เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 26 ธันวาคม 2008.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ผมขอตัวไปพักผ่อน ใครจะเถียงกับพระพุทธเจ้า ก็เชิญ

    แล้วย้อนกลับไปพิจารณาธรรมที่ผมให้ไว้ ว่าขัดกับส่วนใด แห่งพระพุทธองค์

    แล้วค่อยมาโต้แย้งกัน
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ไม่ได้มาอ่านวันเดียว เป็นได้หลาย
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ไอ้ธรรมภูติ ...?
     
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ไม่ใช่นั่งรู้ดูเฉยๆ แล้ว ละ หรือ เร่งรอบ นั่นคือ สมถะ..
    เข้าใจผิดอย่างแรง...
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขอบคุณค่ะ [​IMG]

    ไม่ทันก็ยังดีกว่าเรา เรายังไม่เห็นเลย ล้าหลังกว่าคุณอีกนะนี่ ^.^
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สงสัยไม่มีอะไรจะเถียงแล้ว พูดจาเรื่อยเปื่อยไปแล้ว

    ฮึ น่าเวทนา ขนาดยกพระสูตรมาให้ดูก็แล้วอะไรก็แล้ว ยังงมโข่ง คิดว่าคนอื่นเขาไม่รู้ในวิธีการของตน
    ไอ้ที่คุณฝึกกันมา ถ้าจำได้ เมื่อสองปีก่อน ผมก็พูดเคยชี้ให้ดู ไม่รุ้กี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยให้ยึดติดแบบนี้
    ตลกดี คนเรา
     
  7. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    อ่านถึงหน้า 12
    เห็นใจท่านเอกจริงๆ
    โดนกิเลสลากเข้าป่าไปแล้ว หุๆๆๆ
    คงเพราะตั้งสติได้มั๊ง เลยลบข้อความตัวเองออกหมด หุๆๆ
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ใครว่าตั้งสติได้ แล้วจึงลบข้อความเล่า ที่ลบข้อความเพราะไม่รู้จักวางว่าอะไรผ่านไปแล้วผ่านไปแต่ยังคิดตามกิเลสมันยุเลยทำอะไรไป แบบเรื่อยเปื่อยต่างหาก
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จิตดูจิต-อาการจิต จิตเห็นจิต-อาการจิต จิตพิจารณาจิต-อาการจิต
    พิจารณาลงเป็นไตรลักษณ์ จิตย่อมเห็นธรรม ตามคำสอนของพระพุทธองค์
    เป็นเหตุให้จิตเกิดปัญญา

    หากเป็นเราเห็น เราทำ เราพิจารณาธรรม ลงเป็นไตรลักษณ์
    สิ่งที่พิจารณาก็ตกค้างอยู่ที่เรา ปัญญาเกิดแต่เรา หยั่งลงไม่ถึงจิต
    จิตย่อมไม่เกิดปัญญา

    หากท่านคิดว่า ไม่มีเรา เสียแล้ว มีแต่จิตพิจารณาจิต
    ก็เกินฐานะที่เราจะไปรู้ตรงนั้น เพราะ เรายังมีเราอยู่ คงจะอยู่กันคนละขั้น
    สักกายทิฏฐิ ก็มีอยู่ ถือไว้เต็มมือ อาจทำให้คุยกันคนละสภาวะ

    เพราะ นั่งดูรู้เฉย ของเรานี้ คือ เราเฉย เราอุเบกขาต่อความรู้สึกนึกคิดของจิต
    เราเพียงแต่ ดูจิตคิด จิตทำ จิตรู้สึก โดยเราไม่ช่วยเข้าไปทำ
    ปล่อยจิตพิจารณาไป จนจิตเห็นทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์ ด้วยจิตเอง
    เราปล่อยจิตทำงานโดยไม่แทรกแซง สิ่งที่จิตทำได้ก็คือทำในมโน
    ในความคิด เป็นมายาภาพเท่านั้น ไม่ได้ไหลออกมาที่กาย
    ถ้าเราไม่ทำก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าเราทำก็เกิดจาก เรารู้ตัวว่าจะทำ เราเจตนาทำ
    หรือถ้าแย่หน่อย ก็คือหลงไปเผลอไป จึงทำไปโดยไม่รู้ แต่ถ้าเผลอแล้วรู้ตัว
    ก็ยังดี ถือว่ารู้ตามหลัง ตามภูมิธรรมที่มี ทำได้เท่าไร ก็เท่านั้น จิตก็มีปัญญา
    ตามสภาวะที่จดจำระลึกรู้ได้ ด้วยสติที่เกิดเอง

