เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

"เด็ด ดอกฟ้า สะเทือนถึงเทวโลก"

 

ส่งประกวดอีกชื่อครับ เพลิงแค้นดอกฟ้า

 

ผมขอร่วมชิงรางวัลด้วยคนครับ
"แรงแค้น"

 

ขอตั้งชื่อด้วยคนครับ
"ผ้าเปื้อนเลือดสะท้านฟ้า"

 

ขอร่วมด้วยคนครับ
"ผลแห่งกรรม"

 

โลหิตพิฆาตสะท้านโลกา

 

ขอตั้งชื่อว่า "กรรมบันดาล" ค่ะ

 

ไม่ประกวดจ้า แต่ถ้าแนวเกมส์คอมพิวเตอร์แล้วชวนให้นึกถึง "แค้นนี้ต้องชำระเจอแจ๊คพอตแตก" หูยรับเละแบบฟลุ๊คๆเร้ย

 

มีตั้งกันหลายชื่อแล้วชักจะมัน เอามั่งครับ "เสน่หา ล่าแค้น" ประกวดแบบสละสิทธิ์รางวัล เพราะไกลกันนะครับ

 

^^
เหมือนในนิยายเลย
ดุเดือนมว๊ากกกกกกกก ค๊ะ
:z1

 

เล่านิทานต่อดีกว่า

ในเกือบเดือนที่ผ่านมา ได้ยินคำพูด "ธรณีสาร" และการ "ต้องธรณีสาร"
หลากหลายครั้ง
ก็ผ่านๆหูไป ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

แต่มาวันจันทร์ที่ผ่านมานี้เอง(๑๐ มกรา ๕๔) ก็มีเรื่องนี้ก็มาประทะเข้ากับตัวไอ้หมออีกครั้ง ซึ่งรวมทั้งวิธีแก้ไขที่หมดจด

เรื่องทั้งหมด ก็มีเหตุมาจากการรักษาคนไข้นั่นแหละ
เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเป็นฉากๆไป

 

แต่เดิม ไอ้หมอมันรักษาคนไข้ทั่วๆไป
ภายหลังมีคนไข้ที่เป็นโรคประหลาดมาหาบ่อยขึ้น โรคเหล่านี้แปรไปเปลี่ยนมา
รักษาโรคนี้หาย ผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ ก็มีโรคใหม่เข้ามา และโดยมากมักเป็นโรคที่หาเหตุมิได้
ส่วนใหญ่ แต่ละโรคล้วนมีเหตุเกี่ยวเนื่องด้วย ต้องลมเพลมพัด

ไอ้หมอให้สงสัยนัก ไอ้คนป่่วยพวกนี้ ไยเนื้อหอมนัก
แถมมีเสนห์ เป็นที่ต้องตาต้องใจของเหล่า เทวดาชั้นต่ำ แลภูตผี สัมภเวสี เปรตและอสูรกายนัก
ไปไหนมาใหน พอพบพานกัน เป็นต้องขอติดสอยห้อยตามกลับมาด้วยเสมอ
และก่อให้เกิดอาการผิดปกติในร่างกายในรูปแบบต่างๆ ซึ่งหาเหตุมิได้

และเมื่อได้ความรู้ในเรื่อง "ธรณีสาร" แล้ว ความสงสัยทั้งปวงก็หมดสิ้นไป
การรักษาโรคแปลกๆก็สามารถรักษาได้ง่ายขึ้น

 

ปูเสื่อรออยู่นะคะอาจารย์อาหมอสุวิ

 

ธรณีสาร เป็นไฉน การต้อง ธรณีสาร เป็นอย่างไร
(รายละเอียดยิบๆของ ธรณีสาร ให้ไปถามอากู๋เกิลเอาเองนะ)

ธรณีสาร เป็นชื่อรวมของ อาถรรณ์ในรูปแบต่างๆ มากมายสุดจะจารไน

ต้องธรณีสาร หมายถึงผู้ที่ต้องอาถรรณ์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายๆอย่างพร้อมๆกัน ทำให้ผู้ที่ต้องอาถรรณ์เหล่านี้
ทำมาหากินไม่ขึ้น ทำอะไรก็ล้วนย่อยยับขาดทุน
เป็นที่รังเกียดแก่คนทั่วไป ไม่มีคนอยากคบหา
ประสพเแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ และอุบัติภัยต่างๆ ไม่รู้จบสิ้น
ฯลฯ

ซึ่งเหตุเหล่านี้ เกิดแบบหาเหตุมิได้ หรือก็ถูกชักนำให้เกิดเหตุ แบบไม่ทันตั้งตัว
บางคนทั้งๆที่รู้ เพียรพยายามแก้ไข ก็ไม่อาจแก้ได้
อย่างหนึ่งพอจะดีขึ้น เรื่องร้ายใหม่ๆก็โผล่เข้ามา ทำให่ชิวิตหมดหวัง

