เชื่อมั่นในสิ่งที่คุณเอกอิสโรนำเสนอ เชิญแสดงตัวครับ

พี่ยม จัดกว่าหนูอีก จัดแบบมีเหตุผล โดนๆ อิอิ แบล่ เอกอิดโรยความจริง ไม่อยากมากวนนะ เขาถูกกักกันพื้นที่ อิอิ แบล่ๆๆ เอกทิ้งข้อความแล้วก็ไปน่าเบื่อ ไม่กล้าตอบคำถาม เซงตรงเนี่ยคุยยากตับเป็ด

 

วันๆ ทำงานกันบ้างเถอะนะ อิอิ

 

- เรื่องรอยพระพุทธบาทเป็นของจริงก้มีครับ แต่บางที่ก็มีคนไปทำเจดีย์หรือทำรอยพระพุทธบาทปลอมครอบไว้อีกที
ผมไม่แปลกใจถ้าพระพุทธเจ้าจะเคยมาเมืองไทย พระธุดงค์ของไทยที่ไปเดินเท้าไปอินเดียก็มี
แต่ไม่ควรสรุปเพียงแค่ว่ามีรอยพระพุทธบาทในไทยแปลว่าพระพุทธเจ้าเกิดที่ไทย ตรงกันข้าม รอยพระพุทธบาทเปรียบเหมือนสิ่งที่ท่านฝากไว้เป็นที่ระลึกเพราะท่านไม่ได้อยู่เมืองไทย คนไทยหาโอกาสไปพบท่านได้ยากท่านจึงฝากสิ่งนี้ไว้มากกว่า
- เรื่องพระบรมสารีริกธาตุก่อนหน้า ร.5 ก็คงไม่ใช่ของปลอมไปซะหมดหรอก เพราะพระธาตุเสด็จมาได้ ไม่จำเป็นต้องไปเอามาจากอินเดียอย่างเดียว
- แล้วทำไมพระพุทธเจ้าเกิดอินเดียแต่ศาสนาพุทธจะมาเจริญในประเทศไทยไม่ได้ ส่วนจะบอกว่าใครเจริญกว่าใครอันนี้ก็เทียบยาก ถ้าเทียบวัตถุก็มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตงดงามพอกัน(ต่างกันตรงที่อินเดียจะมีแต่โบราณสถานที่ยิ่งใหญ่อลังการ แต่ปัจจุบันเนื่องจากนับถือศาสนาอื่นเป็นหลักไทยก็เลยมีศาสนสถานมากกว่า)
- การจะอ้างเรื่องระยะทางไม่ตรงตามพระไตรปิฎกเลยสรุปว่าไม่จริงก็คงไม่ใช่ เพราะหลายคนก็อธิบายเรื่องระยะทางนั้นขึ้นกับว่าเรายึดอะไร ถนนหรือทาบเส้นตรงตามแผนที่ อย่างคุณเอกที่วัดระยะทางสถานที่ต่างๆในไทยก็ยังต้องไปดูรายละเอียดสถานที่จริง ดูหลักฐานอื่นๆด้วย ดังนั้นเรื่องระยะทางอย่างเดียวจึงไม่ควรไปตัดสินว่าสถานที่ที่อินเดียไม่ถูกต้อง
- เรื่องค้นหาหลักฐานก็เป็นสิทธิของคนที่ต้องการค้นคว้า ใครอยากเสียเงิน เสียเวลาที่มีน้อยนิดไปกับเรื่องแบบนี้ก็เชิญ แต่ถ้าไม่มีหลักฐานพอก็อย่าเพิ่งไปเที่ยวประกาศว่าคนอื่นที่เขาพบก่อนนั้นโกหก
ปล.
- เรื่องความหลงผิดนั้นเป็นวิบากกรรมของแต่ละคนครับ บางคนยิ่งหลงก็ยิ่งสร้างเวรสร้างกรรม คงได้แต่เห็นใจ เตือนกันด้วยเมตตาละกันครับ อย่าให้โทสะ โมหะ มาครอบงำความหวังดีและความเมตตากันเลย
- ขอแนะนำวิธีที่ผมคิดว่าดีที่สุดคือ พาคณะของท่านไปทอดผ้าป่าพระอรหันต์ และอธิษฐานหรือถามท่านให้ช่วยชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่าง อย่างน้อยก็ได้นำเงินไปทำบุญทำกุศล และได้ฟังธรรมะด้วย (แต่ต้องเปิดใจให้กว้างพอนะ ไม่ใช่ท่านพูดอะไรไม่ตรงกับที่คิดแล้วไปปรามาสครูบาอาจารย์) จะได้ไม่ต้องไปถึงอินเดีย ไม่ต้องไปขุดป่าถางพงอะไรให้มากเรื่อง

