เพื่อการกุศล :::(เปิดจอง)ล็อกเกตพระแก้วมรกต"ภูริทัตตเถรานุสรณ์-สมเด็จองค์ปฐมอมฤตศุภมงคลญาณสังวร":::

ที่วัดเองก็ไม่มีอะไรที่ทันหลวงปู่อธิษฐานจิตเหลือแล้ว คงเหลือเฉพาะบรรดาพระซุ้มกอ สมเด็จ ต่างๆ ตกค้างในกุฎิหลวงปู่เล็กน้อย ไม่ได้ให้บูชา
ผมสายตาแอบเหลือบไปเห็น ตะกรุดในขวดที่เก็บอัฐบริขารท่าน จึงไปเรียนถามท่านเจ้าอาวาส ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าเป็นตะกรุดหลวงปู่ ท่านเก็บไว้ในห้อง ของส่วนใหญ่ไปอยู่ที่วัดปทุมวนาราม ผมเลยกราบเรียนขแบ่งของดีจากท่านไปบูชาบ้าง ปรากฏว่าท่านให้ลูกศิษย์ไปหยิบกุญแจมาเปิดให้โยม

 

ลูกศิษย์ท่าน บอกกับผมว่า น้องขอเก่งเนอะ พี่ไม่เคยเห็นใครเอ่ยปากขอ ไม่มีใครเคยได้ไป เพิ่งเปิดขวดนี่แหละ ตะกรุดนี้เป็นตะกรุดสาริกาเนื้อทองแดง สภาพเก่าเก็บในขวด แอบคลี่ดู 1 ดอกเป็นรอยจารคล้ายกับด้านหลังเหรียญเสมาของท่าน แสดงว่าท่านใช้ยันต์นี้ประจำตัวแน่ๆ

ตามที่บอกไปว่า ท่านใดอยากได้ของดีต้องติดตาม ผมจะแบ่งตะกรุดหลวงปู่ยี ที่ได้รับแบ่งมาเล็กน้อย ให้ก่ท่านผู้สมทบทุน ดอกละ 400 บาท มี 5 ดอกเท่านั้น
ใครสนใจลงชื่อจองได้เลย

 

จากนั้นเราเดินทางไปที่บ้านของหลวงพ่อยี ที่เก็บสังขารท่านไว้ บังเอิญวันนี้เป็นวันสวดอภิธรรมอดีตภรรยาของหลวงพ่อพอดี บ้านนี้เลี้ยงหมาร็อกไวเลอร์ไว้หลายตัว
ตรงนี้เป็นสภาพบ้าน และโลงของหลวงพ่อยี นะครับ

 

ผมขอจอง 1 ดอก ครับ

 

จากน้้นได้เดินทางต่อไปยังบ้านของ.........ซึ่งเป็นบ้านของเชื่้อสายหลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง ซึ่งว่ากันว่า ทันตธาตุ อัฐิธาตุ ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ต่างๆ ก็ออกมาจากบ้านหลังนี้
เราได้เดินทางไปสอบถามความจริง กับคุณยาย ซึ่งความเป็นจริงคือ ฟันของหลวงพ่อเงินนั้น ได้ถูกแบ่งเป็น 2 ซีก ตั้งแต่ยายอายุได้ 15 ปี แบ่งให้เพื่อนรักของพ่อไป ไม่ทราบว่าปรากฏที่ใด ที่ว่ามีฟันเต็มซี่จากบ้านหลังนี้ดังที่ปรากฏในอินเตอร์เน็ตนั้นไม่ใช่ของหลวงพ่อเงินแน่ๆ

 

รวมทั้งบรรดาตะกรุด รูปหล่อหลวงพ่อเงิน มีดหมอประจำตัวของหลวงพ่อเงิน และหลวงพ่อพิธ ก็ได้ถูกแบ่งสมบัติมากว่า 20 ปีแล้ว ตกทอดในลูกหลานคนอื่นๆ ของดีที่บ้านนี้เหลือ ก็เพียงจีวรหลวงพ่อเงิน สังฆาฎิหลวงพ่อพิธ เท่านั้น เนื่องจากช่วงก่อน ยายเป็นStroke เข้าโรงพยาบาล ก็มีขโมยขึ้นบ้าน เข้าใจว่าน่าจะมีพระเครื่องตกค้าง แต่ได้ไปเพียงบาตรน้ำมนต์ของหลวงพ่อพิธเท่านั้น สำหรับจีวร สังฆาฎินั้น ยายก็ต้องเก็บให้ลูกหลานที่เค้ามาดูแล โดยยายนำมาให้ดูโดยห่อใส่กระดาษแบบชาวบ้านๆ ซึ่งเป็นสมบัติตกทอดของตระกูลทีเดียว

