แจ้งปิดกระทู้งานบุญ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย arjarhnnop, 31 พฤษภาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    [FONT=&quot]บุรพกรรมที่นำไปสู่อเวจีและต้องอยู่ในครรภ์พระมารดา ๗ ปี ๗ วัน[/FONT][FONT=&quot]

    [/FONT][FONT=&quot] ต่อมาในสมัยหนึ่งท่านได้จุติจากเทวโลก[/FONT][FONT=&quot]บังเกิดเป็นราชโอรสแห่งพระเจ้ากาสี[/FONT][FONT=&quot](อรรถกถาบางแห่งว่า พระเจ้าพรหมทัต)[/FONT][FONT=&quot]ผู้ครองกรุงพาราณสี[/FONT][FONT=&quot]ต่อมาพระเจ้าโกศลทรงกรีธากองพลใหญ่มายึดกรุงพาราณสี[/FONT][FONT=&quot]ทรงปลงพระชนม์พระเจ้ากาสีและได้สถาปนาพระอัครมเหสีของพระราชานั้นให้เป็นอัครมเหสีของพระองค์[/FONT][FONT=&quot]ฝ่ายพระราชโอรสของพระเจ้าพาราณสี ในเวลาที่พระบิดาถูกปลงพระชนม์[/FONT][FONT=&quot]ได้ทรงหนีออกทางประตูระบายน้ำ[/FONT][FONT=&quot]รวบรวมญาติมิตรและพวกพ้องของพระองค์ไว้เป็นอันเดียวกัน[/FONT][FONT=&quot]รวมกำลังโดยลำดับแล้วเสด็จมายังกรุงพาราณสี ตั้งค่ายใหญ่ไว้ในที่ไม่ไกล[/FONT][FONT=&quot]ทรงส่งพระราชสาสน์ถึงพระราชาองค์นั้นว่า จะคืนราชสมบัติหรือจะรบ[/FONT][FONT=&quot]พระมารดาได้สดับสาสน์ของพระราชกุมารแล้ว[/FONT][FONT=&quot]จึงส่งพระราชสาสน์ลับแนะนำไปว่า[/FONT][FONT=&quot]จงอย่ามีการต่อสู้ จงตัดขาดการสัญจรทั่วทุกทิศ[/FONT][FONT=&quot]โดยการล้อมกรุงพาราณสีไว้[/FONT][FONT=&quot]พวกคนในกรุงก็จะพากันลำบากเพราะหมด ไม้ น้ำและอาหาร[/FONT][FONT=&quot]และจะจับพระราชามา[/FONT][FONT=&quot]ถวายเอง[/FONT][FONT=&quot] พระราชกุมารได้สดับสาสน์ของพระมารดาแล้ว[/FONT][FONT=&quot]จึงล้อมประตูใหญ่ทั้ง ๔ ด้านไว้ ๗ ปีแต่การณ์ก็มิได้เป็นอย่างที่ทรงดำริ[/FONT][FONT=&quot]เนื่องจากพวกคนในกรุงพากันออกทางประตูเล็ก[/FONT][FONT=&quot]นำเอาไม้และน้ำเป็นต้น[/FONT][FONT=&quot]มาทำกิจทุกอย่าง[/FONT][FONT=&quot]ครั้นพระมารดาของพระราชกุมารทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว[/FONT][FONT=&quot]จึงส่งพระราชสาสน์ลับถึงพระโอรส[/FONT][FONT=&quot]ตำหนิพระโอรสว่า ลูกเราโง่เขลาไม่รู้อุบาย[/FONT][FONT=&quot]จงปิดประตูน้อยล้อมกรุงไว้ [/FONT][FONT=&quot]พระราชกุมารทรงสดับพระราชสาสน์ของพระมารดา[/FONT][FONT=&quot]จึงได้ทรงกระทำอย่างนั้นถึง ๗ วัน[/FONT][FONT=&quot]ชาวพระนครเมื่อออกไปข้างนอกไม่ได้ วันที่ ๗[/FONT][FONT=&quot]จึงได้เอาพระเศียรของพระราชานั้นไปมอบแต่พระราชกุมาร[/FONT][FONT=&quot]พระราชกุมารได้เสด็จเข้ากรุงยึดราชสมบัติ[/FONT][FONT=&quot]ท่านได้กระทำกรรมนี้แล้ว[/FONT][FONT=&quot]ในกาลที่สุดแห่งอายุ ไปบังเกิดในอเวจี[/FONT][FONT=&quot]หมกไหม้อยู่ในนรกตราบเท่ามหาปฐพีนี้หนาขึ้นได้ประมาณโยชน์หนึ่ง[/FONT][FONT=&quot]เพราะผลกรรมที่ล้อมพระนครไว้ถึง ๗ ปีในครั้งนั้น[/FONT][FONT=&quot]บัดนี้พระองค์จึงอยู่ในโลหิตกุมภี กล่าวคือพระครรภ์ของมารดา ๗ วัน[/FONT][FONT=&quot]แต่เพราะล้อมกรุงไว้ถึง ๗ วันโดยเด็ดขาด จึงถึงความเป็นผู้หลงครรภ์ ถึง๗ วัน[/FONT][FONT=&quot]ส่วนในอรรถกถาชาดกท่านกล่าวว่า เพราะผลกรรมที่ล้อมกรุงยึดไว้ถึง ๗ วัน[/FONT][FONT=&quot]พระองค์จึงอยู่ในโลหิตกุมภีถึง ๗ ปีแล้วถึงความเป็นผู้หลงครรภ์ถึง ๗ วัน[/FONT][FONT=&quot]ก็พระองค์เป็นผู้เลิศด้วยลาภเพราะอานุภาพที่ถวายมหาทาน[/FONT][FONT=&quot]แล้วตั้งความปรารถนาที่บาทมูลของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า[/FONT][FONT=&quot]ขอเป็นผู้เลิศด้วยลาภ และที่ถวายน้ำอ้อยและนมส้มมีค่า ๑[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]๐๐๐ กหาปณะพร้อมชาวเมือง[/FONT][FONT=&quot]แล้ว[/FONT][FONT=&quot]ได้ตั้งความปรารถนาในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี[/FONT][FONT=&quot]ฝ่ายพระนางสุปปวาสา อุ้มครรภ์อยู่ถึง ๗ ปี หลงครรภ์อยู่ถึง ๗ วัน[/FONT][FONT=&quot]เพราะที่ส่งสาสน์ไปว่า พ่อจงล้อมพระนครยึดไว้พระมารดาและบุตรเหล่านั้น[/FONT][FONT=&quot]ได้เสวยทุกข์เช่นนี้อันสมควรแก่กรรมของตน[/FONT][FONT=&quot]ด้วยประการฉะนี้[/FONT][FONT=&quot]
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]-->[/FONT]
     
