เพื่อการกุศล เปิดกรุ ประมูล ๑-๒ สค.๕๙ ลพ.ศรีทัต/ลป.ดู่/ลพ.วิชัย/ลป.ขาว/ลป.ม่น/คุณแม่ชีประทุม ราคาเริ่มที่๙๙ บ. น.ท้าย

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย rs83, 2 สิงหาคม 2015.

  1. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380
    เปิดประมูล
    ๑๙ ตค. ๕๘


    ๒๐.๐๐-๒๐.๓๐ น.
    ล็อกเก็ตหลวงปู่ปาน
    ฝั่งตะกรุด 9 ดอก
    และ
    สมเด็จปรกโพธิ์สดุ้งกลับ
    เจริญทันใจ 84





    ๒๐.๓๐-๒๑.๐๐ น.
    เหรียญมหาลาภ
    วัดโพธิ์สุทธาวาส ปี๓๐
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำปลุกเสก
    และ
    สมเด็จองค์ปฐม เสาร์ ๕
    เข้าพิธี วัดท่าขนุน และ วัดท่าซุง ๒๕๕๓
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2015
  2. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380
    เปิดประมูล
    ๒๐ ตค. ๕๘

    ๒๐.๐๐-๒๐.๓๐ น.
    พระนางพญาเหล็กไหล
    วัดพระพุทธบาทน้ำทิพย์
    พิธีวัดพุทธโมกข์
    และ
    ตะกรุดพระพุทธเจ้าห้าพระองค์


    ๒๐.๓๐-๒๑.๐๐ น.
    พระพิมพ์พระประทาน
    พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร
    หลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหลำ
    และ
    ล็อกเก็ตเข็มกลัด
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
     
  3. เด็กบางบัว

    เด็กบางบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,028
    ค่าพลัง:
    +3,476
    โอนเข้าบัญชี ธ.ไทยพาณิชย์แล้วครับ 450+50 = 500 บาท วันที่ 14/10/58 เวลา 08.05 น. ที่อยู่แจ้งทาง PM นะครับ :cool:
     
  4. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    รายชื่อจัดส่งวัตถุมงคล
    สำหรับผู้ที่จ่ายเงินครบและจ่ายค่าส่งของครบ​



    [​IMG]
     
  5. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    รอส่งรอบหน้าครับ:cool::cool::cool::cool::cool:
     
  6. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460

    หลวงปู่จันทร์ ขันติโก วัดโฉลกหลำเกาะพะงั้น
    หลวงพ่อจันทร์ ขันติโก

    ต้นตำนานพระสมเด็จ พระผงมวลสาร แห่งแดนใต้
    ที่เป็นหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใคร!

    ประวัติหลวงพ่อจันทร์ ขันติโก

    หลวงพ่อมีนามเดิมว่า จันทร์ นามสกุล จันทร์อินทร์ เกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน 10 ปีชวด ประมาณ 2443
    โยมบิดาของท่านชื่อ นายครบ โยมมารดาชื่อ นางทองดี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 6 คน คือ หลวงพ่อจันทร์, นางจอน, นายเกลื้อม, นางเคล้า, นางนวล, นางพัฒน์ จันทร์อินทร์ และน้องสาวต่างมารดา 1 คน คือ นางกระจ่าง พรหมรักษ์
    หลวงพ่อจันทร์เกิด ณ. บ้านมะเดื่อหวาน ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