 

อย่าพึ่งไปเอาความเชื่อมาปนครับอย่างพระธาตุเสด็จมา รอยพุทธบาท แลจักเข้าใจอะไรมากขึ้น ขอให้มองกว้างๆๆครับ เอาหลักฐานทางประวัติศาสตร์จริงๆๆมาคิด จะประเสริฐกว่าครับ ตั้งคำถามตัวเองว่าทำไม ในโลกนี้ถึงไม่มีแบบนี้เช่น ในตะวันตกทำไมไม่มีความเชื่อเรื่องพระธาตุ เรื่องรอยพุทธบาท ไนตะวันออกทำไมไม่มีความเชื่อเรื่อง เลือดและกางเขงของพระคริสต์ หรือเพียงเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของความเชื่อของคนในกลุ่มๆเล็กๆๆในโลกไม่ใช่ความจริง นั้นคือพระพุทธเจ้าก็เป็นคนแบบเรานี่แหละมีชีวิตในยุคหนึ่ง เป็นครุสอนศาสนาที่ดีคนหนึ่งที่เคยมีมาไม่ใช่มนุษย์กายสิทธิ์อะไร หากมองในมุมนี้เราก็จะศึกษาท่านได้ในมิติความจริงครับ
อย่างคุณเอกนี่ไม่ทำวิจัยเป็นชิ้นเป็นอันเอาความเชื่อ ความคิดของตนเป็นหลัก เข้ามาปนๆๆ ตีความตามใจตัวเอง มันเลยไม่ไปไหนไม่มีใครยอมรับหรืออยากจะพิสูตรหรือร่วมพิสูตรงานของเขาไงครับ ยกตัวอย่างถ้าแกทำเป็นระบบจริงๆๆเรื่องทุนวิจัยนะขอได้ไม่ยากครับ อย่างสกว.นี่ไปขอเลย แต่แกทำแบบมั่วๆๆ เหมือนนั่งเทียนเขียน เขามีมหาลัยอยู่ทั้งโลกที่พร้อมให้ทุนและผู้เชี่ยวชาญ (เพราะพวกนี้เขาต้องการชื่อเสียงอยู่แล้ว)

 

ถ้าคุณ โฮดี้โจนส์ ยังหลงเชื่อว่า นี่คือ พระบรมสารีริกธาตุ ของแท้ แล้ว พึงรับรู้ไว้ครับ ว่านี่คือ เหตุผลที่ผม จะไม่ตอบความสงสัยของคุณโฮดี้โจนส์ ในเรื่องอื่นๆ เพราะ วิสัยของท่านยังยากที่จะรับรู้ความจริงในเรื่องที่ผมกำลังค้นคว้าอยู่นี้ และขออนุญาตชักสะพานทิ้งเสีย ไม่ร่วมเสวนาด้วยครับ



กระดูกที่ขุดได้โดยนายเป้บเป้ วิศวกรชาวอังกฤษ



พระบรมสารีริกธาตุ ลักษณะกระดูกคน
ประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย
ลักษณะนี้มีประดิษฐาน ณ พระเจดีย์ภูเขาทอง
ภาพจาก www.grandbuddha.com



พระบรมสารีริกธาตุ ลักษณะกระดูกคน
ประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย
บางส่วนอัญเชิญมาประดิษฐานยังพระเจดีย์ภูเขาทอง
ภาพจากหน้าเว็บเพจ The Buddha 's Skull Relic

 

