แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. ธีระภัทร

    ธีระภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +434
    ขอบคุณครับhermitt99 สำหรับคำแนะนำตอนนี้ผมสั่งซื้อยาละลายนิ่วจากนครพนมของคุณอุทิศ เกื้อทานเข้าใจว่าโรคนี้ใช้เวลาในการรักษา
     
  2. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    คุณค่าของทาน - ศีล - ภาวนา

    ....วิธีปฏิบัติเพื่อความสุข ความเจริญเป็นขั้นๆ และประจักษ์ใจ คือการอบรมภาวนา คุณงามความดีอื่นๆ ย่อมเป็นเครื่องอุดหนุนกันไป ขึ้นชื่อว่าเป็นความดีแล้ว ต้องเป็นเครื่องหนุนกันไปทั้งนั้น
    ....ไม่ว่าจะเกิดจากกุศลกรรมบถประเภทใดรวมกันแล้วจะกลายเป็นกองบุญอันใหญ่โตเช่นเดียวกัน ....ท่านซึ่งมีความความมุ่งหวังในธรรมอย่างเต็มใจ นำไปปฏิบัติดัดแปลงตัวเองตามฐานะให้ถูกเข็มทิศทางเดินของธรรมในขณะที่มีชีวิตอยู่ แม้ถึงคราวจำเป็นทุกคนจำต้องเผชิญ จิตจะมีหลักยึดไม่รวนเรในทางผิด....ขึ้นชื่อว่าคววามสุขความเจริญที่เรารำพึงรำพันถึงอยู่ทุกขณะจิตนั้น จะกลายมาเป็นสมบัติเครื่องครองใจในภพของตนๆ โดยไม่ต้องสงสัย.....

    ......ผู้มีภาวนาเป็นหลักใจ จะทำอะไรชอบใช้ความคิดอ่านเสมอไม่เสี่ยงและไม่เกิดความเสียหายแก่คนและผู้ที่เกี่ยวข้อง การภาวนาจึงเป็นผลเพื่อในปัจจุบันและอนาคต.....

    ......คนคึกคะนองยิ่งร้ายกว่านั้น.... สิ่งนี้เป็นสิ่งบั่นทอนทั้งหญิงทั้งชายทำให้เสียไป ....ถ้าต่างคนต่างประพฤติตัวให้ดีตามหลักธรรมที่ท่านสอนไว้แล้ว...ไม่มีอะไรจะร่มเย็นยิ่งกว่าครอบครัวของเราที่มีศีลธรรม.....

    ......วิธีภาวนา ก็คือวิธีสังเกตตัวเอง สังเกตจิตที่มีนิสัยหลุกหลิกไม่อยู่เป็นสุข ด้วยมีสติตามระลึกรู้ความเคลื่อนไหวของจิต โดยมีธรรมบทใดบทหนึ่งเป็นคำบริกรรม...เพื่อเป็นยารักษาจิตให้ทรงตัวอยู่ได้ด้วยความสุขในขณะภาวนา....

    .....แท้จริง การภาวนาคือวิธีแก้ความยุ่งยากลำบากใจทุกประเภทที่เป็นภาระหนักให้เบาและหมดสิ้นไป ได้อุบายมาแก้ไขไล่ทุกข์ออกจากตัว การอบรมใจด้วยการภาวนาก็เป็นวิธีหนึ่งแห่งการรักษาตัว เป็นวิธีที่เกี่ยวกับจิตใจผู้เป็นหัวหน้างานทุกด้าน......

    ......เมื่อจิตมีความสงบเป็นอารมณ์สืบต่อกันโดยลำดับเรียกว่าจิตมีความตั้งมั่น ความตั้งมั่นของจิตเรียกว่า สมาธิ....สมาธิทั้งสามคือ
    ขณิกสมาธิ จิตรวมอยู่ได้ชั่วครู่ชั่วขณะ รวมได้นานกว่าเดิมนั้น เรียกว่าอุปจารสมาธิ รวมอยู่ได้ละเอียดแนบบแน่นและอยู่ได้นาน เรียกว่า อัปปนาสมาธิ ในสมาธิทั้งสามนี้เป็นบาทแห่งวิปัสสนา

    ......เราชาวพุทธ... เวลาจะเป็นจะตายก็เข้าห้องพระระลึกถึง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ แล้วกราบลงชั่วขณะหนึ่งก็เย็นใจนั่งภาวนารำพึงถึงความตาย ความได้ความเสีย ความเป็นมาของตนตลอดความที่จะเป็นไปข้างหน้า จะได้อะไรติดเนื้อติดตัวของตนไปบ้าง เวลานี้มีแต่ความหมุนเวียนไปตามอำนาจกิเลส....ความหมุนมาเพื่ออรรถเพื่อธรรม เพื่อแก้ตนเอง ถอดถอนตนเองให้หลุดพ้นจากสิ่งพัวพันทั้งหลายเหล่านี้....

    ........สมบัติในโลก ไม่มีอะไรมีคุณค่ายิ่งกว่าตัวเรา......จงประคองด้วยดี...
    ........มองโลกเราอย่ามองด้วยความดูถูกเหยียดหยาม อย่ามองด้วยความชมเชยสรรเสริญ และอย่าตำหนิติฉินนินทา แต่ให้มองดูตามหลักความจริง มีธรรมเป็นที่ตั้ง มีธรรมเป็นจุดศูนย์กลาง สรุปลงในธรรม ยุติลงในธรรมเป็นที่ยุติได้.....

    ........ของเยอะน่ะ....ของใคร? มีของเราไหม? ไม่มี น่าน - ดูตรงนี้ซิ ใครทำบุญคนนั้นก็ได้บุญ เราไม่ได้ทำเราได้ไหมล่ะ? เฮ่อ....

