เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 26 ธันวาคม 2008.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณหลินจิ่นเฉิงครับ
    ดีแล้วครับที่พูดถึงคนโง่ที่สุด
    คุณยอมรับมั๊ยครับว่า คนโง่ที่สุดพวกนี้เค้าก็ทำบาปน้อยกว่า
    พวกสัตว์โลกที่คิดว่าตนเองฉลาดใช่ไหมครับ
    ไม่เป็นพิษเป็นภัยเหมือนคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดอย่างทุกวันนี้นะครับ

    คุณรู้จักคำว่าปัญญาไหมครับ
    ปัญญาในทางโลก ต่างกับปัญญาในทางธรรมอย่างสิ้นเชิงนะครับ

    ปัญญาในทางโลกนั้น เค้ายกย่องคนที่เรียนมามาก
    มีปริญญาหลายใบ ท่องจำมาได้เยอะ รู้สารพัดรู้ แต่เอาตัวไม่รอดจากกิเลส

    ส่วนปัญญาในทางธรรมนั้น เป็นความสามารถในการปล่อยวางกิเลส
    ยิ่งได้มากยิ่งดี กระทั่งจิตบริสุทธิ์ได้ยิ่งสุดยอดเลยครับ

    คนบางคนในสายตาคนในโลก มองแล้วเป็นคนโง่ในทางโลก
    แต่หารู้ไม่ว่า กลับเป็นผู้ฉลาดในทางธรรม เอาตัวรอดจากกิเลสครอบงำได้

    ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมก็เอาคนโง่๔จำพวกที่บัญญัติโดยอรรถกถาหนูเล็กนิดเดียว
    มาให้อ่านนะครับ (พันทิพY5247761)

    คนโง่สี่จำพวก (บัญญัติโดยอรรถกถาหนูเล็กนิดเดียว)
    1. โง่ที่ยอมรับว่าตัวเองโง่ ย่อมฉลาดเข้าสักวัน
    2. โง่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองโง่ อันนี้พอเข้าใจ
    3. โง่เพราะถูกครอบงำ สักวันคงพ้นได้
    4. โง่แล้วไม่ยอมรับว่าตัวเองโง่ ยังงี้จะว่าไง(เอาไงดีหว่า)

    ***ไวพจน์ของคำว่าโง่ ฉลาดน้อย โง่งมงาย โง่บรม โง่ดักดาน ฯลฯ ***
    ตามมติของอรรถกถาหนูเล็กนิดเดียว พวกที่4.นี้ควรให้อุ้ม คxxxไปแช่น้ำอาจถึงนิพพานพร้อมกันได้
    ชาตินี้ไม่ทันชาติหน้าก็แล้วกัน(ท่านผู้ยิ่งใหญ่ในห้องศาสนา) 555+ไม่ว่ากัน ขออภัย

    ;aa24
     
  2. Bacary

    Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,211
    ค่าพลัง:
    +23,196
    คนรู้ธรรมะ ชอบเอาชนะคนอื่น
    คนปฎิบัติธรรม ชอบเอาชนะตนเอง

    ผู้สนใจธรรม สู้ผู้รู้ธรรมไม่ได้
    ผู้รู้ธรรม สู้ผู้ปฎิบัติธรรมไม่ได้
    ผู้ปฎิบัติธรรม สู้ผู้ที่เข้าถึงธรรมไม้ได้

    กะทิยิ่งเคี่ยวยิ่งมัน กะท้อนยิ่งทุบยิ่งหวาน
    ชีวิตยิ่งพบปัญหายิ่งฉลาด
    ปรัชญาชาวบ้าน​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2009
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    คุณบุคคลหนึ่งครับ

    แสดงว่าคุณเองก็มีสติดีพอที่จะรู้ได้ว่า ฝ่ายรู้ผิดนั้นมีกำลังดึงดูดเรามากใช่มั้ยครับ???

    เพราะว่าเรามีความคุ้นเคยกับมันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย จึงเป็นความคุ้นเคยที่จะออกไปหามันอยู่เสมอนะครับ


    ที่คุณพูดว่า "เราก็ไม่มีปัญญาหลุดจากข้างที่รู้ถูกตามความเป็นจริง"

    ในเมื่อเราสามารถใช้สติดึงให้มาอยู่ฝ่ายรู้ต้องถูกตามความเป็นจริง(วิชชา)ได้(อริยสัจจ์ฝ่ายหลุด)

    ก็ดีแล้วนิครับ เพียงแต่เราต้องสร้างความคุ้นเคยให้จิตมีพลังสติ(สัมมาสติ)ที่จะอยู่กับฝ่ายรู้ถูก(ฝ่ายหลุด)

    ไม่ให้ออกไปหาฝ่ายรู้ผิด(อวิชชา)

    ซึ่งต้องฝึกฝนสัมมาสมาธิในแบบอานาปานสติ เพื่อสร้างสัมมาสติ(ระลึกชอบ)ให้เกิดขึ้นให้ได้ครับ

    ที่พูดมานั้นฟังดูเหมือนง่ายๆนะครับ ลงมือจริงๆต้องใช้ความเพียรอย่างมากๆๆครับ ถึงจะผ่านมาได้ครับ

    ขอถามนะครับว่าคุณเคยฝึกสมาธิแบบอานาปานสติมาบ้างมั้ยครับ???