มีความจริงอยู่ข้อหนึงคือ ขณะนี้เราค้นพบ ขุดพบ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่ตั้งของเมืองต่าง หลายจุดในแผ่นดินไทย บางจุด ก็มีอายุมากกว่า 5 พันปี ซึ่งแต่เดิมก็มีอยู่แล้วเพียงแต่คนไทยไม่สนใจศึกษาเพราะคิดว่า ชาติพันธุ์ของตัวเองไม่ได้ยิ่งใหญ่และสำคัญ เชื่อตามที่ฝรั่งป้อนข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ล่าสุดมีการพบว่า เมืองโบราณ เวียงเจ็ดริน เชียงใหม่ มีอายุมากกว่า 1 หมื่นปี ซึ่ง ขณะนี้เมืองได้โดนบุกรุกแถบไม่เหลืออะไรมากให้ศึกษา นี้ก็เพราะเราไม่เชื่อในความสำคัญของหลักฐานของเราเอง หน่วยราชการเป็นหน่วยที่บุกรุก ทำลายโบราณสถานไปก็มาก เพราะเราเชื่อให้หลักวิชาการต่างๆที่ร่ำเรียนมาจากตำรา ฝรั่ง ลูกหลานรุ่นหลังๆอย่างเราๆก็ควรสงสัยถึงความเป็นมาชองชาติพันธุ์ ที่แท้จริงของเรา มันไม่ใช่เรื่องว่า เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ นะครับ แต่มันคือการค้นคว้าร่วมกัน ทำความจริงให้ปรากฏ นอกจากเรื่องวัตถุแล้วผมเคยสงสัยว่า ตามหลักพระพุทธศาสนาแล้วคนเรามักมีจิตจำ และ ผูกพันธ์กับ คน สัตว์ สิ่งของ เมื่อ ตายจากความเป็นมนุษย์แล้วก็มักกลับมาเกิดในที่ๆ ตัวเองเคยผูกพันธ์เพราะจิตมีสภาพจำ ข้อนี้เลยทำให้สงสัยว่าหลายๆท่านที่เคยเกิดในสมัยพุทธกาล ทำไมกลับมาเกิดในแผ่นดินไทยในปัจจุบัน คงต้องรอความจริงปรากฏครับ

 

- เรื่องพระธาตุเสด็จเป็นเรื่องจริง มีอยู่จริงครับ ปัจจุบันก็ยังมีผู้ที่ได้ประสบกับเรื่องแบบนี้
- วิทยาศาสตร์ไม่ได้ตอบคำถามได้ทุกเรื่อง ยังมีอีกลายอย่างที่วิทยาศาสตร์ยังค้นไม่พบ โดยเฉพาะเรื่องจิตซึ่งเป็นนามธรรมก็ไม่ได้มีการศึกษามากนัก
ดังนั้น การพูดความจริงไม่ใช่ว่าจะต้องพูดในสิ่งที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันยืนยันได้อบ่างเดียว
- เรื่องจิต วิญาณ ฌาณ ก็มีจริง ผู้ที่ปฏิบัติก้ย่อมจะสัมผัสถึงสิ่งเหล่านี้ได้ และอย่าไปบอกว่าตะวันตกทำไมไม่มีเรื่องเหล่านี้ ตอนนี้ชาวตะวันตกเริ่มหันมาปฏิบัติมากขึ้น บางคนมาบวชในไทยก็มี พระตะวันตกที่เป็นอรหันต์อย่างหลวงพ่อปัญญาก็มี (เรื่องพระธาตุเสด็จไปที่นั่นรึเปล่าไม่ทราบ แต่ถ้ามีศรัทธาที่ดีก็คงไปได้)
- เรื่องพระบรมสารีริกธาตุที่เจอที่อินเดียก็น่าจะมีได้ แต่แบบในรูปที่คุณเอกเอามาไม่น่าใช่เพราะตามที่ผมเข้าใจน่าจะมีลักษณธเป็นเม็ดข้าวสาร ไข่ปลา มากกว่าเป็นฟอสซิลแบบนั้น เพราะถ้ากระดูกส่วนที่ไม่ได้เป้นพระธาตุจะมีแค่ 7 ส่วน แต่เรื่องนี้ไม่แน่ใจว่าฝรั่งคนนั้นเค้าเอาข้อมูลจากไหนมาบอกว่าเป็นกระดูกพระพุทธเจ้า
- โดยส่วนตัวไม่คัดค้านว่าหลักฐานนั้นมีที่มาอย่างไร จะวิทยาศาสตร์ หรือจะเป็นคำกล่าวคำเล่าของพระ แต่อยากให้พิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่พระรูปเดียวกัน กลับมีฝ่ายหนึ่งเข้าใจแบบหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจไปอีกแบบ
- ส่วนถ้าจะไปบอกว่าหลักฐานของฝรั่งไม่จริงยังไงก็น่าจะมีเหตุผลประกอบด้วยนะครับ อย่าแค่ไม่ใช่ ไม่เชื่อ อย่างเดียว

