♥ มาแต่งกลอนแก้เหงากันนะ ♥

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย kib_jang, 21 มีนาคม 2008.

  1. มโนปุพพังคมา

    มโนปุพพังคมา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +92
    ล้วนแต่เป็นกฏแห่งกรรมพระธรรมบอก
    สิ่งลวงหลอกพุทธองค์พระทรงเล่า
    ชี้ให้ดูปูทางว่างระหว่างเรา
    กับสงสารแสนเศร้าที่เราจมฯ
     
  2. แพน้อย

    แพน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    [​IMG][​IMG]
    ทักทายนักกลอนคนนอนดึก
    ออกมาคึกรอบเช้าวิ่งกันวุ่น
    จิบกาแฟพักริมใจอิ่มอุ่น
    ช่วยจุนเจือยามล้าจากการงาน
    <!-- / message -->
     
  3. sutthida

    sutthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +3,388
    ไม่ค่อยสบายใจจึงหายหน้า
    ยังไม่ลาลับไปนะเพื่อนเอ๋ย
    ยังมีกลอนยังคิดถึงเพื่อนเหมือนเคย
    กลอนเอื้อนเอ่ยแทนวาจาออกจากใจ
     
  4. มโนปุพพังคมา

    มโนปุพพังคมา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +92
    อ๊อกซิเจนในอากาศมีดาษดื่น
    ทุกวันคืนโลกมนุษย์ผุดผ่องใส
    ยามใดหล่าอ่อนเพลียระเหี่ยใจ
    สูดเข้าไปใจพลันเกิดกำเนิดพลังฯ
     
  5. sutthida

    sutthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +3,388
    ตัดกังวลตัดห่วงใยใครทั้งหมด
    ตัดชาติภพตัดเวียนว่ายในสงสาร
    ตัดอวิชชาความไม่รู้พ้นบ่วงมาร
    กุศลส่งบุญบันดาลนิพพานพลัน
     
  6. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    [​IMG]
    นะโมวิมุตตานัง ................ นะโมวิมุตติยา
    "ความนอบน้อมของข้าพเจ้าจงมีแด่.......ผู้พ้นแล้วทั้งหลาย
    ความนอบน้อมของข้าพเจ้าจงมีแด่.....วิมุตติธรรม"
    ...............................................................................
    [​IMG]

    .................................... 0(ศูนย์) ..................................
    .................................. ไม่มี...มี ..................................
    ................................................................................
    ไตรลักษณ์อนิจจังอนัตตาทุกข์ .....โลกล้วนทุกข์สุขไม่มีเป็นไฉน
    หากสมใจก็ว่าสุขทุกข์เบาไป........หากขัดใจว่าทุกข์สุขอนิจจัง
    ทุกสิ่งพังไม่ว่าเวลาไหน.............ขอให้ใจอย่าร้อนดิ้นพล่านหา
    อนัตตาทุกข์ออกสมุทโยใจ.........ส่งออกไกลไปตามหลงว่าตัวตน
    ................................................................................
    เกิดปัญญา ตามดูเห็นทุกกิริยา.......เบากายาเรื่องหลงปลงอนิจจัง
    คงสมดังคำกล่าวว่าเป็นดัง...........ใช้ปัญญาอบรมใจหยุดส่งฟุ้ง
    หยุดความปรุงส่งใจนอกกายา.......แต่นั้นมาอุเบกขาใจจึงเกิด
    จิตบรรเจิดสงบเบาอยู่ในใส...........ธรรมวิจัยดลปัญญาอุเบกขาธรรม
    ......................................................................................