 

ด้วยความบังเอิญอะไรก็ไม่ทราบ ก็มีนักสตอเบอรี่จับพลัง ที่ท่านทราบกันดีโทรมาหาผมเรื่อง หลวงปู่เทพโลกอุดรถวายในหลวง ก็เลยถามว่า พลังหลวงพ่อพิธเป็นอย่างไร คุณเค้าบอกว่า พลังท่านจับแล้วแผดเผาทั้งตัวเลย ไม่แพ้หลวงพ่อเงินทีเดียว

 

ขอจอง2ดอกครับ

 

ขอจองดอกนึงครับ คุณหมอ

 

ผมจึงได้ใช้ไม้ตายขอแบ่งจากคุณยาย ท่านลังเลเล็กน้อยก่อนจะมอบให้บางส่วน ซึ่งขโมยที่เคยขึ้นบ้านก็ได้ไปด้วย แต่ไม่ทราบว่าแต่ละอย่างคืออะไรได้แต่สันนิษฐานเอา ลองหาดูในเว็บพระเว็บหนี่งนะครับ ว่าที่เค้าลงว่าเป็นพระธาตุหลวงพ่อเงิน จริงๆก็คือทรายเสกหลวงพ่อพิธนั้นแหละ ทำให้เราได้ของดีมาบูชา และเป็นมวลสารสร้างสมเด็จองค์ปฐม ให้เป็นอภิมวลสารกึกก้องธรณินทร์
และตามที่ผมบอกกับทุกท่านว่าจะแบ่งของดีให้แก่ท่านที่รู้คุณค่าเพียง 1 ชุด คือ
ชิ้นจีวรหลวงพ่อเงิน สังฆาฎิหลวงพ่อพิธ และทรายเสก แก่ท่านที่สมทบทุน 2000 บาท มี 1 ชุดเท่านั้น

 

จอง 2 ดอกครับ

 

จากนั้นได้เดินทางข้ามตำบลไปที่วัดฆะมัง เพื่อนมัสการท่าน และขอท่านอย่างเป็นทางการ และได้นำพระไปขอบารมีท่านด้วย

ลืมบอกไปว่ารูปถ่ายๆระหว่างนำพระไปขอบารมีหน้ารูปหล่อซึ่งบรรจุตากสิณไม่ไหม้ไฟของหลวงพ่อพิธไว้ทั้งสองข้าง
ใครตาดีแอบดูให้หน่อยสิครับ ว่าระหว่างหลวงตายี และหลวงพ่อพิธ มีองค์ไหนท่านทำอะไรให้ ผมรู้สึกไปเองปล่าวว่ามีองค์นึงที่พลังท่านพุ่งมาแรงมาก

 

จองด้วยครับ

 

จากนั้นถึงคราวปลุกเสกแล้ว ระหว่างอยู่ในรถ ก็ผ่านวัดคลองคูณโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งวัดนี้เป็นวัดหลวงพ่อหวั่น หลานศิษย์หลวงพ่อพิธนั่นเอง แต่ไม่ได้ให้ท่านปลุกเสกนะครับ นึกว่าขากลับค่อยมา จากนั้นเห็นทางเข้าอำเภอบางมูลนาก วัดพฤกษวัน ว่าจะเข้าไปขอผงอิทธิเจหลวงพ่อหน่ายเสียหน่อย แต่ลืม ในเน็ตมีรูปคนขูดหลังพระสัขจายวัดนี้ไปผสมน้ำให้กิน ปรากฏว่าได้เรื่อง....................