 

เอาให้เห็นชัดๆตัวแดงๆไปเลยผมอีกคนนึงครับที่สนับสนุนทฤษฎีคุณเอกครับ
ไม่ใช่แค่รอยพระพุทธบาทมากที่สุดในโลกเท่านั้นนะครับบ้านเรายังมีวัดมากที่สุดในโลกด้วย(วัดไทย)แทบทุกหมู่บ้านตำบลมีแทบทุกวัดเอาแค่จังหวัดอยุธยาจังหวัดเดียวเนี่ยเกือบๆ 200วัดละมั้ง!

 

ก็ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกครับที่ เข้าใจว่าอย่างนี้ มีคนอีกหลายร้อยหลายพันๆๆล้านที่เชื่อแบบนี้ แต่ที่เชื่อแบบคุณเอกอาจจะมีไม่ถึงร้อย ก็ว่ากันไปตามตำราครับ ที่นี้ถ้าอยากให้คนอื่นยอมรับในสิ่งที่คุณศึกษาจริงคุณก็ต้องตอบและพิสูตรให้ได้ว่ามันไม่ใช่ ไม่ใช่เอาความเชื่อ หลักฐาน และ ตำนานมาผสมโรงกัน โดยยังมีความสับสนทางตรรกะและขัดแย้งกันเองแบบนี้ พอใครไม่เห็นด้วยคุณก็พูดว่าไม่อยู่ในวิสัยที่คุณจะตอบ หรือ คู่ควรที่จะศึกษา งานวิชาการมีหลักว่าต้องเป็นสากล ไม่ใช่หรือ

คุณก็จบวิศวกรมา น่าจะรู้ว่า งานทางวิชาการเขาไม่ทำกันแบบนี้

 

ทีนี้ผมอยากพูดถึงวิธีตอบคำถามคุณเอกหน่อย คือ คุณเอกไม่เคยตอบคำถามที่ตรงกับที่ถามเลย ไม่ก็ไม่ตอบเลยเพราะไม่รู้ใช่ไหม คุณเพียงแต่ก็อปปี้เอาข้อมูลมาลง เท่านั้นซึ่งไม่ได้มีการสังเคราะห์ข้อมูลไปตามหลักเหตุผลเลย เช่นเรื่องมหาวีระ อยู่ๆๆคุณก็พูดลอยๆๆว่า ฝรั้งไปทึกทักว่าท่านที่ปรากฏในสูตรเป็นแขก ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกไชนะในอินเดีย ไม่มีหลักฐานอะไร ที่เป็นชิ้นเป็นอัน ที่สำคัญหนังสือคุณผมก็เคยเห็น ก็ไม่เห็นว่าจะมีการเขียนในเชิงวิชาการอะไรทั้งไม่มีหลักฐานสนับสนุน อาจจะเป็นเพราะคุณเขียนให้เข้าใจง่ายอย่างไรก็ไม่ทราบ

อีกอย่างถ้าคุณจะพิสูตรจริงคุณยังต้องเอาความรู้ทางมนุษยวิทยา ชาติพันธ์วิทยา ประวัติศาสตร์ สังคมวิทยา พันธุ์ศาสตร์ รังสีวิทยา ภาษาศาสตร์ มาสังเคราะห์ด้วยหลายๆด้าน เวลานักวิชาการตะวันตก ความจริงก็ทั่วโลกนะเวลาเขาศึกษาเขาทำอย่างนี้ใช่ไหม กว่าจะมาสรุปงานวิจัยที่มันยิ่งใหญ่และกระทบกับความเชื่อของคนทั้งโลก แต่คุณทำไหม เคยขอความร่วมมือไหม

 