    ถ้าเคยกรุณาเล่าวิธีปฏิบัติมาด้วยนะครับ ถ้าไม่เคยผมจะลองเสนอแนะวิธีให้คุณนำไปพิจารณาดูครับ


    ;aa24
     
  4. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +10,787
    ............................ชอบตรงนี้จังครับ.....;aa36
     
  5. คีตา

    คีตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +4,309
    ขออนุญาตนะครับ

    ด้วยความเขลา เบาปัญญา และการศึกษามาไม่ดีพอ อยากรบกวนทุกท่านที่อ่านผ่านมา ช่วยกรุณาเข้ามาตอบ หากท่านทราบ ที่กระทู้

    ขอเรียนถามผู้รู้ ... ในข้อธรรม ที่ว่า "กิเลส ความคิด นิมิตร อารมณ์" หมายถึง..?

    ขอบคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยครับ
     
  6. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    สาธุอนุโมทามิ <label for="rb_iconid_31">[​IMG]</label>
     
  7. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    หายไปวันเดียวเอง...ไปกันตั้งหายหน้า..อิอิ
    ความคิดเห็นคุณ บุคคลทั่วไป 1 คน น่าสนใจคับ
    แต่..ขอเป็นพรุ่งนี้นะคับ จะเข้ามาแจมด้วย อิอิ..
    วันนี้ ขอตัว(พร้อมหัว) ไปนอนก่อน
    เพราะต้องตอบกันยาวววววววววว มาก ^^
     
  8. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    ขึ้นหน้า 21 แล้วครับ
    คุณนัทเก่งมากครับ นับถือๆ
    คุณนิวรณ์เข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องทุกขเวทนาที่ท่านขันธ์หมายนะครับ
    ตามที่คุณนัทได้แสดงไว้แล้วว่า กาย จิต ลม มันเนื่องกัน
    เรื่องพื้นๆแค่ ทุกขเวทนา กับ ทุกขสัจจ์ นั้นต่างกัน ท่านขันธ์ย่อมทราบดีอยู่แล้ว
    คุณนิวรณ์มองตื้นเกินไป ไม่มองที่อรรถ แต่กลับไปมองที่พยัญชนะ
    ยิ่งแสดงความเห็นออกมาก ยิ่งเห็นความหลงที่มีอยู่
    ธรรมคุณคลาดเคลื่อนไปมากครับ คุณนิวรณ์ที่รัก...
     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จริงๆ แล้ว ทุกข์เวทนา ที่เกิดจาก ผัสสะทางกาย นั้นก็เป็น ทุกข์สัจนั้นแหละ เพราะว่า อุปาทิ ยังมี กายหยาบยังมี
    แต่ว่า เกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่ก่อมาเป็น อุปาทาน ผัสสะอะไรก็ตาม เกิดขึ้นแล้วดับไป
    ก็อะไรๆ ก็ทุกข์ ถ้ามันเกิดขึ้นได้ แล้วดับไปได้ และตั้งอยู่ไม่ได้
    ก็จริงๆ แล้ว มันก็เป็นเรื่องบัญญัตินะ จะทุกข์สัจจ หรือ ทุกข์เวทนาทางกายมันก็ทุกข์ ใครไปทนอยู่ได้ แต่ แม้ว่าเราทนมันได้ยาก ตัวมันเองมันก็ทนอยู่ไม่ได้เช่นกัน
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ท่านนิวรณ์ มีปัญหาอะไรหรือ :) อยากคุยก็พูดมาเลย มาอ้ำๆ อึ้งๆ ทำไม เอา พระสูตรไปดู
    เคยได้ยินคาถานี้ไหม
    ทุกข์เท่านั้นที่ เกิดขึ้น

    นั่นแหละ ง่ายที่สุด
     
  11. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    อ่านทันแล้วครับ หุๆๆ
    หน้าหลังๆ ไปได้เร็ว เพราะเห็นข้อความของธรรมภูตก็ข้ามได้เลย มันเรื่อยเปื่อย!!!

