เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จริงๆแล้วหลายๆเรื่องที่เราสนทนากันในวันนั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในหนังสือที่คุณพี่นักเขียนได้ถ่ายทอดมาจากท่าน อ. โนวา อนาลัย อยู่แล้ว ถ้าใครได้อ่านมาจนถึงเล่มท้ายๆจะทราบดี (ใช่มั้ยครับพี่ประสงค์
     
  2. Mila

    Mila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +184
    นมัสเตนะคะคณ nicspirit
    หนังสือ "โชค ดวง ความบังเอิญ คุณกำหนดได้!" เกดเคยอ่านมาานแล้วเหมือนกัน คืออ่านก่อนที่จะมาเจอหนังสือ โนวา อนาลัย ค่ะ ตอนแรกเลยเมื่ออ่านจบพลิกมาที่หน้าปกหนังสือและชื่อก็คิดว่าเขาตั้งชื่อนี้และออกแบบปกหนังสือแบบนี้ด้วยเหตุผลทางการตลาดแน่นอนเพราะเนื้อหาในหนังสือสอนมากกว่าวิธีที่จะ มีโชค มีดวง หรือพบความบังเอิญ คำพูดของดีพัคทำให้สัมผัสได้ถึง การให้ และความห่วงใยของเขา สุดท้ายมันจะทำให้รู้ว่าในระดับแรกที่เราคิดถึงเราเอง ต่อไปเมื่อฝึกปฏิบัติและเห็นความเป็นไปได้ของสิ่งที่ต้องการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความคิดความต้องการจะขยายออกไปยังที่อื่นมากขึ้น เกดเรียกว่าเป็นการละลายความรู้สึกนึกคิด เหมือนละลายพื้นผิวชั้นบนให้เห็นผิวข้างในประมาณนั้นค่ะ
    แต่ก็ต้องยอมรับว่าเกดซื้อหนังสือนี้มาเพราะอยากมี โชค ดวง และความบังเอิญบ้าง แถมยังกำหนดเองได้อีก
    ซะด้วยนะ :) นั่นไงการตลาดของเขาได้ผลจริงๆ
    เกดต้องบอกว่าเป็นหนังสืออีกเล่มที่เกดรักค่ะ(แม้จะไม่ชอบชื่อกับหน้าปกเท่าไหร่:p) แล้วก็เคยลองทำตามแบบฝึกหัด 7 วันตามที่คุณดีพัคได้สอนไว้ เกดคิดว่าหากคุณนิค อยากปฏิบัติตามเอามากๆ อย่างที่บอกไว้ก็น่าจะลองทำดูด้วยตัวเองนะคะ เกดเองไม่ได้ทำมานานแล้วหล่ะแต่จำได้เลยว่าความรู้สึกเป็นยังไง คือ หลังจากที่ทำสมาธิเสร็จมาถึงช่วงที่ต้องอ่านพระสูตร เกดจะอ่านพระสูตร ช้าๆ ชัดๆ ตอนนั้นทุกคำที่เปล่งออกมารู้สึกว่ามันออกมาจากสิ่งที่ทรงพลังมาก เสียงเกดจะทุ่ม กังวาล เหมือนเป็นคนละคน เวลาที่อ่านก็รู้สึกขนลุก และพลังที่มากทำให้รู้สึกว่าเหมือนเป็นลูกไฟใหญ่ๆ อิ่มเอมใจ เราก็เป็นมนุษย์ตัวเล็กๆนี่แหล่ะ แต่ความรู้สึกคือเราใหญ่โตมาก
    ในตอนแรกเกดจะท่องพระสูตรอย่างเดียว อย่างวันแรกพระสูตรคือ อะหัม บระหะมาสมิ คือก็ท่องแค่นี้แต่เกดชอบที่จะอ่านเนื้อหาทั้งหมดที่ตามมา ช้าๆ ชัดๆ ไปด้วย และจดจ่ออย่างแน่วแน่กับทุกตัวอักษร
    ด้วยความอยากรู้เกดเลยทำไงคะ แล้วพอทำเสร็จในแต่ละวันก็เหมือนได้ชาร์จแบตให้ตัวเองจนล้นเลย มันเหมือนวันนั้นอยากจะพุ่งไปทำอะไรที่เราอยากทำด้วยความชื่นบาน เอาพลังที่มีออกไปใช้
    สิ่งที่เกดสงสัยและอยากถามคุณแม่นักเขียนเหมือนกันก็คือ พระสูตรในหนังสือเล่มนี้เวลาที่เกดท่อง เกดแน่ใจว่ามันมีพลังในตัวของมันอย่างประหลาด เกดอยากถามว่าเพราะอะไรคะ นอกจากพระสูตรนี้เกดนึกไปถึงบทสวดมากมายบนโลกนี้ อะไรทำให้มันสำคัญสืบทอดกันมาบ้างหรืออะไรทำให้มันดูมีพลัง และศักศิทธิ์