ยังยืนยันคำเดิมว่า งานของคุณเอกอิสโร ยังไม่มีความน่าเชื่อถือ สำหรับความเห็นส่วนตัวผมแล้ว-ไร้ราคาครับ ไม่คู่ควรแม้แต่จะไปถกเถียงด้วย
เพราะปราศจากหลักฐานที่ชัดเจน นอกจากชื่อสถานที่, นิทาน ตำนาน, google map แบบมั่วๆมึนๆ ดีแต่อ้างคำพูดของผู้อื่น เช่น พระภิกษุ คนทรง เห็นจากนิมิตบ้าง ฝันบ้าง ตีขลุมเอาเองบ้าง
จบวิศวฯมาแน่เหรอครับ แค่การใช้เหตุผลตามหลักวิชาการ วิธีการค้นคว้าวิจัยก็ไม่ผ่าน แถมตรรกะก็เพี้ยนๆเหมือนคนไม่เต็มบาท

 

ทีนี้ผมขอตอบ ก่อนว่า เรื่องนี้ก็เหมือนเรื่องคนที่อ้างว่าตัวเองพบมนุษย์ต่างดาวไหมครับ เราพิสูตรได้ไหม เห็นปัญหาไหมครับไอ้พวกนี้พอเราจะพิสูตรมันกลับไม่โพล่มา พอเราไม่ต้องการจะพิสูตรกับมีคนบอกว่ามันโพล่ออกมา แน่นอนว่าอาจจะเป็นเรื่องโกหกหรือจริงก็ได้ อย่างเวลาเราสร้างพระเราต้องสร้างตำนานคู่กันมาด้วยใช่ไหมครับ มันถึงจะดูศักดิ์สิทธิ์ ใครมันจะกราบฝีมือมนุษย์เล่า ก็ทำนองเดียวกัน

ทีนี้ผมไม่ได้ปฏิเสธํว่ามันไม่จริง แต่เรากำลังพูดถึงการทำงานวิจัยใช่ไหม ดังนั้นความเชื่อต้องเก็บไปก่อนจริงไหมครับ ผมว่าคุณเข้าใจอยู่แล้วล่ะ เพราะคุณพูดจาผมอ่านดูก็รู้ ว่าเป็นคนที่มีส่วนผสมของอนุรักษ์นิยมและหัวสมัยใหม่ในตัว

ทีนี้ผมอยากให้คิดกลับกัน ขอยกตัวอย่าทะไลลามะนะครับ ทะไลลามะเป็นอภิมหาเกจิคนนับถือหลายพันล้านใช่ไหม คนทิเบตเชื่อว่าเป็นพระนิรมาณกายของพระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร ใช่ไหม นอกจากนี้ยังเป็นผู้อวตารมาสิบสี่ครั้ง

เห็นความลึกลับรอบๆๆตัวท่านไหม? แต่ทำไมท่านยังศึกษาวิทยาศาสตร์ สนทนากับนักคิดชั้นนำ คุณเห็นอะไรไหมขนาดท่านผู้นี้ ท่านยังยอมรับเลยว่า บางอย่างก็ควรที่จะไม่เอาความเชื่อมาปะปน อย่างท่านออกปากเลยว่าไม่มีความสนใจในจักรวาลวิทยาตามหลักอภิธรรมเท่าไหร่ เพราะ มันเป็นความเชื่อของคนโบราณ นอกจากนี้ท่านยังยอมรับเลยว่าตัวเองไม่เข้าใจความคิดทางวิทยาศาสตร์ เพราะ มันเป็นนามธรรมมาก และเต็มไปด้วยคณิตศาสตร์ แต่ก็พยายามจะศึกษาอยู่เพราะมีประโยชน์กับตัวเอง แม้แต่วาติกัน ก็ทำแบบนี้ เขามีการจัดประชุมระหว่างบาทหลวง กับ นักวิทยาศาสตร์เสมอๆๆ เพื่อสังเคราะห์ความรู้ร่วมกัน บางครังทะไลลามะยังไปร่วมกับเขาเลย

ทีนี้สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ วิทยาศาสตร์ กับ ศาสนา นั้นเน้นคนล่ะประเด็น แต่แสวงหาสัจจะเหมือนกัน วิทยาศาสตร์มองไปที่จักรวาลภายนอก ตัวบทของความสัมพันธ์ทางวัตถุ และ ที่เป็นนามธรรมอย่า อวกาศ พลังงาน เวลา ศาสนามองมาที่จิตวิญญาณ มันคนล่ะประเด็น เหมือนสังคมวิทยา เน้นหาสัจจะเหมือนกันใช่ไหมครับ แต่เขาไม่ได้สนใจแบบวิทยาศาสตร์ หรือ ศาสนา แต่เขาสนใจไปที่ตัวบทสังคมของมนุษย์ใช่ไหม ขนาดจุดยืนยังต่างกันขนาดนี้ แล้วจะมาวัดว่านี่สูงกว่านั้นนั้นสูงกว่านี้ได้ไง เหมือนปัจจัยสี่ เราจะมาบอกว่า อาหารสำคัญกว่ายารักษาโรค หรือ ยารักษาโรคสำคัญว่าอาหารได้ไง เห็นไหมมันเป็นสิ่งจำเป็นเหมือนกัน แต่ตอบสนองความต้องการกันคนล่ะด้าน

