"โลกร้อน" จะทำคนอดอยากหลายร้อยล้าน จีน-ออสซี่ขาดแคลนน้ำถึงขั้นวิกฤต <ข่าวรั่วจากIPCC

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย zipper, 31 มกราคม 2007.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>บ.น้ำมันมะกันจ้างบิดเบือนโลกร้อน</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] แฉบริษัทน้ำมันสหรัฐติดสินบนผู้เชี่ยวชาญหมายทำลายความน่าเชื่อถือรายงานข้อมูลโลกร้อนของยูเอ็น ขณะที่หลายเมืองในยุโรปพร้อมใจกันดับไฟตามสถานที่สำคัญ เช่น หอไอเฟล และโคลอสเซียม

    เพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงอากาศโลกเปลี่ยนแปลง รายงานยูเอ็นย้ำ โลกร้อนมาจากน้ำมือมนุษย์ นักวิชาการไทยชี้ ภาวะโลกร้อนส่งผลฤดูร้อนปีนี้อุณหภูมิเพิ่มสูง ระบุแค่ขยับ 1 องศาทำระบบนิเวศเปลี่ยน ไทยกระทบเรื่องลมแปรปรวน ทำน้ำกัดเซาะชายฝั่ง

    หนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษ ฉบับวันที่ 2 กุมภาพันธ์ รายงานว่า สถาบันวิสาหกิจอเมริกา (เออีไอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับมันสมองที่ได้รับเงินสนับสนุนจากบริษัท เอ็กซอน โมบิล บริษัทน้ำมันใหญ่สุดในโลกของสหรัฐ และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ส่งจดหมายถึงนักวิทยาศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์นโยบาย ทั้งในสหรัฐ อังกฤษ และประเทศอื่นๆ ให้เขียนบทความชี้ถึงจุดอ่อนและข้อบกพร่องในรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (ไอพีซีซี) ที่เพิ่งได้รับการเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา การ์เดียน รายงานว่า สถาบันแห่งนี้เสนอจะจ่ายเงินให้แก่บรรดาผู้เชี่ยวชาญถึงคนละ 1 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 แสนบาท) เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนในการเขียนบทความโจมตีรายงานชิ้นนั้น โดยในข้อเสนอนี้ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย

    ย้ำโลกร้อนเพราะฝีมือมนุษย์
    ด้านนายรเชนทรา ปาชอรี ประธานคณะกรรมการระหว่างรัฐบาล เผยข้อสรุปของรายงานสภาวะโลกร้อนหลังการประชุมในกรุงปารีส นาน 4 วันว่า การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศมาจากน้ำมือมนุษย์ และสภาวะโลกร้อนจะดำเนินต่อไปอีกหลายศตวรรษ
    ขณะที่ นางซูซาน โซโลมอน นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐ กล่าวว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การเพิ่มขึ้นของภาวะเรือนกระจกล้วนมาจากกิจกรรมของมนุษย์ทั้งสิ้น พร้อมพยากรณ์ว่า อุณหภูมิบนพื้นผิวโลกจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 1.8-4 องศาเซลเซียส ก่อนสิ้นศตวรรษนี้ ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่า เนื้อหาในรายงานไอพีซีซีที่ประเมินความเสียหายของสภาพอากาศในอนาคต เป็นการทบทวนการเปลี่ยนแปลงของภาวะโลกร้อนที่ครอบคลุมที่สุด และจะใช้เป็นหลักเกณฑ์พื้นฐานของการหารือในระดับโลกถึงเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน แต่เออีไอของโมบิล กลับอ้างว่า รายงานของสหประชาชาติขาดการพิจารณาอย่างสมเหตุสมผล และมีแนวโน้มที่จะยึดข้อสุรปที่ยังขาดการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน พร้อมยอมรับว่าได้ติดต่อให้ผู้เชี่ยวชาญแสดงทัศนะที่ครอบคลุมรอบด้านเกี่ยวกับสภาพอากาศโลกที่แท้จริง

