เออ!...ตามมาทำไม..ถ้าไม่รักยายผีป่า?!!

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 23 มีนาคม 2005.

  1. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ. บ้านอนุสาวรีย์ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ (ต่อ)

    ถาม : ............(ฟังไม่ชัด).........
    ตอบ: ตัวนั้นสำคัญที่สุด การพิจารณาตัวเอง คือ กำหนดไว้เลยว่า ยี่สิบสี่ชั่วโมงเราทำดีกับทำไม่ดี อันไหนมันมากน้อยกว่ากัน พยายามให้ส่วนของความดีมีให้มากกว่า จนกระทั่งสามารถที่จะดำรงอยู่ในความดีได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นเราจะขาดทุน
    ถาม : มีคนบอกว่าถ้าเราจะรักษาศีลไม่ทานเนื้อสัตว์......(ฟังไม่ชัด)...
    ตอบ: ไม่จำเป็น รักษาศีล กินเนื้อสัตว์ได้เป็นปกติ เพียงแต่ว่าเราอย่าไปสั่งให้เขาฆ่า อย่าลงมือฆ่าเอง ที่เขาขายกันทั่ว ๆ ไป ตามท้องตลาดเราซื้อหรือไม่ซื้อ เขาก็ขายอยู่แล้ว ถ้าพวกนั้นไปถึง ก็ซื้อมาเถอะอย่าไปทุบเอง ฆ่าเองก็แล้วกัน สำหรับพระละเอียดหน่อย พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ถ้าไม่รู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ถ้าไม่เห็นเขาฆ่าเพื่อเรา ถ้าไม่รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเรา อย่างนี้ถึงจะฉันได้ ถ้ารู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา เดินเข้าหลังบ้านไปสักพักหนึ่ง ยกแกงออกมาแล้ว อ้าว !เมื่อกี้นี่มันมีเสียงไก่โดนเชือดนี่หว่า นี่รู้ว่าฆ่าเพื่อเราใช่มั้ย ? หรือเห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเราต่อหน้าต่อตาเลย แล้วรังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อให้เรากินโดยเฉพาะหรือเปล่า ถ้าอย่างนี้ฉันไม่ได้ สำหรับฆราวาสแล้วถ้าหากว่าไม่ได้สั่งให้เขาฆ่า ไม่ได้ลงมือเองไปซื้อตามท้องตลาดที่เขาทำไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เลยก็พระยังฉันได้ ฆราวาสจะไม่ได้ได้ยังไง
    ถาม : ..........(ฟังไม่ชัด).......เขาบอกว่าศีลยังรักษาได้ไม่ครบ อย่างศีลข้อหนึ่ง ก็คือเราไปเบียดเบียนสัตว์
    ตอบ: บอกเขาไปว่าศีลข้อหนึ่ง ห้ามฆ่าสัตว์นะ เรื่องของศีลนั้นตรงไปตรงมา คำว่าเบียดเบียนสัตว์เพิ่มขึ้นกลายเป็นกรรมบทสิบ กรรมบทสิบนี่เขาถือการเบียดเบียนด้วย มันจะละเอียดขึ้น แต่ว่าขณะเดียวกันว่า การกินมังสะวิรัต ถือว่าดีมาก เพราะว่าเป็นการงดเว้นโดยสิ้นเชิง มีจิตประกอบไปด้วยเมตตาต่อสัตว์โลกเป็นปกติ แต่นั้นหมายความว่า ต้องทำเพื่อละจริง ๆ ถ้าทำแล้วไปอวดหรือไปคิดว่าตัวเองดีกว่าเขา ตัวเองปฎิบัติเคร่งครัดกว่าคนอื่นเขา อย่างนั้นนี่...รู้สึกว่ากินเนื้อสัตว์กิเลสจะน้อยกว่าเยอะ สำคัญตรงที่ว่าเราไปยึดถือการปฎิบัติของเรากว่าดีหรือเปล่า เคร่งกว่าหรือเปล่า ถ้าทำอย่างนั้นถึงงดกินเนื้อสัตว์ไปก็เท่านั้นแหละ
    ถาม : เป็นการอวดกิเลส ?
    ตอบ: เป็นการอวดความดีของตัวเอง
    ถาม : .........ฟังไม่ชัด)......เราก็ไม่อยากให้ใครมองไม่อยากให้ใครมารู้ว่า คือ อยากให้เรารู้เองของเรา
    ตอบ: อยู่กับโลกตามปกติ..แต่ว่าเราไปแค่กรอบของศีล คลุกคลีตีโมงกับเขาได้ จะไปเที่ยวไปเตร่ไปเฮไปฮาเราไปได้แต่ถ้าหากว่าเขาพาเราไปฆ่าสัตว์ เราไม่เอา พาเราไปกินเหล้า เราไม่เอา เราจะมีกรอบของเราอยู่ ไปมันแค่นั้น มันไม่ได้ปฎิเสธโลก เราอยู่กับโลกอย่างมีสติเสียด้วยซ้ำไป เพราะเราระวังอยู่เสมอว่าศีลจะขาดหรือเปล่า
    ถาม : ไม่ได้ห้ามฟังเพลง ?
    ตอบ: ไม่ได้ห้ามเลยจ้ะ ศีลห้าข้อไม่ได้ห้าม ว่าได้เต็มที่
    ถาม : มันอยู่ที่จิตของเราใช่มั้ย ถ้าเรารู้อยู่ ว่าเราทำอะไรอยู่ เราอยู่ตรงไหน ?
    ตอบ: รู้อยู่ พอขยับ ก็รู้แล้วว่าศีลจะขาดมั้ย !
    ถาม : เราทำตัวปกติธรรมดา เหมือนคนธรรมดา แต่ใครจะไปรู้ว่าเราทำอะไรอยู่
    ตอบ: ใช่ ตัวนั้นแหละ เพราะว่าการทำนี่ มีหลายคนที่ทำลักษณะอวดคนอื่นเขาลักษณะอย่างนั้นมันจะกลายเป็นอุปกิเลส อุปกิเลสก็คือว่า เเทนที่จะทำโดยเจตนาบริสุทธิ์ในการลด ละ เลิก ซึ่งความไม่ดีในใจของเรา ก็กลายเป็นทำเพื่อให้คนอื่นเขาเห็นว่าเราดี
    ถาม : ชอบเพราะเขาสรรเสริญว่าเราดี
    ตอบ: ก็ยิ่งกลายเป็นอะไร...เขาเรียก สีลัพพัตตุปาทาน คือ การยึดมั่นในศีลพรต คือแนวปฎิบัติของตนเองว่าดี แทนที่ จะลด จะละ จะเลิก ก็กลายเป็นเกาะเพิ้มขึ้นอีก
    ถาม : แล้วคนที่ละวางได้.......(ฟังไม่ชัด).......
    ตอบ: ไม่ใช่ คนที่ละวางมากเท่าไรยิ่งขยันมากกว่าปกติ เพราะรู้ตัวอยู่เสมอว่าเวลามีแค่นี้เท่านั้นหรือว่ามีแค่วันนี้เท่านั้น คนที่มีเวลาแค่วันนี้เท่านั้น ต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด จะขยันกว่าคนอื่นเยอะเลย หน้าที่การงานอะไรในปกติธรรมดาของตน ทำหน้าที่นั้นจนเต็มที่ เพื่อว่าถึงเวลาแล้วจากไปอย่างสง่างามที่สุด ไม่มีใครนินทาว่าร้ายตามหลังไปได้ ขยันกว่าปกติ ไม่ได้ขี้เกียจ ถ้าปล่อยวาง แล้วขี้เกียจ นั้นไม่ใช่แน่ เลยจ้ะ
    ถาม : อย่างเวลาเขาแข่งกัน เราก็มามองว่า ทำไมเราต้องแข่งกัน ?
    ตอบ: อย่างนั้นมันเป็นเรื่องปกติของเขา เราเองมันไม่อยากในตรงนั้นใช่มัย ? แต่ว่าหน้าที่รับผิดชอบของเรา เราต้องทำให้ดี ทำเต็มความรับผิดชอบของเรา ทำเหมือนกับมีวันนี้วันเดียว</B> ผลงานทุกอย่างต้องให้มันลงตัว คนอื่นเขามาสานต่อจะได้ไม่ต้องลำบาก
    ถาม : มานั่งคิดดู.......(ฟังไม่ชัด)........
    ตอบ: ไม่ใช่ จริง ๆ แล้วก็คือว่า หน้าที่ของเรามีอย่างไรทำอย่างนั้นและทำให้ดีที่สุด มันยิ่งกว่าแข่งนะ เพราะถ้าเราทำเต็มกำลังของเราถึงไม่ต้องแข่ง ประเภทที่เรียกว่าเราทำดีอยู่แล้ว คราวนี้ฒิฬคนที่ทำดีสม่ำเสมอกับคนที่ดีในบางเวลานี่ เขาสู้เราไม่ได้</B> จะดีไปกว่าเขาเสียด้วยซ้ำไปถ้าหากว่าเป็นเจ้านายพิจารณาผลงาน เออ! คนนี้เขาเสมอต้นเสมอปลายดี ผลงานต่าง ๆ จะเป็นของเรา ดีไม่ดีจะเจริญกว่าคนอื่นเขาเยอะ
     
  2. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : .........(ถามเกี่ยวกับเรื่อง
     
  3. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : .........(เสียงไม่ชัด ถามเรื่องการสอบ)..............
    ตอบ: การสอบ ถ้าหากว่าเราใช้คาถาสหัสสเนตโตเป็น มันเหมือนกับการลอกข้อสอบดี ๆ นี่เอง แล้วมันเป็นการลอกโดยถูกกฏหมายซะด้วย เพราะเขาจับไม่ได้ ไปดูเอาอยู่ในหนังสือสมบัติพ่อให้ แล้วใช้ตามนั้น อันนี้อาตมายืนยัน นั่งยันนอนยัน เพราะใช้มาด้วยตัวเองวิชาของพระที่เรียนมันไม่มีให้เลือก มันมีแต่จงอธิบาย ๆ สามหน้ากระดาษ ห้าหน้ากระดาษปรากฏว่าเราเรียนไม่ทัน เพราะเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วมันออกตรงนั้นพอดี พอมันเกิดความรู้สึกขึ้นตามที่ท่านว่า ก็ว่าของเราไปเรื่อย พอจบแล้วจำคำตอบไปดูมันตรงทุกตัวอักษรเลย ถ้าเขาจับว่าลอกข้อสอบ มันเถียงเขาไม่ได้มันเหมือนทุกคำ ถ้าคุณไม่ได้ลอก คุณเขียนยังไงให้มันเหมือนได้ เขาคงไม่เชื่อแน่ใช่มั้ย ?
    เพราะฉะนั้นไปใช้วิธีนั้น ไม่ยากเลย เรียนอะไรก็ได้ มีคนถามหลวงพ่อท่านว่าในเมื่อมันไม่ใช่ความรู้ของเขาจริง ๆ แล้วเด็กจะไม่โง่หรือ ? หลวงพ่อบอกข้อสอบบอกอะไร เด็กมันก็ตอบได้มันโง่มั้ยล่ะ ? ทำตามแบบนั้น อย่าว่าจะเรียนเอกเลย สองเอกก็ได้ แต่ลำบากหน่อย ปริญญาตรีนี่รู้เท่าอาจารย์บอกก็ใช้ได้ใช่มั้ย ? ปริญญาโทนี่ต้องเกลี้ยกล่อมให้อาจารย์คล้อยตามให้ได้ว่าเรามีความรู้ ส่วนปริญญาเอกนี่ต้องหลอกอาจารย์ให้ได้ (หัวเราะ)
    ถาม : แล้วลำโพงกาสลัก นี่เป็นยังไงค่ะ ?
    ตอบ: ส่วนผสมของยาพระประทาน ก็คือลำโพงกาสลัก คราวนี้พระปลัดนิภัทร ท่านเจตนาดีตั้งใจจะช่วยหลวงพ่อก็ไปหามาให้กลายเป็นลำโพงธรรม ลำโพงธรรมดาชาวบ้านเขาเรียกว่า มะเขือบ้า ต้นมันคล้าย ๆ มะเขือ แล้วก็ลูกเป็นหนาม ๆ หน่อย ดอกมันสีขาว ๆ ถ้าสีม่วงมันจะเป็นลำโพงกาสลัก
    ถาม : แล้วกินได้หรือครับ ?
    ตอบ: ทำยาได้ กินมันก็บ้าพอกันนั้นแหละ เพราะฉะนั้นยาสมุนไพรนี่ถ้าตัวไหนอันตราย ระมัดระวังไว้หน่อย ไม่งั้นจะแย่เอา
    ถาม : ..........( เสียงไม่ชัดถามเรื่องสร้างวัดหนองบัวที่พม่า).........
    ตอบ: สมัยก่อนเขาไปตีบ้านตีเมืองกัน สมัยนี้อาตมาไม่ไปตีหรอกไปซื้อคืน คราวที่แล้วซื้อที่คืนไปผืนหนึ่ง คราวนี้จะเอาอีกผืนหนึ่ง จะขยายวัดให้มันกว้างไปเรื่อย ๆ ให้มันรู้ซะบ้างว่าคนไทยเป็นยังไงญาติโยมแถวนั้นเขาก็ดีนะ ขอซื้อที่ขอซื่ออะไรก็กระตือรือล้น เขาบอกครูบาให้เงินให้คำ ( คำ =ทอง) อย่างเดียวข้าน้อยไม่เอานะ ข้าน้อยจะเอาบุญด้วย แล้วให้ตังค์เขาอย่างเดียวเขาไม่เอาหรอก ถ้าเขาไม่ได้บุญเลยให้ทองเขาไป เสร็จเเล้วค่อย ๆ พูดบอกกับเขาว่าถ้าอยากได้บุญมาก ๆ ก็คืนทองมาบาทนึง (หัวเราะ)
    ถาม : เข้าพม่าทางไหน ?
    ตอบ: ด่านเจดีย์สามองค์ ไม่มีปัญหาเพราะว่า ช่วงเขารบ ๆ กันปิดด่าน เข้าไปสองครั้งแล้ว วัดหนองบัวอยู่ที่เมืองจะอีน รัฐกะเหรี่ยงอยู่ห่างจากด่านเจดีย์สามองค์ ถ้ารถออกวิ่งได้แต่เช้า ๆ ค่ำ ๆ ก็ถึง แต่ถ้าหากว่ารถออกสายหน่อยก็ค้างคืน คืนหนึ่ง ถ้าไปเรือนี่ เรือธรรมดา เรือหางยาวทั่วไปก็ค้างสองคืน ถ้าเป็นไอ้เรือด่วน งวดที่แล้วไปเช่าเรือด่วนมันเป็นเรือใหญ่สี่สูบ ออกตั้งแต่ตีห้าไปถึงหนองบัวสองทุ่ม นึกเอาแล้วกันวิ่งน้ำบานไปทั้งวัน ถ้าวิ่งแบบเมืองไทยสบายมากไม่เกินสี่ชั่วโมง ตรงนั้นตอนนี้เสี่ยฮุกกำลังทำอยู่ เส้นทางตั้งแต่ด่านเจดีย์สามองค์ไปถึงเมืองตันบวยเซียต แต่ว่าพวกทหารในป่าเขาไม่ยอมให้ทำเขาให้เกรดเฉย ๆ เขาบอกว่าถ้าทำดีเกินไปแล้วรถมันวิ่งเร็ว มันเก็บค่าคุ้มครองไม่ทันมันกลัวชาวบ้านวิ่งหนีมันแล้วเสี่ยฮุกเขาก็ไปเคลียร์แต่พวกบรรดานายพลในเมือง พวกที่คุมในพื้นที่อย่างพวกผู้พันผู้กองไม่เคลียร์ด้วยเขาเลยแกล้งเอา
    คราวที่แล้วไปเกรดทางไปเจอเอาระเบิดดักรถถึงสามลูก ถ้าหากรถเกรดไม่ดันก่อนให้รถวิ่งมีสิทธิ์เละ ระเบิดดักรถถึงถ้าน้ำหนักหนึ่งร้อยแปดสิบกิโลกรัมกดทับมันจะระเบิด สมัยอยู่ชายเเดนพอกู้ขึ้นมาไอ้เพื่อนบ้า ๆ มันกระโดดกระทืบ โอ้โห !..ได้เราอยากจะถีบมัน คือมันกะว่าน้ำหนักมันหกสิบกิโล มันโดดกระทืบลงไปก็ไม่เกินร้อย ลองดูว่าจะระเบิดมั้ย มันไม่ยักกะลองตอนเราอยู่ห่าง ๆ มันลองตอนเราอยู่ด้วย บ้าดีกระโดดกระทืบว่าจะระเบิดมั้ย ! เพราะตามตำราเขาว่าน้ำหนักกดทับร้อยแปกสิบกิโลมันถภึงจะระเบิด สามเท่าของตัวคน มันกระโดดกระทืบยังไงก็ไม่ถึงพม่ายังห่างไกลความเจริญอีกมากเหลือเกิน แต่ว่าตอนนี้พอสิ้น นายพลติ่นอูกับนายพลซิตหม่อง แล้วก็คงจะกลับเป็นประชาธิปไตยเร็วขึ้นเพราะนายพลติ่นอูกับนายพลซิตหม่องนี่ เป็นฝ่ายที่คัดค้านการเป็นประชาธิปไตย เป็นลูกน้องของนายพลหม่องเอ ผบ.ทบ. ทางด้านของนายพลซอหม่อง กับ นายพลขิ่นยุ้น ค่อย ๆ ปรับให้เป็นประชาธิปไตยไปงัดกับเขาไม่ไหว เพราะเขาคุมกำลังเยอะกว่า ตัวนายพลซิตหม่องที่เครื่องบินตกตายไปนั้นเป็นแม่ทัพควบคุมภาคตะวันออกเฉียงใต้ที่เมืองมะละแหม่งลงมา (หัวเราะ)
    คราวก่อนที่ไป แล้วไปถ่ายรูปคนขับรถไปมันหนีเลย ไม่ยอมวิ่งให้เราอีก กลัวโดนยิงเป้า เขากลัวว่าเราจะไปหาข่าวแล้วเขาเป็นคนพาเราไปจะมีโทษด้วย ทางด้านโน้นอย่างสถานเบาก็ห้ามวิ่งรถ สถานหนักหน่อยก็ยิงเป้าเลยเราก็บอกเขาบอกเบารถหน่อยจะถ่านรูป กองบัญชาการกองทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเขา คนขับรถได้ยินมันตกใจเบรกหยุด ก็เสร็จเราน่ะสิ (หัวเราะ) พอเบรกหยุดเราก็ถ่ายเลยก็กดจิ๊กเดียวแค่นั้น พอตอนเย็นมันบอกว่ารถไม่ดีจะไปซ่อมรถ ไม่ยอมวิ่งให้เราอีกกลัวมากอยู่ที่เมืองพม่านี่เราอาศัยลูกตื้อทำเป็นอ่านหนังไม่ออกมั่ง อ่านออกมั้งไม่ออกมั่งอะไรทำนองนั้น ตรงไหนที่ห้ามไม่ให้ถ่ายรูปก็ถ่ายมันตรงนั้น
    พอไปกับทิดจิตร ตอนนั้นไปที่ กะบาเอ เขามีสอบพระผู้ทรงพระไตรปิฎกปิดป้ายหราว่าห้ามถ่ายรูปก็ถ่ายซะ ตรงไหนห้ามก็ถ่าย ที่เห็นนี่พวกสะพานพวกอะไรนี่เขาห้ามหมดนะ
    มันห้ามอันไหนเราก็ถ่ายอันนั้นแหละ เขาจะกลัวมากเลย อันไหนเกี่ยวกับสถานที่สำคัญอย่างสะพานใหญ่ ๆ สะพานแขวน เขากลัวว่าจะรู้ตำแหน่งแห่งที่ แล้วไปก่อวินาศกรรม อันไหนมันห้ามเราก็ถ่ายอันนั้น ตรงสะพานข้าม สะพานใหญ่ข้ามเมืองพะอาง พอรถวิ่งผ่าน เด็กรถก็จะบอกว่า ห้ามบ้วนน้ำหมาก ห้ามทิ้งขยะ สารพัดจะห้ามจนกระทั่งโดนเด็กวัยรุ่นมันแซว ว่ามองได้มั้ย ? (หัวเราะ) จะมีทหารบล๊อกหัว กลาง ท้าย แล้วก็ข้างล่างตลอดเลย คนจะกล้าถ่ายรูปมันได้ต้องบวม ๆ หน่อย ของเราเราไม่ว่าอะไรหรอก เราก็นึกถึงพระ เสร็จแล้วยืนขึ้นถ่ายหน้าตาเฉยมันบังเอิญถ่ายได้ทุกทีเลย ทำเป็นเล่นไป พม่าเขามีสะพานแขวนเหมือนกับเราเหมือนกันนะ ตอนนี้สบายเลยพวกที่จะไปเมืองพะอางวิ่งตรงได้เลย ไม่งั้นต้องข้ามอ่าวเมาะตะมะ ไปถึงเมืองตะโทงแล้วก็อ้อมขวาเข้าไป ช้าเป็นวันเลย เดี๋ยวนี้จากมะละแหม่งไปถึงพะอางนี่ประมาณสามสี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง ไปเช้าเย็นกลับได้
    ถาม : ตอนอาจารย์ไม่ไปโดนจับกันหมด ?
    ตอบ: มันตลก ของเราไปกัน ๕ คน ๑๐ คน ไปกันเมื่อไหร่ก็ไปกันได้ พอไม่อยู่ซะคนเดียว ไปกันกี่คณะโดนจับหมด พวกนี่ถาคาใช้ไม่ได้ (หัวเราะ) หลุดจากมืออาจารย์เมื่อไหร่ก็โดนจับเมื่อนั้น แต่ถ้าไปกับเราไปทั้งโขยงก็ไปได้ ไอ้ของเราหน้ามันโหด ไปถึงก็ยืนจ้องขู่ทหารมันหดหมดเลย เพราะทหารเขาแปลกถ้าหากว่าใครทำกลัว ๆ นี่มันค้นจังเลย ไอ้ของเราไปยืนจ้องหน้ามันหันหนีหมดไม่มีใครกล้าค้น คนไหนนั่งบนโต๊ะลากมันลงมาแล้วเรานั่งแทน มันเป็นฆราวาสจะมานั่งเต๊ะจุ้ยต่อหน้าพระ แล้วให้พระยืนได้ไงไปจนเขาเบื่อขี้หน้าแล้ว ตอนนี้เจ้าหน้าที่สืบราชการลับของเขา เราเอาเป็นเด็กสะพายย่ามเลย
    ถาม : พม่านี่เขาสร้างวัดเยอะนะคะ
    ตอบ: เยอะมาก แล้วเขาใช้วัดคุ้มด้วย เขาสร้างวัดที่ไหนแปลว่าคนในเขตนั้นทั้งหมดก็ลุยกันเข้าวัดไปเลย ไปดู ๆ แล้วบางทีเราก็อายเขาปีแรกที่ไปก็แบบยืดสุดขีดเลย เราเป็นเมืองพุทธศานาใช่มั้ย ? เดี๋ยวมีอะไรเราก็ไปช่วยเขา ที่ไหนได้ไปถึงมันต้องไปเลียนแบบเขา ของเขาเองคนไปวัดไปวามันเหมือนบ้านเราคนไปเดินห้างกัน เหมือนยังกับวัยรุ่นไปเดินเซ็นเตอร์พ้อยต์นะ มันไปกับขนาดนั้น เช้า ๆ ก่อนออกทำงานเขาสวดมนต์ทำวัตร เข้าวัดเข้าวาปฎิบัติเสร็จ
     
