เปิดอบรม พลังเอกภพยูเรอัส ระดับพื้นฐาน

ขอ อนุญาติ ตอบ คำถาม ของ คุณ Pleladi

ท่านมี คำถาม ในใจ เหมือน ผม ที่เดียว................


1. พระสูงสุด คือ อะไร
คุณ Pleladi - พระสูงสุด/สิ่งศักดิ์สิทธ์สูงสุดในจักรวาล ไม่ใช่พุทธเจ้าหรอครับ แล้วถ้าใช่ทำไมไม่ระบุให้คนที่มาเรียนกระจ่างละครับ

ตอบ
พระสูงสุด ......... ของใคร กัน เล่า......
ของคุณ Pleladi หมายถึง พระพุทธเจ้า......

ของผม หมายถึง พระพุทธเจ้า ...... กายธรรม ของพระพุทธเจ้า พระบรมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า องค์ ก่อน เก่า พระต้นธาตุต้นธรรม

ในบางที่ เค้า ก็ เรียกไป อีก แบบ เช่น พระต้นธาตุต้นธรรม พระพุทธเจ้า องค์ปฐม เป็นต้น

แปลกัน ตาม คำศัพท์ ก็ มีความหมาย เหมือนกันอยู่ ดี นั่นแหละ.....


แล้ว หากมี คน อิสลาม มาตอบ เขาจะตอบ ว่า อัลเลาะห์
มันจะผิด ไหม

เพื่อนผม ที่เป็นคริสต์ เขาจะตอบว่า God

หรือ ไปถาม คนฮินดู เค้า ก็ ตอบว่า พระศิวะ

นั่น เป็น พระสูง สุด ของ เขา

อาจ ไม่ เหมือน หรือ มิใช่ พระสูงสุด องค์ เดียว กับเรา ก็ ช่างเขา ซิ



คำว่า " ความรัก อย่างไม่มี เงื่อนไข "
ฟัง แล้ว ช่าง นุ่ม นวล ยิ่งใหญ๋ เกินจะประมาณ

คงเป็น เพราะ นิสัย แข็งกระด้าง ของผม ละมั่ง

สำหรับผม....... ตอบ ตรงๆ ... ผม ทำไม่ได้ ครับ
ผม มีให้ ได้ เพียงง.... ความปรารถนาดี ที่ มีต่อ เพื่อนมนุษย์ และ สัตว์โลก

แม้น เพียง คำนี้ ผม เอง ก็ ยังให้ ได้ ไม่หมดใจ

พอมาเรียน พลัง เอกภพยูเรอัส
ทำให้ ผมมีโอกาส ช่วย ผู้ อื่น ได้ เพิ่มขึ้น อีกหน่อย ในอีกแง่มุม ที่ ไม่เคย
ช่วย เขาได้
มีโอกาส ส่งความปรารถนาดี ให้เขา ส่งพลัง รักษาให้ เขา เหล่านั้น
ทั้ง ต่อหน้า และ ส่งทางไกล

เหมือน เป็นการ ฝึกนิสัย ให้ มีเมตตา ไปในตัว
เผื่อแผ่ความสุข ให้เขา มี กรุณา

ส่วน มุทิตา และ อุเบกขา
ขอไม่พูดในที่นี้ มัน ยากไปหน่อย ไว้ มีโอกาส พบกัน นั่งสนธนากัน

 

เป็นธรรมดาที่คนเราจะมองอะไรไม่เหมือนกัน
เราไม่ได้รู้สึกอึดอัดขัดข้องกับการต้องเสียเงินเรียนขนาดเสียเงินบางคนยังไม่เห็นคุณค่าแล้วถ้าฟรีจริงคงแย่กว่านี้นะ
เราเป็นคนชอบพิสูจน์ด้วยตนเองเรียนแล้วก็พิสูจน์
ตอนนี้เราส่งพลังแบบคุณดาวฯไม่กำหนดจักระเหมือนกันสมัยนี้อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย

 

พอดีไม่คิดอะไรมาก ชอบเรียนรู้ และจะหาผู้มาสอนไม่ใช่ง่ายๆ
ในเมื่อโอกาสมา ไม่ไขว่คว้าก็จะเสียดาย พอเปิดเรียนฟรี
คนก็ไม่เห็นความสำคัญ นัดอาจารย์ไว้ไม่มาก็มี ทำให้เสียเวลา
แล้วน่าจะคิดถึง ค่าใช้จ่ายผู้ให้ความรู้บ้าง คือ ท่านให้ความรู้
ให้เวลาแก่เรา

