แจกแผ่นยันต์หนุนดวงชะตาฟรี

ในห้อง 'แจกฟรี' ตั้งกระทู้โดย เด็กไร้เดียงสา, 5 ตุลาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    อนุโมทนาสาธุครับ ในวันพุธที่จะถึงนี้ ผมจะเดินทางไปที่วัดท่าซุงครับ และวัดอัมพวันครับ ในแต่ละอาทิตย์ผมจะเดินทางไปทำบุญที่วัดทุกอาทิตย์ครับแต่ไม่ได้มีหมายกำหนดการว่าจะไปที่วัดใดเป็นหลักครับแล้วแต่ว่าครูบาอาจารย์ท่านจะดลจิตดลใจให้ไปที่ไหนบ้างครับ แต่ที่ไปบ่อยๆก้มี วัดอัมพวัน วัดท่าซุง วัดเขาวง อันนี้บ่อยมากครับ โดยเฉพาะที่วัดอัมพวันนั้นเมื่อก่อนตอนที่น้ำมันยังไม่แพงนั้นผมจะไปทุกวันเสาร์ครับแต่พอมันแพงก็เลยงดไปนานๆไปครั้งครับมาตอนนี้ก็เริ่มตระเวณไปเหมือนเดืมอีกแล้วครับเป็นเรื่องปกติครับ
     
  2. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    ในช่วงสองวันที่ผ่านมาถึงวันพรุ่งนี้ผมไม่ได้เปิดเครื่องโทรศัพท์ครับเหตุเพราะสุขภาพเป้นเหตุครับเสียงไม่มีครับและก็หอบด้วยเล็กน้อยครับ
    แต่ของคุณก็แปลกนะครับคุณโทรครั้งนั้นติดแต่สายหลุดและคุณก้โทรมาอีกหลายครั้งแต่ไม่ติดมันก็น่าแปลกใจครับ ส่วนมากโทรศัพทืผมจะไม่ปิดเครื่องผมจะเปิดอยู่ตลอดยกเว้นมีเหตุจำเป้นเท่านั้นครับ(ทางด้านสุขภาพและพลังจิตอ่อนเเรงครับ)
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,428
    ค่าพลัง:
    +21,326
    อนุโมทนาพี่...ผ่านมาทางนี้...แวะรับผมซักคนไปวัดเขาวง......

    ขอที่ว่างเล็กๆๆๆๆๆอาศัยไปด้วยครับ....ใจมันรักจริงๆๆ

    ไปแล้วมันสุขใจ....ทุกข์จะมาตอนไม่มีตั้งเช่าบูชาของครับ555"""""""".........

    ขอบคุณพี่มากครับ.
     
  4. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    มีเรื่องมาเล่าให้ฟังเล็กน้อยครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยๆครับหลายวาระกันไป เอาเรื่องแรกก่อนเลยแล้วกันครับ เมื่อสามปีที่แล้วครับผมนั่งอยู่ที่บ้านตามปกติ อยู่ๆก็มีคนมาหาแล้วบอกว่าช่วยไปดูลูกสาวให้หน่อยว่าเขาเป็นอะไร ผมถามว่าแล้วเขาเป็นอย่างไร เขาบอกว่าบอกไม่ถูก ไม่ยอมพูดจากับใคร มองหน้าด้วยสายตาที่ดุแบบไม่พอใจ วันๆนอนคลุมโปงอย่างเดียวใครจะมาจะไปไม่รู้ไม่สนใจ แม้มีคนมาเยี่ยมก้ไม่รับรู้รับทราบ จัดข้าวปลามาให้กินก้ไม่ยอมกิน แต่จะลุกขึ้นไปกินเองตอนที่ดึกๆ เขาเล่ามาอย่างนี้ผมเลยถามว่าลูกสาวอายุเท่าไหร่ เขาตอบว่าอายุ 16 ปี ผมพูดต่อว่า อ้าวนี่ไม่ได้เรียนหนังสือหรือ เขาตอบว่ายังเรียนอยู่ตั้งแต่มีอาการแบบนี้ก้ไม่ได้ไปโรงเรียนมาหลายวันแล้ว เขาบอกว่าไปกลับดูให้ผมหน่อยนะว่าเขาเป้นอะไร ผมก็ถามต่อว่าก่อนที่จะมาหาผมนี่ไปหาใครดูหาใครช่วยบ้างหรือยังเขาบอกว่าไปมาหลายที่แล้วแต่ละที่บอกไม่เหมือนกัน บางที่บอกผิดเจ้าที่ บางที่บอกมีองค์ในให้ไปรับขันแล้วอาการจะหาย บางที่บอกโดนคุณไสย ล่าสุดก่อนที่จะมาหาผมได้ไปนิมนต์พระท่านมาทำพิธีให้ ผมก้ถามต่อว่าตอนที่ท่านมาทำพิธีลูกสาวเป็นอย่างไร เขาตอบว่าก้เห้นเฉยๆไม่ทำอะไรท่านอาบน้ำมนต์ให้ก้ยอมอาบ แต่พอท่านกลับวัดแล้วอาการก้เป็นเหมือนเดิมอีก ผมก้บอกว่าไปเราลองไปดูกัน เขาถามว่าต้องเตรียมอะไรทำพิธีไหม ผมตอบว่าผมไม่ได้เป็นพ่อมดหมอผีใดๆไม่ต้องใช้อะไรเลย เขาทำหน้างงๆแล้วก็ขับรถพาผมไป ผมไปถึงเห็นลูกเขานอนคลุมโปงอยู่มีแขกหลายคนมาเยี่ยมมาก พ่อเขาบอกว่าอาจารย์มาแล้วคุยกับอาจารย์หน่อยเขาก็ไม่สนใจยังคงนอนคลุมโปงอยู่เหมือนเดิมผมเข้าไปคุยไปถามเขาลูกเขาก็ไม่ยอมคุยยอมตอบใดๆทั้งสิ้น
    มีญาติเขาหลายคนบอกว่าน่าจะโดนผีเข้านะ เขาถามผมว่าอาจารย์พอจะช่วยได้ไหม ผมตอบว่าผมไม่ใช่หมอผีผมทำไม่เป้นไม่รู้เขาทำอย่างไรแต่ก้จะลองช่วยดู (มาถึงตอนนี้หลายท่านคงอยากจะรู้นะครับว่าผมทำอย่างไร เอ้าเล่าต่อ)
    ผมสั่งให้เขาเข้าไปในครัวโดยนำเอาพริกขี้หนูสดๆมาหนึ่งกำมือตำกับเกลือหนึ่งช้อน เขาถามว่าเอามาทำอะไรผมตอบว่าเอาเถอะนะเป้นยาแก้ผีเข้า พอเขาตำพริกมาให้เสร็จ ผมก็บอกว่า ลองจับตัวลูกสาวแล้วเอายาป้อนซิ เขาก็จับตัวลูกสาวเขาลูกเขาดิ้นขัดขืน ผมบอกว่าเอายาป้อนเข้าปากเขา พอเอายาป้อนเข้าปากยายังไม่ถึงปากเลยเขาพ่นยาออกมาทั้งหมด พ่อของเด้กถามผมว่าทำไงมันพ่นยาออกมาหมดเลยมันไม่กิน ผมตอบว่างั้นอย่าไปบังคับเขาแล้วให้เอาน้ำเย็นๆให้เฃาดื่ม เขาไปเอาน้ำเย็นมายังไม่ทันป้อนน้ำเลยลูกสาวเขาก้รีบยกขวดน้ำกินหมดแบบกระหายอย่างแรง(จริงแล้วเพราะมันเผ็ดมากที่สุดต่างหากแต่ผมไม่บอกเท่านั้นฮิฮิ)
     