  2. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    [FONT=&quot]กำเนิดในพุทธกาล[/FONT][FONT=&quot]

    [/FONT][FONT=&quot] ครั้นพ้นจากนรกอเวจีแล้ว[/FONT][FONT=&quot]ก็เที่ยวเกิดไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]จนถึงสมัยพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน[/FONT][FONT=&quot]จึงได้ถือปฏิสนธิในครรภ์ของ พระนางสุปปวาสา ราชบุตรีของเจ้าโกลิยะ[/FONT][FONT=&quot]กษัตริย์พระนครโกลิยะ ซึ่งทรงอภิเษกกับเจ้าศากยวงศ์พระองค์หนึ่ง[/FONT][FONT=&quot]พระนางนั้นพระบรมศาสดาได้ทรงสถาปนาพระนางไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่า[/FONT][FONT=&quot]พวกอุบาสิกาผู้ถวายของมีรสประณีต และได้ทรงปฏิบัติธรรมจนบรรลุโสดาบันปัตติผล[/FONT][FONT=&quot]ด้วยกุศลกรรมแห่งการที่ท่านเป็นผู้เลิศด้วยลาภเพราะอานุภาพที่ถวายมหาทานแล้วตั้งความปรารถนา[/FONT][FONT=&quot]ในสมัยแห่งองค์พระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า[/FONT][FONT=&quot]ขอเป็นผู้เลิศด้วยลาภ[/FONT][FONT=&quot]และอานิสงส์ที่ถวายน้ำอ้อยและนมส้มมีค่า ๑[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]๐๐๐กหาปณะพร้อมชาวเมือง[/FONT][FONT=&quot]แล้วได้ตั้งความปรารถนาในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี[/FONT][FONT=&quot]นับแต่วันที่ท่านถือปฏิสนธิในครรภ์พระมารดา ก็มีคนถือเอาเครื่องบรรณาการมาให้พระนางสุปปวาสา[/FONT][FONT=&quot]วันละร้อยเล่มเกวียน ทั้งในเวลาเย็นและในเวลาเช้า[/FONT][FONT=&quot]ครั้งนั้น[/FONT][FONT=&quot]คนทั้งหลายด้วยความปรารถนาจะลองบุญนั้น[/FONT][FONT=&quot]จึงให้นางเอามือจับกระเช้าพืช พืชแต่ละเมล็ด ผลิตผลออกมาเป็นพืชตั้งร้อยกำ[/FONT][FONT=&quot]พันกำ พืชที่หว่านลงไปในที่นาแต่ละกรีส (หน่วยวัดที่นาในสมัยพุทธกาล)[/FONT][FONT=&quot]ก็เกิดผลประมาณ ๕๐ เล่มเกวียนบ้าง ๖๐ เล่มเกวียนบ้าง แม้ในเวลาขนข้าวใส่ยุ้ง[/FONT][FONT=&quot]คนทั้งหลายก็ให้นางเอามือจับประตูยุ้ง ด้วยบุญของราชธิดาเมื่อมีคนมารับของไป[/FONT][FONT=&quot]ของที่พร่องไปนั้นก็กลับเต็มเหมือนเดิม[/FONT][FONT=&quot]เมื่อคนทั้งหลายพูดว่า[/FONT][FONT=&quot]บุญของราชธิดา แล้วให้ของแก่ใคร ๆ จากภาชนภัตรที่เต็มบริบูรณ์ ภัตรย่อมไม่สิ้นไป[/FONT][FONT=&quot]จนกว่าจะยกของพ้นจากที่ตั้ง[/FONT][FONT=&quot]แต่ด้วยผลกรรมของพระนาง[/FONT][FONT=&quot]ที่ได้ส่งสาส์นลับไปแนะนำพระราชโอรส[/FONT][FONT=&quot]ร่วมกับวิบากกรรมของพระโอรสในอดีตที่ได้ล้อมกรุงพาราณสีไว้เป็นเวลาถึง ๗ ปี[/FONT][FONT=&quot]ทำให้เวลาล่วงไปถึง ๗ ปีก็ยังไม่มีพระประสูติกาล[/FONT][FONT=&quot]ครั้นเมื่อครบกำหนด ๗[/FONT][FONT=&quot]ปีแล้ว ด้วยวิบากกรรมร่วมกันของพระนาง กับ พระโอรส[/FONT][FONT=&quot]ที่ได้ปิดล้อมประตูเล็กของกรุงพาราณสีไว้เป็นเวลา ๗ วัน[/FONT][FONT=&quot]ทำให้ชาวเมืองไม่สามารถออกจากเมืองมาหาอาหารและสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิต[/FONT][FONT=&quot]ได้รับความลำบากมาก ทำให้พระนางเสวยทุกข์หนักตลอด ๗ วัน[/FONT][FONT=&quot]พระนางปรารภกับพระสวามีปรารถนาจะถวายทานก่อนที่จะตาย[/FONT][FONT=&quot]จึงส่งพระสวามีไปเฝ้าพระศาสดาเพื่อไปกราบทูลเรื่องนี้ แล้วนิมนต์พระบรมศาสดา[/FONT][FONT=&quot]และถ้าพระบรมศาสดาตรัสคำใด ขอให้ตั้งใจจดจำคำนั้นให้ดีแล้วกลับมาบอกพระนาง[/FONT][FONT=&quot]พระสวามีจึงเดินทางไปแล้วกราบทูลข่าวแด่พระพุทธองค์ องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสว่า[/FONT][FONT=&quot]พระนางสุปปวาสาโกลิยธิดาจงมี ความสุข จงมีความสบาย ไม่มีโรค[/FONT][FONT=&quot]จงคลอดบุตรที่หาโรคมิได้เถิด[/FONT][FONT=&quot]พระสวามีได้ยินดังนั้นจึงถวายบังคมพระศาสดา[/FONT][FONT=&quot]ทรงมุ่งหน้าเสด็จกลับพระราชนิเวศน์[/FONT][FONT=&quot]ในเวลาเมื่อองค์สมเด็จพระบรมสุคตตรัสเสร็จ[/FONT][FONT=&quot]พระกุมารก็คลอดจากพระครรภ์ของพระนางสุปปวาสาอย่างสะดวก[/FONT][FONT=&quot]เหล่าพระญาติและบริวารที่นั่งล้อมอยู่เริ่มหัวเราะ ทั้งที่หน้านองด้วยน้ำตา[/FONT][FONT=&quot]มหาชนยินดีแล้ว ร่าเริงแล้ว[/FONT][FONT=&quot]ได้ไปกราบทูลข่าวที่น่ายินดีแด่พระสวามีที่กำลังเดินทางกลับ[/FONT][FONT=&quot]พระราชาทรงเห็นอาการของชนเหล่านั้นทรงดำริว่า[/FONT][FONT=&quot]พระดำรัสที่องค์สมเด็จพระทศพลตรัสเห็นจะเป็นผลแล้ว[/FONT][FONT=&quot]พระองค์จึงกราบทูลข่าวขององค์สมเด็จพระทศพลนั้นแด่พระราชธิดา[/FONT][FONT=&quot]พระราชธิดาตรัสให้พระสวามีไปนิมนต์องค์สมเด็จพระทศพล ตลอด ๗ วัน[/FONT][FONT=&quot]พระสวามีทรงกระทำดังนั้นและได้มีการถวายทานแด่พระภิกษุสงฆ์มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานตลอด[/FONT][FONT=&quot]๗ วัน[/FONT][FONT=&quot]การประสูติของทารก ได้ดับจิตที่เร่าร้อนของพระประยูรญาติทั้งหมด[/FONT][FONT=&quot]เพราะฉะนั้น พระประยูรญาติจึงเฉลิมพระนามของกุมารนั้นว่า สีวลีทารก[/FONT][FONT=&quot]
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]-->[/FONT]
     
  3. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    [FONT=&quot]พระสีวลีบวชเมื่อเกิดได้ ๗ วัน[/FONT]