    คลอดเอาเท้าออก
    เมื่อหลวงพ่อจันทร์คลอดนั้น กล่าวกันว่าท่านเอาเท้าออกก่อน ด้วยผู้คนสมัยนั้นเชื่อสืบต่อกันมาว่า เมื่อใครเกิดก้างปลาติดคอ หากกลืนกล้วย กลืนข้าวปั้นเป็นก้อนแล้ว ก้างปลายังไม่หลุด ก็ให้ไปหาคนที่เวลาคลอดเอาเท้าออกก่อน แล้วให้คนผู้นั้นเอาหัวแม่เท้าจุ่มน้ำ เอาน้ำนั้นให้กิน ก้างปลาจักหลุดแล
    ดังนั้น เมื่อคนละแวกบ้านมะเดื่อหวานมีปัญหา ก้างปลาติดคอ หลังจากหมดทางแก้แล้วก็มักมาหาหลวงพ่อจันทร์ ผู้เป็นดั่งเสมือนที่พึ่งสุดท้าย เพื่อขอให้ท่านเอาหัวแม่เท้าจุ่มน้ำ สำหรับใช้ดื่มแก้ก้างปลาติดคออยู่เสมอ หลวงปู่จันทร์ จึงเป็นผู้ช่วยปลดเปลื้องทุกข์บางประการของชาวบ้านในยุคที่วิทยาการทางแพทย์มีเพียงแค่ระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
    แม้หลวงพ่อจันทร์มรณภาพแล้ว หลายคนยังนิยมเอาเหรียญของท่านมาแช่น้ำทำเป็นน้ำมนต์ดื่มแก้อาการก้างติดคอกันอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็ได้เห็นผลกันมาแล้วมากราย
    ศิษย์หลวงพ่อเพชร วชิโร
    ราวปี พ.ศ. 2456 เมื่ออายุประมาณ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดมะเดื่อหวาน โดยมี หลวงพ่อเพชร วชิโร (พระครูวิบูลย์ธรรมสาร) เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชแล้วสามเณรจันทร์ก็ติดตามไปอยู่รับใช้และเล่าเรียนอักขระวิธี กรรมฐานวิปัสสนา กับหลวงพ่อเพชรที่วัดเขาน้อย
    การได้ศึกษาฝึกฝนกับหลวงพ่อเพชรซึ่งเป็นพระที่เคร่งครัดเชี่ยวชาญชำนาญการสอนวิปัสสนากรรมฐาน นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่เสมือนเป็นการช่วยสร้างพื้นฐานอันแน่นหนาในเรื่องเอกัคตาจิต ให้ท่านตั้งแต่วัยเยาว์ รวมตลอดทั้งเคล็ดวิธีอุปเท่ห์ในทางเวทวิทยาคมบางประการด้วย เมื่อมีพื้นฐานที่แน่นหนา มั่นคง เหมาะสม ก็ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้เติบโต เจริญก้าวหน้าได้ดียิ่งในอนาคต
    สามเณรจันทร์ได้อยู่ศึกษาปฏิบัติ ปลูกสร้างพื้นฐานกับหลวงพ่อเพชร สุดยอดพระเถราจารย์ของเกาะพะงันเป็นเวลากว่า 2 พรรษาแล้วก็ลาสิกขาออกไปเผชิญโลกต่อไป
    ครั้นอายุครบอุปสมบทท่านได้บวชเป็นพระภิกษุ ตามประเพณีของลูกผู้ชายชาวไทย ณ วัดใหม่ (วัดศรีทวีป) อดีตเจ้าคณะอำเภอเกาะสมุยรูปที่สาม เป็นพระอุปัชฌาย์บวชอยู่ 2-3 พรรษาก็สละเพศบรรพชิต ลาสิกขา แล้วท่านก็มีครอบครัว ภรรยาของท่านชื่อ นางหีดนุ้ย เป็นชาวใต้ เกาะพะงัน มีบุตรธิดาด้วยกัน 2 คนคือ
    1. นายเจน จันทร์อินทร์
    2. นางเจิม ชำนาญกิจ
    ครอบครัวของท่านตั้งอยู่ที่ บ้านบ่อผุด เกาะสมุย หลังจากภรรยาของท่านถึงแก่กรรม ท่านก็เกิดเบื่อหน่ายฆราวาสวิสัย ตระหนักในไตรลักษณ์ที่ว่า
    “สรรพสิ่งล้วน เปลี่ยนแปร ไม่แท้เที่ยง
    ทุกสิ่งเพียง ของสมมุติ อย่ายึดมั่น
    มิใช่ตัว ใช่ตนจริง ทุกสิ่งนั้น
    ล้วนแปลงผัน ล้วนทุกข์ท้น มิทนทาน”
    ประมาณ พ.ศ.2489 ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งหนึ่งด้วยเจตจำนงแน่วแน่ที่จะยึดถือเป็นตัวตาย ตั้งใจที่จะให้ได้มีผ้าเหลืองห่อหุ้มศพ เป็นการบวชตลอดชีวิตที่จะไม่ลาสิกขาออกมาอีก
    ครั้งนี้หลวงพ่อจันทร์ อุปสมบทที่วัดสำเร็จ เกาะสมุยโดยมี พระครูทีปาจารคุณารักษ์ (มี อินทสุวัณโณ) อดีตเจ้าคณะอำเภอเกาะสมุย รูปที่ 4 เป็นพระอุปัชฌาย์ มีฉายาว่า “ขันติโก”
    เมื่อหลวงพ่อจันทร์บวชแล้ว ได้มาอยู่ปฎิบัติธรรมที่บ้านโฉลกหลำ สถานที่ที่ท่านพำนักเป็นเพียงที่พักสงฆ์ เรียกว่า ที่พักสงฆ์เจริญสุข ซึ่งมีเพียงศาลาหลังเล็กๆ สำหรับที่พระภิกษุพักอาศัย
    ครั้นประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 25 บ้านโฉลกหลำ ได้กลายเป็นท่าเรือประมง ที่บรรดาเรือประมงซึ่งจับปลาอยู่บริเวณใกล้เคียงมักมาขายส่งปลาให้แก่เรือรับซื้อที่เรียกว่า เรือห้องเย็น รวมทั้งอาศัยเป็นที่กำบังลมพักผ่อนและเติมเสบียงในช่วงฤดูที่มิใช่หน้าลมว่าว ครั้นถึงยามฤดูลมว่าวประมาณระหว่างเดือน (จันทรคติ) 12 ถึงเดือน 2 อ่าวโฉลกหลำเป็นจุดรับลมว่าว ภายในอ่าวมีคลื่นลมแรง เหล่าเรือประมงจะต้องใช้อ่าวแห่งอื่น เช่น อ่าวน้ำตกธารเสด็จ เป็นท่าเรือ
    ด้วยความเป็นท่าเรือดังกล่าว ทำให้โฉลกหลำเป็นแหล่งที่มีเงินสะพัด เป็นแหล่งงาน เป็นที่แสวงโชค เป็นแหล่งธุรกิจที่สำคัญของเกาะพะงันในขณะนั้น ก่อนที่เกาะพะงันกลายเป็นแหล่งที่ท่องเที่ยวในปัจจุบันนี้
    เมื่อหลวงพ่อจันทร์ มาพำนักอยู่ยังที่พักสงฆ์เจริญสุขแล้ว ท่านได้ก่อสร้างเสนาสนะต่างๆ รวมทั้งอุโบสถ กระทั่งทำที่พักสงฆ์ได้กลายเป็นวัดตามกฎหมาย โดยมีประกาศตั้งวัดเมื่อ วันที่ 14 กันยายน พ.ศ.2519 เรียกว่า สำนักสงฆ์โฉลกหลำ เมื่อได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2520 จึงเป็นสภาพเป็นวัดโดยบริบูรณ์ และใช้ชื่อว่า ”วัด” ได้ตามกฎหมายแล้วทางวัดก็ได้จัดงานผูกพัทธสีมาในปี พ.ศ. 2522 หลวงพ่อจันทร์ ขันติโก จึงเป็นพลังสำคัญในการสร้างวัดและเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดโหลกหลำ
    สร้างเมรุ
    หลวงพ่อจันทร์ ขันติโก ยังได้ชักชวนชาวบ้าน ภายใต้ความสนับสนุนร่วมแรงแข็งขันของท่านกำนันวุฒิ ชมอินทร์ อดีตกำนันดีเด่นของตำบลเกาะพะงัน คนดีที่โลกไม่เคยลืม ได้ช่วยกันสร้างเมรุในวัดโฉลกหลำ
    นับเป็นเมรุเผาศพแบบใหม่เป็นแห่งแรกของอำเภอเกาะพะงัน เพราะขณะนั้นวัดอื่นๆ ยังใช้เมรุแบบเก่าที่ตั้งโลงบนฐานปูน ตะแกรงเหล็ก ไม่มีอะไรปกปิด แล้วสุมเพลิงข้างล่างแบบที่ฝรั่งนักท่องเที่ยวเรียกแบบล้อเลียนว่า ที่กระทำบาบีคิว หรือ ที่ปิ้งบาบีคิว
    ขันติโก
    นายโชติ เมืองทอง เล่าว่าหลวงพ่อจันทร์ เป็นพระที่มีนิสัยใจคอเยือกเย็น ดีก็ไม่พูด ร้ายก็ไม่พูด แม้ใครนินทา ติเตียนก็ไม่พูด ไม่โต้ตอบ ใจคอท่านหนักแน่นมีขันติ มีความอดกลั้นต่อสิ่งที่ไม่ชอบใจ นับว่าหลวงพ่อจันทร์เป็นผู้ที่มีความอดกลั้น อดทนสมกับฉายาของท่าน
    หลงบ้าน
    ในงานวันขึ้นปีใหม่ ครั้งหนึ่งชาวบ้านโฉลกหลำจำนวนมากได้เข้าไปทำบุญปีใหม่ในวัดโฉลกหลำเพื่อความเป็นสิริมงคล จึงมีการนิมนต์หลวงพ่อจันทร์ มาอวยพรปีใหม่พร้อมทั้งประพรมน้ำพระพุทธมนต์