 

คุณหมอจิมมี่ได้ของดีไปเยอะนะครับ บุญบารมีต้องสัมพันธ์จริงๆเพราะของแบบนี้มีเงินใช่จะหาได้

 

มาถึงตะพานหิน ผมหาวัดสวนโพธิสัตว์ทับคล้อไม่เจอ ว่าจะไปหาหลวงปู่โกศล เสียหน่อย แต่หาไม่เจอ ไม่มีใครให้ถามทางเสียด้วย กลับมาเปิดเน็ตเลยรู้ว่าวัดนี้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดทับคล้อเฉยๆ เสียดายผ่านเสียด้วย
ทางต่อไปคือเราจะไป สำนักขุนเณร ของหลวงพ่อเขียน พระเกจิอันเกรียงไกร ที่ท่านมีศิษย์เอกท่านหนึ่งที่มีตาในใสเป็นแก้ว คือ หลวงปู่เงิน วัดเกาะแก้ว

 

หลวงพ่อเงิน กตฺสาโร แห่งวัดเกาะแก้ว หรือวัดกุดระกำ อำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร แล้ว เชื่อแน่ว่าคนพิจิตรต้องร้อง อ๋อ... เพราะหลวงพ่อเงินรูปนี้หนอท่านเป็นของจริง ดังมานาน เป็นพระเกจิที่ทรงอาคมขลังที่สุด ของพิจิตรในขณะนี้ เพราะท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเขียน แห่งสำนักขุนเณร พระอรหันต์วาจาสิทธิ์ ผู้มีฤทธิ์อภิญญายอดยิ่งเหลือของพิจิตร หลวงพ่อเขียนรักมาก บวชให้ สอนวิชาให้ทุกสิ่งอย่าง ไม่มีปิดบังอำพราง และหลวงพ่อเงิน ก็ถือคาถาได้ขลัง ทำได้ทุกอย่าง จนหลวงพ่อเขียนบอกก่อนมรณภาพว่าต่อไปท่านเงิน เขาจะแทนหลวงพ่อน่อ





เมื่อหลวงพ่อเขียนชราภาพมาก ท่านสั่งให้หลวงพ่อเงินทำแทนทุกอย่าง ทั้งเสกน้ำมนต์ อาบน้ำมนต์ ช่วยทำตะกรุด ทำผ้ายันต์ เรียกได้ว่า ท่านเป็นแขนขวาของหลวงพ่อเขียนเลยทีเดียว อีกทั้งท่านยังเรียนวิชาสำคัญของหลวงพ่อทบ เทพเจ้ายอดคงกระพัน มหาอุตต์หยุดลูกปืน แห่งชนแดนเมืองมะขามหวาน จนสามารถเสกซังข้าวโพดให้เพื่อนลองยิง จนปืนแตกมาแล้ว ด้วยความที่หลวงพ่อเงิน สมัยเป็นพระหนุ่มมุ่งเจริญกสินมาก หลวงพ่อทบ ถึงกับฝากพระมาเตือนหลวงพ่อเงินว่า อย่าเล่นกสินมากนัก แก่ไป ตาจะไม่เห็นรุ่งเหมือนท่าน มาวันนี้ ด้วยวัย ๘๖ ปี แม้ตานอกจะไม่เห็นรุ่ง เหมือนกับคำหลวงพ่อทบพยากรณ์ แต่ตาในกลับใสสะอาด สว่าง ผนวกกับพลังจิตอันอัศจรรย์ของหลวงพ่อเงิน กลับทำให้ท่านกลายเป็นที่พึ่งแก่ศิษย์ทั้งใกล้ ไกล

 

หลังจากนมัสการหลวงพ่อเงินแล้ว ถึงเวลาเดินทางไปพระพุทธบาทชนแดน วัดของหลวงพ่อทบ เทพเจ้าแห่งเมืองมะขามหวาน โดยมีศิษย์ท่านองค์หนึ่งที่กำลังดังในเว็บนี้ และ g-pra มากๆ คือ หลวงปู่พวง วัดน้ำพุ

 