อย่าให้ท่านต้องจ่ายค่าไฟ ค่าขนม ค่าชีทให้อีกเลยค่ะ
ตัวกลมระลึกถึง คำว่า กตัญญู สมัยเรียนวิชาพลังคอสมิคของ
คุณย่าเยาวเรศ ท่านไม่เก็บสตางค์แต่ตัวกลมบริจาคมากกว่านี้เยอะ
แล้วก็ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือเลยนะคะ

 

พี่น้องยูเรอัสทั้งหลาย... พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องเรียนครับ

 

วันนี้อยู่ๆจิตก็อยากเข้าห้องนี้ค่ะ ฮี่ๆๆๆ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค้า ><

ตอนนี้ก็เริ่มเข้าใจเรื่องพลังจักรวาลมากขึ้นค่ะ รู้ก็เหมือนไม่รู้

ตอนนี้ นั่งสมาธิแล้วมันหมุนเอง จากนั้น เจ้ากรรมนายเวรก็รุมยำเรา แล้วก็ ฯลฯ

บางทีก็รำ ท่าอะไรไม่รู้

ฮิๆ ดูไป

 

ดู ดู ไป ใจ เย็นๆ คุณน้อง..................

บางที่ เรื่อง เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ ไม่ต้องไปใส่ใจ มาก

ทำสมาธิ ก็ทำ ไป

มีเวลา ค่อยมา เรียน

 

อนุโมทนาค่ะ ^^
อยากเรียนมั่ง แหะ แหะ มีทุนเรียนฟรี มะก๊ะ^^
-*-

 

เรื่อง ทุน คงไม่ ใช่ เรื่อง ใหญ่

สำคัญ ตั้งใจ เรียน ก็ พอ.............

จะไป ขอ ทุน จาก Coolz ให้ นะ;k01
ด. บ. กันเอง

 

กู้รายนั้น ด.บ. ..............................bubububububububububu
ไม่สามารถพิมพ์ออกอากาศได้ ฮิฮิ-*-

 

5 5 5

น้อง เค้า ออกจะ ใจดี นะ

 

ขอตอบคำถามคุณ Pleiadi นะครับ ในความเห็นส่วนตัวผม
1.เรื่องเก็บเงินนั้นผมคิดว่า มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับคนที่ตั้งใจจะไปเรียน ผมคิดว่าสิ่งที่ได้มาจากการเรียนนั้น คุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป เงิน ตั้ง 500 บาทสามารถที่จะซื้ออะไรได้มากมาย สำหรับคนจนๆ กินข้าวได้เป็นเดือนๆ แต่คุณPleiadi ทราบไหมครับว่า อาจารย์ท่านเคยเอ่ยไว้ว่าอย่างไร เท่าที่จำได้ผมเคยได้ยินเต็ม 2 หูจากอาจายร์ท่าน ท่านเอ่ยว่า "ถึงแม้คนที่มาเรียนจะไม่ได้จ่ายเงินค่าเรียนให้ครู ครูก็ไม่ได้ว่าอะไร" เพราะว่าสิ่งที่ท่านอยากให้ศิษย์นั้นคือความรู้ ไม่ใช่เอาความรู้มาแลกกับเงินครับ และที่เค้าเก็บเงินผมก็เห็นว่าสมควรอยู่และก็เหมาะสมไม่มากเกินไปด้วย มันทำให้เห็นค่าของสิ่งที่คุณไปเรียนมาได้นะครับ
ที่สำคัญอีกอย่าง เงิน 500 บาท ไม่สามารถซื้อการพัฒนาจิตใจของคุณขึ้นไปได้เลย ถ้าคุณยอมเสียเงิน 500 บาท แล้วคุณมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำให้คุณมีเมตตาขึ้น ทำให้คุณเห็นแก่ตัวน้อยลง ทำให้คุณเห็นคุณค่าของสิ่งมีชีวิตมากขึ้น ผมคิดว่าแค่นี้มันก็คุ้มเกินคุ้มแล้วครับ ที่สำคัญผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากเอาเปรียบใครๆ เมื่ออาจารย์ท่านให้ความรู้กับผมแล้ว ผมคงไม่สามารถที่จะไปรบกวนให้ท่านต้องเสียเงิน ค่าไฟค่าน้ำ ค่าอาหารว่างให้ผมอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นคงเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไปนะครับ ขอบคุณครับ