  4. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : เมื่อเดือนที่แล้ว ถามว่า เวลาที่คนเรามีเคราะห์ ควรที่จะทำบุญสะเดาะเคราะห์กรรมนั้นมั้ย ก็ตอบว่า ควรที่จะทำบุญ ถ้าหลบ ๆ ได้ก็หลบ ๆ ไปซะ ที่นี้ก็เกิดความสงสัยต่อเนื่องนะเจ้าค่ะ ว่า เอ๊ะ! ถ้าเรา หลบไปเรื่อย ๆ มันไม่เป็นแบบดอกเบี้ยทบต้นเหรอเจ้าคะ ?
    ตอบ: ไม่ทบล่ะจ้ะ บรรดาพระอรหันต์ที่เข้านิพพานไปนี่เขาตามเก็บไม่ได้ดอกเบี้ยอย่างเดียวนะ เงินต้นก็เก็บไม่ได้เหมือนกัน ไม่มีใครใช้หนี้หมดทุกคน ไปนิพพานก่อน ไอ้การหลบมันเหมือนกับการหลบเลี่ยงปัญหาจริง ๆ ไม่ใช่ คนเราควรจะมีปัญญา รู้อยู่ว่าเวลาไหนวาระไหนควรจะหลบจะเลี่ยงอะไร เราดำรงชีวิตอยู่ในลักษณะของความเป็นมนุษย์ ถ้าปล่อยให้กรรมเก่าตามทันมันจะเกิดความทุกข์ยากลำบากมาก แล้วเรื่องของอกุศลกรรมนั้นแปลก ถ้ามันมีโอกาสเข้ามาแทรกได้ครั้งหนึ่งพรรคพวกของมันทีเท่าไหร่มันก็ระดมกันมา จะสังเกตว่าบางทีพอเราอยู่ในลักษณะที่ช่วงอกุศลกรรมเข้า ที่ชาวบ้านเขาใช้คำว่า
     
  5. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : ผู้ที่เล่นกสิน หรือเล่นทางอิทธิฤทธิ์ ก็ลักษณะเดียวกัน ?
    ตอบ: อันนั้นลักษณะเดียวกัน แต่อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าท่านต่อท้ายไว้ ท่านมีวิปัสสนาญาณต่อท้ายอยู่ แต่ว่าพวกที่เล่นในสมัยก่อนอย่างพวกพราหมณ์พวกอะไรนี่ เขาเอาฤทธิ์เดชโดยตรงอย่างเดียวไม่มีการเลี้ยวเข้าหามรรคผลเลย ดังนั้นสิ่งไหนที่สามารถเลี้ยวเข้าหามรรค-ผล ง่าย ๆ กำลังสูงพอที่จะกดกิเลสหรือตัดกิเลสได้ พระพุทธเจ้าท่านถึงสอน ถ้าไม่สามารถที่ทำได้ท่านก็ปล่อยให้เป็นใบประดู่ในป่าต่อไป
    ถาม : แล้วอย่างนี้พวกฤทธิ์ หรืออะไรต่าง ๆ นี่มันเกิดขึ้นมาได้ยังไงเจ้าคะ ?
    ตอบ: เกิดขึ้นจากการฝึก เกิดขึ้นจากกรรมเก่า เกิดขึ้นจากบุญเก่าเหล่านี้ เป็นต้น ฤทธิ์ไม่ได้มีอย่างเดียว ฤทธิ์ที่เกิดจากการฝึก เรียกว่า วิกุพนาฤทธิ์ เรียกว่าฌานฤทธิ์ วิกุพนาฤทธิ์ คือพวกที่ฝึกกสิณสิบสามารถสำแดงฤทธิ์ด้วยวิธีประหลาด....พิลึกพิลั้นเกินกว่าชาวบ้านเขาทำได้อย่างพวกเดินน้ำ- ดำดิน-เหาะเหิน อะไรพวกนี้เป็นต้น ฌานฤทธิ์คือฤทธิ์ที่เกิดจากผู้ที่ทรงฌาน ทรงสมาบัติ กำลังจิตสูงมาก ต้องการให้เป็นอย่างไร ก็เป็นไปได้ บุญฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากการสั่งสมบุญมาระยะเวลายาวนานถึงเวลาปรารถนาอะไรก็จะเป็นไปตามที่ตนต้องการ อธิษฐานฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากการตั้งใจมั่น
    ในเมื่อตั้งใจมั่นแล้ว กำลังใจส่งผลให้สิ่งนั้น ๆ เกิดขึ้นได้ กรรมวิปากชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากวิบากกรรม อย่างเช่นว่า นกทำไมถึงบินได้โดยไม่ต้องฝึกกสิณ ปลาทำไมอยู่ในน้ำได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องฝึกกสิณ .... ทำไมไส้เดือนมันมุดดินได้โดยไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกกสิณเลย อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็มี ฐานาฐานะฤทธิ์ ฤทธิ์อันเกิดจากฐานะอันสูงอย่างเช่นพระเจ้าแผ่นดิน เจ้าพระยามหากษัตริย์ เจ้าคนนายคน บัญชาการได้สั่งให้เป็นก็ต้องเป็น สั่งให้ตายก็ต้องตาย เป็นต้น ไล่ไปเรื่อย ๆ จนถึงประเภท วิชามัยฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากวิชาการสร้างเสริมมา ทำไมเหล็กหนักเป็นตัน ๆ ถึงเอาไปบินบนฟ้าได้ ทำไมเอาไปลอยในน้ำได้อย่างนี้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ครบทุกอย่าง แล้วฉะนั้นถึงได้ถามว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร มันก็หลายวิธีด้วยกัน สร้างขึ้นมาก็มี บุญเก่าเสริมก็มี กรรมเก่าเสริมก็มีฝนขึ้นมาก็มี
    ถาม : แล้วพวกที่ได้ตาทิพย์ หูทิพย์ พวกที่เห็นอดีตชาติ อนาคตอย่างนี้ถือเป็นฤทธิ์มั้ยคะ ?
    ตอบ: เป็น ก็อภิญญานี่มันยิ่งกว่าฤทธิ์อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าฤทธิ์เหล่านี้ ถ้าหากว่าเรารู้ แล้วก็ละมันเสีย รู้ เพื่อให้รู้ว่าในแต่ละชาติของเราเกิดมาแล้ว มีสภาพแท้จริงเป็นอย่างไรแต่ถ้ารู้แล้วไปยึด ไปติด ไปเกาะมัน มันก็ทำให้เราติดอยู่แค่นั้นไม่สามารถจะก้าวหน้ามากขึ้นกลายเป็นมรรคขวางผลไปอีก เขาเรียกอภิสังขารมาร อภิสังขาร คือ เหนือการปรุงแต่ง ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าความดีระดับนี้ สามารถทำให้คนติดอยู่ได้ กลายเป็นมารขวางความดีไปได้ สามารถสร้างสมาบัติขึ้นมาได้แต่บังเอิญเผลอไปหน่อยลืมตัวด้วยวิปัสสนาญาณ ติดแหง็กอยู่ที่อรูปพรหมแปดหมื่นมหากัปป์ นิดเดียว พระพุทธเจ้าเกิดกี่หมื่นพระองค์ ก็ไม่รู้....หือ กลายเป็นว่าความดีก็สามารถขวางเราได้
    ถาม : แล้วอย่างนี้การนั่งสมาธิแล้วเกิดปีติ ก็ถือว่าเป็นมารอย่างหนึ่ง ?
    ตอบ: ต้องระวังเอาไว้ ในช่วงปีติมารแทรกง่ายที่สุด กำลังใจมันกำลังฟูเต็มที่ เลยยุ เอ้า! ทำต่อไปเลยลูกเอ้า ห้าชั่วโมง พักเดียวก็สติแตกแล้วเพราะร่างกายมันทนไม่ไหว เพราะฉะนั้นต้องระวังให้สุดขีดเลย
    ถาม : แล้วนั่งแล้วขยับตัวไม่ได้ ไม่ใช่เพราะ....
    ตอบ: นั่งแล้วขยับตัวไม่ได้ มันเป็นยังไง ?
    ถาม : พอนั่งไปปุ๊ปจะมีความรู้สึกเกิดปีติ พอเกิดปีติปุ๊ปจะรู้สึกอยากจะคงสภาพอันนั้น แล้วมันก็ไม่ยอมขยับตัว อยู่นิ่งไปเลย
    ตอบ: อาการนั้นเป็นอาการของการทรงฌานนะ เราก็ใช้กำลังอันนั้นเกาะพระนิพพานไว้ แล้วยิ่งดี มโนมยิทธิยิ่งดี กำลังของฌานทรงตัว ใช้กำลังอันนั้นเกาะพระพุทธเจ้าบนพระนิพพานเอาไว้ ถ้าอย่างนี้จะไม่เป็นตัวสังโยชน์ในรูปราคะ อรูปราคะ เพราะว่าเราใช้กำลังของรูปฌานและอรูปฌานโดยตรงในการเกาะพระนิพพานอยู่แล้ว แต่ถ้าหากว่าเราไปติดอยู่กับความสุขตรงนั้น โดยไม่รู้จักใช้กำลังเกาะพระนิพพาน อันนั้นมันเป็นตัวขวางที่เรียกว่าสังโยชน์ จะเป็นตัวร้อยรัดให้เราติดอยู่ในวัฏฏะตัวใหญ่ตัวหนึ่ง
    ถาม : ไม่ทราบว่าคนอื่นเขาเป็นแบบตัวเองหรือเปล่า เวลาจะเกิดเหตุ หรือเกิดเหตุการณ์มันจะมีเสียงเตือน
    ตอบ: ก็มี เยอะต่อเยอะด้วยกัน แต่ขณะเดียวกันบางคนสภาพจิตที่ปราศจากการฝึกฝนทำให้มืดบอดหรือไม่ก็หนามากจนกระทั้งเขาไม่สามารถจะแทรกเข้ามาเตือนได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องปล่อยวางเหมือนกันว่าปล่อยมันเหอะ ของเราถ้าหากว่าเตือน เตือนบ่อย ๆ แล้วเหตุการณ์มันเกิดขึ้นจริง ต่อไปเมื่อได้รับ การเตือนก็ให้ระมัดระวังไว้ ถ้าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นไม่เกิดขึ้น ก็แล้วไป แต่ถ้าเกิดขึ้น จากหนักก็จะกลายเป็นเบา เพราะเราระวังอยู่แล้ว
    ถาม : เสียงสัญญาณเตือนที่ได้ยินนั้นมาจากไหน ?
    ตอบ: หลายอย่างด้วยกัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเภทที่เขาเรียกว่าเทวดาประจำตัว ญาติพี่น้อง พ่อแม่ หรือครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูงที่สนิทกัน เมื่อเขาถึงแก่ชีวิตไปแล้ว ไปอยู่ข้างบน เขายังจดจำเราได้อยู่ ในเมื่อจดจำเราได้ ความรักความห่วงยังมีอยู่ เขาก็พยายามจะสงเคราะห์ช่วยเหลือเราโดยเฉพาะทางด้านดี การสงเคราะห์การช่วยเหลือของเขาทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าไม่เกินวิสัย เขาพยายามจะช่วย
     