    ถ้าท่านไม่มี "เรา" เสียแล้ว ก็คงจะเข้าใจต่างกัน จากที่เราเข้าใจ
     
  10. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    อ่อ เป็นเช่นนี้เอง
    แล้วคนที่ชอบกล่าวสอนให้กล้าหาญในการแสดงธรรม หายไปไหนแล้ว
    มุดรู ปลีกวิเวกอยู่ หรืออย่างไร
    เล่าปังผู้ทรงภูมิหายไปไหนแล้ว
    สามเทพปริยัติที่สันโดษมักเอ่ยถึง ขันธ์ เล่าปัง วิมุตติ ไม่ครบองค์แล้วสิ อิอิ
    ผมจะสรุปแบบสั้นที่สุดให้นะ
    การตามรู้ดูเฉย เป็น subset ของการปฏิบัติ
    ย่นย่อที่สุดแล้ว คงไม่ยากเกินความเข้าใจ อิอิ
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ยกพุทธพจน์มาตรงๆ คำสอนครูบาอาจารย์ก็มีตรงๆ
    คนกิเลสหนาก็ยังจะอ้างนั่นอ้างนี่ให้ตรงกับทัสนะตน

    แถมยังมีคนกิเลสหนา มายกยอกันเอง รับรองคุณธรรมกันเอง

    ไปอ่านพุทธพจน์ให้ตรงเถิด นั่นแหละตรงตัวที่สุด ใครยังพยายามตีความให้ตรงกับจนนั่นแหละบิดเบือน
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เด๋วนี้ อ่านแล้วไม่ค่อยตีความ เพราะขี้เกียจคิดตาม ขี้เกียจตีความ
    แต่ก็มีเผลอบ้าง อ่านแล้วรู้ ก็แล้วกัน ไม่รู้ก็ผ่านไป
    อ่านแล้วไม่เข้าใจก็ข้ามๆ ไป แต่ถ้าจิตมันชอบ มันก็จะขยัน
    ไปอ่านเอาเรื่องเอง ก็ปล่อยมัน ให้มันอ่านให้สมอยาก
    พอสมอยาก ก็หยุดเรื่องนั้นเอง พออยากก็เริ่มใหม่
    ก็วนๆไป ก็ไม่ท้อ ฟังธรรมของหลวงพ่อแล้ว สงบลงเยอะ
    ไม่ค่อยติดสงสัย ก็เลยไม่ค่อยขวนขวายออกนอกตัว
    เพราะรู้ว่า ยิ่งออกนอกตัว ยิ่งเหนื่อย เหมือนหางานทำ
    ก็รู้อยู่ที่ตัวเอง ปรุงเข้าตัวน้อยลง เพราะรู้ทันแล้ว ก็หยุด
    รู้ไม่ทัน ก็เข้ามาอยู่ในตัว รู้ทันได้เมื่อไร ก็วางไป หยุดร้อนรน
    หยุดดีดดิ้น หยุดคร่ำครวญ หยุดวุ่นวาย ก็ไม่ท้อ ไปเรื่อยๆ ^.^
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขึ้นชื่อว่าปุถุชน มีธรรมชาติคือปรุงเข้าตัว เป็นปกติ
    อ่านอะไร ก็บิดเบือนเข้าตัว ไม่รู้ก็พยายามจะคิดให้รู้
    อ่านแล้วก็แปลให้เข้ากับทิฏฐิในตน ให้เข้าทางตนอยู่นั่นเอง

    ก็รู้อยู่ว่าตนเองเป็นอย่างนี้ ก็มีเท่านี้ เรารู้ยังไม่พอ
    ต้องให้จิตรู้ด้วยจะได้ทำตัวถูก มีธรรมชาติที่ถูกที่ควร จะได้เดินถูกทาง
    รู้ธรรมชาติของตน ก็เพื่อตนช่วยตนเองให้พ้นจากภัย ที่เป็นธรรมชาติของตน
     