    [FONT=&quot] ตั้งแต่เวลาที่ได้เกิดมาแล้ว[/FONT] [FONT=&quot]ทารกนั้นได้เป็นผู้แข็งแรง อดทนได้ในการทั้งปวง[/FONT] [FONT=&quot]เพราะค่าที่อยู่ในครรภ์มานานถึง ๗ ปี ครั้นถึงวันที่ ๗[/FONT] [FONT=&quot]พระนางสุปปวาสาตกแต่งพระสีวลีกุมารผู้โอรส[/FONT] [FONT=&quot]ถวายบังคมพระบรมศาสดา และพระภิกษุสงฆ์[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อสีวลีราชทารกถูกนำเข้าไปสักการะพระสารีบุตรเถระเจ้านั้น[/FONT] [FONT=&quot]พระเถระเจ้าได้กระทำปฏิสันถารกับเธอว่า สีวลี เธอยังจะพอทนได้หรือ[/FONT]?
    [FONT=&quot]สีวลีราชทารกได้ตรัสตอบพระเถระเจ้าว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ[/FONT][FONT=&quot]กระผมจะมีความสุขที่ไหนได้เล่า[/FONT][FONT=&quot]กระผมนั้นต้องอยู่ในโลหิตกุมภีถึง ๗ ปี[/FONT]
    [FONT=&quot]พระเถระได้กล่าวกับสีวลีราชทารกนั้นอย่างนี้ว่า[/FONT] [FONT=&quot]ก็ถ้าเธอได้รับความทุกข์ถึงขนาดนั้นแล้ว[/FONT][FONT=&quot]บวชเสียไม่สมควรหรือ[/FONT] <o></o>
    [FONT=&quot]สีวลีราชทารกได้ตรัสตอบว่า ถ้าบวชได้ก็จะบวช[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]ฝ่ายพระนางสุปปวาสาเห็นราชทารกนั้นพูดอยู่กับพระเถระ[/FONT] [FONT=&quot]ก็คิดว่าบุตรของเราพูดอะไรหนอกับพระธรรมเสนาบดี[/FONT] [FONT=&quot]จึงเข้าไปหาพระเถระถามว่า[/FONT] [FONT=&quot]บุตรของดิฉันพูดอะไรกับพระคุณเจ้า เจ้าคะ[/FONT] <o></o>
    [FONT=&quot]พระเถระกล่าวว่า[/FONT][FONT=&quot]บุตรของท่านพูดถึงความทุกข์ที่อยู่ในครรภ์ที่ตนได้รับ[/FONT][FONT=&quot]แล้วกล่าวว่า[/FONT][FONT=&quot]ถ้าท่านอนุญาต ก็จะบวช[/FONT] <o></o>
    [FONT=&quot]พระนางสุปปาวาสาตรัสว่า ดีละเจ้าข้า[/FONT][FONT=&quot]โปรดให้เขาบรรพชาเถิด[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]พระเถระนำราชทารกนั้นไปวิหาร ให้ ตจปัญจกกัมมัฎฐาน (กรรมฐาน[/FONT][FONT=&quot]๕[/FONT][FONT=&quot]กอง คือ เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ)[/FONT][FONT=&quot]และได้กล่าวว่า สีวลี[/FONT][FONT=&quot]เราไม่จำต้องให้โอวาทดอก[/FONT][FONT=&quot]เธอจงพิจารณาทุกข์ ที่เธอเสวยมาถึง ๗ ปีนั่นแหละ[/FONT][FONT=&quot]ในขณะที่โกนผมปอยแรก พระสีวลีก็บรรลุโสดาปัตติผล[/FONT][FONT=&quot]และในขณะโกนปอยที่[/FONT][FONT=&quot]๒ ก็บรรลุสกิทาคามีผล[/FONT][FONT=&quot]และในขณะโกนผมปอยที่ ๓ ก็บรรลุอนาคามีผล[/FONT][FONT=&quot]และก็ได้บรรลุพระอรหัตผลพร้อมกันกับที่โกนผมหมด[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot] ส่วนอรรถาจารย์บางพวก[/FONT][FONT=&quot]กล่าวถึงการบรรลุพระอรหัตของพระเถระนี้ไว้ดังนี้ว่า[/FONT][FONT=&quot]เมื่อพระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ให้โอวาทโดยนัยดังกล่าวแล้วข้างต้น[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]เมื่อสีวลีกุมารกล่าวว่า กระผมจักรู้กิจกรรมที่กระผมสามารถจักกระทำได้[/FONT][FONT=&quot](ด้วยตนเอง) ดังนี้[/FONT][FONT=&quot]แล้วจึงบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน เห็นกุฏิหลังหนึ่งว่าง[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]สงบสงัด)[/FONT][FONT=&quot]จึงเข้าไปสู่กุฏินั้นในวันนั้นแหละ[/FONT][FONT=&quot]ระลึกถึงทุกข์ที่ตนเสวยแล้วในท้องมารดาตลอด ๗ ปี[/FONT][FONT=&quot]แล้วพิจารณาทุกข์นั้น[/FONT][FONT=&quot]ในอดีตและอนาคต โดยทำนองนั้นแหละอยู่[/FONT][FONT=&quot]ภพทั้ง ๓ ก็ปรากฏว่า[/FONT][FONT=&quot]เป็นเสมือนไฟติดทั่วแล้ว[/FONT][FONT=&quot]สีวลีสามเณรหยั่งลงสู่วิปัสสนาวิถี[/FONT][FONT=&quot]เพราะญาณถึงความแก่รอบ[/FONT][FONT=&quot]ทำอาสวะแม้ทั้งปวงให้สิ้นไป ตามลำดับมรรค[/FONT][FONT=&quot]บรรลุพระอรหัตแล้ว[/FONT][FONT=&quot]ในขณะนั้นเอง ส่วนพระเถระก็เป็นผู้แตกฉานในปฏิสัมภิทาญาณ ๔[/FONT][FONT=&quot]และอภิญญา ๖[/FONT][FONT=&quot]
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]-->[/FONT]
     
  4. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    [FONT=&quot]พระสีวลีทดสอบบุญของตน[/FONT]