 

ตอบคำถามต่อนะครับ
2. พระสูงสุดคืออะไร
อันนี้อาจารย์ท่านไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นใครหรือสิ่งใดอันนี้ผมก็เห็นว่าเหมาะสมนะครับ
ท่านลองไปพิจารณาดูนะครับ วิชานี้ไม่ใช่วิชาของพระพุทธศาสนา ถ้าท่านบอกว่า พระสูงสุดคือพระพุทธเจ้า แล้วคนในโลกนี้ที่ไม่ใช่คนพุทธ จะไม่มีโอกาสได้เรียนเลยใช่ไหมครับ หรือถ้าเรียนก็ไม่สามารถขอพลังนำไปช่วยคนอื่นได้เลยใช่ไหมครับ เพราะว่าพระสูงสุดของบุคคลเหล่านี้ไม่ใช่พระพุทธเจ้านั่นเอง และที่แน่ๆครับ ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจสูงสุดของแต่ละคนส่วนใหญ่จะไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากันครับ บางคนคิดว่า เจ้าที่ที่บ้านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจสูงสุด บางคนคิดว่าหลวงพ่อองค์โน้นองค์นี้ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจสูงสุด บางคนคิดว่าเงินเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจสูงสุด คุณPleiadi จะไปบอกให้คนเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงความคิด ให้คนเหล่านั้นคิดเหมือนคุณPleiadi ได้ไหมครับ อย่างนี้ไม่เท่ากับเป็นการบังคับหรือตีกรอบความคิดให้คนเหล่านั้นหรอ คุณPleiadi อาจทราบตามความรู้ของท่านว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระสูงสุด แต่ท่านอื่นๆ ล่ะครับ เพราะคนแต่ละคน เกิดมาจากเหตุต่างๆกัน เหตุต่างๆกันนี้แหละเป็นเหตุให้ คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน ทั้งกายและใจ(ความรู้สึกนึกคิด) คนคนนี้ทำเหตุมาแค่นี้(ตัวอย่างคือนับถือเทพหรือเทวดาเป็นสิ่งสูงสุดนะครับ) เค้าก็ต้องได้รับผลแค่นี้ มันเป็นไปตามสภาวะที่เค้าต้องเป็นนะครับ และมันก็เป็นธรรมดาของโลกที่เป็นไปครับ อันนี้ถ้าอ่านไม่เข้าก็ขออภัยอย่างยิ่งนะครับ แต่ถ้าคนที่ศึกษาธรรมมาอย่างถ่องแท้และเป็นพุทธบริษัท 4 อย่างแท้จริงจะเข้าใจสิ่งที่ผมกล่าวได้ไม่ยากเลย และจะสามารถยอมรับ คำว่าพระสูงสุด หรือสิ่งศักดิ์สิทธ์สูงสุด ของบุคคลอื่นได้ไม่ยากเลยครับ
"ไม่มีสิ่งใดไม่เกิดแต่เหตุ และถ้าเหตุนั้นเปลี่ยนไปผลมันก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน"
(ปัจจุบันสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของผมก็ยังคงเป็นพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน แม้จะไม่ตรงกับของอาจารย์ท่านก็ตาม ซึ่งอาจเป็นเพราะความรู้ผมยังไม่เท่าท่าน หรือท่านอาจยังไม่ทราบในส่วนลึกๆ ธรรมของพระพุทธองค์ก็ตาม แต่ผมก็ยอมรับได้ว่าเหตุที่มาของผมและท่านต่างกันผลที่ตามมาเลยต่างกันครับ)

 