คนที่พอรู้ก็เพียรหาครูบาอาจารย์ที่เก่งๆ แก้ไข
ส่วนใหญ่แก้ไม่ได้ลย เพียงดีขึ้นในระยะแรก แล้วการก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่นๆเข้ามาแจม
พวกที่แก้ได้ก็เพราะมีผลบุญเก่า(ทั้งชาติปัจจุบันและอดีตชาติ)ที่ทำมาดี หนุนนำส่ง

เหตุที่เกิดเหล่านี้ ทุกคนก็ว่าเป็นเพราะกรรมเก่า เจ้ากรรมนายเวรมาทวงหนี้
บ้างก็ว่าเป็นเพราะวิบากกรรมที่ต้องชดใช้

หลังจากได้ทุ่มตัวลงไปศึกษเรื่องนี้แล้วพบว่า
กรรมเก่า และวิบากกรรม(ที่ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรตัวจริงตามประกบ)เป็นตัวกระตุ้นให้ต้องอาถรรณ์ธรณีสารนี้


และผู้ที่ต้องธรณีสาร จะเป็นผู้ที่มีเสน่ห์แลเนื้อหอม
เป็นที่ต้องตาต้องใจของเหล่า เทวดาชั้นต่ำ แลภูตผี สัมภเวสี เปรต อสูรกาย คุณไสย์อวิชาทั้งปวง(ขอรวมเรียกว่าลมเพลมพัด)
ดังนั้นไม่ว่าจะเยื้งย่างไปที่ใด เหล่าลมเพลมพัดเหล่านี้ จะขอเกาะมาด้วยเสมอ
และก่อให้เกิด ความวิบัติต่างดังที่กล่าวมาข้างบน

 

รวมๆแล้ว ธรณีสาร จะหมายถึงเหล่า เสนียด จังไร อุปสรรค อุบาทว์ ฯ
ผู้ต้องธรณีสาร ก็หมายถึง ผู้ที่มี เหล่าเนียด จังไร อุปสรรค์ อุบาทว์ ฯ อยู่ในตนนั่นเอง

แล้วเราจะแก้ไขสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร

การจะแก้ไข ธรณีสารได้ ก็ต้องรู้ก่อนว่า ธรณีสารเกิดขึ้นได้อย่างไร

จาการศึกษาของไอ้หมอมันพบว่า ธรณีสาร ไม่ได้ติดตัวข้ามภพข้ามชาติเสมอไป(มีบางกรณีเท่านั้นที่ข้ามภพชาติ)
แต่วิบากกรรมของผู้นั้นเป็นตัวกระตุ้นให้คนผู้นั้น ต้องธรณีสาร ในชาติปัจจุบัน

เหตุแห่งธรณีสาร เป็นเพราะถูกชักนำให้กระทำผิดในสิ่งเหล่านนี้

๑. ผิดต่อดินฟ้า
๒. ผิดต่อสัจจาที่ให้
๓. ผิดต่อครูอุปปัชชาอาจารย์ที่สอนไว้
๔. ผิดต่อใจในศีลแลธรรมประจำจิต(ไร้หิริ โอตัปปะ)
๕. ผิดต่อจารีต บรรพบุรุษ บุพการี แลผู้มีคุณ

การถูกชักนำให้กระทำผิด ในเหตุทั้งห้าประการที่กล่าวไว้ ทำให้เกิดอาถรรณ์ติดตัวคนผู้นั้น

แม้ผู้ที่ไม่ได้ต้องอาถรรณ์ หากไปคบค้า ร่วมหอลงโรงด้วย ไม่นานก็จะต้องอาถรรณ์ ธรณีสาร ไปด้วย (ยังกะโรคติดต่อเลยนิ)<O</O

 

ดูน่ากลัวกว่าโรคติดต่ออีกนะคะ...ไปคบค้าก็ติดด้วยโอ้น่ากลัวๆๆๆๆๆ

 

ความผิดห้าแบบที่ว่าไว้ เป็นอย่างไร จะจารไนให้ฟังเป็นเรื่องๆ

เรื่องที่ ๑ ผิดต่อดินฟ้า เป็นไฉน

เล่าให้ฟังสักเรื่องสองเรื่องก็แล้วกันนิ
คนไข้ผู้หนึ่งมาหาไอ้หมอด้วยอาการ สะเก็ดเงิน
ตรวจเช็คแล้ว กลับมิได้เป็นสะเก็ดเงินธรรมดา แต่เป็นสะเก็ดเงินอันเกิดมาจาก การต้องพิษนาค
ได้ให้ยาสำหรับการรักษา สะเก็ดเงินและยาแก้พิษนาคไป อาการก็ดีขึ้น แต่ไม่หายขาด พอยาหมด อาการก็เริ่มอีก
เป็นดังนี้อยู่สองสามเดือน สร้างความสงสัยให้ไอ้หมอยิ่งนัก