    [FONT=&quot] ในเวลาต่อมา[/FONT] [FONT=&quot]พระบรมศาสดาได้เสด็จไปยังพระนาครสาวัตถี[/FONT] [FONT=&quot]พระสีวลีเถระถวายอภิวาทพระบรมศาสดาแล้ว[/FONT] [FONT=&quot]กราบทูลว่า[/FONT] [FONT=&quot]ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักทดสอบบุญของข้าพระองค์[/FONT][FONT=&quot]ขอพระองค์จงมอบภิกษุ ๕๐๐ รูปแก่ข้าพระองค์[/FONT][FONT=&quot] พระศาสดาตรัสสั่งว่า[/FONT][FONT=&quot]จงรับไปเถิดสีวลี[/FONT][FONT=&quot] ท่านจึงพาภิกษุ ๕๐๐ รูป เดินทางบ่ายหน้าไปสู่หิมวันตประเทศ[/FONT] [FONT=&quot]เดินทางผ่านดง[/FONT] [FONT=&quot]เทวดาที่สิงอยู่ที่ต้นไทร ที่ท่านเห็นเป็นครั้งแรก ได้ถวายทานตลอด ๗ วัน[/FONT] [FONT=&quot]เทวดาทั้งหลายได้ถวายทานทุก ๆ ๗ วัน ในสถานที่ทั่ว ๆ ไป[/FONT] [FONT=&quot]ที่ท่านเห็นต่างกรรม ต่างวาระ กันดังนี้ คือ[/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านเห็นต้นไทร เป็นครั้งแรก[/FONT][FONT=&quot]เห็นภูเขาชื่อว่าปัณฑวะ เป็นครั้งที่ ๒[/FONT][FONT=&quot]เห็นแม่น้ำอจิรวดี เป็นครั้งที่ ๓[/FONT][FONT=&quot]เห็นแม่น้ำวรสาคร เป็นครั้งที่ ๔[/FONT][FONT=&quot]เห็นภูเขาหิมวันต์ เป็นครั้งที่ ๕[/FONT][FONT=&quot]ถึงป่าฉัททันต์ เป็นครั้งที่ ๖[/FONT][FONT=&quot]ถึงภูเขาคันธมาทน์ เป็นครั้งที่ ๗[/FONT][FONT=&quot]และพบพระเรวตะ เป็นครั้งที่ ๘[/FONT]
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <o></o>
    [FONT=&quot]ประชาชนทั้งหลาย ได้ถวายทานในที่ทุกแห่งตลอด ๗ วันเท่านั้น[/FONT] [FONT=&quot]ก็ในบรรดา[/FONT] [FONT=&quot]๗ วัน นาคทัตตเทวราช ที่ภูเขาคันธมาทน์ ได้ถวายบิณฑบาตชนิดน้ำนม (ขีรบิณฑบาต)[/FONT] [FONT=&quot]สลับวันกับ ถวายบิณฑบาตชนิดเนยใส (สัปปิบิณฑบาต)[/FONT] [FONT=&quot]วันเว้นวัน[/FONT] [FONT=&quot]ลำดับนั้นภิกษุสงฆ์จึงถามท่านเทวราชว่า[/FONT] [FONT=&quot]ของที่ท่านนำมาถวายนั้นเกิดขึ้นได้อย่าไร ในเมื่อ[/FONT][FONT=&quot]แม่โคนมที่เขารีดนมถวายแด่เทวราชนี้ก็มิได้ปรากฏ[/FONT][FONT=&quot]การบีบทำน้ำนมส้มก็มิได้ปรากฏ[/FONT] [FONT=&quot]นาคทัตตเทวราชตอบว่า[/FONT] [FONT=&quot]นี้เป็นอานิสงส์แห่งการถวายสลากภัตรน้ำนมในกาลแห่งพระกัสสปทศพล[/FONT] <o></o>
    <o></o>
    [FONT=&quot]ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้มีลาภสักการะเป็นเลิศมากกว่าภิกษุทั้งปวง[/FONT]<o></o>
     
  5. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
    รายชื่อผู้ร่วมบริจาค ซ่อมแซมกุฏิ ศาลาใหญ่วัดหนองน้อย