  6. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : สงสัยเกี่ยวกับเรื่องพวกสัตว์เดียรัจฉานว่าสามารถที่จะทำบุญได้กุศล ผลบุญจากการกระทำ ?
    ตอบ: ได้จ้ะได้ เต็มที่เลยยิ่งกว่าเราอีกอย่างเช่นว่า เอราวัณเทพบุตร ก็เป็นช้างเขาใช้ในการชักลากไม้เพื่อช่วยในการก่อสร้างสาธารณประโยชน์ พอตายแล้วท่านไปเป็นเทวดาอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ โฆษกเทพบุตร ช่วยนำทางให้กับพระปัจเจกพุทธเจ้า ช่วยเห่าระวังป้องกันสัตว์ร้ายให้ เมื่อถึงเวลาตายก็ไปเกิดเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เหมือนกัน สัตว์เดียรัจฉานสามารถทำบุญได้ขณะเดียวกัน สิ่งที่เขาทำบาปนั้นโอกาสแทบจะไม่มี โดยเฉพาะสัตว์เดียรัจฉานที่เกิดใกล้คน ใกล้พระก็ดีพวกเหล่านี้ถ้ามีโอกาสอยู่ใกล้มนุษย์ กรรมของการเป็นเดียรัจฉานของเขาจวนหมดแล้ว ถ้าจิตเกาะคนก็เกิดเป็นคน ถ้าจิตเกาะพระหรือเกาะความดีก็เกิดเป็นเทวดาไปเลย โอกาสทำชั่วของเขาน้อยมาก นาน ๆ จะมีเดียรัจฉานลงสู่อบายภูมิที่ต่ำกว่าการเป็นเดียรัจฉาน ส่วนใหญ่ไม่เสมอตัวก็มีแต่ก้าวหน้าขึ้นไป
    ถาม : ทำไมเป็นอย่างนั้นเจ้าคะ ?
    ตอบ: มันคล้าย ๆ กับโอกาสที่เขาทำผิดมันน้อยแล้ว มันไม่เหมือนของเรา
    ถาม : เวลาที่เขาบอกว่าบำเพ็ญบารมีมาเท่านั้นเท่านี้อสงไขยน่ะค่ะ นับแต่เฉพาะที่เกิดเป็นมนุษย์ แต่ก็มีบางชาติที่เกิดเป็นพรหมหรือว่าอยู่ในธรรมชาติอย่างเกิดเป็นกระต่ายหรือว่า....?
    ตอบ: เป็นทุกอย่าง นับรวมกัน แต่ว่าการบำเพ็ญบารมีในขณะนั้นจัดอยู่ในระดับไหน ที่เขานับน่ะ เขาไม่ได้นับอยู่แต่มนุษย์หรอก ถ้านับแต่มนุษย์นี่ตายเลย ! ไปแทรกอยู่ในนรกบ้าง เปรตบ้าง อสุรกายบ้าง สัตว์เดียรัจฉานบ้าง พรหมบ้าง ถ้านับแต่มนุษย์นี่พอดีแหละ แค่หนึ่งอสงไขยกับแสนมหากัปก็ตายแหงแล้ว มันเกิดน้อยเหลือเกิน มันเกิดเป็นอย่างอื่นซะมากกว่า
    ถาม : จากสัตว์เดียรัจฉานไปถึงพวกแมลง พวกสัตว์ที่มีระดับต่ำกว่าแมลงนี่เขาทำกรรมอะไรนักหนา....ดวงวิญญาณเขาถึงได้ลงไปถึงขนาดนั้น ?
    ตอบ: แหม! แค่สัตว์เดียรัจฉาน เขาบอกขนาดนั้น แล้วสัตว์นรกเอย เปรตเอย อสุรกายเอย มันหนักหนากว่าสัตว์เดียรัจฉานหลายเท่าเลย สัตว์เดียรัจฉานนี่มันเป็นตอนท้าย ๆ ของกรรมแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าดูในอเวจีแล้ว ทำไมมันถึงขนาดนั้น ปรากฏว่าโลกันต์หนักกว่าอีกสี่เท่าของอเวจี สัตว์เดียรัจฉานนี่ถือว่ากรรมเบามากแล้วจ้ะ
    ถาม : มันจะมีอาชีพบางอาชีพน่ะค่ะ อย่างพวกเพชฌฆาตพวกแม่ค้าปลาที่ต้องฆ่าสัตว์ พวกนี้เขามีกรรมมั้ยคะ ?
    ตอบ: มีร้อยเปอร์เซ็นต์เลย (หัวเรอะ) แล้วทำไมล่ะ ?
    ถาม : ก็เลยสงสัยว่า อาชีพเหล่านี้ เขาทำเพื่อยังชีพ เขาจะมีกรรมติดตัวไป
    ตอบ: มีเต็มที่เลย จะฆ่ากี่ตัวก็โทษเท่านั้นแหละ ส่วนใหญ่แล้วพวกนี้จะลงอเวจีมหานรก เพราะว่าทำเป็นประจำ การที่เราทำเป็นประจำเรียกว่าอาจิณกรรม ส่วนใหญ่จะลงอเวจีมหานรก โทษหนักมากจะอ้างว่าเลี้ยงชีพไม่ได้ เพราะว่าการเลี้ยงชีพ อาชีพอื่นมีมากมายทำไมคุณถึงไม่ทำ จริงไหมเอ่ย ?
    ถาม : แล้วอยากจะถามว่า สัมมาอาชีพ การประกอบอาชีพเป็นส่วนใหญ่ที่ทำให้เป็นมงคลต่อชีวิตนี่
    ตอบ: ก็เป็นอาชีพที่ไม่ผิดศีล และไม่ผิดกฏหมายบ้านเมือง ถึงได้เรียกว่าสัมมาอาชีวะ อะไรก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ผิดศีล คือไม่ล่วงในศีลห้า กรรมบทสิบอย่างหนึ่ง แล้วก็ไม่ล่วงกฎหมายบ้านเมืองอย่างหนึ่ง
    ถาม : อย่างนี้ผู้พิพากษา เขาตัดสินประหารชีวิตจะบาปมั้ยครับ ?
    ตอบ: จะเรียกว่าบาปก็ไม่ได้ เพราะว่ายิ่งถ้าหากเขาคิดเป็นตัดตอนเป็นนี่ โทษไม่มีเสียด้วยซ้ำไป ทำตามหน้าที่ เพื่อรักษาความสุขความสงบให้กับส่วนรวม เขาเป็นแค่ผู้ตัดสินแต่เขาไม่ได้บอกว่าเขาไปลงมือฆ่าและโดยเฉพาะว่าเจตนาการโกรธเคืองกันไม่มี เป็นการลงโทษเพื่อสุขสงบของสังคม จะเรียกว่าไม่มีโทษเลยก็ไม่ได้ แต่ว่าโทษมันน้อยมาก ขณะเดียวกันถ้าเขาตัดตอนของอารมณ์ใจของเขาได้ด้วยยิ่งสบายเลย ไม่มีโทษเสียด้วยซ้ำไป การตัดตอน ก็คือว่า เราทำหน้าที่ของเรา เราทำแค่นี้ ส่วนอื่นเขาจะไปตายเพราะมือใครไม่เกี่ยวกับเราเลย
    ถาม : แล้วอย่างนี้เจ้าของโรงฆ่าสัตว์ ถ้าเกิดเขาคิด เขาก็ไม่บาป ?
    ตอบ: จะไม่บาปได้ไง สั่งให้ฆ่า เจตนาแรก ของมันก็เต็มที่แล้ว ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อให้เขาฆ่า ใช่มั้ย ?..หนักเลย
    ถาม : แล้วอย่างหมอ คนป่วย ป่วยหนักเลยไม่อยากอยู่แล้ว ขอให้ฆ่าตัวเองอย่างนี้เป็นกรรมมั้ยคะ ?
    ตอบ: เป็นจ้ะเป็น เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินชีวิตใคร นอกจากกฎของกรรมให้เป็นไปเท่านั้นเป็นเหมือนกัน แต่ว่าเขาไม่ได้ทำโดยมุ่งร้ายจิตใจไม่ได้ประกอบไปด้วยโทสะ จะเป็นเมตตาซะด้วยซ้ำไปโทษมันก็เลยไม่โดนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าการที่เราฆ่าคนอื่น ส่วนใหญ่มันเกิดจากโทสะ เรารู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่หนึ่ง สัตว์นั้นมีชีวิตอยู่หนึ่ง เราตั้งใจฆ่าหนึ่ง เราลงมือฆ่าหนึ่ง เราฆ่าสำเร็จหนึ่ง ถ้าประกอบด้วยห้าส่วนนี้โทษเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ อันโน้นของเขาหลุดไปหลายส่วนโดยเฉพาะเจตนาฆ่าให้ตายไม่มี
    ถาม : ถ้าเอาเครื่องช่วยหายใจออก ?
    ตอบ: ตั้งใจให้เขาตายหรือเปล่า ? ( หัวเราะ) เดี๋ยวกลายเป็นยายชลลดา โทรมาจะให้ช่วยให้แม่ตายเร็ว ๆ อาตมาล่ะกลุ้มใจ จะให้พระไปฆ่าคน
    ถาม : ถ้าเกิดว่าไม่ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจ ก็ตาย
    ตอบ: ตอนที่ใช้ช่วย ...ก็ช่วยมันไปก่อนเหอะ แต่มันมีอยู่อย่างหนึ่งบางทีที่อยู่ในห้องไอซียูนี่ จิตมันออกจากร่างไปนานแล้ว ถ้าอย่างนั้นเอาออกมันก็ไม่ได้ฆ่าใครหรอก ไอ้รถมันอยู่ได้เพราะว่าเติมน้ำมันไปเรื่อยเขาแค่หยุดเติมน้ำมันเท่านั้นเองไอ้คนขับเปิดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่อันนั้นมันต้องรู้จริง ถ้าไม่รู้จริงนี่อย่าไปเสี่ยงเลยกลายเป็นตกนรกตั้งใจฆ่าคนเสียเปล่า ๆ
    ถาม : แล้วอย่างคนที่เข้าไอซียู เพราะเกิดอุบัติเหตุ เพื่อนฝูงรอบข้างเห็นเขาไปหาทุกคนเลย
    ตอบ: ประเภทนั้นแหละคือว่าเขาไปแล้วล่ะจ้ะ เพียงแต่ว่าที่อยู่นั้น สภาพร่างกายมันยังมีเชื่อเพลิง มันก็ทำงานไปตามวาระ เหมือนยังกับว่าขับรถมาแล้วเราดับเครื่องแล้วแต่ว่ารถมันยังไม่มีแรงเฉื่อยมันยังไหลไปได้ระยะหนึ่งอย่างนั้นแหละถ้าไม่เบรกอาจชนเขา ของเขาก็เหมือนกันจิตมันออกไปแล้ว แต่ว่ามันยังเป็นสภาพร่างกายยังทำงานอยู่ด้วยเครื่องมือหมอบ้าง หรือว่ามันยังเป็นสภาพที่ยังไม่แตกดับอย่างแท้จริงบ้าง มันก็เลยว่า ตัวเขาเองโน่นตะลอนตะลอนไปหาเพื่อนฝูงซะทั่วประเทศแล้ว
    ถาม : แล้วอย่างนี้ ถ้าเกิดว่าลูกช่วยแม่ เป็นอนันตริยกรรมมั้ยครับ ?
    ตอบ: ก็มีสิทธิ์เลยล่ะจ้ะ
    ถาม : ถ้าตังค์หมดจะทำยังไง ?
    ตอบ: ก็แล้วแต่หมอ อย่าไปสั่งหมอให้เอาออกแล้วกัน
     
  7. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : มีคนที่มีประสบการณ์ เขาเคยมานั่งสมาธิแล้วพอเขานั่งปุ๊ปจะเกิดอาการว่าฟุ้งซ่าน มีเจ้ากรรมนายเวรเข้ามาหา คราวนี้เราจะช่วยเขายังไงคะ ?
    ตอบ: มันต้องให้เขาช่วยตัวเอง เราช่วยเขาไม่ได้ ตั้งใจแผ่เมตตาให้กับเขาไป ถ้าหากว่าเขาไม่ยอมไปจริง ๆ ก็ตั้งใจถามว่ามาต้องการอะไร จะให้เราแก้ไขในลักษณะไหนถึงจะยอมอโหสิกรรมให้อย่างนั้นเป็นต้น ในเมื่อรู้เห็นสามารถติดต่อได้ ถามตรงเขาได้เลย ตัวเราเองไม่ต้องไปช่วยเขาหรอก มันต้องเขาช่วยตัวเขาเอง
    ถาม : แล้วบางคน ทำไมเวลานั่งแล้วหลับล่ะเจ้าคะ ?
    ตอบ: (หัวเราะ) สองอย่างจ้ะ ถ้าไม่ใช่เพลียจนเกินไปก็ตัว ถีนมิทธะนิวรณ์มันกินเข้าไปเต็มที่เลย
    ถาม : ความฝัน ทำไมบางทีมันเกิดการฝันที่ตรงกัน พร้อม ๆ กันหลายคน ความฝันอย่างงี้เกิดขึ้นได้ยังไงเหรอเจ้าคะ ?
    ตอบ: อันนี้น่าจะเป็นเทพสังหรณ์ คือเทวดาเขาสงเคราะห์อันดับแรกคนทั้งหลายเหล่านั้นมีกรรมที่เนื่องกัน มานะ อันดับที่สองเทวดาเขากลัวเราจะไม่เชื่อ เลยหาพยานเพื่อให้เป็นข้อยืนยันแก่เราด้วย แต่อันนั้นต้องหมายความว่าวาระนั้น เวลานั้น บุญของเราต้องเสริมด้วย ไม่มีกรรมหนักมาขวาง เขาถึงสงเคราะห์ได้ขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นแล้วใบ้แบบตายเราเองยังไม่เข้าใจเลย
    ถาม : ขอถามเรื่องที่เกิดกับตัวเองแล้วไม่รู้จะแก้กรรมยังไงน่ะเจ้าค่ะ คือว่าตัวเองขับรถแล้วชอบหลงทิศน่ะเจ้าค่ะ ขับรถแล้วหลงตลอดเลย
    ตอบ: อ๋อ! ไม่ต้องแก้ เพียงแต่ตั้งใจจำก็พอ
    ถาม : ตั้งใจมันก็หลงได้นะเจ้าคะ ไม่รู้ทำไมหลงประจำเลย
    ตอบ: ต่อไปพยายามใช้คำภาวนาใหม่จ้ะ ภาวนาว่า วิวี พุทธโธ อิติ จะได้แก้หลงทางได้ วิวี พุทธโธ อิติ ถ้าอยู่ในป่าเวลาหลงทาง ให้หาต้นไม้ใหญ่ที่มีแก่น หันหลังพิงต้นไม้ ตั้งใจขอให้เทวดาท่านสงเคราะห์ชี้ทางให้ แล้วภาวนาคาถานี้ ถ้าได้ทิพจักขุญาณเห็นเทวดาชี้บอกทางให้หรือบอกทางไปไหนให้ไปทางนั้น ถ้าไม่ได้ทิพจักขุญาณ รู้สึกอยากไปทางไหนให้ไปทางนั้น จะไม่หลงทาง ของเรามันขี้หลง ขับรถไปภาวนาไป วิวี พุทธโธ อิติ น่ะ สั้น ๆ
    ถาม : ท่องได้เรื่อย ๆ เลยใช่มั้ยเจ้าคะ ?
    ตอบ: ได้เรื่อย ๆ เลย กลัวหลงก็ท่องให้มากไว้
    ถาม : รวมทั้งขึ้นรถด้วยเปล่าคะ ?
    ตอบ: ขึ้นรถก็หลงเหรอ ใช้ได้เลย อาตมานี้เป็นทึ่งต้องใช้ภาษาอังกฤษปนไทยว่าเป็นทึ่ง วันก่อนไปหาเจ้าเกด มันบอกว่าอยู่ตรงนั้น ๆ ไอ้เราไปถึงก็นั่งมอเตอร์ไซค์บอกทางมันเสร็จสรรพ หัดทำให้มันได้ ไอ้สัญชาติญาณในการหาทาง ขนาดนั่งรถเมล์ยังหลงได้ (หัวเราะ) ไม่เชื่อความรู้สึกตัวเอง ถ้าจำแม่นไม่หลงลืมจริง ๆ ก็ใช้คาถาท่านปู่พระอินทร์ สหัสสเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ สหัสสเนตโต ตาโต ๆ พันดวง เทวินโท คือ เทวดาผู้เป็นใหญ่ ทิพจักขุง ก็คือ ตาทิพย์ ความรู้สึกเหมือนมีตาทิพย์ วิโสทายิ แค่นั้น ใช่บ่อย ๆ ความจำจะดี ขณะเดียวกันถ้าหากว่าใครจะสอบอะไรก็ใช้ได้มันจะคล่องตัวเหมือนยังกับลอกข้อสอบเลย
    ถาม : ต้องตั้ง นะโม สามจบก่อนหรือเปล่า ?
    ตอบ: ตั้งซะก่อนนะดี ตั้งใจขอบารมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหมเทวดาทั้งหมด มีท่านปู่พระอินทร์เป็นที่สุด ขอให้เขาช่วยสงเคราะห์
     
  8. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : (ถามเรื่องอานิสงส์การบริจากโลหิต)
    ตอบ: เพราะฉะนั้นการสละเลือดของตัวเอง สละอวัยวะภายนอกภายในของตัวเองให้แก่คนอื่นเพื่อต่อชีวิตเขาเรียกว่าทานตัดชีวิต ทานตัดชีวิตนี่ อานิสงค์ต่ำสุด คือ ดาวดึงส์ขึ้นไป ต่ำสุดดาวดึงส์นะ มีแต่จะสูงกว่านั้น
    ถาม : ทำไมเวลาเรานั่งสมาธิกับคนที่ ....(ฟังไม่ชัด).....เวลานั่งแล้วนี่ ทำไมสมาธิเราถึงดีกว่า ?
    ตอบ: มันเหมือนกับเด็ก ๆ ผู้ใหญ่จูงมันก็มั่นคงกว่าใช่มั้ย ถ้าเดินเองก็หกล้มหกลุก กำลังเขาสูงกว่า เราอยู่ในเขตนั้น กระแสของเขาชักนำได้ แล้วขณะเดียวกันไม่ใช่แต่ความดีของเขาที่ชักนำ ความชั่วมันชักนำเหมือนกัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ กระแสของความชั่ว รัก
     