ได้ตรวจปูมหลังดู ก็พบว่าในสมัยวัยรุ่น ได้ไปปัสสาวะรดต้นไม้ใหญ่ใกล้สระน้ำกว้าง อันเป็นที่อาศัยของนาคตนหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องอาถรรณ์แห่งพิษนาค (ซึ่งเป็นหนึ่งของธรณีสารในข้อผิดต่อดินฟ้า-นาคเป็นเทวดาพวกหนึ่ง)
การแก้ไขก็ต้อง ขอโทษ ขออภัยและขออโหสิต่อนาคตนนั้น ก่อน
แล้วจึงทำ น้ำมนต์ หรือทำยาธรณีสารล้างอาถรรณ์นั้น จึงจะหายขาด

เรื่องของคนไข้ที่คอบวมตุ๋ย ที่เล่าไปมาดๆ ก็เป็นเรื่องของความผิดที่กระทำต่อดินฟ้า
ก็ชาติหนึ่งเพียงคิดแก้แค้น โดยเอาผ้าเปื้อนประจำเดือนโยนขึ้นไปบนประรำพิธีไหว้ฟ้าดินและบูชาครู
ทำให้ต้องอาถรรณ์ผิดต่อดินฟ้า
ได้ให้วิธี ขอขมาขอโทษ ขออโหสิไปแล้ว รอเพียงทำน้ำมนต์หรือยาธรณีสาร ล้างอาถรรณ์อีกครั้งเรื่องก็จบ

 

การทำเทวตาพลี ที่ อ.บาส ชวนเหล่าศิษย์ทั้งหลายทำกัน ก็ล้วนเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ ธรณีสาร

ซึ่งมีวิธีการเคร่าๆดังนี้
๑. ทำพิธีขอขมา เทพเทวาทุกชั้นฟ้า
อ่านโองการหรือใช้อำนาจอภิญญาน้อมเชิญ พร้อมบูชาด้ยธูปเทียนอาหารคาวหวานและผลไม้ ที่วางบนผ้าขาว
แล้วกล่าวบูชา ขอขมาลาโทษ ฯลฯ
ขอพร

๒.ทำพิธีลอยเคราห์ ซึ่งประกอบไปด้วยสิ่งของดังนี้
๑. กระทงใบตอง ๑ ใบ<O</O
๒. ตัดเล็บมือเล็บเท้าทั้ง ๑๐ เล็บ อย่างละหน่อย<O</O
๓. ตัดผมนิดหน่อย<O</O
๔. เอาผ้าขาวหรือกระดาษทิชชู่เช็ดหน้า เช็ดขี้ตา และน้ำมูก เอาของทั้งหมดใส่ในกระทงแล้วจุดธูป ๓๒ ดอก จากนั้น<O</O
ว่า นะโม ๓ จบ<O</O
ว่าคาถา “ ปาสุอุชา “ ( ๒ จบ )<O</O
แล้วกล่าวคำอธิษฐานดังนี้<O</O
ตนตัวแห่งลูกนี้มีชื่อว่านาย นาง นางสาว................นามสกุล.....................
เกิดวันที่........เดือน................ปี...........พ.ศ..................อายุ.............
อยู่บ้านเลขที่.....................ตำบล......................อำเภอ.................จังหวัด...........................
จะขอทำพิธีลอยสัพพระเคราะห์ด่วน ต่อองค์แม่พระคงคาขอได้โปรดเมตตารับทราบและน้ำส่งยังสถานที่อันควรด้วยเทอญ<O</O
<O</O
จากนั้นให้ปักธูปลงที่ริมตลิ่ง แล้วจึงนำกระทงและของทั้งหมดลอยลงน้ำไป
เมื่อลอยแล้ว ให้หันหลังกลับเดินจากไปทันทีห้ามหันกลับมามองอีก
การลอยต้องลอยในน้ำไหลเท่านั้นน้ำนิ่งในบึงในบ่อไม่ได้เด็ดขาด


๓. ให้ทำน้ำมนต์ธรณีสารอาบ ๓-๕-๗-๙ วันติดต่อกัน<O</O

 

