เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    555 ทานได้ทุกรสครับคุณธรรมจิตต์ ลิ้นจรเข้ สบายมากครับ
     
  2. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    มาสวัสดีพี่นักเขียนและเพื่อนๆ

    กราบงามๆพี่นักเขียนค่ะ พอพี่พูดปุ๊บหนูก็อ่านตามอีกหลายรอบ จนพอจะเข้าใจความหมายได้ นับได้ว่า ริศามีโชคที่ได้พบผู้แนะนำทางจิตวิญญาณเช่นพี่ เป็นเช่นนั้นจริงๆค่ะ แม้จะไม่รู้คำตอบแต่ติดใฝ่ในความสุขสงบและไม่รู้ทุกข์จนไม่อยากไปไหนต่อ

    คงต้องแบกเป้ที่ใส่ความรู้ บุคลิกภาพและการใฝ่ใจจดจ่อในหลายสิ่งในชีวิต อันรวมเป็นสัมภาระแห่งชีวิตขึ้นสะพายหลังและออกเดินทางเรียนรู้ต่อเสียที

    ริศาขอบคุณกับคำเตือนเรื่องการไร้พลังอำนาจในการควบคุม ริศาไม่เคยลืมค่ะที่กล่าวถึงเป็นการพูดเล่นประมาณว่า ถึงจุดๆหนึ่งก็คงต้องกลับเข้าสู่เส้นทางการเดินทางอีกต่อไป หลังจากนั่งเล่น นอนเล่นดูผู้คนผ่านไปผ่านมากลางโอเอซิสแห่งทะเลทราย (สงสัยจะจินตนาการว่าตนเองเป็นมิเชลแห่งฟ้าจรดทรายเป็นแน่)

    มีเรื่องอยากสอบถามพี่นักเขียนอีกสักข้อค่ะ
    หลายวันมานี่ หลายวันจริงๆค่ะ ริศาคิดงานไม่ออก คือขอเล่าก่อนนะคะว่าทำงานอีกชิ้นคือเขียนหนังสือ ทีนี้คิดพล็อตไม่ออกค่ะ ลองทำหลายพล็อตแล้วไม่ถูกใจเขียนแล้วทิ้งๆ หลายเรื่อง จนกระทั่งคืนหนึ่ง นั่งสมาธิก่อนนอนสัก1.30 ชม ค่ะจากนั้นก็นอน ก่อนหลับก็กำหนดแบบเดิมตามเรื่องความฝันชาติภพ แต่คืนนั้นบอกตัวเองว่าตื่นเช้าขอให้ได้พล็อตเรื่องที่เราต้องดีดนิ้ว ใช่เลย ทีเถอะ

    ก็ฝันนะคะ ตื่นมากำลังจะจดมันก็หายไปแบบไร้ร่องรอยในเสี้ยววินาทีนั้น จำไม่ได้เลยรู้แต่ว่ามันมีเรื่องยุ่งๆ
    แล้วฝันซ้ำแล้วซ้ำอีกเรื่องเดิมและต่อเนื่องเหมือนเราดูหนังซีรีย์ส์แต่ต่างกันตรงที่เราแสดงเอง ตื่นเช้าก็เช้ากว่าปกติที่เคยมาเป็นสัปดาห์

    เราเองก็จดจ่อกับความฝันปราถนาจะจดจำและกำหนดว่าจะจดจำให้ได้ที่ผ่านมาก็ทำได้ดีแต่ทำไมถึงเรื่องสำคัญที่เราอยากจะจำเสียเหลือเกินก็หายไปเสียนี่ แต่พอล้มตัวลงนอน มันก็เหมือนร่างกายเตรียมตัวเข้าสู่หนังเรื่องนั้น น่าเจ็บใจที่ดันหายไปจากการรับรู้ยามตื่น

    ลองวิเคราะห์ดูเอง อาจจะเพราะเราจดจ่อมากไปที่จะจดจำให้ได้ จึงทำให้ความทรงจำนั้นไหลลงสู่หลืบร่องแห่งการลืม
    แต่จำความรู้สึกได้ก็คล้ายๆกับที่คุณเซลล์ฝันคือมีการรวมกลุ่มแห่งการกลับมาพบกันอย่างยินดีบางอย่าง แต่ในนั้นมันซับซ้อนมากกว่าเพราะเจ้าตัวคงหวังอยากจะผุกเรื่องเป็นนิยาย แง หนูอยากจำได้

    พี่นักเขียนพอจะชี้แนะหนทางริศาผู้เฟอะฟะได้ไหมคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2008
  3. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    หรือเราไปเจอกันเมื่อคืนหว่า คุณริสา

    จำคลับคล้ายคลับคลา ว่าเจอเพื่อนๆ และตาเซลล์เฟอะฟะด้วยรึเปล่าครับ 555

    ถ้านำสิ่งที่อยู่ในฝันมาเขียนเป็นเรื่องราว พร้อมกับแปลเงื่อนงำในฝันออกมา คงแต่งเรื่องได้ยาวเป็นหางว่าวเลยนะครับ