  5. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    (มาเล่ากันต่อนะ) หลังจากป้อนยาก็รู้แล้วว่าลูกสาวเขาเป็นอะไร (ท่านคิดว่าเป็นอะไรใครตอบได้บ้างเอ่ย) 55ผมตอบให้ก็ได้ครับ ลูกสาวเขาไม่ได้เป็นอะไรเลยครับ เพราะที่เขากินพริกแล้วพ่นออกมานั้นเพราะว่าเขาเผ็ดมากครับจึงกินเข้าไปไม่ได้แต่ถ้าเพื่อโดนผีเข้าจริงๆอย่าว่าแต่พริกเลยครับอย่างอื่นมันก้กินไม่เหลือ ครับ เพราะตัวผู้ที่ถูกผีเข้าถูกข้าวของอะไรนี่เขาจะไม่รู้สึกตัวอะไรหรอกครับ แต่นี่เขายังรู้สึกว่ามันเผ็ดก็แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไรไม่ได้โดนอะไรเลยครับ (ใครจะนำยานี้ไปทดสอบดูก็ได้ครับเห็นผลทันตาครับ ไม่ต้องไปเสียเวลานั่งดูหรือเสกหมากให้ลองกินหรอกครับใช้ยาตัวนี้แน่นอนครับเห็นผลเร็วครับ) พอผมรู้ว่าลูกเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย ผมเลยบอกว่างั้นผมขอเวลาคุยกับผี(ผีปลอม) นี่ซักเล็กน้อยนะครับขอให้ทุกคนหลบไปนั่งห่างๆเขาหน่อย ทุกคนหลบไปนั่งอักที่นึง ผมจึงค่อยๆเข้าไปคุยกับลูกสาวเขา ผมบอกว่า ขอโทษด้วยนะที่ทำให้เราต้องลำบากและเจอกินพริกเผ็ดๆถ้าไม่ทำอย่างนี้เราก็จะไม่ยอมพูดด้วยและไม่หายจากอาการแบบนี้ ไหนเรามีเรื่องอะไรที่ไม่พอใจหรือไม่สบายใจบ้างละ พอเล่าให้ฟังได้ไหมผมพอที่จะช่วยได้นะ
    ถ้าสิ่งที่ให้ช่วยไม่เหลือบ่ากว่าแรง ผมพูดอย่างนี้ ลูกสาวเขาเรื่มเปิดหน้าตัวเองออกมาจากผ้าห่มเล็กน้อยและมองซ้ายมองขวาแล้วพูดกับผมว่าช่วยได้แน่นะ ผมตอบว่าเอาเถอะจะพยายามช่วยนะ เขาก้เรื่มเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่เขาจะเป็นอย่างนี้ พ่อแม่เขาได้สัญญาว่าถ้าเขาเรียนทำเกรดได้ดีเทอมนี้เขาจะให้รถมอเตอร์ไซด์ เขากผ้ทำได้เกรดดีจริงๆแต่พอทำได้แล้วพ่อกับแม่ไม่ยอมให้เขาบอกให้เขารอไปก่อนจนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ให้ครั้งล่าสุดเขาทนไม่ไหวก็เลยเอ่ยปากขอรถจากพ่อแม่อีกตามที่ให้สัญญากันไว้ แต่ก็ถูกดุด่า เขาเลยไม่รู้จะทำอย่างไรเสียใจและไม่พอใจพ่อกับแม่มากเลยแกล้งประชดทำตัวแบบนี้แหละ
    ผมได้ฟังดังนี้ผมก็เลยสอนว่ากรรมที่ทำกับพ่อแม่อย่างนี้ไม่ดีและสอนหลักการเป็นลูกที่ดีให้เขาเข้าใจ จริงๆแล้วเด็กคนนี้นิสัยดีฉลาดมากนะครับแต่ที่ทำแบบนี้เพราะไม่พอใจมากๆเขาคิดว่าเขาทำเกรดได้ดีพ่อแม่น่าจะรักษาคำพูดแต่พอจริงๆแล้วกลับเป็นแบบนี้ ผมเลยรับปากบอกกับเขาว่าจะช่วยคุยให้เท่าที่จะทำได้นะและให้เขาสัญญาว่าจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกและตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้เขารับปาก ผมก็เลยออกมาบอกกับพ่อแม่เขาคุยกันตามจริงเขาก้เข้าใจ ผลสุดท้ายก้ไปออกรถมอเตอร์ไซด์ให้ เรื่องมันก็เลยจบ ( นี่แหละกิเลสของคนเราทำได้ทุกอย่างเลย ดีนะที่เขาไม่พาไปทำพิธีอะไรที่มากกว่านี้ไม่งั้นคงเสียเวลาเรียนเสียเงินทองไปมากกว่านี้แน่นอน55) เรื่องนี้ผมขอตั้งชื่อว่า ผีมอเตอร์ไซด์แล้วกันนนะครับ หรือท่านเห็นสมควรว่าอย่างไรครับ55 เล่าสู่กันฟังคลายเครียด
     