    นายโชติ เมืองทอง ซึ่งขณะนั้นไม่ค่อยเลื่อมใสนัก เมื่อมีผู้มาชวนไปรับการประพรมน้ำพระพุทธมนต์จากหลวงพ่อจันทร์ จึงได้กล่าวเป็นหมิ่นทำนองว่า “ประพรมน้ำ ถ้ายังไม่พอ ที่บ้านยังมีอีกบ่อ” เนื่องจากตามบ้านเรือนในท้องถิ่นไทยภาคใต้นั้นโดยส่วนมากนักขุดบ่อน้ำไว้สำหรับใช้สอยประจำบ้านแทบทุกหลัง
    คำกล่าวเชิงหมิ่นของนายโชติ มีความหมายว่า หากน้ำพุทธมนต์ที่หลวงพ่อจันทร์ใช้ประพรมอยู่ไม่เป็นการเพียงพอก็ให้ไปเอาน้ำในบ่อที่บ้านของตน ซึ่งอยู่ใกล้วัดมาใช้แทนด้วย มีเจตนาที่จะชี้ให้เห็นว่า น้ำพระพุทธมนต์ของหลวงพ่อจันทร์ ก็เหมือนกับน้ำในบ่อที่บ้านนั้นแหละหามีอะไรแตกต่างกันไม่
    เสร็จพิธีแล้วนายโชติ ก็ยังนั่งเสวนาอยู่ในวัด จนเริ่มมืด ตามบ้านเรือนและภายในวัดต่างเปิดไฟฟ้าสว่างไสว เมื่อเห็นว่าค่ำแล้วนายโชติก็เดินกลับบ้านซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ วัด ห่างจากเขตวัดเพียงประมาณ 50 เมตรเท่านั้น
    แต่ปรากฏว่านายโชติเดินวนเวียนรอบวัดอยู่ 2-3 รอบ ก็ยังหาหนทางที่จะเดินจากวัดไปยังบ้านไม่พบ กระทั่งฝ่ายภรรยาเห็นว่าค่ำมืดมากแล้วยังไม่กลับบ้านก็เลยออกมาตามหา นั้นแหละนายโชติจึงสามารถกลับบ้านได้ถูก
    เหตุการณ์หลงบ้านตนเองครั้งนั้นใครๆ ต่างเข้าใจว่านายโชติ เมาจนกลับบ้านไม่ถูก แต่นายโชติปฎิเสธว่ามิได้เมามายขนาดนั้น และบ้านก็ยังอยู่ติดกับวัดมองกันก็เห็นเพราะตั้งอยู่ในที่โล่ง ไม่มีทัศนียภาพอื่นมาบดบัง อีกทั้งบริเวณใกล้วัดก็มิได้มีบ้านเรือนอยู่หนาแน่นแต่ประการใด กับการได้เคยเดินเข้าออกมาแต่ไหนแต่ไรถึงจะเมาสักขนาดไหนก็ย่อมเดินกลับได้ถูกอยู่ดี ส่วนเหตุที่เป็นดังนั้นคงเนื่องมาจากคำพูดที่นายโชติได้พูดเชิงดูหมิ่นบันดาลให้นายโชตหลงทาง เที่ยวเดินวนเวียนรอบวัด หาทางกลับบ้านไม่ถูก
    นายโชติยืนยันว่าที่หาทางกลับบ้านไม่ถูกในครั้งนั้นมิใช่เพราะความเมาอย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะบางสิ่งบางอย่างลึกลับเชื่อว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของหลวงพ่อจันทร์ กระทำให้ตนต้องสำนึกว่าสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ มีศีล สมาธิและวิทยาคมย่อมกระทำบางสิ่งที่เหนือธรรมชาติ ต่างจากสามัญธรรมดา
    ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นเป็นต้นมานายโชติได้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในอิทธิคุณของหลวงพ่อจันทร์เป็นอันมาก
    ไม่ค่อยจำวัด ในยามเวลากลางคืน
    บรรดาศิษย์ที่เคยอยู่รับใช้หลวงพ่อจันทร์ กล่าวพ้องต้องกันว่าในยามกลางคืนท่านไม่ค่อยจะจำวัด มักใช้เวลาในเพลากลางคืนสำหรับการสวดมนต์ภาวนา ทำสมาธิ กรรมฐาน เขียนผงเรียกสูตรนาม ทำพระ หรือปลุกเสกพระ โดยเฉพาะในคืนที่เป็นวันธรรมสวนะ ท่านมักทำพระ ปลุกเสกพระสมเด็จเสมอๆ
    หลวงพ่อจันทร์มักทำพิธีปลุกเสกพระเพียงลำพัง ท่านจะใช้เวลานั่งบริกรรมปลุกเสกพระเกือบตลอดทั้งคืน และทำการปลุกเสกติดต่อกันหลายราตรี กระทั่งประจักษ์แจ้งว่าเป็นการเพียงพอเพียบพร้อมอิทธิสรรพคุณแล้วจึงจักออกแจกจ่าย
    ด้วยความพิถีพิถันในการประสิทธิอิทธิคุณในองค์พระดังกล่าว จึงยังผลให้ผู้มีพระสมเด็จหลวงพ่อจันทร์บูชา ต่างมั่งมีมากมายหลากหลายประสบการณ์
    สติปัฏฐาน
    เพราะเหตุที่หลวงพ่อจันทร์ได้ใช้เวลากลางคืนปฏิบัติกิจต่างๆ ไม่ค่อยได้พักผ่อน ไม่ค่อยได้จำวัดในเวลากลางคืนเลย ท่านจึงต้องใช้เวลาพักผ่อนในตอนกลางวัน ช่วงบ่ายเป็นประจำ
    แต่น่าแปลกนักที่ว่า ขณะที่ท่านกำลังจำวัดอยู่นั้นเมื่อพระบวชใหม่รูปใดซึ่งมักชอบท่องจำบทสวดเสียงดังอยู่ในกุฏิใกล้ๆ กันนั้น เกิดออกเสียงอักขระในบทสวดมนต์ผิดพลาดคลาดเคลื่อนแม้เพียงตัวเดียว หลวงพ่อจันทร์ก็จะร้องทักเสียงที่ผิดอักขระทันที ทั้งๆ ที่ท่านกำลังจำวัดอยู่
    จึงเป็นที่เชื่อกันว่าหลวงพ่อจันทร์ คงปฏิบัติแนวสติปัฏฐานด้วย ดังนั้น แม้ยามนอนหลับขณะกำลังจำวัดอยู่ ก็ยังมีสติกำกับ ยังได้ยิน สามารถรับรู้อยู่ตลอดเวลา
    ศึกษาตำราหลวงพ่อเพชร
    มีตำราเป็นสมุดโบราณเล่มหนึ่งซึ่งบันทึกเรื่องราวเวทวิทยาคม มนตราอักขระเลขยันต์ พิธีอุปเท่ห์ต่างๆ ที่สืบทอดกันมาแต่บรรพกาล เป็นตำราของเก่าที่ หลวงพ่อเพชร วชิโร อดีตเจ้าคณะอำเภอเกาะสมุย รูปที่สอง พระเถราจารย์ที่ชาวประชานับถือกันว่าเป็น พระสงฆ์ระดับเหนือโลก องค์หนึ่งของสุราษฎร์ธานี
    หลวงพ่อจันทร์ได้เคยนำมาศึกษาฝึกฝนทดลองปฏิบัติในครั้งที่หลวงพ่อเพชรยังอยู่ในวัยหนุ่ม ตำราเล่มนี้มีชื่อเรียกขานในหมู่ลูกศิษย์ว่า ” ตำรา ตาขาว ” ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งตามนามของท่านผู้เป็นเจ้าของเดิม ด้วยเหตุที่ ตาขาว
    ผู้เป็นเจ้าของเดิมของตำราพระเวทเล่มนี้ มีศักดิ์ (ตามความเกี่ยวเนื่องทางสายเลือด) เป็นปู่ของหลวงพ่อจันทร์ ดังนั้นหลังจากหลวงพ่อเพชรมรณภาพแล้ว ตำราดังกล่าวจึงตกทอดสู่หลวงพ่อจันทร์ ท่านจึงได้รับตำราศักดิ์สิทธิ์ไว้เป็นคู่มือปฏิบัติ ประกอบกับหลวงพ่อจันทร์เคยมีพื้นฐานที่แน่นหนามั่นคงในทางเอกัคตาจิต ตั้งแต่ที่เคยบวชเป็นสามเณร เคยฝึกฝนปฏิบัติอยู่กับหลวงพ่อเพชร ครั้นมีตำราคู่มือปฏิบัติที่พร้อมสรรพ จึงทำให้ท่านสามารถบรรลุสัมฤทธิ์ผลได้ แม้จะเป็นการศึกษาด้วยตนเอง
    หนังเหนียว
    นายสามารถ เรืองโรจน์ เคยเห็นหลวงพ่อจันทร์ นั่งลับมีดโกนตราตุ๊กตาคู่ ซึ่งเป็นมีดโกนที่ผู้ใช้ต่างเชื่อถือในคุณภาพ ความคมกริบ เพื่อไว้สำหรับปลงเกศาในวันโกน หลวงพ่อจันทร์นั่งลับมีดโกนอยู่ครู่ใหญ่จนคมกริบดีแล้ว ท่านได้ใช้มีดโกนเล่มนั้นกรีดแขนของท่านอย่างแรง นายสามารถเห็นแล้วตกใจ คิดว่าเลือดคงไหลโกรกเป็นแผลเหวอะหวะ และงุนงงว่าอยู่ดี ๆไยท่านถึงได้ทำร้ายตัวเองเช่นนั้น
    แต่ปรากฏว่าคมมีดโกนมิอาจทำอันตรายใดๆ ให้แก่ผิวหนังของท่านได้ แม้ท่านจักได้กรีดซ้ำหลายหนก็ตาม
    อีกครั้งหนึ่ง นายชา ชมจันทร์ อาสาลับมีดโกนให้หลวงพ่อจันทร์ ได้นั่งลับมีดอยู่เป็นเวลานานกระทั่งเห็นว่าคมดีแล้วก็ยื่นมีดถวายท่านพร้อมกับพูดทำนองว่า ”มีดคมขนาดนี้ รับรองปลงผม 2-3 หัว ใช้เวลาไม่กี่นาที”
    หลวงพ่อจันทร์ รับมีดโกนมามองดูแล้วกล่าวว่า ”คมยังไง” พร้อมกับใช้มีดโกนนั้นกรีดแขนของท่านอย่างแรง แทนที่เลือดจะไหลทะลัก ผิวหนังเป็นแผลตามรอยมีดกรีดดั่งสามัญวิสัยตามปกติกลับไม่ เป็นว่าไม่ระคายผิวท่านเลย