    จากประสบการณ์ส่วนตัว การดาวน์โหลดข้อมูลเข้ามาก่อนตื่น เราอย่าเพิ่งตื่นเต็มที่อะครับ ถ้าตื่นมาแล้วรู้ตัวว่าฝัน แต่ยังจำไม่ได้ ให้อยู่ในภาวะก่อนตื่นนั้นก่อน และต้องเชื่อมั่นก่อนว่าจำได้ และให้นึกย้อนตามรอยกลับไปอีกที แล้วความจำในฝันจะค่อยๆผุดขึ้นมาทีละนิดๆ และจำได้หมดครับ

    ต้องให้พี่นักเขียนมาอธิบายถึงขั้นตอนอีกทีครับ

    เพื่อนๆว่ายังไงกันบ้างครับ
     
  4. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ข้าพเจ้ามีข้อสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งอยากจะรบกวนถามคุณพี่นักเขียนครับ

    <O:p</O:pการที่เรามีสมาธิและจดจ่ออยู่กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง (ในยามตื่น)เป็นเวลานานๆนั้นจะทำให้จิตวิญญาณของเราเข้าไปดึงดูดหรือรับรู้จินตนาการความรู้สึกนึกคิดและอาการต่างๆของบุคคลคนนั้นได้ด้วยหรือไม่ครับเหตุที่ถามเพราะว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอยู่ในสมาธิตอนที่กำลังฟังพระสวดในงานทำบุญณ สถานที่แห่งหนึ่ง (นั่งลืมตาฟังพระสวดมนต์และทำสมาธิไปด้วย)ข้าพเจ้าได้มองเห็นพระสงฆ์ชราภาพรูปหนึ่งที่อาพาธมีอาการคอเอียงและเดินไม่ค่อยสะดวกนักซึ่งในขณะนั้นข้าพเจ้ารู้สึกว่าวิถีของการจดจ่อของข้าพเจ้าเปลี่ยนไปอยู่ที่พระรูปนั้นแล้วในขณะนั้นข้าพเจ้าก็รู้สึกสงสารและสังเวธในกายสังขารของท่านซึ่งความรู้สึกนึกคิดต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้ข้าพเจ้าจดจ่ออยู่นานพอสมควรถึงจะละสายตาและเปลี่ยนวิถีของการจดจ่อกลับมาอยู่ที่การทำสมาธิเหมือนเดิมจริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าหลังจากนั้นแต่เรื่องมันมีอยู่ว่าในขณะที่ข้าพเจ้าตื่นนอนในเช้าวันรุ่งขึ้นข้าพเจ้ามีความรู้สึกปวดที่ข้อต่อคออย่างมาก ไม่สามารถหันคอไปมาได้ถ้าจะหันก็ต้องหันทั้งตัวและเอียงคอหน่อยๆถึงจะได้ตอนแรกตกใจมากและคิดว่าต้องไปหาหมอแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ไป ได้แต่ใช้ยาทาแก้ปวดดูพอนึกไปนึกมาก็คิดได้ว่าอาจจะเป็นเพราะว่าเราไปจดจ่อกับอาการอาพาธของพระรูปนั้นมากไปก็เป็นได้ก็เลยตัดสินใจลองใช้วิถีหนามยอกเอาหนามบ่งดูโดยการเปลี่ยนวิถีการจอจ่อไปอยู่ที่ตอนร่างกายปกติไม่ได้มีอาการป่วยหรือเจ็บปวดใดๆและทำสมาธิไปตามปกติทั้งตอนเช้าและก่อนเข้านอนตอนนั่งสมาธินั้นรู้สึกปวดสุดๆเลยครับ แต่พยายามไม่ไปจอจ่อกับความรู้สึกนั้นทำเหมือนว่าเรามีสองร่างหรือสองกายคือกายในและกายนอกแล้วเข้าไปจดจ่ออยู่ที่กายในเท่านั้นพอสักพักหนึ่งอาการเจ็บปวดก็ค่อยๆทุเลาลงข้าพเจ้าทำอยู่เช่นนี้ประมาณหนึ่งอาทิตย์กว่าๆเห็นจะได้อาการปวดนั้นก็หายไปแล้วกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

    <O:p</O:pจากอาการและประสบการณ์ดังกล่าวของข้าพเจ้าอยากจะรบกวนคุณพี่นักเขียนช่วยชี้แนะและอธิบายเพิ่มเติมให้ด้วยครับเพื่อจะได้มีความเข้าใจมากขึ้น

    ขอบคุณครับ<O:p</O:p
     
  5. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    งั้นคืนนี้เจอกันที่เดิมนะ คุณเซลล์
     
  6. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ผมคิดเหมือนๆ คุณเซลล์เหมือนกันครับ อาจจะรีบตื่นขึ้นมาเพื่อจะจดก็เลยลืม
     
  7. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    เดี๋ยวลองดูครับคุณริสา ไม่รู้จะเฟอะฟะหลงทางเหมือนเดิมรึเปล่าก็ไม่รู้ อิอิ

    ครับคุณ zip จากการที่สังเกตุดู จะใช้ความเคยชิน คือ จะตื่นขึ้นมาก่อนทันที แล้วค่อยไปนึก จะรู้ว่าฝัน แต่เหมือนข้อมูลมันหล่นหายไปกลางทาง