แต่ไอ้หมอ มันเป็นหมอที่เล่าเรียนมา แม้จะเป็นแบบแพทย์แผนโบราณ
มันก็ว่ามันไม่ชอบพิธีรีตรองมากมายนัก
ชอบแบบง่ายๆ ให้เข้ากับปัจจุบัน

โดยทำเป็นยาเม็ดๆกิน ก็สามารล้างอาถรรณ์ของธรณีสารได้
ปกติไอ้หมอมันก็ชอบทำเรื่องแปลกๆ ที่ชาวบ้านเขาไม่ค่อยทำกันอยู่แล้ว เช่น

ถูกลมเพลมพัด คุณไสย์ เป็นที่อื่น ก็ต้องรดน้ำมูกน้ำมนต์ ว่าคาถาไล่กันอุดตลุด
แต่ตัวไอ้หมอ มันว่า ตัวมันเป็นหมอยาแลหมอนวด ไม่ใช่หมอผี หมอน้ำมนต์
จึงต้องทำตัวให้เหมือนหมอตามที่หลวงเขามอบหมายมาหน่อย
จึงทำเป็นยาเม็ดๆให้คนไข้กิน ตามเวลา ไม่นานก็หายขาดได้เช่นกัน
ไม่ต้องมีพิธีรีครองมาก

 

๒. ความผิดต่อสัจจาที่ให้ไว้เป็นไฉน

มีคนไข้ของไอ้หมอท่านหนึ่ง เป็นสัตรีตุ้ยนุ้ยเชียว มีอาการโรคแปรไปเปลี่ยนมา หาหมอตามโรงพยาบาลมาหลายปีแล้ว
ก็รักษาไปตามอาการ จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้ว่เป็นอะไร ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นโรคอะไรกันแน่
ได้มาให้ไอ้หมอมันรักษาเมื่อประมาณ กลางปี ๕๓

ไอ้หมอตรวจแล้วก็พบว่า ไฟธาตุหย่อน มีอาการของกรดไหลย้อน และประจำเดือนให้โทษ
ก็จ่ายยารักษาไป อาการทรมารจากโรคต่างๆดีขึ้น
แต่ไม่นาน อาการแปลกๆ ก็เริ่มปรากฏให้เห็น ซึ่งดูก็รู้ว่าเป็นอาการของลมเพลมพัด
ก็จ่ายยารักษาไป
อาการทุกอย่างก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่อาการลมเพลมพัดก็แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆเช่นกัน
พอหายจากอาการหนึ่ง พอเดินทางออกต่างจังหวัด หรือเข้าวัดทำบุญ
พอกลับมาก็มักมีอาการแปลกๆติดตัวกลับมาด้วยเสมอ
สร้างความสสัยให้ไอ้หมอยิ่งนัก

จึงสอบปูมหลังดู ก็พบว่า ในสมัยที่เธอเริ่มไม่สบายเป็นโน่นเป็นนี่ ก็ประมาณ ห้าปีที่แล้ว
เธออยากหาจากโรคจึงไปจุดธูปบอกกับพระประธานวัดไหนก็ไม่รู้ว่า
ถ้าเธอหายจากโรค เธอจะบวช (น่าจะเป็นบวชชีนะ)

แต่จนแล้วจนรอดถึงปัจจุบัน เธอก็ไม่ได้บวช แถมลืมซะอีกว่าได้บนบานศาลกล่าวอะไรไว้ วัดใหนก็ลืมสิ้น

นี่เป็นเหตุให้เธอต้องธรณีสาร

ทำไม่การจุดธูปขอพรพระ จึงเป็นโทษ

ก็พระประธานตามวัดต่างๆมักมีเทวดาอยู่ประจำ เมื่อมาขอพรว่าจะบวช ท่านก็โมทนาสาธุการ และให้พร
แต่ไม่ได้ทำตามที่กล่าวไว้ ท่านโมทนาสาธุการแล้ว ก็เป็นเสมือนติดหนึ้ท่าน
งานนี้จึงติดหนี้เทวดา ผิดทั้งดินฟ้า และเสียสัจะที่กล่าวไว้

งานนี้ได้ให้เธอไปจุดธูป ๑๖ ดอก ต่อหน้าพระประธานที่ศักสิทธ์เป็นที่ขึ้นชื่อระดับประเทศ
ให้ทำบุญอุทิศให้เทพที่อยู่ดูแลพระประธานนั้น กล่าวคำอุทิศบุญ
และเล่าเรื่อที่มาที่ไป และกล่าวขอขมา และบอกคืนสัจจะที่กล่าวไว้ พร้อมกล่าวขอโทษ ขออโหสิกรรม และขอให้ท่านงดโทษ
แล้วให้กลับมานำน้ำมนต์หรือยาธรณีสาร อาบและกิน ๓ วัน