เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ยังไม่ได้ไปจ้า.. รอพี่จินต์ถูกล๊อตเตอรี่ก่อนจะได้ขอไปยกแก๊งค์.. อิอิ..
    สงสัยต้องส่งคุณเดรดไปก่อง.. ลองจีบคุณไอยดูค่ะเห็นกะลังหาเพื่อนอยู่ค่ะ..
    ;aa13
     
  2. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เป้าหมายของชีวิต

    ช่วงนี้พี่นักเขียนได้รับ e-mail จากผู้อ่านหลายท่าน ซึ่งขอให้พี่นักเขียนช่วยหาคำตอบให้จากความฝันว่า เป้าหมายชีวิตของเขาคืออะไร และทำอย่างไร จึงจะไปสู่เป้าหมายนั้นได้ แม้ว่าพี่นักเขียนจะตระหนักว่า คำตอบสำหรับแต่ละท่าน ล้วนเป็นคำตอบที่จำเพาะเจาะจง-เป็นเอกลักษณ์จำเพาะบุคคล และเป็นไปไม่ได้ที่จะนำคำตอบเพียงคำตอบเดียว-มาตอบทุกคนได้

    แต่พี่นักเขียนก็ต้องขอตอบตามตรงว่า เมื่อมาถึงคำถามนี้ พี่นักเขียนขอปฏิเสธที่จะฝันให้
    ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะไม่ต้องการเสียเวลา หรือไม่ต้องการช่วยเหลือ ในทางตรงกันข้าม พี่นักเขียนมีความปรารถนาที่จะให้ทุกท่านได้ตระหนักว่า คำตอบที่แท้จริงและถูกต้องที่สุดสำหรับแต่ละท่าน คือคำตอบที่มาจากภายใน มาจากความปรารถนาอันลุ่มลึกของแต่ละท่าน หากแต่ละท่านมอบความไว้วางใจให้พี่นักเขียนตอบคำถามนี้ ไม่มากก็น้อย-ท่านจะสูญเสียความศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเองไป ด้วยความคิดและความเชื่อที่ว่า ท่านไม่สามารถค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของจิตวิญญาณของตนเองได้

    _______________________________
    ท่านอาจารย์อนาลัย ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ บทที่ 6 การสูญเสียตัวตนในความฝัน กับ การได้กำไรจากจิตวิญญาณ (p. 94 ) ว่า :
    พวกเธอจำนวนมากถามว่า“อะไรคือเป้าหมายชีวิตของฉัน?” เมื่อพวกเธอถามคำถามดังกล่าว-เธอหมายความว่า เธอควรจะทำอะไร? แต่ความเป็นจริงแล้ว เป้าหมายชีวิตของเธอ และทุกๆชีวิตกำลังเป็นไป การเป็นไปสู่เป้าหมายชีวิตของเธอ อาจรวมถึงการกระทำบางอย่าง แต่การกระทำมีความสำคัญก็เพียงเพราะว่า มันมาจากแก่นแท้ของชีวิต ซึ่งหมายถึงว่า การมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป-คือการเติมเต็มเป้าหมาย
    _______________________________
    มุมมองของคนจำนวนมากคล้อยตามความเชื่อของสังคมและศาสนา มันทำให้เรามองดูชีวิตของตนเองและวินิจฉัยชีวิตด้วยการเปรียบเทียบกับมาตรฐานมากมายที่มนุษย์ตั้งขึ้น เป้าหมายชีวิต กลายเป็นสิ่งที่ผูกติดกับมาตรฐานของความสำเร็จไปโดยปริยาย

    มาตรฐานในนัยของสังคม ได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นมาตรวัดการบรรลุความสำเร็จทางโลก
    มาตรฐานในนัยของศาสนา ได้แก่ ลด ละ เลิก เป็นมาตรวัดการบรรลุความสำเร็จทางธรรม


    ไม่ว่าเราจะนำเอามาตรฐานในนัยของสังคมหรือศาสนา มาใช้กับจิตวิญญาณ เราก็ไม่พ้นการนำเอามาตรฐานมนุษย์ตั้งมาใช้กับจิตวิญญาณอยู่ดี

    หากเราไม่ได้กำลังบรรลุผลสำเร็จตามมาตรฐานในนัยทั้งสองนี้ เรามักจะตั้งคำถามว่า ชีวิตของเราปราศจากความหมาย หรือว่าเรากำลังหลงทาง และค้นไม่พบเป้าหมายชีวิตที่แท้จริง?

    _______________________________

    ท่านอาจารย์อนาลัย ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ บทที่ 6 การสูญเสียตัวตนในความฝัน กับ การได้กำไรจากจิตวิญญาณ (p.164-165) ว่า

    ฉันได้กล่าวมาแล้วและจะกล่าวต่อไปอีกบ่อยครั้งว่า ชีวิตของเธอมีความหมาย การเติมเต็มคุณค่าแห่งชีวิตเป็นการกระทำที่นำไปสู่เป้าหมายหลัก คือการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ของจิตวิญญาณ เป้าหมายสูงสุดของจิตวิญญาณ คือ การเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ ทุกขณะที่เธอดำเนินชีวิตไป-เธอเติมเต็มคุณค่าของชีวิต และเธอก็เติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ของจิตวิญญาณไปด้วยพร้อมๆกัน

    เธอมีมุมมองชีวิตหลายมุมมองผ่านประสบการณ์์ต่างๆ ในขณะเดียวกัน เธอก็มีมุมมองชีวิตหลายมุมมอง-ผ่านชาติภพหลายชาติภพ ความเชื่อของเธอนำพาเธอไปสู่มุมมองในแง่ต่างๆ เมื่อความเชื่อเปลี่ยนไป-มุมมองของเธอเปลี่ยนไปด้วยเสมอ ทุกความเชื่อ-ทุกมุมมอง-จากแต่ละประสบการณ์ชีวิต-จากแต่ละชาติภพ ล้วนเป็นเสมือนภาพต่อที่เติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ของจิตวิญญาณให้สมบูรณ์ขึ้นไปเรื่อยๆอย่างเป็นอนันต์ ภาพต่อที่ได้จากหลายความเชื่อ-หลายมุมมอง-หลายประสบการณ์-หลาย ชาติภพ เอื้ออำนวยให้เธอเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้

    _______________________________
    พี่นักเขียนปฏิเสธที่จะฝัน เพื่อหาคำตอบให้ทุกท่าน ที่เขียนมาขอให้ช่วยค้นหาเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต เพราะปรารถนาให้ทุกท่านตระหนักได้ว่า เราทุกคนคือจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง เราต่างก็กำลังดำเนินชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยจุดยืน มุมมอง ทัศนคติ ที่คล้อยตามความเชื่อส่วนบุคคล เพื่อแสวงหาการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และเรียนรู้คุณค่าชีวิต จากมุมมองจำเพาะอันเป็นเอกลักษณ์ของเรา เราต่างก็กำลังเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ไม่มากก็น้อยด้วยกันทุกคน การดำเนินชีวิตในทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์ของเราแต่ละคน จึงเป็นการกระทำที่กำลังมุ่งไปสู่การบรรลุเป้าหมายสูงสุดของจิตวิญญาณ อันได้แก่ การเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ อยู่ทุกขณะจิต

    การที่เรารู้สึกเสมือนว่า เราค้นไม่พบเป้าหมายของชีวิตที่จิตวิญญาณของเราเลือกมาถือกำเนิด ไม่ได้เป็นเพราะว่า เราค้นไม่พบเป้าหมาย หรือไม่รู้เป้าหมายของตนเอง หากแต่เป็นเพราะว่า มาตรฐานของสังคมและศาสนา ทำให้เราปักใจเชื่อว่า หากเป้าหมายของเราไม่ได้มุ่งไปสู่ความสำเร็จในนัยทางโลก เราก็ต้้องมุ่งไปสู่ความสำเร็จในนัยทางธรรม ซึ่งดูเสมือนว่ามีอยู่เพียงสองเป้าหมายเท่านั้น หน้าที่หรือวิธีการที่่จะนำเราไปสู่การบรรลุุเป้าหมายเท่านั้นที่อาจจะแตกต่างกัน

    คำถามที่แท้จริงสำหรับผู้ที่เชื่อว่ายังค้นไม่พบเป้าหมายชีวิต จึงมักเป็นคำถามที่ว่า "ฉันควรจะทำอะไร? หรือ ฉันควรจะดำเนินชีิวิตด้วยการทำอะไร?

