผล


    พี่นักเขียนขอให้ผู้ที่ปรารถนาจะรักษาโรคด้วยตนเอง เริ่มต้นด้วยการฝึกฝน สร้างวินัยที่จะทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราสามารถก้าวล่วงไปสู่ภาวะที่รักษาโรคให้ตนเองได้

    ลักษณะการทำสมาธิที่พี่นักเขียนกล่าวถึง เป็นการรักษาโรคอย่างฉับพลัน แต่การทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน จะทำให้สติสัมปชัญญะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่ภาวะที่รับรู้ด้วยประสาทสัมผัสที่หก วันละสั้นๆ แต่ก็ช่วยให้ร่างกายว่างเว้นจากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าวันละนิด

    ช่วงเว้นว่างจากภาวะเจ็บปวดวันละไม่กี่นาที จะช่วยให้ร่างกายสามารถปรับความสมดุลย์ได้วันละนิดละหน่อย จนในที่สุด มันจะสามารถปรับความสมดุลย์ได้อย่างสมบูรณ์ และทำให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บได้

    แม้ผู้ที่ยังไม่ป่วย ไม่เคยป่วย หรือป่วยเล็กน้อย การฝึกฝนและการสร้างวินัยให้ตนเองพัฒนาทักษะและความรู้เหล่านี้ เป็นสิ่งที่ควรศึกษาและปฏิบัติอย่างยิ่ง เพราะหากเราไม่เคยฝึกฝนจนเกิดความชำนาญแล้ว เมื่อเข้ายามคับขัน เราก็จะปราศจากทักษะและความรู้ ที่จะนำมาใช้รักษาตนได้อย่างฉับพลัน(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2008
  6. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เมื่อคืนฝันว่าเพื่อนสนิทไปไหนไปด้วย เสียชีวิตเพราะความขี้เล่นเกินไป คือลงไปเล่นน้ำที่มีฉลาม ฉลามว่ายวนอยู่รอบตัวเขาในน้ำ เพื่อนสนิทคนนี้คิดว่าฉลามคงไม่ทำร้าย จึงไปเล่นในน้ำกับมัน จินตวดีตะโกนเรียกให้ขึ้นอยู่ 3 รอบ รอบสุดท้าย เพื่อนถูกฉลามคาบไปกินเสียชีวิต เราเดินเสียใจออกมาแต่เจอเพื่อนเป็นร่างลาง ๆ กำลังรออยู่ ท่าทางเพื่อนก็ยังขำ ๆ คือไม่กลัวเพราะเหมือนแค่ตายจากกายภาพเกิดเป็นจินตภาพแทน

    ตื่นขึ้นมาก็งง พร้อมอาการปวดหัวเพราะสิวหัวช้างขึ้น อูย
     
  7. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    คืนวันอังคารที่ 19 สิงหาคม
    พี่นักเขียนฝันว่า ได้รับเด็กหญิง-ชายคู่หนึ่งมาจากพ่อของเขา ซึ่งถูกแพทย์เรียกไปตรวจสุขภาพ ในความฝันตระหนักว่า พ่อของเด็กคู่นี้จะไม่มีวันได้กลับออกมาอีก

    ในใจคิดว่า เราช่่างไปอยู่ในสถานการณ์นั้นได้ถูกจังหวะ ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่มีผู้ใดรับเอาเด็กสองคนนี้ไปเป็นลูก พี่นักเขียนนั่งคอยอยู่นานนับวัน เพื่อให้แพทย์ออกมาบอกว่า พ่อของเด็กๆไม่มีวันกลับออกมาอีกแล้ว ซึ่งหมายความว่า พี่นักเขียนได้รับอนุญาตให้รับเอาเด็กสองคนนั้นไปได้อย่างเป็นทางการ

    พี่นักเขียนมองเห็นการจากไปของพ่อของเด็กๆเป็นความตายทางกายภาพ ซึ่งเด็กๆยอมรับโดยปราศจากน้ำตา เขาทั้งสองคนเต็มใจไปกับพี่นักเขียน

    วันรุ่งขึ้น พี่นักเขียนไปทาน lunch กับเพื่อนสนิทคือ Rebecca ได้เล่าความฝันให้เธอฟัง ส่วน Rebecca ก็มีความฝันคล้ายคลึงกันคือ ฝันว่า ลูกสาวของเธอมีหลานสองคน คนโตเป็นหญิง คนเล็กเป็นชาย

    หลังจากเล่าความฝันสู่กันฟังแล้ว Rebecca ก็บอกข่่าวดีว่า ลูกสาวของเธอ ซึ่งแต่งงานมา 6 ปีแล้ว เพิ่งตรวจพบว่าตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว เราสองคนจึงดื่ม Wine ฉลองกันตามประสาว่าที่คุณยายด้วยความปลื้มใจ
    -----------------------------------------
    คืนวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม
    พี่นักเขียนฝันว่า ตนเองอยู่กลางสวนอันกว้างใหญ่ปูลาดด้วยหญ้าเขียวขจีที่ตัดไว้อย่างเรียบร้อยสวยงาม ด้านหนึ่งของสวนมีทางเดินที่ทอดมาจากเบื้องหลังของพี่นักเขียน และทอดไปสู่เบื้องหน้า ยาวตลอดสุดสายตา

    กึ่งกลางทางเดินนั้น เพื่อนรักของพี่นักเขียนคือ Rebecca ปรากฏกายขึ้น เธอหอบแฟ้มตั้งใหญ่ไว้ด้วยแขนซ้าย และอุ้มเด็กชายน้อยๆเข้าสะเอวและโอบไว้ด้วยแขนขวา ทั้งแฟ้มและทารกแลดูหนักเกินกำลังของเธอ