  6. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    ได้ครับถ้าผมไม่ลืมนะยิ่งหลงลืมๆง่ายซะด้วย55
     
  7. piramid111

    piramid111 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    462
    ค่าพลัง:
    +1,204
    นั้นซิค่ะ ขอบอกตรงๆนะค่ะ คงไม่ถือสาคนตรง เคยคิด เอ้อ...ทำไมให้อาจารย์คนวัดดูเรื่องบ้านที่เมืองไทยทำไมมีเหตุให้ไม่ได้ดูซักที ทั้งๆทีถามก่อนหน้าหลายคน อาจารย์ตอบหมด ยกเว้นของจิน มีเหตุต้องทำให้อาจารย์ลืมไป อย่างโทรศัพท์โทรบ่อยค่ะแทบวันเว้นว่าง สายไม่ว่างตลอด ถึงติดก็ตัดสายไป บ้างทีนึกหรือมีอะไรมาขว้างรือเปล่าเอ่ย แต่ก็ทนเอายังไงโทรติดต่อไม่ได้ก็คุยกันในพลังจิตนี่ละ ไวๆพอกันค่ะ ใจมั่มซะอย่างซักวันคงโทรติดสักหนละค่ะ จริงไหมค่ะอาจารย์คนวัด
     
  8. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    ถ้าจะถามผมว่าตอนนี้เด็กคนนี้เป็นอย่างไร ตอบครับเจอเขาครั้งล่าสุดก่อนปีใหม่นี่เองครับเขามาสวัสดีปีใหม่ ตอนนี้เขาเรียนนิสิตแพทย์ ปีที่1 อยู่ มศว ศรีนครินทรฯ ใกล้บ้านที่ผมพักอยู่ปัจจุบันนี่ครับ ดีใจกับน้องเขาครับที่ทำตัวเป็นเด็กดี เป็นลูกที่ดี เดี๋ยวนี้ไม่ต้องอยากได้รถมอไซค์แล้วครับ เพราะตอนนี้น้องเขาขับรถยนต์ป้ายแดงใหม่เอื่ยมเลย55
    พ่อแม่เขาซื้อให้ครับดีใจมากที่ลูกเป็นเด็กดีไม่เหมือนเมื่อสามปีก่อนมา อย่างกะคนละคนเลย ผมก็ได้แต่ยิ้มในใจด้วยความสุข (พอดีนึกขึ้นได้เลยเอามาเล่าสู่กันฟังเพราะเวลาผมขับรถไปทำธุระที่ตลาดที่ไปรษณีย์ ผมผ่านหน้ามหาลัยฯนึกถึงน้องคนนี้ทุกทีครับแบบขำๆ55)
     
  9. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    จริงครับเอาใจฃ่วยนะครับ บางท่านอยู่นอร์เวยเห็นเบอร์ผมโทรมาครั้งเดียวติดได้คุยกับผมเลยครับ ก็เลยหมดความสงสัยไป ผมเอาใจช่วยคุณนะครับอย่างไรต้องได้มีโอกาสได้คุยกันทางโทรศัพท์แน่นอนอครับ
     
  10. โดเร่

    โดเร่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    704
    ค่าพลัง:
    +871
    ฮ่าๆ ฮาดีคับ ผีมอเตอร์ไซค์ ^^
     