    เลยค่อยๆปรับใหม่ ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆครับ ต่อไปมันจะเริ่มกลายเป็นความเคยชินแบบใหม่ คือ ก่อนตื่น จะต้องดาวน์โหลดมาก่อน แล้วค่อยตื่น ก็จะจำได้ดีขึ้นเรื่อยๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2008
  8. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ถูกต้องแล้วคร๊าบคุณเซลล์ แต่ถ้าเราฝันหลายๆเรื่องบางทีก็เป็นงงเหมือนกันนะครับ อาจจะจำได้เพียงเรื่องสองเรื่องที่คมชัดกว่าเรื่องอื่นๆเท่านั้น

    สำหรับข้าพเจ้ามักจะแปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือถ้าฝันเรื่องใดที่คมขัดมากๆมักจะต้องรู้สึกตัวหรือตื่นขึ้นหลังจากนั้นทุกครั้ง ก็เลยเป็นโอกาสดีที่ได้บันทึกไว้ในหน่วยความจำ พอเช้ามาก็ยังจำได้แม่นเลยครับ
     
  9. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ข้าพเจ้าขอแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้อ่านกันบ้างนะครับ

    <O:p</O:pตอนนี้ข้าพเจ้าอ่านหนังสือของอ.โนวาอนาลัยเรื่อง"จิตวิญญาณประสานกาย"อยู่ และอ่านไปถึงบทที่เจ็ดแล้วครับคาดว่าอีกไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ก็คงจะอ่านจบ (อ่านเร็วไม่ได้...จะอ่านได้เฉพาะตอนมีเวลาว่างเท่านั้น และต้องทำความเข้าใจไปด้วยในขณะที่อ่าน)

    <O:p</O:pจากสิ่งที่ข้าพเจ้าประสบเกี่ยวกับเรื่องการเจ็บป่วยหรือมีอาการผิดปกติของร่างกายแล้วแก้โดยการเปลี่ยนวิถีของการจดจ่อและจินตนาการถึงความสมบูรณ์พูนสุขของร่างกายและจิตใจรวมทั้งการเปลี่ยนแปลงความเชื่อต่างๆ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าได้ผลมากๆ ตอนนี้แทบจะไม่ต้องพึงยาแผนปัจจุบันแล้ว นอกจากเรื่องที่เคยเล่าไปแล้วสองเรื่องก่อนหน้านี้เมื่อสองสามวันมานี้ข้าพเจ้ามีอาการปวดศรีษะและรู้สึกมึนมากๆก็เลยใช้วิธีเดิมโดยไม่ทานยาแล้วสร้างจินตนาการและจดจ่อถึงตอนที่ร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ พอตอนนั่งสมาธิก็จดจ่ออยู่ที่ตัวตนภายในไม่ไปรับรู้หรือจดจ่อกับอาการปวดนั้น ซึ่งก็ได้ผลอีกเช่นเดียวกัน คือสองสามวันอาการดังกล่าวก็หายไปเองโดยไม่ต้องทานยา ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าเริ่มเข้าใจความมหัศจรรย์และพลังอำนาจของจิตวิญญาณหรือตัวตนภายในมากขึ้นเลยอยากจะเล่าให้เพื่อนๆฟังและลองนำไปใช้ดูบ้าง คงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย (พอดีได้ไปอ่านหนังสือเรื่องพลังจิตและการสะกดจิตมาก่อนหน้านี้ด้วยก็เลยทำให้เข้าใจเวลาอ่านเรื่อง "จิตวิญญาณประสานกาย" ได้ดีขึ้น)

    <O:p</O:pจบแล้วครับ<O:p</O:p
    ;aa22
     
  10. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เซลล์ [​IMG]
    หรือเราไปเจอกันเมื่อคืนหว่า คุณริสา

    จำคลับคล้ายคลับคลา ว่าเจอเพื่อนๆ และตาเซลล์เฟอะฟะด้วยรึเปล่าครับ 555

    ถ้านำสิ่งที่อยู่ในฝันมาเขียนเป็นเรื่องราว พร้อมกับแปลเงื่อนงำในฝันออกมา คงแต่งเรื่องได้ยาวเป็นหางว่าวเลยนะครับ

    จากประสบการณ์ส่วนตัว การดาวน์โหลดข้อมูลเข้ามาก่อนตื่น เราอย่าเพิ่งตื่นเต็มที่อะครับ ถ้าตื่นมาแล้วรู้ตัวว่าฝัน แต่ยังจำไม่ได้ ให้อยู่ในภาวะก่อนตื่นนั้นก่อน และต้องเชื่อมั่นก่อนว่าจำได้ และให้นึกย้อนตามรอยกลับไปอีกที แล้วความจำในฝันจะค่อยๆผุดขึ้นมาทีละนิดๆ และจำได้หมดครับ

    ต้องให้พี่นักเขียนมาอธิบายถึงขั้นตอนอีกทีครับ

    เพื่อนๆว่ายังไงกันบ้างครับ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ใช่เลยค่ะ เรามักจะฝันซ้อนๆกันหลายๆเรื่อง บางทีดูเหมือนไม่ปะติดปะต่อ
    แยกเป็นเรื่องๆ และจะจำได้เฉพาะเรื่องที่กระทบความรู้สึกมากๆ จำแม่นมาก