    arjarhnnop 1,000 บาท
    abnormal9 300 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2010
  6. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    [FONT=&quot]ในกาลต่อมา พระบรมศาสดาทรง เอาเหตุแห่งการที่พระขทิรวนิยเรวตะเถระจัดการต้อนรับ[/FONT] [FONT=&quot]ให้เป็นอัตถุปบัติ (เหตุเกิดแห่งเรื่อง)[/FONT] [FONT=&quot]ในการที่ทรงแต่งตั้งพระสีวลีเถระไว้ในตำแหน่งแห่งภิกษุผู้เลิศ[/FONT] [FONT=&quot]ในบรรดาภิกษุผู้เลิศด้วยลาภ และเลิศด้วยยศทั้งหลาย[/FONT] [FONT=&quot]ในศาสนาของพระองค์[/FONT] [FONT=&quot]ในเรื่องนี้ มีเหตุเกิดขึ้นอย่างนี้[/FONT]
    [FONT=&quot] เหตุเกิดแห่งเรื่องที่ทรงแต่งตั้งพระสีวลีเถระไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ[/FONT] [FONT=&quot]ในบรรดาภิกษุผู้เลิศด้วยลาภ และเลิศด้วยยศทั้งหลาย ในศาสนาของพระองค์[/FONT]
    [FONT=&quot]ในสมัยหนึ่ง พระขทิรวนิยเรวตเถระ ซึ่งเป็นน้องชายของพระสารีบุตร[/FONT] [FONT=&quot]ได้หนีการแต่งงานที่บิดามารดาจัดการให้[/FONT] [FONT=&quot]มาขอบวชในสำนักพระภิกษุ[/FONT] [FONT=&quot]ซึ่งมีภิกษุอยู่ประมาณ ๓๐ รูป[/FONT] [FONT=&quot]เหล่าพระภิกษุสอบถามดู[/FONT] [FONT=&quot]ทราบว่าเป็นน้องชายของพระสารีบุตร ที่ท่านได้เคยแจ้งไว้ก่อนว่า[/FONT] [FONT=&quot]ถ้าน้องชายมาขอบวชก็อนุญาตให้บวชได้[/FONT] [FONT=&quot]จึงได้ทำการบวชให้แล้วส่งข่าวมายังท่านพระสารีบุตร[/FONT] [FONT=&quot]ครั้งนั้น[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อพระสารีบุตรทราบข่าวดังนั้น จึงกราบทูลพระศาสดาเพื่อขอไปเยี่ยม[/FONT] [FONT=&quot]พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทราบว่าพระเรวตะเริ่มทำความเพียรเจริญวิปัสสนา[/FONT] [FONT=&quot]จึงทรงห้ามพระสารีบุตรถึง ๒ ครั้ง ในครั้งที่ ๓ เมื่อพระสารีบุตรทูลอ้อนวอนอีก[/FONT] [FONT=&quot]ทรงทราบว่า พระเรวตะบรรลุพระอรหัตผลแล้วจึงทรงอนุญาตและตรัสว่า[/FONT] [FONT=&quot]จะทรงไปด้วยพร้อมเหล่าพระสาวกอื่น[/FONT] [FONT=&quot]ดังนั้น[/FONT] [FONT=&quot]พระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่เป็นบริวาร[/FONT] [FONT=&quot]ก็ได้เสด็จออกไปด้วยพระประสงค์ว่าจะไปเยี่ยมพระเรวตะ[/FONT] [FONT=&quot]ครั้นเดินทางมาถึง ณ[/FONT] [FONT=&quot]ที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหนทาง ๒ แพร่ง[/FONT] [FONT=&quot]พระอานนท์เถระกราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ[/FONT][FONT=&quot]ตรงนี้มีหนทาง ๒ แพร่ง ภิกษุสงฆ์จะไปทางไหน พระเจ้าข้า[/FONT] <o></o>
    [FONT=&quot]พระบรมศาสดาตรัสถามว่า อานนท์หนทางไหน เป็นหนทางตรง[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]พระอานนท์กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญหนทางตรงมีระยะประมาณ ๓๐ โยชน์[/FONT][FONT=&quot]แต่เป็นหนทางที่มีอมนุษย์[/FONT][FONT=&quot]ส่วนหนทางอ้อมมีระยะทาง ๖๐ โยชน์[/FONT][FONT=&quot]เป็นหนทางสะดวกปลอดภัย มีภิกษาดีหาง่าย[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]พระบรมศาสดาตรัสว่า อานนท์[/FONT][FONT=&quot]สีวลีได้มาพร้อมกับพวกเรามิใช่หรือ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]พระอานนท์กราบทูลว่า ใช่[/FONT][FONT=&quot]พระสีวลีมาแล้วพระเจ้าข้า[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]พระบรมศาสดาตรัสว่า[/FONT][FONT=&quot]ถ้าอย่างนั้นพระสงฆ์จงไปตามเส้นทางตรงนั้นแหละ[/FONT][FONT=&quot]เราจักได้ทดสอบบุญของพระสีวลี[/FONT][FONT=&quot]พระศาสดามีพระภิกษุสงฆ์เป็นบริวาร เสด็จขึ้นสู่เส้นทาง ๓๐ โยชน์[/FONT][FONT=&quot]เพื่อจะทรงทดสอบบุญของพระสีวลีเถระจำเดิมแต่ที่ได้เสด็จไปตามหนทาง[/FONT][FONT=&quot]หมู่เทวดาได้เนรมิตพระนครในที่ทุกๆ โยชน์[/FONT][FONT=&quot]ช่วยกันจัดแจงพระวิหารเพื่อเป็นที่ประทับและที่อยู่แด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข[/FONT][FONT=&quot]พวกเทวบุตร ได้ถือเอาข้าวยาคูและของเคี้ยวเป็นต้น ไปเที่ยวถามอยู่ว่า[/FONT][FONT=&quot]พระผู้เป็นเจ้าสีวลีไปไหน[/FONT][FONT=&quot]ดังนี้แล้ว จึงไปหาพระเถระ[/FONT][FONT=&quot]พระเถระจึงให้นำเอาสักการะและสัมมมานะเหล่านั้นไปถวายพระบรมศาสดา[/FONT][FONT=&quot]พระบรมศาสดาพร้อมทั้งบริวารเสวยบุญของพระสีวลีเถระผู้เดียว[/FONT][FONT=&quot]ได้เสด็จไปตลอดทางกันดารประมาณ ๓๐ โยชน์[/FONT][FONT=&quot]ฝ่ายพระเรวตเถระทราบการเสด็จมาของพระบรมศาสดา จึงนิรมิต[/FONT][FONT=&quot]พระคันธกุฎีเพื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า[/FONT][FONT=&quot]นิรมิตเรือนยอด ๕๐๐ ที่จงกรม ๕๐๐[/FONT][FONT=&quot]และที่พักกลางคืนและที่พักกลางวัน ๕๐๐[/FONT][FONT=&quot]พระศาสดาประทับอยู่ใน[/FONT][FONT=&quot]สำนักของเรวตะเถระนั้นสิ้นกาลประมาณเดือนหนึ่งแล[/FONT][FONT=&quot]แม้ประทับอยู่ ในที่นั้น[/FONT][FONT=&quot]ก็เสวยบุญของพระสีวลีเถระนั่นเอง แม้พระบรมศาสดาทรงพาภิกษุสงฆ์ไป[/FONT][FONT=&quot]เสวยบุญของพระสีวลีเถระ ตลอดการประมาณเดือนหนึ่งนั่นแลอีก[/FONT][FONT=&quot]เสด็จเข้าไปสู่บุพพาราม ลำดับ[/FONT][FONT=&quot]
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]-->[/FONT]
     