  11. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    วันนี้จะมาพูดถึง คุณสมบัติของพระโสดาบันครับ
    ที่เอาเรื่องนี้มาพูดเพราะส่วนมากผู้ที่มาหาผมถามว่าเขาไปเจอหนังสืออยู่เล่มนึงเขียนว่าเป็นพระโสดาบันง่ายมากๆแต่พอเขาไปอ่านอีกเล่มบอกว่าเป้นพระโสดาบันยากมากๆเขาก็เลยสงสัยว่าจริงๆแล้วมันเป้นอย่างไร อยากให้ผมเล่าให้ฟังหน่อย
    ตอนเด็กๆนะครับผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมในสมัยพุทธกาลบางท่านได้ฟังธรรมแค่ประโยคเดียวก็สำเร็จเป็นพระโสดาบันแล้วทำไมมันง่ายขนาดนั้น ผมเฝ้าแต่ถามหลวงลุงหลวงพี่หลวงน้าหลวงอาอยู่ตลอดในสมัยเป็นเด็กๆแต่ท่านก็ไม่ได้อธิบายอะไรท่านบอกแค่ว่ามีในพระสูตร ผมเก็บความสงสัยนี้มาตลอดจนกระทั่งได้ไปกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านและได้นำเอาหนังสือของท่านมาศึกษาดู (เสียดายที่ผมได้ไปกราบไม่กี่ครั้งตอนนั้นท่านป่วยมากครับ) จึงได้รู้ว่า
    คุณสมบัติของพระโสดาบันนั้น มีอยู่ไม่กี่ข้อคือ
    1บุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นพระโสดาบันนั้น ต้องตัด สังโยชน์ได้ 3 ข้อ
    สังโยชน์ เป้นสิ่งที่ดึงให้เรามีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ตลอดเป็นเครื่องผูกมัดเราเอาไว้ ซึ่งมีทั้งหมด 10 อย่าง แต่ในที่นี้ผมจะพูดแค่สามอย่างครับซึ่งเป็นคุณสมบัติที่พระโสดาบันท่านตัดได้
    1 สักกายทิฏฐิ คือมีความเห็นว่าร่างกายนี้เป้นของเรา ร่างกายนี้มีสภาพไม่ตาย ไม่เสื่อมไปจากนี้ และมีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของสะอาด สวยสดงดงาม น่ารัก น่าชม
    2 วิจิกิจฉา คือมีความสงสัยในพระพุทธองค์ สงสัยพระธรรมที่พระพุทธองค์ท่านทรงสอนเอาไว้ สงสัยในความดีของพระอริยสงฆ์ พูดง่ายๆก็คือ ถ้าท่านยังมีความสงสัยว่า พระพุทธเจ้ามีจริงหรือเปล่าหนอ พระธรรมที่ท่านทรงสั่งสอนไว้เป็นอย่างไรหนอแม้แต่สงสัยว่าสิ่งที่เขียนไว้ในพระไตรปิฏกนั้นเป็นเรื่องจริงไหมหนอ หรือสงสัยว่าพระอริยสงฆ์นั้นเป็นอย่างไรหนอมีจริงไหม ถ้าสงสัยแบบนี้เขาเรียกว่าเป็นวิจิกิจฉาแล้วนะครับ
    3 สีลัพพตปรามาส คือการที่ไม่ตั้งใจรักษาศีลอย่างแท้จริง เดี่ยวดีเดี๋ยวไม่ดี รักษาแบบไม่หนักแน่นเอาจริงเอาจัง
    ทั้งสามข้อนี้คือลักษณะของสังโยชน์ทั้งสาม ผู้ที่ตัดสังโยชน์ทั้งสามนี้ได้ถือว่าเข้าข่ายการเป้นพระโสดาบันแต่เป้นพระโสดาบันระดับกลางๆที่เรียกว่า สัตตักขัตตุง ซึ่งจะต้องเกิดอีก 7 ชาติ ไม่เหมือนโสดาบัน แบบเอกพิชี
    แต่ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนไว้ถึงคุณสมบัติของพระโสดาบันมีอยู่ง่ายดังนี้
    1 ให้คิดอยู่เสมอว่าเราจะต้องตายหลีกหนีความตายไปไม่พ้นได้
    2 มีความเคารพ ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างไม่มีความสงสัยใดๆ
    3 มีศีลที่บริสุทธิ
    4 นึกถึงพระนิพพานเป้นอารมณ์เบื่อการเกิดอีกแล้ว
    นี่คือคำสอนของหลวงพ่อท่านที่ได้สอนสั่งไว้ถ้าท่านใดทำได้ก็ถือว่าเข้าข่ายเป็นพระโสดาบันได้ จริงๆแล้วว่าไปไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปที่เราจะทำไม่ได้เพียงแต่ว่าเราจะตั้งใจปฏิบัติตนได้ดังนี้หรือไม่ขึ้นอยู่ที่กำลังบุญกำลังใจของตัวเราเองเป้นหลักไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรนัก ถึงแม้บางท่านที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายพระโสดาบันแล้วก็อย่าประมาทคิดว่าเราดีแล้วเพราะถ้าเราเผลอเมื่อไหร่นะเราจะตกหล่นไปเลยความมีอัตตาคือถือตัวถือตนมันจะมีมากขึ้นเพียงเรารู้ไว้เฉยๆว่าคุณสมบัติแบบนี้เขาเรียกว่าพระโสดาบันเท่านั้นก็พอ
    พระโสดาบันนี้ยังคงมีอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลงอยู่ แต่ไม่มากเหมือนคนธรรมดาทั่วไปถ้ายิ่งเป็นพระสกิทาคามีนั้นอารมณ์ต่างๆเล่านี้จะเหลือน้อยมาก
    ผมตอบตามที่หลวงพ่อท่านสอนนะครับท่านใดที่สงสัยก็นำเอาคิดพิจจารณาดูนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2009
  12. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    พี่ครับ ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการค้า-ขายต่างประเทศ เช่นเพื่อนบ้านเรา ลาว-เขมร-พม่า อะไรประมาณนี้ หรือใครมีประสบการ์ณ มาเล่าสู่กันครับ
     