  9. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : พญานาคนี่มีจริงมั้ยคะ ?
    ตอบ: มีจ้ะ มีทั้งนาคจริงแล้วนาคปลอมด้วย รู้จักนาคปลอมมั้ย ?
    ถาม : เป็นยังไงเจ้าค่ะ ?
    ตอบ: ไม่เคยเห็นตามบันไดโบสถ์บ้างเหรอ (หัวเราะ) อันนั้นพูดเล่นจ้ะ นาคปลอมคือเทวดาที่ท่านเป็นบริวารของท้าววิรูปักษ์ พวกนี้เรียกว่านาคปลอม เพราะว่าเวลาออกปฎิบัติงานส่วนใหญ่จะไปในลักษณะของงูใหญ่ ความจริงท่านเป็นเทวดาแต่เวลาออกปฎิบัติงานไปในลักษณะงูใหญ่ ถ้าเป็นบริวารของท้าววิรุฬหก ก็ไปในลักษณะของกุมภัณฑ์ บริวารท้าวเวสสุวรรณ ไปในลักษณะของยักษ์ บริวารของท้าวธตรฐ ไปในลักษณะของคนธรรพ์ ความจริงท่านเป็นเทวดาสวย ๆ ทั้งนั้น นั้นเป็นเครื่องแบบของท่านเวลาทำงาน เพราะฉะนั้นบริวารของท้าววิรูปักษ์ก็เลยเป็นนาคปลอมเพราะว่าเป็นเทวดาจำเเลงขึ้นมา
    ส่วนนาคจริง ๆ เป็นเดียรัจฉานกึ่งทิพย์ที่มีฤทธิ์ พวกนี้ท่านได้ทำบุญใหญ่ แต่ว่ากรรมเก่าก็มากหรือว่าอาจสร้างกรรมดีมาแล้วมีความผิดเสริมไปด้วยก็เลยกลายเป็นสัตว์เดียรัจฉานกึ่งทิพย์ไป ที่จิตใจใฝ่บุญกุศลก็มี ที่ประเภทไม่เอาไหนเลยก็มี พวกที่ใฝ่บุญใฝ่กุศลส่วนใหญ่ก็จะหนุ่นเสริมพระภิกษุในพระพุทธศาสนา หรือไม่ก็ช่วยเหลืองานต่าง ๆ เพราะว่าเขาสามารถจำแลงเป็นคนได้มีทั้งจริงทั้งปลอม
    ถาม : ที่อัฟกานิสสถาน ที่ทำลายพระพุทธรูปอยู่นี่ ซวยมั้ยครับ ?
    ตอบ: ก็ปล่อยเขาสิ โทษทำลายพระพุทธรูปนี่อเวจีทีเดียว อย่าไปกังวลแทนเขา
    ถาม : ใครไปสร้างไว้ที่นั้น ?
    ตอบ: สมัยนั้นพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก ราว ๆ พ.ศ. ๓๐๐ กว่า ๆ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ไง พระเจ้าอโศกมหาราชนี่ท่านเล่นครองชมพูทวีปเลย พระเจ้าอโศกมหาราชเป็นกษัตริย์ที่มีบุญญาธิการมากเกือบจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิอยู่แล้ว แต่ของท่านไม่มีจักรแก้ว นางแก้ว ท่านก็มี พระขรรค์แก้ว ท่านก็มี ช้างแก้ว ม้าแก้ว อะไรท่านก็มี เพียงแต่ว่าขาดจักรแก้วในการประกาศตนเป็นจักรพรรดิเท่านั้น
    ท่านอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาถึงขนาดว่ามีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ที่ไหนไปขุดอัญเชิญมาหมด แล้วตั้งใจสร้างเจดีย์ถึงแปดหมื่นสี่ฟันองค์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเป็นพุทธบูชา เท่านั้นยังไม่พอ ท่านจัดงานฉลองเจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน เลี้ยงพระทุกวันเลย ไม่รวยจริงทำไม่ได้ แล้วก็ยังไม่พอใจท่านอีก ท่านเอาสำลีพันตัว แช่น้ำมันแล้วก็จุดเป็นพุทธบูชา ยืนพนมมืออยู่ แล้วตาจ้องอยู่ที่เจดีย์ที่ท่านสร้าง ถวายเป็นพุทธบูชา ตั้งใจว่าถึงไฟมันไหม้ให้เราตายไปก็ขอถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา แต่เผอิญกำลังใจท่านมั่นคงมาก ไฟก็เลยทำอันตรายไม่ได้
    ถาม : อย่างนี้ก็ไปไม่สมความตั้งใจสิครับ ?
    ตอบ: ท่านตั้งใจอยู่ว่าท่านจะถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา ในเมื่อจุดไฟจนกระทั่งมันมอดไป เป็นอันว่าจบแล้วมันจะไม่สมความตั้งใจได้อย่างไร เพียงแต่ท่านตั้งใจว่าถ้าตัวท่านตายก็ช่าง พระเจ้าอโศกมหาราชเมื่อปกครองในชุมพูทวีป ในช่วงนั้นเขตของอัฟกานิสสถานเฉพาะเมืองที่สร้างพระพุทธรูป เป็นเขตของพระพุทธศาสนา มีวัดวาอารามมากในเมื่อมีความเลื่อมใสมากก็สามารถสร้างขึ้นมาได้ โดยเฉพาะพระพุทธรูปยืนองค์ที่เขาถือว่าที่สุดในโลกแกะสลักหน้าผาเป็นรูปพระพุทธรูปแกะภูเขาเป็นพระเลยนะ
    ถาม : แล้วที่เมืองจีน ?
    ตอบ: ที่เมืองจีนพระนั่ง นั่งห้อยพระบาทที่มุมของแม่น้ำแยงซีเกียงที่มันท่วมประจำทุกปี แล้วก็เกิดอุบัติเหตุล้มตายกันเป็นประจำที่อะไร ? เล่อซาน
    ถาม : ขี่พายุทะลุฟ้า ?
    ตอบ: (หัวเราะ) ขี่พายุทะลุฟ้า เออใช่ ! ไอ้ที่มันไปดวลกันหน้าตักพระ ไอ้พวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูง (หัวเราะ) น้ำท้วมถึงพระชานุ อัคคีคุ คั่งถ้ำเทียมเมฆ สำนวนจีนเขา มันเป็นปริศนาโบราณไม่มีใครรู้... น้ำท่วมถึงเข่าพระ พระพุทธรูปองค์นั้น สูง ๙๑ เมตร เข่าสูงแค่ไหน ? ถ้าน้ำท้วมถึงเข่าพระก็แย่ คราวนี้เข่าพระมีถ้ำใหญ่มีกิเลนไฟอยู่ ถ้าน้ำท่วมมันอยู่ไม่ได้มันออกมาก็อาละวาด นั่นน่ะปริศนาออกนอกเรื่องไปเยอะ....เลี้ยวกลับมาใหม่ เดี๋ยวไปไกล...จากอัฟกานิสสถานโดดทีเดียวไปจีนเลย
     
  10. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : พระเจ้าอโศกนี่เป็นฝรั่งเหรอครับ ? รูปปั้นเหมือนฝรั่งเลย
    ตอบ: ท่านมีเชื้อสายกรีกอยู่อย่าลืมว่ากรีกนี่ครองอันเดียเป็นระยะเวลายาวนาน ตั้งแต่อเล็กซานเดอร์มหาราช แล้วมา เมนันเดอร์...เมนันเดอร์ นี่ บาลีเรียกว่ามิลินทร์ มิลินทะ พระยามิลินทร์ ที่โต้ปัญหากับพระนาคเสน คราวนี้มีจารึกพระเจ้าอโศกมหาราชที่เป็นคำทำนายของพระโมคคัลลาน์ติสสะเถระเจ้า ท่านทำนายว่าหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว พระมหาเถระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งด้วยบารมีจะนำพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองคล้ายกับสมัยพุทธกาลอีกวาระหนึ่ง นั่นแหละ ธรรมกายเขาถึงได้คิดว่าเป็นอาจารย์ของเขา ความจริงการเจริญรุ่งเรืองไม่ใช่เจริญด้วยวัตถุ แต่เป็นเพระว่ามีพระอริยเจ้ามาก ต้องเน้นผล ไม่ใช้เน้นวัตถุ
    ภายหลังอิสลามสามารถที่จะครองพื้นที่ตรงนั้น ทั่ว ๆ ไปเขาก็ไม่ยุ่งด้วย เพราะอิสลามถือว่าการเข้าไปยังศาสนสถานของศาสนาอื่นนี่ จะทำให้ตกนรก เขาก็ปล่อยมายาวนานตั้งเป็นพันปี ก็ตั้งแต่ พ.ศ. ๓๐๐ กว่า ๆ มาสองพันกว่าปีแล้วซะด้วยซ้ำไปเขาก็ปล่อยยาวมาเรื่อย มาถึงชุดนี้คงเกะกะลูกกะตาเต็มทีก็เลยถล่มทิ้งซะ รู้สึกอยู่ข้างบนมันเย็นไปอยู่อเวจีมันท่าจะอุ่นหน่อย โทษการทำลายพระพุทธรูปไม่ว่าองค์ใหญ่องค์เล็ก ก็ตาม โทษลงอเวจีมหานรกไว้ก่อน ยิ่งองค์ใหญ่ต้องใช้กำลังใจในการทำลายสูงมาก โทษยิ่งหนัก
    ถาม : แล้วอย่างนี้ พระเครื่ององค์เล็ก ๆ ก็โดน ?
    ตอบ: โดนแน่
    ถาม : & แล้วมีวิธีแก้มั้ยครับ ?
    ตอบ: บรรจุไว้ในพระองค์ใหญ่ ตั้งใจขอขมาพระรัตนตรัย บูชาท่านต่อไป ไม่ใช่เอาไปตำแล้วทำเป็นผง
    ถาม : ถ้าทิ้งไปแล้วล่ะครับ ?
    ตอบ: ก็โน่นเลย ตั้งใจขอขมาเช้า กลางวัน เย็นเลย (หัวเราะ)
    ถาม : ของพ่อตาผมครับ พอดีเขาไปหาคนทรง แล้วคนทรงหยิบยังไงไม่รู้ออกจากปากมาเป็นพระให้ เขาก็สงสัย กลับบ้านก็เอาฆ้อนตำเลย
    ตอบ: แหม.. น่ารักมาก ความจริงมันน่าจะอมไว้ในปากแล้วเอาฆ้อนตีหัวตัวเอง มันจะได้เป็นการพิสูจน์อย่างแท้จริง น่าเสียดายของที่ได้มาแบบนั้นไม่ใช่หาได้ง่าย ๆ นะ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่วัดท่าซุง มีร่างทรงทรงสมเด็จพระเจ้าตากสิน ท่านเคี้ยวหมากไปเรื่อย คายออกมาก็พระองค์หนึ่ง คายออกมาก็พระองค์หนึ่ง ใครอยู่ตรงนั้นก็ได้กันไปคนละองค์ คนละองค์ส่วนใหญ่เป็นพระยอดธง เคี้ยวหมากแท้ ๆ ไม่เห็นท่านอมเอาไว้เลย
    ถาม : เมื่อไหร่ จะเคี้ยวหมากครับ ?
    ตอบ: ปฎิเสธหลวงพ่อไปแล้ว มีอยู่วันหนึ่งตั้งใจภาวนาอยู่ เพราะว่าอยู่บนรถทัวร์เมื่อขึ้นรถเมื่อไหร่ จะตั้งใจภาวนาทันที เพราะไม่ทราบว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือเปล่าเราอาจถึงชีวิตก็ได้ ภาวนาไป ภาวนาไป ได้ยินเสียงเป่ายานัตถุ์ปึ้ด กลิ่นหอมตลบไปเลย พอได้กลิ่นมันอยากจนน้ำลายยืด
    ถาม : ยานัตถุ์ หรือว่าหมาก ?
    ตอบ: กลิ่นยานัตถุ์ เลยบอกหลวงพ่อครับยานัตถุ์ก็ไม่เอา หมากก็ไม่เอา แว่นตาก็ไม่เอานะครับ เสียงท่านถามบอกว่าแล้วไม้เท้าจะเอามั้ย ? อีตอนนั้นขืนตอบนี่โง่มาก เอาหรือไม่เอานี่โดนแน่เงียบไว้ก่อน เพราะฉะนั้นจะมารอเรื่องพระนี่เดี๋ยวแจกให้ไม่ต้องเสียเวลาเคี้ยว แจกทุกเดือน
    ถาม : แล้วการซ่อมแซมพระนี่....(ฟังไม่ชัด)...
    ตอบ: อานิสงส์ของการซ่อมแซมพระ ถ้าหากว่าเกิดใหม่จะมีหน้าตาที่สวยงามมากกว่าผู้อื่นเขา โดยเฉพาะเรื่องของเบญกัลยาณี ถ้าเป็นผู้ชายมันน่าจะเป็นอาโนลด์ น่ะ...ชายงามจักรวาล ๓ ปีซ้อน (หัวเราะ) อีตาอาโนลด์นี่ ถ้าไม่สละสิทธิ์ไม่มีใครแย่งได้จริง ๆ ลักษณะของเขามันสมบูรณ์สมส่วนไปทุกส่วนไง ถ้าดูมันยืนคนเดียวนี่ตัวมันใหญ่กว่าควายอีก แต่ถ้าไปยืนกับฝรั่งด้วยกัน เออมันก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่หรอก อานิสงส์ให้ให้เกิดใหม่สวยเป็นพิเศษ
    ถาม : ถามเกี่ยวกับเรื่องทำลายพระครับ ถ้าเกิดว่าอย่างบางครั้ง เราไม่ตั้งใจแล้วบังเอิญมือปัดไปโดน ?
    ตอบ: อย่างนั้นเจตนาไม่มี เราก็ซ่อมสิขอขมาแล้วก็ซ่อมซะ ติดกาวได้ก็ติดซ่อมใหม่ถ้าปิดทองได้ ให้งามไปเลยได้ยิ่งดี วันนี้ส่งให้คุณอรพินทร์ไป ๓ องค์ องค์หนึ่งเศียรหัก คอพอดีเลย องค์หนึ่งพระหัตถ์ท่านพาดอยู่บนเข่าลักษณะนี้ นิ้วพระหัตถ์หายไปสี่นิ้ว ส่วนอีกองค์หนึ่งฐานแตก (หัวเราะ) ส่งไปให้เขาซ่อมแล้วปิดทองอีก
    ถาม : แล้วภาพที่เป็นกระดาษ ?
    ตอบ: ภาพพระ ก่อนหน้าก็เคยเก็บ เก็บไปเก็บมามันเยอะ เลยขอขมาท่าน ขออนุญาตประชุมเพลิงถวายจ้ะ ต้องขอขมาก่อนนะ อย่าไปเผาส่งเดช
    ถาม : การกราบขอขมานี่ ต้องเตรียมดอกไม้ ?
    ตอบ: ถ้ามีดอกไม้ธูปเทียน ก็ว่าให้ครบชุดไป ถ้าหากว่าไม่มีก็สิบนิ้ววันทาจ้ะ
    ถาม : แล้วถ้าเกิดตั้งใจเอาพระผงรูปเดิมมาบดเป็นผง แล้วผสมใหม่ ?
    ตอบ: นั่นแหละ ชัดเลย ทำลายพระพุทธรูป
    ถาม : ถ้าของที่เข้าพิธีปลุกพระเสกแล้วก็ทิ้งไป
    ตอบ: อันนั้นถ้าไม่ใช่รูปพระก็ไม่ว่ากันแต่ที่ทิ้งน่าเสียดายเพราะของที่พุทธาภิเษกถูกต้องตามพิธีกรรมแล้วอานุภาพไม่ได้สูญไปไหนถึงแตกทำลายแล้วก็ยังมีอานุภาพอยู่
    ถาม : ก็เก็บที่แตก ๆ ไว้
    ตอบ: จ๊ะ ยกเว้นอธิษฐานว่าถ้าแตกแล้วให้หมดอานุภาพ
     
  11. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    เล่าเรื่องเมืองพม่า
    จระเข้ตัวนี้ก็เลยได้ชื่อเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่เมืองย่างกุ้งเหมือนกันจะแยกออกจากตรงปากน้ำย่างกุ้ง เรียกว่าปากน้ำ
     
  12. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    เรื่องของพระบรมธาตุอินแขวน ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์จริง ๆ แล้วหินก้อนนั้นน่ะ ไม่ได้ติดกันอะไรเลย จับโยกได้แต่อย่าโยกแรงนะ หล่นลงไปนี่เขาจับหักคอเราแน่เลย (หัวเราะ) ครั้งแรกที่ไปถึงที่นั้นก็ตั้งใจกราบถวายบูชา พอนึกถึงพระท่านเห็นมาเขียวปี๋เลย เอ๊ะ!ทำไมพระมาสีนี้กลายเป็นท่านปู่พระอินทร์ เลยกราบถามท่านว่า ท่านปู่เอาก้อนหินก้อนนี้แขวนไว้จริง ๆ หรือครับ ท่านบอกว่าปล่อยให้เขาเชื่อไปอย่างนั้นเถอะลูก แต่ตอนนี้เขาสร้างเจดีย์มีพระธาตุมีอะไรบรรจุอยู่เทวดาต้องรักษาอยู่แล้วใช่มั้ย ? ตอนแรก ๆ ไปแหงนมองดู เอ๊ ! ทำไมฝีมือมันหยาบ ๆ พอไปจับก้อนหินมันโยกได้ ถ้าเราทำก็หยาบกว่านั้นอีก.. กลัวตกยิ่งกว่ามันอีกว่างั้น
    ไปติเขาอยู่หลายปี ปีนี้เล่นปิดซ่อมทำใหม่ ถอดแผ่นทองที่หุ้มออกมาหมดเลย ที่หุ้มเจดีย์เขาตีเป็นแผ่นทองโตประมาณแค่นี้...( สองผ่ามือ) แล้วก็เล่นเย็บสี่มุมน่ะ ใช้น็อตไขเข้าไป คราวนี้เขาถอดออกมาทั้งหมด ปั้นองค์เจดีย์ใหม่ ติดลวดลายปูนปั้น เช้งวับเลยคราวนี้ ที่ไปเล็ง ๆ ดู ชอบอยู่อย่างเดียวแหละ เขาถอดเจดีย์ลงมา ถอดฉัตรยอดเจดีย์ลงมา บนยอดฉัตรมันมีนกหมุนอยู่ตัวหนึ่ง ไอ้นกหมุนตัวนั้นมันคาบทับทิมเม็ดแค่เนี้ยะ (หัวแม่มือ) เขาเจียรไนเป็นรูปหยดน้ำ สีมันเห็นแล้ว เจ้าพระคุณเถอะ ถ้าไม่ได้ใส่ไว้ในตู้นิรภัยอย่างนั้นแล้วก็คงไม่เหลือหรอก รู้สึกว่า พลโท ขิ่นยุ้นจะไปเป็นประธานยกฉัตร เดี๋ยววันอังคารก็ตียาวไปยกฉัตรประมาณพฤหัสก็วันพระ

    วันพระพม่าเขาก่อนของเราวันหนึ่ง ยกฉัตรเสร็จก็จะไปตรวจงานที่หนองบัวต่อ คงกลับประมาณวันที่ยี่สิบมีนา ระยะนี้ไปพม่าเป็นว่าเล่นเลย เดือนที่แล้วไปสองครั้ง เดือนนี้ไปครั้งหนึ่ง แต่นานหน่อย งานก่อสร้างยิ่งเร่งรัดเท่าไหร่ก็ยิ่งไปบ่อยเท่านั้น บาตรสองใบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุก็จะไปบรรจุไว้ที่นั้น เพราะว่าวันที่ยี่สิบเก้ามิถุนานี้จะวางศิลาฤกษ์โบสถ์และก็วิหารพร้อมกัน โบสถ์กับวิหารจริง ๆ แล้วคืออันเดียวกันแต่ทางพม่าจะไม่ให้ผู้หญิงเข้าในโบสถ์ ผู้หญิงไม่มีโอกาสเข้าไปในเขตเสมา เราก็เลยสร้างขึ้นมาอีกหลังหนึ่ง เหมือนกันทุกอย่างเลยเพียงแต่ไม่ผูกพัทธสีมาเท่านั้น ให้ผู้หญิงเข้าไปไหว้ได้ จะได้ไม่มาน้อยใจ เดี๋ยวเขาเข้าไม่ได้น้อยใจขึ้นมาเขาไม่หุงข้าวให้กิน ก็เลยทำให้เหมือนกันทุกอย่างตั้งใจจะรื้อพร้อมกัน
    ถ้าโบสถ์กับวิหารเสร็จก็เหลือแต่ศาลาหอพระหลังใหญ่ศาลาหอพระหลังใหญ่นี่ ด้านบนแบ่งออกได้ยี่สิบสี่ห้อง ด้านล่างแบ่งได้ยี่สิบหกห้อง ด้างล่างมันมีติ่งห้อยออกมาหน่อย รวมแล้วห้าสิบห้อง ถ้าใครจะเป็นเจ้าภาพติดป้ายชื่อให้คิดห้องละหมื่น แล้วขณะดียวกันมีห้องน้ำใหม่อีกห้าห้อง ตอนนี้เขาจองไปสามแล้วจ้ะ เหลืออีกสองคิดห้องละหมื่นเหมือนกัน น่าเกลียดมาก ..ก..(หัวเราะ) ห้องน้ำห้องละหมื่น ห้องบนศาลาห้องละหมื่น ตอนแรกครูบาน้อยเจ้าอาวาส พอได้ยินเขาก็โวยว่าทำไมทางวัดท่าซุงคิดห้าหมื่นของอาจารย์คิดสามหมื่น แล้วของผมคิดหมื่นเดียวอยากเศรษฐกิจไม่ดีถ้าคิดมากโยมเขาไม่มีกำลังทำกับเราหรอก
     