    บางทีเดรดตื่นกลางดึก ยิ่งคมชัดมาก จำได้ว่าพี่นักเขียนเคยสอน ให้นอนอย่านานเกิน
    ให้พักเป็นช่วงช่วง ประมาณครั้งละ สั้นๆ เพราะถ้าหลับติดต่อนานเกินไป
    วิถีการจดจ่อจะยึดติดกับโลกแห่งความฝัน นานเกิน เมื่อเปลี่ยนวิถีการจดจ่อมาสู่โลกกายภาพ
    เลยทำให้สติสัมปชัญญะเปลี่ยนกลับมาได้ไม่ชัดเจนนัก....ประมาณนี้รึเปล่านะ

    แล้วเดรดเคยหลับตอนกลางวัน(ม่ะด้ายอู้นะ จะทดลอง อิอิ) การจดจำความฝันแม่นยำ และชัดเจนดีจริงๆ
    เพราะตอนกลางวัน เรานอนนานมากไม่ได้ แต่ตอนกลางคืน มักหลับยาว
    ยิ่งนอนมาก ยิ่งเบลอ ว่าไหมค่ะ เพราะเราผจญภัยอยู่ตลอด แม้ยามฝัน
     
  11. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,262
    ไปโตย

    ใครที่นัดเจอกันคืนนี้ เราจะไปด้วย
    แต่ไปในฐานะ กขค แปลว่า ก้างขวางคอ 555
     
  12. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ตอนไม่สบายคราวนั้น นอนพักก็ไม่หาย ปวดศีรษะมากๆ เราก็มองดูอาการเฉยๆ ไม่ทานยา แต่ก็ไม่หายซักที เอาไงดีหว่า เลยหยิบหนังสือจิตวิญญาณประสานกายมาอ่าน ตรงหน้าแบบฝึกหัด แล้วลองทำตามดู ปรากฎว่าดีขึ้นแฮะ ถึงยังไม่หายขาดตอนนั้น แต่ช่วงที่ทำแบบฝึกหัดก็หายจากอาการนั้น ก็เลยมาสำรวจความเชื่อถือที่มีต่อร่างกาย เวลาไม่สบาย มักจะคิดว่าตนเองไม่สบาย และรับเอาความไม่สบายนั้นมาเป็นของตนอยู่อย่างนั้น เท่ากับเราเลือกเส้นทางไม่สบายเป็นเส้นทางหลัก เส้นทางไม่ป่วยเป็นเส้นทางรอง
    แต่ถ้าจะเปลี่ยนเส้นทางให้เส้นทางไม่ป่วยเป็นเส้นทางหลัก ก็ต้องมองดูว่าเส้นทางหลักที่หายป่วยนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง และจะเดินเส้นทางนี้ได้อย่างไร

    พอลองปฎิบัติตามดูก็จะเห็นผลดี ว่าทำได้จริง จากการเปลี่ยนความเชื่อที่มีต่อเซลล์ในร่างกาย และการใช้จินตนาการ

    เห็นด้วยครับ เราควรจะมีการนอนกลางวันกัน อิอิ
    ล้อเล่นครับ ถ้าตอนนอน ยิงยาวเลย จากการสังเกตุจะจำได้แม่นยำในช่วงใกล้ตื่น ถ้าแบ่งเป็นช่วงๆก็จะจำได้ดีขึ้น
    บางทีรู้ตัวว่าฝันอยู่ และก็นึกย้อนกลับไปว่าฝันว่าอะไรบ้าง เพราะกลัวลืม
    ภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ก็จะจดจ่ออยู่กับเนื้อหาในฝันว่า ฝันอะไรบ้าง นึกย้อนกลับหลังไป ในระหว่างที่กำลังจดจ่ออยู่กับเนื้อหา ก็จะมีบางช่วงที่การจดจ่อเราเปลี่ยนไปเรื่องอื่นอีก
    ของเก่าก็กำลังจดจำอยู่ ของใหม่มาอีกแล้ว ของใหม่ที่มาทีหลังจะจดจำได้ดีกว่าแบบแรก เพราะใกล้ตื่นแล้ว ก็อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวว่าจะลืมของเก่ามั๊ย ถ้าไปจดจ่อกับของเก่า ของใหม่จะลืมมั๊ย เพราะถ้าหลุดแล้วก็จะหลุดเลย ตามกลับลำบาก
    การแบ่งเป็นช่วงๆ ผมว่าดีนะครับ เหมือนเราไม่ต้องทำงานหนักเท่าไหร่ และก็จะจดจำได้อย่างคมชัด
    แต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่า ถ้าปกติเป็นคนนอน 7-8 ชั่วโมง ก็ต้องกำหนดว่า จะนอนแบ่งเป็นช่วงๆ และจดจำ และค่อยนอนต่อ ต่อไปจะนอนน้อยลงได้รึเปล่า
    และอีกส่วนนึงที่เป็นปัญหาใหญ่ก็คือ การตั้งใจที่จะฝันเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องมีการจดจ่อที่มากพอ ถึงจะไปตามเรื่องที่ตั้งใจไว้ได้ตลอด ตรงนี้ยากเหมือนกันครับ
    ผมเชื่อมั่นว่า การฝึกฝนบ่อยๆ จะช่วยได้มากๆ และต้องทำได้ในที่สุดครับ ;aa21