    ดังนั้นเมื่อเราวินิจฉัยชีวิตของตนเอง และพบว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้กำลังนำเราไปสู่การบรรลุผลสำเร็จตามมาตรฐานทางโลก หรือทางธรรม อย่างเด่นชัด เราก็ข้องใจว่า เราค้นไม่พบเป้าหมาย เราไม่รู้เป้าหมาย หรือแม้กระทั่งคิดว่า เรากำลังหลงทาง

    จิตวิญญาณปราศจากขีดจำกัด เป้าหมายในการมาถือกำเนิดของจิตวิญญาณ จึงเป็นสิ่งที่ปราศจากขีดจำกัด และไม่ได้มีเพียงเป้าหมายแคบๆที่ถูกมนุษย์กำหนดขึ้นว่า มีเพียงทางโลก และทางธรรม เพียงสองหมวด

    จิตวิญญาณ คิือ ข้อมูลความรู้ และความทรงจำข้ามชาติภพ ที่ถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์ จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

    จิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง ล้วนเผชิญกับประสบการณ์อันหลากหลาย-เป็นอนันต์ ซึ่งกล่าวได้ว่า ไม่ได้บรรลุผลสำเร็จในนัยทางโลก หรือทางธรรม ที่มนุษย์กำหนดขึ้นเลย เพราะหลายชีวิตถือกำเนิดมาพร้อมด้วยการเผชิญกับประสบการณ์ชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ เขาอาจไม่เคยพบกับลาภ ยศ สรรเสริญ และไม่ได้ดำเนินชีวิตไปในทิศทางที่บรรลุผลสำเร็จในการลด ละ เลิก ตามความเชื่อทางศาสนาใดศาสนาหนึ่ง

    แต่ชีวิตของบุคคลเหล่านั้นก็มีความหมาย มีคุณค่า ต่อตนเองและผู้อื่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
    เขาอาจจะดำเนินวิถีชีวิตอย่างเรียบง่าย ด้วยการเป็นคนขับรถประจำทาง ผู้เอื้ออำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้คนจำนวนมากในแต่ละวัน

    เราไม่อาจนำเอาชีวิตของคนขับรถประจำทางไปเปรียบกับเจ้าของธนาคารได้ และกล่าวว่าเจ้าของธนาคารเป็นผู้ที่บรรลุผลสำเร็จในชีวิตสูงกว่าคนขับรถประจำทาง เพราะการเปรียบเทียบดังกล่าวขาดความเป็นจริง มันเป็นเพียงความเชื่ออันจำกัดเท่านั้น ที่วัดด้วยปัจจัยทางสังคมเพียงสามปัจจัยอันได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ

    เราไม่อาจนำเอาชีวิตของคนขับรถประจำทางไปเปรียบกับพระนักปฏิบัติได้ และกล่าวว่าพระนักปฏิบัติเป็นผู้ที่บรรลุผลสำเร็จในชีวิตสูงกว่าคนขับรถประจำทาง เพราะการเปรียบเทียบดังกล่าวขาดความเป็นจริง มันเป็นเพียงความเชื่ออันจำกัดเท่านั้น ที่วัดด้วยปัจจัยทางศาสนาเพียงสามปัจจัยอันได้แก่ ลด ละ เลิก ซึ่งเป็นปัจจัยจำเพาะของศาสนาเพียงบางศาสนาเท่านั้นด้วยซ้ำไป

    หากคนขับรถประจำทางผู้นี้ เป็นพ่อที่ดีของลูกของเขา เขารักลูกของเขาอย่างปราศจากเงื่อนไข เป็นสามีที่ดีของภรรยาของเขา ซื่อตรงต่อภรรยาของเขา เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ของเขา กตัญญูรู้คุณและดูแลพ่อแม่ของเขาตามอัตภาพ และเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพด้วยความสุจริต ให้บริการแก่ประชาชนด้วยความเอื้อเฟื้ออย่างสม่ำเสมอในหน้าที่ของเขา และทำหน้าที่่ของเขาด้วยความพึงพอใจ กล่าวได้ว่า เขาได้ดำเนินชีวิตไปสู่เป้าหมายที่เขาเลือกมาถือกำเนิดอย่างพร้อมมูล ด้วยการทำหน้าที่ ณ จุดยืน มุมมอง พร้อมด้วยทัศนคติ และความเชื่อของเขา ด้วยความพึงพอใจ

    มีบุคคลมากมายที่กล่าวได้ว่า เป็นผู้ที่มีความพอใจในสิ่งที่ตนมี เป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่าย หากเราไม่วินิจฉัยเขาว่า เขาประสพความสำเร็จตามมาตรฐานมนุษย์ตั้งในนัยทางโลก หรือทางธรรม เราจะพบว่า ชีวิตของเขาสงบสุข อิ่มหรือพรั่งพร้อมด้วยอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดในแง่บวกตามอัตภาพ ตามจุดยืนและมุมมองอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา
    _______________________________

    ท่านอาจารย์อนาลัย ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ บทที่ 6 การสูญเสียตัวตนในความฝัน กับ การได้กำไรจากจิตวิญญาณ (p. 205) ว่า
    คุณสมบัติอันโดดเด่นของการเติมเต็มคุณค่าของชีวิตของมนุษย์ได้แก่ ผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ ธรรมชาติของมนุษย์ไม่เพียงแต่จะแสวงหาสิ่งที่น่าพึงพอใจเท่านั้น แต่มนุษย์แสวงหาความพึงพอใจอย่างลิงโลดและมีชีวิตชีวา การติดตามความพึงพอใจของสิ่ง มีชีวิตทั้งหลายทำให้สิ่งมีชีวิตค้นพบสิ่งที่สนองความต้องการของชีวิตด้วยเช่นกัน
    _______________________________

    การบรรลุเป้าหมายหรือความสำเร็จในชีวิตของเรา ไม่ได้เกี่ยวกับเงินทองหรือธรรมแต่เพียงสองด้าน เพราะเราต่างก็เป็นจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด เราไม่อาจกล่าวได้ว่า ผู้ที่ถือกำเนิดมา และไม่ได้รู้จักพุทธศาสนา ค้นไม่พบ หรือไม่รู้จักเป้าหมายอันสูงสุดของจิตวิญญาณในนัยทางธรรม เพราะเขาย่อมมีเป้าหมายทางศาสนาของเขาแตกต่างไป