    พี่นักเขียนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในระยะไม่ห่างไกลนัก และตระหนักว่า ทุกสิ่งเป็นไป ด้วยทางเลือกของบุคคล จึงไม่ได้ก้าวเข้าไปช่วยเธออุ้มเด็กหรือถือของ

    Rebecca ตัดสินใจวางแฟ้มและทารกน้อยลงข้างทางเดิน เธอรวบรวมแฟ้มตั้งนั้นเข้าด้วยกันใหม่ ไม่ทันที่เธอจะทำเสร็จ สามีของเธอ-Eric ก็ปรากฏกายขึ้นข้างเด็กน้อยนั้น Eric ถือแก้วน้ำมาใบหนึ่ง เขารีบวางมันลงกับพื้นทางเดิน แล้วอุ้มเด็กน้อยนั้นทันทีราวกับว่า เขาจะไม่ปล่อยให้เด็กน้อยนั้นต้องนั่งอยู่บนพื้นทางเดินแม้แต่อีกเสี้ยววินาทีเดียว

    พี่นักเขียนพบว่า ตนเองก้าวเข้าไปสู่สถานการณ์นั้นอย่างใกล้ชิด จนสบตากับทารกน้อยที่ Eric อุ้มไว้ เด็กทารกผู้นั้นมีผิวสีน้ำตาลเข้มจัด ตาของเขากลมโต แก้มข้างขวาของเขามีรอย birthmark หรือแผลเป็นแต่กำเนิด พี่นักเขียนได้ยินเสียงดังจากภายในว่า "You are a great grandpa." และตนเองก็เข้าไปกอด Eric ราวกับว่าเขาคือ ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของพี่นักเขียน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรเสมือนเป็นทั้งคุณพ่อ และเป็นทั้งคุณตา Eric ก้มลงจูบพี่นักเขียนบนศีรษะราวกับว่าพี่นักเขียนเป็นเด็กเล็กๆ

    วินาทีนั้น พี่นักเขียนตระหนักว่า ตนเองคือเด็กน้อยผู้นั้น

    พี่นักเขียนเล่าความฝันให้ Rebecca ฟังตามเคย และทราบว่า Rebecca มีความฝันคล้ายคลึงกันว่า หลานที่จะมาเกิดของเธอ จะมีแผลเป็นบนแก้มข้างขวาของเขา
    -----------------------------------------
    วันนี้เป็นวันที่พี่นักเขียนตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก คือ รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างในชีวิตขาดหายไป ราวกับว่าสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป
    พี่นักเขียนไปตรวจสุขภาพฟันตามปกติ หมอฟันก็ทักว่า "What's wrong? ํYou look like a different person. Are you alright?" คุณหมอฟันถามด้วยความห่วงใย พี่นักเขียนแทบจะตอบไม่ถูก ได้แต่บอกคุณหมอว่า " I've been working 12-15 hrs. a day. I'm a little tired."

    กลับจากหมอฟัน Rebecca ก็โทรมาเล่าว่า เธอไปพบกับครูสอนโยคะ ซึ่งไม่ได้พบกันนานหลายปีแล้ว ครูทักเธอว่า "Are your alright?" ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆจนบอกไม่ถูก และวันนี้เธอก็รู้สึกเศร้าๆยังไงชอบกล
    ________________________________________________
    ตกเย็นพี่นักเขียนได้รับ e-mail จากผู้อ่านที่พี่นักเขียนรักเป็นพิเศษเหมือนลูกหลานเขียนมาว่า:

    หลายวันก่อนฝันถึงคุณแม่ชัดจัง แต่ฝันว่าคุณแม่บอกว่า จะตายค่ะ แถมบอกวันเวลาที่จะตายระเอียดยิบ แต่บอกหนูแบบสงบมากๆเลยว่าไม่ต้องห่วงนะเพราะว่าจะกลับมาใหม่ (คุณแม่เอ่ยถึงคุณแซมด้วย) แล้วก็บอกวันเวลาที่จะกลับมาระเอียดเหมือนกัน
    ในฝันหลังจากคุณแม่บอก วันต่อมาร่างของคุณแม่ก็หายไปเลย เหลือไว้แต่หมอนบนที่นอน
    หนูเดินถัดจากเตียงไปนิดหน่อย เห็นพระพุทธรูปจัดวางเป็นกลุ่ม พอจ้องไปที่พระก็เกิดความรู้สึกเหมือนถูกหลอมระลายเป็นสิ่งเดียวกัน และหนูรู้สึกว่าได้รับพลังมหาศาลจนอธิบายไม่ถูกเลยค่ะ

    คร่าวๆประมาณเนี้ยค่ะ (แต่หนูตีความไม่ออก คิดเอาว่าคุณแม่อาจยุ่งมากจนอยากหายวับไปซักพัก..ฮ่าๆ)

    สรุปว่าวันนี้อยากมาขอบคุณและเล่าความฝันแปลกๆเล็กๆน้อยๆให้ฟังค่ะ......