    ........การทำบุญมีสองอย่าง หนึ่งคือการสละทรัพย์เงินทอง เพื่อสร้างถาวรวัตถุในพระศาสนา หรือการบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียนข้าวของ เรียกว่า "อามิสบูชา" ส่วนบุญอีกอย่างหนึ่งนั้น คือ การถือศีลภาวนา การทำสมาธิวิปัสสนา เพื่อให้เกิดความรู้แจ้งแทงตลอดให้เกิดปัญญา เป็นผู้รู้ ดังที่เราภาวนาว่า "พุทโธ" ซึ่งแปลว่า ผู้รู้ ผู้ฉลาด อันนี้เรียกว่า"ปฏิบัติบูชา" เป็นบุญอันสูงสุด อันจะนำตนเองให้พ้นจากกองทุกข์ในโลกนี้ได้ ช่วยตัวเองได้ มิให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป บุญชัยนี้เป็นบุญอันสูงสุดที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญผู้ปฏิบัติ ทั้งอามิสบูชาและปฏิบัติบูชานี้ เป็นเสมือนแม่น้ำสองสายที่ใสสะอาด ไหลมารวมกันลงสู่แอ่งน้ำใหญ่อันอยู่ในห้วงหัวใจของเราเอง เป็นแหล่งน้ำอันเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ พร้อมที่จะนำความฉ่ำชุ่มเย็นไปทั่วทุกหัวระแหง เกิดคุณค่าและประโยชน์อันประมาณมิได้ ที่สายน้ำนั้นได้ซึมซาบผ่านไปยังถิ่นต่างๆ แอ่งน้ำในหัวใจเราเป็นเสมือนเขื่อนกักน้ำไว้เพื่อประโยชน์ตนและผู้อื่น.....

    จากหนังสือ ธรรมะชาวบ้าน
    (พบตัวเอง)
    รวมธรรมะที่ควรรู้ สำหรับผู้ครองเรือน
    ของ
    พระราชญาณวิสุทธิโสภณ
    (ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน)
    วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2011
  3. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    ปวดเฉพาะเวลาทำเท่านั้นครับ เพราะนั่งนานเกินไป แข็งแรงสู้คุณรักฯไม่ได้เลย...
     
  4. รักรังสิต

    รักรังสิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,418
    ค่าพลัง:
    +17,140
    สวัสดีพี่นวล ขอบคุณครับสำหรับธรรมมะ คนเราบางทีต้องถึงที่สุดของชีวิตก่อนครับ จึงจะมองเห็นคุณค่าของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผมก็เคยประมาทครับเวลาทำงานแบบแฮปปี้อะไรก็สำเร็จกินเลี้ยงเต็มที่ เวลาพลาดมาที ซรวย.........ย ไปทำบุญสะเดาะเคาะณ์ กรรมมันเกิดจากการกระทำครับ แท้จริงเราประมาทเราไม่แบ่งไปสร้างกุศลเป็นบุญที่เปรียบเหมึอนฝากธนาคารไว้ มากเข้ากรรมเก่าก็ยังตามไม่ทัน ไม่ได้หมายถึง
    หมดยังต้องใช้เค้าครับ แต่บุญรักษาอยู่ แต่หมดบุญเก่าก็เตรียมตัวครับ แบ่งเวลาทำกุศลฝากธนาคารบุญของตัวเองครับ หลวงปู่โต ก็บอกบุญเท่านั้นที่จะช่วยเรา
     
  5. รักรังสิต

    รักรังสิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,418
    ค่าพลัง:
    +17,140
    สวัสดีพี่นวล ขอบคุณครับสำหรับธรรมมะ คนเราบางทีต้องถึงที่สุดของชีวิตก่อนครับ จึงจะมองเห็นคุณค่าของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผมก็เคยประมาทครับเวลาทำงานแบบแฮปปี้อะไรก็สำเร็จกินเลี้ยงเต็มที่ เวลาพลาดมาที ซรวย.........ย ไปทำบุญสะเดาะเคาะณ์ กรรมมันเกิดจากการกระทำครับ แท้จริงเราประมาทเราไม่แบ่งไปสร้างกุศลเป็นบุญที่เปรียบเหมึอนฝากธนาคารไว้ มากเข้ากรรมเก่าก็ยังตามไม่ทัน ไม่ได้หมายถึง
    หมดยังต้องใช้เค้าครับ แต่บุญรักษาอยู่ แต่หมดบุญเก่าก็เตรียมตัวครับ แบ่งเวลาทำกุศลฝากธนาคารบุญของตัวเองครับ หลวงปู่โต ก็บอกบุญเท่านั้นที่จะช่วยเรา
     
  6. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    ร่วมบริจาคเงินทำบุญกับโรงพยาบางสงฆ์ได้ตามรายละเอียดนี้ครับ

    ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนศรีอยุธยา บัญชีฝากออมทรัพย์
    เลขที่ 013-1-85026-1 ชื่อบัญชี "เงินบริจาคบำรุงโรงพยาบาลสงฆ์"

    กรณีต้องการใบอนุโมทนาบัตรรับบริจาคผ่านธนาคารให้ส่ง FAX รายละเอียด<O:p</O:p
    การบริจาคเงินที่โทรสาร 02-3544273 ในเวลาราชการ โดยแจ้งชื่อ-นามสกุล<O:p</O:p
    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2248-3773<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2011
  7. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ธรรมะประทับใจ

    * คุณธรรมมีค่ามากกว่าเงินทอง

    * กำหนดด้วยใจของตัวเองเสมอ และแก้ไขด้วยสติธรรมปัญญาธรรม

    * อำนาจกรรมนั้นเหนื่อการค้นเดา

    * เมื่อตื่นนอนแล้วให้สวดมนต์ภาวนาก่อนทำสิ่งอื่นใด และให้นึกถึงสิ่งที่เป็นความดี จากนั้นจึงปฏิบัติงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบ ตลอดวันให้ภาวนาพุทโธ...

    * การเสียสละ ความอดทน การแบ่งปัน การสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน ถือเป็นน้ำใจอันยิ่งใหญ่ แม้เราจะตายไปแล้วน้ำใจนั้นก็ยังไม่หมดไป....