    [​IMG]
    .....................................................
    ผลอดีตส่งถึงปัจจุบัน................จริงแฮ
    ปัจจุบันทำกรรมเข้าผล..............ถูกผิด
    ถูกผิดเหตุกรรมส่งอนาคต..........สืบเนื่อง ปัจจุบัน
    เหตุอดีตผลปัจจุบันเหตุ.............ผลให้ อนาคตกาล
    .......................................................
    เหตุดีหมายปัจจุบัน.................ดีแล
    ผลอนาคตดีสืบจาก................ปัจจุบัน ดีไว้
    เพราะอดีตผ่านพ้นแก้ไข..........บ่ได้
    ปัจจุบันนี้เท่านั้นแก้ได้............ ถูกได้ เหตุดี
    .......................................................
    มีใครบ้างบริสุทธิถูกต้อง.........เสมอมา
    อดีตต่างผิดมามากน้อย.........ทุกท่าน
    หากผิดแก้ให้ถูกต้องตรง........ปราชญ์ชม สรรเสริญ
    หากรู้ผิดทำมานะโทษนั้น........หมองเอง
    ......................................................
    เหตุดีกรรมส่งผลให้..............อยู่สุข
    ทำชั่วกรรมชั่วดลทุกข์..........โทษให้
    อันอนาคตยังไม่ถึง..............อย่าฟุ้ง ปรุงไป
    ฝึกสติติดตามกายใจ............อยู่กับ ปัจจุบัน
    ......................................................
    สุขทุกข์กฏแห่งกรรมทำ........หน้าที่
    ทุกชีวีล้วนประสบหนักเบา......แตกต่าง
    หนักเบากรรมแต่งเหมาะสม....ตามกฏ
    ทุกข์สลดกำหนดจิตตามรู้......ปัญญาแจ้ง ไตรลักษณ์....เอย
    .....................................................
    เข้าใจธรรมดาตามกฏ..........ปล่อยวาง
    สุขหรือทุกข์น้อยมีบ้าง.........อย่าหลง
    ครั้นทุกข์หนักทับโถม..........ปลดปลง
    วางใจกลางรับสภาพ...........ตามกฏ ธรรมดา
    ......................................................
    ใจกลางได้ทุกข์อยู่นอก........ขันธ์รับ
    ทัณฑ์จักเข้าในทำใจข้อง.....ได้ฤา
    อุปมาดั่งโดนศรดอกเดียว.....ขันธ์กาย
    ใจสบายกายทุกข์เจ็บร้อย.....พอบรรเทา
    ........................................................

    [​IMG]
    ท่ามกลางธรรมชาติ......สุดตา มองเห็น
    ทางไกลใกล้แสนเข็น....ถึงได้
    แต่ใจสุดลำเค็น..........เห็นได้ ปัญญา
    กำหนดทุกข์รู้ใด้.........เบาคลาย
    ...........................................................
    มีหวังย่อมมีผิดหวัง......ของคู่
    ทุกกาลนานเป็นอยู่......ธรรมดา
    เวียนมาทุกข์สุขคู่........คลุกเคล้า
    ยึดสุขห้ามทุกข์มา.......เพิ่มทุกข์ เท่าทวี
    ...........................................................
    ต่างเวียนมาทุกข์อยู่.....ไม่รู้
    ย่ำอยู่บนทุกข์คู่..........เช้าค่ำ
    ใจร่ำหาสุขอยู่...........ที่อนิจา
    ครั้นสุขหายครวญคร่ำ...หยุดปลง ใจกลาง
    ............................................................
    ใจกลางได้ได้สุข........ทุกข์มี ห่อนถึง
    ทุกข์เกิดเพราะกายมี....ขันธ์รับ
    ใจพักอยู่ในดี............หายร้อน วุ่นใจ
    รอกลั่นเป็นธรรมใส.....หลุดพ้น ปัญญา
    ...........................................................

    [​IMG]

    .................................................
    สีแดงสดดุจชาดเป็นการเกิด
    ด้วยบรรเจิดพอใจในรักสุข
    แสนสนุกภพชาติเที่ยวเวียนหา
    อนิจจาหาเท่าไหร่ไม่เคยพอ

    โอ้ใจหนอเมื่อไหร่อยู่เหนือทุกข์
    หยุดสนุกในภพชาติน่าบัดสี
    แต่บัดนี้ขอใจจงอยู่เขตสดุดี
    กันบัดสีบัดเถลิงเข้าเจริญใจ
    (เขตสดุดี=เขตความปลอดภัย=เขตแห่งศีล)
    ....................................................................................
    [​IMG]
    ให้ทุกวันเป็นวันที่แสนสุข
    เป็นวันหยุดในใจสงบเบาใส
    สิ่งใดใดที่ผ่านมารราวี
    ในชีวีอย่าร้อนอุเบกขาธรรม