    คุณดีพัคให้เราเริ่มจากการ ทำสมาธิ ซึ่งมันก็เป็นพื้นฐาน นอกจากนี้ยังแนะนำให้ "จดฝัน" มีประโยคนึงในหนังสือที่บอกว่า
    "เมื่อคุณตื่นนอนในตอนเช้า ขอให้คุณย้อนรำลึกถึงความฝัน เช่นเดียวกับที่คุณย้อนรำลึกถึงวันของคุณก่อนที่จะเข้านอน จนเมื่อคุณสามารถระลึกภาพยนต์ความฝันของคุณ ให้จดรายละเอียดเกี่ยวกับฉากที่น่าจดจำ นำไปรวมไว้ในสมุดบันทึกประจำวันของคุณ และทำสัญลักษณ์พิเศษ คุณจะเห็นสติปัญญาที่ไร้ขอบเขตนำคำใบ้มาให้คุณในความฝัน เช่นที่มันนำมาให้คุณในยามตื่น"
    "อดีต อนาคต และความเป็นไปได้ของชีวิตดำรงอยู่ร่วมกัน ทุกสิ่งเกิดขึ้นเหมือนการเล่นซีดีแผ่นหนึ่ง ซีดีแผ่นนั้นอาจมี 25 แทร็ค แต่ในขณะที่ผมกำลังฟังแทร็คที่หนึ่งอยู่นั้น แทร็คอื่นๆก็ยังคงดำเนินไปอยู่บนซีดีเช่นกัน ผมเพียงแต่ไม่ได้ยินมันเท่านั้น และถ้าผมไม่ได้รับรู้แทร็คเหล่านั้น ผมอาจสรุปไปว่ามันไม่ได้มีอยู่"
    เกดว่าแนวคิดนี้เหมือนหนังสือ อาจารย์อนาลัยเหมือนกันนะคะ คนอื่นว่ายังไงคะ
    เกดเคยลองทำตามหนังสือเล่มนี้แล้วสำหรับเกดมันให้ผลในทางที่ดีมาก แต่ยังไงก็ตามเกดคิดว่านะคะ ว่า มันก็มีพื้นฐานมาจากสมาธินี่แหละค่ะ วิธีการใดก็ตามที่นำเราไปสู่สมาธิพอทำสมาธิเสร็จแล้วก็รู้สึกมีพลัง อิ่ม ชื่นบาน เหมือนกันใช่มั้ยคะ และอื่นๆก็อยู่ที่เราจดจ่อกับอะไร อย่างพระสูตรของดีพัคที่แบ่งเป็น7วัน วันไหนวนมาถึงพระสูตรที่2 ที่ว่า "ข้าพเจ้ามองเห็นผู้อื่นในตัวข้าพเจ้า และมองเห็นตัวข้าพเจ้าในตัวผู้อื่น" ก็จะรู้สึกว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคนจริงๆ มีความรักให้คนอื่นมากขึ้น

    เกดก็อยากฟังคำอธิบายจากคุณแม่นักเขียนเพิ่มขึ้นเหมือนกันค่ะ รอนะคะ[​IMG]
    คุณนิก พูดเรื่องหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาก็ดีเหมือนกัน ทำให้เกดไปรื้อมาอ่านอีก(หาตั้งนานแน่ะ) เวลาผ่านไปกับหนังสือเล่มเก่ากับมุมมองที่เพิ่มขึ้นค่ะ แต่ก็ยังสงสัยอยู่
    คุณนิกก็ลองทำดูสิคะ เกดมีคำเท่ๆคิดได้เมื่อกี้แต่ก็ยังงงอยู่เหมือนกันว่า
    การเรียนรู้ไม่มี ค่าเสียเวลา เวลาต่างหากที่ต้องจ่ายให้เรา

    งงมะ..ฮ่าๆ

    อ้อ Mery X'Mas นะค้าทุกค้น
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  3. Mila

    Mila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +184
    อ้อ! เกดเคยทำมานานแล้วหล่ะประมาณ 2 ปีผ่านมาแล้ว ทุกวันนี้ไม่ได้ทำแย้ว [​IMG]
     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425


    [​IMG]


    Merry X'Mas and Happy New Year
    ขอให้ทุกคนมีความสุขในปีใหม่นี้นะครับ

    ขยันอ่านหนังสือจริงๆนะลูกเกด หนังสือทุกๆเล่มที่เราอ่านไปแล้วพอกลับมาอ่านใหม่อีกทีความรู้สึกจะพัฒนาไปอีกแบบจริงๆครับ เหมือนการทบทวน ตรวจสอบ จากมุมมองใหม่ๆบวกกับประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น หลายๆคนก็คงรู้สึกแบบนั้นนะครับ

    การเรียนรู้ไม่มี ค่าเสียเวลา เวลาต่างหากที่ต้องจ่ายให้เรา <<<< งง..กำลังพยายามจะเข้าใจอยู่นะ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2008
  5. Mila

    Mila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +184


    [​IMG]

    เกดมีเรื่องขอโม้หน่อยเรื่องเพลงที่เกดแต่งให้คุณแม่นักเขียนอ่ะค่ะ
    คือ เกดมีเวลาไม่กี่วันก็ไม่รู้ว่าจะแต่งยังไงเหมือนกันอยากได้เร็วๆ จนเกดตั้งจิตขอกับอาจารย์อนาลัยค่ะว่า เกดอยากแต่งเพลงที่แทนความรู้สึกและให้คุณแม่นักเขียนฟังแล้วยิ้มมีความสุข
    และพอไม่คาดคั้นหาเนื้อร้อง พอทำอะไรแบบผ่อนคลาย(นอนแช่ในอ่างอาบน้ำอยู่) เนื้อเพลงก็กรูมาเลยค่ะทีนี้คือแทบไปหากระดาษปากกามาจดไม่ทันเลย(เดี๋ยวนี้มีกระดาษ&ปากกาแสตนบายอยู่ในห้องน้ำแล้ว) ตอนนั้นก็อายเหมือนกันแฮะถ้าจะบอกว่า น้ำตาไหลเลย มันอ่านเนื้อร้องที่ตัวเองเขียนเองแล้วซึ้งมาก
    คนที่ร้องให้เกดชื่อว่า น้องนิกค่ะ เขาร้องไปก็น้ำตาไหลไปเหมือนกัน เขาบอกว่าเขาคิดถึงแม่และคนดีๆที่อยู่รอบๆเขา เกดรู้ว่าเพลงนี้ไม่ได้แต่งจากเกดคนเดียวเริ่มจากที่ตั้งจิตขอ ได้รับ และเห็นผลกระทบต่อคนอื่นเมื่อเขาเปิดใจฟัง
    เกดเชื่อจริงๆว่าแรงบัลดาลใจและความสามารถของเราถ่ายทอดกันไปมา เวลาที่เราผ่อนคลายทั้งกายใจก็เป็นอีกเวลาที่เราเปิดรับแรงบันดาลใจและความสามารถเหล่านั้น..จริงๆ เกดเชื่อจริงๆ
    ห้องนี้แต่ละคนก็มีความสามรถมากมาย ระวังตัวนะ เดี๋ยวจะแอบมาโขมย ฮุ ฮุ


    -------------------------------------------------------------------

    ช่วงนี้พี่นกเงียบๆไปเป็นยังไงบ้างคะ
    แล้วก็ขอบคุณ คุณซิบมากๆเลยกับโปรแกรม Neat Image คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอ้ง เกดหาโปรแกรมลบ Nois อยู่พอดี ไปหาซื้อที่ฟอร์จูนก็ไม่มี ลองจะโหลดโปรมแกรมที่ชื่อว่า Nois Ninja ก็โหลดไม่ได้(หรืออาจจาทำม่ายเป็น) จะถอดใจอยู่และ
    แต่เดี๋ยวก่อน...ต้องลองไปใช้ก่อนนะคะ