    นายชาเห็นดังนั้นแล้วถึงร้องไห้โฮ บ่นว่า อุตสาห์นั่งลับอยู่ตั้งนานนึกว่าจะคม ที่ไหนได้กลับเชือดเนื้อเถือหนังหลวงพ่อจันทร์ก็ไม่เข้า
    เขียนผง
    เดิมทีเดียวหลวงพ่อจันทร์เขียนผงลบผงเก็บไว้สำหรับผสมแป้งหอมทาตัว เมื่อผู้ใช้หลายคนได้ประจักษ์ถึงสรรพคุณในทางเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม มีประสบการณ์บ่อยๆ เข้า ผู้ศรัทธาเลยขอให้ท่านทำเป็นพระ เมื่อผู้ศรัทธารบเร้าเรียกร้องมากๆ เข้าในที่สุดหลวงพ่อจันทร์ก็ได้ตอบสนองคำร้องขอของผู้ศรัทธา จึงทำพระรูปสี่เหลี่ยมอย่างที่นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า พระสมเด็จ ออกมา โดยพระรุ่นแรกของท่านสร้างออกมาประมาณหลังจาก พ.ศ. 2510
    อนึ่ง หลวงพ่อจบ เรืองโรจน์ เคยบอกว่า หลวงพ่อจันทร์เป็นผู้มีความสามารถชำนาญใน การทำยันต์เต่าเรือน มาก โดยได้ศึกษาเคล็ดวิธีจากตำราตาขาวฉบับที่หลวงพ่อเพชร วชิโร เคยศึกษา
    นายสามารถ เรืองโรจน์ สมัยเมื่อเป็นนักเรียนชั้นประถมและเป็นเด็กวัดด้วย เคยแอบดูหลวงพ่อจันทร์ทำผงพระในกุฏิเวลากลางคืน เห็นท่านขึงผ้าขาวไว้ผืนหนึ่งที่หน้าโต๊ะบูชา ความสูงของผ้าอยู่ระดับศีรษะ (เวลานั่ง) แล้วท่านก็ก้มลงเขียนอักขระในกระดานชนวนที่วางอยู่ด้านล่างของผ้าขาว
    แท่งดินสอที่ใช้เขียนในอักขระเป็นแท่งผงปั้นที่ท่านได้จัดทำขึ้นเอง เขียนไปบริกรรมไปจนหมดแท่งผง แล้วท่านก็ลุกขึ้นทำการกวาดผงจากข้างบนผ้าขาวที่ขึงไว้ด้านบน
    นายสามารถยืนยันว่า ไม่เคยเห็นท่านกวาดผงจากกระดานชนวน เพราะผงได้ลอยขึ้นไปอยู่ทางด้านบนของผ้าขาวที่ขึงไว้ข้างบนซึ่งไม่ทราบว่าลอยขึ้นไปได้อย่างไรกัน
    นับว่าหลวงพ่อจันทร์มีกรรมวิธีทำผงที่แปลกกว่าใคร เพราะโดยส่วนมากพระคณาจารย์ต่างๆ มักใช้ผงพระจากกระดานชนวน หรือที่ทะลุลงใต้กระดานชนวน แต่หลวงพ่อจันทร์กลับใช้ผงที่ลอยทะลุผ้าขึ้นไปอยู่บนด้านบนของผ้าที่ขึงไว้เหนือศีรษะอีกทีหนึ่ง เป็นเรื่องอัศจรรย์มาก
    พระสมเด็จ
    พระสมเด็จหลวงพ่อจันทร์ได้สร้างออกมาเป็นระยะตลอดชีวิตของท่าน การจำแนกระหว่างรุ่นแรกกับรุ่นหลังๆ มักดูกันที่เนื้อหา ความอ่อน-แก่ของปูน คือพระรุ่นหลังๆ จะมีความแก่ปูนมากกว่ารุ่นแรกๆ วรรณะของพระยุคแรกมักมีสีน้ำตาลหรือเหลืองอ่อน หนึกนุ่มกว่า กับทั้งมีร่องรอยของผงถ้วยนรสิงห์บดผสมอยู่ด้วย
    แต่โดยส่วนมากแล้ว นักเล่นหามักไม่ค่อยจำแนกรุ่น เพราะถือว่าเจตนาในการสร้างของหลวงพ่อ ก็มิได้ตั้งเกณฑ์กำหนดรุ่นไว้ และถือว่าพระยุคแรกหรือยุคหลังมีความแตกต่างกันนิดหน่อยของเนื้อหาขององค์พระเท่านั้น ส่วนสรรพคุณอิทธิคุณนั้นมิได้แตกต่างกันแต่อย่างใด
    วิธีการสร้างพระผงของหลวงพ่อจันทร์
    ท่านจะทำออกมาเรื่อยๆ คือเมื่อท่านเขียน ผงนอโม ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ฯลฯ ได้จำนวนพอสมควรแล้วก็เอามาผสมกับมวลสารอื่นๆ เช่น เกสรดอกไม้ ผงถ้วยนรสิงห์บดละเอียด แร่เหล็กไหลเกาะพะงัน ที่ตกทอดมาจากหลวงพ่อเพชร (เฉพาะยุคแรกเท่านั้น) ข้าวก้นบาตร กล้วยหอม ฯลฯ แล้วตำให้อยู่ในตัวครกเล็กโดยส่วนมาก
    โดยเฉพาะในยุดแรกๆ หลวงพ่อจะเป็นผู้ดำเนินการด้วยตัวท่านเองหมดทุกขั้นตอน ทั้งการผสม การตำ การกดพิมพ์ ภายหลังมีพระเณรมาช่วยตำ ช่วยกดพิมพ์บ้าง แต่ก็อยู่ภายใต้การดูแลควบคุมอย่างใกล้ชิดของท่าน
    ด้วยเหตุนี้ ยุคสมัยอ่าวโหลกหลำมีสถานภาพเป็นท่าเรือประมงสำคัญแห่งหนึ่งในภาคใต้ฝั่งตะวันออก เรียกประมงจากจังหวัดต่างๆ ได้แวะเวียนอาศัยพักหลบลม จำหน่ายปลา พักผ่อนและเติมเสบียงอยู่เสมอ พวกเรือประมง (ยุคนั้น) โดยมากเป็นคนในแถบที่ชาวเกาะเรียกว่า “พวกเมืองใน” คือพวกชาวไทยที่พูดสำเนียงภาคกลางในจังหวัดชายทะเลละแวกปริมณฑลของกรุงเทพ ฯ เช่น สมุทรปราการ สมุทรสาคร และ ”พวกวันอ๋อ” หรือ พวกตะวันออก เช่น ระยอง จันทบุรี รวมทั้งที่มาจากเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กับปากน้ำหลังสวนชุมพร จึงทำให้พระสมเด็จหลวงพ่อจันทร์จำนวนมากได้รับการแจกจ่ายไปอยู่ตามจังหวัดชายทะเลเหล่านั้น
    พระสมเด็จของหลวงพ่อจันทร์ ปรากฏอิทธิคุณในด้านต่างๆ ทั้ง คงกระพัน มหาอุตม์ เมตตา มหาเสน่ห์ ฯลฯ แต่ที่โด่งดังเป็นอันมากก็คือ เรื่องมหาเสน่ห์ แต่ ณ ที่นี้ จะของดเว้นกล่าวถึงในส่วนรายละเอียด เพราะเกรงว่าอาจมีผลข้างเคียงในทางที่กลายเป็นการชี้โพรงให้กระรอก เพราะการบันทึกเรื่องราวไว้เป็นลายลักษณ์อักษรสิ่งตีพิมพ์นั้น เป็นสิ่งที่ควรอยู่ถาวร ทั้งสามารถแพร่หลายไปได้โดยกว้าง มิอาจจำกัด ควบคุม จำแนกรับรู้ข่าวสารได้ ไม่ได้มีข้อจำกัดเหมือนการเล่าด้วยวาจา ที่อาจเลือกเฟ้นผู้รับมีวงจำกัดในการเผยแพร่ และคงอยู่แต่ในเพียงความทรงจำ
    อีกทั้งการนำอิทธิคุณ ความศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์ของวัตถุบูชาแทนพระรัตนตรัย ไปใช้ในการเสริมสนองขุนเลี้ยงตัณหา โลภะ โทสะ โมหะ และการกระทำข่มเหงกดขี่ บีบบังคับ เอารัดเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ ย่อมมิใช่เจตนารมณ์ของการเกิดแห่งวัตถุบูชา และมิใช่วัตถุประสงค์ของท่านผู้สร้าง ผู้เสกวัตถุบูชา เหล่านั้น อิทธิคุณความศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์ของวัตถุบูชาแทนพระรัตนตรัยควรมีไว้สำหรับเพื่อการป้องกัน ปกป้องให้รอดปลอดพ้นจากทุจริตมิจฉากรรม จำกัดกรรมที่มิควรประสงค์มิให้บังเกิดหรือเสริมสนองเอื้ออำนวยกิจอันควรแก่การณ์เท่านั้น
    ด้วยข้อจำกัดของการสื่อสารที่มิอาจเฟ้นผู้รับการสื่อสารได้ เพื่อมิให้เกิดผลข้างเคียงในทางลบ แม้พระสมเด็จของหลวงพ่อจันทร์จักมีประสบการณ์มากมายในทางนี้ ก็ต้องกราบขออภัยที่จำเป็นต้องงดเว้นการกล่าวถึงวิธีการรายละเอียดแห่งการปรากฏผลด้านมหาเสน่ห์ของสมเด็จหลวงพ่อจันทร์ไว้ ณ ที่นี้
    อนึ่ง หลวงพ่อจันทร์ ได้มีข้อห้ามประการสำคัญข้อหนึ่ง สำหรับผู้ใช้บูชาพระสมเด็จของท่านนั่นคือ
    ห้ามอมพระ (ห้ามเอาพระใส่ปากอม) โดยเด็ดขาด
    เพราะจะทำให้เกิดเสน่ห์ธิคุณจนไม่อาจประมาณได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2015
  7. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    หลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหลำ เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี
    สุดยอดพระ"เมตตามหานิยมมหาเสน่ห์"อันดับหนึ่งของภาคใต้