    * ให้คิดดี ทำดีเสมอๆ ใจจะชุ่มเย็น

    * ความเสียสละออกมาจากความเมตตา ซึ่งเป็นหลักของพระพุทธศาสนาและของนักปราชญ์ สังคมจะมีคุณค่าเมื่อผู้อยู่ร่วมกัน มีความเสียสละเมตตา ให้อภัยแก่กัน ธรรมะอยู่ที่ใดมีแต่ความสามัคคี

    * ความเด็ดต้องมี ทั้งความเด็ดดีและเด็ดชั่ว เ ราต้องเด็ดดีเพื่อระงับกิเลส เพื่อป้องกันทุกข์ของตัวเอง มันต้องอดทนหนักแน่นแก้ไข เพราะกิเลสมันออกรวดเร็วมาก และส่วนมากมักจะไม่ทันกัน....rabbit_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2011
  8. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    การให้ผล
    ของกรรม

    กรรมนั้น ให้ผลสัตย์ชื่อนัก เหมือนผลของยาพิษร้ายแรงกรรมนั้นเมื่อทำแล้ว ก็เหมือนดื่มยาพิษร้ายแรงเข้าไปแล้ว จักไม่เกิดผลร้ายแก่ชีวิตและร่างกายย่อมไม่มี ย่อมเป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นกรรมดีก็จักให้ผลดี ถ้าเป็นกรรมชั่วก็จักให้ผลชั่ว

    เชื่อมั่น คนเรามีปัญหาแตกต่าง เพราะสร้างเหตุไว้ต่างกัน

    ปัญหาของเราคืออะไร?
    ปัญหาของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน
    เกิดจากการกระทำ
    และกฏแห่งกรรมไม่เหมือนกัน
    ลักษณะการเกิดมามีหู มีตา มีจมูก มีปาก มีฟัน
    มีเพศหญิงเพศชาย....
    เหมือนกันไม่ได้
    สืบเนื่องจากการกระทำ
    ครั้งอดีตชาติแต่ชาติปางก่อน
    เราเลือกเกิดไม่ได้และเลือกตายไม่ได้เหมือนกัน
    ปราสาทราชวังเขาเปิด ไม่มีใครเข้าไปเกิด บ้านอาเสี่ยมีมากมายไม่มีใครเข้าไปเกิด
    แต่ทำไมหนอ....คุกปิดใส่กุญแจเสียตั้งหลายชั้น เข้าไปกันได้เป็นพันไม่ทราบเข้าไปกันได้อย่างไร
    เป็นกฎแห่งกรรมจากการกระทำของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2011
  9. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    :eek: ระวัง ฆ่าตัวตาย ขณะใจผ่องใส ทำยากนะ....

    คนเราเข้าใจผิดคิดว่า ก่อนตายให้แต่งตัวสวยๆ จะได้ติดตัวไป ข้อเท็จจริงไม่ใช่
    แต่มีประวัติมาตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้า มีพระองค์หนึ่งเป็นฝีดาษนอนจมน้ำเลือดน้ำเหลือง พระพุทธเจ้าไปเห็นเข้า ก็บอกให้พระภิกษุช่วยกันซักผ้า ลวกน้ำร้อน เช็ดน้ำเลือดน้ำเหลืองให้สะอาด เอาผ้าใหม่มาให้ห่ม แล้วสนอนกรรมฐานให้ พระภิกษุรูปนั้นก็สำเร็จมรรคผล
    ถ้านอนจมเลือดจมเหงื่อ จิตใจไม่สบาย จะสอนอะไรไม่ได้ผลก็เท่านั้นเอง โปรดจำเสียใหม่ อย่าคิดว่าเอาไปได้
    เขาก็ไปจัดการแต่งตัว ใส่กางเกงที่ชอบ และไปซื้อยามากินเขาถามหลวงตาว่าคนจะตายเขาท่องอะไรกัน หลวงตาบอกให้ว่า "พุทโธ" เขากินยาแล้วก็ท่อง "พุทโธๆ ๆ" จนกระทั่งขาดใจตาย พนมมือว่า "พุทโธ" ติดปากไป ไปพบยักษ์ ปากก็ว่า "พุทโธ" ยักษ์หนีเลย สิ่งนี้ก็เป็นคติเตือนใจว่า

    เราจะต้องมีพระนำหน้าเวลาแห่ศพ
    ทำไมต้องมีพระนำหน้า?
    ไม่ใช่นำไปสวรรค์นะ แต่เป็นปริศนาธรรมว่า
    ทำอะไรให้เอาพระออกหน้า ดีแน่ๆ เท่านี้เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2011
  10. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    พุทธวิธี หลังตายอยากกินอาหารดีมีเสื้อผ้าสวยใส่
    ให้ถวายทานด้วยอาหารดี เสื้อผ้าดี


    นิกรเมื่อออกจากร่างแล้วยืนดูร่างของตัวเอง แล้วก็เดินทางต่อไปรู้สึกหิวข้าว จะข้ามถนน
    ยักษ์ก็ขวาง ปากก็ว่า "พุทโธ" ยักษ์ก็หนี

    แต่ถ้าใครมีกรรมฐาน ไม่ต้องว่า "พุทโธ" หรอก เพราะว่า "พุทโธ" อยู่ในจิตแล้ว จะไปไหนก็ไม่ได้
    ไปเห็นกับข้าวที่เขาวางไว้ ก็เข้าไปนั่งยองๆ ขอรับประทาน
    เขาบอกว่า ไม่ใช่ของเธอ ของเธออยู่ที่นี่ ก็มีกล้วย มะพร้าว ขนมจันอับที่ถวายผ้าป่าไว้ ก้มดูตัวเองก็เห็นตัวเปล่า กางเกางก็ไม่มี สร้อยก็ไม่มี
    เขาบอกว่า นี่ครับผ้าผืนเดียว ผ้าผืนเดียวที่เธอถวายผ้าป่าไว้
    นิกรบอกว่า ก่อนตายผมก็เตรียมใส่มาพร้อมแล้วเขาก็บอกว่าก็อยู่ที่ศพของเธอ ของเธอมีผืนี้ ที่ถวายผ้าป่ามา