    พี่นักเขียนไม่อาจกล่าวถึงเป้าหมายของศาสนาทั้งหลายได้อย่างถูกต้อง เพราะไม่ใช่ผู้รู้เกี่ยวกับศาสนาต่างๆ แต่พี่นักเขียนเชื่อว่า เป้าหมายอันเป็นกลางของจิตวิญญาณทั้งหลายที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง ทุกชาติภาษา ทุกศาสนา คือการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ ด้วยการเปลี่ยนอารมณ์ทั้งหลาย ให้กลายเป็นอารมณ์รัก

    รักตนเอง และ ผู้อื่น

    รักที่จะหน้าที่
    รักที่จะเรียน
    รักที่จะเล่น

    รักที่จะสร้างสรรค์

    รักที่จะคิด
    รักที่จะพูด
    รักที่จะลงมือทำ


    ในทิศทางที่นำความสุข และความพึงพอใจมาสู่ตนเอง และผู้อื่นเสมอ

    สำหรับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ที่ถามพี่นักเขียนว่า เป้าหมายชีวิตของข้าพเจ้าคืออะไร ?
    คำตอบ : คือ การทำทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกลมหายใจ-ด้วยใจรัก

    สำหรับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ที่ถามพี่นักเขียนว่า ทำอย่างไรจึงไปถึงหรือบรรลุเป้าหมาย ?
    คำตอบ : ดำเนินชีวิตด้วยการมีสติพร้อม ด้วยการ

    รักตนเอง และ ผู้อื่น ด้วยสติพร้อม รัก โดยปราศจากเงื่อนไข

    ตั้งใจทำหน้าที่
    ตั้งใจเรียน
    ตั้งใจเล่น


    ตั้งใจสร้างสรรค์

    ตั้งใจคิด
    ตั้งใจพูด
    ตั้งใจทำ


    การทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยใจรัก ด้วยสติพร้อม จะทำให้เราค้นพบว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรา เป็นสิ่งที่กำลังเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ของเรา กำลังนำเราไปสู่การบรรลุเป้าหมาย เพราะมันกำลังเอื้ออำนวยให้เราได้เรียนรู้ หรือเอื้ออำนวยให้เราได้เปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ อย่างร่าเริงเบิกบาน มีชีวิตชีวา ด้วยใจรัก ด้วยความพึงพอใจ ด้วยความอิ่มเอิบ หรือเป็นสิ่งที่กำลังบั่นทอน และ ทำให้เราเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ

    อารมณ์-จิตนาการและความรู้สึกนึิกคิด เป็นกลไกที่บ่งบอกให้เรารู้ได้เสมอว่า เรากำลังดำเนินชีวิต ไปสู่เป้าหมาย ด้วยใจรักหรือเปล่า?


    นำดอกไม้ปลาย summer มาฝากพวกเราชาวห้องวิทย์ และผู้อ่านทุกท่าน ด้วยความรัก
    ก่อนจะย่างเข้า ฤุดูใบไม้ร่วง พร้อมด้วยความหนาวเย็นที่กำลังคืบคลานเข้ามาค่ะ(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_5310.jpg
      IMG_5310.jpg
      ขนาดไฟล์:
      112.9 KB
      เปิดดู:
      27
    • IMG_5348.jpg
      IMG_5348.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.4 KB
      เปิดดู:
      19
    • IMG_5355.jpg
      IMG_5355.jpg
      ขนาดไฟล์:
      96.2 KB
      เปิดดู:
      21
    • IMG_5308.jpg
      IMG_5308.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85 KB
      เปิดดู:
      28
    • IMG_5339.jpg
      IMG_5339.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.5 KB
      เปิดดู:
      23
    • IMG_5351.jpg
      IMG_5351.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.3 KB
      เปิดดู:
      25
    • IMG_5375.jpg
      IMG_5375.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.9 KB
      เปิดดู:
      26
    • IMG_5419.jpg
      IMG_5419.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71 KB
      เปิดดู:
      36
    • IMG_5427.jpg
      IMG_5427.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109.2 KB
      เปิดดู:
      26
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2008
  3. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เป้าหมายชีวิต(ต่อ)

    พวกเราคงจำ Nick Vujicic ได้นะคะ
    ความสำเร็จที่แท้จริงหรือเป้าหมายที่แท้จริงของเขา
    คือการดำเนินชีวิตตามปกติ เหมือนคนมีแขนขา
    ด้วยการเลือกมาถือกำเนิดโดยไม่มีแขนขา
    เพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ที่จิตวิญญาณ
    ที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังร่างอื่นๆ ไม่ได้เลือก

    [​IMG]

    เป้าหมายของเขาคือการทำให้คนทั้งโลกตระหนักได้ถึง
    ความไม่ยอมแพ้ และ ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณ
    ที่มีอยู่ในทุกรูปกาย


    แต่การกลายเป็นผู้นำศาสนา หรือเป็นนักพูดในศาสนาของเขา
    เป็นเพียงการบรรลุผลสำเร็จตามมาตรฐานมนุษย์ตั้ง

    หาก Vujicic เป็นผู้ที่มีแขนขาเป็นปกติ
    คนจำนวนมากอาจจะไม่ได้มองเห็นว่าเขาบรรลุผลสำเร็จในนัยของสังคม
    หรือศาสนาด้วยซ้ำไป และเขาก็อาจจะไม่ได้กลายเป็นผู้นำ หรือนักพูด
    อย่างเป็นอยู่

    อุปสรรคทั้งหลายที่เราแต่ละคนเผชิญ
    แม้จะแตกต่างไปจาก Vujicic
    หากเราตระหนักได้ว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับอุปสรรคใดๆในชีวิต
    มันก็ล้วนเป็นสิ่งที่เราเลือก เพื่อเผชิญกับความท้าทายนั้นๆ
    และการเผชิญกับความท้าทายนั้นได้สำเร็จ
    คือ การบรรลุเป้าหมายชีวิตของตนเอง

    Nick Vujicic กล่าวว่า "I love my life. I couldn't imagine myself choosing a different life."(rose)
     
  4. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    [​IMG]
    ขอบคุณครับพี่นักเขียน ;aa22
    คำถาม-คำตอบ ทะลุปรุโปร่งเลยครับ
    เราไม่อาจนำมาตรฐานจากความเชื่ออันจำกัดของตัวเรา ที่หล่อหลอมจากมุมมองอันเป็นเอกลักษณ์ของเรา และมุมมองจากสังคม มาตัดสินเป้าหมายของจิตวิญญาณได้เลย
    จิตวิญญาณที่ปราศจากขีดจำกัด มีพร้อมสรรพอยู่แล้วภายในของทุกรูปทุกนาม
    จิตวิญญาณไม่เคยที่จะตัดสิน จิตวิญญาณมีอิสระ จิตวิญญาณเต็มไปด้วยความรักที่ไร้เงื่อนไข จิตวิญญาณคือผู้รู้ผู้ตอบคำถาม
    ซึ่งคำถาม-คำตอบ ล้วนอยู่ภายในอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด จินตนาการภายใน
    ขอบคุณความรักที่ไร้เงื่อนไข ที่ไม่ยอมตอบคำถามให้ทุก e-mail ในเรื่องเป้าหมายของชีวิตนะครับ ;aa15dencee
     
  5. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    ด้วย ความคิดถึง จึงมาหานำรักมา ให้
    มี ดอกไม้มาฝาก ผูก โบว์รักร้อยเอาไว้
    มอบ ให้ด้วยใจ ใจแห่งรักที่แสน ละมุน
    ..ความรัก ติดตรึง คิดถึง จึงมา
    อยากพบ พูดจา ปรารถ-นา ให้เธอ ชื่น ชม

    ..ด้วย ความคิดถึง จึงมาหา นำรักมา ให้
    มี ดอกไม้มาฝาก ผูก โบว์รักร้อยเอาไว้
    มอบ ให้ด้วยใจ ใจแห่งรักที่แสน ละมุน

    ..ความรัก เรียกหา รอช้า อยู่ใย
    รีบรับ เอาไป ก่อนดอกไม้จะร่วง โรยรา
    ..ความรัก ติดตรึง คิดถึง จึงมา
    อยากพบ พูดจา ปรารถ-นา ให้เธอ ชื่น ชม ..
    ด้วย ความคิดถึง จึงมาหานำรักมา ให้
    มี ดอกไม้มาฝาก ผูก โบว์รักร้อยเอาไว้

    ..ความรัก เรียกหา รอช้า อยู่ใย
    รีบรับ เอาไป ก่อนดอกไม้จะร่วง โรยรา
    ..ด้วย ความคิดถึง จึงมาหานำรักมา ให้
    ด้วย ความคิดถึง จึงมาหานำรักมาฝาก.. .
     