    หวั่นผู้อพยพมหาศาลหนีภัยโลกร้อน
    นายนอร์แมน ไมเออร์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ผู้เชี่ยวชาญในการเชื่อมโยงปัญหาสภาวะโลกร้อนกับการย้ายถิ่นฐาน ระบุว่า จากตัวเลขของกาชาดสากลและสภาเสี้ยวเดือนแดง เมื่อปี 2543 ระบุว่า มีผู้อพยพประมาณ 25 ล้านคน ทิ้งที่อยู่อาศัย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม แนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อสิ้นสุดปี 2553 และทวีขึ้นจนอาจถึงปีละ 200 ล้านคน ในช่วงสิ้นสุดศตวรรษที่ 21
    ผู้เชี่ยวชาญอีกคน ยังระบุด้วยว่า สภาวะโลกร้อนจะทำให้ประเทศที่เป็นหมู่เกาะเล็กๆ ที่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว ทั้งในแถบแปซิฟิกตอนใต้ จนถึงหมู่เกาะมัลดีฟส์ ในมหาสมุทรอินเดีย จะเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากแนวปะการังเสียหาย และน้ำท่วมเกาะ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในแต่ละภูมิภาคก็จะต้องเผชิญกับระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และอุทกภัยรุนแรงต่อเนื่อง อันจะเป็นสาเหตุสำคัญในการทิ้งถิ่นฐานเพิ่มขึ้น นางสเตฟาน ราห์มสตอร์ฟ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันพอตส์ดัม เผยผลการศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่า ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยข้อมูลจากดาวเทียมระบุว่า ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 3.3 มิลลิเมตรต่อปี มากกว่าที่ไอพีซีซีเคยระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า น้อยกว่าปีละ 2.0 มิลลิเมตรต่อปี หรืออีกนัยหนึ่งคือ ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา สูงขึ้นเร็วกว่าระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นในช่วงรอบ 20 ปี ตลอด 115 ปีที่ผ่านมา ถึง 25 เปอร์เซ็นต์