    เขาก็เดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็พบยมบาล ท่านยมบาลบอกว่า ยังไม่ถึงที่ตายให้กลับไปก่อน
    นิกรบอกว่า ถ้าให้กลับ ท่านต้องไปบอกแม่ผมก่อน ว่าผมเสียใจที่ถูกแม่ด่า เลยกินยาตาย ยมบาลก็พาไป ยมบาลก็เข้าร่างนิกรก่อน ลุกขึ้นเล่าเหตุการณ์ว่าอย่าไปทำนิกร เดี๋ยวนิกรจะฟื้นขึ้นมา พอเล่าเสร็จก็ล้มวิญญาณนิรก็เข้าร่าง จะลุกขึ้นก็ลุกไม่ได้ ต้องรักษาอีก 3 เดือน เลยขอบวช เวลากาลต่อมา เขามาที่วัดอัมพวันก็มาเล่าให้อาตมาฟัง ขอสรุปว่า

    ความสำคัญของชีวิตนั้น เริ่มตั้งแต่ต้น เริ่มทำให้ชีวิตมีค่าเวลาของท่านจะมีประโยชน์ต่อไป ใครหนอจะทำเวลาแค่วินาทีเดียวให้มีค่าได้ ต้องมีความดีมาแล้ว ต้องเตรียมการมาแล้ว ไม่ใช่มาเตรียมก่อนตาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2011
  11. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    พุทธวิธี วิชาความรู้ติดตัวข้ามภพ

    มีดอกเตอร์คนหนึ่งชื่อ ดร.กฤช เป็นเพื่อนของอาตมาตั้งแต่ ม.๖ ที่สิงห์บุรี อาตมาช่วยส่งเขาเรียน เพราะเขาไม่ค่อยมีเงิน เรียนจบปริญญาตรีแล้วไปต่อปริญญาโทที่กรุงเทพฯ
    อาตมาให้เงินเขาไป ๔๐๐ บาทสมัยก่อน เมื่อสมัยก่อนข้าวเกวียนละ ๘๐ บาท
    จบปริญญาโทแล้วต่อปริญญาเอกที่ปารีส ฝรั่งเศส พอกลับมามีภรรยาอยู่ธนบุรี มีลูก ๓ คน
    ต่อมาตาย และมาเกิดเป็นลูกคนตรอกจันทร์ ยานนาวา เด็กคนนี้ อายุ ๑๑ ขวบ เกิดระลึกชาติได้ ให้แม่พามาหาอาตมาที่สิงห์บุรีเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๐ บอกไปหาเพื่อนที่บวช
    แม่เขาก็ว่าลูกเขาเป็นโรคประสาท เขาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังหมด เขาบอกให้ไปบ้านภรรยา ไปขอวิทยานิพนธ์ ๓ เล่ม ซึ่งเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสทั้งหมด แล้วเขาก็มาศึกษา เดี๋ยวนี้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น

    ท่านทั้งหลายเอ๋ย!
    วิชาเอาติดตัวไปได้แน่นอน
    สมบัติเอาไปไม่ได้

    มีลูกมีหลานให้เรียนหนังสือเป็นดอกเตอร์ให้ได้ ตายแล้วเอาไปได้แน่.......
    ถ้าเรียนเก่งมาก รับรองว่าชาติก่อนเรียนมาแล้ว เตรียมลูกหลานให้เรียนวิชาไว้ให้ได้ก่อน เป็นบัณฑิตแล้วทำได้ทุกอย่าง ชอบตรงไนก็ทำตรงนั้น

    อนุโมทนาบุญค่ะ..


    จากหนังสือ
    พุทธวิธี
    เตรียมตัวตาย
    โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์
    (หลวงพ่อจรัญ จิตธมฺโม)
    สุดยอดแห่งพระวิปัสสนาจารย์ผู้สอนวิธีปฏิบัติกรรมฐานแก้กรรม



     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2011
  12. รักรังสิต

    รักรังสิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,418
    ค่าพลัง:
    +17,140
    ขอบคุณพี่นวล ได้เป็นชุดเลยครับ เก็บเอาไปปฏิัติครับผม
     
  13. sedkamol

    sedkamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2009
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +691
    ขอโทษนะครับ ขอประชาสัมพันธ์หน่อยนะครับ มาร่วมสนุกกันหน่อยครับ
    กะทู้นี้ มีเหรียญหลวงพ่อคูณมาแจกครับ
    ประสบการณ์..เมื่อผมไปเห็น หลวงพ่อคูณกำลังปลุกเษกวัตถุมงคล
    อยากให้ร่วมสนุกกันครับ ถ้ารบกวนก็ขออภัยด้วยนะครับ
    เอกครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. sedkamol

    sedkamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2009
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +691
    ขอโทษนะครับ ขอประชาสัมพันธ์หน่อยนะครับ มาร่วมสนุกกันหน่อยครับ
    กะทู้นี้ มีเหรียญหลวงพ่อคูณมาแจกครับ
    ประสบการณ์..เมื่อผมไปเห็น หลวงพ่อคูณกำลังปลุกเษกวัตถุมงคล
    อยากให้ร่วมสนุกกันครับ ถ้ารบกวนก็ขออภัยด้วยนะครับ
    เอกครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  15. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    สำหรับท่านที่ได้รับรูปภาพหลวงปู่หมุน ตอนนี้ผมได้รายชื่อครบหมดแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจัดส่งให้นะครับ อาจถึงช้าสักนิดนะครับ เพราะส่งแบบธรรมดาครับ..
     
  16. kritsanaphol

    kritsanaphol สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +17
    เจอช้าหน่อยแต่ก็คงเป็นบุญที่เคยทำร่วมกันในอดีตชาติทำให้ได้มาพบกันในกระทู้ดีๆครับ
     
  17. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    ส่งให้ทุกท่านแล้วเมื่อวันที่ 30 นะครับอาจถึงช้าหน่อยครับ
     
  18. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    คัดลอกมาฝากครับ...