  13. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ธุดงค์พบจงอางยักษ์


    จงอางในป่าใหญ่จริง ๆ โยม ตอนนี้ที่หน้าวัดมีลงมาตัวหนึ่งกัดควายตายไปตัวหนึ่ง วัวตายไปตัวหนึ่งรอบเขี้ยวมันห่างกันแค่นี้ ( ประมาณ ๓-๔ นิ้วฟุต) ไม่ใหญ่เท่าไหร่หรอก ปี ๓๗ ชาวบ้านเขายิงตายไป เส้นผ่าศูนย์กลางลำตัวมันแปดนิ้ว งูเหลือมใหญ่ ๆ ยังหายากเลย แต่ตัวนั้นเป็นจงอาง คราวนี้เด็กคนงานที่หน่วยต้นน้ำ เอาหางมันมาท่อนหนึ่งใหญ่ประมาณฝ่ามือบอกว่าจะมาทำเข็มขัด บอกว่าเอ็งรีบเอาไปทิ้งโดยด่วนจี๋ให้ไกล ๆ เลย งูใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่จะมีคู่ เดี๋ยวถ้าคู่ตามมาได้ตายกันยกหน่วย แค่นั้นเอง

    ปรากฏว่ามันตามมาช้าไปหน่อย มันมาปีที่แล้วนี่ ตอนนนี้กำลังซุ่ม ๆ อยู่แถวนั้นแหละ ชาวบ้านเขาไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายอะไร เดี๋ยวก็เสร็จมันอีก มันกัดตายไปสองตัวแล้ว รอบเขี้ยวมันห่างกันแค่นี้ แล้วลองนึกดู หัวมันยังงี้แล้วตัวมันจะยังไงเอ่ย ก็คงไม่หนีไอ้ตัวที่แล้ว มีแต่จะใหญ่กว่าด้วยซ้ำไป ไม่ใช่อนาคอนด้านะ บ้านเราไม่มี อันนี้จงอางจริง ๆ เลย จงอางในป่ามีใหญ่มาก ที่แน่ ๆ ก็คือว่า ไอ้เรื่องวาระบุญวาระกรรมมันมีอยู่ เขาโตมาได้ถึงขนาดนั้นแล้วอยู่ ๆ มาตายเอาดื้อ ๆ วันนั้นเขาออกหากินแล้วก็เลื้อยกลับโพรง
    หัวหน้าคนงานคุณมานิตย์ วรรณะโพธิ์ เจอเขาพอดี มันเป็นจงอางบนหลังลายที่เป็นบั้ง ๆ ใครเคยเห็นบ้างมั้ย ? แล้วมันก็ไปเลื้อยไอ้ตอนที่ฝนตกใหม่ ๆ แล้วเขาเพิ่งเผาป่าก็ติดเอาขี้เถ้ากระมอมกระแมมมาด้วย แล้วเขาเห็นใหญ่ขนาดนั้นเขาก็บอกลูกน้องว่า เฮ้ย ! กูเจองูเหลือมมันเลื้อยเข้าไปในโพรงมึงไปยิงมากินที
    ไอ้ลูกน้องก็นำปืนแก๊ปอัดปืนไป คราวนี้งูใหญ่และมีพิษจะไม่กลัวอะไรง่าย ๆ พอได้ยินเสียงคนเดินก็โผล่หน้าจากโพรงมาดู ไอ้ลูกน้องก็เอาปากลำกล้องทิ่มใส่จมูกแล้วก็ยิงเลย โชคดีมากที่ตาย ไม่อย่างนั้นสงสัยได้ตายกันยกหมู่บ้าน ปรากฏว่าพอมันดิ้นป่าแตกหลุดออกมาได้ คนยิงก็กองอยู่ตรงนั้นแหละเข่าอ่อนไปไหนไม่เป็น ถ้ามันรู้ว่าเป็นจงอางและใหญ่ขนาดนั้น คิดว่าเอารางวัลที่หนึ่งให้มันซักคู่หนึ่งเข้าไปมันก็ไม่กล้าหรอก อีคราวนี้ลูกพี่ แหม! บอกซะอย่างดีเลยว่าเป็นงูเหลือม มันก็เชื่อลูกพี่มัน ลากออกมาตัวยาวสิบฟุตกว่า สิบฟุตกว่า ๆ ก็สามเมตรเศษ ๆ อย่างกับงูเหลือม ดี ๆ นี่เอง ตัวยักษ์เลยขนาดเขาลากมา คนเห็นยังใจคอไม่ดี ไอ้ตอนเป็น ๆ น่ากลัวขนาดไหนไม่รู้
    อีกทีหนึ่งไปอยู่ป่า ตอนกลางคืนได้ยินเสียงมันเลื้อยมา ตัวประมาณขวดน้ำใบโน้นน่ะ ส่องไฟไป แหม! ตามันเป็นประกายสะท้อนแสงเสว่างขึ้นมาก็เลยเกว่งไฟฉายให้มันรู้ว่าทางนี้มีคนมันจะได้ไม่เลื้อยเข้ามาก็ไม่รู้จะหนีไปไหน อยู่ริมบึงหนีไปก็ตกน้ำ งูเขาก็ว่ายน้ำเก่งกว่าเรา แกว่ง ๆ ไฟฉายให้เขารู้ว่าด้านนี้มีคนเขาก็เบนหัวไปทางอื่น

    ส่วนอีกทีหนึ่งนั้นอยู่ที่บ้านกะเหรี่ยง ไอ้ตัวนั้นใหญ่หน่อยน่าจะประมาณนี้ได้ ( ทำมือเท่ากระติกน้ำ) ตอนกลางคืนประมาณห้าทุ่มตื่นขึ้นมาไปปัสสาวะนอกถ้ำ กลับออกเข้ามานอน ทำกุฎิเล็ก ๆ ไว้ในถ้ำเลยเป็นไม้ใผ่ ความรู้สึกบอกว่าให้ปิดประตูซะเดี๋ยวงูใหญ่จะมา ไอ้เราเองก็ หือ ง่วงก็ง่วง จะไปเสียเวลาปิดเปิดอะไร นอนมันดีกว่า มุดเข้ากลดได้ก็นอนสักพักเดียวเท่านั้นแหละ มุงกลดไหวยวบ ๆ แล้วมันก็มุดตามเข้ามาตัวเย็นเจี๊ยบเลย มาถึงมันก็วน หนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ ไอ้ตัวเราคนนอนอยู่น่ะความสูงตั้ง ๑๗๐ กว่าเซ็นต์ มันวนสามรอบแล้วหางมันยังอยู่นอกกุฎิเลย
    แล้วมันก็แลบลิ้นมาเลียหน้าเหมือนกับลองชิมดูหน่อยว่าอร่อยหรือเปล่า ? ตอนแรกว่าเป็นคนไม่กลัวอะไรนะ แต่มาเจอสภาพแบบนั้นนี่ แหม! มันนอนแข็งทื่อไม่กล้ากระดิกเลย ได้แต่บอกมันว่าไม่อร่อยหรอกอย่าลองเลยกินเลย เขาลองชิม ๆ ดู ท่าทางจะไม่อร่อยจริงล่ะมั้งเลยคลายออกแล้วก็เลื้อยไปตรงหน้าถ่ำ ไปส่งเสียงร้องพักหนึ่ง เสียงมันร้องวี๊ด วี๊ด ยังไงบอกไม่ถูก เสียงสะเทือนแก้วหูมาก แสบแก้วหูเลย ร้องอยู่ประมาณสิบว่านาทีก็เลื้อยออกไปหากิน ตอนหลังพระรุ่นน้ององค์หนึ่ง คือท่านชาติชาย ถามทางขึ้นไปตรงนั้น ก็บอกกับเขาว่าถ้าขึ้นไปถ้ำนั้นระวังให้ดีมันมีงูใหญ่อยู่ คุณชาติชายก็ย้ายไปนอนอีกถ้ำหนึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน มันจะมีช่องแตกเดินทะลุกันได้ เขาเลี่ยงไอ้ถ้ำนี้ซะ เขาบอกว่านอนอยู่ประมาณห้าทุ่มเหมือนกัน อยู่ ๆ แผ่นดินมันก็ไหวยวบยาบ ยวบยาบ แล้วก็หล่นพลั๊กลงมา อุตส่าห์ย้ายหนีแล้วไปนอนบนตัวมันเลย (หัวเราะ) ไอ้เราตามไปดู มันเป็นแอ่งหินเกือบ ๆ จะกลมเลย ไอ้เจ้านั้นก็ขดเต็มแอ่งหินอยู่แอ่งพอดี รายนี้ไปถึงคลำ ๆ เออมันเรียบพอแล้วก็นอนเลย ไม่ได้ส่องไฟดู ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเลย เขาบอกว่าผมอุตส่าห์หนีมันแล้วนะ ไปนอนบนตัวมันไม่รู้เรื่องเลย ต่างคนต่างโง่พอดีกัน (หัวเราะ) คือ ไอ้งูมันก็คงคิดว่าอะไรว่ะมาถึงก็มานอนเลย ส่วนไอ้คนก็ไม่นึกกว่าเป็นงูก็เลยไม่กลัวพอ ๆ กัน
     
  14. artty

    artty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    662
    ค่าพลัง:
    +2,388
    โอ้โห ยายจ๋า อ่านกันสนุกเลยจ๊ะ
     
  15. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    กระโถนข้างธรรมาสน์ เล่ม 6
    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ เดือนเมษายน ๒๕๔๔

    ถาม : ถามเรื่องฤกษ์พรหมประสิทธิ์ที่หลวงปู่ปานท่านให้น่ะครับ วันพุธฤกษ์ห้ามคือสามค่ำหรือห้าค่ำครับ เพราะเท่าที่ผมดูในตารางแล้ว.........
    ตอบ : จริง ๆ แล้วมัน ๓ แต่ว่าอีกอันหนึ่งวัดท่าซุงเขาพิมพ์มามันจะเป็น ๕ ค่ำ
    ตอบ : ตกลง ๓ นะครับ แล้ววันจันทร์ละครับหลวงพี่ อมฤตโชคนี่
    ตอบ : ๓ ค่ำ อันนั้นมันผิด เพราะว่ามันจะมีที่เขาพิมพ์มามันตกไป ๒ อัน แล้วก็จะมีเกินอันหนึ่ง ฤกษ์ประสิทธิ์โชคมันจะเป็นอมฤตโชคไปเลย ( หัวเราะ) ของเรามันไม่ผิดหรอกเพราะเราไปเปิดไล่จากปฎิทิน ๑๐๐ ปี มันลำบาก ถ้าหากว่ามีประเภทปฎิทินปกติมาเลยมันก็เร็ว แต่ถ้าเราไปรอปฎิทินปกติมันร่วมปีใหม่มันทำไม่ทัน เปิดไล่จากปฎิทิน ๑๐๐ ปี มันก็มีลอดหูลอดตาไปบ้าง
    ตอบ : คราวนี้ขอถามที่เป็นปีเกิดน่ะครับ ที่หลวงปู่ท่านเขียนไว้ว่าวันนี้เป็นวันลาภ ชัย เสมอตัว กาลกิณีโจร มรณะ ตกต่ำ แต่ละอย่างหมายความว่ายังไงครับ ?
    ตอบ : ความหมายมันก็ตรงตัวอยู่แล้ว วันลาภ ถ้าหากว่าเราทำงานอะไร จะทำอะไรที่เกี่ยวกับลาภผลเงินทองวันนั้นมันก็จะได้ดี วันชัยก็คือเกี่ยวกันการต่อสู้ อย่างเช่นว่าอาจจะขึ้นชกมวยหรือก็ไปว่าคดีความ ตกต่ำก็คือวันนั้นไม่ดีไม่ควรทำ เสมอตัวก็บอกตรงอยู่แล้ว <V>กาลกิณี</B>ก็คือไม่ดีแน่ วันโจรก็คือให้ระวังไว้ วันลักษณะนั้นของจะหายง่าย
    ตอบ : แบบนี้ต้องระวังทุกอาทิตย์เลยสิครับ ?
    ตอบ : ก็ อาทิตย์ละครั้ง แต่จริง ๆ ระวังไว้ทุกวันนะ ไม่ใช่วันอื่นที่ไม่ใช่วันโจรก็เปิดประตูหน้ายันหลังเลย ต่อให้ไม่ใช่วันโจรมันก็หาย
    ตอบ : แล้วมรณะนี่ล่ะครับ ?
    ตอบ : มรณะนี่มันจะเป็นวันคล้าย ๆ กับว่าวันที่เจ้าของดวงชะตาจะตกต่ำที่สุด โอกาสที่มันผิดพลาดจะเจ็บหรือตายมีมากกว่าวันอื่น
    ตอบ : แย่กว่ากาลกิณีอีกเหรอครับ ?
    ตอบ : แย่กว่าเยอะ มรณะนี่อันตรายที่สุดของเจ้าของปีเกิดนั่นแหละ อาตมาเองโดนไปเต็ม ๆ ๔ เขี้ยวนี่ก็วันมรณะ ปกติแล้วมันกัดไม่เข้า (ถูกงูกะปะกัด)
    ตอบ : วันมรณะนี่ของดีอะไรก็ช่วยไม่ได้เหรอคะ ?
    ตอบ : ก็ต้องดูด้วยว่าเราทำบุญมาพอไหม ? กำลังใจของเราสูงพอไหม ? ถ้าหากว่ากำลังบุญกำลังใจมันสูงพอจากหนักก็เป็นเบา จากเบาก็เป็นหาย แต่ถ้ากำลังใจแย่ ๆ ไม่เจ็บหนักก็ตาย
    ตอบ : แล้วอย่างสมมุติว่าคนที่เกิดช่วงปีปลายปีจะต้องนับเป็นปีไทยนี่ก็ต้องนับไปอีกปีหนึ่งใช่ไหมครับ ?
    ตอบ : ไม่ใช่ ปลายปีสากลใช่ไหม ? อย่างธันวาคม อย่างเช่นว่าเป็นปีนี้เกิดธันวาคมก็เป็นปีมะเส็ง
    ตอบ : มันจะกลายเป็นเดือนหนึ่งหรือเดือนสอง
    ตอบ : จะเป็นเดือนอ้าย ปีมะเส็งเดือนอ้าย สมัยก่อนเขานับขึ้นปีใหม่เขานับเดือนห้า เริ่มเดือนห้า แรม ๑๕ ค่ำเดือน ๔ เป็นสิ้นปี ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ เป็นปีใหม่ อย่างเช่นเด็ก ปีหน้า ถ้าหากว่าเกิดก่อนขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ยังเป็นปีมะเส็งอยู่ แต่ถ้าหากว่าขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ ปี ๒๕๔๕ ไปแล้วเป็นปีมะเมีย เขาจะเริ่มนับกันอย่างนั้น พอเริ่มขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ ก็เริ่มนับเปลี่ยนศักราช
    ตอบ : ถ้านับตามเดือนสากลก็จะเป็นอะไรคะ ?
    ตอบ : นับตามสากลก็จะเป็นปลาย ๆ เดือนมีนาคมไม่ก็ต้นเดือนเมษายน
    ตอบ : อย่างที่เขาเรียกว่าปีใหม่ไทยหรือเปล่าคะ ?
    ตอบ : ปีใหม่ไทยเขานับสงกรานต์เลย ก่อนหน้านั้นเขาก็จะนับกลางเดือนห้า ๑๕ ค่ำเดือน ๕ ไป ๆ มา ๆ มันลำบากเลื่อนขึ้นเลื่อนลง เขาก็กำหนดให้มันถาวรไปเลยว่า ๑๓ เมษายน เป็นวันสงกรานต์ ๑๔ เมษายนเป็นวันเนา ๑๕ เมาษายนเป็นสังขารล่อง
    ตอบ : แล้วเท่าที่ลองดูสถิติตามหลวงปู่น่ะครับ โอกาสเกิดแบบนี้เท่าไหร่ครับ ?
    ตอบ : จำ ๒ วันเท่านั้น คือ วันลาภกับวันชัย วันอื่นไม่ต้องจำเพราะมันไม่ดีอยู่แล้ว (หัวเราะ) ง่ายดีไหม จะทำอะไรเกี่ยวกับลาภผลเงินทองเราก็ไปวันลาภ จะทำอะไรอย่างชนิดที่เรียกว่าเราต้องเหนือกว่าเขา ต้องการชนะเขาเราไปวันชัย จำมัน ๒ วันแค่นั้นแหละอันอื่นเลิกจำเถอะ
    ตอบ : ผมนึกว่าแทนที่เราจะต้องไปจำวันมรณะ วันกาลกิณี จะได้ระวังตัวเอาไว้ ?
    ตอบ : เสียเวลา เอาวันดีไว้ ๒ วันพอ นอกจากนั้นมันหาดียาก เสมอตน มันก็เสมอตัวไง หีนะก็ตกต่ำ กาลกิณีก็เลวร้ายมรณะนี่ตายเลย โจระก็คือโดนโขมยแน่ รู้ครบมันก็ดีแต่บางทีรู้ครบมันยุ่งนะ ก็เลยตัดเหลือแค่นั้น
    ตอบ : ......(ไม่ได้ยิน)......
    ตอบ : ถ้าหากว่บารมีเราสูงกำลังใจเราดีไม่จำเป็น แต่เรียกว่าไม่ประมาทก็ได้ พวกฤกษ์ยามต่าง ๆ มันเหมือนกับการข้ามถนน ถ้าเราดูดีแล้วว่าปลอดภัยไม่มีรถมาแล้วเราข้ามมันก็โอเค ๑๐๐% ชัวร์ว่าไม่มีอันตรายแน่ แต่ถ้าหากว่าคนที่เขาคล่องตัวแล้วเขาอาจจะข้ามตอนที่รถกำลังวิ่ง ๆ อยู่เยอะแยะเขาก็ข้ามได้
    คราวนี้จะเอาแบบไหนดีล่ะ ประกันความปลอดภัยดีหรือจะเสียงดี คือ ถ้ามันไม่ลำบากมากนักเราก็ประกันความปลอดภัยใช่ไหม ? ถือฤกษ์ถือยามมันสักนิดหนึ่งแต่ถ้ามันลำบากมากเรามั่นใจว่ากำลังใจระดับของเราสร้างมาจนถึงขนาดนี้แล้วอันตรายไม่มีแน่ก็ลุยมันเลย แต่จริง ๆ แล้วพระพุทธเจ้าท่านสอนว่าอย่าประมาท อย่างนั้นก็ระวังไว้หน่อยดีกว่า มองซ้ายมองขวา... มองขวามองซ้ายสิ มองซ้ายมองขวารถชนแน่ (หัวเราะ) มองขวามองซ้ายมองขวาอีกทีปลอดภัยแล้วค่อยข้าม
    การถือฤกษ์ยามก็เป็นอย่างนั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงปกติแล้วท่านถือฤกษ์ สะดวก คือ พร้อมเมื่อไหร่ทำเมื่อนั้น แต่ว่า... อันไหนก็ตามที่ท่านบอกกับลูก ๆ แสดงว่าท่านลองซะจนช่ำแล้ว ว่า ถ้าฝืนเมื่อไหร่เป็นเจ็บตัวแน่ ท่านก็ถึงได้บอก ของเราถ้าเราไม่มั่นใจคิดเราอาจจะรอดเราก็ลองดูได้นี่ ถ้าเจ็บตัวกลับมาค่อยมาถือ ตามท่าน (หัวเราะ) เพียงแต่ว่ามันจะรอดกลับมาหรือเปล่า ?
    ตอบ : แล้วอย่างฤกษ์ห้ามล่ะครับ อย่างวันอาทิตย์ห้ามขึ้นบ้านใหม่หมายความว่ายังไงครับ ?
    ตอบ : โบราณเขาถือว่าอาทิตย์เป็นวันร้อน การขึ้นบ้านใหม่มันควรจะอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ส่วนใหญ่เขาถือฤกษ์วันศุกร์กัน วันอาทิตย์เขาก็ไม่ขึ้นบ้านใหม่
    ตอบ : แล้วอย่างฤกษ์แต่งงานล่ะครับ เขาถือเอาวันที่ทำพิธีหมั่น หรือทำพิธีสงฆ์ หรือว่าส่งตัวครับ ?
    ตอบ : วันส่งตัว
    ตอบ : หมายถึงวันส่งตัวน่ะครับ
    ตอบ : ฤกษ์แต่งงานคือส่งตัว ไอ้วันเข้าหอนั่นล่ะ
     