  6. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขอบพระคุณค่ะ พี่นักเขียน เวลาเห็นตัวหนังสือของพี่นักเขียนทีไร
    เดรด สบายใจอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกที่เต็มเปี่ยม...
    แทบจะครอบคลุม สาระของชีวิต เอาไว้ทั้งหมด...
    คำถาม และ คำตอบ มันอยู่ในตัวของมันเอง ทั้งนั้น
    อยู่ที่ว่า...เราอยากจะหา มันหรือไม่ และ เมื่อใด;aa53
     
  7. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ;aa9.............................;aa28;39
     
  8. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ขอบคุณคำตอบของพี่นักเขียนมาก บางครั้ง zip ก็เอามาตรฐานทางนัยสังคมและนัยศาสนามาเปรียบวัดกับตัวเองเหมือนกัน ทำให้บางครั้งเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ แล้ว ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองยังไม่มีอะไรไปเท่าเค้าเหล่านั้นที่เอามาเป็นตัวชี้วัดได้

    อ่านที่พี่นักเขียนเขียนมา บางประโยคก็ทำให้นึกไปถึงคำที่ว่า "ความสุขเรียบง่ายในชีวิตประจำวัน"

    มาคิดๆ ดูเป้าหมายในชีวิต ดูจะเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคนเรามากนะฮะ แม้จะไม่มีใครสอนให้ตั้งเป้าหมาย แต่ก็มักจะมีคำถามอยู่ในใจกันเสมอว่า เป้าหมายในชีวิตของเราคืออะไร บางทีการทำสิ่งเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ อย่างตัวอย่างที่พี่นักเขียนยกมาก็เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง

    การทำสิ่งที่รัก นั่นต้องหาสิ่งที่ตัวเองรักแล้วทำมัน หรือจะต้องทำให้ตัวเองรักในทุกๆ สิ่งให้ได้ zizz คิดเบาๆ ในใจ
    -------------------------------------------------------
    วันศุกร์ที่ผ่านมา ได้ไปร้านหนังสือคิโนคุนิยะที่สยามพารากอน ไปเจอหนังสือที่คิดว่าคงจะสนใจกันเลยถ่ายๆ มาให้ดูกันเผื่อสนใจ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เรื่องแปลกแต่จริง

    1.คำตอบที่พี่นักเขียนตอบมาคล้าย ๆ กับที่มันตกลงมาใส่หัวจินตวดีเมื่อหลายวันก่อนเลย ตอนที่จินตวดีมีปัญหาสงสัย หลังจากนั้นก็มีคำตอบแนวนี้ผุดขึ้นมาในความคิดทำให้คิดได้ทะลุขึ้น

    2. จินตวดีเคยถามคุณนักเขียนไว้ว่าใครคือคุณ แซม พี่นักเขียนบอกว่าเป็นสามีคุณนักเขียน ที่แปลกก็คือ จินตวดีเคยแว้บเห็น (ไม่ได้ฝันนะ) ภาพข้อความจากคนชื่อแซมว่า "ขอแสดงความยินดี ขอให้โชคดี" พอคิดดูแล้วเป็นเวลาเดียวกับที่เคยขอให้คุณนักเขียนฝันให้แล้วมีข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากสามีคุณนักเขียนด้วยว่าจินตวดีได้เงินเดือนขึ้น และตอนนั้นจินตวดีมีการปรับระดับตำแหน่งงานและเงินเดือนจริง ๆ การสื่อสารทางจิตเป็นสิ่งที่เป็นไปได้จริง ๆ

    3. อยากให้เพื่อนนั่งสมาธิก่อนนอนกันเยอะ ๆ แล้วเพื่อนจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า การปรับสติสัมปชัญญะให้เป็นวงจรเปิดซึ่งสามารถรับข้อมูลข่าวสารได้จากทุกสถานีทั่วจักรวาลนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้จริง (อันนี้มีระบุไว้ละเอียดในหนังสือชุดนี้) สำหรับจินตวดีเอง ค้นพบอยู่หลายวิธี คือ ช่วงที่เป็นสมาธิ ช่วงที่เพิ่งตื่นนอนใหม่ ๆ (กายหลับจิตตื่น) ช่วงที่เผลอหรือเหม่อลอย หรือช่วงที่จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้จะเป็นช่วงทีเราละจากการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ช่วงนั้นเราสามารถปรับสติสัมปชัญญะเราเป็นวงจรเปิดหรือเครื่องรับทีวีจากทุกสถานีได้ แล้วตรงนี้เอง จะทำให้เราได้กำไรพอสมควร ลองดูค่ะ จินตวดีใช้วิธีกำหนดที่หน้าผากเอา แล้วลองสังเกตุดู สติเรามักจะเห็นภาพแว้บเข้ามา แรก ๆ มาไวไปไวมาก เรามักจะคิดว่าเป็นภาพลวงตา แต่ถ้าเราหัดสังเกตุว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร คราวต่อไปจะเห็นมันได้ชัดเจนมากกว่านี้และ นานขึ้น เท่าที่จินตวดีสังเกตุ เหมือนการมองผ่านสายตาของจิตวิญญาณต่างร่างของเรา ส่วนใหญ่ภาพที่เราเห็นเป็นเหตุการณ์ของบุคคลหลากหลายที่เราไม่รู้จักเลยตลอดชีวิต และมันก็แปลกที่ว่า ตอนเช้าเห็นคนนี้ ตอบบ่ายเห็นอีกคน พออีกวัน มันย้อนมาต่อคนแรกอีก ตอนบ่าย ไปอีกคน ส้งเกตุดูเหมือนกับการดูหนัง หลาย ๆ เรื่อง แต่ไม่ต่อเนื่อง คือ เรื่องละนิดเรื่องละหน่อย ประมาณนั้น