    ต้นตำนาน พระผงมวลสารแดนใต้ พระเนื้อผงมหาเสน่ห์
    ที่เป็นหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใคร พุทธคุณบอกได้คำเดียวครับว่า
    “สุดยอด” มิเช่นนั้นคงไม่ได้ฉายา ขุนแผนแดนใต้ มาครองหรอกครับ

    พระพิมพ์ต่างๆของหลวงพ่อจันทร์ ปรากฏอิทธิคุณในด้านต่างๆ ทั้ง
    คงกระพัน มหาอุตม์ เมตตา ค้าขาย มหาเสน่ห์ ฯลฯ
    แต่ที่โด่งดังเป็นอันมากก็คือ เรื่อง เมตตา มหาเสน่ห์

    สร้างจากเนื้อผงวิเศษ โดยหลักคือผงอิทธิเจ อันมีคุณเด่น ทางเมตตา มหานิยม
    พระพุทธคุณเทียบเท่าพระหลักล้าน อย่างเช่น หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ฯลฯ
    ท่านสร้างจากปูนเปลือกหอย ผสมน้ำมันมะพร้าว มีเม็ดแร่ มวลสาร ว่านต่างๆ
    ตามตำราของท่าน ถูกจัดให้เป็นพระขุนแผนเมืองใต้มาช้านาน
    เป็นพระที่น่าบูชาติดตัวมาก ใช้แล้วได้ผลดีมากๆ
    สมัยก่อนเขาจะขูดผงจากองค์พระไปให้สาวๆกินแล้ว
    เห็นผลทันตาเลยครับ แต่กระนั้นแล้วฝ่ายชายไม่รับผิดชอบ
    ข่าวนี้ทราบถึงหลวงปู่จันทร์ ท่านเลยได้สาบแช่งไว้ว่า
    ใครทำแบบนี้แล้วไม่รับผิดชอบ ก็ให้มีเคราะห์ร้าย หรือมีอันเป็นไป

