เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 26 ธันวาคม 2008.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เก่งจริงๆ ความพยายามสูง คุณ รู้ไหมผมเตือนเขา เรื่องอะไร ไม่ใช่เตือนเพราะมาด่าผมแ้ล้วจะต้องตกนรก แต่ ผมเตือนเพราะเขา ขู่อาฆาต ผมต่างๆ

    ก็อย่างที่คุณ เป็นอยู่นี่แหละ เอกวีร์
    ผมก็บอกคุณไปแล้วไม่ใช่หรือว่า มาเถียงกับผมไม่ตกนรก แต่จะตกเพราะกิเลสคุณเอง
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็นี่ไงหละ ผมพูดผิดอะไรเสียที่ไหน ก่อนหน้านี้เอกวีร์เป็นอย่างไร

    แล้วพอมาตอนนี้เอกวีร์เป็นอย่างไร คนที่เคยทำตัวสุขุมเยือกเย็น คนที่เคยทำตัวเป็นผู้ทรงธรรม
    ร้อนรน ขนาดไหน เอกวีร์
    ก็ไปสังเกตุตัวเองดู
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ถ้า ใจเราไม่รู้ทุกข์ มันจะทุกข์ได้อย่างไรจริงไหมอันนี้ใช่แล้ว ถ้าใจเราไม่รู้ทุกข์ ก็เพราะไม่มีเหตุ ใช่ไหมครับ เพราะเหตุมันดับเลยไม่มีผลตามมา ใจเราเลยไม่รู้ทุกข์ มันจะทุกข์ได้อย่าง

    แสดงว่า ที่ใจเรามีทุกข์นั้นแหละ เพราะใจมันรู้ทุกข์ แล้วสมุทัยหรือเปล่าครับ ที่ทำให้เกิดแล้วใจไปรู้ ผล

    ก็เปรียบว่า คนเอามือจุ่มน้ำร้อน แล้ว ลืมตัว พอมันร้อนมากๆ ถึงรู้ตัว จริงๆแล้ว เมื่อจุ่มไป มันก็ต้องสัมผัสรู้ได้แต่ทีแรก แต่เพราะหลง เพราะลืม ต้องรอให้มันหนักๆ ก่อนจึงจะสะดุ้งขึ้นมา[
    หลง นี่เป็นโมหะ เป็นเหตุใช่ไหมครับ
     
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ผมไปนอนก่อนนะครับ ท่านขันธ์ ท่านนิวรณ์ ท่านขวัญ ขอบคุณมากครับไว้จะมาถามใหม่ครับ...
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เอกวีร์ คุณไม่ได้เห็นอาการ สามคนนั้นร้อนรน เป็นไปตามที่ผมพูดจริงๆ แต่สิ่งที่แสดงอาการร้อนรนนั้น เห็นโดนลบทิ้งไปแล้ว เพราะมันหยาบคาย
    แต่ไม่นานหรอกเดี๋ยวคุณก็ได้เห็นอีกคนหนึ่งแถวนี้ที่จะร้อน เป็นรายต่อไป ถ้าคุณยัง ไม่ตั้งสติให้ดี และ เลิกทำกรรม อันไร้สาระ พยายามจะจับผิดบ้าง พยายามจะทำลายความน่าเชื่อถือของผมบ้าง

    ทั้งหมด ไม่ต้องทำกับผมหรอก ทำกับคนที่เขามีศีล ทำกับ คนที่เขาไม่มีเวทนาตอบ
    คุณก็ต้องได้รับ เพราะพระพุทธองค์ ท่านบอกไว้แล้วว่า
    ผู้ใด คิดไม่ดี กับผู้ไม่มีเวทนาตอบ ผู้นั้นจะได้รับเวทนาที่เผ็ดร้อน ลองไปหาพระสูตรมาอ่าน
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เอกวีร์ คำตอบคือ ทำไมตอนนี้คุณ จะต้องเพี้ยนหละ ในเมื่อผมสอนคนอื่น
    แต่มีคนลองดี ครั้นพอโต้ไม่ได้ โทสะก็เกิด มันก็เรื่องปกติ คุณอย่าไปผูกเหตุเรื่อยเปื่อยตามนิสัยคุณ
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ผมจะพูดอะไรให้ัฟัง ถ้าหากว่า เหตุทั้งหมดที่คุณพูดมาเป็นธรรม พระพุทธองค์ ท่านก็คงจะเลือกทางเดิน ที่จะไม่ให้คนกร่นด่า ที่จะไม่ให้หญิงแกล้งอุ้มท้องมาด่า
    หรือ เลือกทางที่เทวทัต ไม่ปองร้ายท่าน