    ดีครับ มากันเยอะๆ สนุกดีครับ คุณ veggieguy
    แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า จะไปเจอกันได้รึเปล่า เพราะหลงทางเป็นประจำ
    เมื่อคืน ไปมาหลายที่มากๆ ว่าแต่คุณริสา และคุณ veggieguy ไปไหนมาบ้าง เจอกันรึเปล่าหว่า...อิอิ ;hi2
     
  13. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    เมื่อเช้าลองทดลองอย่างเพื่อนๆว่า ก็จำได้ดีทีเดียว ที่ผ่านมาเวลาตื่น ตายังไม่ลืมขึ้นต้องลุกขึ้นมานั่งสมาธิก่อน วันนี้จึงนั่งทบทวนถึงความฝันและจำได้ดีทีเดียว

    ในฝันเป็นเรื่องของคนสองกลุ่มค่ะ เจอกันที่สถานที่ที่หนึ่ง แล้วต่างกลุ่มก็ออกเดินทางในรถของพวกเขา มีการแกล้งและหักหลังกันจนทำให้ไปถึงสถานที่นัดพบช้าออกไป มีรถอีกกลุ่มเสีย ดังนั้นรถที่เรานั่งมาจึงต้องรับกลุ่มที่รถเสียอย่างเสียมิได้ ใจตอนนั้นก็คิดว่า พวกนี้ช่างเกะกะและเป็นภาระเสียนี่กระไร

    จากนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งในรถของเราขอลงกลางทางเนื่องจากเธอรู้สึกไม่สบาย เราจึงจอดให้เธอลง สายตาที่เธอมองรถเราที่เลี้ยวออกไปเต็มไปด้วยคำถามและเสียดาย พวกเราในรถที่เหลือก็เริ่มเครียด และไปมารถที่ขับมาก็เป็นรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่สีแดง มี สองหญิงสองชายในรถ ผุ้ชายคนหนึ่งตัวใหญ่มาก น้ำหนักเยอะจนเราแอบคิดในใจ(อย่างนิสัยไม่ดี)ว่าเขาเป็นตัวถ่วงของกลุ่มเรา แต่ปรากฏว่า เขาต่างหากที่เป็นคนคอยช่วยเหลือพวกเรา ให้กำลังใจและเป็นกำลังผลักดัน
    ประโยคหนึ่งที่เขาพูดแล้วเรารีบจดเมื่อนึกขึ้นได้
    "ลองมองเข้าไปในสิ่งที่คุณไม่ชอบ คุณเองก็จะเห็นตัวตนคุณในนั้น" ซึ่งเมื่อมาคิดก็จริง เราคอยนึกไม่ชอบความใหญ่โตของรูปร่างเขา และในความเป็นจริง เราเองก็ว่า น้ำหนักเราเกินไปสักหน่อย เราคอยคิดตำหนิเขาแต่เราเองต่างหากที่ควรตำหนิ

    ต่อกันดีกว่า พอเราออกเดินทาง บางทีเราได้มีโอกาสนอนในโรงแรมที่แม้จะเล็กแต่ก็มีเตียงพร้อมที่นอนบางๆให้ มันช่างไม่สะดวกเอาซะเลยแต่ก็มีบางคืนที่พวกเราต้องนอนหลับที่ม้านั่งข้างทางหน้าห้องน้ำอย่างสลบไสลด้วยความเหนื่อยอ่อน ในฝันเรามีผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นผู้นำพวกเรา เขาจะตื่นก่อนและคอยปลุกให้เรารีบเร่งออกเดินทาง แม้ฟ้าจะไม่สางดี เราจำได้เพราะบอกกับเขาว่า ฟ้ายังมืดอยู่เลยแต่เขาก็ให้เหตุผลที่น่าฟังว่า หากเรามัวรอฟ้าสว่างเราคงไม่ต้องทำอะไร ฟ้าอาจจะสว่างแต่ตรงที่เราอยู่อาจมีเมฆฝนจนทำให้ท้องฟ้ามืดก็ได้

    มีรถคู่แข่งพวกเราอีกคันเพิ่งเข้ามาจอด พร้อมปรายตามองพวกเราอย่างระแวง แน่ละเรามีคนมากกว่า รถเก่ากว่า แต่มาถึงที่พักจอดรถก่อนพวกเขาได้อย่างไร ในฝันพวกเขาคิดจะทำอะไรบางอย่างแต่พวกเราไม่รู้ เราเพียงสนใจที่จะไปถึงจุดหมายของเราเท่านั้นจึงไม่เห็นสายตาเลศนัยนั่น

    พวกเราแล่นรถออกมาทิ้งพวกเขาอยู่ด้านหลัง แน่นอนว่าเขาต้องตามเรามาทันและอาจจะแซงเราไปได้ ก็เรามีคนตัวใหญ่อยุ่ในรถนี่นา