    ให้ฟองโลกทั้งหลายที่เกาะใจ
    จงอย่าไหลทำอันตรายเข้าในจิต
    ขออุเบกขาธรรมมาสถิตย์
    แนบสนิทในธรรมธาราสงบใจเอย
    ...................................................................................
    [​IMG]
    .[​IMG].
    .............................................................................
    ดอกไม้หลายหลากสดสี ..........ดูเพลินดีสบายตาสดใส
    ดจุอัญมณีไพรให้มาสบายใจ....แต่งามใดเท่างามใจเป็นไม่มี
    สุขทางตาหลงไหลไปตามรูป ....เมียงมองลูบคลำงามนักหนา
    แต่สุขใดตามติดอยู่ทุกครา.......สุขนั้นหนายิ่งกว่าสงบไม่มีเลย
    .............................................................................
    โอ้เราช่างแกว่งช่างสรรหา..........ดวงปัญญาตามแก้ฉงนเฉลย
    ตามหาหาปัญญาหวังมาเชย........แต่เกิดเลยเป็นมาอยู่ช้านาน
    โอ้ว่าดวงมารอยู่ในหาไม่เห็น.......ไม่รู้ว่าปัญญากระเด็นอยู่ทิศไหน
    ต่อนี้ไปหยุดตามหาปัญญาใคร......หาในกายใจประเสริฐเกิดปัญญา
    ..............................................................................
    ขอบคุณส่งดอกไม้มาหลากสี.......ดูเพลินดีเฉลยปัญญาน่าฉงน
    เปรียบดุจความฟุ้งในดวงดล.......วัฏฏะวนกิเลสเจ้าจรมา
    ขอบคุณความอาลัยไมตรีจิต.......หวังสถิตย์ธรรมเพื่อนหรรษา
    จึงส่งดอกไม้มาดลดวงปัญญา.....กิเลสหนาในใจให้เห็นเอย
    ..............................................................................
    ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยม.....ปลัดเปลี่ยนเวียนกันมาน่าสรรเสริญ
    ยังแต่เราไม่เคยเยี่ยมใครเลย.......อนิจจาเอยใจช่างอัต(ตะ)คัดจริง
    บุญมีจริงคงได้สรรสวรรค์เอ๋ย.......หากถึงธรรมคงพบ สบที่...นิพพาน

    [​IMG]
    [​IMG]....................................................................
    มหาภูตรูปสี่สักว่าธาตุ
    งามผุดผาดส่งใจเข้ายึดถือ
    ธาตุไม่แจ้งไม่แสดงว่าธาตุคือ
    ล้วนยึดถือเป็นนั่นนี่เพราะเราเอง
    [​IMG]......................................................................
    เราเองที่ส่งใจฟุ้งภายนอก
    แล้วกลับกรอกมายาให้ไหลหลง
    แต่ธาตุคงเป็นธาตุกรรมดำรงค์
    ปัญญาปลงเห็นได้มองตามจริง
    [​IMG].......................................................................
    เกสาโลมาถึงคราวล่วงหล่นขาว
    ทันตาพราวเพราะหมั่นเฝ้าขัดสี
    ตะโจดูได้เพราะอาบชำระดี
    ไร้ราคีเพราะอาบใจด้วยศีลธรรม
    [​IMG].......................................................................
    หากหนังดีหนังสวยไม่ต้องอาบ
    ชำระสาปหมองศรีเพราะดีสวย
    ชำระอาบมีแต่ให้หนังกายซวย
    หมดความสวยหนังโทรมเพราะขัดทา
    [​IMG]........................................................................
    ปฏิกูลกายนี้ใช่ว่าจะไม่ดี
    เพราะยังมีกิจกรรมอีกมากหลาย
    ล้วนทำล้วนแสดงออกจากกาย
    สิ่งทั้งหลายเป็นได้เพราะกายมี
    [​IMG].......................................................................
    กายมนุษย์ชื่อว่าเป็นกายเลิศ
    สุดประเสริฐมีปัญญาเข้าค้นหา
    มีปัญญาคงได้พบพระธรรมมา
    เกิดวิชารู้แจ้งกลกองกาย
    [​IMG]........................................................................
    กายตนนี้ที่ประชุมของโสโครก
    แต่ทุกข์โศกเพราะใจหลงยึดถือ
    ว่าสวยงามมั่นแน่ไม่แก่ยืน
    ทุกวันคืนส่องกระจกเฝ้าหลงชม
    [​IMG]........................................................................
    หมั่นฝึกฝนคงรู้แจ้งแก่ใจตน
    ใครไม่ดลให้เกิดได้ตนไม่ทำ

    ........................................................................