    ทั้งหมดเป็นกรรมของบุคคลเหล่านั้นเอง จะไปห้ามอย่างไร ในเมื่อธรรมมันไปสะดุดกิเลสของคนเหล่านั้น
     
  8. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    เอกวีร์ พอแล้ว อย่าได้ต่อความยาว สาวความยึดอีกเลย
    สภาวธรรมแต่ละคน ก็ใช่ว่าจะเหมือนกัน นิ้วมือคนเรายังไม่เท่ากันเลย
    ไม่มีประโยชน์อันใด ที่จะแสดงความขัดแย้งกันในหมู่นักปฏิบัติธรรม
    ชนะใจในตนย่อมเป็นชัยชนะที่แท้จริง
    ปีใหม่แล้ว คิดในสิ่งดีๆ มองโลกแบบ positive thinking

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
     
  9. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    มีคนเอาเนื้อเพลงมาแล้ว
    เลยเอาเพลงมาให้ฟังกันค่ะ ^_^


    <EMBED src=http://media.imeem.com/m/NS64vsquOf/aus=true/ width=300 height=110 type=application/x-shockwave-flash wmode="transparent">

    (smile)
    </EMBED></EMBED>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2009
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ใช่ครับ นั่นแหละโมหะ คือ ทำไปโดยไม่ได้ระลึกรู้ ในความจริงอันยิ่งกว่านั้น รู้แบบนี้เขาเรียกว่า ไหลไป ดุจดังคน ลอยตามน้ำไป แล้วบอกว่า รู้ตัวว่ากำลังอยู่ในน้ำ แต่ทำไมไม่ขึ้นมาจากน้ำ อันนี้ก็เพราะว่า หลับไหล หลง ไปนั่นเอง

     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จิตมีโมหะ รู้ว่าจิตมีโมหะ จิตไม่มีโมหะ รู้ว่าจิตไม่มีโมหะ

    การเจริญสติปัฏฐาน

    เมื่อเจริญสติปัฏฐาน จิตระลึกรู้โมหะ จิตรู้โมหะชัด จิตรู้โมหะแจ้ง จิตละวางโมหะ

    เรามีแต่อุเบกขา ต่อความรู้สึก ต่ออาการของจิต เพื่อจิตระลึกรู้ จนรู้ชัด รู้แจ่มแจ้งทุกข์ แล้วจิตจะมีกำลังละวางทุกข์ เอง

    นี้เป็นทางของเรา อาจไม่เหมือนท่านอื่น ก็เป็นการแสดงทางเลือกอีกแบบหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2009
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ตามธรรมดา คนมีโมหะจะรู้ตัวนี้ยากครับ ต้องรอเวลาและหมั่นดูให้บ่อย คือ เมื่อตื่นเมื่อไรก็ให้ พิจารณาธรรมทันที อันเป็นสติหลังกาลไปว่า เมื่อนั่นเมื่อนี่ เราหลับไป เราหลงไป
    ก็ อาการระลึกรู้ว่า เมื่อวันนั้นวันนี้เราทำอะไรไปแบบนั้นทำไม นั่นแหละ คือการมีสติขึ้นมาหลังกาล ทีนี้ก็ให้หมั่นระลึก
    พอถึงเวลาก็จะมีสติระลึกขึ้นมาได้เองเป็นปัจจุบันธรรม แต่ถ้าพิจารณาอยู่แล้วบอกว่า ตอนนี้จิตมีโมหะก็รู้ จิตไม่มีโมหะก็รู้ แบบนี้เป็น การคิด การนึกไปเอง