    หัวหน้าเราก็ไม่เห็นสนใจพวกเขาเลย เขามุ่งมั่นออกเดินทาง แววตาเขาเปี่ยมด้วยความมั่นใจ
    ในฝันเราคิดว่า เขาคือคุณเซลล์แต่ไม่รู้สิ เราไม่ได้เรียกชื่อกัน แต่ท่าทีผู้นำ ไม่หวาดหวั่นและมั่นใจทำให้เราเชื่อว่า พวกเราคงไปถึงได้แน่นอน

    เดี๋ยวคืนนี้ไปฝันต่อ เราจะเป็นคนฝันต่อเนื่องแบบซีรี่ย์ส์ค่ะ แต่เสียดายที่จำตอนแรกไม่ได้
    มาดูว่า การเดินทางของพวกเขา พวกเขาจะไปไหนและต้องเผชิญกับอะไร...ตอนต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2008
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG][​IMG]


    ขอบคุณพี่นักเขียนฯครับ ที่แนะนำให้รู้ถึงเป้าหมายของการทำสมาธิ อุปสรรค และการจัดการอุปสรรคให้กับหลายๆคนครับ เหมือนกับว่าทุกคนก็มีแนวทางเฉพาะตัว เราปีนเขากันคนละลูกก็จริง..แต่สิ่งที่ทุกคนร่วมกันค้นหาและเข้าให้ถึงก็คือ ความเบิกบาน ความจริง และความรักสูงสุดระหว่างจิตวิญญาณในระบบเครือข่ายนะครับ

    "การปีนเขา"ที่พี่นักเขียนเปรียบเทียบก็น่าคิดครับ หากเรามีเครื่องมือที่ดี รวมทั้งเก็บสะสมประสบการณ์ดีๆเอาไว้ มองเห็นอุปสรรคปัญหาไว้ล่วงหน้า ค่อยๆปีนขึ้นไปอย่างมั่งคง หยุดเพื่อสังเกตการณ์ดูรอบๆตัวบ้าง เป้าหมายคือยอดเขาคงอยู่ไม่ไกลครับ เขาแต่ละลูกก็ยาก-ง่ายแตกต่างกันไป แต่ถ้าปีนหลายๆเขาประสบการณ์คงแน่นปึ๊กแน่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2008
  15. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    มาทวงคุณเวกกี้เรื่องที่ฝากให้แปลด้วยละ เดี๋ยวคุณพี่อวตารมา ไม่มีการบ้านส่งนิ
     
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    คุณริสาไปผจญภัยน่าสนุกเชียวนะครับ (มีคุณเซลล์เป็นพระเอกของเรื่องไปแล้ว อิอิ)
    ช่องทางของความฝันนี่จินตนาการสุดบรรยายจริงๆครับ ฝันต่อมาอีกนะครับ
     
  17. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,262
    sorry

    ขอโทษจริงๆ ครับ คุณ Sarissa
    พอดียุ่งๆ เรื่องบ้านน่ะครับ ขอบคุณที่ยังคอยนะครับ
    จะรีบเคลียร์ให้ก่อนที่จะยุ่งมากกว่านี้ครับ
    (หลังจากนี้ก็จะยุ่งหาเงินจ่ายค่าผ่อนบ้านครับ ^__^)
     
  18. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ฝันของคุณริสา สนุกจริงๆครับเพื่อนๆ เอาใจช่วยให้แต่งออกมาได้เสร็จเร็วๆนะครับ รับรองสนุกแน่ๆ

    ขอเป็นคนตัวอ้วนอยู่ในรถได้มั๊ยครับ สัญญาว่าจะไปลดน้ำหนักครับ อิอิ

    คุณ mead เลือกรูปมาได้เหมาะเจาะกับฝันคุณริสาเลยครับ นำมาพร้อมๆกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน ทำงานเป็นระบบเครือข่ายได้แจ่มจริงๆครับ
     
  19. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความฝันมีหลายมิติซ้อนกัน โดยมีประสบการณ์ซ้อนกันหลายเรื่อง หรือกล่่่าวได้ว่า ทุกเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกันหมด ทำให้สมองทางกายภาพของเราลำดับเหตุการณ์ความฝันได้ยาก และจดจำได้ยาก เพราะสมองทางกายภาพของเรา คุ้นเคยกับทำงานตามเส้นทางแห่งกาลเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองซีกซ้ายซึ่งมีอิทธิพลสูงกว่าสมองซีกขวา และมักคิดหรือระลึกรู้เป็นลำดับ ทำให้มันปฏิเสธที่จะจดจำสิ่งที่ปราศจากลำดับ แต่สมองซีกขวาจดจำทุกสิ่งทุกอย่างเป็นภาพรวม และจดจำความฝันไว้ได้ทั้งหมด

    การที่เราจะจดจำความฝันได้นั้น ทันทีที่ตื่นนอน เราจะต้องพยายามทำให้จิตตื่นก่อน โดยไม่ขยับกาย และปล่อยให้กายหลับต่อไปสักพัก

    ในขณะที่จิตตื่นแล้ว แต่กายยังหลับอยู่ เป็นชั่วขณะที่สมองซีกซ้ายยังไม่ทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้สมองซีกขวามีโอกาสทำงานได้อย่างเต็มที่โดยปราศจากการขัดขวาง สมองซีกขวารู้เห็นด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่ปราศจากคำพูด

    สมองซีกขวาจดจำความฝันได้เสมือนการที่เราจดจำรายละเอียดจากภาพ หรืองานศิลปกรรมทั้งหลายได้โดยปราศจากคำบรรยาย ทำให้จดจำข้อมูลได้ในปริมาณมหาศาล ดังคำกล่าวที่ว่า A picture worths a thousand words.