บางอย่างไอ้ความเชื่อนี้มันก็เป็นของ พวกหลอกลวงในคราบพระ ครอบงำความคิดเราเยอะ ทั้งๆๆที่คนพวกนี้ก็ไม่ได้วิเศษจริงอย่างปากว่า ก็ได้ครับจริงไหม ผมก็เห็นพระดีๆๆที่ดังระดับโลกอย่าง ทะไลลามะ ติช นัทท์ ฮัทท์ ชุนเรียว ซูซูกิ โรชิ พุทธทาส ปยุตโต ตรุงป้า เชอเกลียม ริมโปเช และ อื่นๆๆ ไม่เห็นจะมีใครมีความสามารถกายสิทธิ์เหนือมนุษย์แบบทึ่พวก สมี บ้านเราชอบอวดตัวเลย

 

ทีนี้บางคนยอมรับไม่ได้ว่าทำไมพระบรมสารีริกธาตุจึ่ง ไม่เป็นแก้วเป็นอะไรสุดแล้วแต่ ขนาดพระธาตุยังเป็นเลย ผมถามว่าถ้าไอ้พระธาตุเป็นเรื่องโกหกเล่าอะไรจะเกิดขึ้น นั้นคือไม่มีมนุษย์วิเศษอะไรทั้งนั้น แหกตากันมาตลอด แม้แต่พระพุทธเจ้าก็เป็นคนธรรมดาๆๆ ตายได้ มีเลือดมีกระดูก มันก็ไม่แปลกเท่าไหร่เห็นไหม ทีนี้ผมไม่ได้ปรามาสแต่เรามีสิทธิจะคิดได้สองด้านใช่ไหม นั้นคือ ด้านนี้ก็ดูมีเหตุผลดี อย่าพึ่งไปโยนทิ้ง หรืออย่าพึ่งไปทึกทักว่าจริง มันก็เหมือนด้านความเชื่อนั้นแหละอย่าพึ่งไปโยนทิ้ง หรืออย่าพึ่งไปทึกทักว่าจริงครับ เราก็ถือมันๆไปทั้งสองด้านนั้นแหละ จนกว่าความจริงมันจะเผยตัวออกมาเอง

ส่วนเรื่องคุณเอก ไอ้ตอนแรกผมคิดว่าเป็นนักวิชากการ ตอนนี้พอดีผมไปอ่านกระทู้นี้เลยรู้ว่า.............. โอ้ที่แท้ก็พวกนี้นี่เองเสียเวลาจริงๆๆ ก็แค่คนบ้าที่คิดว่าตัวเองเป็นพระบรมโพธิสัตว์ที่กำลังจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต นามว่า พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า

ก็สมควรอยู่หรอกที่รัฐบวมและนักวิชาการเขาจะมาสนใจแก สงสัยถ้าแกเขียนอีกเล่มแล้วเอาความคิดนี้ยัดลงไปในเล่มพยายามให้คนมาเชื่อ มากราบพระอนาคตพุทธแบบแกนี่ ผมรู้แล้วว่าทำไมแกถึงไม่ชอบฝรั่ง ถ้าฝรั่งคงหัวเราะแกไว้เยอะ








<TABLE class=tborder id=post5778565 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 05:35 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#
ต่างคนต่างมีเหตุผลมาหักล้าง แต่ที่ทำให้ผมไม่อยากเชื่อ ไม่อยากอ่าน ไม่อยากรับรู้ข้อมูลของคุณ เอก อิสโร ก็เพราะบอกว่าตัวเองเคยเป็นพระเจ้าอโศกมหาราช และพระเจ้าอโศกมหาราชก็มีจิตตั้งมั่นที่จะเป็นพระพุทธเจ้าอะไรประมาณนี้ แสดงว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ถัดไปคือคุณ เอก อิสโร ฟังดูมันไร้สาระไปหน่อย หรือว่าแค่อยากจะขายหนังสือของตัวเอง เหมือนกับที่หลายๆคนตั้งข้อสังเกต






