ไม่ได้มาอวดนะครับ แค่อยากบอกว่าผมเป็นพระอัครสาวกพระศรีอาริย์

*** ในความเห็นส่วนตัว+พระสูตรฝ่ายมหายาน ได้คำตอบมาว่า องค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แต่เดิมคือพระสัทธรรมวิทยาตถาคตพุทธเจ้าในอดีต แต่ด้วยพระเมตตาพระกรุณาต่อเหล่าสรรพสัตว์ จึงจำต้องแบ่งนิรมาณกายมาในภาคอวโลกิเตศวร ซึ่งในภาคนี้ มิใช่ชาย-หญิง แต่ด้วยเป็นพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตา จึงทำให้จิตรกร ช่างศิลป์ได้จิตนาการพระรูปของพระองค์ไปในเชิงของมหาสตรีผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ทั้งนี้บวกกับพระนิรมาณกายของพระองค์ท่านในภาคต่างๆตามแต่สมควรจะปกโปรดด้วยครับ...พระมหาปณิธานของพระองค์ท่านที่ทรงตรัสไว้ว่า "หากเวไนยสัตว์ยังไม่หมดจากโลก ข้าพระองค์ก็จะไม่ขอเข้าสู่พระนิพาน" ผสมกับความคิดส่วนตัวของผมตามคติของ พุทธมหายานนิกายสุขาวดี ซึ่งมีพระอามิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสรณะ พระองค์ทรงตั้งปณิธานไว้48ประการ 1ใน48ประการนั้นได้กล่าวว่า "เมื่อเพลาที่ข้าพระองค์เป็นพระสัมมาสัมพุทธะ สรรพสัตว์ในทศทิศ เมื่อได้สดับนามของข้าพระองค์แล้ว จักเกิดศรัทราโสมมนัสเป็นกุศลแห่งใจ กุศลมูลบรรดามีก็อุทิศเพื่อขออุบัติยังโลกธาตุของข้าพระองค์ จนถึงการระลึกสิบวาระ หากมิได้มาอุบัติแล้วไซร้จักมิขอตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เว้นแต่ผู้ก่ออนันตริยกรรมห้าประการ และผู้ทำลายพระธรรม..."
และเมื่ออุบัติยังสุขาวตีโลกธาตุนี้แล้ว ก็จักได้ปฏิบัติบำเพ็ญในสายของพุทธยาน-โพธิสัตวยาน เพื่อจุดมุ่งหมายคือ พระพุทธเจ้า-พระโพธิสัตว์ ทั้งนี้ องค์พระอามิตายุสพุทธเจ้า ยังทรงมีพระสาวกผู้เป็นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์อีก2พระองค์คือ1.พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์และ2.คือพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ ผมเชื่อว่า ผู้ใดที่ระลึกพระนามแห่งองค์พระอามิตาอย่างศรัทราแล้ว ก็มีโอกาศจุติยังโลกธาตุแห่งนี้ได้ และจะได้มาปฏิบัติบำเพ็ญจนสำเร็จทุกท่าน...
ส่วนในคำๆว่าองค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรลาพุทธภูมิแล้ว ความคิดเห็นส่วนตัวผมคิดว่า พระองค์ท่านทรงลาในพระนามแห่งพระสัทธรรมวิทยาตถาคต แต่ยังทรงดำรงเป็นโพธิสัตว์อยู่ในนามของ"อวโลกิเตศวร" ณ สุขาวตีโลกธาตุครับ...มิพลาดประการใดขออภัยผู้อาวุโสด้วยนะครับ...