3.เรื่องเบเกอรี่และเป๊ปซี่นั้น อันนี้ไม่ทราบครับเลยไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่ที่แน่ๆ ผมคิดว่ามันไม่สำคัญและไม่ใช่จุดประสงค์จะเก็บมันเอามาใส่ใจหรือไปคิดพิจารณาให้ได้อะไร เอาเวลาไปพัฒนาจิตใจตัวเองไม่ดีกว่าหรอ แต่ก็มีครั้งนึงนะผมได้ไปฟังอาจารย์ท่านหนึ่งบรรยายเรื่องจิตจักรวาล ท่านก็พูดทำนองเดียวกันเลยว่า จักรวาลสูงสุดหรือต้นกำเนิดของสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้น ท่านก็ชอบทานเป๊ปซี่หรือโค๊กอะไรทำนองนี้แหละ ผมก็เลยงงๆ เหมือนกัน 555 แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เสียเวลาเปล่าๆครับ ถ้าคุณPleiadi อยากทราบคุณก็ลองติดต่อกับพระสูงสุดให้ได้สิครับ แล้วถามท่านเอาเอง จะได้ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกต่อไป

 

ผมเคยอ่านคำภีร์ไบเบิล ได้กล่าวไว้ว่ายุคที่รุ่งเรืองต่อไปคือ "ยุคแห่งเมสิอาน" นั่นคือยุคพระศรีอริยเมตไตร แสดงความชัดเจนต่อบทบาทของพุทธศาสนา
อันนี้ไม่ตอบอะไรนะครับเพราะไม่ได้ถาม
ระยะหลังๆ มีเป๊ปซี่ ตามที่เขียนในกระทู้ (ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับบริษัทหรือเปล่า)
อันนี้บอกไปแล้วอ่ะ
4.พุทธองค์สอนว่าตนคือที่พึ่งแห่งตน แล้วจะไปเอาพลังจักรวาลมาทำไม เมื่อคุณได้รับได้เอาพลังมา แล้วจักรวาลเอาพลังมาจากไหนครับ
เหอะๆ คิดมากอีกและ สงสัยอยู่ได้ ไม่มีประโยชน์เลยครับ หนทางที่แต่ละคนจะเดินนั้นมีอยู่ บางคนเดินอ้อมบ้าง บางคนเดินตรงบ้าง แต่ทางเดินที่ตรงบ้างอ้อมบ้างนั้น เป็นทางเดินที่ควรท่านจะว่ามันผิดไหม กับการที่บางคนต้องอาศัยพลังงานจากที่อื่นมาทำให้คนนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเองขึ้นมาในทางที่ดี มันก็ดีไม่ใช่หรือ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้เลยว่าพลังงานนั้นมาจากไหนก็ตามแต่บุคคลนั้นก็ยังสามารถใช้มันและพัฒนาจิตใจให้สูงส่งขึ้นได้ แล้วมันจำเป็นหรอที่จะต้องหาคำตอบว่าพลังจักรวาลมาจากไหน อาจเรียกได้ว่ามันเป็นเทคนิคของแต่ละคนอ่ะครับ บางคนอาจใช้พลังจากสมาธิตนเองก็ได้ทำในสิ่งที่พวกผมกำลังทำอยู่ก็ได้อันนี้คงจะเรียกได้ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนกระมัง แต่ความหมายของคำว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั้น มันลึกซึ้งกว่าที่พวกเราๆเข้าใจกันมากนักครับ และที่แน่ๆ คงไม่ได้หมายความว่าไม่ให้พึ่งสิ่งอื่นเลยนอกจากตนเอง อันนี้ถือว่าเข้าใจผิดอย่างแรงครับ เพราะสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากตัวตนนั้น มันเป็นสิ่งที่มีอยู่เป็นธรรมดาถ้าเราเอามันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ก็ถือว่าไม่ได้ผิดอะไรแล้วก็ไม่ได้บอกซะหน่อยว่า ให้พึ่งพลังของจักรวาลเป็นที่ตั้งสูงสุดนี่ครับ สุดท้ายที่ท่านอาจายร์สอนมาก็เพื่อพัฒนาจิตใจจากข้างในครับ ไม่ใช่ให้พึ่งพลัง ถ้าคุณPleiadi ยังไม่ทราบหรือไม่เข้าใจลองกลับไปทบทวนดูใหม่ได้นะครับ
จุดประสงค์ที่แท้จริงที่อาจารย์ท่านต้องการสอนคืออะไร เพื่ออะไรลองกลับไปคิดๆดูนะ

 

เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณ oJOEo ค่ะ เป็นประโยคข้อความที่โดนใจมากค่ะ