    พระพิมพ์ขุนแผนห้าเหลี่ยมเนื้อผงน้ำมัน นับเป็นพระเครื่องพิมพ์ที่สร้างชื่อให้ท่าน
    จนพระเครื่องพิมพ์นี้ของท่านได้ ฉายาว่า ขุนแผนแดนใต้
    ซึ่งพระพิมพ์นี้จะเน้นไปทาง เสน่ห์เจ้าชู้ ถึงขนาดที่หลวงปู่จันทร์ .
    ท่านต้องสั่งห้ามนำพระของท่านยุคนี้อมใส่ในปาก
    พระพิมพ์ขุนแผนในยุคของท่าน ท่านได้สร้างเอาไว้แค่พิมพ์เดียวเท่านั้น
    และมีจำนวนน้อยมาก เพราะท่านว่า พระพิมพ์นี้พุทธคุณด้านเสน่ห์มาก
    ถึงขนาดแค่พกโดยไม่ต้องอมพระก็นับเมียไม่ถูกแล้ว ท่านจึงสร้างแค่ครั้งเดียว
    และมีจำนวนน้อย (เพราะหลวงปู่จันทร์ เป็นผู้กดพระพิมพ์นี้เองทุกองค์)

    นอกจากนี้ท่านยังสำเร็จ ยันต์เต่าเรือน จนถึงขนาด เสกจนมีชีวิตได้
    พุทธคุณของผงยันต์เต่าเรือน สามารถใช้ได้ถึงขนาดทำให้ ผู้คนหลงใหล
    จนโงหัวไม่ขึ้น และหลวงพ่อจันทร์ ท่านยังสำเร็จ นะเมตตา ร้อยแปดประการอีกด้วย
    พูดถึงผงยันต์เต่าเรือนยังให้อิทธิคุณดีทางด้านสูญความ และแก้เหตุร้ายต่างๆ ให้กลับไปเป็นในทางดีอยู่เสมอ
    ใครมีคดีความ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้ผิดจริง ก็มักจะชนะคดีความอยู่เสมอ


    หลวงปู่จันทร์ ได้มีข้อห้ามประการสำคัญข้อหนึ่ง สำหรับผู้ใช้บูชาพระของท่านนั่นคือ
    ห้ามอมพระ (ห้ามเอาพระใส่ปากอม) โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดเสน่ห์ธิคุณจนไม่อาจประมาณได้

    ปัจจุบัน พระเนื้อผงของท่าน เป็นที่ต้องการอย่างมาก ในเกาะพงัน เกาะสมุย ตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียง
     
  8. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    พระเนื้อผงมหาเสน่ห์ หลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหลำ เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี สุดยอดพระ"เมตตามหานิยมมหาเสน่ห์"อันดับหนึ่งของภาคใต้และของเมืองไทย พุทธคุณเทียบเท่าพระหลักล้าน อย่างเช่น หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ฯลฯ ยุคแรกสร้างประมาณ พ.ศ ๒๔๘๙ เรื่อยมา ท่านสร้างจากปูนเปลือกหอย ผสมน้ำมันมะพร้าว มีเม็ดแร่ มวลสาร ว่านต่างๆ ตามตำราของท่าน ถูกจัดให้เป็นพระขุนแผนเมืองใต้มาช้านาน เป็นพระที่น่าบูชาติดตัวมาก ใช้แล้วได้ผลดีมากๆ สมัยก่อนเขาจะขูดผงจากองค์พระไปให้สาวๆกินแล้ว เห็นผลทันตาเลยครับ แต่กระนั้นแล้วฝ่ายชายไม่รับผิดชอบ ข่าวนี้ทราบถึงหลวงปู่จันทร์ ท่านเลยได้สาบแช่งไว้ว่า ใครทำแบบนี้แล้วไม่รับผิดชอบ ก็ให้มีเคราะห์ร้าย หรือมีอันเป็นไป

    หลวง พ่อจันทร์ วัดโฉลกหลำ แห่งเกาะพงัน จ.สุราษฏร์ธานี ท่านเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ ผู้สืบทอดพุทธาคมจาก หลวงพ่อเพชร วชิโร ปรมาจารย์ เจ้าของเหรียญหลักแห่งแดนใต้ โดยท่านได้ดำเนินการจัดสร้าง พระพิมพ์สมเด็จ ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.๒๔๘๘ โดยประมาณ โดยท่านทำการลบผง นอโม ผงปถมัง ผงอิธิเจ และผงยันต์พญาเต่าเรือน ตลอดจน ว่านเกสร ๑๐๘ ชนิดมาทำการผสมในเนื้อพระชุดดังกล่าว จึงทำให้เนื้อหาพระชุดนี้ เมื่อกดเป็นองค์พระแล้ว จะมีลักษณะ ฟูๆหลวมๆ เนื้อหา จัดจ้าน ลึกซึ้ง จริงๆ อีกทั้งท่านยังทำการ ปลุกเสกเดี่ยวจนได้ที่ และมั่นใจว่าเต็มที่แล้ว ถึงได้เริ่มแจกให้ลูกศิษย์ลูกหา ท่านได้บูชาติดตัว สำหรับประสบการณ์บอกเล่าจากคนในพื้นที่ ได้กล่าวถึงพระพิมพ์สมเด็จของ หลวงพ่อจันทร์ว่าเด่นทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเสน่ห์ เมตตา มหานิยม แคล้วคลาด โชคลาภ ค้าขาย คงกระพัน เพราะท่านมั่นใจในพระที่ท่านสร้าง และปลุกเสกทุกองค์

    หลวงพ่อจันทร์ ท่านมีความสามารถและชำนาญในการทำ "ยันต์เต่าเลือน" มาก โดยศึกษามาจากหลวงพ่อเพชร สุดยอดเกจิของเกาะพงัน พระสมเด็จและพระเนื้อผงของท่าน กรรมวิธีการสร้างค่อนข้างเหลือเชื่อครับ ตามคำบอกเล่าถึงกรรมวิธีการลบผง ท่านจะทำผงพระในกุฎิเวลากลางคืน ท่านจะขึงผ้าขาวไว้ผืนหนึ่ง ที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ความสูงของผ้าอยู่ในระดับเหนือศรีษะ (เวลานั่ง) แล้วท่านก็ก้มลงเขียนอักขระ บนกระดานชนวนที่วางอยู่ด้านล่าง แท่งดินสอที่ใช้เขียนอักขระ เป็นแท่งผงปั้น ที่ท่านได้จัดทำขึ้นเอง โดยหลักคือผงอิทธิเจ อันมีคุณเด่น ทางเมตตา มหานิยม เขียนไปบริกรรมไปจนหมดแท่งผง แล้วท่านก็ลุกขึ้น ทำการกวาดเอาผง จากข้างบนผ้าขาวที่ขึงไว้ด้านบน นำมาเป็น เนื้อผงผสมเป็น พระสมเด็จหรือพระเครื่องพิมพ์ต่างๆของท่าน

    ส่วนพระปิดตาพิมพ์หลังแบบองค์นี้ลองสังเกตุดูเนื้อหามวลสาร ในองค์พระนะครับว่า มีความนุ่มฟู มีเม็ดดำ เม็ดแดง ครบถ้วนตามมาตรฐานพระเครื่องของท่านครับ
     