    _________________________________________________

    ความรู้สึกของพี่นักเขียนในวันนี้ ประจวบกับจดหมายของคุณลูกที่เขียนมาเล่าความฝัน
    ทำให้พี่นักเขียนสงสัยว่า ความตายของเรา ในบุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนอื่นๆ จะส่งผลกระทบต่อเราได้ในทิศทางเช่นนี้ใช่หรือไม่ ?
    ________________________________________________

    ค่ำนี้ทั้ง Rebecca และพี่นักเขียนได้ข่าวอันน่าสลดใจว่า ลูกสาวของ Rebecca สูญเสียทารกน้อยไปเสียแล้ว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตลอดวันทั้งที่ไม่ได้ทราบข่าวมาก่อน
    ทำให้ Rebecca และพี่นักเขียนพบว่า ความหมายของคำว่า จิตวิญญาณประสานกันเป็นระบบเครือข่ายนั้นหมายความว่าอย่างไร


    เราต่างก็สัมผัสซึ่งกันและกันได้เสมอ โดยปราศจากคำพูด ปราศจากการรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า เพราะจิตวิญญาณของเราถ่ายทอดข้อมูลความรู้ผ่านอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเราอยู่ตลอดวันเวลา หากเราอยู่ในภาวะที่สงบนิ่งพอ เราจะสัมผัสกับความรู้สึกเหล่านี้ได้ไม่มากก็น้อย และลุ่มลึกไปกว่านั้น เราจะสัมผัสกับข้อมูลความรู้อันเป็นต้นกำเนิดของอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดเหล่านั้นได้ด้วย

    Rebecca และพี่นักเขียนจดความฝันมาด้วยกันตลอดเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เราแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเสมอ หลังจากที่เราได้ร่วมกันแสดงความเสียใจและพูดคุยถ่ายทอดความรู้สึกและประสบการณ์ซึ่งกันและกันแล้ว Rebecca โทรมาบอกว่าได้กลับไปอ่านบันทึกความฝันเพื่อหาข้อมูลที่จะช่วยปลอบใจทุกคนรวมทั้งตัวเธอ เธอพบข้อความที่พี่นักเขียนจดไว้ให้เธอเป็นภาษาอังกฤษในสมุดของเธอ 6 ปีมาแล้ว โดยพี่นักเขียนถอดความมาจากความฝัน ที่พี่นักเขียนรับข้อมูลมาจากท่านอาจารย์อนาลัยไว้เป็นภาษาอังกฤษว่า

    Every baby who was born on this earth changes the earth, the universe and time. Each of them brings some factors that has never existed before to the earth and the universe. Each of them brings along new experiences that can never be erased. Each of them imprints that experience to the earth and the physical universe that belongs to his reality.

    Beyond our imagination, human beings are conscious of our endless probable births. We are conscious of our physical parents who are completely different from the biological ones we knew.

    Our personality is limitless.

    Soon, you will deeply understand the true meaning of what I (my Old Sage Grandpa) said. Your thought of being a single, lonely Self, blinds you from seeing your multiple and multi dimensional selves. Somehow, your dreams gave you some clues of your natural condition.


    พี่นักเขียนมักกล่าวถึงท่านอาจารย์อนาลัยเป็นภาษาอังกฤษกับ Rebecca ว่า my Old Sage Grandpa ซึ่งหมายถึงชายชราที่เป็นเสมือนหลวงตา หรือคุณตา และเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้เหมือน Old Sage หรือ พหูสูตร

    ส่วนพี่นักเขียน หลังจากที่ได้พูดคุยปลอบใจ Rebecca แล้ว ได้กลับไปทำ eBook หนังสือเล่ม โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ภาคปลายต่อ เพื่อเอาใจออกจากความเศร้าสลด และพบกับข้อความต่อไปนี้ทันทีทันใด Paragraph ที่ 4 เป็น paragraph เดียวกับที่พี่นักเขียนได้จดบันทึกไว้ในสมุดบันทึกความฝันเป็นภาษาอังกฤษ และลอกให้ Rebecca ไว้ และได้นำมาเขียนเป็นภาษาไทยในหนังสือเล่มนี้

    ____________________________________________
    โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ภาคปลาย
    บทที่ 24 ดวงดาวกับจิตวิญญาณ
    หน้า 312-314


    บุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตน รู้การณ์ล่วงหน้าถึงภาวะที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาตนเอง-ในช่องว่างและกาลเวลาที่เขาเลือกมาถือกำเนิด แต่ละบุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนมีทางเลือกมากมายจากเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันหลากหลาย-เป็นอนันต์ เพื่อเติมเต็มความสามารถ และในขณะเดียวกันก็คงสภาพการเป็นบุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนไว้ด้วย

    จิตวิญญาณเลือกภาวะโดยรวมที่ดีที่สุด ที่เอื้ออำนวยต่อการบรรลุเป้าหมายในการพัฒนา จิตวิญญาณจึงกำหนดภาวะทางชีวภาพเพื่อตอบสนอง หรือเพื่อไม่ตอบสนองต่อกาลเวลา และสถานที่ที่บุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนถือกำเนิด เพื่อยอมรับหรือปฏิเสธ เพื่อลดหรือเพิ่มภาวะต่างๆที่มันจะเผชิญเพื่อการพัฒนา

    จิตวิญญาณที่ถือกำเนิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ มีภาวะเป็นร่างกายเนื้อหนัง พลิกผันสภาวะแวดล้อมทางกายภาพไปด้วยอย่างเป็นอัตโนมัติ ธรรมชาติแห่งความเป็นจริงในข้อนี้เล็ดรอดแผนผังทางโหราศาสตร์ไปโดยสิ้นเชิง