โดยส่วนตัว ถ้าเราได้ไปเรียนรู้ และไ้ด้ไปขัดเกลาจิต พัฒนาจิตใจของเราให้ดีขึ้น โดยเฉพาะทำให้ตัวเรามีความเมตตา และมีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ หรือแม้กระทั่งสรรพสัตว์ทั้งหลาย รักแม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้าที่มีชีวิต ทำให้จิตใจเรามีแต่ความอ่อนโยนไม่หยาบกระด้าง แค่นี้คงทำให้โลกเราน่าอยู่ และสวยงามอีกขึ้นเยอะ

 

และก็สุดท้ายนะครับที่อยากจะเอ่ย
ขอขอบคุณท่านอาจายร์ทั้งสองเป็นอย่างสูง ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสได้เรียนรู้และศึกษาศาสตร์ของพลังอีกด้านหนึ่งซึ่งก็เป็นประโยชน์ต่อตัวผมเอง และผู้อื่น ผมทราบว่าประโยชน์ที่ผมได้รับนั้นคืออะไร ความมีตัวตนหรืออัตตาที่ผมมีอยู่นั้นมากมายแค่ไหน สิ่งที่ท่านอาจายร์ได้อบรมสั่งสอนนั้น ผมขอเอาไปใช้ประโยชน์ทางด้านลดความมีตัวมีตนของตัวเองให้น้อยลงไป ทำเพื่อตัวเองให้น้อยลง ทำเพื่อคนอื่นให้มากขึ้น ลดความเห็นแก่ตัวลงบ้าง เข้าใจ เห็นใจ เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ให้สิ่งอื่นๆบ้าง ให้ แบ่งปันกับคนอื่นๆบ้าง เสียสละ ละกิเลส
ตนเองบ้าง ปล่อยวาง เป็นกลางกับสิ่งที่มันควรจะเป็น ผมไม่ได้ต้องการเป็นนักรบแห่งแสงสว่างนั่นไม่ใช่จุดหมายสูงสุดของผม เพราะในเมื่อมียังมีนักรบแห่งแสงสว่างก็ต้องมีนักรบแห่งความมืด เมื่อยังมีดีก็ยังมีชั่ว เมื่อยังมีเขาก็ยังมีเรา และเมื่อยังมี ยังมี ยังมี สิ่งเหล่านี้หลงเหลืออยู่ ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้น หรือเป็นหนึ่งเดียวกับโลกธาตุได้เลย และผมก็ขอใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ท่านอาจารย์สอนมาเพื่อพัฒนาตนเองให้ถึงพร้อมที่ยอมรับสภาวะต่างๆ ได้โดยไม่หวั่นไหว ยอมรับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมาได้จากเหตุที่มันมี
แล้วสักวันผมคงจะเข้าถึงสิ่งที่เอ่ยไว้ว่า "สิ่งใดสิ่งเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา"
"เมื่อมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับบังคับไม่ได้" เมื่อถึงเวลานั้นผมก็คงจะเข้าใจอะไรอะไรมากขึ้นได้เอง ขอขอบคุณมากครับ

 

พรุ่งนี้เจอกันนะครับ เพื่อนๆ ร่วมทุกข์ทั้งหลาย

 

ขอแสดงความยินดี กับเพื่อนๆ ทุกคน ที่ได้ เข้าอบรม ระดับ 6 ในวันี้ด้วยครับ

และ ด้วยความยินดี อย่างยิ่ง ที่ได้ อบรมร่วม กับ ทีม 7 ประจัญบาล .......

ผู้เยี่ยมยุทธ .... รุ่น พี่ ปี กลาย ...... ครับผม

 