    ท่านนิวรณ์ ทุกขเวทนาทางกาย ส่งผลไปถึงจิต สภาวะจิตที่ถูกบีบคั้น ทนอยู่ไม่ได้ ก็เป็นทุกขสัจจ์ ที่เนื่องมาจาก ทุกขเวทนา ได้เฉกเช่นเดียวกันกับ สุขเวทนา และ อทุกขมสุขเวทนา

    มองตื้นๆ บ้างก็ได้นะ ท่านนิวรณ์
    ละเอียดเกินไป มีแต่หลงฟุ้งซ่าน
    ผมเห็นท่านอธิบายอะไรที ยืดยาว ทำให้ธรรมแตกออกไปได้ตลอด
    ไปตามทางของกิเลสที่จะนำพาออกไป...
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ดูตรงนี้ให้ดี ว่า จิตที่เราไปรับรู้ แล้วทนได้ยาก คือ ต้องทนอยุ่
    กับ ตัวทุกข์เองมันก็ทนอยู่ไม่ได้เช่นกัน คือ สิ่งใดๆ ที่เราไปสังเกตุ ไม่ใช่เรา
    เพราะฉะนั้น การที่เราทนอยู่ เราต้องเผชิญสภาวะทุกข์อยู่ แสดงว่า เรากำลังติดกับอะไรสักอย่าง เรียกว่า หลง
    แต่ ตัวทุกข์ จริงๆ มันดับไปตั้งแต่ตอนมันเกิดนั้นแหละ
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็ คนส่วนมาก หลงอยุ่ติดอยู่ แล้วจะมาบอกว่า ดูเฉยๆ แล้วมันก็ดับ
    ก็บอกว่า จริงๆ แล้วถ้าเรา รู้แจ้งแทงตลอด แล้ว มันก็ต้องดับไปอยู่แล้ว
    แต่เราไม่รู้แจ้งแทงตลอด มันก็เลยต้อง ทวนกระแส เพื่อให้ตื่น ให้เห็นให้ได้
    ก็ที่ว่า หลงติดอยู่ นั้นแหละ อวิชชา เป็น เหตุต้น

    คนยังไม่เคยดูอายตนะที่ละเอียด มัวแต่นั่งรู้ดูเฉย มันก็เห็นแต่ เดิมๆ เห็นแต่ ความคิด เห็นแต่ อารมณ์หยาบๆ
    มันจะไปเห็นเหตุละเอียดอย่างไร
    ถ้า เห็นแจ้งแล้ว ทีเดียว ลงถึงพระอรหันต์เลยก็ได้ เพราะทุกอย่างมันดับไปหมด เพราะไม่มีสภาวะหลงไปเกาะกับ สิ่งใดๆเลย
    แต่ เรา ผุ้ฝึก มันจะไปมองอย่างนั้นได้หรือ มันยังมีสังโยชน์อยู่มากพอมันก่อตัว นี้เราไม่มีทางทัน กว่าจะรู้ตัวอีกที อ้าวโง่ไปไม่รู้กี่ทวีป
    ก็ ต้องอบรม ดังคาถาที่พระพุทธองค์ประทานไว้ให้ว่า
    มหาสมุทรไม่ได้ลึกทีเดียว แต่ลาดชันลงไป
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อีกประการหนึ่ง คือ ธรรมของพระพุทธองค์ ทุกอย่าง ไม่มีหรอกที่ว่า ธรรมข้อนี้ตื้นเขิน แต่ครอบคลุม ลาดชัน ไปตามภูมิรู้ของคนอ่าน
    พิจารณาให้ถ่องแท้ เถิดจะ ลึกลงไปเรื่อยๆ

    และ ให้จำไว้ว่า ยิ่งเรารู้มากเท่าไร เราจะเห็นธรรม และ กล่าวธรรม เรียบง่ายขึ้นตามลำดับ เพราะทิ้งสมมติออกไป ทำให้เหลือแต่ความเรียบง่าย แต่ ยั่งยืนและครอบคลุม เช่น คำว่า ทุกข์ คำเดียว นี้ ง่ายๆ และ การจะไปอธิบายอะไรมากมายนั้นเยิ่นเย้อ ให้รู้แต่ว่า เมื่อใดที่เรารู้สึกไม่สบาย ไม่ชอบไม่พอใจ นั้นแหละ ทุกข์

    มันง่ายนิดเดียว เมื่อเอาสมมติบัญญัติออกไป แต่ความง่ายนี้แหละ จะให้มันพิสดารเท่าใดก็ได้
     
  15. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ, หลินจิ่นเฉิง </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีท่านหลิน
    ผม(วิมุตติ) ไม่ได้หายไปไหน
    แค่เปลี่ยนชื่อ หาชื่อเท่ห์ๆเล่นเท่านั้นเอง หุๆๆๆ
     