    โลกร้อนคุกคามแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติชื่อดัง
    หนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษ รายงานด้วยว่า ภัยจากโลกร้อนกำลังทำลายแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังจำนวนมาก ตั้งแต่แนวปะการังในทะเลแคริบเบียน ไปจนถึงหิมะบนยอดเขาคิริมันจาโร ยอดเขาสูงที่สุดในทวีปแอฟริกาในแทนซาเนีย
    โดยนักอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า หิมะที่ปกคลุมยอดเขาคิริมันจาโร ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากงานเขียนของ เออร์เนส เฮมมิงเวย์ นักเขียนดัง กำลังจะละลายหายไปภายใน 1 ทศวรรษ อันเป็นผลกระทบของวิกฤติการณ์โลกร้อน ซึ่งมีสาเหตุจากการเพิ่มปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ ทั้งนี้ การละลายหายไปของหิมะบนยอดเขาจะส่งผลกระทบโดยตรงกับการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ประชาชนอาจได้รับผลกระทบจากความแห้งแล้งที่จะเกิดขึ้นด้วย
    ภาวะโลกร้อนไม่ได้เกิดจากการเพิ่มจำนวนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียงเท่านั้น แต่การเพิ่มก๊าซในทะเล ซึ่งเสมือนกับเป็นการเติมกรดในน้ำทะเลนั้น จะทำให้เกิดพายุที่รุนแรงอย่างที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะเฮอร์ริเคนที่เกิดขึ้นในทะเลแคริบเบียน ได้เข้าทำลายแนวปะการังเมโส-อเมริกัน ที่ทอดตัวตามแนวชายฝั่งทางใต้ของเม็กซิโก ผ่านเบลิส ไปจนถึงฮอนดูลัส ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นที่สองของโลก ขณะที่อุณหภูมิของน้ำที่สูงขึ้น กอปรกับความเป็นกรดในน้ำที่มีมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการสร้างโครงสร้างของปะการัง ซึ่งหลายองค์กร เช่น องค์กรกองทุนโลกเพื่อสิ่งแวดล้อม เตือนว่า ปะการังนี้ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลหลายชนิด กำลังจะสูญสิ้นไปในอนาคตอันใกล้นี้ โดยแนวปะการังเกรท แบร์ริเออร์ รีฟ จะสูญสิ้นในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน
    ขณะที่ในทุกๆ เดือนตุลาคมและพฤศจิกายน บริเวณเมืองเชอร์ชิล ในแคนาดา จะกลายเป็นเมืองของหมีขั้วโลก เนื่องจากจะมีหมีขั้วโลกราว 1,200 ตัว มารวมตัวกันที่ทุ่งน้ำแข็งทุนดรา ในอ่าวฮัดสัน เพื่อล่าแมวน้ำประทังชีวิต ส่งผลให้เมืองกลายเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ความสวยงามนี้กำลังอยู่ในภาวะเสี่ยง เนื่องจากทวีปอาร์กติกได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนมากกว่าที่ใดในโลก ส่งผลให้ธารน้ำแข็งซึ่งเป็นที่หาอาหารของหมีขั้วโลกละลายสิ้นไป และทำให้บรรดาหมีขาวเหล่านี้ต้องว่ายน้ำเป็นระยะทางหลายสิบไมล์ เพื่อหาอาหาร ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าหมีขั้วโลกจะสูญพันธุ์ภายในปี 2563
    เกาะมัลดีฟส์ ซึ่งมีเกาะเล็กกว่าร้อยเกาะ หาดทรายขาว ต้นปาล์มและรีสอร์ทสุดหรู เสมือนเป็นสวรรค์ในแถบโซนร้อน กำลังเสี่ยงต่อการหายสาบสูญ เนื่องจากจุดที่สูงที่สุดของหมู่เกาะเหล่านี้ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 2 เมตร ซึ่งต่ำกว่าประเทศใดๆ ในโลก ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า เมื่อถึงเวลาที่น้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเกิดจากธารน้ำแข็งในขั้วโลกละลาย การเพิ่มของพายุจะส่งผลให้บรรดาเกาะแก่งนี้จมหายลงใต้ทะเลในอีก 2 ทศวรรษ
    ธารน้ำแข็งชื่อดัง เนชั่นแนล ปาร์ค ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของรัฐมอนแทนา ในสหรัฐ และเป็นธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ แต่เนื่องด้วยเมื่อภาวะโลกร้อน นักวิทยาศาสตร์ เผยว่า ปี 2563 ธารน้ำแข็งจะลดจำนวนลงจาก 150 แผ่น เหลือเพียงแค่ 27 แผ่น และสุดท้ายจะละลายหมดไปในที่สุด

    ยุโรปดับไฟปลุกกระแสโลกร้อน
    ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกได้เข้าร่วมการประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกของคณะกรรมการด้านวิทยาศาสตร์ของสหประชาชาติ ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นเวลา 4 วัน กลุ่มเฟรนส์ ออฟ ดิ เอิร์ธ หรือ "เพื่อนโลก" ได้รณรงค์ให้บรรดาสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ทั่วยุโรป เช่น โคลอสเซียมในกรุงโรม ประเทศอิตาลี หรือ หอไอเฟลในกรุงปารีส พร้อมใจกับดับไฟเป็นเวลา 5 นาที เพื่อปลุกกระแสให้ทั่วโลกตระหนักภัยโลกร้อน ซึ่งมาจากการใช้พลังงานน้ำมันอย่างไม่ระมัดระวัง ส่งผลให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น
    รายงานข่าว เผยว่า หอไอเฟล หอคอยสัญลักษณ์ของกรุงปารีส ที่มีไฟประดับประดากว่า 2 หมื่นดวง ได้ดับวูบลงเป็นเวลา 5 นาที ตั้งแต่เวลา 19.55-20.00 น. เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวต่างเก็บภาพช่วงเวลานี้เอาไว้เป็นที่ระลึก เช่นเดียวกับการดับไฟที่โคลอสเซียม และเดอะ แคปปิตอลในกรุงโรม ขณะที่ชาวอิตาลีที่เดินผ่านสถานที่แห่งนี้ เผยว่า สนับสนุนความคิดนี้ ทุกคนต้องเปิดหูเปิดตาให้กว้าง และเข้าใจว่า ทุกคนสามารถทำอะไรกับภาวะโลกร้อนได้ อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า การดับไฟจะทำให้เสียพลังงานมากกว่าประหยัด เพราะจะต้องใช้พลังงานมากกว่าในช่วงเปิดไฟ และอาจถึงขั้นทำให้ไฟดับได้ ขณะที่กลุ่มเฟรนส์ ออฟ ดิ เอิร์ธ ผู้จัดงานครั้งนี้ เผยว่า การรณรงค์ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี และต่อไปอยากจะเห็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมจากนักการเมืองบ้าง