***จากภาพ เรียงจากซ้ายมาขวา
- พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์
- พระอามิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
- พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์
ทั้ง3พระองค์ ทางมหายานเรียกกันว่า "ซีฟังซานเซิงฝอ"
ที่แปลว่า พระพุทธบรมปรัชญาเมธีทั้ง3พระองค์แห่งดินแดนตะวันตก***

 

กุมารานํ วตฺถุฯ

 

ทุกคนที่เวปนี้ หรือแม้แต่ผู้ที่ผ่านเข้ามา ต่างก้อเคยร่วมบุญและกรรมกันมาทั้งนั้น ต่างพากันมาตามเงื้อนที่ได้เคยผูกกันไว้ รึอาจจะพึงเข้ามาผูกไม่ว่าจะกี่ชาติภพ มาถึงที่นี้แล้ว ณ เวลานี้จะเข้ามาช่วยกันผูกต่อให้เงื้อนมันแน่นขึ้น รึจะมาแกละเงื้อนกัน รึจะมาชวนกันไปทางไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวาสนาจริงๆ เห็นการถามตอบกันมาก้อมาก บ้างก้อวางเฉย บ้างก้ออดรนทนไม่ไหวก้ออยากตอบบ้าง บ้างก้อรู้สึกสงสาร บ้างรู้สึกมั่นไส้ หลากหลายอารมย์ ล้วนแล้วแต่เกิดจากกิเลสทั้งปวงจริงๆ ว่าไปแล้วเราก้อมีกิเลสเหมือนเช่นทุกคน เราจึงขอร่วมเสวนาธรรมในขอนี้ แต่ตัวของเรานั้น ความรู้น้อยนัก ปัญญาก้อน้อย หากตอบอะไรไป ผิดผลาดอย่างไรโปรดให้อภัยด้วย
เมื่อแรกเข้ามาอ่าน เห็นข้อความของ จขกท แล้ว รู้สึกเป็นปิติอย่างยิ่งที่เห็นหลายคนสนใจและพยายามเข้าถึงหลักธรรม ของธรรมชาติ หลายคนอยากจะกลับบ้าน ช่างน่ายินดีนัก หลายคนก้อต่างค้นหา ผู้นำ บุคคลซึ่งจะสามารถแนะนำเพื่อให้ตัวท่านต่างๆได้พบกับเส้นทางที่จะนำไปสู่ที่สุดแห่งธรรม รึบ้างก้อต้องการรู้ว่าสิ่งที่ตนปรารถนามานั้น คืออะไร แล้วพยายามทำให้ได้ดั่งที่เคยตั้งปนิธานเอาไว้ก่อนมา ณ ดินแดนแห่งนี้
ก่อนมาก้อรู้ทั้งรู้ว่าดินแดนแห่งนี้นั้น ไม่ง่ายนักที่จะสอบผ่าน เพราะมีข้อสอบที่ยากนัก แม้ผู้มีบารมีมากนักก้อยังอาจจะเพ้อ สอบตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
เอาเป็นว่าแต่ละท่านในที่แห่งนี้ก้อได้รับคำทำนายกันมาหลากหลายนัก มีอาจารย์ที่เก่งๆกันทุกท่านแล แต่ขอให้มั่นในหลักแห่งองค์ศากยมุนี อย่าประมาทในทางแห่งนี้ จงอย่าเขื่อในสิ่งที่เห็นและได้ยินมา จงรู้เท่าทันจริตที่เกิด และอยู่ในความเป็นตัวเอง ในปัจจุบันของความเป็นมนุษย์ ณ เวลานี้ และยึดในหลักแห่นธรรมชาติ อยู่ในเหตุผลของความจริง อย่ามองอะไรที่ไกลตัวจนเกินไป อย่าอยากรู้มากในสิ่งที่เกินกำลัง
สิ่งทดสอบนั้นมากเหลือเกินในเวลานี้ อย่าคิดว่าตนเองเป็นรึไม่เป็นในสิ่งที่เขาบอก เขาบอกมาก้อฟังไว้เหมือนไว้ เหมือนฟังนิทาน ฟังแล้วก้อให้มันผ่านไป อย่าเอามาเป็นจริงเป็นจัง ให้นึกเสียว่าเราคือเรา คือมนุษย์ผู้หนึ่ง ที่จะทำสิ่งที่ดี ทั้งกาย วาจาใจ ค่อยเดินไปอย่างเต่าเดินอย่างช้าๆ แต่ไปอย่างไม่ประมาท มีสติทุกเวลาในทุกๆก้าวที่เดิน
อย่าเชื่อในเสียงที่ได้ยิน อย่าติดในภาพนิมิตที่ได้เห็น จงมองและฟังเหมือนดูทีวี ดูแล้วได้ยินแล้วก้อให้มันผ่าน
ทวยเทพ นั้นมีมากมีหลายทาง แต่ละฝ่ายก้อล้วนลงมา อาจหยอกเล่น บ้างก้อเพียงแค่ทดสอบบ้าง รึมาเพื่อกาลๆหนึ่ง อันนี้เรานั้นก้อแยกเขาได้ยากนัก
อย่าค้นหาเลยว่าใครเป็นอะไร อย่าอยากรู็เลย ว่าศีรอาฯ นั้นอยู่ที่ใด เทพบุตรองค์นี้จะมาเมื่อใดก้อเมื่อนั้น มาแล้วก้อได้เห็นกันเอง