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    [​IMG]
    Merry 'x mas ด้วยคนค่ะ ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะคะ
    คงหายไปหลายเรยยค่ะ จะกลับบ้านต่างจังหวัด
    แล้วจะกลับมาติดตามอ่านนะคะ ^_^
     
  7. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ตอนนี้กำลังเตรียมตัวสอบวิชาสุดท้ายอยู่ครับ สอบเย็นนี้แหล่ะ ก็ได้แต่เข้ามาอ่านที่คุยๆ กันทั้งหน้าและหลังบ้านครับ ดูท่าหลังจากที่ไปเจอกับพี่นักเขียนแล้วจะครึกครื้นกันใหญ่เลย

    ท่าปล่อยพลังที่วางมือประกบกันสองคน ที่ว่าให้พลังไหลเข้าจากมือซ้ายและไหลออกมือขวา คอนเซปก็เหมือนๆ หนังสือที่่เคยอ่านของ จ้าว ก๊อก สุ่ย ผิดตรงที่ว่า เล่มนั้นให้เอามือซ้ายดูดซับพลังจากธรรมชาติมา แล้วปล่อยออกที่มือขวาเพื่อบำบัด แต่ส่วนของพี่นักเขียนคือดูดซับพลังจากอีกฝ่ายมาเพื่อทำให้พลังบริสุทธิ์ขึ้นแล้วปล่อยกลับไป แต่ก็คือไหลเข้ามือซ้าย ไหลออกมือขวาเหมือนกัน

    โปรแกรม neat image นั้นสามารถทำเป็น plug in ของ photoshop ได้ด้วยนะครับ แล้วจะมีตัวที่เีสียตัง กับไม่เสียตัง ตัวไม่เสียตังก็มีความสามารถอะไรด้อยไปหน่อย แต่ไม่ใ่ช่เรื่องคุณภาพการลด noise หรอกนะ จะแค่กำหนดคุณภาพภาพของ jpeg ไม่ได้ แต่โปรแกรมก็ตั้งค่ามาประมาณ 90 อยู่แล้ว และก็เซฟออกเป็นไฟล์บาง format ไม่ได้เช่น tiff

    แต่ถ้าอยากลองหาโหลดตัวเสียตังมาลองใช้ก็ไม่ว่ากัน (ใช้ยาแก้ไอ แค่ก ๆ)

    noise ninja ก็ได้ยินคนพูดถึงเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้ลองใช้ดู

    Merry Christmas ด้วยนะคร๊าบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2008
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    สอบเสร็จซะทีนะครับคุณซิปฯ
    neat imageโหลดมาทดลองใช้ดูแล้ว..
    ไม่ยากนักครับ คุณภาพ OK ว่าจะเอาไปลงใน Photoshop ดูครับ

    [​IMG]

    อาทิตย์ก่อนไปเดินดูการแสดง Street Show ที่สวนลุมฯ
    มีการแสดงความสามารถพิเศษด้วยกันหลายชุด คนเล่นทุกคนก็ตั้งใจแสดงมาก
    บางชุดก็สร้างสรรค์-คิดค้น-ได้น่าสนใจมาก บางโชว์ก็ใช้ความสามารถเฉพาะตัวที่ฝึกฝนมาอย่างดีครับ
    ประทับใจชาวญี่ปุ่นหญิง-ชายสองคน ที่เล่นท่าทางประกอบเสียงเพลง จนคนดูจ้องกันตาไม่กระพริบ
    เค้าใช้เพียงความง่ายๆไม่ซับซ้อน แต่ก็สื่อสารออกมาได้แนบเนียนมาก
    เป็นการแสดงที่ไม่ต้องใช้ภาษาพูด แต่สื่อออกมาด้วยภาษาท่าทาง
    แต่เพียงแค่นั้นคนดูก็ขำจนท้องแข็งแล้วครับ..ง่ายมากแต่คิดยาก อิอิ

    ไม่ได้เฉพาะคนที่น่าสนใจนะครับ
    เดินไปเห็นสุนัขไทยเร่ร่อนตัวนึงเค้าอยู่ในสวนลุมฯ มีคนไปมุงดูกันไม่ใช่น้อยเลยครับ
    ดูเค้าเป็นที่รักของคนแถวนี้มากๆ เพราะความแสนรู้ของเค้า เดินข้ามสะพานลอยไป-มาเอง
    หากินแถวนั้นจนคนแถวนี้รู้จักหมดท่าทางฉลาดดี..
    แต่ชื่ออะไรนึกไม่ออกซะแล้ว อิอิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2008
  9. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    หลังสนทนากับคุณนักเขียนทางโทรศัพท์ คุณนักเขียนได้แนะนำให้สวดมนต์ด้วย ซึ่งจินตวดีนั้นก็สวดมนต์เป็นกิจวัตรอยู่แล้ว โดยเฉพาะพาหุง และ อิติปิโส คุณนักเขียนได้แนะนำให้ท่องอิติปิโส โดยใช้สติสัมปชัญญะจดจ่อ โดยถ้าตั้งใจว่าจะท่องกี่จบก็ต้องท่องให้ได้เท่านั้นโดยไม่มีผิดพลาด ซึ่งหลังจากได้สนทนากันแล้ว จินตวดีเริ่มใช้สติสัมปชัญญะมากขึ้นซึ่งปรากฏว่าสามารถท่องได้โดยไม่ผิดพลาด (หรือมีวอกแวกบ้างก็น้อยเต็มที ถ้าเป็นสมัยก่อนล่ะก็พอเผลอปุ๊ปลืมปั๊บเลยว่าท่องได้กี่รอบแล้ว ฮ่า) สติสัมปชัญญะดีขึ้น ความฝันก็จำได้มากขึ้น แต่ยังไม่ดีเท่าที่ควรเพราะต้องการรู้สึกเหมือนที่เคยเป็นตอนจดบันทึกฝันบ่อย ๆ เพราะฝันเหมือนเข้าไปอยู่เหตุการณ์จริง ๆ