    พุทโธหาย (อาจจะยาวหน่อย อ่านจบปฏิบัติใช้ได้ทุกเมื่อ ทุกคน)
    [​IMG]
    ครั้งหนึ่ง พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต กับพระลูกศิษย์รูปหนึ่ง เที่ยวธุดงค์แสวงหาที่วิเวกตามอำเภอต่าง ๆ ในเขตเชียงใหม่ ได้เดินธุดงค์ข้ามเขาหลายลูก และไปพักอยู่ชายเขาแห่งหนึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านชาวเขาราวสองกิโลเมตร โดยพักอยู่ใต้ร่มไม้เวลาฝนตกลงมาก็เปียกโชกแต่ก็ทนเอาไม่เดือดร้อนไม่สนใจเพราะทนได้

    ตอนเช้าพากันเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้านชาวเขา พวกชาวเขาเห็นท่านเข้าไปบิณฑบาตก็ถามว่า ตุ๊เจ้ามาธุระอะไร? ท่านบอกว่ามาบิณฑบาต เขาถามว่า มาบิณฑบาตคืออย่างไร? พวกเขาไม่เข้าใจ เขาเคยรู้จักพระเหมือนกัน แต่ไม่รู้จักขนบธรรมเนียมของพระ ท่านบอกว่าบิณฑบาตก็คือพระมาขอแบ่งข้าวจากชาวบ้านไปกิน เขาถามว่าจะเอาข้าวสารหรือข้าวสุก? ท่านตอบว่าข้าวสุก

    เขาก็บอกกัน ต่อ ๆ ไปให้เอาข้าวสุกมาใส่บาตรท่าน เมื่อได้ข้าวแล้วท่านก็พาพระลูกศิษย์กลับมายังร่มไม้ ที่พัก และฉันข้าวเปล่า ๆ อยู่นานวัน ขณะที่ท่านพักอยู่ใต้ร่มไม้ใกล้หมู่บ้านแห่งนี้พวกเขาใส่บาตรให้ก็จริง แต่พวกเขาไม่มีความเลื่อมใสและไว้ใจท่านเลย พอตกกลางคืนหัวหน้าชาวบ้านตีเกาะนัดให้ชาวบ้านมาประชุมกันแล้วประกาศว่า ขณะนี้มีเสือเย็นสองตัว (หมายถึงพระอาจารย์มั่นและพระลูกศิษย์) มาพักอยู่ที่ป่าใกล้หมู่บ้าน

    คำว่า “เสือเย็น” หมายถึง “เสือสมิง” นั่นเอง ขอให้ชาวบ้านทั้งหลายอย่าได้ไว้ใจเสือเย็นสองตัวนี้ มันแปลงเป็นพระจะมาจับพวกเราไปกินเป็นอาหารห้ามไม่ให้เด็กและผู้หญิงเข้าไปในป่าเป็นอันขาด แม้ผู้ชายจะเข้าไปในป่าก็ควรจะมีพรรคพวกเป็นเพื่อนไปด้วยหลาย ๆ คนและต้องมีอาวุธป้องกันตัวไปด้วย ไม่ควรเดินป่าตัวคนเดียวเป็นอันขาดจะมีอันตรายถูกเสือเย็นสองตัวตะครุบกัดกิน

    พวกชาวเขาได้จัดเวรยามครั้งละ 3 – 4 คน มีอาวุธมีดพร้าขวานแหละหน้าไม้ให้มาคอยเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวของพระอาจารย์มั่น และพระลูกศิษย์อยู่ใกล้ ๆ ที่พักอยู่ตลอดเวลาทั้งวันและทั้งคืนเป็นผลัด ๆ

    ไม่ว่าท่านจะเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิภาวนา พวกเขาจะคอยสอดส่ายสายตาจับตาดูความเคลื่อนไหวไม่ยอมให้คลาดสายตาไปได้เลย ไม่พูดไม่จาไม่ไถ่ถามอะไรทั้งนั้น เอาแต่จ้องมองถมึงทึงท่าเดียว แต่เวลาเข้าไปบิณฑบาตพวกเขาก็ใส่ให้อย่างเสียไม่ได้ ใส่ให้ด้วยความเกรงกลัวต้องการเอาใจไว้บ้างมากกว่า ถ้าไม่ใส่บาตรให้เสียเลย เดี๋ยวเสือเย็นจะโกรธใหญ่หาเรื่องทำร้ายเอาได้ง่าย ๆ

    เหตุการณ์เป็นไปอย่างนี้อยู่หลายวันทีเดียว บรรยากาศภายในหมู่บ้านตึงเครียดมาก แต่พระอาจารย์มั่นก็หาได้หวั่นไหวไม่ ท่านกำหนดวาระจิตตรวจสอบดูจิตใจชาวบ้านทุกคนอยู่ทุกระยะ ในที่สุดหัวหน้าหมู่บ้านก็จัดให้มีการประชุมขึ้นอีก ได้มีการปรึกษาพิจารณาสถานการณ์ของหมู่บ้านอย่างเคร่งเครียดว่าจะเอายังไงกับพระสององค์นี้ต่อไป

    พวกเวรยามที่มาคอยเฝ้า ดูความเคลื่อนไหวของพระอาจารย์มั่นได้รายงานว่า ไม่เห็นพระสององค์มีอะไรผิดแปลกเลย เห็นแต่ท่านนั่งหลับตาบ้าง เดี๋ยวลุกขึ้นเดินไปเดินมาบ้าง นอนงีบเดียวแล้วก็ลุกขึ้นมาเดินอีก เดินพักหนึ่งแล้วก็นั่งหลับตา ไม่รู้ว่าท่านนั่งหลับตาทำไมและเดินกลับไปกลับมาหาอะไร จะหาว่าของหายก็ไม่เห็นหาเจอสักที (หมายถึงเห็นท่านเดินจงกรม)

    หัวหน้าหมู่บ้านได้ฟังดังนั้นก็นิ่งอึ้ง มีชาวบ้านผู้อาวุโสคนหนึ่งเป็นผู้เฒ่าของหมู่บ้าน เคยเข้าไปในเมือง รู้ขนบธรรมเนียมประเพณีคนเมืองอยู่บ้าง รู้จักพระสงฆ์องค์เจ้าปฏิบัติธรรมพอสมควร แกได้พูดขึ้นว่า......