วันนี้เป็นวันที่เราได้มีโอกาสรู้ว่าตัวเองได้ใช้กรรมเกี่ยวกับวจีกรรมไปแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ
เราก็เป็นคนที่แต่ก่อนชอบว่าคนอื่นเพิ่งจะ2ปีเศษมานี้
ที่ได้เกิดความกลัวในกรรมขึ้นมาเป็นอย่างมาก
จนทำให้ก่อกรรมน้อยลงวันนี้ได้ใช้กรรมไปแล้วรู้สึกเบาสบาย
รู้สึกหัวโล่งแต่คอบ่าไหล่ยังไม่หายตึงๆอยู่
พรุ่งนี้คงต้องใช้บริการหลานสาวให้นวดไหล่ให้
คงเป็นเพราะขับรถไกลๆหลายวัน
เพราะงวดนี้เข้ากรุงเทพตั้งแต่บ่ายวันพฤหัส
ศุกร์ดูงานที่ไบเทคเสาร์ก็ไปทำกิจกรรมกับเพื่อนใหม่
วันอาทิตย์ก็ไปเรียนยูเรอัส
สัปดาห์หน้าคงเข้าวันเสาร์แต่คงไม่เอารถไปแล้ว
ใช้บริการรถตู้อาทิตย์หน้าคงได้เจอเพื่อนอีก

 

เจ๊ สู้ สู้

มีคน ตามมาเชียร์ ............



วันนี้ หลังจาก เรียนกลับมา .... ต้องรีบกลับ ห่วงลูก ไม่รู้ มี ผู้ใหญ่ อยู่ บ้าน หรือเปล่า

พอดี เค้านัดเพี่อน มา ทดลอง งาน อะไร กัน ด้วย

ที่จอดรถ มีอาการแปลกๆ เจ้า มาม่า กับเจ้า มีมี่
มัน ไปยืนเห่า หน้า ที่จอดรถ อยู่นาน จน ต้องลงไปดู
เดิน ตรวจตรา ดูความเรียบร้อย ก็ไม่มีอะไร ผิดสังเกต

เดินวน อยู่ หลายรอบ...................... จนในที่สุด....55

เฉลียว ใจ นึก หลังที่จอดรถ สูงขึ้นไปหน่อย เหมือนมีอะไร แปลกๆ

แล้ว ปลายนิ้วเท้า มีอะไร แว๊บๆ ทั้งสองข้าง

ยืนยิ้ม เลย ซิเรา................. ก็ จัดไป แผ่เมตตาให้ เขาไป

สักพักหนึ่ง .... เหมือนเหตการ ปกติ

เจ้า มาม่า เห่าอีก รอบ ใหญ่ .............. อ้าว ยังไม่หมด หรือ

ผม ก็ มอง ตรวจ ตรา อีกที............. งวดนี้ ขึ้นไหล่ ปวด ตึบๆ .... 55

รอบ นี้ เก่ง กว่า เก่า.................55 ก็ จัด การ ซะ....
แต่ ยังไง ไม่รู้ ยัง สงสาร เค้า เอา เป็น ว่า ไป ดี ไปดี เถิด นะ .. แผ่ เมตตา ไปอีกรอบ
ขอ พลัง พระสูงสุด โปรด เมตตา เขา นำเขา ไปสู่ แสงส่วาง

ซ้ำ ๆ สัก สามสี่ รอบ ..................... ก็ หายไป ครับ

ยังไม่ หมด ครับ วันนี้
คุยโทรศัพท์ กับ เพื่อน เดินคุย รอบๆ บ้าน ใช้ หู ฟัง นะ ครับ

มาอีกแล้ว หัวไหล่ หนักๆ ปวด นิดๆ...... โถ้ อย่า แกล้ง กัน ซิ
พัก หนึ่ง ... เข้า หัวใจ เลย

ทำให้ผม ยืน ยิ้ม กับตัวเอง
เรียนมา ได้ ใช้ เป็น ชุด ใหญ่ เลย ในวันนี้

ยังใจเย็น ไม่อย่ากไล่ ทำเอา เจ็บ ตรง กลางอก และหัวใจ

จึง ดูให้แน่ใจ ว่า เป็นอะไร....... ยังไม่ อยากไล่ หรอก แต่ มัน เจ็บ นะ

สุดท้าย .... ก็ ต้อง ของพลัง พระแม่นุช และ พระสูงสุด พระบรมพุทธเจ้า ขอโปรด ส่งพลัง คุ้มครอง รักษา ข้าพเจ้า...................
และ โปรดเมตตา จิตวิญญาณ นี้ กรุณา นำ เขา ไปสู่แสงสว่าง เถิด

ยังสงสาร เค้า อีก แนะ............... ขำ ตัวเอง

ถ้า เป็นสมัย ก่อน ก็ หยิบ มีด ไล่ ฟัน ไป ตั้งแต่ ยกแรก แล้ว ละมั่ง......55