  16. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : .....................
    ตอบ : ที่เราทำแบบนี้มันถูกต้องเพราะว่าผีเขาต้องการสังฆทาน แต่ว่าการที่เราไปไหว้เช็งเม้งที่ไปสุสานไปมันได้ตัวกตัญญู สมัยก่อนจะถือคนจีนเขาถือมากเลยเรื่องอกตัญญู ไม่ไหว้สุสาน ไม่แต่งงาน คือ ไม่มีลูกเขาจะถือ ของเราเองเราทำทางนี้แล้วถ้าหากจะไปไหว้ถ้ามีเวลาก็ไปกับเขา นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี พระพุทธเจ้าท่านยังสรรเสริญไว้ชัดเลย ตรงจุดนี้แหละที่หลวงพ่อท่านเคยบอกว่าไว้ว่า สังเกตดูมั้ยคนจีนอยู่ที่ไหนก็ลำบากไม่นานเดี๋ยวก็ตั้งหลักฐานได้ ท่านบอกว่าคนกตัญญูที่ไหนก็มีแต่ความเจริญ
    ถาม : อย่างนั้นสมมุติว่าโจรฆ่าพ่อแม่ตายแล้วเอาลูกไปเลี้ยง ลูกรู้เข้า ก็ต้องการแก้แค้นให้พ่อแม่ตัวเองก็ต้องฆ่าผู้มีคุณที่เลี้ยงตัวเองมา คิดว่าทางออกของคนที่อยู่ในสภาวะอย่างนี้จะทำอย่างไรครับ ?
    ตอบ : สำหรับตัวเราที่เป็นนักปฎิบัติอยู่แล้วก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไป เพราะว่าถ้าเขาไม่เลี้ยงเรามาก็ไม่แน่ใจว่าจะรอดมาจนป่านนี้ บุญคุณกับความแค้นมันทดแทนกันได้ พ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิดแต่ว่าเขาเป็นผู้ให้ชีวิตรักษาชีวิตเรารอด แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่ผู้ปฎิบัติธรรมนี่ เออ มันฆ่าพ่อแม่เราก็ไม่ดีก็ลงมือเอาเหมือนกัน (หัวเราะ) ต้องตัวอย่างฑีฆาวุกุมาร ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเป็นพระเจ้าปเสนทิโกศล สมัยก่อนการตีบ้านตีเมืองคนอื่นเป็นการแสดงออกซึ่งพระราชอำนาจ มันเป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่งของทหารของพระมหากษัตริย์
    คราวนี้การที่ไปตีบ้านตีเมืองของพระเจ้าฑีฆีติโกศล ทำให้เขาตายแล้วลูกหนีรอดไปได้ ไปเรียนศิลปศาสตร์กับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ เสร็จก็กลับมาล้างแค้นให้พ่อแม่ ทำอย่างไรจะเข้าใกล้ตัวได้ ก็ไปสมัครเป็นคนเลี้ยงช้างเลี้ยงม้า พอกลางคืนก็ดีดพิณกล่อม ระบายอารมณ์หรือว่ากล่อมช้างกล่อมม้าไปด้วยในต้ว ปรากฏว่าเสียงพิณได้ยินเข้าไปถึงในปราสาท พระเจ้าแผ่นดินท่านก็ว่า เออ คนนี้เขาเก่ง เลยเรียกเข้ามาให้เป็นนักดนตรีประจำพระองค์มีหน้าที่ดีดพิณขับกล่อมแล้ว ฑีฆาวุกุมารเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนตั้งใจปฎิบัติงานดี พระเจ้าแผ่นดินท่านก็ไว้ใจจนกระทั่งกลายเป็นมหาดเล็กส่วนพระองค์ไป
    คราวนี้วันหนึ่งออกล่าสัตว์ก็ไปด้วยกัน ฑีฆาวุกุมารขับรถม้าให้ก็แกล้งขับซะเร็วจนพวกทหารตามไม่ทันลดเลี้ยวไปตามป่าจนกระทั่งแกล้งบอกว่าหลงทาง พระเจ้าปเสนทิโกศลท่านเหนื่อยมากขอพักนอนหนุนตักฑีฆาวุกุมารนั่นแหละแล้วก็หลับ ฑีฆาวุกุมารเห็นว่าได้โอกาสล้วงมีดออกมาว่าจะเสียบเสียซะ มานึกถึงว่าตอนที่พระเจ้าฑีฆาติโกศลผู้เป็นพ่อจะโดนประหารชีวิต ฑีฆาวุกุมารหนีรอดไปแล้วแต่แอบมาดูการประหาร พระเจ้าฑีฆาติโกศลรู้อยู่ว่าลูกตัวเองมา ก็ตะโกนขึ้นมาลอย ๆ ว่า
     
  17. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : ......จำชื่อไม่ได้แล้ว อายุประมาณ ๕๘ ปี เป็นข้าราชการบำนาญหลวงพี่รู้จักหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : พอได้ยินอยู่ ทำไมล่ะ ตายแล้วไม่เน่าน่ะมันฝืนธรรมชาติเพราะฉะนั้นพวกหมอเขาไม่ยอมรับ เขาก็บอกว่าอาจจะมีโรคประจำตัวบางอย่างที่ทำให้ตายแล้วไม่เน่า ไอ้โรคแบบนี้น่าเป็น (หัวเราะ) คือเรื่องที่เป็นธรรมาธิษฐาน นี่เขาไม่เชื่อ เขาเชื่อเป็นปุคคลาธิษฐาน เรื่องของบุญบารมีเขาไม่ค่อยเชื่อกันมันต้องประเภทคนทั่ว ๆ ไป มันจะเอาคนสร้างบารมีมาจนเป็นพระอรหันต์ไปเท่ากับมัน ๆ ก็ยากเหมือนกันนะ
    ถาม : ต้องเป็นพระอรหันต์หรือครับถึงจะไม่เน่า ?
    ตอบ : ไม่ต้องหรอก เอาแค่พระอนาคามีปฎิสัมภิทาญาณก็ได้แล้ว ปฎิสัมภิทาญาณนี่จะแสดงผลตั้งแต่พระอนาคามีขึ้นไป เพราะว่าปฎิสัมภิทาญาณอานุภาพเขาสูงมาก ถ้าหากว่าไม่ยอมรับกฎของกรรม ไม่ละทางโลกได้ขนาดพระอนาคามีเดี๋ยวไปฝืนกฏของกรรมหรือไม่ก็ทำเพื่อตัวเอง เลยกลายเป็นบังคับไว้เลยว่าต้องระดับนั้นขึ้นไปผลถึงจะปรากฏ เพราะฉะนั้นบางคนฝึกแทบเป็นแทบตาย ใช้อภิญญาใหญ่ไม่ได้เต็มที่สักทีรอถึงอนาคามีเมื่อไหร่มันก็เต็มที่เมื่อนั้นน่ะ
    ถาม : ในขณะที่มีผลแบบนี้หมายถึงบอกว่าเหตุเป็นแบบนี้ ๆ ใช่ไหมครับ ?
    ตอบ : มันบอกได้ แต่ขณะเดียวกันทางวิทยาศาสตร์เขาไม่เชื่อไง งั้นรอไปก่อน รอให้มันทำถึงมันก็เชื่อเองแหละ ตอนนี้ปฎิเสธไว้ก่อน ถ้าไม่ปฎิเสธเดี๋ยวเขาหาว่างมงาย ทำถึงระดับนั้นแล้วคิดว่าให้เป็นอะไรมันก็เป็นไปตามที่ต้องการหนังสือพิมพ์ลงซะน่าสนุก บอกว่าชาวบ้านร่ำลือกันมากว่า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำมรณภาพแล้วไม่เน่า บุคคลผู้นี้ในเมื่อตายแล้วไม่เน่าคงสร้างบารมีมาใกล้เคียงกัน (หัวเราะ) อันนั้นมันเป็นสมบัติเศรษฐีนะไม่ใช่สมบัติของเรา
    หลวงพ่อมรณภาพไปแล้วไม่เน่ามันโคตรมหาเศรษฐี ลูกศิษย์หลวงพ่อตายแล้วไม่เน่ามันก็เศรษฐี ของเราเองไปชมสมบัติเศรษฐีอยู่น่ะสมบัติของตัวเองมีบ้างไหม ? มันสำคัญอยู่ตรงที่ว่าสร้างสมบัติเหล่านี้ให้เกิดขึ้นกับตัวเรา ไม่ใช่เที่ยวไปดูแล้วก็ชื่นชมว่าของเขาดีอย่างโน้นของเขาสวยอย่างนี้ของเขารวยอย่างนั้น ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็จนแย่อยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้นสำคัญอยู่ตรงที่ทำเองให้ได้เพราะทำเองให้ได้นอกจากจะหมดสงสัยแล้วผลยังทำให้เกิดสุขทั้งปัจจุบันและอนาคตด้วย
    ถาม : แล้วอย่างเรื่องที่เขาบอกว่าพิสูจน์ไม่ได้ คนธรรมดาที่ไม่ได้นั่งสมาธิอะไรก็ไม่มีโอกาสได้เห็น ?
    ตอบ : มีเยอะ พวกล้างป่าช้านี่เขาเจอหลายศพที่ไม่เน่า พวกนั้นตรงจุดที่เขาฝังจะมีแร่อะไรบางอย่างที่มันรักษาสภาพเอาไว้ได้มีเหมือนกัน อย่างของต่างประเทศที่เขาไปเจอหล่มโคลนแห่งหนึ่งที่มันเป็นมัมมี่หมดเลย คนตกลงไปตายกี่คน ๆ ไม่เน่าเลย ลักษณะอย่างนั้นก็เหมือนกันนะโคลนมันอาจจะเกิดจากการหมักหมมของใบไม้ใบหญ้าอะไรที่เป็นสมุนไพรบางอย่างที่มันสามารถรักษาสภาพเอาไว้ไม่ให้เน่าได้ มันมีเหมือนกัน แต่ว่านี่เขาไม่ได้ไปไหนเขานั่งอยู่กับบ้านจนกระทั่งตายแล้วก็แห้งตายไปทั้งนั่งนั่งนั่นแหละ (หัวเราะ) มันจะเอาอะไรมารักษาล่ะในเมื่อเขาสามารถจะอธิบายได้เขาก็เลยคาดว่าอาจจะมีโรคประจำตัวบางอย่างทำให้ตายแล้วไม่เน่า ไอ้โรคนี่มันมีแต่ตายแล้วเน่าเร็วขึ้น (หัวเราะ) ไอ้โรคที่ตายแล้วไม่เน่านี่น่าเป็น
    ถาม : .....(ไม่ได้ยิน).....
    ตอบ : ถ้ารู้แล้วจะไปฉันทำไมล่ะ คือว่าเรื่องของการรักษากำลังใจญาติโยมนั่นหมายถึงในด้านดีเท่านั้น อย่างของหลวงตาบัวนี่เกิดเขาใส่ยามาแล้วถวายแล้วทั้ง ๆ ที่รู้แล้วจะฉันลงไปเพื่อรักษากำลังใจเขาน่ะ....เป็นคุณล่ะจะทำไหมล่ะ ?
    ถาม : เคยดูหนังจีนอาจารย์ตั๊กม้อท่านก็รู้ว่ามียาพิษแต่ท่านก็กินไปคำ ๒ คำ
    ตอบ : นั่นอาจารย์ตั๊กม้อ ถ้าเป็นอาตมานี่ก็เอาเหมือนกันเพราะว่าเคยไปเที่ยวแถวกะเหรี่ยงบางทีเขาลองของเขาทำมา ตอนแรกก็ตั้งใจจะกินพอเป็นพิธี พอรู้ว่าเขาทำมาเลยฟาดมันซะเหี้ยนเลย อร่อยดีไปนั่งปวดท้องอยู่ กินให้มันรู้ว่าเราไม่กลัวมัน อันนี้ไม่ได้กินเพื่อรักษากำลังใจมันหรอก กินให้มันรู้ว่าเราไม่กลัวมัน กินเสร็จก็ไปทนนั่งปวดท้องอยู่แป๊บนึง
    ถาม : ......(ไม่ได้ยิน)......
    ตอบ : ประเทศจีนโดยเฉพาะสมาคมแกะสลักของเขาถวายเจ้าแม่กวนอิม ๑,๐๐๐ พระหัตถ์ แกะจากไม้จันทร์เหลือง สูง ๖ เมตรน้ำหนัก ๕ ต้น ถวายในหลวงในวโรกาสเฉลิมพระชนม์พรรษา ๖ รอบ เขาใช้ช่าง ๑๒,๐๐๐ คนนะ แกะสลักเป็นเวลา ๒ ปี ตอนนี้อยู่ที่ศูนย์ศิลปชีพบางไทร กำลังจะสร้างพระตำหนักถวายอยู่
    ตอนที่เขาฉลองอยู่ก็เลยแวะเข้าไปร่วมสร้างพระตำหนักด้วยแล้วเขามอบศิลปวัตถุแกะสลักไม้ต่าง ๆ จากหินสบู่พวกหยกมาให้หารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลคือได้เท่าไหร่ถวายในหลวงแล้วแต่ในหลวงจะใช้ แต่ของเขาแพงชิ้นหนึ่งเล็ก ๆ ก็ตั้งพันกว่า ๒ พัน ๓ พัน ชิ้นใหญ่ ๆ หน่อยหนึ่งต่ำสุดรู้สึกว่า ๘๐,๐๐๐ มั้ง ส่วนใหญ่ก็เป็นแสน ๆ แต่ว่าดูฝีมือเขาแล้วมันก็น่าชื่นชมอยู่ ซื้อเจ้าแม่กวนอิมมาเป็นตลับเล็ก ๆ คล้าย ๆ ตลับแป้งพัฟน่ะ เปิดออกมาข้างในเห็นแกะเป็นเจ้าแม่กวนอิมพันมือ ปรากฏว่าอาวุธที่ท่านถืออยู่ถอดออกได้ ก้านเล็กยังกับเส้นผมน่ะถอดออกได้ ฝีมือเขาร้ายจริง ๆ เป็นการแกะด้วยฝีมือจริง ๆ เพราะว่าแต่ละองค์หน้าตาไม่เหมือนกัน ถ้าแกะด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หน้าตาจะเหมือนกันทุกองค์ ใครมีโอกาสก็แวะ ๆ ไป ตั้งที่ศาลาโรงช้างเขาจะสร้างพระตำหนักใหม่ถวายอยู่มีตู้บริจากมีอะไร ส่วนถ้าเราไม่ซื้อของเงินส่วนนั้นก็จะถวายโดยเสด็จพระราชกุศล
    ถาม : ของจีนเขานับเป็นหน่วยอะไรครับ ?
    ตอบ : ไม่รู้ล่ะเห็นเขานับ ๑๒ พัน มันเขียนมาอย่างนั้นหรือภาษาอังกฤษมันเขียนอย่างนั้นไม่รู้ ภาษาอังกฤษมันเขียน ๑๒ พัน
    เขาบอกว่าสมเด็จพระเทพฯ เท่ากับเป็นฑูตสันติภาพ สร้างความเข้าใจอันดีงามระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีนได้มาก เสด็จประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ๑๓ ครั้งแล้ว คราวที่แล้วนั้นพระราชินีเสด็จ ปกติพระราชินีเสด็จจะเอาเจ้าฟ้าชายไปด้วย งานนี้เสด็จเมืองจีนต้องเอาสมเด็จพระเทพฯ ไป (หัวเราะ) สมเด็จพระเทพฯ เป็นล่ามให้ ส่วนใหญ่ท่านก็ไปซะจนทั่วแล้ว งวดนี้ท่านเรียนภาษาจีนที่เมืองไทยเรียนมา ๘ ปีแล้ว ทางสถานฑูตจีนจัดอาจารย์เก่ง ๆ มาสอนให้แล้วก็ไปตัวเข้มเดือนหนึ่งถึงได้ดุษฏีบัณฑิตกลับมา ไปถึงขนาดนั้นต้องไปเขียนลายมือจีน วาดภาพลายพู่กันจีน ไปรำมวยจีน แล้วก็ยังต้องไปบรรยายให้นักศึกษาจีนฟังเป็นภาษาจีนเกี่ยวกับไทยศึกษา โอ้โห....มันคงเช็คละเอียดยิบเลยว่าเก่งจริงหรือเปล่า ?
    ศึกษาเกี่ยวกับเมืองไทยต้องไปบรรยายให้เขาฟังว่าเมืองไทยมีอะไรดีบ้าง มีสิ่งไหนที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของไทย แล้วก็ต้องไปเล่นดนตรีไทยให้ฟังด้วย (หัวเราะ) รู้สึกว่าเขาจะติดใจมาก ถ้าเขาขอให้เขามั้ย ? ขอสมเด็จพระเทพฯ ไปครองเมืองจีน เผื่อมันจะกลับใจมั่ง ลาวก็เอาแต่แม่นางเทพฯ นั้นแหละคนอื่นไม่เอาหรอก (หัวเราะ) เสด็จประเทศลาวเมื่อไหร่ก็แม่นางเทพฯแหละ
    ถาม : ถ้ายกแผ่นดินให้ด้วยก็เอาค่ะ เอามารวมกัน
    ตอบ : มันก็ไม่แน่เหมือนกัน ตอนนี้มันอะไรล่ะ ถิ่นกาขาวใช่ไหม ? ชาววิไล ไทยมหารัฐ จักรพรรดิราช อีก ๒ รัชกาลเท่านั้น
    ถาม : ๒ รัชกาลหรือคะ ?
    ตอบ : อือม์.. มหากาลผ่านมหายักษ์ รู้จักธรรม จำต้องคิด สนิทธรรม จำแขนขาด ราษฏร์ราชาจน นั่งทนทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว พอรัชกาลที่ ๑๐ นี่ชาววิไล ๑๑ ก็ไทยมหารัฐ ๑๒ ก็จักรพรรดิราช เป็นจักรพรรดินี่ต้องปกครองทั้งโลกเลยนะ
    ถาม : อ๋อ.....หมายถึงรัชกาลหน้าจะดี ?
    ตอบ : รัชกาลที่ ๑๐,๑๑,๑๒ ถึง ๑๒ นี่ก็ดีขึ้นเต็มที่แล้วเพราะว่าบรรดาบ้านเมืองต่าง ๆ ที่มีกษัตริย์อยู่ก็จะต้องเอารูปแบบการบกครองที่รัชกาลที่ ๙ ของเราทำอยู่ในปัจจุบันไปใช้กับคนของเขา เพราะว่าใช้แล้วมันดีชาวบ้านจะอยู่เย็นเป็นสุขกัน แล้วที่ไม่มีระบบพระมหากษัตริย์อยู่แล้วแต่เคยมีก็พยายามฟื้นระบบขึ้นมา ฟื้นระบบขึ้นมาจะต้องทำยังไงล่ะ ...มันก็ต้องมาศึกษาระบบตัวอย่างจากระบบที่ดีที่สุดปัจจุบันก็คือเหลืออยู่ที่เราเท่านั้น ของราชวงศ์อื่น ๆ นี่เขาให้ความเคารพระบบพระมหากษัตริย์น้อยมากแล้ว อย่างของอังกฤษ ขนาดที่ควีนยังครองราชย์อยู่แท้ ๆ นะ ตอนนี้โดนบีบสารพัดเลย
    ถาม : ต้องเสียภาษีนี่คะ
    ตอบ : เขาบังคับให้เสียภาษี ของท่านเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้เห็นเด่นชัดเกี่ยวกับการบำบัดทุกข์บำรุงสุขของชาวบ้านใช่ไหม? ของเรานี่ในหลวงท่านทุ่มเทตลอด ๕๐ กว่าปี ตอนที่ครบกาญจนาภิเษก ๕๐ ปีนั่น คุณบรรหาร เป็นนายกอยู่ ทูลเกล้าถวายเงิน ๙๙๙ ล้าน ถวายในหลวง เรามานั่งถามตัวเองท่านเหนื่อยแทบตาย ๕๐ ปี ให้ ๙๐๐ กว่าล้านคุ้มหรือเปล่า ? ตอบตัวเองว่าไม่คุ้ม ปรากฏว่ารุ่งขึ้นในหลวงมอบคืนให้ไปแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ ไม่เอาซักบาทเดียว ขนาดให้ ๙๐๐ กว่าล้านเราว่าไม่คุ้มท่านยังไม่เอาเลย
     