    เด็กทารกแต่ละคนที่ถือกำเนิดขึ้นมาในโลก พลิกผันเปลี่ยนแปลงโลก-จักรวาลและกาลเวลา ทารกแต่ละคนมาถือกำเนิดพร้อมกับนำเอาปัจจัยต่างๆที่ไม่เคยมีมาก่อน ในนัยของเธอ-มาสู่โลกและจักรวาล ทารกแต่ละคนมาพร้อมกับรอยจารึกของประสบการณ์ใหม่ๆที่ลบล้างไม่ได้ เขาจารึกประสบการณ์เหล่านั้นลงบนโลกและจักรวาลทางกายภาพ-ในโลกแห่งความเป็นจริงของเขาแต่ละคน

    เด็กทารกแต่ละคนเลือกการถือกำเนิดของตนเองจาก เส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันหลากหลาย วัน-เดือน-ปีเกิดของเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่จุดที่ระบุตำแหน่งในช่องว่างและกาลเวลาเท่านั้น เพราะกาลเวลาทั้งหลายมีอยู่-เป็นอยู่-พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน เธอแต่ละคนกำลังตาย-กำลังเกิดใหม่-กำลังดำเนินชีวิตอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ประสบการณ์ล่าสุดของเธอ ก็ส่งผลกระทบต่อเวลาถือกำเนิดของเธอ

    ฉันยอมรับว่าวันเกิดของเธอเป็นจุดอ้างอิงที่คล่องตัวดี แต่ถ้าหากเธอตระหนักได้ว่า จิตวิญญาณของเธอมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปมานานก่อนหน้านั้น ความจำของเธอจะหวลคืนมา และการยอมรับวันเกิดของเธอจะลดความสำคัญลงไป

    “การคลอด”ออกมาจากครรภ์มารดาเป็นเหตุการณ์ที่น่าจะถูกต้องกว่าที่จะเรียกว่า“การเกิด” ในนัยที่กว้างกว่าที่เธอจะจินตนาการได้-กล่าวได้ว่า เธอทั้งหลายมีสติรู้ถึงการเกิดอันเป็นไปได้-อันหลากหลายของตนเอง เธอมีสติรู้เห็นถึงพ่อแม่ที่เป็นบุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนอันเป็นไปได้อื่นๆ ที่แตกต่างไปจากพ่อแม่ในชีวประวัติของเธอ

    การเป็นบุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตน
    เป็นสิ่งที่ปราศจากขีดจำกัด

    ต่อแต่นี้ไปไม่ช้าไม่นาน เธอจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำกล่าวนี้ได้อย่างลึกซึ้ง ความคิดเกี่ยวกับการเป็นบุคคลตัวตนอันโดดเดี่ยวทำให้เธอตาบอด และไม่อาจมองเห็นการเป็นบุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนหลากมิติที่เป็นโลกแห่งความเป็นจริงของเธอได้ แต่ความฝันของเธอก็ให้เงื่อนงำเกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงข้อนี้แก่เธอเสมอ


    _______________________________________________

    ในโลกของจิตวิญญาณซึ่งปราศจากเรา-เขา
    การเกิดของเขา ซึ่งเป็นบุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตน
    อันเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของเรา คือ การเกิดของเรา

    ในโลกของจิตวิญญาณซึ่งปราศจากเรา-เขา
    ความตายของเขา ซึ่งเป็นบุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตน
    อันเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของเรา คือ ความตายของเรา
    (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2008
  8. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    จากการที่ป่วย และสังเกตุดูนะครับ

    ผมอยู่ได้ด้วยสมาธิซะส่วนใหญ่เลย เพราะทานอาหารได้ไม่กี่คำ ถ้ามากกว่านั้นจะอาเจียนออกมา
    นอนก็หายใจไม่ออก แต่ถ้าหายใจทางปากก็จะแสบคอ และไอ
    ปวดกระบอกตา ปวดศีรษะทั้งสองข้าง น้ำตาจะไหลออกมา เพื่อระบายความร้อน


    พอป่วย ความสนใจที่เคยจดจ่อกับภายนอก จะหันกลับเข้ามาจดจ่อกับภายในร่างกาย และภาวะจิตภายในโดยอัตโนมัติเลย เหมือนเป็นกลไกตามธรรมชาติในการรักษาตนเอง

    ความสนใจจะอยู่เฉพาะภายในร่างกาย อยู่กับภาวะจิตภายในล้วนๆ

    เมื่อความสนใจอยู่แต่ภายใน ได้จินตนาการตามแบบฝึกหัดในจิตวิญญาณประสานกาย และลองทำดู ความเจ็บปวดลดได้จริง (แต่ยังอ่านไม่ละเอียด เพราะหยิบมาใช้เป็นปัจจุบันทันด่วน ซึ่งอาจจะขาดตกบกพร่องไปครับ) เลยคิดต่อมาว่า ถ้าเรากลับไปแก้ไขเทปในอดีตหละ ตั้งแต่ก่อนที่เราจะป่วย เป็นเราไม่ป่วย ภายและอาการที่ไม่สบาย จะเปลี่ยนเป็นสบายดีได้มั๊ย ก็เลยลองจินตนาการโดยใช้ความคิดดู เพื่อให้ร่างกายเราเชื่อว่าเราสบายดี

    แต่ผลที่ออกมา ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะเป็นแค่การคิดว่าเราไม่ป่วย โดยอยู่บนพื้นฐานที่เราคิดว่าเราป่วย คือ ยังไม่พ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 อยู่ดี