    " พระสององค์นี้เห็นจะเป็นพระจริง ๆ ไม่ใช่เสือเย็นปลอมแปลงมาหรอก พระพวกนี้ชอบท่องเที่ยวอยู่ในป่าปฏิบัติตัวเป็นนักบุญ การที่พวกเราชาวบ้านไปสงสัยและกล่าวหาพระสององค์นี้ว่าเป็นเสือเป็นสางน่ากลัวจะไม่ถูกต้องเสียแล้ว จะทำให้พวกเรามีบาปหนักผีป่าผีปู่ย่าตาทวดจะโกรธเอาเปล่า ๆ ทางที่ควรจะพากันไปพบพระสององค์นี้แล้วไถ่ถามเอาให้รู้ต้นสายปลายเหตุว่า มานั่งหลับตาทำไม มาเดินไปเดินมาหาอะไร"

    พอได้เวลาบ่ายวันนั้น ชาวบ้านก็พากันมาจริง ๆ พวกเขาถามว่า ตุ๊เจ้านั่งหลับตานิ่ง ๆ และเดินกลับไปกลับมาทั้งกลางวันกลางคืนมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว ตุ๊เจ้านั่งและเดินหาอะไร

    พระอาจารย์มั่นตอบว่า “พุทโธหาย เรานั่งและเดินหาพุทโธ”

    “พุทโธ เป็นตัวยังไง รูปร่างสูงต่ำดำขาวยังไงจะให้ชาวบ้านช่วยหาให้ได้ไหม ” หัวหน้าหมู่บ้านถามด้วยความสงสัย

    พระอาจารย์มั่นตอบว่า “ พุทโธ ที่ว่านี้ เป็นดวงแก้วอันวิเศษ สุดประเสริฐ ใครได้ไว้แล้วจะโชคดี ถ้าพวกสูจะช่วยเราหาให้พบก็ยิ่งดีใหญ่ จะได้เห็นพุทโธเร็ว ๆ”

    “พุทโธ ของตุ๊เจ้าหายมานานแล้วหรือ” ผู้เฒ่าอาวุโสของหมู่บ้านถามบ้าง

    “ไม่นานหรอก ถ้าพวกสูช่วยหาให้ยิ่งจะพบเร็วกว่าเราหาเพียงคนเดียว ” พระอาจารย์มั่นตอบอย่างเป็นปริศนาธรรม

    “พุทโธ เป็นดวงแก้วใหญ่ไหม” หัวหน้าหมู่บ้านถาม

    “ไม่ใหญ่ไม่เล็ก พอดีกับเราและกับพวกสูนั่นแหละ ใครหาพุทโธพบคนนั้นจะเป็นผู้ประเสริฐ มีตาทิพย์มองเห็นอะไรได้ตามใจหวัง” พระอาจารย์มั่นตอบ

    “มองเห็นนรกสวรรค์ได้ไหมตุ๊เจ้า”

    “มองเห็นซิ ถ้ามองไม่เห็นจะเรียกว่าเป็นดวงแก้ววิเศษได้ยังไง”

    “ลูกตาย เมียตาย ผัวตาย มองเห็นได้ไหมตุ๊เจ้า”

    “เห็นซี เห็นหมดทุกอย่างถ้าต้องการอยากเห็น”

    “ดวงแก้วพุทโธนี้สว่างมากไหมตุ๊เจ้า”

    “สว่างมาก สว่างยิ่งกว่าพระอาทิตย์ตั้งร้อยดวงพันดวงเพราะพระอาทิตย์ไม่สามารถส่องให้เห็นนรกสวรรค์ได้ แต่ดวงพุทโธสามารถส่องเห็นหมด” พระอาจารย์มั่นตอบอย่างอารมณ์ดี

    “ผู้หญิงช่วยหาดวงแก้วพุทโธได้ไหมตุ๊เจ้า ” เขาถาม

    “ได้ซี ผู้หญิงก็หาได้ เด็ก ๆ ก็ช่วยกันหาได้”

    “ดวงแก้วพุทโธประเสริฐในทางใดบ้าง กันผีได้ไหม”

    “ดวงแก้วพุทโธประเสริฐใช้ได้หลายทางจนนับไม่ถ้วน ผีสางเทวดาต้องยอมกราบพุทโธทั้งนั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าดวงแก้วพุทโธ ผีกลัวพุทโธมากต้องกราบพุทโธ ใครหาพุทโธแม้ยังไม่พบ ผีก็เริ่มกลัวแล้ว” พระอาจารย์มั่นตอบยิ้ม ๆ

    “พุทโธเป็นดวงแก้วสีอะไรตุ๊เจ้า” หัวหน้าหมู่บ้านถาม

    “พุทโธเป็นดวงแก้วสว่างไสว มีหลายสีจนนับไม่ถ้วน พุทโธนี้เป็นสมบัติอันวิเศษของพระพุทธเจ้า พุทโธเป็นองค์แห่งความรู้สว่างไสวไม่เป็นวัตถุ พระพุทธเจ้าท่านมอบไวให้เราหลายปีแล้ว แต่เราเองยังหาพุทโธที่ท่านมอบให้ยังไม่เจอ ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน แต่จะอยู่ที่ไหนไม่สำคัญนัก ที่สำคัญก็คือ ถ้าพวกสูจะพากันช่วยเราหาพุทโธจริง ๆ ให้พากันนั่งหรือเดินนึกในใจว่าพุทโธๆๆอยู่ภายในใจโดยเฉพาะ ไม่ให้จิตส่งออกนอกกาย ให้รู้อยู่กับคำว่าพุทโธเท่านั้น ถ้าทำอย่างนี้พวกสูอาจเจอพุทโธก่อนเราก็ได้”