    [​IMG]ดำ-ขาว[​IMG]
    ประดุจดำเลวขาวดีเราเลือก
    เป็นสายเชือกผูกไว้ให้เห็น
    แก้ไขดำกลายขาวให้เป็น
    ได้สุขเย็นจากดีทุกวันเอย
    ...............................................

    ..........................................................................................
    เจริญธรรมนำปัญญาโน้มนำมาพัฒนาตน
    รื้อภพพ้นชาติอันอับจนตั้งใจสนให้พ้นภัย
    เจริญธรรมแล้วโน้มออกตนใครเล่าเข้ามาสน
    หากตนมิพึ่งตนแล้วใครเล่าจะพึ่งได้ล่ะท่านเอย
    .................................................................................
    [​IMG].....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2008
  7. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    >>>>>>>[​IMG]
    คำภีร์เทวดา

    ขั้นที่หนึ่ง......ฝึกกระบวนท่า .....(เจ็ดกระบี่เทวดา)
    ขั้นที่สอง......ไร้กระบวนท่า ......(ค่ายกลเจ็ดกระบี่ดาวเหนือ)
    ขั้นที่สาม......ร้อยรวมเป็นหนึ่ง...(กระบี่ไร้เทียมทาน)
    ขั้นที่สี่.........กระบี่อยู่ที่ใจ .......(สูงสุดกลับสู่สามัญ..แม้ใบไม้ก็เป็นกระบี่)
    ........................................................................

    [​IMG]

    คำภีร์เทวดา

    ขั้นที่หนึ่งฝึกกระบวนหนึ่งท่า......เที่ยวค้นหา
    ขั้นที่สองฝึกฝนเนิ่นนานมา.......ไร้กระบวน
    ขั้นที่สามร้อยกระบวนรวมมา......โน้มเข้าตน
    ขั้นที่สี่จึงยลสรรพไม่เที่ยงวน......เกิดแก่ตาย
    ...................................................................
    สี่ขั้นนี้ยังไม่ใช่ในที่สุด
    ด้วยสะดุดความจำใจมั่นหมาย
    เพียงรู้ธรรมเกิดแก่และเจ็บตาย
    มีคำภีร์ท้ายนพเก้าให้เจ้าฝึกต่อไปฯ
    ...........................................................
    โปรดติดตามตอนต่อไปใน.........เดชคำภีร์นพเก้า
    ............................................................

    >>>>>>>>>>>>[​IMG]
    คำภีร์นพเก้า
    จบขั้นที่สี่ชื่อว่ากระบี่อยู่ที่ใจ
    เป็นปัญญาใสแจ้งสัจจะชาติ
    ส่วนคำภีร์นพเก้าเท่าสัตตาวาส
    เป็นภพชาติเก้าแห่งภพวัฏวน

    ภพเก้าแห่งนั้นมีอะไรบ้าง
    ภพอ้างว้างมีสี่อรูปโลก
    กามโลกหนึ่งและอีกสี่รูปโลก
    รวมเก้าโลกสมคำภีร์นพเก้า

    ผู้มารู้คำภีร์นพเก้านี้
    เท่าทันชี้คืออรหัตบุคคล
    เอกจิตใสสว่างกระจ่างดล
    พ้นทุกข์กลพ้นภพนพเก้า...เอย
    ..........................................................................