    ช่วงเวลาดังกล่าวที่จิตตื่น แต่กายยังหลับอยู่นี้ เราสามารถทบทวนความฝันได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด หากเลยช่วงเวลานี้ไปแล้ว เราจะจำความฝันได้ไม่ปะติดปะต่อ เพราะสมองซีกซ้ายเริ่มทำงานตามเส้นทางแห่งกาลเวลา และพยายามจัดลำดับความฝัน ซึ่งไม่มีลำดับ พยายามแปลงข้อมูลที่ได้จากความฝันเป็นคำพูด ซึ่งทำให้รายละเอียดถูกตัดทอนไปมากมาย และหากสมองซีกซ้ายไม่อาจแปลงประสบกาณ์ความฝัน ซึ่งสมองซีกขวารู้เห็นด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดเป็นคำพูดได้ สมองซีกซ้ายก็จะพยายามลบข้อมูลเหล่านั้นทิ้งไปโดยปริยาย เพราะมันไม่อาจรับมือกับข้อมูลที่แปลงเป็นคำพูดไม่ได้

    การทบทวนเพื่อระลึกถึงความฝันในชั่วขณะที่จิตตื่น แต่กายยังหลับ
    ให้ใช้สติสัมปชัญญะที่ตื่นแล้ว จับความรู้สึกและอารมณ์เป็นอย่างแรก ประคองความรู้สึก และอารมณ์นั้นไว้ให้ได้นานที่สุด ไม่ว่าเราจะตืื่นขึ้นมาพร้อมกับอารมณ์รัก อารมณ์โกรธ ความรู้สึกปลาบปลื้ม ความรู้สึกระทึกใจ ฯลฯ ที่ยังตกค้างอยู่ในสติสัมปชัญญะ ให้ประคองความรู้สึก และอารมณ์นั้นไว้ ภาพประสบการณ์ความฝันที่สัมพันธ์กับความรู้สึกและอารมณ์เหล่านั้น จะผุดขึ้นมาอีกครั้ง และความฝันอื่นๆก็จะหลั่งไหลตามมาอย่างง่ายดาย


    สิ่งที่ต้องฝึกฝนในยามเช้า คือ การปล่อยให้กายหลับต่อ
    เราไม่ต้องฝึกฝนให้จิตตื่นก่อนกาย เพราะโดยธรรมชาติแล้ว จิตจะตื่นก่อนกายเสมอ
    และในทางกลับกัน โดยธรรมชาติแล้ว กายจะหลับก่อนที่จิตจะก้าวไปสู่ความฝันเสมอ
    ในยามค่ำที่เราเข้านอน เราไม่ต้องฝึกฝนที่จะปล่อยให้กายหลับก่อน เพราะกายจะหลับก่อนเสมอตามธรรมชาติ แต่เราจะต้องฝึกประคองสติสัมปชัญญะไว้ ไม่ให้มันหลับตามกายโดยอัตโนมัติ

    พยายามฝึกใช้สติสัมปชัญญะประคองให้จิตตื่นต่อไปได้นานที่สุด หรืออย่างน้อยที่สุดก็นานพอที่จะสามารถ ตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งจิตปรารถนา ตั้งจิตมุ่งมั่นว่า เราจะฝันเพื่อรู้เห็นอะไร เรียนรู้อะไร และตั้งจิตมั่นว่า จะขอจดจำประสบการณ์ความฝันให้ได้ในรายละเอียดเมื่อติื่นขึ้น

    สรุปได้ว่า คุณน้อง sarissa จะต้องฝึกฝนสติสัมปชัญญะให้ประคองภาวะที่กายหลับ-จิตตื่น ทั้งขาเข้า-ก่อนหลับ และขาออก-ก่อนตื่นค่ะ เราต่างก็เผชิญกับภาวะกายหลับ-จิตตื่นด้วยกันทุกคน แต่มันเป็นเพียงช่วงสั้นๆตามธรรมชาติที่ไม่ได้รับการเอาใจใส่ เพราะเราจะปล่อยให้ตนเองหลับ หรือรีบลุกให้ตนเองตื่นเสมอๆ โดยไม่ได้ตระหนักว่า ภาวะกายหลับ-จิตตื่นนี้ มีความสำคัญ และให้ประโยชน์ต่อเราได้มากมายเพียงใด เรา label ภาวะนี้ในแง่ลบว่า ครึ่งหลับ-ครึ่งตื่น เพียงเพราะเราไม่เคยตระหนักได้ว่า สติสัมปชัญญะ พร้อมด้วยอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเราคมชัดเพียงใดในภาวะดังกล่าวนี้ ซึ่งปราศจากความสามารถของประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เราคุ้นเคย และเราเชื่อว่า ความสามารถของเราลดลงเพราะประสาทสัมผัสทั้งห้าใช้การไม่ได้เต็มที่