    “การนั่งหรือเดินหาพุทโธจะให้นั่งหรือเดินนานเท่าไรถึงจะพบพุทโธแล้วหยุดได้ตุ๊เจ้า”

    “ให้นั่งหรือเดินเพียงชั่วหม้อข้าวเดือดจนสุกหรือนานกว่านั้นก่อน สำหรับผู้ตามหาพุทโธทีแรก พุทโธท่านยังไม่อยากจะให้เราตามหาท่านนานนัก กลัวจะเหนื่อยแล้วตามพุทโธไม่ทัน เดี๋ยวจะขี้เกียจเสียก่อน ทีหลังจะอยากตามหาท่านแล้วเลยจะไม่พบท่าน เอาเพียงเท่านี้ก่อน ถ้าอธิบายมากกว่านี้จะจำวิธีไม่ได้แล้วตามหาพุทโธไม่พบ” พระอาจารย์มั่นให้อรรถาธิบาย

    พวกชาวป่าได้ฟังแล้วก็ชวนกันกลับไปโดย ไม่มีการยกมือไหว้ร่ำลาอะไร เพราะเป็นนิสัยของชาวป่ายังงั้นเอง เมื่อพวกเขาจะไปก็ลุกไปเฉย ๆ พระอาจารย์มั่นก็กำหนดจิตติดตามดูความเคลื่อนไหวต่อไปก็พบว่า เมื่อพวกเขาไปถึงหมู่บ้านแล้ว พวกชาวบ้านทั้งหลายก็แห่กันมารุมซักถามเป็นการใหญ่ หัวหน้าหมู่บ้านก็อธิบายให้ฟังตามที่พระอาจารย์มั่นสั่งสอนเรื่องดวงแก้วพุทโธ

    พวกชาวบ้านต่างก็ตื่นเต้นอยากจะได้ดวงแก้วพุทโธ เอะอะกันใหญ่เพราะเป็นของดีของวิเศษ ต่างก็พากันแยกย้ายไปฝึกหัดนึกท่องพุทโธในใจโดยทั่วกันไม่นึกอย่างอื่น นึกแต่คำว่าพุทโธ ๆ ๆ นับตั้งแต่หัวหน้าหมู่บ้านลงมาถึงผู้หญิงและเด็ก ๆ ที่พอจะรู้วิธีนึกท่องในใจหาพุทโธได้

    พวกชาวเขาเป็นคนซื่อโดยกำเนิด ถ้าเชื่อเลื่อมใสศรัทธาอะไรแล้วก็คิดเลื่อมใสเลยไม่มีอะไรสงสัยข้องใจ จิตของพวกเขาจึงเข้าถึงสมาธิได้รวดเร็วและเป็นที่อัศจรรย์ด้วยบารมีของพระพุทธเจ้า ปรากฏว่าไม่นานนัก ชาวป่าผู้หนึ่งซึ่งเดินท่องพุทโธนั่งท่องพุทโธตามหาดวงแก้วพุทโธนั้นบังเกิดประสบเข้ากับธรรมะ คือความสงบสุขทางใจด้วยอำนาจการนึกบริกรรมพุทโธตามวิธีสมาธิแยบยลที่พระอาจารย์มั่นใช้อุบายสอน เขารีบวิ่งออกจากหมู่บ้านมาเล่าให้พระอาจารย์มั่นฟังว่าก่อนหน้า 3 – 4 วันที่เขาจะประสบกับดวงแก้วพุทโธนั้น ได้นอนหลับและฝันไป ฝันเห็นพระอาจารย์มั่นเอาเทียนใหญ่จุดไฟสว่างไสวไปติดไว้บนศีรษะเขา ทำให้ร่างกายของเขาสว่างไสวไปหมดเขาดีใจมาก มีความสุขทางใจอย่างบอกไม่ถูก

    พระอาจารย์มั่นจึงได้เมตตาแนะนำสั่งสอนเพิ่มเติมให้ฝึกขั้นสูงต่อไปโดยลำดับ ปรากฏว่าเขาไปฝึกอยู่ได้ไม่กี่วันก็เข้าถึงสมาธิขั้นสูง สามารถบังคับดวงแก้วพุทโธให้สว่างไสวใหญ่และเล็กได้ ให้เป็นไปตามต้องการได้จนเกิดอำนาจจิตอภิญญาสามารถล่วงรู้ใจผู้อื่นได้ว่า ใจของใครคิดอะไร มีความเศร้าหมองและผ่องใสเพียงใด แถมยังบอกพระอาจารย์มั่นอย่างซื่อๆตรงไปตรงมาว่า เขาสามารถรู้เห็นสภาพจิตของพระอาจารย์มั่นและพระที่อยู่ด้วยได้อย่างชัดเจน

    พระอาจารย์มั่นหัวเราะชอบใจจึงถามเป็นเชิงเล่น ๆ ว่า " จิตของเราเป็นยังไง มีบาปไหม? "

    เขารีบตอบทันทีว่า " จิตของตุ๊เจ้าไม่มีจุดไม่มีดวงเหลืออยู่แล้ว มีแต่ความสว่างไสวน่าอัศจรรย์เหมือนดาวประกายพรึกลอยสุกปลั่งอยู่ในอก ตุ๊เจ้าเป็นผู้ประเสริฐสุดในโลกไม่มีใครเสมอเหมือน เฮาบ่ เคยเห็น แหม.....ตุ๊เจ้ามาอยู่ที่นี่นานตั้งร่วมปีแล้ว ทำไมไม่สอนเฮาบ้างก๊าแต่แรกมาอยู่ " (ก๊า แปลว่า เล่าหรืออะไร ๆ ได้อีกหลายอย่าง เป็นคำเหนือติดท้ายประโยคได้ทั้งคำถามคำตอบ)