 

ไม่ได้มาอวดเหมือนกัน ผมไม่ได้เป็นสาวกของใคร และไม่มีใครทำนายอะไรทั้งสิ้นครับ
รู้สึกประทับใจมากครับ

 

ไกล้ๆ กับ อ.เชียงดาว นั้นแหละคับ

 

ผมเปนแต่ผู้น้อย...ขอร่วมศึกษาด้วยคนนะครับ....ใครได้ดีมีสุข...มีอนาคตที่รุ่งเรือง...ก็ขอชื่นชมยินดีด้วยครับ

 

อนุโมทนาสาธุครับ
ผมเองก็อธิษฐานขอให้พบกับยุคพระศรีอาริย์เมตไตยพระพุทธเจ้าองค์ที่5แห่งภัทรกัลป์อย่างไรแล้วผมเองก็ขอสะสมบุญให้ได้เกิดในยุคนั้น ถึงไม่ได้เป็นพระสาวกก็ขอให้ได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ไม่ก็พระสาวกก็นับเป็นบุญแล้วครับ

 

มึนเลยคับ

 

กลับไปอ่านพระไตรปิฏก ผู้ที่บอกกรรมปางหลัง และผลต่อไป ให้ผู้อื่นทราบคือใคร จะได้ไม่หลง

 

อ๋อ เรื่องพระศรีอาริยะเมตไตรนี่อย่ามาถกเถียงกันเลยครับ
เพราะธรรมะจะเข้าถึงคนได้ต้องคนปฏิบัติเท่านั้นครับ
โดยส่วนตัวผมเอง พระศรีอาริยะเมตไตรท่านเคยเกิดเป็นสามเณรครับ
แล้วไม่ใช่วัดไลย์ด้วยครับ อีกชาติหนึ่ง แต่ท่านไม่ออกมาให้คนเห็นบำเพ็ญในป่าครับผม แต่ท่านได้ละสังขาร แล้วครับ ท่านไม่ให้ใครเห็นเพราะหากท่านบอกใคร ถ้าคนเขาไม่เชื่อ
แล้วยังปรามาสท่าน ท่านก็กลัวนรกกินแบบสุดๆครับ
ท่านเลยไม่แสดงตนครับ บำเพ็ญแบบเงียบๆ ไม่ยุ่งกับใคร สุดท้ายท่านก็ละสังขารครับผม อ๋อทำไมผมถึงรู้เหรอครับ ธรรมะจะเข้าถึง
จิตคนได้เมื่อท่านเริ่มปฏิบัติธรรมครับ เมื่อสภาวะจิตนิ่ง
ทุกสิ่งจะค่อยๆเห็นเองครับ ผมยึดมั่นในคำสอนขององค์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ หากเราถือศีล 5 กรรมบท 10 พรหมวิหาร 4 แค่นี้เราก็อยู่อย่างเป็นสุขแล้วครับ เดี๊ยวความเป็นทิพย์จะเกิดเองครับ อิอิอิอิ ไปแล้วครับ เดี๊ยวไปรอเข้าแถวที่ยมโลกไม่ทัน สาธุ