    อีกกรณีหนึ่งคือ จิตไหลไปเคลื่อนไป แบบตั้งใจจะดูจิตเผลอแว็บเดียวมันไป 5 ทวีปแบบนั้นก็ถือเป็นปัจจุบันธรรมก็ให้ระลึกรู้ว่า นี่จิตเราไหลไปหลงไป ให้ดึงกลับมาจิตตั้งมั่นก็รุ้ว่าจิตตั้งมั่นอยู่

    ก็ใครจิตไม่ตั้งมั่น ก็อาจจะไปเดินจงกรม หรือ เปลี่ยนอริยาบท ก็ได้
     
  13. N o v e m b e r

    N o v e m b e r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +109
    สวัสดีปี่ใหม่ขอให้มีความสุขความเจริญ
     
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ถ้าอย่างนั้น ....การเจริญ สติปัฏฐาน 4 เพื่อใช้รู้ โมหะ และกิเลสตัวอื่นๆด้วย ใช่ไหมครับ
    การที่จิต มันคิดเองถามเองตอบเองค้นคว้าเองในใจพิจารณาเองในใจ แต่เราแอบดูมันคิด มันเป็นอย่างนี้ล่ะทั้งวัน บางทีมันไปพิจารณาธรรมบ้าง คำถามอื่นๆที่มีคนถามบ้าง ข้อบางอย่างที่มันสงสัยบ้าง แล้วมันก็ได้คำตอบเอง เราแค่แอบรู้มัน
    แบบนี้เรียกว่าอะไรครับ?
    การเจริญสติ เมื่อไปอย่างต่อเนื่องตามความเพียร มันจะมีการพิจารณาเองและจะมีตัวรู้ หรือตัวแอบดูมันพิจารณาอยู่ จิตมันไม่ได้อยู่เฉย มันยังค้นคว้าในธรรม แต่ในขณะเดียวกัน มันก็จะมีตัวดูความคิดรู้ไปด้วย อีกตัวหนึ่ง แบบนี้เรียกว่าอะไรครับ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2009
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ความคิดเห็น.....นี้เป็นทางของเรา อาจไม่เหมือนท่านอื่น ก็เป็นการแสดงทางเลือกอีกแบบหนึ่ง.........
    ขอใช้คำว่า นี่เป็นทางธรรม ของการบรรลุธรรม ไม่ว่าจะ สมถะนำวิปัสนา หรือ วิปัสนานำสมถะ ก็ล้วนใช้วิธีการนี้ทั้งนั้น.....
    ...........เรามีแต่อุเบกขา ต่อความรู้สึก ต่ออาการของจิต เพื่อจิตระลึกรู้ จนรู้ชัด รู้แจ่มแจ้งทุกข์ แล้วจิตจะมีกำลังละวางทุกข์ เอง....ความคิดเห็น......ประโยคนี้ บางคนเข้าใจอุเบกขาผิด น่าจะเป็นเพียง ชำเรืองรู้ มีอะไร ก็ชำเรืองรู้ ....เพราะเมื่อใจเป็นอุเบกขา ก้รู้อุเบกขา ....
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็น่าจะมีอาการแบบที่เรียกว่า จิตคิดหาคำตอบ แล้ว คอยระลึกแบบชำเลืองมองเป็นระยะมากกว่า ใช่ไหม แบบนั้นถูก แต่ถ้าทำงานอยู่ แล้วมีสมาธิไปด้วยและเจริญสติไปด้วยพร้อมๆกัน แบบนี้เกรงว่าจะทำงานสองอย่างในเวลาเดียวกันมันไม่ดี อันเรียกว่า ฟุ้งซ่าน คือ ทำงานไปก็ไปจดๆจ้องว่า นี่เราเจริญสติ มันก็จะทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเวลาทำอะไรมีสมาธิก็ทำไปเลย ไม่ต้องเจริญสติ คอยชำเลืองเป็นพักๆ ทีนี้มันจะมีจุดสังเกตุว่า หากระหว่างคิดงาน นั้นมีอารมณ์แปลกๆขึ้นเช่นกังวล งง สับสน แบบนี้แหละค่อยเอาสติขึ้นมากำกับและเตือนตนว่า ค่อยๆ คิด หรือ ระลึกว่า นี้เรากำลังเริ่มจะฟุ้งซ่าน ก็ให้หยุดคิด