</TD></TR></TBODY></TABLE>
ถ้าคุณ หมีภู ได้อ่านได้ศึกษาคัมภีร์อนาคตวงศ์ มาอยู่บ้าง ก็จะรู้ว่า ผมไม่ได้บอกว่า พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป คือ ผม แต่ผมบอกว่า ผมคือ สุภพราหมณ์ในสมัยพุทธกาล และอีก ๗ ชาติ ถัดจากนี้ไป ผมถึงจะจบกิจทีควรทำ

<!-- google_ad_section_end -->






</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("5778565")</SCRIPT> </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

นี่แหละพวกที่เข้าใจเพียงตัวอักษรมองไม่เห็นหัวใจของคำสอน ล่ะ

 

ลองดูอันนี้ประกอบกัน ของ ศ.ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ครับ
www.buddhabirthplace.com

 

แถมครับ ศ.ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ไม่ใช่นักประวัติศาตร์นะครับและไม่เคยทำวิจัยเรื่องเหล่านี้เป็นชิ้นเป็นอัน แต่เป็นนักปฏิรูปการศึกษา วางหลักสูตรครับ จะเชื่อก็เชื่อหูไว้หู นะครับ

 

เรื่องพระบรมสารีริกธาตุที่พิพิธภัณฑ์ทางโบราณคดีเดลลีนั้น
มีสัณฐานเป็นกระดูกมนุษย์ธรรมดานี่แหละครับ
ที่เขาบอกว่าเป็นของพระพุทธเจ้าเพราะมีการสลักไว้ที่ตัวผอบ

พระบรมสารีริกธาติในส่วนนี้ มาจากการแบ่งหลังจากถวายพระเพลิง
ถ้าจำไม่ผิด แบ่งออกเป็น 7 กอง
และทำการแบ่งอีกครั้งในสมัยพระเจ้าอโศกครับ จากความต้องการในการสืบต่อพุทธศาสนา พระเ้จ้่าอโศกจึงส่งคนออกไปสืบค้น และตามมาได้เกือบครบ
การแบ่งในครั้งนี้ เขาแบ่งไว้มากถึง 84000 กอง
และนำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ทั่วภูมิภาค

การกระจายพระธาตุครั้งนี้ ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการพัฒนาทางปรัชญาของพุทธศาสนาสายต่าง ๆ ในทางประวัติศาสตร์ทั่วอนุทวีป ไปจนถึงเอเซียกลาง

ตรงนี้มีหลักฐานทางโบราณคดีและการจดบันทีกที่หนักแน่น
พระธาตุที่เดลลีเอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้ทรงพระราชทานมณฑปทองคำอร่ามให้ประดิษฐานไว้

คนที่เคยผ่านแวะเวียนไปนมัสการคงมีโอกาสได้เห็นประจักษ์ด้วยตาตนเองบ้างแล้ว

 

นานๆๆๆ จะเจอคนที่เข้าใจอะไรๆๆๆ บ้างในเว็ปนี้ 555 ไว้มีโอกาสค่อยมาคุยกันนะครับ

 

ผมหล่ะเชื่อพวกคุณจริงๆ 555

 