    4. เมื่อวันเสาร์ไปเกาะช้างมา มีเรื่องแปลก คือ มีครั้งหนึ่ง (ผ่านมาพอสมควร) ช่วงที่กำหนดที่หน้าผากตอนจะหลับ ปรากฏเห็นเงาดำเกาะที่หน้าอก ความตกใจทำให้เราใช้จักระที่ 6 เพ่งไปที่จุดดำนั้นเพื่อไล่ให้พ้น พลันหูได้ยินเสียงว่า "ไล่หนูทำไม" แล้วเงาดำนั้นหายไป ตอนนั้นเสียใจอย่างแรง ไม่น่าไล่เขาเลย เราควรแผ่เมตตาให้เขาไปสู่แสงสว่างดีกว่า พอมาเมื่อคืนวันเสาร์นี้เอง อันนี้เป็นตอนเช้ามืด เป็นช่วงตื่นนอนใหม่ ๆ (กายหลับจิตตื่น) ตอนนี้จินตวดีชอบกำหนดที่หน้าผากเพราะมันทำให้เรารับรู้ข้อมูลแปลก ๆ ได้ พลันเห็นเงาดำเดิมเกาะอยู่อีก ตอนแรกตกใจจะไล่ แต่มาคิดได้จึงเปลี่ยนเป็นกำหนดจิตส่งวิญญาณไปสู่แสงสว่างแทน แล้วก็เห็นเงาดำนั้นค่อย เลือนหายไป ก่อนที่จะหายไปหมด แว่วเสียงที่หูว่า "ขอบคุณครับ" พอเงาดำหายหมด ปรากฏเป็นภาพแผ่นประกาศผลล๊อตเตอรี่แทน จินตวดีมองเฉย ๆ ไม่ซูม และ ไม่จำ อย่างไรก็ดีก็ยัง.. ฮ่า ๆ

    5. ช่วงหลังนี้ต้องเป็นอันได้พบปะพูดคุยกับคนเยอะแยะเสมอ และบ่อยครั้งที่อยู่ ๆ ได้ไปนั่งเล่าข้อมูลความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงของจักรวาล และ ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายที่มาฟังมาก มีการสอบถาม สิ่งนี้ทำให้จินตวดีรู้สึกเสียใจ ที่หนังสือชุดนี้ไม่ได้มีการวางขายอีกต่อไป เพราะบุคคลส่วนใหญ่นั้นมักเป็นคนวัยกลางคนที่ไม่มีโอกาสได้เล่นอินเตอร์เน็ตจึงไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าเว็บไซด์นี้เพื่อเรียนรู้ข้อมูลนี้ จึงทำให้การเรียนรู้ต่อไปของพวกเขาจำเป็นต้องสะดุดหรือชะงักไป เพราะส่วนใหญ่จะถามหาหนังสือทั้งนั้น แต่จินตวดีดีใจนะที่ได้มีโอกาสเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ที่ช่วยถ่ายทอดข้อมูลของท่านอนาลัยไปสู่ผู้อื่น
     
  10. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    หนังสือชุดนี้เป็นชุดที่ผมอ่านช้าที่สุดเลย
    ปัจจุบันยังอ่านไม่จบเลย

    วิธีทำสมาธิอีกอย่าง คือ มีสติจดจ่อกับที่เราทำ อ่านไป ทำความเข้าใจไป ถึงจะอ่านยังไม่เข้าใจได้หมดก็ไม่เป็นไรครับ เพราะข้อมูลทั้งหลายลุ่มลึกมากๆ ส่วนที่เล็ดรอดจากการรับรู้ของเราเดี๋ยวจะไปรอในฝัน และชีวิตประจำวันยามตื่น เหมือนกับการหาชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ครับ พอได้ภาพสมบูรณ์ในเรื่องนั้นๆ ก็จะถึงบางอ้อเองครับ

    เอาข้อความที่พี่นักเขียนตอบ มาฝากเพื่อนๆครับ เผื่อจะช่วยให้เราเข้าใจภาวะจิตของตนได้ดีขึ้น จากปัญหาที่ผมยังไม่เคลียร์ในฝัน และก็ไม่แน่ใจว่าจะตีความไปในทิศทางใด
    พี่นักเขียนน่ารักมากๆ ถึงจะงานยุ่งขนาดไหน ก็ไม่มีเหนื่อยหน่ายที่จะมาตอบ มาแนะให้ครับ หากไม่เรียกว่ากระทำด้วยความรัก แล้วจะเรียกว่าอะไร ;aa30

    มาช่วยกันครับคุณจินต์ ผมก็เป็นฟันเฟืองเล็กๆ 1 ฟันเฟือง ที่มีความสุขจากการได้แบ่งปัน ได้พูดคุย ได้แลกเปลี่ยน เพื่อขยายการรับรู้ของเราให้กว้างขึ้น

    สวัสดีค่ะคุณเซลล์

    ต้องขอโทษด้วยที่ตอบช้า เพราะแถวยาวค่ะ
    พี่นักเขียนกำลังงานยุ่งมาก
    เพราะตั้งมั่นไว้ว่า จะทำ eBook ให้สำเร็จตามเวลาที่กำหนด เนื่องจากมีผู้อ่านจำนวนมากต้องการหนังสือ และพี่นักเขียนไม่มีวิธีการอื่นที่จะสนองความต้องการให้ได้ นอกจากทำเป็น eBook ให้อ่านได้ download ได้

    ความฝันของคุณเซลล์ ชัดเจน ต่อเนื่อง
    และพี่นักเขียนเชื่อว่า คุณเซลล์เข้าใจในสัญลักษณ์ความฝันของตนเองได้ดี
    เพียงแต่ขาดความมั่นใจ เพราะเพิ่งจะหันมาให้ความสำคัญกับความฝันได้ไม่นานนัก

    ตามธรรมชาติแล้ว เราต่างก็เข้าใจในสัญลักษณ์ึความฝันของตนเอง
    มากกว่าที่ผู้อื่นจะเข้าใจสัญลักษณ์ของเราได้ เพราะสัญลักษณ์เหล่านี้
    ทดแทนภาวะจิตของเราโดยตรง อย่างเป็นเอกลักษณ์

    เราจะตระหนักได้ในความเป็นจริงต่างๆที่ปรากฏในความฝันเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งที่ปรากฏในความฝัน นอกเหนือความรู้ที่เรารู้เห็นได้ยามตื่นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ความรู้ที่ได้จากความฝันทำให้เราปักใจเชื่อ หรือเรียกได้ว่ามั่นใจในความรู้ หรือการรู้เห็นได้ในระดับที่ลุ่มลึกจนปฏิเสธความเป็นจริงของมันไม่ได้ และบ่อยครั้ง ความฝันซึ่งเต็มไปด้วยความรู้อาจขัดกันกับความเชื่อของเราโดยสิ้นเชิง

    หากเราไม่รู้จักพิจารณาว่าสิ่งใดคือความเชื่อ เราก็มักจะลบล้างความรู้ที่ได้จากความฝัน ด้วยความเชื่อยามตื่น ตามเดิม
    แต่ความรู้ที่ได้จากความฝัน มักจะทำให้ความเชื่ออ่อนกำลังลงเสมอ
    หรือแม้กระทั่งทำให้ความเชื่อนั้นคลอน สั่นสะเทือน หรือถูกล้มล้างได้ในที่สุด

    หากคุณเซลล์เรียนรู้ทึีี่จะศรัทธาในการรู้เห็นของตนเอง ในความฝัน
    คุณเซลล์จะพบได้ว่า นอกจากคุณเซลล์จะรู้เห็นได้ในสิ่งที่นอกเหนือประสาทสัมผัสทั้งห้าแล้ว ยังเกิดความมั่นใจในทิศทางที่เรียกได้ว่า มั่นคง เพราะเมื่อรู้เห็นในสิ่งที่เป็นจริงในความฝันแล้ว และตระหนักได้ในคุณภาพของการรู้เห็นเหล่านั้น คุณเซลล์จะพบว่า มันมั่นคง ไม่หวั่นไหว และพิสูจน์ความเป็นจริงได้เสมอ หากคุณเซลล์จะพยายามพิสูจน์มัน
    และหากใครจะบอกว่าคุณเซลล์ฝันไม่แม่น เข้าใจผิด หรือฝันเฟื่อง มันก็ปราศจากความหมาย เพราะตัวรู้ หรือผู้รู้้ เมื่อรู้แล้ว ไม่อาจเป็นอื่นได้-นอกจากรู้