    ส่วนเรื่องการทำสมาธิ คุณนักเขียนแนะนำการนอนทำสมาธิ พร้อมแนะนำว่าสามารถใช้ในการแก้ไขสุขภาพได้ แต่จินตวดีจำไม่ได้ว่าอยู่หน้าไหน คุณนักเขียนจึงว่าจะช่วยหาให้ และได้ให้คุณมี้ดช่วยหาด้วย แต่ไม่น่าเชื่อเพราะวันนี้ได้เจอไฟล์ PDF จำไม่ได้ว่าทำโดยคุณเฉลยหรือคุณฟิดจิ จำได้ว่าเครื่องมันแฮ้งค์ไฟล์มันหายไปแล้ว ปรากฏว่ามหัศจรรย์วันนี้อยู่ ๆ มาเจอใน BACK UP ได้อย่างไรไม่รู้ แต่ก่อนดูไม่เคยเจอ เลยลองพิมพ์ออกมาดูเล่น ๆ 10 แผ่น เชื่อไหมใน10แผ่นนั้น (ที่พิมพ์โดยยังไม่รู้รายละเอียด) กลับกลายเป็นเรื่องการฝัน และการนอนทำสมาธิ และ ปัจจัยที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณให้ง่ายเข้า พอพิมพ์ออกปุ๊ป ก็งงปั๊บ อ้าวนี่คือสิ่งที่เรากำลังต้องการหาอยู่นี่นา อย่างนี้จึงกล่าวได้ว่า "อุบัติเหตุไม่มีในโลกจริง ๆ" "ธรรมชาติจัดให้จริง ๆ" ขอบคุณสรรพสิ่งทั้งปวง
     
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เอาเรื่องการนอนสมาธิให้อ่านอีกครั้งครับ..คุณเอ
    เห็นมีหลายๆคนลองทำดูแล้วเป็นไงกันบ้างครับ?


    การนอนสมาธิ

    การนอนสมาธิที่พี่นักเขียนแนะนำไปนั้นเป็นศาสตร์ของโยคะซึ่งมีชื่อเรียกว่า โยคะนิทรา จุดต่างๆที่อยู่ในร่างกายที่อยู่ในเส้นทางของการจดจ่อในการนอนสมาธิ คือจุดที่ปรากฏในศาสตร์ของจักระ จะแตกต่างไปบ้างเพียงเล็กน้อย เช่นตำแหน่งจากปลายเท้าขึ้นมาจนถึงก้นกบ ก็เพียงเพราะท่าที่ปฏิบัตินั้นแตกต่างกัน เช่น ท่านั่งใช้จุดเริ่มต้นของการนำพลังเข้าสู่ร่างกายที่ฐานที่หนึ่ง คือก้นกบ แต่ท่านอนที่พี่นักเขียนใช้ปลายเท้าเป็นจุดเริ่มต้น เป็นต้น

    อาการชาของร่างกาย เกิดจากการหลับของร่างกาย ซึ่งเราไม่คุ้นเคยที่จะรู้เห็น เมื่อเรานอนสมาธิและกำหนดนับจากปลายเท้าขึ้นไปนั้น เราจะเรียกกระบวนการนี้ว่าการรับพลัง ตามธรรมชาติแล้ว-การนอนหลับทุกคืนตามปกติของเราก็คือการรับพลังจักรวาลอยู่แล้วอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะในขณะที่เรานอนหลับ ภาวะต่างๆที่ขัดขวางการรับพลังจะถูกกำจัดไปโดยที่เราไม่รู้ตัว สิ่งที่ขวางกั้นการรับพลังในขณะที่เรากำลังตื่นอยู่ได้แก่ การตื่นตัวของประสาทสัมผัสทั้งห้า? ซึ่งก่อให้เกิดอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบ

    เมื่อร่างกายของเรานอนหลับ อย่างน้อยที่สุดเราก็ตัดเอาการตื่นตัวของประสาทสัมผัสทั้งห้าออกไปได้ตามธรรมชาติ ทำให้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบลดลง แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม ปัจจัยอื่นๆเท่าที่พี่นักเขียนทราบและได้ทดลองใช้เพื่อสนับสนุนการรับพลังธรรมชาติ มีหลายประการ? ซึ่งได้ให้รายละเอียดไว้ สำหรับการนอนสมาธิเพื่อฝึกฝัน ด้วยการมีสติอย่างคมชัดที่ http://www.novaanalai.com/novaanalai/dream_last.html

    เมื่อจิตเป็นสมาธิจนถึงระดับ ฌาน 4 เราจะละจากประสาทสัมผัสทั้งห้าได้เกือบหมด อาจเหลือแต่เพียงการได้ยินแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นการได้ยินในระดับที่แตกต่างไปจากระดับปกติ

    ตามธรรมชาติแล้วในขณะที่เรานอนหลับ หัวใจก็จะเต้นช้าลงกว่าปกติอยู่แล้ว เพราะมันไม่ต้องสูบฉีดโลหิตไปยังส่วนต่างๆของร่างกายมากเท่ายามตื่น ซึ่งร่างกายต้องเคลื่อนไหว ต้องย่อยอาหาร ฯลฯ เมื่อเรานอนหลับ เราไม่ได้รู้เห็นการเต้นของหัวใจที่เปลี่ยนแปลงไป และมันก็เปลี่่ยนจังหวะไปอย่างเป็นธรรมชาติ

    แต่เมื่อเราทำสมาธิ เรารู้เห็นการเปลี่ยนจังหวะที่เราไม่เคยรู้เห็นมาก่อน มันมักทำให้เรามีวิตกวิจารณ์ เพราะเรานำเอาภาวะที่หัวใจเปลี่ยนจังหวะไปเปรียบเทียบกับภาวะปกติ เมื่อเรารู้เห็นว่ามันเต้นช้าลงเรื่อยๆ เราก็คิดว่ามันอาจจะหยุดเต้น ซึ่งไม่ได้เป็นไปเช่นนั้น แต่ความกลัวมักทำให้เราตกใจ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายทำงานผิดจังหวะไปจากปกติ สิ่งแรกที่เกิดขึ้นกับการผิดจังหวะที่เรารู้เห็นได้ทันทีก็คือการเต้นของหัวใจอีกเช่นกัน เพราะมันควบคุมร่างกายของเราทุกระบบ และการเปลี่ยนจังหวะอย่างกระทันหัน มักทำให้เรารู้สึกใจสั่น อึดอัดและรู้สึกไม่สบายยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการอื่นๆตามมาอีก เช่น หายใจไม่ออก หูอื้อ กล้ามเนื้อกระตุก เป็นต้น