- ในเมื่อไม่มีข้อมูลและไม่คิดจะหาข้อมูลก็ไม่ขอสรุปว่ากระดูกที่เห็นนั้นไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า
- ส่วนเรื่องพระธาตุ คือถ้าไม่มีประสบการณ์ผมก็คงจะคิดเหมือนคุณโฮดี้โจนส์ แต่ก่อนผมก็มองเรื่องอิทธิปาฏิหารย์ว่าคงเป็นแค่ตำนานเล่าต่อๆกัน อย่างพระพุทธเจ้าประสูติแล้วเดิน 7 ก้าว พูดได้ ก็คงเป็นเรื่องแต่งให้ดูศักดิ์สิทธิ์ เรื่องจิตเรื่องฌาณ เรื่องสวรรค์นรก เป็นกลไกทางจิตที่เกิดขึ้นจากการสะกดจิตตนเองแล้วเกิดภาพหลอนขึ้น
แต่มาในปัจจุบันขณะนี้ ความคิดมุมมองผมเปลี่ยนไป ผมเปิดกว้างเรื่องราวต่างๆมากขึ้น แม้ว่าตัวผมเองจะเป็นนักภาวนาหน้าใหม่ ตอนนี้แม้แต่ความสงบยังไม่รู้จักว่าเป็นยังไง แต่ผมโชคดีที่มีกัลญาณมิตร มีพ่อแม่ที่ปฏิบัติธรรม ได้รู้จักพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และได้พบพระอรหันต์ ทำให้ผมมองว่ายังมีอะไรอีกมากที่ประสาทสัมผัสทางกายและความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้าไม่ถึง แต่คนที่เขาปฏิบัติจนรู้เองเห็นเองยืนยันว่าเป็นจริง กระดูกหลวงตาบัวที่กลายเป็นพระธาตุ การเสด็จของพระธาตุที่วัดที่ผมบวช สิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมไม่สามารถปฏิเสธได้ ผมเองก็กำลังฝึกภาวนา พระท่านบอกว่าพอจิตสงบจะรู้เองเห็นเองว่าจิตมีจริงมั้ย วิญญาณมีจริงมั้ย ผี เทวดามีจริงมั้ย เรื่องนามธรรมมันพิสูจน์กันยากครับ ต้องอาศัยการปฏิบัติภาวนา พิสูจน์ด้วยตัวเองนี่ล่ะครับ (แต่ตอนนี้ขี้เกียจ ยังหลงตามกิเลส ชอบความสบายอยู่ - -")
- เรื่องนิมิต เรื่องฌาณ บางครั้งก็เป็นสิ่งที่ไม่จริง เป็นเรื่องกิเลสปรุงแต่งได้ ผมจึงยึดนิมิตของพระอรหันต์เป็นหลัก เนื่องจากท่านพ้นกิเลสแล้ว และย่อมจะไม่โกหก คราวนี้จะดูยังไงว่าใครเป็นพระอรหันต์ ผมก็ดูไม่เป็นหรอก แต่ก็อาศัยว่าหลวงตาบัวท่านรับรองใครก็ถือเอาตามนั้น เพราะหลวงตาบัวเป็นพระอรหันต์ย่อมทราบดี
- ขนาดประวัติพระอรหันต์ก็ยังมีเรื่องราวปาฏิหาริย์ต่างๆ แล้วพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญบารมีมาตั้งมากมายจะธรรมดาได้อย่างไร
- ในเรื่องที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ ผมก็ยินดีด้วย แต่กับบางเรื่องแม้จะพิสูจน์ได้แต่ความน่าเชื่อถือมันน้อยหรือไม่แม่นยำ อย่างเรื่องประวัติศาสตร์ ต้องอาศัยหลักฐาน ได้หลักฐานก็ต้องมาตรวจสอบ มันจะเจอหลักฐานหรือไม่ เครื่องมือคลาดเคลื่อนหรือไม่ ผมจึงไม่ได้คาดหวังเอาความถูกต้องนัก
แต่เมื่อเทียบกับคำพูดของพระอรหันต์ ผมจะยึดถือมากกว่า เพราะนั่นย่อมเป็นคำสัตย์จริง ส่วนตัวเราเองจะตีความผิดหรือไม่นั่นอีกเรื่อง
- สรุป ผมเชื่อหลักความจริงครับ ถ้าเรื่องฌาณของคนทั่วไป ผมมองว่าก็พอๆกับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์นั่นแหละ จะไปยึดเป็นความถูกต้องแน่นอนไม่ได้ มีหลักฐานมาใหม่ก็เปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าฌาณพระอรหันต์ผมว่าผมเชื่อสนิทใจมากกว่าครับ

ปล. อย่าไปคิดว่าศาสนาพุทธไม่ใช่วิทยาศาสตร์นะครับ ศาสนาพุทธสอนให้คนรู้จักคิดพิจารณา และสามารถพิสูจน์ได้ แต่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังตามหลังอยู่ ยังมีหลายอย่างที่หาคำตอบไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าศาสนาพุทธเป็นแค่ความเชื่อที่อาจจริงหรือไม่จริง เหมือนคลื่นวิทยุ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามันมีจริง แต่เราจะมีตัวรับคลื่นเหล่านั้นหรือไม่ต่างหาก