    ๑๕. สัตตาวาส ๙ (ที่มา มุตโตทัย โอวาทของท่านพระอาจารย์มัน ภูริทัตโต)
    เทวาพิภพ มนุสสโลก อบายโลก จัดเป็นกามโลก ที่อยู่อาศัยของสัตว์เสพกามรวมเป็น ๑ รูปโลก ที่อยู่อาศัยของสัตว์ผู้สำเร็จรูปฌานมี ๔ อรูปโลก ที่อยู่อาศัยของสัตว์ผู้สำเร็จอรูปฌานมี ๔ รวมทั้งสิ้น ๙ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ ผู้มารู้เท่าสัตตาวาส ๙ กล่าวคือ พระขีณาสวเจ้าทั้งหลาย ย่อมจากที่อยู่ของสัตว์ ไม่ต้องอยู่ในที่ ๙ แห่งนี้ และปรากฏในสามเณรปัญหาข้อสุดท้ายว่า ทส นาม กึ อะไรชื่อว่า ๑๐ แก้ว่า ทสหงฺ เคหิ สมนฺนาคโต พระขีณาสวเจ้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๐ ย่อมพ้นจากสัตตาวาส ๙ ความข้อนี้คงเปรียบได้กับการเขียนเลข ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๐ นั่นเอง ๑ ถึง ๙ เป็นจำนวนที่นับได้ อ่านได้ บวกลบคูณหารกันได้ ส่วน ๑๐ ก็คือ เลข ๑ กับ ๐ (ศูนย์) เราจะเอา ๐ (ศูนย์) ไปบวกลบคูณหารกับเลขจำนวนใดๆ ก็ไม่ทำให้เลขจำนวนนั้นมีค่าสูงขึ้น และ ๐ (ศูนย์) นี้เมื่ออยู่โดยลำพังก็ไม่มีค่าอะไร แต่จะว่าไม่มีก็ไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งปรากฏอยู่ ความเปรียบนี้ฉันใด จิตใจก็ฉันนั้นเป็นธรรมชาติ มีลักษณะเหมือน ๐ (ศูนย์) เมื่อนำไปต่อเข้ากับเลขตัวใด ย่อมทำให้เลขตัวนั้นเพิ่มค่าขึ้นอีกมาก เช่น เลข ๑ เมื่อเอาศูนย์ต่อเข้า ก็กลายเป็น ๑๐ (สิบ) จิตใจเรานี้ก็เหมือนกัน เมื่อต่อเข้ากับสิ่งทั้งหลายก็เป็นของวิจิตรพิสดารมากมายขึ้นทันที แต่เมื่อได้รับการฝึกฝนอบรมจนฉลาดรอบรู้สรรพเญยฺยธรรมแล้วย่อมกลับคืนสู่สภาพ ๐ (ศูนย์) คือ ว่างโปร่งพ้นจากการนับการอ่านแล้ว มิได้อยู่ในที่ ๙ แห่งอันเป็นที่อยู่ของสัตว์ แต่อยู่ในที่หมดสมมติบัญญัติคือ สภาพ ๐ (ศูนย์) หรืออกิริยาดังกล่าวในข้อ ๑๔ นั่นเอง
    [​IMG]
    “อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ”
    ซึ่งแปลว่า โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ โกณฑัญญะ ได้รู้แล้วหนอ

    <!-- / message -->
     
  8. ต้นสักใหญ่

    ต้นสักใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +140
    [​IMG]




















    สาธุชนกราบไหว้ด้วยใจน้อม
    ธรรมะล้อมความดีไม่มีหาย
    เพียงทำใจให้อยู่ดูสบาย
    เพียงวางกายวางจิตไม่ดิ้นรน
     
  9. ต้นสักใหญ่

    ต้นสักใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +140
    โลกเรานี่หนอวุ่นวายแท้
    มีเกิดแก่เจ็บตายทุกวันหนา
    จะเร่งวันเร่งคืนเร่งเวลา
    ให้มรณามาเยือนเร็วทำไมกัน
    [​IMG]
     
  10. แพน้อย

    แพน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    [​IMG]
    เกิดแก่เจ็บตายมลายสิ้น
    วนเวียนลิ้นพลิกชิวหาสังสาร
    เกิดแปรดับเรื่องเที่ยงมิทนทาน
    อีกยาวนานหากเรายังเวียนวน
     
  11. ต้นสักใหญ่

    ต้นสักใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +140
    แสงเทียนส่องนำทางหนทางมืด
    แสงช่วยยืดทางเดินเกินสายตา
    แสงเทียนส่องชีวิตอันมีค่า
    แสงนำพาหนทางสว่างพลัน

    แสงเพียงหนึ่งถึงสว่างเพียงน้อยนิด
    แสงส่องจิตเติมฝันไม่หวั่นไหว
    แสงเพียงน้อยแต่ก็คอยสอดส่องใจ
    แสงยิ่งใหญ่คือแสงชีวิตเรา
    [​IMG]
     
  12. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    [​IMG]