    การนอนสมาธิตามหลักการที่พี่นักเขียนแนะนำไปนั้น เป็นการเหนี่ยวนำให้ร่างกายหลับ และในขณะเดียวกันการจดจ่อด้วยการนับทำให้จิตยังคงตื่นต่อไปได้ (ตราบใดที่เรายังนับได้ ไม่เผลอหลับไปเสียก่อน) หากคุณน้องขจรวรรณนับต่อจนถึงกลางอก จะรู้สึกอึดอัดเพราะการเปลี่ยนจังหวะการเต้นของหัวใจ และการเปลี่ยนจังหวะของลมหายใจด้วย หากรู้สึกอึดอัดมาก ให้นับผ่านช่วงอกเร็วขึ้นกว่าที่ผ่านมาแล้ว นับต่อไปจนถึงฐานคอและกลางหว่างคิ้ว แล้วค่อยย้อนกลับมาพิจารณาว่า อาการชาหรือการหลับของร่างกายว่าครอบคลุมไปถึงจุดใดแล้ว หากยังไม่ครอบคลุมไปถึงอก-คอและหว่างคิ้ว อย่างน้อยที่สุดความกลัวจะลดลงที่มองเห็นการผ่านของการกำหนดจิตของช่วงอก ซึ่งไม่ได้ทำให้หัวใจหยุดเต้นแต่ประการใด

    หากยังกลัวอยู่ก็ให้ย้อนกลับและนับผ่านช่วงอกซ้ำอีก แต่คราวนี้ให้ผ่านช้าลงกว่าครั้งแรก การฝึกเช่นนี้จะทำให้ความกลัวลดลงเรื่อยๆจนหายไปได้ และจะทำให้เราเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะนับผ่านหรือกำหนดจิตผ่านช่วงอกไปอีกกี่หน หัวใจมันก็ยังเต้นอยู่ แม้อาการชาจะยังไม่ครอบคลุม แต่ก็เป็นเสมือนการหยั่งดูภาวะที่ไม่คุ้นเคยก่อน เมื่อหยั่งดูบ่อยเข้า เกิดความคุ้นเคย ก็ให้นับชาลงเรื่อยๆ จนได้จังหวะเดียวกันกับที่นับผ่านจุดอื่นๆมาจนพบว่าร่างกายชา

    หากทำแล้วได้ผล นับขึ้นไปได้จนถึงหว่างคิ้ว จะรู้สึกเสมือนว่าเหลือแต่ศีรษะเท่านั้นที่ยังมีความรู้สึก ให้พิจารณาร่างกาย จะพบว่าอาการชาก็จะหายไปด้วย เสมือนไม่มีร่างกาย ไม่มีแขน ไม่มีขา ความวิตกวิจารณ์ว่าหัวใจจะหยุดเต้นก็จะหายไปโดยปริยาย เพราะเราจะหาหัวใจเต้นไม่พบ ลมหายใจก็หาไม่พบ เหลือแต่ความเบาสบายและความคิดเท่านั้น

    พี่นักเขียนเคยได้ยินผู้ที่ฝึกสมาธิกล่าวถึงการถอดจิตแล้วกลับมาไม่ได้บ้าง การฝึกจักระแล้วหัวใจหยุดเต้นบ้าง หรือการฝึกลมปรานแล้วหยุดหายใจบ้าง ทำให้ถึงความตายก่อนเวลาอันควร หากเราพิจารณาด้วยเหตุผลว่า การฝึกทั้งหลายเหล่านี้คือการฝึกสติสัมปชัญญะให้คมชัด และเราก็คงจะได้ยินมาไม่มากก็น้อยว่า ผู้ที่ฝึกสติสัมปชัญญะจนคมชัดแล้วนั้ันเช่นพระในลัทธิเซ็น สามารถเลือกที่จะตายในท่านั่งสมาธิ ในท่ายืนสมาธิ หรือในท่านอนสมาธิได้ บางรูปตายในท่าโยคะที่ใช้ศีรษะตั้งกับพื้นและปลายเท้าชี้ฟ้า

    พี่นักเขียนมีความเชื่อว่าการฝึกสติสัมปชัญญะให้คมชัด ย่อมไม่ทำให้ผู้ฝึกถึงแก่ความตายโดยไม่ได้เลือกที่จะตาย เพราะสติสัมปชัญญะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณ ยิ่งผู้ที่กลัวว่าอาจจะตายได้ในขณะที่ฝึก จิตวิญญาณของเขายิ่งจดจ่อกับภาวะทางกายภาพเป็นอันมาก เพราะไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่ภาวะอื่นๆ เช่นภาวะอันเป็นจินตภาพหรือภาวะอันเป็นจิตวิญญาณ จิตวิญญาณก็ย่อมมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นร่างกายเนื้อหนังต่อไปอย่างแน่นอน

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้เสมอๆว่า
    จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด
    จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นเป็นภาวะนั้น

    การฝึกสมาธิไม่เคยให้ผลเสียหรือผลร้าย ไม่มีคำว่าทำผิดวิธีแล้วจะให้ผลเสียถึงชีวิต แต่ผลเสียที่เป็นไปได้ก็คือ ทำผิดวิธีแล้วมักจะไม่สามารถจดจ่อได้อย่างคมชัด หรือทำให้ไม่ก้าวหน้าเพราะไปติดอยู่กับภาวะหนึ่งๆ

    การนอนสมาธิที่พี่นักเขียนมักแนะนำให้พวกเราฝึกปฏิบัติให้ผลหลายประการคือ :
    1. เหนี่ยวนำไปสู่การฝันอย่างมีสติคมชัด
    2. เหนี่ยวนำให้ร่างกายและจิตใจอยู่สภาวะที่ไม่ขัดขวางพลังงาน ทำให้พลังงานหลั่งไหลผ่านร่างกาย ทำให้รักษาโรคได้อย่างเป็นธรรมชาติ
    3. เหนี่ยวนำไปสู่การเป็นฌานได้เร็วกว่าการนั่งสมาธิ เนื่องจากไม่ต้องพะวงกับการพยุงกล้ามเนื้อในท่านั่ง ทำให้ผ่อนคลายและละประสาทสัมผัสทั้งห้าได้เร็ว