    รัสเซียพบหิมะเหลือง
    สำนักข่าวอิทาร์-ทาสส์ ของรัสเซีย รายงานว่า กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินจะส่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนไปภูมิภาคไซบีเรีย เพื่อหาคำตอบว่าเหตุใดหิมะที่ตกในหมู่บ้านหลายแห่งจึงมีสีเหลืองและสีส้ม โดยจะส่งหน่วยตรวจสารเคมีไปด้วย เพื่อสอบสวนมลภาวะในภูมิภาคและเผยระดับความอันตรายของหิมะวิปริตที่ตกลงมา ซึ่งเบื้องต้นได้เตือนชาวบ้านห้ามใช้หิมะเหล่านี้ในบ้าน หรือใช้สำหรับทำสิ่งใดๆ แล้ว ทั้งยังจำกัดผู้คน สัตว์เลี้ยง เดินไปบนหิมะเหล่านี้ด้วย ทั้งนี้ หิมะที่มีสีตั้งแต่เหลืองอ่อนไปจนสีส้มนั้น มีกลิ่นเหม็น และตกลงมาตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ในพื้นที่ 5 เขตของจังหวัดโอม์สก์ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของภูมิภาคไซบีเรีย ติดพรมแดนคาซัคสถาน

    ขยับ 1 องศากระทบระบบนิเวศ
    ด้านประเทศไทย นายศุภกร ชินวรรโณ ที่ปรึกษากลุ่มงานศึกษาผลกระทบจากภูมิอากาศ ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงความแปรปรวนของภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่มีอากาศหนาวเย็นทั่วทุกภาคของประเทศว่า จากการศึกษาเรื่องภาวะโลกร้อน และนักวิชาการเคยระบุว่า ประเทศไทยจะมีสภาพภูมิอากาศที่ร้อนขึ้น ยังคงยืนยันเช่นเดิม แม้ขณะนี้จะพบว่ามีอากาศหนาวเย็นทั่วทุกภาค แต่อุณหภูมิเฉลี่ยหากเปรียบเทียบกับในอดีตจะพบว่ามีระดับสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้อุณหภูมิเฉลี่ยในกรุงเทพมหานคร ที่แม้จะหนาวเย็น แต่ก็ยังไม่ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส "ผลการศึกษาเรื่องภาวะโลกร้อนเป็นการศึกษาในภาพรวม และทำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เปรียบเทียบกับอดีต ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก และเชื่อว่ามีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น ซึ่งระดับภูมิอากาศของโลกที่มีอุณหภูมิขยับขึ้น 1 องศาเซลเซียสในแต่ละปี มนุษย์อาจจะไม่รู้สึก แต่จะมีผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างมาก" นายศุภกร กล่าว