    แท้จริงแล้ว เมื่อประสาทสัมผัสทั้งห้าใช้การได้น้อยลงเท่าไร ประสาทสัมผัสภายในก็จะใช้การได้มากขึ้นเท่านั้น

    อย่าท้อแท้นะคะ เราทุกคนทำได้ด้วยการใช้ความเพียรค่ะ (rose)
     
  20. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า
    จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด
    จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป เป็นภาวะนั้นๆ
    พร้อมด้วยรูปกายที่คล้องจองกับภาวะนั้นๆ


    ประสบการณ์ของคุณธรรมจิตต์ เป็นข้อพิสูจน์ความเป็นจริงของคำกล่าวนี้

    พี่นักเขียนเองก็เผชิญกับประสบการณ์คล้ายคลึงกันบ่อยมากค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความคิดจดจ่อกับคนรักคนใกล้ตัว หรือจดจ่อกับผู้ที่มาขอให้ช่วยรักษาโรค ก็มักจะรับเอาอารมณ์-ความรู้สึกนึกคิด ตลอดจนภาวะทางกายภาพของเขามาด้วยเสมอๆ และในขณะที่ทำสมาธิ ก็มักจะรับเอาภาวะทางกาย-ทางจิต ของบุคคลบางคนที่เราจดจ่อเข้ามาได้เช่นกัน

    ก่อนหน้าที่พี่นักเขียนจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของจิตวิญญาณ และการจดจ่อของตนเอง พี่นักเขียนปล่อยให้ภาวะทางกาย-ทางจิตเหล่านั้นเป็นไป เช่น รับเอาภาวะหรืออาการเจ็บปวดของผู้อื่นเข้ามา แล้วก็อาศัยการนั่งสมาธิเพื่อรักษาอาการเหล่านั้นให้ผู้อื่น โดยรักษาผ่านตนเอง เช่น หากเขาปวดหลัง เราก็รับเอาอาการนั้นๆมาสู่ตนเอง แล้วก็รักษาด้วยการทำสมาธิจดจ่อและสลายความเจ็บปวดเหล่านั้น พอเราสลายมันได้ ผู้ป่วยก็จะมีอาการดีขึ้นไปด้วย

    แต่เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง พี่นักเขียนก็เริ่มเรียนรู้ว่า การรับเอาภาวะทางกาย-ทางจิตเหล่านั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของตนเอง เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลย เพราะเราสามารถรู้เห็น หรือร่วมรู้สึกถึงภาวะทางกายทางจิตของผู้อื่นได้ ในฐานะผู้สังเกตการณ์? ไม่จำเป็นต้องรู้เห็น หรือร่วมรู้สึกถึงภาวะทางกายทางจิตของผู้อื่น ในฐานะผู้ร่วมกระทำ เพราะการเข้าร่วมเป็นผู้กระทำ จะทำให้เรารับเอาภาวะทั้งหลายมาเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของเรา เช่นเดียวกับที่คุณธรรมจิตต์เผชิญ

    ก่อนหน้าที่พี่นักเขียนจะตระหนักได้ถึงการเป็นผู้สังเกตการณ์ โดยไม่ต้องรับเอาภาวะทั้งหลายมาเป็นส่วนหนึ่งของตัวตน พี่นักเขียนเคยมีความเชื่อว่า การรับเอาเหล่านั้นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราเข้าใจเขา หรือช่วยเหลือเขาได้ เพราะมันทำให้เราเกิดเมตตาในทิศทางที่ไม่อาจจะเกิดได้ หากเราไม่สวมจิตวิญญาณเป็นเขา และรับเอาความทุกข์ทั้งทางกายทางจิตของเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของเราอย่างเต็มที่ แต่เมื่อรับเอาบ่อยๆก็ตระหนักได้ว่า การไม่รับเอาภาวะทางกายทางจิตเหล่านั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของเรา จะทำให้เราสามารถช่วยเหลือเขาได้มากยิ่งไปกว่าเดิม

    พี่นักเขียนเชื่อว่า ภาวะทั้งหลายเหล่านี้ เป็นกระบวนการเรียนรู้ของเราแต่ละคน
    แต่เมื่อเรียนรู้แล้ว สิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ต่อไปคือ การรับรู้ แต่ไม่รับเอา
    ซึ่งเป็นภาวะที่พี่นักเขียนเรียกว่า เป็นผู้สังเกตการณ์ โดยไม่ต้องร่วมกระทำ หรือร่วมรับเอาภาวะทางกายทางจิตของผู้อื่นมาเป็นของตน


    คุณธรรมจิตต์ได้เรียนรู้จากประสบการณ์นี้โดยตรง ต่อไปหากคุณธรรมจิตต์ตระหนักได้ในระดับจิตสำนึกว่า เรารับรู้ และช่วยเหลือเขาได้ โดยไม่ต้องรับเอา คุณธรรมจิตต์ก็สามารถจดจ่อกับการรักษาผู้อื่นได้โดยไม่ต้องใช้ร่างกายของตนเองเป็นที่รองรับความเจ็บปวดเหล่านั้น แต่สามารถใช้จินตภาพอื่นๆเป็นที่รองรับทดแทนได้เสมอ(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...