    เลยคิดว่า การฝึกจินตนาการตามหนังสือ จิตวิญญาณประสานกายนั้น ในช่วงที่ทำ ทำให้ละจากความเจ็บปวดได้เป็นช่วงๆที่ฝึก เหมือนกับเป็นการโปรแกรมเส้นทางใหม่ ให้เซลล์ในร่างกายที่มีความรู้ในการรักษาตนเองอยู่พร้อมแล้ว ได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ถูกขัดขวาง และเป็นการสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา จึงไม่ยอมทานยาที่มีฤทธิ์กดประสาท เพราะยามีฤทธิ์ระงับความเจ็บปวดเพียงชั่วคราว แต่ไม่ได้เป็นการสร้างภูมิต้านทานโรคขึ้นมา


    คิดไปคิดมาว่า หากเราจะเปลี่ยนเส้นทางนี้ ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
    เพราะถ้าเปลี่ยนแค่เพียงความคิดที่ว่า ต้องการหาย หรือนึกถึงเส้นทางที่ไม่ป่วยขึ้นมา หรือนึกย้อนไปในอดีตในเส้นทางที่เคยแข็งแรงมากๆ ก็ยังไม่พอ เพราะว่ายังไม่ลึกพอ


    จึงต้องมีวินัยในการทำฝึกสติ ทำสมาธิ สร้างจินตนาการอย่างสม่ำเสมอ ต้องทำให้ต่อเนื่อง เพื่อให้เปลี่ยนเส้นทางเหล่านี้ได้จริงๆ อาการที่เป็นจึงดีขึ้นในช่วงสั้นๆ ป่วย ดีขึ้น ป่วย สลับกัน


    คืนนั้นที่อาการไข้กลับมาอีกรอบ ก็ยังสร้างจินตนาการต่อไปอีก คือ ในปลายทางเราก็ไม่ทราบหรอกว่าจะหายเมื่อไร


    เลยฝันถึงรถไฟมรณะ และเด็กน้อย คือ สัญลักษณ์ในการเปลี่ยนเส้นทางใหม่ที่หายป่วยได้อย่างสมบูรณ์ครับ


    พอย้อนกลับมาดู เมื่อเทียบกับอาการที่เคยเป็น และทานยาเพื่อรักษา กับอาการที่เป็นในปัจจุบัน กับไม่ทานยา และเชื่อถือร่างกายให้รักษาตนเอง


    วิธีหลังจะหายได้เร็วกว่า และร่างกายจะแข็งแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก รวมถึงความสงบ ความนิ่ง ที่ได้จากการฝึกฝนด้วยครับ


    การป่วยก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไปนะครับ เพราะทำให้เข้าใจถึงสัจธรรมหลายๆอย่างเลยครับ ;aa12
     
  9. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +470
    ผมก็ป่วยเหมือนกันครับ เป็นไม่สบายเป็นไข้ได้สองอาทิตย์กว่าๆ เป็นหวัดนานที่สุดตั้งแต่มีชีวิตมาเห็นจะได้
    ไม่รู้ว่าร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันอะไรรึเปล่าเลยปล่อยให้ไม่สบายซะนานเลย
    หุๆ
     
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ;41
    ขอบคุณครับพี่นักเขียนฯอ่านแล้วเข้าใจการเรื่องรักษาทะลุแล้วครับ
    ที่แรกเข้าใจไปอีกมุมนึงคงเพราะสถานการณ์มันคนละแบบกันนะครับ..
    ถ้าอาการป่วยหนักมากเราคงต้องจดจ่อเพื่อแก้ไขที่ต้นเหตุแบบนี้ดีที่สุดนะครับ
    ที่บอกว่า การปลดปล่อยตนเอง ณ จุดสูงสุดของความเจ็บปวด (Free Fall)
    เราจะพบกับความว่างชั่วขณะ ซึ่งเว้นว่างไปจากความเจ็บปวดทั้งปวง
    อันนี้เราน่าเอาไปใช้ได้จริงๆกับทุกๆเรื่องด้วยนะครับ..เพราะตรงเป้าหมายที่สุด..
    การฝึกฝนสมาธิทุกวันที่พี่นักเขียนฯย้ำมาจะช่วยให้เราเข้าถึงประสาทสัมผัสที่ 6 ได้เร็วขึ้น..
    เรียกสติขึ้นมาใช้งานได้ทุกขณะอย่างฉับพลัน..เมื่อชำนาญแล้วจะเกิดประโยชน์สูงมาก
    รับทราบและปฎิบัติกันให้ได้ทุกวันนะครับ..

    :z12

    เรื่องของคุณ Rebecca กับพี่นักเขียนที่แชร์ความฝันกันมาตลอด 7 ปี..นานทีเดียวครับ
    นานพอจะเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่าคำว่าเพื่อนนะครับ แค่มองตาก็รู้
    มีอารมณ์- จินตนาการ- ความรู้สึกชนิดที่หายใจเข้า-ออกก็สัมผัสและรู้สึกเหมือนคนๆเดียวกันเลยนะครับ
    ขอแสดงความเสียใจกับหลาน (ทารก) ของคุณRebecca ด้วย
    ที่เค้าไม่ได้มาเกิดนี่เพราะเป็นเส้นทางที่เค้าเลือกเองรึเปล่า?..
    หรือว่าเป็นอุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นจากอะไรสักอย่างครับ
    น่าเสียดายชีวิตน้อยๆที่มาเกิดเหมือนกัน...แต่ยังไงจิตวิญญาณก็เป็นอิสระและอมตะอยู่ดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2008
  11. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    การที่รู้ใจกันโดยไม่จำเป็นต้องพูด เป็นการสื่อสารจากใจถึงใจโดยตรงเลยนะครับ ระหว่างพี่นักเขียน และคุณ rebecca