    ทีนี้ที่ถามว่า ถ้ารู้ขึ้นมา เรียกว่าอะไร ก็เรียกว่า ปัญญา
    เอาง่ายๆ นะ จำง่ายๆ ปัญญา กิเลส ธรรม ให้ดูแค่นี้
    อะไรที่ สับสน ไม่ราบเรียบ แสดงว่าเรามีกิเลส ให้หยุดใช้ปัญญาแต่ให้ใช้ศรัทธา สติ สมาธิ
    อะไรที่ ไม่สับสน ทำได้ด้วยองค์ธรรม มีสมาธิ มีสุข สบายๆ ก็คอยชำเลืองมองเป็นระยะๆ พอ

    ตอบไปแล้ว ข้อต้น ลองพิจารณาดูอีกทีแล้วกัน
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ฝากเอาไปคิดกันด้วย
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    การดำเนิน วิปัสสนา มองสิ่งนั้นสิ่งนี้ ต้องน้อมใจลงสู่ ความเห็นที่ว่า สิ่งนั้นไม่เที่ยง ไร้สาระ
    จะประหารอะไร ก็ให้มองให้เห็นว่า ไอ้ที่เราเป็นอยู่ ทุกข์อยู่ บ้าๆบอๆ อยู่นั้น ไม่เที่ยงไร้สาระ
    เวลาเศร้าโศก เวลาทุกข์ใจ ก็ให้มองว่า อาการเหล่านี้ เดี๋ยวมีเดี๋ยวหาย เดินไปเดินมาไปคิดเรื่องอื่น อาการเหล่านั้นก็หายไป นี้แสดงว่ามันไม่เที่ยง มันไร้สาระ มันหลอกเรา เดี๋ยวมันก็เศร้าโศก เดี๋ยวมันก็เพ้อเจ้อ เพ้อเจ้อเสร็จก็หาย แบบนี้จะไปเอาอะไรกับมันอีก มันปรุงแต่งทั้งนั้น
    เมื่อใจมีอาการเบื่อหน่าย คลายกำหนัดแบบนี้ เรียกว่า นิพพิทาญาณเกิดขึ้น คือ เกิดตัวรู้ตัวเห็นว่า สรรพสิ่งนั้น ไร้สาระ เราเบื่อที่จะเอาใจเราไปผูกติด

    ไม่ใช่อารมณ์เบื่อเซ็งนะ อันนั้นมันกิเลส แต่ เบื่อหน่ายด้วยการเห็นความจริง ดุจดังเช่น คนดูหนัง เรื่องเดิมซ้ำๆ ใจมันก็รู้ว่าเดี๋ยวมันจะต้องเป็นแบบนั้น มันก็เลยไม่อยากดู เพราะมันรู้แล้วว่า เดี๋ยวมันก็ต้องเป็นแบบเดิม เราดูมาแล้วเห็นมาแล้ว ก็เกิดอาการเบื่อ ที่จะดูซ้ำๆ เพราะมันไร้สาระ จิตก็จะเพิกออกจาก กองทุกข์ นี้ต้องพิจารณาความจริงให้เกิดแบบนี้ จึงจะเรียกว่า เข้าสู่ทาง แล้ว สัจจธรรมทั้งหลายจะปรากฎที่ใจ
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    สวัสดีปีใหม่ทุกๆท่านครับ
    การถกธรรมก็ถกกันไป แต่ควรรักษาความสัมพันธ์ไว้
    สวัสดีปีใหม่ครับคุณขันธ์
    เมื่อปีที่แล้วคุณฝากคำว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...