  7. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    [FONT=&quot] ในกาลต่อมา พระผู้มีพระภาคเจ้า[/FONT][FONT=&quot]ประทับนั่งในท่ามกลางหมู่พระอริยเจ้าแล้ว[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ทรงสถาปนาพระเถระนั้นไว้ในตำแหน่งอันเลิศว่า[/FONT][FONT=&quot]ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย[/FONT][FONT=&quot]พระสีวลีเป็นผู้เลิศยิ่งกว่าพวกภิกษุสาวกของเราผู้มีลาภ[/FONT]
     
  8. kieng_

    kieng_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    663
    ค่าพลัง:
    +2,757
    โดนพี่กิตแซวซะละ ขอเป็นขุนช้างละกันรวยๆๆๆ อิอิอิอิ
     
  9. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    [FONT=&quot] หลักและวิธีการเข้าถึง[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] คุณทางโชคลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ของพระสีวลีมหาเถระเจ้า[/FONT]<o></o>
    <o></o>
    [FONT=&quot]ก่อนอื่นขอให้ทราบว่า การเข้าถึงคุณทางโชค ลาภ ยส สรรเสริญ สุข ของพระสีวลีมหาเถระเจ้านั้น พึงให้ทราบว่า ต้องรู้จักการทำเหตุทางจิตให้ถูกต้องครบถ้วนจึงจะได้รับผล ถ้าทำเหตุไม่ถูกต้องผลที่ได้รับก็ไม่ถูกต้องตามเหตุที่ได้กระทำ คือการทำจิตให้สงบ แล้วทำควมปรารถนา ผลที่ได้รับก็คือโชคลาภ ความสุข ความเจริญ มากหรือน้อยตามเหตุที่ได้กระทำ โดยบุคคลผู้ประสงค์จะเข้าถึงเหตุอันนั้นพึงต้อง รักษาจิต[/FONT][FONT=&quot]([/FONT][FONT=&quot]Keep Thought[/FONT][FONT=&quot])[/FONT][FONT=&quot]ของตนมิให้ขุ่นมัว คำว่ารักษาจิตนั้นแหละที่อาจทำให้บุคคลเป็นที่สับสน เพราะการรักษาจิตที่แท้จริงนั้นมิได้หมายว่า พยายามรักษา หรือบังคับมิให้จิตสับสนสอดส่ายดิ้นรน[/FONT] [FONT=&quot]แต่การรักษาจิตที่ถูกคือ การรู้ รู้แบบเฉยๆ เพียงแต่กำหนดรู้สุขหรือทุกข์ที่เข้ามาเสวยอารมณ์ โดยมิได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับอารมณ์นั้นๆให้มันมีอยู่ต่างหาก และผลของการรักษาจิตที่ถูกต้องก็คือ การไม่ดิ้นรนสอดส่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเช้า ต้องคอยระวังรักษาจิตอย่าให้ขุ่นมัว อย่าคิดเรื่องอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจทั้งสิ้น เพราะตอนเช้าคือการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถ้าเริ่มต้นดี ก็ดีไปเสียทุกอย่าง จะเกิดเป็นเส่นห์ เมตตา มหานิยม โชคลาภ มหาอุดม สรรเสริญ สุข ก็เกิดขึ้นที่จิตของเรานี่ก่อน มิได้เกิดจากที่ใด<o></o>[/FONT]
     
  10. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    ... ปล่อย.. ทุ่นก่อน.. พอแค่นี้..ทำให้อยากแล้วจากไป..อิอิ..วิธีนี้ต้องบูชาพระสีวลี คู่กับ ตะกรุดหงสาวดี(มหาบุรุษ 8 จำพวก)...ต้องทำเหตุให้ถูกและเข้าใจการวางอารมณ์ ปฏิบัติบูชา.. จึงจะเห็นผลจริง...

    ผู้ปฏิบัติจริง.. ย่อมได้รับผลจริง.. เห็นผลจริง...
     