  13. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    การฝึกทิพจักขุญาณ(เอาเฉพาะที่ผมจำได้นะครับ)
    การฝึกนี้เป็นการฝึกสำหรับบุคคลที่ไม่เคยได้มาก่อนในอดีตชาติครับ
    ผมรวบรัดเอาเลยแล้วกันนะครับ หลวงพ่อท่านสอนให้ฝึกอย่างนี้ครับ
    1 ให้ฝึกทำสมาธิในกองใดกองหนึ่งที่ถูกใจทำแล้วเป้นสมาธิได้ง่ายสำหรับตัวเราจนทำได้ดีนะระดับหนึ่ง
    2 เมื่อมีพื้นฐานของการทำสมาธิมาบ้างแล้ว ให้ฝึกเพ่งกสิณ ที่จะทำให้เกิดตาทิพย์ ซึ่งกสิณที่ทำให้เกิดตาทิพย์นั้นมีอยู่สามกองหลักๆครับ
    1 เพ่งสีขาวเป้นอารมณ์ 2 เพ่งแสงสว่างเป็นอารมณ์ 3 เพ่งไฟเป็นอารมณ์ครับ
    แต่ที่มีผลทางด้านตาทิพย์โดยตรงและเร็วที่สุด คือ เพ่งแสงสว่างครับ
    แต่ท่านใดจะใช้กสิณกองใดในสามกองนี้ตามที่ชอบก็ได้ครับแล้วแต่ถนัด
    3 เมื่อได้กสิณที่ถูกใจแล้วให้ฝึกเพ่งกสิณ จนภาพติดตาหรือที่เรียกว่าได้อุคหนิมิตคือสามารถมองเห็นองค์กสิณได้ทั้งตอนลืมตาและหลับตาสามารถมองเห้นได้ทุกเวลา
    4 เมื่อได้อุคหนิมิตแล้ว องค์กสิณจะเปลียนแปลงไปเช่นตอนแรกสมมุติว่าเราเพ่งสีขาวเราจำสีขาวได้แต่พอนานๆเข้าองค์กสิณเปลียนจากสีขาวเป็นสีอื่นก้ไม่ต้องตกใจเป็นเรื่องธรรมดาครับ บางทีเป็นสีแดง ดำ เหลือง เขียว บางทีองค์กสินก็เล็ก บางทีก้ใหญ่ บางทีก็เลื่อนไปซ้ายไปขวา ถ้าเกิดอาการนี้ท่านไม่ต้องไปบังคับว่าจะต้องให้เป็นสีเดิมอยู่แบบเดิมมีขนาดเท่าเดิม ปล่อยให้เป้นไปครับเราวางใจคุมกสิณไว้เฉยๆเป้นพอครับ
    5 จนองค์กสิณของเราเปลี่ยนเป็นเหมือนดังแก้วใสเป้นผลึกที่ใสสวยงามนั่นถือว่าเราสามารถที่จะใช้องค์กสิณได้แล้วครับ การใช้ก็ง่ายๆครับโดยการใช้วิธีที่เรียกว่าการเพิกกสิณครับ (เดี๋ยวมาเล่าต่อเด้อครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2009
  14. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    ได้ครับจะเล่าให้ฟังซักเล้กน้อยครับ
    เคล็บลับในการทำการค้าขายกับต่างชาติ
    1 มีปิยวาจาที่ดี รู้ว่าตอนนี้ที่นั่นเขาต้องการสินค้าของเรามีความจำเป้นที่ต้องการใช้สินค้าของเรามากน้อยเพียงใด ในประเทศเขามีการผลิตสินค้าแบบเรามากหรือไม่ อันนี้เขาเรียกว่าต้องเจาะลึกหาข้อมูลที่ละเอียดให้ได้ก่อนครับถ้าพูดง่ายก็คือศึกษาเรื่องการตลาดของประเทศเขาครับ ถ้าประเทศไหนที่มีความจำเป้นที่ต้องการใช้สินค้าของเรามากที่สุดให้เลือกประเทศนั้นเป้นหลักครับส่วนประเทศอื่นๆนั้นให้ทำเป้นรองเอาไว้ครับค่อยขยายการตลาดต่อไปในอนาคตครับ
    2 ให้เราสืบดูว่าประเทศที่เราจะเอาสินค้าไปจำหน่ายหรือส่งออกนั้นเขานับถือเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธ์ใดๆเป็นที่สุดครับ เมื่อรู้แล้วให้ทำบุญเน้นที่กรรมฐานแล้วส่งบุญให้กับเทพเทวาที่ดูและรักษาประเทศของเขาขออนุญาติให้เปิดทางเพื่อให้สินค้าของเราสามารถที่จะนำเข้าไปขายได้อย่างดีและไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้นครับ
    3 ให้กราบไหว้บูชาพระสยามเทวาธิราชเทวดาที่ปกครองดูแลประเทศทุกประเทศที่เรานำสินค้าของเราส่งออกพร้อมส่งบุญให้อยู่เสมอครับ
    4 ก่อนนำสินค้าส่งออกครั้งแรกให้นำน้ำมนต์แล้วท่องคาถาเงินร้านกับสวดบทเมตตัญจะสัพโลกัสหมิงประพรมสินค้านั้นซักเล็กน้อยพอเป็นพิธีครับ
    5 แยกสินค้าของเราเล็กน้อยใส่ไว้ในพานแล้วเขียนที่พานเอาไว้ว่า อันนี้ส่งไปที่พม่า อันนี้ส่งไปที่ลาว หรือที่อื่นๆครับพร้อมเอามาวางไว้ที่หน้าหิ้งพระสวดมนต์ด้วยคาถาเงินล้านกับบทเมตตาพร้อมทั้งส่งบุญให้เทพเทวาพระสยามเทวาธิราชเทวดาที่ดุแลประเทศที่เรานำสินค้าส่งออกทุกวันครับ
    ลองทำตามนี้ดูก่อนในลำดับแรกนะครับได้ผลอย่างไรค่อยว่ากันต่อไปนะครับ
     
  15. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    (เล่าต่อเรื่องการฝึกทิพจักขุญาณ)
    6 เมื่อองค์กสิณเป้นดังแก้วใสแล้วให้อธิษฐานเพิกกสินครับ การอธิษฐานเพิกกสิณก้คือถ้าเราต้องการอยากจะเห้นอะไรให้อธิษฐานว่าของภาพองค์กสิณนี้จงหายไปขอภาพ (สมมุติว่าเราต้องการเห็นสวรรค์ ) ขอให้ภาพของสวรรค์จงบังเกิดขึ้นมา เท่านี้เราก็จะเห็นทางจิตทางใจแล้วครับ และเราก้ไม่ต้องไปกลัวนะครับว่ามันจริงหรือไม่เป้นอุปาทานหรือเปล่า ถ้าท่านสามารถทำได้จนองค์กสิณเกิดขึ้นได้ในระดับนี้ก็ถือว่าสำเร็จองค์กสิณแล้วครับสิ่งที่สัมผัสได้นั้นมักตรงตามจริงที่เห้นแต่จะเห้นมากเห้นน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับพลังของสมธิและจิตที่ผ่องใสมากน้อยเพียงไรครับ ถ้าการเห็นแรกๆไม่มั่นใจให้สอบถามครูบาอาจารย์ผู้ที่รู้ครับว่าตรงตามนั้นหรือไม่ จนกว่าชวนจิตของเรามันจะจำได้หมายรู้ครับว่าอาการอย่างนี้อารมณ์อย่างนี้คือของจริงแค่นี้ก้ได้แล้วครับ เมื่อได้มาแล้วก้ต้องประคองอย่าให้กสิณเสื่อมเพราะการได้ระดับนี้เป้นแค่เพียงโลกีย์ญาณเท่านั้นครับมีเสื่อมได้ครับ ท่านใดที่สนใจก็ลองนำเอาไปฝึกกันดูนะครับ ถ้าท่านใดสำเร็จแล้ว ผมจะได้ให้ดูตัวผมบ้างเพราะผมยังไม่ได้อะไรซักอย่างเลยครับ กิเลสเยอะ อุปาทานผมมันมากครับ55
     
  16. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    รู้เขา รู้เรา รบ100ครั้ง ชนะ100ครั้ง ขอบคุณครับ
     
  17. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    สาธุครับผมเอาใจช่วยนะเรื่องการค้าขายของคุณ
     