    พระอาจารย์มั่นตอบว่า "จะให้เราสอนได้อย่างไรก็ไม่เคยเห็นพวกสูมาศึกษาไต่ถามเรานี่นา" เขาตอบว่า "เอาบ่ฮู้ก๊าว่าตุ๊เจ้าเป็นผู้วิเศษ ถ้าฮู้ เฮาจะทนอยู่ได้อย่างไร ต้องรีบแล่นมาหาแน่ ๆ ทีนี้พวกเฮาฮู้แล้วว่าตุ๊เจ้าเป็นคนฉลาดมาก เวลาพวกเฮามาถามว่าตุ๊เจ้านั่งหลับตานิ่ง ๆ และเดินกลับไปกลับมาทำไม กำลังหาอะไรหรือ ? ตุ๊เจ้าก็บอกพวกเฮาว่า
    พุทโธหาย กำลังหาพุทโธ ขอให้พวกเฮาช่วยตามหาที

    เมื่อ ถามถึงพุทโธเป็นลักษณะอย่างไร ตุ๊เจ้าก็บอกว่าเป็นดวงแก้ววิเศษสว่างไสวความจริงตุ๊ เจ้าเป็นพุทโธอยู่แล้ว มิได้ทำให้พุทโธสูญหายไปไหน แต่เป็นอุบายอันฉลาดของตุ๊เจ้าที่เมตตาสงสารพวกเฮาชาวป่าชาวดอย ให้พวกเฮาภาวนาพุทโธเพื่อให้จิตพวกเฮาสว่างไสวเหมือน จิตตุ๊เจ้าต่างหาก เฮาฮู้แล้วว่าตุ๊เจ้าเป็นผู้ประเสริฐเฉลียวฉลาด ปรารถนาให้พวกเฮาได้บุญใหญ่ มีความสุข พบพุทโธดวงแก้วประเสริฐที่ใจตัวเอง มิใช่ให้หาพุทโธให้ตุ๊เจ้าเลย!"

    อนึ่ง....ที่ชาวป่าผู้บรรลุสมาธิ เข้าถึงฌานขั้นสูงนี้จนเกิดอำนาจจิตอภิญญาสามารถรู้เห็นจิตใจผู้อื่นได้ แต่โดยความเป็นจริงแล้ว เขาไม่สามารถจะรู้เห็นสภาวะจิตใจของผู้ที่มีภูมิธรรมสูงกว่าได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอาจารย์มั่นซึ่งเป็นพระอริยเจ้าชั้นสูง แต่ที่เขาสามารถเห็นสภาวะจิตของพระอาจารย์มั่นเป็นดวงแก้วประกายพรึกได้นั้นเป็นเพราะพระอาจารย์มั่นยินยอมให้เห็นได้

    ทีนี้นับตั้งแต่ชาวป่าคนนั้นได้เห็นพุทโธหรือธรรมกาย ในใจตนเองแล้ว เรื่องก็กระจายไปทั่วหมู่บ้านในไม่ช้า ทำให้ชาวบ้านต่างก็พากันเร่งภาวนาพุทโธไปตาม ๆ กันเพราะอยากจะได้ดวงแก้วพุทโธบ้าง เพราะเกิดความเชื่อถือเลื่อมใสพระอาจารย์มั่นมาก เรื่องที่สงสัยว่าท่านจะเป็นเสือเย็นหรือเสือสมิงก็หายไป ไม่มีใครกล้ากล่าวถึงอีกเลย

    นับแต่นั้นมา เวลาท่านออกบิณฑบาตพวกชาวบ้านต่างก็พากันใส่บาตรเป็นแถวและติดตามส่งบาตร พากันขอศึกษาธรรมเพิ่มเติมกับท่านทุกวัน อาหารการขบฉันที่เคยขาดแคลนก็กลายเป็นความสมบูรณ์ขึ้น ชาวป่ายังช่วยกันสร้างกระท่อมมุงหลังคาใบไม้ให้เป็นกุฏิที่พักถากถางป่ารกรุงรังให้เป็นที่เดินจงกรม ปัดกวาดคลานกุฏิให้สะอาดกว้างขวางน่าอยู่อาศัยกว่าเดิม

    ลงพวกชาวป่าได้เชื่อถือและเคารพศรัทธาเลื่อมใสแล้ว เป็นต้องนับถืออย่างถึงใจจริง ๆ ถึงไหนถึงกัน เป็นก็เป็นด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน แม้ชีวิตของพวกเขาก็ยอมสละได้ พระอาจารย์มั่นพูดอะไร พวกเขาเชื่อฟังและเคารพอย่างถึงใจ การบริกรรมภาวนาหาพุทโธ ท่านได้ค่อย ๆ สอนให้เขยิบขึ้นไปตามขั้นตามนิสัยของแต่ละคนซึ่งมีสติปัญญาไม่เหมือนกัน คนไหนฉลาดก็ได้รับการสอนวิปัสสนาสอดแทรกควบคู่ไปด้วย อุบายแปลก ๆ อันชาญฉลาดแยบยลให้เกิดความรอบรู้ชำนาญขึ้นตามลำดับ

    ชั่วเวลาไม่นาน ชาวบ้านหลายคนก็สำเร็จทางในได้พบดวงแก้วพุทโธเพิ่มขึ้นหลายคน ปีนั้นท่านเลยต้องจำพรรษาอยู่ที่นั่นไปไหนไม่ได้ เพราะชาวป่าไม่ยอมให้ไป รวมเวลาแล้วนับปีกว่า จึงได้ลาจากกันในที่สุด

    ขอจงเจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2011
  19. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    สวัสดีตอนหัวค่ำครับ พี่่ๆทุกท่าน และเพื่อนทุกคน ทางสะดวกครับเลยแวะมาสวัสดี คิดถึงทุกท่านมากครับ:cool:
     
  20. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    สวัสดีตอนหัวค่ำครับ พี่่ๆทุกท่าน และเพื่อนทุกคน ทางสะดวกครับเลยแวะมาสวัสดี คิดถึงทุกท่านมากครับ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...