    ประสบการณ์ที่จะเกิดขึ้นในการทำสมาธิมักดำเนินต่อไปในความฝัน หรือการหลับที่หลับแต่ร่างกาย-แต่จิตตื่น ทำให้รับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสภายในหรือประสาทสัมผัสที่หก

    แต่พี่นักเขียนก็ขอแนะนำว่า ผู้ที่ไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อน เมื่อนอนสมาธิเป็นแล้วก็ควรฝึกนั่งสมาธิด้วย เพราะการนั่งสมาธิจะทำให้เรารู้จักเหนี่ยวนำสติสัมปชัญญะไปสู่การจดจ่อได้ในยามตื่น ที่ร่างกายของเราตื่นตัวมากกว่าเวลานอน ทักษะที่ได้จากการนั่งสมาธิจะมีประโยชน์กับชีวิตประจำวัน ซึ่งเราตื่นตัวในขณะเดินทาง ทำหน้าที่การงาน แต่ก็มีทักษะที่จะจดจ่อได้อย่างคมชัดด้วย

    การพุ่งออกไปนั้น คุณน้องขจรวรรณควรพิจารณาว่า เราพุ่งออกไปทำไม เราไปด้วยการควบคุมของสติสัมปชัญญะ ด้วยความปรารถนาที่จะท่องเที่ยว เดินทางเพื่อแสวงหาประสบการณ์หรือเปล่า เป้าหมายของเราคืออะไร เมื่อจิตวิญญาณเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะ จิตวิญญาณมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วกว่าแสง

    วิญญาณคือผู้รู้ และวิญญาณประสานกับจิตเสมอ ไม่เคยอยู่แยกจากกัน
    จิตวิญญาณพุ่งไปหรือเคลื่อนที่ไปได้ด้วยความนึกคิด
    สติ เป็นปัจจัยกำหนดทิศทาง
    อารมณ์เป็นพลังสำคัญที่ผลักดันให้จิตวิญญาณไปสู่จุดหมาย

    การป้องกันไม่ให้เกิดการพุ่งไปโดยที่เราตั้งตัวไม่ติด ทำได้ด้วยการกำหนดเป้าหมายหรือจุดหมายปลายทางด้วยความคิด หากปราศจากการกำหนด จิตวิญญาณก็จะเคลื่อนไหวไปอย่างสะเปะสะปะ ไปสู่จุดหมายที่เรานึกคิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้การรู้เห็นเป็นไปไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ตั้งใจจะรู้ ไม่ได้ตั้งใจจะเห็น ไม่ต่างไปจากการเดินทางด้วยยานพาหนะใดๆที่แล่นไปอย่างรวดเร็วเช่นรถไฟฟ้า เมื่อมันแล่นผ่านสถานที่ต่างๆไป เราก็ตามรู้ตามเห็นไม่ทัน ต่อเมื่อเราตั้งเป้าหมายว่า เราจะจับตาดูอะไร เช่น กำหนดว่าเมื่อมันผ่านสถานที่จำเพาะหนึ่งๆ เราจะสังเกตดูว่ามันเป็นอย่างไร เป็นต้น เราก็จะรู้ได้เห็นได้ เพราะเมื่อถึง เมื่อผ่าน ก็รู้ว่าถึงแล้ว ผ่านแล้ว

    ปรากฏการณ์ทางจิตเป็นสิ่งที่กำหนดรู้กำหนดเห็นได้เช่นกัน แม้ว่าเราจะไม่คุ้นเคยกับเส้นทางของมันเหมือนกับการคุ้นเส้นทางที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่านเป็นประจำ แต่การกำหนดว่าจะขอรู้อะไร เห็นอะไร ศึกษาอะไร ก็จะนำพาให้จิตวิญญาณพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่จุดหมายได้อย่างฉับพลัน

    คุณน้องขจรวรรณควรพิจารณาว่า อาการปวดหูนั้น ปวดในความรู้สึกหรือปวดที่ร่างกายอันเป็นกายภาพจริงๆ หากปวดด้วยความรู้สึก ควรกำหนดจิตพิจารณาให้เราตระหนักได้ว่า ร่างกายของเรากำลังอยู่ในภาวะที่ปราศจากประสาทสัมผัสทั้งห้า กำหนดรู้ จะพบความรู้สึกปราศจากแขนขา ร่างกาย และอาการปวดทั้งหลายจะหายไป แม้ว่าปวดอยู่จริงทางกาย เราก็จะพบว่า สติสัมปชัญญะของเราแยกออกจากการเป็นผู้ปวดหู กลายเป็นผู้สังเกตเห็นหรือรู้การปวดหู ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้สามารถรักษาอาการทางร่างกายทั้งหลายได้

    การฝึกสมาธิทำให้ตายไม่ได้แน่นอน เพราะหากเป็นการฝึกที่เป็นอันตรายเช่นนั้น ต้องถึงกับเอาชีวิตไปแลกกับความไม่รู้ ก็คงไม่มีวันได้ไปถึงความรู้ มันก็ย่อมไม่ใช่หนทางสู่ปัญญา(rose)
    __________________

    http://palungjit.org/showpost....postcount=2064
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2008
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เห็นด้วยนะ พอเราหยุดความคิดให้สมองว่างสักพักนึง
    พลังภายในของเราก็เริ่มทำงานอย่างเป็นธรรมชาติ
    บทเพลงที่แต่งนั้นรับมาจากต้นกำเนิดที่เต็มไปด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไขครับ
    จินตนาการอันสร้างสรรค์จึงเต็มเปี่ยมและล้นออกมาแบบที่รู้สึกจริงๆ

    เราสามารถทำอะไรได้มากกว่าความเป็นจริงอย่างน่าอัศจรรย์ เช่นแต่งกลอนก็ไพเราะลึกล้ำ ทำงานศิลปะสุดอลังการ เราเลือกหยิบมาใช้ได้มากมาย ความสามารถและความรู้จากจิตวิญญาณนี้เกินกว่าคำพูดจะบรรยายได้หมดนะครับ

    เห็นผลงานลูกเกดแล้วต้องบอกว่าใกล้ อ.แล้วครับ ..น่าทึ่งจริงๆ
    แบบนี้เตรียมกระดาษกับปากกาเอาไว้ในห้องน้ำเยอะๆเลยนะครับ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2008
  12. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    [​IMG]
    [​IMG] <!-- / message --><!-- sig -->
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    <!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET> <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูป</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
    <!-- / attachments --><!-- sig -->ขอให้ชาวห้องวิทย์ทุกคน มีความสุข พบสัจธรรม ตามความเป็นจริงของชีวิต นะครับ
     