  18. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : (คุยเรื่องปลูกต้นไม้ใน กทม.)
    ตอบ : (เสียงพูดขึ้นมาทับเสียงหลวงพี่...) ไอ้นั่นมันแพงอยู่แล้ว ของไม่ใช้แล้วแท้ ๆ ดันไปซื้อมาซะแพงเลย ( อะไรคะ) ปาล์มน้ำมันไงไอ้ที่เอามาประดับถนนน่ะ ไอ้พวกนั้นน่ะมันจะหมดอายุอยู่แล้ว เขาโละสวนทิ้งน่ะ กลายเป็นว่าซื้อมาแพง ๆ ทั้งนั้นต้นหนึ่ง ๕ พัน ๖ พัน ความจริงเขาจะโละสวนขอเขาฟรี ๆ ก็ได้ คนมันก็คงเต็มใจให้เพียงแต่ขออนุญาตปักป้ายหน่อยว่าใครบริจาคเท่านั้นล่ะ
    ถาม : มันไม่สวยแล้ว กาบเกิบพอมันร่วงออกมาก็ ต้นอะไรก็ไม่รู้
    ตอบ : นั่นมันไม้ทะเลทรายแท้ ๆ เลย เอามาปลูกกรุงเทพฯ มันก็เหมาะสมดีนะอย่างอื่นน่ะมันสวย ที่น่าปลูกเยอะ ๆ ก็คือประดู่ ประดู่นี่ต้องไปดูที่ยะลา ยะลานี่นอกจากผังเมืองจะงามแล้วต้นไม้ยังงามด้วย ยะลานี่ต้นประดู่ ๒ ข้างมันสานกิ่งติดกันหมดเลย แต่ระยะหลัง ๆ นี่เห็นพวกการไฟฟ้าไปฟันมันออก โดยเฉพาะเทศบาล ขี้เกียจกวาดดอกประดู่ตอนที่มันบาน เพราะว่าประดู่มันบานพร้อมกันทิ้งดอกพร้อมกัน มันขี้เกียจกวาดมันเลยฟันกิ่งทิ้งซะเยอะเลย น่าเสียดาย ประดู่กิ่งอ่อนนั่นล่ะให้ความร่มเย็นดีมากเลย
    ถาม : ถ้าเราปลูกแต่มะม่วงก็ไม่มีใครฟังหรอก ?
    ตอบ : ไม่แน่ ก็อย่างในพระมหาชนกไง ไอ้ต้นมีลูกก็โดนเล่นซะจนกระทั่งล้ม กิ่ง ก้าน ใบ ฉีก บรรลัยวายวอดหมด ไอ้ต้นไม่มีลูกงี้ยืนต้นเขียวเชียว
    ถาม : แต่ว่าคนไปเก็บผลไม้ในเรื่องพระมหาชนกเป็นคนมอญนี่ค่ะ ?
    ตอบ : (หัวเราะ) เขาอยากว่าลาวอยู่ไหนสัตว์สูญพันธุ์ มอญอยู่ที่ไหนต้นไม้สูญพันธุ์ มันอยากจะกินมันเล่นฟันลงมากินน่ะมันขี้เกียจปีนโค่นต้นมันเลย กินทีเดียวเลิก
    ถาม : เห็นว่าบางประเทศห้ามคนลาวเข้า
    ตอบ : อิสราเอลมั้ง
    ถาม : เหรอคะ กลัวสูญพันธุ์ ?
    ตอบ : มันไม่ใช่กลัวสูญ มันสูญไปแล้ว ขนาดตีข่าว เอ.พี ไปทั่วโลกเลยบอกว่า คนไทยพวกนี้ เขาใช้คำว่าคนไทยนะ ว่าไปจากอีสาน คนไทยพวกนี้มีความสามารถสูงมาก แค่มีเชือกเส้นหนึ่งเท่านั้นเขาสามารถประกอบเครื่องมือดักสัตว์ได้แล้ว เสร็จแล้วไม่ใช่เพราะว่าอดอยาก แต่ว่าทำเพราะว่าสัญชาติญาณในการล่าของเขา เขาจะมีความสุขมากถ้าได้กินสัตว์ที่เขาล่ามาเอง ไอ้พวกนั้นของเขาก็ไม่เคยไปแตะไปต้องเลย เขาปล่อยมันเอาไว้อย่างงั้นแหละ
    พอถึงเวลาคนไทยไปทำงานอยู่ในกิ๊บบู๊ด ไอ้กิ๊บบุ๊ดนี่มันคล้าย ๆ คอมมูมน่ะ พวกคอมมูมนี่แต่ละหมู่บ้าน ๆ จะอยู่รวมกันเป็นรูปแบบในลักษณะของสหกรณ์ แล้วพอผลิตได้ผลผลิตก็มารวมกันแล้วก็ส่งตลาด เขาสามารถต่อรองพ่อค้าได้เพราะได้เพราะว่าผลผลิตมันเยอะ นั่นแหละก็เข้าไปรับจ้างในกิ๊บบุ๊ดของเขา แล้วก็ไปกินซะสัตว์ของเขาสูญพันธุ์เป็นอย่าง ๆ ไปเลย (หัวเราะ) มันไม่เคยโดนล่ามันก็เชื่อง... เสร็จ !
    วีรกรรมคนไทยเชื้อสายอีสานแท้ ๆ ก็แสงชัยไง ลูกน้องแสงชัยเขา ๗
     
  19. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : การที่เราเป็นผู้บังคับบัญชาแล้วไม่เหมือนกับการให้ท้ายเขาหรือครับ ?
    ตอบ : ไม่ได้ให้ท้าย แต่ก็ไม่ห้าม คือ เรื่องใครเรื่องมัน นั่นมันเรื่องส่วนตัวเราไม่ยุ่งกับเขา ของเราจะยุ่งกับเขาก็ต่อเมื่อส่วนรวมเสียหาย เรื่องของระเบียบวินัยเสียหาย ถ้าหากว่าระเบียบวินัยยังไม่เสีย ส่วนรวมยังไม่เสีย เราก็ผ่อนผันให้เขาได้
    ตอนอยู่กองร้อยปกติพอถึงเวลาเราเข้าเวร เขาก็มาเบิกพลั่ว พลั่วสนาม เบิกคนละอัน ๒ อัน เดินหาย ไปโน่นน่ะป่าหลังกองร้อยโน่น ตอนเย็น ๆ ก็กลับมาแล้ว ก่อนที่จะเคารพธง เพราะต้องรวมพลเคารพธงตอนเย็น มันก็กลับกันมาแล้วหิ้วมาเป็นพวงเลย แย้ ไปขุดแย้กัน หิ้วมาถึงก็จัดแจง ผ่าท้อง ถลกหนังเสร็จเรียบร้อยก็ไปจ้างโรงครัวเขาผัด ๑๐ บาท ผัดกระเพราให้มันสับไปอย่างดีเลย ของเราก็แค่เปลืองพริกกระเทียม ใบกระเพราหน่อยหนึ่ง คิดค่าผัด ๑๐ บาท เสร็จแล้วก็รวมกัน เขาจะมีตั้งเป็นวง ๆ วงหนึ่งก็จะมีกับข้าวทางโรงครัว ๒ อย่าง ของมันก็จะพิเศษของมันมา
    คราวนี้มันมีอยู่วันหนึ่ง เราก็แปลกใจมากเลย เฮ้ย ! ปลานิลทอด มาจากไหนว๊ะ ? คือของทหารนี่ไม่ต้องไปคิดหรอกประเภทจะกินเป็นตัว ๆ อย่างนั้นน่ะ ทหาร ๑ กองร้อย ไก่ ๖ ตัว ลองเฉลี่ยดูสิว่า ๑๔๐ กว่าคน ต่อไก่ ๖ ตัวมันจะได้เห็นสักชิ้นไหม ? แล้วไอ้ ๖ ตัวนี่ไม่ใช่ของเราทั้งหมดนะ จ่าสูทกรรมฟาดไป ๑ ตัวแล้ว มันถือว่ามันทำของมันอยู่ มันก็กินของมันน่ะ ไอ้เราก็งงว่า เอ๊ะมันมาได้ยังไงปลานิลทอดตัวเป้ง ๆ ทั้งนั้นเลย ข้องใจมาก มันจะต้องไม่ชอบมาพากลยังไงแน่ ก็เลยลากคอมันคนหนึ่งมาถาม เฮ้ย เอามาจากไหนวะ มันก็บอกว่า อย่าบอกคนอื่นนะครับ ที่สระหน้ากองร้อยน่ะ บอก มึงจับยังไงวะมันบอกว่าตอนเขาหลับกันหมดแล้วผมเอามุ้งช้อน ( หัวเราะ) มันเอามุ้งช้อนเข้า มันจับมุ้ง ๔ มุม แล้วไล่ช้อนเอามากินจนได้
    ส่วนอีกทีหนึ่งก็รุ่นพี่ อดิศักดิ์ นรา นั่นให้ท้ายเขาเลย จับนกพิราบ กองร้อยนี่หลังคามันมีช่องลมเยอะใช่ไหม นกพิราบมันเข้าได้ก็เข้าไปอาศัยอยู่มันก็เต็มไปหมดเสียงมันวู่ ๆ ๆ อยู่บนหลังคาทั้งคืนนั่นแหละ ไอ้นี่ก็ปีนขึ้นไปจับนกพิราบมาได้ก็มัดขา ๆ เอาใส่ตู้เอาไว้ ปรากฏว่าวันนั้นเจ้านายเขาตรวจความสอาดพอดีเลย (หัวเราะ) ก็ตรวจไล่ไป ๆ พอเปิดตู้เจอนกพิราบตาปริบ ๆ อยู่เป็นสิบเลย (หัวเราะ) เวลาตรวจความสะอาดนี่เขาจะตรวจเตียง ตรวจตู้ ตรวจหมดทุกอย่างเลย เปิดตู้เจอนกพิราบตาปริบ ๆ อยู่เป็นสิบเลยถามว่า ใคร? วันนั้นโดนซ่อมกันอาน วิธีลงโทษของทหารเขาเรียกว่า ซ่อม สั่งมันวิดพื้นนั่งกระโดดกันซะหูตาลายเลย มันชอบไปกันตอนดึก ๆ ไอ้ที่เขาหลับกันหมดแล้วน่ะ นายทหารเวรหลับแล้วอะไรแล้ว
    ถาม : ผิดกฏหรือเปล่าคะ ?
    ตอบ : มันไม่ผิดกฏไม่ได้อะไรหรอก แต่เขาก็เลี้ยงมันอิ่มอยู่ทุกวันน่ะ แล้วมันทะลึ่งไหม ของที่เขาเก็บไว้ประดับสวย ๆ งาม ๆ มันดันจับมากินกันหมด มันกินกระทั่งแมวนะ (ฮือฮา) โธ่แมว...มันยังเอาไปกินหมดเลย
    ถาม : แสดงว่าไม่อิ่มจริงมั้งคะ ?
    ตอบ : ไม่หรอก มันอยากกิน เรากลับมาถามว่าหมาหายไปไหน ? เขาบอกไอ้จันทีจัดการไปแล้ว แมวหายไปไหน ? มันจัดการไปแล้ว
    ถาม : ท่าทางน่าส่งไปอยู่ทะเลทรายนะคะ
    ตอบ : พวกนี้มันเก่ง ตอนสมัยออกฝึกภาคกองร้อย ภาคกองพันภาคหมู่ตอนหมวด อาศัยพวกนี้แหละ โห พวกนี้มันเยี่ยมจริง ๆ กรรมการตรวจสอบหามันไม่เจอหรอก เขาห้ามเอาเสบียงอาหารไปนอกจากจะเดินไปตามแผนที่เข็มทิศตามจุดที่กำหนด บางจุดเขาจะมาส่งเสบียง บางจุดต้องไปแย่งชิงจากข้าศึกสมมติเขา นั้นแหละถึงจะกินได้แต่พวกนี้มันพกไปเพียบเลย กะปิ น้ำปลา หอม กระเทียม อะไรของมันน่ะ แล้วครูฝึกตรวจไปเหอะไม่เจอหรอก ถึงเวลาเขาจะตรวจมันเอาไปซุกไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่พอถึงเวลามันเลยจุดตรวจไปมันสะพายกันเทิ่ง ๆ ต่อไป อาศัยมันกินได้อยู่เรื่อยแหละ
    ไปกินต้มยำไก่ป่าทีหนึ่ง โอโห มันเผ็ดกระโดดเลยอย่างที่แสงชัยเขาว่าไอ้แกงกระเด้งน่ะ มันกินแล้วมันจะเลื้อยได้ (หัวเราะ) ขนาดว่าพอกินเข้าไปเสร็จแล้วลงอาบน้ำห้วย น้ำมันเย็นขนาดไหนล่ะ ขึ้นจากห้วยมานี่เหงื่อแตกพลั่ก ๆ เลย มันร้อนขนาดนั้นน่ะมันใส่อะไรบ้างก็ไม่รู้ สารพัดสารเพเท่าที่เห็นนี่ไอ้พวกกระเพราป่า พวกพริกขี้หนูป่า มันตะบันลงไปเป็นกำมือ แต่ว่าสงสารลิงตัวหนึ่งมือมันเหนียว มันโดนยิงซะพรุนไปหมดแล้วมันไม่ยอมตกลงมามันก็นั่งประเภทเอามืออุดซ้ายอุดเลือดก็ออกทางโน้น เอามือขวาอุดเลือดก็ออกทางนี้ เออ...ไม่รู้จะทำยังไง
    มีอยู่คราวหนึ่ง เกือบตาย ไม่รู้...เอาเอ็ม ๑๖ ไปยิงหมูป่า ยังถูก ๗ นัดหมูป่าไม่รู้สึกอะไรเลยน่ะไล่ขวิดอุตลุด หมูป่ามันประเภททรหดมาก ไงละ ถ้าหากว่าไม่ใช่กระสุนที่มันหนักจริง ๆ โดนจัง ๆ นี่เอามันไม่อยู่ กระสุนเอ็ม ๑๖ มันแหลม ๆ นิดเดียวมันพุ่งปี๊ดก็ผ่านไปแล้ว มันมีแต่ยิงคนน่ะมันมีผล โดนไป ๗ นัด หมูป่าไล่ขวิดซะเกือบตาย คือ กว่าที่มันจะรู้สึกว่าตายน่ะไอ้คนก็ปางตายด้วย กระสุนมันคมมันทะลวงผ่านพรืดไปเลยไป แรก ๆ มันก็ชา ๆ ก่อน จนกว่ามันจะรู้สึกว่ามันโดนหนัก กว่ามันจะรู้ว่ากูสมควรตายได้แล้ว ไอ้คนยิงก็เกือบตาย ออกพื้นที่กันแต่ละที น่าเบื่อ กำลังด้อม ๆ ๆ กันระวังกันตัวลีบเลยนะ จะเหยียบกับระเบิดกันเมื่อไหร่ว้า ? เสียงปืนปัง ! มันก็ต้องพุ่งหมอบกันหมดน่ะ ไอ้ระยำเสือกยิงนก ( หัวเราะ) เห็นแล้วอยากกิน
    มีอยู่ที่หนึ่ง ชายแดนตาพระยา ระหว่างบ้านทับเซียม บ้านนางงาม ไอ้ช่วงนั้นแหละที่เห็นพวกมันไม่กินตะกวดกัน ตะกวดตัวใหญ่เป็นไอ้เข้มันก็ไม่กิน ( ทำไมล่ะคะ) ก็...ไอ้พวกนั้นมันกินศพ คือ ช่วงนั้นมันตายกันเยอะแยะจริง ๆ ช่วงเหตุการณ์โนนหมากมุ่นปี ๒๕๒๓ น่า ๒๕๒๓ ทหารญวนของเฮงสัมรินเขาตีเข้ามาทะลุเข้ามาในเขตไทยตั้งหลายกิโล แล้วพวกเรากว่าจะขับไล่มันไปได้ตายเยอะเลยงวดนั้น
    ถ้าไม่ได้เครื่องบินติดปืน พวกเฮลิคอปเตอร์ติดกันชิปดีไม่ดีผลักมันไม่ออก ๓๐๐ กว่าศพ เกลื่อนทุ่งเลย แล้วปะทะกันทุกวัน อยู่หน้าแนว ๕ เดือน เฉพาะกองร้อยเดียวนี่ตายไป ๒๖ ศพ ๒๖ ศพนี่นับว่าเฉพาะฝ่ายเรานะ ฝ่ายเขาตายเยอะกว่าตายกันที ๓ ศพ ๕ ศพ เขาถือว่าขอกันกินพอตายก็เอาศพไปฝังลวก ๆ พวกสัตว์มันก็ไปรื้อกันขึ้นมากิน แหม...ไอ้พวกเหี้ย พวกตะกวดนี่ ตัวยาว ๕ ฟุต ๖ ฟุต ยังกะตะเข้านั้นแหละ เห็นมันไม่กินกันก็อีตรงนั้นแหละ (หัวเราะ) เพราะมันเห็นคา ๆ ตา มันไปคุ้ยศพกินกันอยู่แถวนั้นก็ไปดูวิธีล่าสัตว์ของชาวบ้านแล้วก็เวทนามัน มันไล่ต้อนลิง เอาอาหารล่อ พอลิงมันออกมาพ้นชายป่าเสร็จก็ดักทางด้านป่าไว้ไม่ให้มันกลับ ไล่ต้อนไปต้อนมามันก็วิ่งหนีขึ้นต้นไม้หลางทุ่ง ต้นไม้แถวทุ่งมันก็จะเป็นโคกขึ้นไปหน่อยหนึ่ง แล้วก็มีต้นไม้ไม่กี่ต้น คราวนี้ก็เสร็จล่ะสิ สอยเอาทีละตัว แล้วเห็นมันตกงูเหลือมด้วยเบ็ดก็ที่นั่นแหละ เขาจะให้ไอ้พวกไก่เป็น ๆ น่ะ เกี่ยวเบ็ด แล้วก็โยนลงไปในบนกอสวะ
    ตรงนั้นมันมีบึงใหญ่อยู่เขาเรียกว่า บึงสะล็อกก๊อก บึงสะล็อกก๊อกบางทีมันออกเสียง เป็นบึงสะด๊กก๊ก มันจะมีพวกงูเหลือมอยู่ พอไก่มันดิ้นพั่ด ๆ มันก็เลื้อยปรืดมาถึงก็คว้ามับเลย พอมันขยอกเข้าปากก็ตวัดเบ็ด ฉึบ ! อีคราวนี้ก็เย่อกันเข้าไปเหอะคนกับงูน่ะ ดึงกันไปรั้งกันมา พอคนชนะก็แปลว่าต้องเอาสวะมาครั่งบึงน่ะ งูมันเอาหางพันกอสวะไว้ เย่อ ๆ กันมาลากเข้ามาน้ำบานเลยไปเอาขึ้นมา เขาต้องใช้ตะขอโต ๆ เลย ตะขอที่เขาใช้เกี่ยวกระสอบข้าวพวกนั้นแหละ ไม่งั้นเกี่ยวมันไม่อยู่
    ถาม : แล้วเชือกใช้เชือกอะไรคะ ?
    ตอบ : เชือกไนล่อนใหญ่ ๆ ไอ้เราเองไม่อยากบอกมัน ปล่อยให้มันเหนื่อย ถ้าหากว่าบอกมัน ๆ หากินง่ายไป ถ้าเป็นเรานะพอมันเกี่ยวติดปากมันแล้ว ไม่ต้องไปออกแรงดึงมันหรอก แค่ดึงเชือกให้ตึงหน่อยแล้วก็เคาะเชือกไปเรื่อย ๆ หาไม้เข้าอันหนึ่งตีไปเรื่อย พอมันกระเทือนแล้วมันเจ็บปากเดี๋ยวมันเลื้อยตาม ถ้าบอกมันแล้วมันหากินง่ายเกินไปก็เลยนั่งเชียร์มัน ให้มันเย่อไปเหอะ กว่าจะได้กวาดสวะไปครึ่งบึงงูมันเอาฟางพันเอาไว้ (หัวเราะ) ก็แบบเดียวกับตกปลาไหลเหมือนกัน ตกปลาไหลนี่ปลาไหลมันคุดอยู่ในดิน นี่ไม่ต้องไปดึงหรอกเสียเวลาเปล่า เบ็ดยืดหมดแหละ มันไม่ยอมออก ใช้วิธีดีด ดีดสายเบ็ด มันเจ็บปากเดี๋ยวมันก็ค่อย ๆ ปล่อยตัวตาม
    ถาม : แล้วตอนดึงมันก็เเจ็บหมือนกันนี่คะ ?
    ตอบ : มันดึงมันต่างคนต่างออกแรงไง พอก็ยังมีสิทธิที่จะชนะได้ นี่ของเรามันเจ็บอยู่ตลอดเวลา เคาะไปเลย พอมันรู้ว่าผ่อนแล้วมันไม่เจ็บมันก็คลายตามมา ใครดูอนาคอนด้าบ้าง ? อนาคอนด้ามันใช้อะไร ? มันไม่ได้ใช้เบ็ดมั้ง มันใช้ปืนฉมวกนะ
    ถาม : ถ้าทั้งตัวเอาไปเลี้ยงได้ทั้งกองร้อยนะคะ
    ตอบ : นั่นชาวบ้านเขาล่ากัน ไม่ใช่พวกทหารไปล่าหรอก ทหารมันไม่เสียเวลาไปล่าหรอก ออกไปเหยียบกับระเบิดมันไม่คุ้มกัน
     