    หากใครจะปฏิเสธในสิ่งที่ตัวรู้-รู้
    คุณเซลล์จะปราศจากความขัดแย้งทั้งปวง
    ปราศจากการเปรียบเทียบ ปราศจากการวินิจฉัยว่าผู้อื่น
    ดี หรือ ไม่ดี
    จริงใจ หรือไม่จริงใจ
    พูดจริงหรือกล่าวเท็จ
    เพราะการเปรียบเทียบเหล่านั้นล้วนปราศจากความหมาย

    สิ่งเดียวที่มีความหมายต่อจิตวิญญาณ หรือผู้รู้ภายใน
    คือการตระหนักว่า สิ่งใดคือ ความรู้ และ ความไม่รู้
    ผู้ใดคือผู้รู้ และ ผู้ทืี่ยังไม่รู้

    หากเขารู้ ก็ก่อให้เกิดความรู้สึกนับถือ ศรัทธา
    หากเขาไม่รู้ ก็ก่อให้เกิดความรู้สึกเมตตา
    ไม่มีอะไรอื่นนอกเหนือไปจากนั้น

    สิ่งที่ปรากฏมากมายในสังคมไทย เป็นสิ่งที่ขาดการพิสูจน์ และเป็นไปด้วยการกล่าวด้วยคำพูด ปากต่อปาก
    เพราะคนจำนวนมากปฏิเสธการศึกษาด้วยตนเอง
    แต่เชื่อถือการรับป้อน ทำให้คนจำนวนมากใช้ความเชื่อมากกว่าที่จะใช้ปัญญาและสัญชาติญาณ

    การเชื่อ และการฟัง จากปากต่อปาก เป็นสิ่งที่รับเอาได้ง่ายกว่าการศึกษาและใช้ปัญญาขบคิดด้วยตนเอง
    คนจำนวนมากจึงเลือกที่จะรับเอาและเชื่อโดยไม่ต้องศึกษาหรือพิสูจน์

    พี่นักเขียนเชื่อว่า เส้นทางแห่งการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ของจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิด
    เป็นบุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนทั้งหลาย ล้วนต้องอาศัยทางเบี่ยง หรือ detour ไม่มากก็น้อยด้วยกันทุกคน

    พี่นักเขียนเองก็ผ่านความเชื่อ และรับป้อนความเชื่อต่างๆมามากมาย ที่เคยเห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือหรือเป็นความจริง แต่แล้วมันก็ร่วงหล่นไปตามกาลเวลา มันสนองความต้องการและการเรียนรู้ได้ในระดับหนึ่งๆ ในช่วงเวลาหนึ่งๆ ไม่มีความเชื่อใดที่เลวร้าย ทุกความเชื่อล้วนเป็นบันไดสู่การเรียนรู้

    ความเชื่อหนึ่งๆสนองความต้องการและเป้าหมายในระยะหนึ่งๆของแต่ละบุคลิกภาพ แล้วความเชื่อหนึ่งๆก็จะแปลงสภาวะไปเป็นความเชื่ออื่นๆต่อไปอีก จนกว่าเราจะพบความรู้ ซึ่งไม่อาจแปลงสภาวะต่อไปได้ เราจึงจะพบว่า เราพบธรรมชาติความเป็นจริงที่แสนจะเรียบง่าย แม้ว่ามันจะปราศจากความลี้ลับ ปราศจากปาฏิหารย์ หรือความเหนือชั้นในทิศทางที่ความเชื่อเดิมๆเคยทำให้เราคิดว่ามันควรจะเป็น ธรรมชาติความเป็นจริงเหล่านั้นก็ไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นอื่นไปได้ เพราะมันมั่นคง แกร่ง และเรียกได้ว่า ถาวร ไม่สะทกสะท้าน กว้างใหญ่ไพศาล
    เพราะมันติดดิน แต่อิสระเหมือนฟ้ากว้าง

    พี่นักเขียนขอให้คุณเซลล์เรียนรู้สัญลักษณ์ต่างๆจากความฝัน ในนัยที่เป็นส่วนตน และตระหนักว่า มันคือสัญลักษณ์ที่เกิดจากภาวะจิตของคุณเซลล์ และคุณเซลล์คือผู้ที่รู้จัก และเข้าใจสัญลักษณ์เหล่านั้นดีที่สุด

    หากคุณเซลล์ศรัทธาในตัวรู้ หรือผู้รู้เห็นในความฝันได้มากเท่าไร ผู้รู้หรือตัวรู้ก็จะพัฒนาและใช้ความสามารถตามธรรมชาติได้ดีขึ้นเท่านั้น

    พี่นักเขียนอาจจะไม่ตอบ หรือปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ในฐานะผู้รู้ ที่คนจำนวนมากคาดหวังให้ตอบ แต่มันก็เป็นเพียงธรรมชาติความเป็นจริง ที่พี่นักเขียนได้เรียนรู้และปรารถนาที่จะถ่ายทอดอย่างตรงไปตรงมาที่สุดว่า เราทุกคนแสวงหาผู้รู้ผู้ตอบคำถามได้จากภายใน ความศรัทธาในผู้รู้ภายในของตนเอง ทำให้ผู้รู้ของเรา ปรากฏตัวตนได้อย่างแจ่มชัด และถ่ายทอดความรู้จากภายในให้เราได้
    โดยปราศจากสิ่งกึดขวาง

    ด้วยความปรารถนาดี
    พี่นักเขียน [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2008
  11. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ JINTAWADEE [​IMG]
    1.คำตอบที่พี่นักเขียนตอบมาคล้าย ๆ กับที่มันตกลงมาใส่หัวจินตวดีเมื่อหลายวันก่อนเลย ตอนที่จินตวดีมีปัญหาสงสัย หลังจากนั้นก็มีคำตอบแนวนี้ผุดขึ้นมาในความคิดทำให้คิดได้ทะลุขึ้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เห็นด้วยค่ะพี่จินต์พี่นักเขียนเหมือนรู้ถึงภาวะจิตของเราในขณะนั้น ๆ จริง ๆ เลยนะคะ เพราะก่อนหน้าพี่นักเขียนเข้ามาโพสท์ 1 วันก็เกิดความสับสนในตนเองค่ะว่าสติสัมปะชัญญะและการใช้ประสาทสัมผัสภายในของเราในการ ถาม - ตอบ ตัวเองนั้นผิดพลาดหรืออย่างไร? พอมีใครซักคนหนึ่งเข้ามาทักนิดเดียวก็เกิดความสับสนขึ้น แต่เมื่อได้ถามผู้มีประสบการณ์หลาย ๆ ท่านแล้วก็ได้รับคำตอบที่คล้ายกับที่ตนเองได้รับ ยิ่งได้มีอ่านข้อความของพี่นักเขียนแล้วก็ยิ่งมั่นใจขึ้นว่าความเป็นไปได้ที่เราเลือกไปแล้วนั้นเป็นสิ่งที่เรากำลังตัดสินใจเพื่อให้บรรรลุเป้าหมายบางอย่างนั่นเอง.. ดังนั้นจึงไม่มีการเลือกใด ผิดหรือถูก เพราะทางเลือกนั้นเป็นประสบการณ์ที่จิตวิญญาณเราเลือกแล้วก่อนที่จะมาถือกำเนิดค่ะ ขอบคุณพี่นักเขียนมากค่ะ..^^
    ;aa16;aa13
     