  18. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    ขอแจ้งให้ทราบซักเล้กน้อยครับ บางท่านที่ถามผมทางพีเอ้มหรือถามในกระทู้ไม่ว่าจะเป้นเรื่องอะไรก้ตามท่านที่ได้รับคำตอบผมไปถือว่าจิตผมสามารถรับรู้และบอกได้ครับแต่บางท่านที่ผมไม่ได้ตอบนั้นไม่ใช่เป้นเพราะผมไม่อยากตอบครับ แต่ผมจะตอบก็ต่อเมื่อสัมผัสจิตได้ครับ ต้องขอโทษทุกท่านด้วยครับที่ไม่สามารถตอบให้ได้ครับถ้าผมไม่รู้ครูบาอาจารย์ท่านไม่บอกผมก้ไม่กล้าตอบเองครับกลัวผิดพลาดได้มาก ครับ ผมจะตอบก้ต่อเมื่อจิตผมรับได้ครูบาอาจารย์ท่านบอกก้เท่านั้นครับเพราะผมไม่ได้เป้นผู้รู้อะไรหมดทุกอย่างครับยังเป้นเด็กที่ไร้เดียงสาอยู่มากครับ จริงเรียนมาให้ท่านที่ยังไม่ได้รับคำตอบผมได้รับทราบนะครับ อ คนวัด
     