  20. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : ถ้าเอาลูกงูอนาคอนด้ากับลูกงูเหลือมมาเลี้ยงพร้อม ๆ กันมันจะโตเท่า ๆ กันมั้ยคะ ?
    ตอบ : มันต้องดูที่อาหารมันด้วย ถ้าหากมีให้มันกินอุดมสมบูรณ์ มันก็โตได้เยอะไม่ต้องห่วงหรอก แต่อนาคอนด้ามันอยู่น้ำมากกว่าอยู่บนบก นาน ๆ มันโผล่ขึ้นบกขึ้นมาซะที มันเท่ากับเป็นงูน้ำน่ะ แต่งูเหลือมของเรามันงูบก ถ้ามันหาอาหารมันก็ลงน้ำหรือถ้ามันร้อนมันก็เลื้อยลงน้ำไปแช่
    ถาม : ไปอ่านเจอที่เขาเขียนบักทึกไม่ลับของครูบา เขาพูดถึงอภิญญา เขาบอกว่าไปสงเคราะห์คนใกล้จะตาย แล้วเขาก็บอกว่าคนนั้นน่ะตอนใกล้จะตายเห็นตัวอะไรก็ไม่รู้ นึกถึงมดดำดินเดินมาเป็นแถวชอบเอามือไปขยี้ ไปรูดเยอะ ๆ ทีเดียวตายเป็นแถวเลยล่ะ แล้วเขาก็ส่งจิตไปสงเคราะห์พ่อเขาก็ผ่านตรงนี้ไป สักพักหนึ่งตัวคนที่ใกล้จะตายเขาก็นึกถึง เขาส่งจิตไปสงเคราะห์อีก เขาก็บอกว่าจิตมันตกภวังค์ อีกสักพักหนึ่งเขาก็ไปเกิดเป็นอสุรกาย แล้วเขาก็เขียนบอกว่าไปเกิดเป็นอสุรกายนี่โชคดีกว่าไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานผมก็เลยงง ?
    ตอบ : เขาน่าจะเขียนว่าเป็นอสุรกายโชคดีกว่าเป็นสัตว์นรก มันอาจจะผิดมันสลับกัน พ้นจากอสุรกายแล้วเศษกรรมทำให้มาเป็นเดียรัจฉานต่อ ฆ่าไปกี่ตัวก็เป็นเท่านั้นแหละ
    ถาม : อสุรกายนี่มันโมทนาบุญได้หรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : ได้อยู่ เพียงแต่มันจะมีโอกาสโมทนามั้ยล่ะ ?
    ถาม : ถ้าเป็นสัตว์เดียรัจฉานนี่จะโมทนาได้หรือครับ ?
    ตอบ : ทำได้ด้วยซ้ำไป
    ถาม : ทำได้ ?
    ตอบ : อย่างเอราวัณเทพบุตรโฆษกเทพบุตร ทำบุญเองซะด้วยซ้ำไป เอราวัณเทพบุตรก็ช่วยเขาก่อสร้างเป็นช้างให้เขาชักลากไม้ไปสร้างศาลา อย่างของโฆษกเทพบุตรนี่สงเคราะห์พระปัจเจกพุทธเจ้า ช่วยระมัดระวังอันตรายสัตว์ร้ายให้ แล้วมัณฑุกเทพบุตรนี่เป็นกบได้ฟังธรรม แล้วก็ค้างคาว ๕๐๐ งูเหลือมอีกนั่นก็ฟังธรรมใช่มั้ย สร้างบุญเองซะด้วยซ้ำ มักกะโฎเทพบุตรนั่นตกจากต้นไม้ตาย เป็นลิงตกต้นไม้ตายเสียชื่อหมด เอารวงผึ้งไปถวายพระพุทธเจ้า ตอนอยู่ป่าเลไลย์น่ะ เสร็จแล้วพอพระพุทธเจ้ารับก็ดีอกดีใจกระโดดโลดเต้นแล้วดันไปคว้ากิ่งแห้งเข้า (หัวเราะ) ตกต้นไม้ตาย เสียชื่อจริง ๆ
    พวกสัตว์เดรัจฉานนี่โอกาสทำบุญมีเยอะ ไอ้ของคนนี่สิน่าเสียดายโอกาสทำบุญมีมากกว่าสัตว์เดรัจฉานนับไม่ถ้วนแต่ไม่ค่อยจะทำกันหรอก ฟังเทปหลวงพ่อม้วนท้าย ๆ ไหมล่ะ ? พวกเทวดาใหม่น่ะ ขอให้ทำบุญนั่นทำบุญนี่ให้ หลวงพ่อบอกไม่ทำให้หรอก อีตอนเป็นคนมันเสือกไม่ทำเองนี่หว่า (หัวเราะ) ใคร ๆ ฟังถึงตรงนี้คงว่าหลวงพ่อใจดำเป็นบ้าเลยนะ ความจริงหลวงพ่อท่านประเภทไม่ทำหรอกนิมนต์พระพุทธเจ้ามาเทศน์ง่ายกว่า (หัวเราะ) ถึงเวลาสงเคราะห์กำลังใจเขาได้เลย
    ถาม : อย่างเทวดาหรือพรหมนี่เขามีโอกาสทำบุญอะไรไหมคะ ?
    ตอบ : เยอะ จะสร้างเองก็ได้ อยู่ข้างบนก็ถือศีลภาวนาต่อ ศีลทรงตัวเป็นปกติอยู่แล้วกี่สิกขาบทก็ได้มันไม่ต้องไปละเมิดนี่ ภาวนาก็ทำใจตัวเองตัดกิเลสต่อไป แล้วขณะเดียวกันมีพระดีอยู่ที่ไหนก็ไปฟังเทศน์ฟังธรรมไปใส่บาตรไปอะไรได้
    ถาม : ต้องไปแอบใส่เหรอคะ ?
    ตอบ : อาตมาก็เคยโดนเขาแอบใส่แต่อด ตอนเช้า ๆ ก่อนบิณฑบาตก็ใช้กำลังใจดูว่าวันนี้คนที่ใส่บาตรคนแรกจะเป็นใคร มันพิสูจน์ได้ใช่มั้ย ?
    ถาม : ...................
    ตอบ : ที่ฝึกอยู่หลวงพ่อท่านให้ฝึกในวัดก่อน ท่านบอกว่าถ้าแกอดไม่ได้กินก็ไปกินที่โรงครัวจะได้ไม่อด นั่นล่ะ ครูบาอาจารย์ท่านรอบคอบ ในเมื่อท่านรอบคอบเราก็ฝึกตามวิธีนั้น แต่หลวงพี่สพฤกษ์ ท่านออกป่าเลย ไปอยู่ที่บึงลับแลเลย สอนวิธีสอนอะไรท่านเสร็จท่านก็ไปตั้งอธิษฐานด้วยว่า ถ้าไม่ใช่อาหารที่ใส่ลงไปในบาตรนี้จะไม่ฉันอะไรเลย
    นี่ตั้งกำลังใจผิด เทวดาเขาชอบ เขาอยากลองดูว่ากำลังใจมันแค่ไหน ท่านใช้ได้จริง ๆ เลยกำลังใจเข้มมาก เพราะว่าทั้งนมทั้งโอวัลตินตั้งอยู่ใกล้ ๆ ประเคนแล้วด้วย ....ไม่แตะเลย นอนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกหายใจพะงาบ ๆ เราก็ ๑๐ วันเข้าไป คนไม่กินอะไรเลย ๑๐ วันมันแย่นะถ้าหากสมาธิไม่ทรงตัว แต่ว่าท่านกำลังใจเหลือเกินจริง ๆ ไปถึงหน้าเหี่ยวเลย เอายาโด๊ปให้เม็ดสองเม็ดมีกำลังขึ้นมาหน่อย เสร็จแล้วก็ให้พวกญาติโยมที่ไปด้วยเขาใส่บาตร ก็ต้องหุงข้าวต้นให้มันเละ ๆ ไม่งั้นฉันไม่ได้นะ อดมาเป็นสิบ ๆ วัน ของทหารสมัยที่ฝึกได้เดทไลน์ เขาทิ้งไว้กลางเกาะร้าง อาหาร ๓ วันหากินเอง มีมีดให้เล่มเดียวกับกระติกน้ำหนึ่ง อยู่ ๓ วันหากินเอง อันนั้นมันเป็นขึ้นตอนสุดท้ายของการฝึกจู่โจม จบจากตรงโน้นขึ้นฝั่งปุ๊บให้เราตั้งโต๊ะเลี้ยงเลย มันเล่นให้ไก่ย่างคนละตัว กินกันไม่ได้เลย เสียของเปล่า อ๊วกเลย.. เพราะร่างกายไม่ได้รับอาหารมาหลายวันเขาเรียกว่าเป็นความคิดของคนบนฝั่งนั่นแหละ คือ ยังไง ๆ มันก็ได้กินแน่ เรากินกันไม่ได้หรอก มันจัดเลี้ยงเราคือเลี้ยงตัวมันเองด้วย
    พอขึ้นฝังปุ๊บเขาก็จะติดประดับหัวเสือให้ก่อน ไอ้เสือคาบมีดลักษณะเดียวกัน ถ้าอดนาน ๆ แล้วไปกินอาหารแข็งทีเดียวไม่ได้หรอก ถ้าไม่ใช่ปวดท้องปวดใส้ ชักไปเลยก็ลมใส่ ดีไม่ดีย่อยไม่ได้ตายเอาง่าย ๆ ไม่ใช่แค่อาเจียนรับไม่ได้
    ถาม : แล้วหลังจากนั้น.....?
    ตอบ : ก็ต้องให้เขาต้มพวกข้าวต้มเละ ๆ เป็นโจ๊กเลย ใส่บาตรให้เพราะท่านอธิษฐานไว้ว่า ถ้าไม่ได้ใส่บาตรท่านไม่ฉัน ก็ต้องใส่บาตรให้ท่าน แหม...ให้คนอดมานาน ๆ นี่มันน่ากลัว กินน่าตาย บาตรเบอร์ ๘ ครึ่ง ใส่เสียค่อนบาตร ฉันหมดน่ะ แล้วก็ไปอดต่ออีกอย่างน้อย ๗ วัน ถ้าไม่ใช่ ๗ วัน ๑๐ วันเข้าไปดูเสียทีหนึ่งเห็นแย่มาก ๆ ก็โผล่ไปดูที เป็นอาจารย์ที่โหดใช้ได้ (หัวเราะ)
    ถาม : ตกลงได้กินบ้างหรือยัง ?
    ตอบ : ไม่ได้กิน ตั้งกำลังใจผิด
    ถาม : เป็นยังไง ...?
    ตอบ : อยู่ครบ ๓ เดือนไม่ได้กินเลยมีแต่อาหารที่เราให้คนเข้าไปถวายถึงจะได้กิน ตักใส่บาตร ถึงเวลาเดินกลับมา การขอข้าวเทวดากินมี ๒ แบบ แบบหนึ่งนี้เราเลือกต้นใดต้นหนึ่งเป็นการเจาะจงเลย เอาบาตรไปแขวนไว้ แล้วก็ตั้งใจแผ่เมตตาให้เขา ถ้าได้ยินเสียงดังกุกเหมือนกับใครเอาอะไรเคาะฝาบาตรล่ะก็... เก็บบาตรกลับได้ จะมีอาหารมาพร้อมกับดอกไม้มาด้วย อีกแบบหนึ่งก็คือกำหนดระยะทางว่าเราจะเดินจากต้นไหนถึงต้นไหน ส่วนใหญ่ประมาณครึ่ง ๆ ทางเขาก็โผล่มาใส่แล้ว มาก็มาลักษณะชาวบ้านทั่ว ๆ ไป กระมอมกระแมมมาโน่นล่ะ
    แต่ว่าอยู่อย่างนั้นมันมีอยู่อย่างคือว่า ตัวเมตตาบารมีมันต้องทรงตัว ถึงเวลาแผ่เมตตาและภาวนาต่อจนอารมณ์ทรงตัวแล้วรักษาอารมณ์นั้นไว้ต่อเนื่องให้ได้ ๓ วันห้ามพร่อง ถ้าพร่องไม่ได้รับประทาน ถ้าไม่พร่องเลยก็จะได้เลย ถ้าได้แล้วอย่าประมาทนะ พร่องมื้อต่อไปอด
     

แชร์หน้านี้

Loading...