  9. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ลวง ปู่จันทร์ วัดโฉลกหล่ำ ท่านสร้างพระเองที่วัดบนเกาะพงัน หลุดพ้นไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก ท่านสร้างพระพิมพ์ต่างๆไว้มากมาย ที่พบมากที่สุดคือพระสมเด็จพิมพ์ต่างๆ ส่วนพิมพ์อื่นๆ ท่านก็สร้างไว้เช่นกันแต่มีจำนวนน้อยกว่า ยิ่งถ้าแยกย่อยๆ ลงไปจะเห็นว่าหาดูได้ยากพอสมควร
    อย่างพระพิมพ์นี้เป็นพิมพ์สมเด็จสามชั้น เส้นซุ้มคู่ นับเป็นพิมพ์เอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร พิมพ์หนึ่งของท่าน ความสูง ๔ ซ.ม.เศษ ประมาณสมเด็จทั่วไป พูดถึงขนาดกำลังพอเหมาะ น่าแขวน สำหรับชายชาตรี ส่วนเนื้อหาองค์นี้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ขาวนวล ฟูๆ มีมวลสารครบถ้วนและน่าจะเข้าน้ำมันมะพร้าวตายพรายเพิ่มความขลังยิ่งขึ้น ที่มาดีส่งตรงมาจากปักษ์ใต้ครับ

    หลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหล่ำ ท่านมีความสามารถและชำนาญในการทำ "ยันต์เต่าเลือน" มาก
    "พญา เต่าเลือน" เป็นเครื่องรางแห่งโชคลาภ คนไทยนิยมนับถือสัตว์หลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์สมัยเมื่อเป็นพระ โพธิสัตว์เสวยชาติต่าง ๆ ดังนั้นพญาเต่าเลือนจึงมาเป็นเครื่องรางอีกชนิดหนึ่งที่นิยมของคนไทย
    การ ทำยันต์เต่าเลือนนั้น พระอาจารย์จะใช้การลบผงยันต์เต่าเรือน โดยชักยันต์คำว่า"นา สัง สิ โม" อันเป็นหัวใจเต่าเรือนแล้วลบเอาผงมาใช้ในการปั้นรูปเต่า โดยผูกเป็นยันต์รูปเต่ามีหัวมีหางบรรจุอักขระจากหัวว่า "นา" แล้วมาทางไหล่ว่า "สัง" และมาตรงปลายกระดองหลังว่า "สิ" ส่วนหางเรียกว่า "โม" รวมเป็นสี่คำ บางท่านก็ผูกยันต์เป็นกระดองด้วยลวดลายเป็นตาตารางแล้วบรรจุด้วยหัวใจเต่า เรือนที่คำสลับไปมาเรียกว่า เดินหน้าถอยหลัง แล้วปลุกเสกกำกับเอาติดตัวไปไหนมาไหนไม่ต้องกลัวอันตราย จะทำการค้าใช้ได้ผลดี
    ดีทางเมตตามหานิยม โชคลาภ เงินทองไม่ขาดมือ น่าใช้จริงๆ

    เรื่อง ราวของหลวงปู่จันทร์ ท่านหาได้มากมาย พระของท่านก็มีนำเสนอไว้เป็นจำนวนมาก ผมเองก็เช่ามาไม่น้อยกว่าห้าองค์ แต่ไม่เคยได้ของแท้เลยสักองค์เดียว
    จน มาได้องค์นึงจากน้องคนหนึ่งในเว็บ พระนี่แหละ เขาไม่ได้ลงขายในร้านแต่ทราบว่าเขามีเลยขอบูชา ซึ่งก็ได้รับความกรุณาจัดให้มา ที่มาดีมากเพราะมีเว็บสายตรง ขาใหญ่ของพระเครื่องเมืองใต้เป็นหลักประกัน
    ประกอบกับเนื้อหา มวลสารที่ไม่เหมือนพระเก๊ที่ผมเคยเช่ามาทั้งหมด ตรงตามวิชาการพระแท้ของสายนี้ จึงมั่นใจที่จะนำเสนอให้เป็นบรรทัดฐาน ของการพิจารณาพระแท้หลวงปู่จันทร์ ต่อไป

    พระผงพิมพ์ต่างๆ ของหลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหลำ เกาะพะงัน สุราษฎร์ธานี นับเป็นสุดยอดพระ"เมตตามหานิยมมหาเสน่ห์"อันดับหนึ่งของภาคใต้ ยุคแรกจะสร้างตั้งแต่ พ.ศ ๒๔๘๐ เรื่อยมาท่านสร้างจากปูนเปลือกหอย ผสมน้ำมันตั้งอิ้ว มีเม็ดแร่ มวลสารต่างๆ ตามตำราของท่าน
    ถูกจัดให้เป็น พระขุนแผนเมืองใต้มาช้านาน เป็นพระที่น่าบูชาติดตัวมาก ใช้แล้วได้ผลดีมากๆ เคยได้ยินผู้มีความรู้ท่านหนึ่งบอกว่า สมัยก่อนเขาจะขูดผงจากองค์พระไปให้สาวๆกินแล้ว เห็นผลทันตาเลยครับแต่กระนั้นแล้วฝ่ายชายไม่รับผิดชอบ ข่าวนี้ทราบถึงหลวงปู่จันทร์ ท่านเลยได้สาบแช่งไว้ว่าใครทำแบบนี้แล้วไม่รับผิดชอบก็ให้มีเคราะห์ร้ายหรือ มีอันเป็นไป

    หลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหลำ แห่งเกาะพงัน จ.สุราษฏร์ธานี ท่านเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ผู้สืบทอดพุทธาคมจาก หลวงพ่อเพชร วชิโร ปรมาจารย์ เจ้าของเหรียญหลักแห่งแดนใต้ โดยท่านได้ดำเนินการจัดสร้างพระพิมพ์สมเด็จ ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.๒๔๘๐ โดยประมาณ โดยท่านทำการลบผง นอโม ผงปถมัง และ ผงอิธิเจ ตลอดจน ว่านเกสร ๑๐๘ ชนิดมาทำการผสมในเนื้อพระชุดดังกล่าว จึงทำให้เนื้อหาพระชุดนี้ เมื่อกดเป็นองค์พระจึงมี ลักษณะ เนื้อหา จัดจ้าน ลึกซึ้ง จริงๆ อีกทั้ง ท่านยังทำการ ปลุกเสกเดี่ยว จนได้ที และ มั่นใจว่า เต็มที่ แล้วถึงได้เริ่มแจกให้ลูกศิษย์ลูกหา ท่านได้บูชา ติดตัว สำหรับประสบการณ์บอกเล่าจากคนพื้นที่ กล่าวถึงพระพิมพ์สมเด็จ ของ หลวงพ่อจันทร์ว่า เด่นทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเสน่ห์ เมตตา มหานิยม แคล้วคลาด คงกระพัน เพราะหลวงพ่อจันทร์ ท่านมั่นใจในพระที่ท่าน สร้าง และปลุกเสกทุกองค์

    หลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหล่ำ ท่านมีความสามารถและชำนาญในการทำ "ยันต์เต่าเลือน" มาก โดยศึกษามาจากหลวงพ่อเพชร สุดยอดเกจิของเกาะพงัน สมเด็จของท่านกรรมวิธีการสร้างค่อนข้างเหลือเชื่อครับ ตามคำบอกเล่าถึงกรรมวิธีการลบผง ท่านจะทำผงพระในกุฎิเวลากลางคืน ท่านขึงผ้าขาวไว้ผืนหนึ่ง ที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ความสูงของผ้าอยู่ในระดับเหนือศรีษะ (เวลานั่ง) แล้วท่านก็ก้มลงเขียนอักขระบนกระดานชนวนที่วางอยู่ด้านล่าง แท่งดินสอที่ใช้เขียนอักขระเป็นแท่งผงปั้นที่ท่านได้จัดทำขึ้นเอง เขียนไปบริกรรมไปจนหมดแท่งผง แล้วท่านก็ลุกขึ้นทำการกวาดเอาผงจากข้างบนผ้าขาวที่ขึงไว้ด้านบนนำมาเป็น เนื้อผงผสมเป็นสมเด็จเด่นด้านเมตตา และแคล้วคลาดครับ

    หลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหล่ำ เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี พระสมเด็จของท่านสร้างจากเนื้อผงวิเศษ โดยหลักคือผงอิทธิเจ อันมีคุณเด่น ทางเมตตา มหานิยม ปัจจุบัน พระเนื้อผงของท่าน เป็นที่ต้องการอย่างมาก และ ราคาเล่นหากันสูงในเกาะพงัน เกาะสมุย ตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียง ที่ต้องระวัง คือพระฝีมือของท่านออกมามาก และ หลงเล่นกันเป็นพระแท้เเล้ว ของจริงราคาไม่ถูกครับ จุดสังเกตุของเนื้อหา คือ มีเนื้อต้องลักษณะฟู ไม่แกร่ง ต้องมีมวลสารจุดดำ กระจาย ด้านหลังถ้ามีรอยปาดเป็นกาบๆ ถือว่าดูง่ายครับ

    พระผงของหลวงปู่ จันทร์ วัดโฉลกหล่ำ ขุนแผนแดนใต้สุดยอดเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุด ครบทุกด้าน (เพราะด้านหยุดลูกปืนนั้น ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ครับเพราะลองมากับตนเองครับ .๓๘ ลูกโม่ ๓ ลูก ยิงไม่ออกเลยสักลูก ไม่ได้ลบหลู่ครับเพราะลองเสร็จก็นิมนต์ขึ้นคอทันทีสุดยอดครับ เรืองผู้หญิงก็สุดยอดมีเข้ามาตลอด แต่ไม่เคยยุ่งเพราะมีเมียมีลูกแล้วเดียวผิดครู (มีครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนไว้ กาเม ข้อ ๓ สำคัญมิควรผิดลูกเมียผู้อื่นเป็นบาปอย่างใหญ่หลวง ของเสื่อมหมด (ที่่มา
     
  10. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    หลวงพ่อจันทร์ไปอัญเชิญแร่เหล็กไหล แร่เหล็กไหลชนิดนี้อยู่ ที่ ถ้ำในน้ำตกแพง เกาะพะงัน จากคำบอกเล่าหลวงหลวงพ่อจันทร์ท่านว่า เหตุที่เกาะพะงัน ไม่เคยโดนลมพายุ หรือภัยธรรมชาติเลย มาจากคุณวิเศษของแร่เหล็กไหลเกาะพะงัน ที่อยู่ในถ้ำน้ำตกแพง นี้แหละจึงทำให้เกาะพะงันทั้งเกาะรอดพ้นจากภัยต่างๆ
    ลักษณะของแร่เป็นก้อนเหมือน เพชรหน้าทั่ง แต่ผิวไม่เรียบ สีนั้นมีหลายสีในก้อนเดียว แต่จะไม่มีประกายแวววาวให้เห็น (ถ้าหยิบพระตั้งตรงๆ) แต่ถ้าค่อย ๆ ตะแคงข้างจะเห็นแร่มีสีแดงเหมือนเลือดนก แต่ถ้าค่อยๆ ตะแคงต่อ จะเห็นแร่เป็นสีน้ำเงิน และถ้าตะแคงกลับมาจะเห็นแร่เป็นสีเงินยวง และถ้าตะแคงอีกจะเห็นเป็นสีส้ม
    อันนี้เป็นวิธีดูแร่ชนิดนี้ที่เป็นก้อน แร่ชนิดนี้มีวิธีดูแบบนี้ และไม่มีในแร่อื่นแน่นอน ส่วนที่เป็นมวลสารในการผสม (บดเป็นผง) ในพระขุนแผนและพระสมเด็จ ถ้าท่านจะดูแร่นี้ให้ท่านนำพระไปที่มีแดดจัดๆ และให้ท่านจับพระพลิกไปมา จะเห็นแร่นี้เป็นสีต่างๆ ในพระ (แล้วแต่แร่จะฝังไปแบบไหน)
    แร่ชนิดนี้พอถูกบดแล้วมีขนาดเล็กนั้นจะใหญ่ประมาณปลายเข็ม (เล็กมาก) ต้องอาศัยแว่นส่องพระที่ตัดแสง
    และสูตรสำคัญของมหาเสน่ ก็คือ เมล็ดบัว หรือเกษรบัวนะผมไม่แน่ใจ หลวงปู่จันทร์ ท่านจะลงไปเก็บดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำเพื่อเอาสิ่งที่อยู่ในดอกบัวนี้มาป็นมวลสารทำพระท่าน ในขณะที่หลวงปู่เก็บ " บัวต้องไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น " เป็นถือเคล็ดพิเศษของหลวงปู่ท่าน(ข้อมูลนี้ พระที่เกะสมุยมีศักดิ์เป็นหลานหลวงปู่ เป็นผู้บอก) จึงเป็นสุดยอดขุนแผนมหาเสน่ห์แดนทักษิณ
    ที่เป็นหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใคร!
    ในปัจจุบันสมเด็จหลวงปู่จันทร์หายากยิ่งนัก เพราะผู้ที่นำไปบูชาแล้วเกิดประสบการณ์และปาฎิหารย์ ต่างๆอย่าโชกโชน จึงเป็นวัตถุมงคลที่เห็นไม่มากนักในยุคปัจจุบัน....
     
  11. Moon of Wanpan

    Moon of Wanpan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2013
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +1,009
    แจ้งโอนเงินค่ะ
    โอนวันที่ 14 ต.ค.58เวลา 17.49 น.
    จำนวน 510.00 บาท
    ธ.กสิกรไทย
     
  12. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380

    รับทราบค่ะ
    สาธุๆๆ
     
  13. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    รายชื่อจัดส่งวัตถุมงคล
    สำหรับผู้ที่จ่ายเงินครบและจ่ายค่าส่งของครบ​



    [​IMG]
     
  14. มาใหม่ครับ

    มาใหม่ครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +1,201
    ได้รับวัตถุมงคลแล้วครับ
     
  15. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    วันนี้มีประมูล​
     
  16. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380
    7นาที
     
  17. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380


    เริ่มประมูล
     
  18. นวลลดา

    นวลลดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    446
    ค่าพลัง:
    +687
    ลอคเกตหลวงปู่200บ. พระปรกโพธิ์200บ.
     
  19. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  20. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460

แชร์หน้านี้

Loading...