  12. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ทำสมาธิก่อนนอนเท่าไหร่เลย เลยคุ้นๆ แต่ว่าฝันนะ แต่จำไม่ได้ แต่เช้านี้พอจะจำได้บ้างนิดหน่อย

    ในการกำหนดสมาธิไว้ที่หน้าผาก เนื่องจากว่าปกติทำสมาธิแบบจับลมหายใจจนชิน พอมากำหนดที่หน้าผากก็มีการไปจับลมหายใจตามความเคยชิน จะมีการไปจับลมหายใจเข้า ออก ไปพร้อมกับกำหนดไปที่หน้าผากด้วย เอหรือว่าปกติคนอื่นทำก็เป็นอย่างนี้เอง

    ว่าแต่เรื่องพิมพ์หนังสือ ผมก็มีแอบๆ ลุ้น ให้บางสำนักพิมพ์ติดต่อไปเหมือนกัน สำนักพิมพ์ที่เปิดกว้างเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
     
  13. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    อ้อ อีกเรื่อง ได้ลองเปิดอ่านหนังสือสนทนากับพระเจ้าเล่ม 3 ลองอ่านดู(แค่หน้าเดียว) รู้สึกว่าจะมีพูดกันเรื่องที่ว่าวิญญาณมีการกลับมาเกิดในร่างสัตว์ได้(ประมาณนี้) คนพุทธอาจจะไม่แปลกใจในเนื้อหาสาระในเรื่องนี้ แต่คนคริสต์อย่างคนเขียนคงจะประหลาดใจน่าดู

    และก็ไปเจอข้อความนี้ที่มีคนยกมาจากในเล่ม 3 อ่านดูก็คงจะเป็นข้อที่ยกมาขัดได้กับความคิดที่ว่า คนเรามีสัญชาติญาณดิบอยู่ในตัว เมื่อคนเราอยู่ในคราวคับขับจะแสดงสัญชาติญาณดิบออกมา

    If your "basic instinct" was "survival," and if your basic nature was "evil," you would never move instinctively to save a child from falling, a man from drowning, or anyone from anything. And yet, when you act on your basic instincts and display your basic nature, and don't think about what you are doing, this is exactly how you behave, even at your own peril.

    Thus, your "basic" instinct cannot be "survival," and your basic nature is clearly not "evil." Your instinct and your nature is to reflect the essence of Who You Are, which is fairness, oneness, and love.
    Conversations With God, Book 3
    Neale Donald Walsch
    Page 228


    ถ้า "basic instinct" ของคุณคือ "การอยู่รอด", และโดยพื้นฐานธรรมชาติของคุณเป็น "ปีศาจ", คุณคงจะไม่เคลื่อนที่โดยสัญชาติญาณเพื่อไปช่วยเด็กที่กำลังตกลงมา, คนที่กำลังจมน้ำ, หรือใครบางคนจากบางสิ่ง และมากกว่านั้น เมื่อคุณกระทำการโดย basic instinct และแสดงธรรมชาติโดยพื้นฐานของคุณ และไม่ได้คิดกับสิ่งที่คุณกำลังทำ นี่จะเป็นการบอกได้ว่าคุณมีพฤติกรรมอย่างไร แม้แต่ในช่วงที่คุณกำลังประสพภัยอันตรายอยู่เอง

    ดังนั้น, สัญชาติญาณพื้นฐานของคุณไม่ได้เป็น "การอยู่รอด", และพื้นฐานธรรมชาติก็ไม่ได้เป็น "ปีศาจ" สัญชาติญารของคุณและธรรมชาติของคุณจะสะท้อนว่าแก่นแท้แล้ว คุณเป็นใคร ซึ่งเป็นสิ่งที่ fairness, oneness, and love.

    Conversations With God, Book 3
    Neale Donald Walsch
    Page 228
     
  14. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    คุณ zip ช่วยแปลและนำมาขยายความหน่อยครับ น่าสนใจมากเลย
    ตรงประโยคที่ว่า

    "รู้สึกว่าจะมีพูดกันเรื่องที่ว่าวิญญาณมีการกลับมาเกิดในร่างสัตว์ได้(ประมาณนี้) คนพุทธอาจจะไม่แปลกใจในเนื้อหาสาระในเรื่องนี้ แต่คนคริสต์อย่างคนเขียนคงจะประหลาดใจน่าดู"

    ถ้าในมุมมองของคนที่ไม่ได้มีความเชื่อเช่นนี้ เขาเห็นเป็นยังไงบ้างครับ
     
  15. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ใช่แล้วคุณเซลล์ เราอาจเดินทางไปมิติเดียวกันมา ได้รับข้อมูลเดี่ยวกัน แต่ที่ฝันแตกต่างกันบ้าง นั่นเป็นเพราะสัญลักษณ์ที่แต่ละคนใช้คลุมทับไว้ในความฝันนั้นต่างกัน เพราะเราแต่ละคนย่อมมีชุดสัญญลักษณ์ความหมายแตกต่างกันไปตามภาวะจิตชองตัวเอง สำหรับคุณเซลล์ ความรู้เปรียบได้ดั่ง อัญมณีอันมีค่า สำหรับจินตวดี ความรู้เปรียบได้ดั่งธรรมชาติ ความหมายถ้าตีมาแล้วคือเหมือนกัน ต่างกันแค่สัญลักษณ์จริง ๆ
     
  16. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    คุณจินต์ ตีความได้ตรงใจจริงๆครับ (good)
    ถ้านำมาถอดความแล้ว เราจะได้ความรู้ที่เป็นของกลาง
    โลกความเป็นจริงหลากมิติ ช่างกว้างใหญ่จริงๆ
    ภาวะจิตไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ทุกอย่างค้นได้จากอารมณ์ ความคิด จินตนาการ ภายใน
    เริ่มเชื่อแล้วหละครับว่า เราต่างเชื่อมต่อกันจริงๆ และมีการติดต่อสื่อสารกันตลอดเวลา ;aa15
     
  17. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ต้องขอบอกก่อนว่าผมได้อ่านเล่ม 3 นี้แค่หน้าสองหน้าเอง แบบผ่านๆ ด้วย เปิดมาก็เจอตอนที่คุยกันถึงเรื่องนี้พอดี จำได้คร่าวๆ ประมาณว่า นีล ถามพระเจ้าว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเนื้อสัตว์ที่เค้ากินไปนั้นไม่ใช่คนที่เค้ารู้จัก(หรือเป็นย่าหรือยาย อะไรซักอย่าง) แล้วพระเจ้าก็ตอบ....(จำไม่ค่อยได้)

    ก็มีคำถามนึงที่ถามประมาณว่า แล้วทำไมถึงมีการเกิดเป็นสัตว์ เป็นมนุษย์ พระเจ้าก็ตอบว่า มันเป็นการวิวัฒนาการ จริงๆ ตอบว่ากว่านี้จะแต่จำได้แค่นี้ (จะมีใครสงสัยมั๊ยน้อว่าทำไมไม่ใช้คำว่ากรรม ก็ไม่รู้ว่านีลเค้าจะถามถึงในเรื่องประเด็นนี้หรือเปล่านะ)