  19. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    การแก้ไขปัญหาเรื่องรักสามเศร้า
    ในเรื่องนี้มีคนที่มาขอคำแนะนำผมมากที่สุดเป้นประวัติการณ์ครับแต่วิธีการแก้ไขนั้นจะได้ผลมากน้อยขนาดไหนนั้นเป็นเรื่องของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของตนเองเป็นเรื่องของผลบุญและบาปที่ทำมาร่วมกันมากที่สุด
    หลักการแก้ไขง่ายๆเบื้องต้นมีดังนี้ครับ
    1 เมื่อเกิดปัญหานี้ขึ้นมาสิ่งที่ควรทำเป้นอย่างแรกคือมีสติให้ได้ก่อน อย่าปล่อยให้ขาดสติไปตามอารมณ์ ที่มากระทบอย่าไปนั่งซึมเศร้าอะไรมากนักอย่าไปตีโพยตีพายครำครวญมากขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ละก็เสียเวลาไปเปล่าประโยชน์มาก
    แทนที่จะมีสติให้มากแล้วมาดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันเกิดเพราะอะไรเป็นต้นเหตุ แล้วเราจะแก้เหตุนั้นได้ไหมจะมีประโยชน์มากว่า
    2 เอาชนะกิเลสฝ่ายต่ำให้ได้เช่น อย่าไปทำไสยศาตร์หรือไปทำพวกเสน่ห์เล่ห์กลใดๆ นอกจากไปทำแล้วจะไม่ได้ผลยังเป็นการเพิ่มบาปให้แก่ตนเองด้วย ถึงแม้จะมีบางคนไปทำแล้วบังเอิญได้ผลที่ได้ผลนั้นไม่ใช่เพราะว่าไปทำแต่เป็นไปตามกฏแห่งกรรมที่ทำให้เป้นต่างหาก คือถ้ากรรมยังไม่สิ้นสุดกัน บุญยังไม่สิ้นสุดกัน อย่างไรก็ต้องเวียนมาบรรจบพบเจอกันอยู่อีกแน่นอน เราจะไปเร่งให้บุญส่งผลไวๆหรือให้กรรมรีบใช้ให้มันหมดเลยทีเดียวตามใจไม่ได้ เพราะแต่ละคนนั้นสร้างทั้งบุญและบาปสลับซับซ้อนทับถมกันมากมายนับไม่ไหว
    3 เมื่อใจเริมดีขึ้นมาบ้างสงบระงับอารมณ์ต่างๆได้มากขึ้นให้หาสิ่งที่ยึดเหนี่ยวทางใจคือเข้าหาพระธรรม และปฏิบัตฺตน ให้อยู่ในทาน ศีล ภาวนาให้มากแล้วแผ่บุญนี้ไปถึงคนรักที่มีปัญหารวมทั้งมือที่สามด้วย อย่าไปโกรธ ไปแค้น หรือต้องการเพื่อเอาชนะเขาโดยเด็ดขาดถ้ามีอาการทางใจแบบนั้นไม่มีทางกลับคืนมาหรอกเพราะเจตนาไม่บริสุทธิพอ
    4 อย่าไปกระวนกระวายอยากให้เขากับมาอย่างใจต้องการ ค่อยๆทำดีเรื่อยไปผลของความดีมีพลังมากกว่าผลบาปเมื่อไหร่คนรักของเราเขาจะเริ่มดีขึ้นมาตามลำดับ
    5 เมื่อใจของเราเริ่มสว่างแล้วเราจะรู้สึกปลงๆไม่อยากได้เขากลับมาแล้วบางทีก้อยากบางทีก้ไม่อยากก้ขอให้ทำดีต่อไปอย่าท้อ เมื่อมีความรู้สึกแบบนี้แล้วให้หาเหตุผลให้เจอว่าทำไมถึงอยากได้เขากับมามากเพราะอะไร และถ้าเขากับมามีอะไรที่จะทำให้เรามั่นใจได้ว่าเขากับเราจะไม่มีปัญหาแบบนี้อีก อย่าปล่อยให้กิเลสมันบังคับต้องใช้เหตุและผลเป้นเครื่องตัดสิน
    6 มาคิดดูว่าเขามีความดีอย่างไรมีข้อเสียอย่างไร เรามีดีอย่างไร มีข้อเสียอย่างไร ความดีความเสียอันไหนมีมากกว่ากัน ถ้ามันเสียมากการได้เขากับมามันก้ทุกข์อีกแต่ถ้าความดีมีมากกว่าเสียเขากลับมามันก้สุขมากกว่าทุกข์ อย่าไปปล่อยตามใจว่าไม่รู้อย่างไรต้องเอาเขากลับมาให้ได้ นั่นมันไม่ใช่ความคิดด้วยปัญญาแล้วแต่มันเป็นความคิดของกิเลสตัณหามากกว่า
    7 ลองคิดดูว่าตัวเรานั้นมีดีที่ไหนเรากับเขาเข้ากันได้บ้างไหม ไม่ใช่ว่ารู้แต่ว่ารักว่าชอบเขาแต่ไม่มีเหตุผลอย่างนี้มันก้ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ต้องใช้ปัญญามากๆ
    8 อย่าไปคิดยึดติดแค่คนเพียงคนเดียวชีวิตเรายังต้องพบเจออะไรต่อมิอะไรมากมายเขาอาจจะยังไม่ใช่คนที่สามารถอยู่กับเราเข้าใจเราได้ในตอนนี้ก็ได้วันข้างหน้าอาจมีใครซักคนที่เขาเข้าใจเราดีต่อเรามากกว่าคนที่กำลังทำให้เราทุกข์อยู่นี้ก้ได้ มองอะไรๆให้กว้างๆบ้าง
    9 ถ้าเราเป้นคนดีมีศีลธรรมย่อมพบเจอกับคนที่ดีที่สามารถอยู่กับเราได้ครองรักกับเราได้
    และถ้าเราดีจริงเขาคนนั้นซักวันอาจมองเห็นความดีที่เรามีต่อเขาก้ได้ อย่าไปท้อ
    เอาแค่นี้ก่อนแล้วกันเรื่องนี้มันยาวมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2009
  20. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    มาเล่าเรื่องนิทานกันต่อครับ
    ในเรื่องนี้ก้เกิดขึ้นกับผมมาหลายปีแล้วเหมือนกัน เรื่อง สามีโดนเสน่ห์ที่แก้ไม่ได้เลย
    เรื่องก็เป็นอย่างนี้ครับ เมื่อปี 2547 ขณะที่ผมกำลังนั่งรับแขกอยู่ก็มีสุภาพสตรีท่านนึงพาชายผู้นึงมาหาผม โดยเขาบอกว่าอาจารย์ช่วยหน่อยเถอะแฟนเขาโดนของที่ผุหญิงทำใส่เป้นเอามากขนาดหลงไหลขนเงินทองไปปรนเปรอเขาใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง พาไปทำพิธีมาจนหมดหนทางไปแล้วแต่ไม่มีอะไรที่ดีขึ้น ตอนนั้นผมยังคุยกับแขกรายแรกไม่เสร็จก้เลยถามเขาว่ารอหน่อยได้ไหมเขาบอกว่ารอไม่ได้หรอกอาจารย์ผมก็บอกว่าทำไมถึงรอไม่ได้
    เขาตอบว่าวันนี้หนูพาแฟนหนูเขาไปเข้าพิธีสวดภาณยักษ์มา ผมถามต่อ นึกอย่างไรถึงพาไปเข้าพิธีสวดภาณยักษ์ เขาตอบว่าอาจารย์ท่านนึงเขาเก่งมากๆๆๆๆเขาบอกว่าของที่แฟนหนูโดนนั้นแรงมากแก้ไขได้ลำบาก ต้องพาไปเข้าพิธีสวดภาณยักษ์ อาจจะหายได้ไม่มากก็น้อย ผมถามว่าแล้วตอนที่เขาอยู่ในพิธีเขามีอาการอย่างไรไหมเขาบอกไม่เห็นแฟนเป็นอะไรเลยทั้งๆที่รอบตัวเขามีคนแสดงอาการต่างๆมาก ผมถามต่อแล้วยังไงต่อไป เขาตอบว่าอาจารย์ท่านนั้นบอกว่าถ้าเข้าพิธีแล้วของไม่ออกก็ช่วยอะไรไม่ได้เเสดงว่าของแรงมากอาจเข้าถึงกระดุกแล้วอาจเสียชีวิตได้ เขาเลยกลัวเพราะขนาดพาไปทำพิธีทุกที่แล้วก้ไม่ดีขึ้น สวดภาณยักษ์แล้วก้ไม่ดี แสดงว่าของที่แฟนโดนต้องแรงมากๆ เขาบอกว่าอย่างนี้ ผมถามต่อว่า เอ้าก้อาจารย์ท่านนั้นบอกว่าเก่งมากๆๆแล้วเขายังช่วยไม่ได้แล้วผมซึ่งไม่รู้อะไรเลยจะช่วยได้อย่างไร เขาตอบว่า ไม่รู้ละอาจารย์ต้องช่วยไหนๆหนูก้อุตสาห์มาถึงที่นี่แล้ว (เล่นบทนี้ผมเลยพูดไม่ถูกจริงแล้วคิดจะช่วยอยู่แล้วในใจ55)