  13. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310


    เห็นด้วยกับคุณ mead นะครับ หากภายในเราต้องการทำอะไรเพื่อบุคคลที่เรารัก รู้สึกเหมือนมีพลังงานที่เต็มเปี่ยม ทำได้อย่างเต็มที่โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จริงมั๊ยครับ

    แรงบันดาลใจคุณลูกเกดลื่นไหลอย่างนี้ เวลาคิดออก ต้องอุทานว่า ยูเรก้า รึเปล่า นับถือๆ อิอิ

    Merry Christmas มีความสุขมากๆกันทุกคนนะครับ ;aa14
     
  14. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
  15. Mila

    Mila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +184
    แรงบัลดาลใจคุณเซล์ก็ใช่ย่อยนะ คิดจะเอาดวงแก้วไปให้นางในฝันนู่นแน่ะ อิ
    เดี๋ยวเกดแต่งเพลงให้ร้องเอามะ เอาแบบดูโอคู่กับพี่มี้ด หรือบอยแบนด์ดี :p

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    ------------------------------------------------------



    การจินตนาการถึงพลังกำเนิดที่เริ่มจากกลางลำตัวอย่างที่เมื่อวันที่ 20 เราได้ทำกันกับคุณแม่นักเขียนนั้น เกดขอลอกวิธีการจากหนังสือ อมตะแห่งจิตวิญญาณ-ภาคต้น มาให้สำหรับคนที่ยังไม่มีหนังสือนะคะ

    [​IMG]


    อมตะแห่งจิตวิญญาณ-ภาคต้น หน้า 97

    หลังจากที่เธออ่านย่อหน้านี้จบลง ให้เธอนั่งหลับตาผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ให้เธอจิตนาการถึงต้นกำเนิดของพลังแห่งลมหายใจและพลังแห่งชีวิตซึ่งอยู่ ณ ศูนย์กลางตัวตนของเธอ<O:p</O:p

    เธอบางคนจะค้นพบและสัมผัสกับธรรมชาติความเป็นจริงนี้ได้ทันที และบางคนอาจต้องใช้เวลาฝึกฝนพอสมควร เมื่อเธอรู้สึกสัมผัสได้ถึงต้นกำเนิดของพลัง ให้เธอจิตนาการว่า มันพุ่งออกไปจากศูนย์กลางของร่างกายตัวตนของเธอ-ทุกทิศทาง ผ่านปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า ผ่านรูขุมขน ผ่านทุกอณูของร่างกาย แผ่รัศมีออกไปทุกทิศทาง-จากศูนย์กลางกายของเธอ จินตนาการให้รัศมีของพลังงานแผ่กระจายออกไปอย่างไม่ลดละ มันแผ่ซึมไปทุกหย่อมหญ้า ซึมซาบลงไปสู่ศูนย์กลางของโลก และในขณะเดียวกันก็แผ่ซึมไปสู่กลุ่มเมฆและแผ่รัศมีต่อไปกว้างไกลทุกทิศทางสุดจักรวาล
    <O:p</O:p
    แม้ฉันจะบอกให้เธอจินตนาการ แต่ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ แม้ว่าเธอจะเริ่มต้นฝึกฝนด้วยการใช้จินตนาการก็ตาม แต่ภาวะดังกล่าวเป็นธรรมชาติความเป็นจริงที่จิตวิญาญาณของเธอส่งพลังงานซึ่งแผ่รัศมีออกไปทุกทิศทางเช่นนั้น การสร้างสรรค์ของจิตวิญญาณถูกส่งกระแสออกไปในลักษณะดังกล่างอย่างแท้จริง
    <O:p</O:p
    บทฝึกฝนนี้จะช่วยให้เธอสัมผัสกับธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณ สัมผัสกับการสร้างสรรค์และชีวิตชีวาของจิตวิญญาณที่หลั่งไหลมาจากต้นกำเนิดอย่างท่วมท้นไม่มีวันหมดสิ้น เธอทั้งหลายต่างก็เป็นบุคคลตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของต้นกำเนิดนี้
    <O:p</O:p
    บทฝึกฝนและสาระที่ฉันถ่ายทอดให้เธอ ไม่ได้เป็นสาระที่เธอเพียงบางคนเท่านั้นจะเข้าใจได้ ไม่ว่าเธอจะสามารถอธิบายสิ่งที่เธอสัมผัสได้หรือไม่ก็ตาม บทฝึกฝนและสาระเหล่านี้มีผลในทางปฏิบัติต่อชีวิตประจำวันของเธอทุกคน



    [​IMG]



    [​IMG]

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
  16. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    จริงๆรูป นางในฝันนั้น คุณ mead ผู้หวังดี และห่วงใย ได้นำมาตัดต่อให้ครับ อิอิ
    คุณลูกเกดแต่งเพลงได้ดีอยู่แล้วครับ อย่าให้ผมไปทำลายผลงานดีๆเลย 555

    คุณลูกเกดเอาเนื้อหามาแปะ ดีเลยครับ อย่าว่าแต่คนที่ยังไม่มีหนังสือเลย ผมเคยอ่านผ่านไปแล้ว ยังรู้สึกว่า ย่อหน้าตรงนี้ อ่านไปแล้วเหรอ???