  11. juksawat

    juksawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    980
    ค่าพลัง:
    +3,507
    ถ้าน้องเคี้ยงอยากเป็นขุนช้างละก็.....จัดให้เป็นกรณีพิเศษ
    พระขุนช้าง 1 องค์ ในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ ที่วัดหนองน้อย
    ถ้าไม่ไป......อด
     
  12. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    [FONT=&quot]แม้นผู้ใดก็ตามนำพระผงคล้ายพระสีวลีเถระเจ้าองค์นี้ไปอาราธนาบูชาติดตัว แล้วภาวนาพระคาถาว่า ฯฯนะชาลีติ เอหิลาภัง ปิยังมะมะ ทุสะนิมะ มะนิสะทุฯฯทุกลมหายใจเข้าออก ผู้นั้นจะไม่ปรากฏว่า อดอยาก จะมีลาภผลเนืองๆ[/FONT][FONT=&quot]
    ผู้นั้นจักมีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เงินทองไหลมาเทมา ไม่ขาดสาย เป็นผู้ไม่ตกต่ำ ย่ำแย่ แม้นยากจนก็จะมีเงินทองเพิ่มพูนขึ้น[/FONT][FONT=&quot] จะกลับกลายเป็นเศรษฐี หากเป็นเศรษฐีจะรักษาทรัพย์ไว้ได้นาน คนโชคร้ายจะกลับกลายเป็นคนโชคดี คนไม่มียศจะมียศ คนไม่มีผัวจะมีผัว คนไม่มีเมียจะมีเมีย ผัวเมียรังเกียจกันจะคืนดีกัน คนมีลูกยากจะมีลูก คนไม่มีปัญญาจะมีปัญญา จะขายค้าทำมาหากินคล่องตัว แม้นทำสิ่งใดแข่งกับผู้อื่นย่อมสำเร็จกว่าผู้อื่น เงินทองโชคลาภจะไม่ขาดมือ มีกินไม่รู้สิ้น จะบังเกิดโชคลาภยิ่งใหญ่[/FONT] [FONT=&quot]จะต่อโชค ต่อลาภ ต่อยศ ต่อสรรเสริญ ต่อสุข เป็นที่ชื่นชมเลื่องลือกว่าคนทั้งปวงอย่างอัศจรรย์ คุ้มครองดวงชะตามิให้ตกต่ำ มีโชคชะตาราศรี จะเป็นที่รักของคนและเทวดาทั้งหลาย จะคุ้มครองผองสรรพอันตรายทั้งหมดทั้งปวง[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]หมายเหตุ[/FONT][FONT=&quot] ผู้ที่ทำอาชีพค้าขาย มีธุรกิจการค้าจะได้รับผลมหาศาลจนเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี ส่วนผู้เป็นข้าราชการ หรือทำงานประจำจะได้ผลแต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยขึ้นมาก เพียงมีโชคลาภเป็นเนืองๆ<o>

    อันนี้ผมคัดมาจากที่พระอาจารย์ฆราวาส (ที่ผมได้ศึกษาวิชามา) ได้สอนและบอกมา ถึงเคล็ดและวิธีการเข้าถึงและบูชา..จะทยอยลงน้อยๆๆ แต่ให้นานๆๆ เนอะๆๆ
    </o>[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2010
  13. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
    มีมาอีกแล้ว 555

    แถม แบบ ไม่ต้อง ไถ
     
  14. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
    ท่านใดที่จะร่วมบุญช่วยพระอาจารย์สมชาย ซ่อมแซมศาลาที่ทรุดตัวก็เชิญได้นะครับ

    ขณะนี้ ได้เริ่มแล้วครับ สะดวกก็จะไปมอบวันไปอาบน้ำมนต์เลยครับ

    arjarhnnop 1,000 บาท
    abnormal9 300 บาท<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433

    แจกขุนช้าง.. โดยขุนแผน..รุ่นใหญ่...พี่น้อยของเรา.. วี๊ด.. วิ้ว...
     
  16. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
    ส่วนวัตถุมงคล ก็จะยังให้บูชา ต่อไปเรื่อยๆนะครับ

    เงินทั้งหมดก็เข้าวัดเหมือนกัน แต่เป้าหมายอยู่ที่วาดรูป

    ในวิหารครับ ............
     
  17. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    ถามเรื่องพระสีวลีเดินหน..พระอาจารย์ท่านมีไม่มาก..เป็นช่างหล่อพระ..ทำมาถวาย....เป็นเนื้อทองเหลืองครับ..เดี๋ยวผมเอาแบบที่อาจารย์ผมทำไว้เอาให้ดูครับ
     
  18. kieng_

    kieng_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    663
    ค่าพลัง:
    +2,757
    ขอบพระคุณมากครับ พี่น้อย
    เท่าที่พี่กรุณาก็มากอยู่แล้วเกรงใจครับ
    วันที่20 ไปแน่ครับ(แสดงว่าไม่อด อิอิิอิ ...) ยังไงวันที่20ผมขอโอกาสตอบแทนน้ำใจพี่น้อยบ้างครับ
     
  19. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    พระสีวลีเดินหน...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. kieng_

    kieng_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    663
    ค่าพลัง:
    +2,757
    เดินหนนี่คืออะไรครับ พี่ปุ้ม
    เป็นปางๆหนึ่งหรือปล่าวครับ แล้วพระสีวลีที่อ.นพทำแจกเมื่อปีที่แล้วเรียกว่าเดินหนเหมือนกันหรือปล่าวครับ พุทธคุณจะต่างจากปางนั่งหรืออย่างไรครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...