 

การพยากรณ์เป็นวิสัยของพระพุทธเจ้าเท่านั้น

ฟุ้งซ่าน

 

เกินนพอดี

การพูดธรรม แสดงธรรม
ตามวิสัยขอบเขต ไม่ทำตัวเป็นน้ำล้นถ้วย...
ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้... ไม่แสดงตัวว่าเป็นผู้รู้เรื่องไปทั้งหมดฯ

 

นานแสนนาน ใครหนอทายว่าจะได้เป็นพระอริยสาวกหนอ อยากได้รับการทายมั่งจัง อิอิ แต่เอาให้ชัวต์อยากได้รับการทายจากพระพุทธเจ้า ซักองค์มากกว่า อิอิ ดีกว่าใครๆที่ทายตั่งเยอะ

 

อนุโมทนา สาธุครับ
ขอให้เป็นไปดังประสงค์ และนำพาสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ครับ

 

ผมพอจะมีทางบรรลุธรรมกะเขาบ้างมะเนี่ย

 

เรื่องดีๆ

ดีครับดีอนุโมทนากับทุกความเห็นครับอย่างนี้พระพุทธศาสนาจะอยู่กับเราทุกคนได้อีกนานครับ เพราะถ้าทุกคนยังสนใจ พระธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่ ศาสนาก็จะอยู่ต่อไปอีก อาจจะนาน 8000-15000 ปีเลยครับ
นิพพาน ไม่ใช่สภาวะที่จะสูญหรือไม่สูญ แต่เป็นสภาวะของความว่างเปล่า เหมือนกับไฟเกิดได้เพราะมีเชื้อไฟ พอไม่มีเชื้อไฟ ไฟก็ไม่เกิด และ ไฟก็คือสภาวะหนึ่ง ส่วนการไม่มีไฟก้อคือสภาวะหนึ่ง ดังนั้น เมื่อไม่มีเหตุก็ไม่มีผลใช่ไหมครับ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีตัวตน แค่ต่างสภาวะกันเท่านั้นเองใช่ไหมครับ ในทางจิตวิญญาณถือว่านิพพานเป็นสภาวะสูงสุดเพราะไม่มีเหตุแห่งผลใดๆทั้งสิ้น

 

โมทนาสาธุกับพระสาวก แห่งพระพิชิตมารศรีอาริยเมตไตร ขอความเจริญในธรรมมีแก่ท่านทุกเมื่อเถิดครับ หน้าที่มีทุกคน ผมขอเป็นกำลังใจช่วยครับ ไงขอช่วยงานพระพุทธศาสนาพร้อมช่วยงานพระพุทธองค์ ในอนาคต ทุกๆ พระองค์ จนจะถึงคิวตนบ้าง ขอลงมาทุกช่วงๆ ๆ แห่งพระพุทธศาสนาเถิด สาธุ

 

*** เป็นกันสูงๆทั้งนั้น แล้วพวกผมก็คงเหลือแต่เป็นกรรมกร จับกัง รอวัน รอบารมีเต็มอีกนาน เพราะทิพยจักขุญาณก็ไม่ได้ทรงตัว ฌานในพรหมวิหารธรรมก็ทำไม่ทรงตัวไม่ได้ อะไรๆก็ไม่......ไม่ดีกว่า...ไปไกลๆพวกท่านที่บารมีสูงดีกว่า หุหุหุหุ


*** เหมือนพวกผีเจอเทวดา อ่ะนะ.....แต่ก้ออนุโมทนา..เผื่อจะบารมีเต็มไวๆเหมือนท่านทั้งหลาย....ล้อเล่นนะครับ เดี๋ยวเกร็งเป็นพุทธภูมิ เป็นอรหันต์จนเครียด..จนเมื่อยสมอง อิอิอิอิ

 

สวัสดีครับ ทุกๆ่ท่่านเป็นอย่างไรกันบ้างครับ