  14. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ผมก็ปรุงตามอยาก ตามความพอใจ และขุ่นเคืองเมื่อไม่ถูกใจครับ ^-^
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พักนี้ มันสงบราบเรียบ เกินไปเหมือนกันนะ
    ไม่รู้สึกถึงแรงดันในอกแล้ว เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าจะเจอยังงี้
    มันก็เตรียมตัวไว้แล้ว ก็ต้องรอดูเวลาเจอเรื่องใหม่ๆที่นึกไม่ถึง

    แต่ยังมีหงุดหงิด รำคาญใจ ยินดี ยินร้าย บ้าง แบบมาเร็วไปเร็ว
    จู่โจมเร็ว พอรู้ตัวก็เผลอยินดีไปซะแล้ว
    ร้องไห้ ก็แป๊บๆ เทียบกับเมื่อก่อน เคยร้องไห้ทีเป็นวันๆ
    คร่ำครวญเป็นวันๆ ก็มี นึกแล้วก็ทุกข์ น้อยลงนะ สติมาเร็ว รู้ตัวเร็วขึ้น

    แต่ยังไม่แน่ใจนะ ว่ามันไปปรุงภพ เฉยๆไว้รึป่าว จิตมันแสบ
    พอรู้ทันอย่างนี้ มันก็ไปอย่างนู้น ก็ตามดูมันไป [​IMG]
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ตลกดี สตรีคุยกัน ไม่กล้าเอ่ยธรรมตรงๆเสียแล้ว
    ประมาณสตรีที่อยากอวดคน ก็เอาภูมิมาอวดกันให้คนอื่นเขาได้ยิน
    ว่าข้านี้ ดีขึ้น รวยขึ้น ดุจดังเด็กอวดของเล่นให้กันฟัง
    แต่ด้วยมานะก็มิกล้าเอ่ยชื่อตรงๆถกธรรมกันตรง อันมิใช่วิสัย บุรุษเพศผู้ไม่ประมาทและ
    หาใช่เป็นการสอนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

    ขนาดยกพระไตรปิฎกมา ยังอ้างว่าธรรมพื้นๆ
    อันนี้ก็ตามแต่พวกท่านจะพิจรณาต่อไป
     
  17. บุคคลทั่วไป 1 คน

    บุคคลทั่วไป 1 คน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +7
    แรกเริ่มเราก็ไม่รู้ว่าเรารู้ผิดจากความเป็นจริง
    เพราะเราถูกดูดติดอยู่กับมัน
    พอเราย้ายข้างมารู้ถูกตามความเป็นจริง เราจึงเห็นไอ้ตัวที่รู้ผิดจากความเป็นจริง
    ไอ้ตัวที่รู้ผิดจากความเป็นจริงมันก็ชัดขึ้น
    แต่เราก็ไม่มีปัญญาหลุดจากข้างที่รู้ถูกตามความเป็นจริงและข้างที่รู้ผิดจากความเป็นจริง
    เพราะพอเราหลุดจากข้างที่รู้ถูกตามความเป็นจริง เราก็ถูกดูดกลับไปติดข้างที่รู้ผิดจากความเป็นจริง
    เหมือนโลหะที่อยู่กลางแม่เหล็กสองอัน หลุดจากอันหนึ่งก็ถูกดูดไปติดอีกอันหนึ่ง
    ความรู้สึกตอนนี้เป็นอย่างนี้ครับ
     
  18. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    [๒๕๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของ อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสแล้ว ฯ

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงสัมมาสมาธิ ของพระอริยะ อันมีเหตุ มีองค์ประกอบ(เป็นปัจจัยกัน) แก่เธอทั้งหลาย พวกเธอจงฟังสัมมาสมาธินั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวต่อไป ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ฯ

    [๒๕๓] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาสมาธิ ของพระอริยะ อันมีเหตุ มีองค์ประกอบ คือสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ประกอบแล้วด้วยองค์ ๗ เหล่านี้แล เรียกว่า สัมมาสมาธิของพระอริยะ อันมีเหตุบ้าง มีองค์ประกอบบ้าง ฯ