    ขอแสดงความเสียใจถึง ทารกน้อย ของคุณ rebecca ด้วยนะครับ

    ถึงแม้จะได้ยินประโยคที่เป็นความเป็นจริงบ่อยๆที่ว่า เธอไม่เคยเกิด แล้วเธอจะตายได้อย่างไร

    แต่ในฐานะประสบการณ์ในความเป็นมนุษย์ เมื่อเรามี ประสบการณ์พลัดพราก สูญเสีย

    เราก็อดที่จะรู้สึกถึงคุณค่าแห่งชีวิตใหม่ หากเค้าเลือกที่จะอยู่กับเราไม่ได้เลย
     
  12. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ขอบคุณคุณ Mead และคุณน้อง Kindred มากค่ะ ที่นำความสดชื่นไปฝากหลังห้องวิทย์
    ความน่ารักและไร้เดียงสาของเด็กๆ กับความงามของธรรมชาติ
    เป็นสิ่งที่เยียวยาความทุกข์และความเศร้าโศกได้อย่างดีเลิศเสมอค่ะ

    พี่นักเขียนก็ซึมเศร้าไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะ Rebecca กับ Eric สามีของเธอเป็นเพื่อนรักที่สุด และเป็นยิ่งกว่าเพื่อน คือเป็น American parents ของลูกๆของพี่นักเขียน และลูกสาวของเขาที่เพิ่งสูญเสีย baby ไป ก็เป็นเหมือนลูกสาวคนโตของพี่นักเขียน ก็เลยอยู่ในช่วงที่รู้สึกว่าซึมเศร้ากันไปค่ะ

    แต่ถ้าหากชีวิตของเราไม่เผชิญกับการสูญเสียความรัก ความหวัง ความปลื้มปิติ เราคงจะไม่เห็นคุณค่าของส่ิงที่นำมาซึ่งความรัก ความสมหวัง ความปลื้มปิติ และปล่อยให้มันผ่านพ้นไปวันๆ โดยไม่ได้รัก ไม่ได้ชืนชม ให้สมกับคุณค่าของส่ิงนั้นๆ หรือบุคคลนั้นๆ

    และหากเราไม่เคยป่วย เราก็คงไม่รู้จักที่จะชื่นชมความแข็งแรงสมบูรณ์ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปเพื่อการเรียนรู้ ไม่มีส่ิงใดเกิดขึ้นเพราะเป็นเพียงความบังเอิญ หรืออุบัติเหตุ แม้แต่ทารกน้อยผู้ไม่เคยได้ลืมตาดูโลก ก็สัมผัสใจและให้บทเรียนแก่ผู้ใหญ่ในโลกนี้ได้มากมายหลายคนทีเดียวค่ะ

    หวังว่าคุณเซลล์ และ คุณเด็กโชว์พาว คงจะหายป่วยในเร็ววันนี้นะคะ พี่นักเขียนส่งดอกไม้มาเยี่ยมทั้งสองคนเลยค่ะ

    แถมกระต่ายอีกตัว เป็นตัวเดียวกันกับเจ้าตัวเล็กที่เคยเหยียบเท้าสามีพี่นักเขียนนั่นแหละค่ะ และเคยเล็กขนาดว่าพี่นักเขียนเอาไว้ในฝ่ามือได้พอดีสองมือ ตอนนี้โตขึ้นมากแล้ว เชื่องแต่ซุกซน ชอบกินดอกไม้ในสวนหลังบ้านเป็นของหวาน(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • baby.jpg
      baby.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109 KB
      เปิดดู:
      77
    • IMG_5382.jpg
      IMG_5382.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.5 KB
      เปิดดู:
      19
    • IMG_5418.jpg
      IMG_5418.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.1 KB
      เปิดดู:
      17
    • IMG_5421.jpg
      IMG_5421.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.1 KB
      เปิดดู:
      18
    • IMG_5428.jpg
      IMG_5428.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116.7 KB
      เปิดดู:
      18
    • IMG_5161_2.jpg
      IMG_5161_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.8 KB
      เปิดดู:
      17
  13. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ขอบคุณดอกไม้สวยๆครับพี่นักเขียน ตอนนี้หายดีแล้วครับ แต่รู้สึกแปลกๆกับจิตใจตนเอง ที่นิ่งๆ เนือยๆอยู่ ก็มองดูเรื่อยๆอยู่ครับ อิอิ
    กระต่ายน้อยน่ารักจังครับ ตอนเด็กๆชอบเลี้ยงสัตว์ กระต่าย หนูตะเภา และก็เยอะแยะไปหมด
    ชอบมองดูพฤติกรรม ดูว่าถ้าเราจัดฉากให้ สร้างบ้านให้ แล้วเค้าจะดำเนินชีวิตยังไง รู้สึกสนุกมากๆที่ได้เฝ้ามองครับ
    เจ้ากระต่ายตัวนี้ก็เหมือนกัน จะรู้สึกยังไงน๊า เวลาได้วิ่งอยู่ในสวนกว้างๆ วิ่งเล่นซุกซน จนวิ่งเหยียบเท้าสามีพี่นักเขียน เดี๋ยวก็วิ่งไปซุกอยู่ที่พุ่มไม้ หรือแม้กระทั่งนั่งกินดอกไม้
    พอดูแล้วรู้สึกว่า นี่แหละคือความมหัศจรรย์ของชีวิต
     