    ไทยกระทบลมแปรปรวน นายศุภกร กล่าวว่า สถานการณ์น้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลายในอัตราที่สูง จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยบ้าง แต่ไม่มากนัก ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นปีละประมาณ 1-3 มิลลิเมตรเท่านั้น 10 ปี ก็อาจจะยังไม่ถึงคืบ ที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องลม โดยเฉพาะในเขตอ่าวไทย เนื่องจากอุณหภูมิผิวดินสูงขึ้นแตกต่างกับอุณหภูมิของน้ำทะเล ทำให้ลมพัดจากที่เย็นสู่ร้อน ทำให้ลมแปรปรวน พัดน้ำทะเลเข้าสู่พื้นดินอย่างรุนแรง และรวดเร็วกว่าเดิม เกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่รุนแรงมากขึ้น หรืออาจจะเป็นในรูปแบบของพายุฝน เมื่อเกิดขึ้นอาจจะสร้างความเดือดร้อนได้ โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดังเช่นกรณีของพายุแคทรีนา ในสหรัฐอเมริกา ที่สร้างความเดือดร้อนและเสียหายอย่างมาก
     
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ผลสรุปจากการประชุมนักวิทยาศาสตร์โลกจำนวน 2,500 คน
    ลงความเห็นในที่ประชุม สรุปเป็นเสียงเดียวกันหมด
    โดยใช้เวลาวิจัยนานถึง 6 ปี สรุปรายงานใจความสำคัญว่า

    - ภาวะโลกร้อน 90% เกิดจากน้ำมือมนุษย์
    - ภาวะขาดแคลนน้ำ ความแห้งแล้ง จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
    - แหล่งเพาะปลูกจะมีผลผลิตลดลง น้ำจืดจะขาดแคลนไม่พอเพียง
    - ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 18- 59 ซม (เกือบ 2 ฟุต) ไม่เกิน 20 ปี
    - พายุเฮอริเคน และไต้ฝุ่น จะรุนแรงขึ้น สร้างความเสียหายหนักกว่าที่ผ่านมา
    - นี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้ายแล้วก่อนที่จะสายเกินไป
    - นี่ไม่ใช่การคาดการณ์ แต่จะเกิดขึ้นจริงๆ
    - และเพื่อให้ทุกๆประเทศหันมาใส่ใจกับปัญหาใหญ่ของโลกครั้งนี้
    - อุณหภูมิโลกสูงขึ้นอีกราว 1-2 องศา
    - ออสเตรเลียจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีก 6-5 องศา
    - เกาะในอินโดนีเซียจะจมหายไปถึง2000 เกาะ (จากทั้งหมดกว่า12,000 เกาะ)
    - หมู่เกาะเมอดีฟ ภายใน 20 ปีจมหายหมด
    - เทือกเขาคิรีมันเจโร ภูเขาน้ำแข็งจะละลายหายไปหมด
    - หมีขั้วโลกสูญพันธุ์จมน้ำตายหมด เพราะไม่มีน้ำแข็งให้เกาะอาศัย

    ข้อมูลจากข่าว Itv
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2007
  3. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ผมว่าคราวนี้ทั้งโลกถึงเวลาจะเข้าใจปรัชญาพอเพียงของในหลวงเราแล้วนะครับ เจอข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์แบบนี้ความสุขจากวัตถุนิยมต้องค่อยๆลดลงไปเป็นอัตโนมัติ ไม่รู้จะหาเงินไปใช้ดาวไหน ใชคดีที่ประเทศไทยเราคนในประเทศเริ่มเข้าใจเรื่องปรัชญาพอเพียงกันมากขึ้นแล้ว ในหลวงเราทรงมีสายตากว้างไกลเกินที่พวกเราจะตามทัน สิ่งที่พระองค์คิดพระองค์ทำพระองค์พูดถึงเวลาก็ต้องนำมาใช้ พระองค์ทรงคิดมาแล้วล่วงหน้าทั้งนั้น .... ทรงพระเจริญพะยะคะ
     
  4. buana16

    buana16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +476
    เข้าใจแล้ว ทุกสิ่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อปรับสภาพให้เกิดการbalanceมากที่สุด โลกเราก็เป็นตัวอย่างที่ดีอันหนึ่งเลย อืมอืม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...