    [๒๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง ๗ นั้น สัมมาทิฐิย่อมเป็น ประธาน(ตัวนำ,เป็นใหญ่) ก็สัมมาทิฐิย่อมเป็นประธานอย่างไร คือ ภิกษุรู้จักมิจฉาทิฐิว่ามิจฉาทิฐิ รู้จักสัมมาทิฐิว่าสัมมาทิฐิ ความรู้ของเธอนั้น เป็นสัมมาทิฐิ ฯ

    [๒๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มิจฉาทิฐิเป็นไฉน คือ ความเห็นดังนี้ว่า ทานที่ให้แล้ว ไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้ว ไม่มีผล ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะไม่มี สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติ ชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลกไม่มี นี้มิจฉาทิฐิ ฯ (เพราะทานที่ให้ย่อมมีผลแก่ปัจจุบันขันธ์่หรือชีวิต คือแบบโลกิยะอยู่)

    [๒๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวสัมมาทิฐิเป็น ๒ อย่าง คือ

    สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์(ชีวิตในปัจจุบัน) อย่าง ๑

    สัมมาทิฐิของพระอริยะ ที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค อย่าง ๑ ฯ


    http://www.nkgen.com/483.htm
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณขันธ์ครับ ผมมาพิจารณาดูแล้วนะครับว่า
    คุณจะมาบอกยอมแพ้ผมนั้นมันไม่ถูกต้อง
    เพราะ คุณเองบอกว่าจะสั่งสอนผมนิครับ
    และยังบอกอีกว่าชอบถกธรรมกับผม

    ถ้ายอมแพ้ก็เท่ากับคืนคำ หรือที่ชาวบ้านเค้าเรียกว่ากลืนน้ำลายตัวเองนะครับ

    คุณขันธ์ครับ คุณนี่เป็นคนหลงตัวเองเอาเรื่องเลยนะครับ
    ตลอดเวลาที่คุณพูดมาหนะ มันไม่มีสาระตรงไหนเลยที่จะนำไปปฏิบัติได้จริง
    เพียงแค่คิด แล้วก็คิด เท่านี้ มันจะละได้รึ
    ถ้าละได้ คนครึ่งโลกก็เป็นพระอริยเจ้าไปหมดแล้วครับ

    ;aa24
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    คุณขันธ์ครับ ผมขอยกเอาบาลีมาเทียบเคียงด้วยนะครับ
    มิฉะนั้นแล้วความหมายคลาดเคลื่อนหมดนะครับ ดังนี้
    อัตถิ จิตตันติ วา ปะนัสสะ สะติ
    ปัจจุปัฏฐิตา โหติ
    ยาวะเทวะ ญาณะมัตตายะ
    ปะติสะติมัตตายะ
    ท่านพระศาสนโศภน วัดมกุฏกษัตริยาราม แปลไว้ดังนี้
    ก็หรือสติว่า จิตมีอยู่ เข้าไปตั้งอยู่เฉพาะหน้าแก่เธอนั้น
    แต่เพียงสักว่าเป็นที่รู้ แต่เพียงสักว่าเป็นที่อาศัยระลึก

    คุณขันธ์ครับเป็นไปได้หรือครับว่า
    เพียงแค่คิดแล้วก็คิดเท่านี้ก็เป็นการทวนกระแสธรรมแล้ว
    ถ้าจิตไม่ตั้งมั่นสงบ(สมถะ)เป็นสมาธิ
    แล้วจะพิจารณา(วิปัสสนา)เห็นได้ถึงอารมณ์ต่างๆที่ว่ามานี้
    ได้ทุกขณะโดยไม่พลาดแม้ขณะจิตเดียวได้รึ???
    ไม่รู้อยู่ที่รู้เฉยๆ แล้วจะทำอะไรกับอารมณ์ละครับ???
    ในเมื่อเหตุเกิดขึ้นรู้ สิ้นเหตุไปก็รู้ ยังมีอะไรอีกครับ???

    ;aa24
     

แชร์หน้านี้

Loading...