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เมื่อก่อนก็เลี้ยงไว้เยอะ ทั้งอีกัวน่า หนูแกสบี้ หนูตะเภา ไก่ ปลาตู้..ฯลฯ
    สัตว์บางชนิดเลี้ยงในบ้านไม่ค่อยจะเหมาะเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางครับ
    เดี๋ยวนี้เห็นนก กระรอก กิ้งก่า (แม้แต่ตุ๊กแก) วิ่งเล่นแถวบ้านหรืออยู่บนต้นไม้
    โดยที่ไม่ไปรบกวนเค้าดูสดใสน่ากว่าปล่อยให้เค้าอยู่กับธรรมชาติไปนะครับ

    กระต่ายตัวนั้นโตขึ้นเยอะเลยนะครับ..
    หยิบเอารูปเค้าเมื่อก่อนมาเทียบกันดูหน่อยครับ
    สมกับเป็นบ้านเล็กในป่าใหญ่จริงๆครับ o_O)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • baby_bunny.jpg
      baby_bunny.jpg
      ขนาดไฟล์:
      165.6 KB
      เปิดดู:
      17
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2008
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ขอเล่านิทานดีๆสักเรื่องนึงครับ
    "ดินสอกับยางลบ"

    มีดินสอที่เขียนอย่างไรก็ไม่มี<WBR>วันหมดอยู่แท่งหนึ่ง
    กับยางลบที่ลบอย่างไรก็ไม่มี<WBR>หมดอยู่ก้อนหนึ่ง
    ดินสอแท่งนั้นเป็นเพื่อนกั<WBR>บยางลบก้อนนั้น
    ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน
    ทำอะไรด้วยกัน
    หน้าที่ของดินสอก็คือเขียน
    มันจึงเขียนทุกที่ ทุกอย่างเสมอ
    ตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ หน้าที่ของยางลบก็คือลบ
    มันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขี<WBR>ยนทุกที่ ทุกเวลา

    เวลาผ่านไปนานหลายสิบปี ทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือนเดิ<WBR>มเรื่อยมา
    จนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า
    "เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้<WBR>แล้ว"
    ยางลบจึงถามว่า
    "ทำไมล่ะ"
    ดินสอจึงตอบกลับไปว่า
    "ก็เราเขียน นายลบ แล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย"
    ยางลบจึงเถียงว่า
    "เราทำตามหน้าที่ของเรา เราไม่ผิด"
    ทั้งคู่จึงแยกทางกัน

    ดินสอพอแยกทางกับยางลบ
    มันก็ดี<WBR>ใจที่สามารถเขียนอะไรได้ตามใจมั<WBR>น
    แต่... พอเวลาผ่านไปมันเริ่มเขียนผิด
    ข้อความที่สวยๆ ที่มันเคยเขียนได้ก็สกปรก
    มีแต่รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด
    มันคิดถึงยางลบจับใจ
    ฝ่ายยางลบพอแยกทางกับดินสอมันก็<WBR>ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอี<WBR>กต่อไป
    พอเวลาผ่านไป
    มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่<WBR>าเพราะไม่มีอะไรให้ลบ
    มันคิดถึงดินสอจับใจ

    ทั้งคู่กลับมาอยู่ด้วยกันใหม่
    คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลง
    เขียนแต่สิ่งที่ดี
    ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขี<WBR>ยนผิดเท่านั้น
    เปรียบการเขียนของดินสอเป็<WBR>นความทรงจำ
    ดินสอจดจำทุกเรื่องทั้งดีและไม่<WBR>ดี
    แต่ยางลบเปรียบเหมือนการลืมเลื<WBR>อน
    ยางลบเลือกที่จะไม่จดจำอะไรไว้<WBR>เลย
    เมื่อทั้งสองสิ่งนี้แยกกันอยู่<WBR>จึงเกิดความไม่สมดุล
    ดังนั้น เมื่อเพื่อนรักทั้งสองกลั<WBR>บมารวมกันใหม่
    ดินสอจดจำแต่สิ่งที่ดีๆไว้
    ส่วนยางลบก็ลบแต่สิ่งที่ไม่ดี
    <WBR>เหมือนการให้อภัยในสิ่งที่ผิ<WBR>ดพลาด
    <!-- / message -->
     
  16. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    พูดถึงสัตว์เลี้ยง เดรดก็เลี้ยงมาเยอะใช่เล่นค่ะ ที่บ้านเหมือนสวนสัตว์ ย่อมๆ ก็ว่าได้
    เคยเลี้ยงเป็ด กับ กระต่ายคู่กันด้วยนะ จริงๆ เค้ามากันเป็นคู่ มีอย่างละสองตัว แต่ตายไปอย่างละตัว ลูกเป็ดตายเพราะ เป็นหวัด กระต่ายตายเพราะ ไปกินพืชมีพิษ

    ตอนหลัง ต่างคนต่างเหงา เลยมาจับคู่กัน ลูกเป็ดเดรดพิการ เดินไม่ได้ เค้าจะใช้ถัดเอากระต่ายจะอยู่ข้างๆ บางทีเห็นกระต่ายคาบอะไรมาให้เป็ดกินด้วย เค้าสนิทกันมากนะ จะบอกให้ กระต่ายเดรดดุนะ ใครเข้าบ้าน เค้าจะกัดด้วย เค้าหวงเป็ดแฟนเค้า(เป็ดตัวเมีย กระต่ายตัวผู้ รัก ข้ามสปิชี่ อิอิ)...จริงๆ ม่ายด้ายโม้ เดรดไม่ได้เลี้ยงในกรง ปล่อยวิ่งไปเรื่อบเปือย