    ผมก็เลยให้เขาจดชื่อ วันเดือนปีให้แล้วผมก็เอามาคิดดู (แล้วรู้คำตอบอยู่ในใจแล้วว่าเป็นอะไร) เมื่อเขามาแบบร้อนๆตามกิเลสผมก้ไม่ขัดคอเขาเลยถามแขกรายแรกว่าขอเวลาให้คนนี้เขาซักนิดนึงได้ไหม แขกรายแรกก็แสนดีบอกว่าไม่เป้นไรครับ
    งานนี้ผมให้เขาไปพาแฟนเข้ามาหาผม พอเขาเข้ามาแล้วเขาก็ยิ้มๆ พอเขายิ้มภรรยาเขาบอกว่าแสดงว่ามันต้องลองของอาจารย์แน่ๆ ผมบอกว่าผมไม่ต้องลองหรอกเพราะไม่มีอะไรจะให้ลอง ของผมเอาไปใช้ได้เลยไม่ต้องลองจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่ว่าจะทำได้ตามจริงหรือไม่
    ผมก็นั่งดูเฉยๆ ภรรยาเขาก็บอกว่าไม่เห็นอาจารย์ทำอะไรให้เลยเช่นเสกคาถา พ่นน้ำมนต์ ไม่เหมือน ที่เขาพาไปหาที่อื่นมาทั้งเสกทั้งเป่าทั้งพรมน้ำมนต์สารพัด
    ผมตอบยิ้มๆ ว่ารายนี้เขาไม่ได้โดนอะไรเลยคุณสงคุณไสยนี่ เขาหลงในกิเลสราคะมากกว่า ต่อให้พาไปทำพิธีร้อยที่อาบน้ำมนต์ร้อยวัดก้ไม่หายหรอก ของอย่างนี้มันต้องแก้ที่ใจเขาโน่น จริงไหม ผมตอบเขาพร้อมหันไปถามสามีเขา สามีเขายิ้มๆ
    ภรรยาเขาก็บอกว่าหนูไม่เชื่อหรอกว่าเขาไม่ได้โดนคุณไสยถ้าไม่โดนทำไมถึงเป้นได้ขนาดนี้ ผมก้เลยบอกว่า ลองถามสามีคุณดูนะว่าทำไมถึงเป้นแบบนี้ เขาบอกถามแล้วแต่มันไม่พูด ผมกลัวว่างานนี้เรื่องจะยืดเยื้อผมเลยต้องใช้วิชาที่เรียนมาจัดการ ( อยากรู้ไหมครับว่าผมใช้วิชาอะไร ) วิชาธรรมะครับ
    ผมถามสามีเขาว่าที่คุณเป้นอย่างนี้คุณรู้สึกตัวดีใช่ไหม เขาตอบใช่ครับ แล้วทำไมคุณถึงเป้นเอาซะมากขนาดนั้น ไม่สงสารภรรยาคุณบ้างเลยหรือ
    สามีเขาตอบว่า มันจะไปสงสารได้อย่างไรละครับ อาจารย์ดูเอาตั้งแต่ผมมานี่มันพูดมันวุ่นวายไม่หยุด ต่างจากตัวผม ผมไม่เห็นเป็นอย่างมันเลย
    เอาละพอสามีเขาพูด ทางภรรยาบอก เห็นไหมอาจารย์มันไม่ฟังใครเลยหนูว่าของมันแรงมากๆ ผมบอกว่าลองฟังเขาดูหน่อยดีไหมว่าเพราะอะไรเขาถึงเป้นแบบนี้
    สามีเขาเล่าต่อ
    ตอนแรกที่รักกันก้ดีครับ แต่พอนานไป แฟนผมเขาก้เริ่มไปคลั่งไคล้พวกหมอดูอะไรนี่ล่ะวันนึงไม่ต้องขายของตระเวณไปเรื่อยหมอดูที่ไหนดีมันไปมาหมดเพราะอยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะรวยซักที และก็เขาชอบเล่นการพนันเป้นชีวิตจิตใจ ตอนแรกๆผมก้ห้ามแต่ก้ไม่ฟังทะเลาะกันทุกครั้ง จนในที่สุดผมทนอึดอัดไม่ไหวเริ่มออกเที่ยวจนไปเจอน้องเขาคนนึง
    (งานนี้ชักเข้าเรื่องแล้วแหะ) ผมก็ถามต่อว่าแล้วเป็นไง น้องเขาดีครับขยันทำมาหากินไม่บ่นไม่จู้จี้จุกจิก และที่สำคัญอายุพึ่งยี่สิบเศษๆเท่านั้น หน้าตาดูดีมากๆ
    (เอาละนี่โดนของแท้จริงเลย ความหลงในกิเลสกามราคะ) ตอนแรกๆผมก้ไม่ได้คิดอะไรเห็นว่าคุยกับน้องเขาแล้วสบายใจประกอบกับเมียผมนั้นเริ่มเป้นเอามากขึ้นตระเวณไปหาหมอดูทรงเจ้าเข้าผีมาก เพราะนึกว่าผมโดนของ
    ผมถามเขาต่อไปว่าแล้วทำไมคุณถึงขนเอาเงินทองไปให้น้องคนนั้นละคิดจะเลิกกับเมียคุณคนนี้จริงๆหรือ
    สามีเขาตอบว่า จะไม่ให้ขนไปได้อย่างไรครับเงินที่หามาได้เอาไปประเคนหมอดูที่เขาบอกว่าผมโดนของไปซะเงินเกือบหมดบัญชีแล้วทองที่มีก้แอบเอาไปขาย ถ้าผมไม่เอาไปเก็บไว้สงสัยหมดแน่
    เมื่อผมได้คำตอบดังนี้ ผมก้ถามภรรยาเขาว่าที่เขาเล่ามานั้นจริงหรือไม่ เขาแสดงความไม่พอใจที่สามีเขาบอกกับผมในเรื่องต่างๆที่ผ่านมา เขาไม่ตอบแต่เขาบอกว่าหนูไม่รู้หรอกเอาปืนมายิงมันทั้งคู่ดีไหมเรื่องจะได้จบๆกันไป
    ผมตอบว่าปัญหามันแก้ไขได้ด้วยสติปัญญาและความเป้นจริงเท่านั้นไม่ได้แก้ด้วยอารมณ์
    แล้วผมก็ถามอะไรไปอีกหลายอย่างสรุปแล้วภรรยาของเขาเป้นเช่นนันจริงๆและผมก้ไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูกแต่บอกว่าผิดทั้งสองคนนั่นแหละ ภรรายาเป้นอย่างนั้น สามีก้ดันไปเป้นอย่างนี้อีก ผมเลยถามว่ายังรักกันอยู่อีกไหม ให้ตอบมาตามจริงนะหมดเวลาที่จะแสดงประชดประชันกันแล้วเสียเวลาเปล่าๆ มาเริ่มต้นกันใหม่เสีย ภรรยาก็อย่าทำแบบนั้นอีกสามีก้อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับน้องคนนั้นเขาอีกอย่าไปหลงในรูปร่างหน้าตาอายุว่ามันสวยมันดี
    ลองคิดดูตอนแรกๆที่เรารักกันเราก้มองเห้นว่าเมียเรานั้นน่ารัก สวย งามน่าอยู่ด้วยแล้วเป็นไงตอนนี้มันมองไม่เห็นอย่างนั้นใช่ไหม ถ้าเรายังไปมองว่าน้องคนนั้นน่ารักสวยงามต่อไปเราก็ต้องมองว่าเขาไม่สวยไม่งามเหมือนเคยมองเมียเราที่ผ่านมานี่แหละ
    และผมก็ให้ธรรมะอีกหลายอย่าง เป็นอันว่าเขากลับไปคุยกันที่บ้านว่าจะเอาอย่างไรผลสุดท้ายก็มาเริ่มต้นใช้ชีวิตกันใหม่
    นี่แหละความงมงายโดยขาดปัญญาและไม่มองที่ตัวปัญหาเรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้ ครับพี่น้อง(เล่าสู่กันฟังเรื่องที่2 55 เสน่ห์มหาๆๆๆๆหลง)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...