  16. บุคคลทั่วไป 1 คน

    บุคคลทั่วไป 1 คน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +7
    ความจริงมันก็ไม่ใช่รู้ถูกตามความเป็นจริงซะทีเดียวหรอกครับ
    มันแค่มองเห็นผ่านไอ้เจ้าตัวรู้ที่ว่านี่เท่านั้น
    มันไม่ได้เห็นลงไปตรงๆ อย่างที่ควรจะเป็น
    กลายเป็นเราไปสร้างไอ้เจ้าตัวแปลกปลอมนี้ขึ้นมาเพิ่มอีกตัวหนึ่ง
    แต่กำลังมันมีได้เพียงแค่นี้ มองลงไปตรงๆ มันก็ไม่เห็น ทำได้แค่สร้างไอ้เจ้าตัวนี้มาแล้วมองผ่านมัน
    ยิ่งทำนานๆ ไป ก็ยิ่งติดกับมัน จะไม่ยึดไม่ละมันก็ทำไม่ได้ เพราะหากไม่ใช้มัน เราก็จะถูกดูดกลับไปแบบเดิม
     
  17. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    อนุสัยสะสมมาหลายภพหลายชาติ ถ้าแหวกลงไปทีเดียวได้ก็ดีเหมือนกัน ^-^
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็ แหวกลงไปทีเดียว ก็ต้องสะสมบารมี ให้มากพอก่อน แล้วจึงแหวกทีเดียว
    ขันติ ปัญญาบารมี มีมากแค่ไหน คนที่เขา สะสมมาหลายชาติแล้วมาเจอพระพุทธองค์ นั่นแหละ ท่านจึงจะแหวกทีเดียว
    เพราะฉะนั้น ให้สร้างสม บารมีให้พร้อม ด้วยการ อบรม ไตรสิกขา ให้มาก
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณบุคคลหนึ่งคนครับ

    ผมขอเสนอแนะวิธีที่น่าสนใจ มีแต่ได้ไม่มีเสีย
    เพื่อให้คุณลองสมาทานนำไปปฏิบัติดูนะครับ

    ใหม่ๆอาจจะติดขัดอยู่บ้างนะครับ เพราะความไม่คุ้นเคย
    แต่เมื่อได้ทำจนชำนาญแล้ว เพียงแค่น้อมก็ตั้งมั่นได้แล้วครับ

    เรามาฝึกสัมมาสติ(องค์ประกอบหนึ่งของสัมมาสมาธิ)กันดีกว่านะครับ
    สัมมาสติ - ระลึกชอบในที่ ๔ สถาน กาย เวทนา จิต ธรรม
    ให้เริ่มที่ฐานกาย เพราะฐานจิตไม่มีรูปร่าง ระลึกให้ตั้งมั่นได้ยาก
    ฐานเวทนา ต้องรอให้เกิดก่อน ถึงจะระลึกได้ ซึ่งก็จะช้าเกินไป
    ส่วนฐานธรรมนั้นเป็นผล

    ฐานกายที่ว่า ถ้าจะให้สะดวกและระลึกได้ง่าย ควรจะอยู่บริเวณโพรงจมูก
    เป็นจุดที่ลมกระทบเข้า-ออก(ก็รู้) ฝึกให้ชำนาญนะครับ
    ใหม่ๆ ฝึกโดยนั่งหลับตาจะง่ายกว่านะครับ
    พอชำนาญแล้ว จะหลับตาหรือลืมตา เดิน ยืน นั่งนอนก็ได้ทั้งนั้น
    เมื่อกระทบกับสิ่งที่ดึงดูด ลองยกตัวรู้มาอยู่ที่ฐานนั้นสิครับ
    เมื่อจิตเราจดจ่ออยู่ที่ฐานที่ตั้งสติระลึกชอบได้อย่างมั่นคง
    สิ่งดึงดูดนั้นก็จะดับไป ใหม่ๆอาจต้องชักเขย่อกันพักใหญ่นะครับ

    เมื่อชำนาญดีแล้ว เพียงน้อมจิต(ผู้รู้)เข้าฐานกายนั้น สิ่งดึงดูดก็จะดับไป
    ลองสมาทานดูนะครับ


    ;aa24
     
  20. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    คุณบุคคล1 หลวมตัวไปสนทนากับท่านพี่ธรรมภูต
    สงสัยจะยาวครับ
    แต่หาสาระไม่ได้นัก
    ผมว่าใช้วิธีการเดียวกับคุณนัทดีกว่า คือ ไม่เสวนาด้วย หุๆๆๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...