    แน่นอนว่านีล เค้าแปลกใจและก็อยากจะรู้ว่าทำไมถึงมีการวนเวียนมาเกิดเป็นสัตว์ แต่ก็นั่นแหล่ะ เนื่องจากว่าอ่านมานิดเดียวเลยจับอารมณ์ความรู้สึกของนีลมาได้นิดเดียวเอง

    จะลองหาเวปที่เผื่อเอาเนื้อหาของหนังสือทั้งเล่มมาให้อ่านก็ไม่เจอ เจอแต่ที่ยกประโยคที่ประทับใจมา โดยส่วนตัวไปสะดุดกับประโยคนี้นะ "You must learn to be gentle with yourself. And stop judging yourself" แบบว่าเปิดไปหน้านั้นสายตาก็ไปหยุดที่ประโยคนี้เลย

    ประโยคนี้ก็ใกล้เคียงกับที่พี่นักเขียนเขียนถึงคุณเซลล์ "Truth is truth, and it can neither be proven nor disproven. It simply is"

    และก็มีประโยคที่เขียนถึงเรื่องเกี่ยวกับกรรม ถึงจะไม่รู้ว่าจะใช้คำว่ากรรมกันตรงๆ กันหรือเปล่าในหนังสือ "Whatever you cause another to experience, you will one day experience"

    ก็มี quote อื่นๆ อีกนะลองอ่านดูได้ที่ http://www.inner-growth.info/conversations_with_god/conversations_with_god_book3.htm เผื่อจะสะดุดกับประโยคบางประโยค

    ของไทยก็มีคนจะทำเวป fan club เหมือนกัน เหมือนจะว่าพึ่งทำได้ไม่นานนะ เนื้อหายังไม่มีอะไรมาก http://weblog.manager.co.th/publichome/cwgfanclub/

    ส่วนอันนี้เป็นบล็อคของคุณนีลเค้าล่ะ http://blog.beliefnet.com/conversationswithgod/

    แล้วเรื่องราวของเค้าก็มีทำมาเป็นหนังด้วยนะ ชื่อว่า Conversation with God นี่แหล่ะ รู้สึกว่าจะเป็นประมาณว่าพูดถึงชีวิตของเค้า ถ้าเข้าใจไม่ผิดจะฉายตั้งแต่ปี 2006 แล้วนะ ถ้าอยากดูคงต้องหาดูเอาเองแล้วล่ะ คงไม่มีใครเอามาฉาย

    ปล. คำถามของคุณเซลล์เป็นเรื่องที่คิดว่าจะเอามาโพสขยายความพอดีเลย เลยเอาที่คิดไว้มาโพสตอบเลย


    Edit: ไปเจอเวปที่มีเนื้อหาในหนังสือแล้ว แต่ลองอ่านๆ ดู(คร่าวๆ) ก็ไม่เจอประโยคที่อ่านเจอ ก็ไม่รู้ว่าเอาเนื้อหามาทั้งเล่มหรือเปล่า ลองหา quote จากเวปนี้ http://www.inner-growth.info/conversations_with_god/conversations_with_god_book3.htm ที่เค้ายกประโยคประทับใจมาจากหน้าหลังๆ ก็ไม่เจอ แต่เค้าก็มีรวบรวมเนื้อหามาหลายเล่มเหมือนกันนะ ลองดูที่หน้า index ได้ อันนี้เป็นลิงค์ที่เข้าไปอ่านเล่ม 3 http://www.iloveulove.com/spirituality/cwg/cwgbk3excerpts.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2008
  18. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    อ้อ คุณมี้ด กับ น้องเดรค หายไปกันเนี่ย
     
  19. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    หวัดดีครับคุณเอ..
    กำลังช่วยคุณเดรดเก็บกระเป๋าเดินทาง อ้อ..ไม่ใช่..อิอิ
    เพิ่งเปลื่ยน hard disk เพราะข้อมูลเริ่มเยอะครับ
    ลง windows เสร็จก็มาช้าตรงโปรแกรมพวก 3ds อยู่ครับ
    ต้องลงและแก้ไขทั้งวันกว่าจะเข้าที่ได้ ค่อนข้างนานครับ
    แถมงานเข้าต้องทำต่ออีกครับ..สบายกันดีทุกคนนะครับ

    หนังสือคุณ Zip แนะนำน่าอ่านมาก แต่คงต้องเอาไปหนุนหัวอีกนานเลยครับ
    ขอบคุณพี่นักเขียนฯด้วยที่เปิดความคิดของเราให้ขยายกว้างยิ่งขึ้นเรื่อยๆครับ
    พอความเชื่อเดิมๆหลุดออกไปตามเส้นทางแห่งกาลเวลา ก็รู้สึกเหมือนเวลารอบๆตัวเริ่มหยุดนิ่งไปด้วยนะครับ..
    เหมือนล่องลอยออกไปในที่กว้างไร้แรงดึงดูด มองไปทางไหนก็มีแสงสว่างส่องลอดเข้ามาเต็มไปหมด
    พวกเรารู้สึกแบบนี้กันบ้างรึเปล่าครับ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2008
  20. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    เมื่อคืนฝันว่าคุยอยู่กับคนอื่น ยาวมากๆ พอรู้สึกตัวก็คิดว่าจำได้
    เลยนอนต่อ ตื่นมาลืมหมดเลย อิอิ
    แต่จำได้ตอนนึงก่อนตื่นนอน คือ จะฝันว่ามีคนสองคนคุยกัน บอกว่าบ่อปลาต้องอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวบ้าน และคนอีกกลุ่มก็ค้านว่าไม่ควรอยู่ คนที่บอกว่าควรจะอยู่ทิศนี้ ก็ยังยืนยันว่าถูกต้อง และมีหนังสือ text-book มามากมายที่สนับสนุนความคิดนี้เยอะไปหมด ผมเห็นแล้วมึนตึ๊บเลย เพราะข้อมูลความรู้เยอะมากๆ แต่แปลไม่ออก

    ตื่นมาพอจะเข้าใจความฝันแล้ว ที่แน่ๆข้อมูลที่คุณ zip นำมาแบ่งปันให้ ปึ๊กเหมือนในฝันจริงๆ ขอบคุณครับ

    "You must learn to be gentle with yourself. And stop judging yourself" ;ปรบมือ
    ในหนังสือของ อ.อนาลัย ที่บอกว่า เราไม่ได้มีตัวตนเดียวอย่างที่เราเข้าใจ

    การที่มีการเกิดวนเวียนเป็นสัตว์นั้น มันคล้ายๆกับภาวะจิตที่เป็นส่วนรวมรึเปล่า เช่น ทุกอารมณ์ ความคิดความรู้สึกนั้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วได้ไปสร้างรูปกายตัวตนที่สอดคล้องกันขึ้นมา ที่มีจิตสำนึกของตนเอง โต้ตอบได้เช่นเดียวกัน
    แต่ไม่ใช่หมายความว่าเรายกจิตวิญญาณไปทั้งขโยงไปวนเวียนเกิด-ตาย เป็นสัตว์

    ผมว่า การหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า กรรม มาอธิบาย อาจจะทำให้ความเข้าใจของแต่ละคนแตกต่างกันไปก็ได้ เพราะการจะตีความเราจะมองตามความเชื่อ ข้อมูลที่เรามีก่อน ถ้าคนที่ยังไม่มี background แล้วมาคุยกันในเรื่องที่เป็นศัพท์จำเพาะ อาจจะเข้าใจไม่ตรงกันก็ได้ครับ

    ว่าแต่ หนังเรื่อง Conversation with God มีขายในเมืองไทยรึยังครับ ;aa30
     

แชร์หน้านี้

Loading...