ประวัติโดยย่อ หลวงปู่พวง ฐานะวโร พระเกจิอาจารย์แห่งวัดน้ำพุ ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา<O</O
<O</O
หลวงปู่พวง ฐานะวโร เดิมชื่อ พวง เพชรมูล เกิดเดือน ธันวาคม พ.ศ ๒๔๖๘ โยมบิดาชื่อ นายยวง เพชรมูล โยมมารดาชื่อ นางเพิ่ม เพชรมูล หลวงปู่พวงบวชตั้งแต่เป็นสามเณร เมื่ออายุครบบวชจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้ทำการอุปสมบถเมื่ออายุ 21 ปีได้ฉายา " ฐานะวโร " เนื่องจากเลื่อมใสในพระศาสนาและองค์หลวงพ่อทบ พระเกจิแห่งวัดชนแดน บิดามารดาต่างเห็นพ้องด้วยจึงอนุญาติ พระพวงขยันหมั่นเพียรศึกษาพระธรรมคำสอนด้วยจิตตั้งมั่นและได้ศึกษาสรรพวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อทบ ด้วยอุปนิสัยที่เป็นผู้รักเรียนใฝ่หาความรู้ จากนั้นได้ติดตามหลวงพ่อทบไปสำนักขุนเณรได้พบหลวงพ่อเขียน สำนักขุนเณร หลวงพ่อทบได้ฝากฝังหลวงพ่อพวงไว้กับหลวงพ่อเขียน หลวงพ่อพวงได้ฝึกจิตเจริญภาวนาจนสำเร็จ จึงได้เดินทางกลับมาจำวัดที่ดงขุยได้พบหลวงพ่ออ้วน วัดดงขุย จึงได้ขอต่อวิชากับหลวงพ่ออ้วน ก่อนที่จะได้จำวัดหลวงพ่ออ้วนท่านได้ลองภูมิอยู่นานจนเห็นว่ารับได้จึงอนุญาติให้อยู่ได้เมื่อได้สรรพวิชาอาคมแล้ว หลวงพ่ออ้วนบอกให้ออกธุดงค์เข้าป่าไป หลวงปู่พวงได้ธุดงค์ไปหลายสถานที่เพื่อฝึกจิตให้แกร่ง เจอการทดลองสารพัด เมื่อเห็นที่สุดของชีวิตแล้วได้ธุดงค์มาถึงบ้านเกิด.<O</O
<O</O
ปัจจุบันหลวงปู่พวง ท่านสิริอายุ ๘๖ ปี ๖๕ พรรษา ได้สร้างวัดแห่งแรกคือวัดน้ำพุ เมื่อปี พ.ศ. 2500และทำการ สร้างวัด เมรุ ศาลา กุฏิสงฆ์ โรงเรียนวัดน้ำพุ ฯลฯ สร้างคุณาประโยชน์มากมาย พระเถระผู้ใหญ่มอบชั้นยศหลายครั้ง หลายวาระเพื่อเป็นเกียรติประวัติในการสร้างคุณประโยชน์ไว้ หลวงปู่พวงท่านขอไม่รับ ความเป็นพระใจดีมีเมตตา สรรพวิชาอาคมเข้มขลังศูนย์รวมใจของหมู่บ้าน สมถะเรียบง่ายเป็นกันเอง หลายคนถึงกับเอ่ยว่า “หลวงปู่พวงเทพเจ้าเทือกเขารัง”

 

หลังจากถวายวัตถุปัจจัยท่านแล้ว ก็ได้เรียนท่านถึงจะนำวัตถุมงคลมาอธิษฐานจิต พระที่วัดรีบห้ามบอกว่าหลวงปู่ไม่สบายงดอธิษฐานจิต อันที่จริงไม่รู้ว่าศูนย์พระนั้นสั่งท่านไว้ว่าอย่างไรแต่ความเป็นจริงการไม่อธิษฐานจิตนั้นก็เป็นการดี เพราะเราไม่ทราบเจตนาของบุคคที่มาจะเอาหลวงปู่ไปแอบอ้างหากินได้ และเคยมีกรณีศูนย์พระเอาแมงปอที่เหลือของหลวงปู่จักร วัดเขารังไก่ที่ไม่ทันท่านเสก สต๊อกไว้มาให้หลวงปู่พวงเสกมาแล้ว ยังไงท่านก็ต้องเซฟตัวเองด้วย