    ตอนหลัง กระต่ายตายก่อน เป็ดอยู่ต่อมาอีก พักนึง ก็ตาย อยู่ดีก็นอนตายคอพับไปข้างหลัง เลี้ยงสุนัข ก็ตายไปหลายรุ่น ไหนจะปลา ตายหมดแระ ตายคามือหมดเลย ตายทีเศร้าทีตอนนี้ไม่อยากเลี้ยงอะไรแล้ว มันผูกพัน จะไปไหนมาไหนก็ห่วง ต้องฝากคนอื่นดู เลยคอยชื่นชมสัตว์เลี้ยงชาวบ้านเอาดีกว่าค่ะ...พูดแล้วก็ คิดถึง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2008
  17. คนสามตา

    คนสามตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +311
    ขอโมทนาสาธุ ในจิตทุกดวง ที่ได้ทิพย์ ได้แจ้งกันหลายๆท่าน
    แต่อย่าลืมกาล อย่าหลงกาล พัฒนาต่อสู่ภูมิท่าน...

    ...คลื่นละเอียด สัญญาญาณเดียวกัน รวมกันเป็นหนึ่ง...

    ...คลื่นหนึ่งใช้เวลาในการรวมตัว หลายกาล...

    ...สภาวะคลื่นต่าง รับไม่ได้...

    ...สภาวะคลื่นละเอียด สุดประมาณตลอดกาลคงตัว...

    ...ธาตุหยาบรวมตัว ก่อรูปตามลักษณะ...

    ...คลื่นหนึ่งก่อตัว สะลายตัว อิ่มตัว คงตัว อยู่ภายใน ตามกาลที่ผ่านไป...

    ...รอวันรวมตัวเป็นหนึ่ง สู่นิรันดร์...

    งดงามจริงๆ น่าชื่นใจยิ่ง ยินดีด้วยจริงๆ สาธุ ๆ ๆ
     
  18. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    เรื่องดินสอ กับยางลบเป็นนิทานที่ดีเลยนะครับ
    ในความทรงจำ มีข้อมูลอย่างหลากหลาย ในสิ่งที่เรามองว่าไม่ดี จากมุมมองของเรา ก็มักมีคุณค่าบางสิ่งที่พร้อมให้เราเข้าไปทำความเข้าใจอยู่

    แต่ก่อนนึกย้อนไปเรื่องการเลี้ยงสัตว์ มองไปแล้วโง๊โง่ เห็นพี่เลี้ยงที่บ้านซื้อกุ้งฝอยที่ใส่ถุงพลาสติกมา เราก็วิ่งไปเอามา เปิดน้ำใส่ถังไว้ และก็เอากุ้งฝอยทั้งถุงเทลงในถัง เค้าก็หากุ้งไม่เจอกัน เราบอกว่าเราเอาไปเลี้ยง

    เราก็สงสัยว่า ทำไมมันไม่กระโดดโลดเต้นกุ้ง มองไปในถัง มันก็อยู่นิ่งๆ ตายหมด เพราะไม่มีอ๊อกซิเจน

    ตอนนี้ขอแค่เฝ้ามองก็พอแล้ว อิอิ
     
  19. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ได้เล่าเรื่องฝันข้างบนให้น้องคนนั้นฟังในตอนเช้า พร้อมเตือนให้ระมัดระวัง ใครเตือนให้ไตร่ตรองก่อน อย่าเล่นมากเกินไปเพราะนิสัยน้องเขาขี้เล่นเหลือเกิน ปรากฏว่าในตอนเช้าวันเดียวนั้นแหละ จินตวดีเจอว่าน้องคนนี้ลงรับจองทัวร์ให้ลูกค้าผิด คือ แขกไปรอบบ่าย แต่นำไปลงรอบเช้าของวันรุ่งขึ้นแทน จินตวดีก็เลยเตือนให้ไปเช็คกับเอเย่นต์ใหม่ว่าเป็นรอบบ่ายของวันไหนกันแน่ ปรากฏว่าน้องคนนี้ไม่เช็ค แต่อาศัยความง่ายแล้วลงไปเลย ปรากฏว่าผิดพลาด โดนลูกค้าโวยวาย ทั้งที่บ่ายวันนั้นก็มีไปรับแขกที่โรงแรมนั้นด้วย เจอลูกค้าคนนั้นด้วย แต่น้องก็ยังไม่เอะไจอีก ขนาดเบลบอยมาเรียกแล้ว ก็ยังเฉย สรุปน้องเลยโดนไปเต็ม ๆ น้องกับจินตวดีก็เลยมาคุยกัน เพราะมันคล้ายกับฝันที่จินตวดีฝัน คือ มีการเตือนเกิดขึ้นถึงสามครั้ง แต่ยังไม่ใส่ใจ สรุปน้องมันเลยโดนเต็ม ๆเลย
     
  20. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ความฝันที่คุณนักเขียนเล่า ทำให้จินตวดีคิดถึงความฝันของคุณ FALKMAN ซึ่งครั้งหนึ่งเคยส่งข้อความมาเล่าว่า จินตวดีประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตอนนั้นตัวจินตวดีเองก็รู้สึกขาด ๆ หาย ๆ เหมือนกัน ในความฝัน คุณ FALKMAN เธอเล่าว่าในฝันจินตวดีเป็นผู้ชายรูปร่างท้วมผมสั้น ซึ่งตรงกับที่จินตวดีเคยฝันบ่อย ๆ ถึงผู้ชายผมซอยสั้น รูปร่างท้วมเตี้ย หรือว่านั่นคืออีกบุคลิคภาพหนึ่งของเรา ซึ่งเรารู้เห็นเสมอผ่านทางความฝัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...