    ประสบการณ์ตรงนี้ ผมเคยนั่งสมาธิ แล้วก็ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน พอจิตรวมตัวเป็นสมาธิ ก็ไปจินตนาการที่ท้อง บริเวณที่มันอุ่นๆ จินตนาการให้เป็นดอกบัวสีทองสว่างไสว เมื่อชัดเจนดีแล้ว ก็จินตนาการบีบให้เล็กลงๆ จนเป็นแค่จุดเล็กๆ แล้วก็แผ่ขยายออกไปตามเส้นประสาทซิมพาเทติค และก็พาราซิมพาเทติค ขยายออกไปทุกทิศทุกทาง

    จะรู้สึกว่า พลังงานที่ออกมาจะเหลือล้น ต้องปลดปล่อยออกให้หมด ไม่งั้นจะรู้สึกอึดอัดมากๆ

    เพื่อนๆมีประสบการณ์ยังไง ลองมาแชร์ดูนะครับ
     
  17. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขอบคุณ น้องลูกเกดมากจ๊ะ ได้อ่านทวนอีกเที่ยว เข้าใจดีจริงๆค่ะ
    เดรดก็เคยลองทำแบบฝึกหัดนี้หลายครั้งเหมือนกัน
    แต่ก็รู้สึกว่ามันยังติดๆ ขัดๆ พะวงบางอย่าง แบบส่งแล้วไม่ไปบ้าง
    พอนึกส่งออกข้างบน ข้างล่างไปยังหว่า แล้วข้างๆไปถึงไหน วนมันอยู่แบบนี้ตลอด

    แต่วันที่ทำพร้อมๆ กันกับเพื่อนๆ ที่บ้าน พี่นักเขียน แรกๆ ก็เป็นแบบนี้
    เวลาที่เดรดทำสมาธิ มักจะมีพลังงานความร้อนมารุม เยอะมากๆ ยิ่งเป็นสมาธิยิ่งร้อน
    ตอนนั้นก็ร้อน แล้วก็พยายามแผ่ออกไป มันก็เหมือนเดิม คือ คอยกังวลกำหนดทิศทางตลอด

    จนตอนหลัง เดรดไม่ไหวแล้ว ปล่อยไปเลย ไม่คิด ไม่นึก แว่บนึงรู้สึกว่า ทุกคนหายไปหมดเลย
    รู้สึกว่าตัวเองนั่งอยู่ที่บ้านคนเดียว ไม่ได้ยินหรือรับรู้อะไรเลย
    ตอนนั้นรู้สึกว่า ถ้าลืมตาขึ้นแล้ว ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเจอตัวเอง อยู่บนโลกหรือเปล่า...แฮ่ะๆ
    จนได้ยินเสียงพี่นักเขียน ก็ค่อยๆระลึกขึ้นมาที่ละนิดว่า อ้อ อยู่ที่บ้านพี่เค้านี่นา ดีใจ ว่ายังอยู่
    แล้วพอพี่เค้าถามว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ก็ไม่กล้าตอบ อาย...อิอิ ^-^
     
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]
    ;aa36

    ใกล้ปีใหม่แล้ว เลยขอคว้าเพลง"ของขวัญจากฟากฟ้า"ของลูกเกด
    ทำ MV มาฝากเพื่อจัดเก็บบรรยากาศดีๆไว้ในความทรงจำด้วยกันครับ
    เพลงออกจะซึ้งๆแต่ไงชมกันให้สนุกนะครับ อิอิ


    ของขวัญจากฟากฟ้า

    A--------------------------------Dmaj7
    ตั้งแต่วันที่เราได้รู้จักกัน จากนั้นชีวิตฉันก็เปลี่ยนไป
    A------------------------------Bm
    บทเพลงความรักจากอีกฟ้าไกล เชื่อมสองใจให้ใกล้กัน
    F#m7-------------------- E---Dmaj7-----------A
    เหมือนเสียงเธอกล่อมให้ฉันนอน เหมือนคำสอนเธอก้องอยู่ในฝัน
    Bm-------------------------- E
    ใครบนฟ้า คงส่งเธอมา..เป็นของขวัญ

    A-----------------------------------Dmaj7-------------E
    อีกดินแดนที่เธอคอยชี้ทาง ให้ฉันพบตัวฉันข้างในนั้น
    A------------------------------Bm-------E
    สู่โลกใบเดิมที่สวยขึ้นทุกวัน ที่ก่อนนั้นฉันไม่เคยสนใจ
    F#m7---------------E-----Dmaj7-------------A-----
    เหมือนสองมือเธอคอยประคอง เหมือนเราสองเดินเคียงกันไป
    Bm-------------------------- -------------E
    บนถนนสายยาว บางคราวฉันอยากถาม..เธอเหนื่อยมั้ย

    Bm------------------- E---------------A
    *เธอเป็นดั่งพรจากฟ้า เธอมีค่ามากกว่าดาวดวงไหน
    F#m7-----Dmaj7----- E----- A
    บนโลกใบเหงา แค่รู้มีเธออยู่ ฉันอุ่นหัวใจ
    F#m7------ Bm ---E ----A ----E/G#---F#m7
    ทุกวันจะผ่านล่วงเลย สิ่งใดๆจะเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่
    Dmaj7------------ E -----------A
    แต่สิ่งสำคัญที่เธอให้ฉัน จะคงอยู่..ตลอดไป

    *
    Dmaj7------------ E -----------A
    ความรักของเธอและฉัน จะคงอยู่..ตลอดไป

    [vdo]http://palungjit.org/attachments/a.474755/[/vdo]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2009
  19. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    เยี่ยมค่ะ คุณ mead ลงตัวทุกอย่าง (ดูไปสี่รอบแระ) ขอบคุณมากๆ ค่ะ
    บทเพลงเพราะๆ ความหมายที่สวยงาม บรรยากาศของความรัก ความเอื้อาทร
    ไม่มีอะไรจะบรรยายแล้วค่ะ เป็นความทรงจำที่แสนประทบใจ ที่เดรดจะไม่มีวันลืม

    ของขวัญจากฟ้า ในที่นี่ ก็คือ การได้มาพบเจอพี่นักเขียน และเพื่อนๆที่ห้องวิทย์ นี้ ทุกท่านค่ะ
     
  20. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ได้ฟังและชมภาพแล้วรู้สึกประทับใจจริงๆครับ

    จะเห็นได้ว่าทุกคนที่อยู่ในภาพล้วนมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ความสวยงามและความมีชีวิตชีวาของภาพแต่ละภาพเป็นอย่างมากเลยครับ ประกอบกับเสียงเพลงอันไพเราะที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกในส่วนลึกของหัวใจและจิตวิญญาณของเด็กตัวน้อยๆตาใสๆที่ชื่อน้องลูกเกดแล้ว...ซึ้งจริงๆครับ

    ต้องขอขอบคุณคุณน้องลูกเกด และหัวหน้าห้องสุดหล่อด้วยครับที่นำความประทับใจกลับมาสู่พวกเรา และหวังว่าพวกเราจะเก็บความประทับใจนี้ไว้ตลอดไป

    ...คุณเดรดอย่าเพิ่งน้ำตาคลอสิครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...