    แสงเทียนส่องให้สว่างกลางความมื

    มิฝืนฝืดส่องสว่างกระจ่างผ

    ดุจแสงธรรมแห่งองค์พระภูวดล

    เหล่าชนพ้นห้วงบ่วงเหล่ามาร



    แสงเพียงหนึ่งตรึงสว่างทางความคิด

    ไม่เบือนบิดสู่ทางชั่วกลั้วสังสาร

    แม้จะเป็นเพียงแสงน้อยด้อยตระการ

    แต่เป็นแสงแห่งนิพพานอันรื่นรมณ์

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2008
  13. ต้นสักใหญ่

    ต้นสักใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +140
    ขอมอบดอกไม้ในมือน้อย
    ขอเรียงร้อยสายใยใจห่วงหา
    ขอมอบด้วยจิตมิมายา
    ขอเพียงวาจาว่ารักสลักใจ
    [​IMG]
     
  14. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    [​IMG]

    ดอกกุหลาบพรรณไม้งามแทนความรัก
    ตรึงสลักในดวงจิตพิสมัย
    กรุ่นกลิ่นหอมพร้อมความรักความห่วงใย
    แทนดวงใจจากมิตรชิดไมตรี
     
  15. มโนปุพพังคมา

    มโนปุพพังคมา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +92
    แวะมาอ่านบทกวีที่พริ้งเพริด
    ดั่งเป็นพรบรรเจิดประเสริฐยิ่ง
    แต่ละบทล้วนกลั่นออกจากใจจริง
    แถมยังอิงพุทธธรรมคำพระศาสดาฯ
    มีทั้งทางคดีโลกคดีธรรม
    เรียงร้อยคำมาให้เห็นเป็นภาษา
    แฝงหลักธรรมให้ขบคิดจินตนา
    แทนวาจาที่อยากเล่ากล่าวต่อกันฯ
     
  16. ต้นสักใหญ่

    ต้นสักใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +140
    บทกวีที่เรียงร้อยบรรจงสร้าง
    ก็มิต่างจากจิตคิดปรุงเสริม
    มีจินตนามาช่วยอวยแต่งเติม
    มาช่วยเพิ่มสีสรรจรรโลงใจ
    เหมือนชีวีข้านี้ที่ถูกสร้าง
    ลงมาย่างเหยียบดินถิ่นอาศัย
    ก็มิต่างจากจิตผิดผู้ใด
    มาเพื่อให้รสธรรมน้อมนำตน
    เกิดมาแล้วชาติหนึ่งซึ่งประเสริฐ
    มีธรรมเลิศเปิดทางสว่างใส
    มีมิตรแท้คอยปกป้องพ้นโพยภัย
    ถึงหลักชัยในเส้นทางนิพพานเอย
     
  17. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    [​IMG]

    บทกวีที่เรียงร้อยถ้อยแถลง
    ไม่เคลือบแคลงด้วยเหมือนจิตคิดสงสัย
    ได้รู้ธรรมซึ่งองค์พระทรงชัย
    ทรงตรัสไว้เป็นทางสว่างนำ


    ด้วยทรงเป็นผู้สร้างทางสว่าง
    ทั้งดลจิตให้กระจ่างไม่ถลำ
    สู่ความชั่วกลั้วหทัยให้มืดดำ
    ทั้งทรงนำข้ามฝั่งวัฏครรไล

    เมื่อกำเนิดเกิดมาแล้วชีวิตหนึ่ง
    ก็ควรถึงซึ่งพระธรรมนำสดใส
    ให้ดวงจิตบริสุทธิ์ผุดอำไพ
    เหมือนหนึ่งไซร้ปทุมมาลผลิบานเอย


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2008
  18. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    กลอนพาไปพามาหน้า 33
    บรรจงขานบทกวีศรีสโมสร
    อันนักปราชญ์ฉลาดธรรมมาสัญจร
    สโมสรศรีกวีนักปราชญ์ฉลาดธรรม
    ......................................................
    มาได้อ่านบทกวีที่ท่านกล่าว
    เป็นธรรมข่าวเล่าสู่ฟังน่าสรรเสริญ
    ขอท่านจงในสถิตย์ธรรมธัมมาเจริญ
    ธรรมสรรเสริญรักษาผู้ประพฤติธรรม
    ............................................................._/|\_
     
  19. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    สี่คนหาม สามคนหาย สองคนถือธงออกหน้า หนึ่งคนขึ้นโรง

    [​IMG]
    มหาภูตรูปสี่คนหาม..........หนุนใจ เกื้อกาย
    เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับให้...........สามหาย
    บาปบุญกรรมนำไป...........สุขทุกข์ สองธง
    แข่งแย่งเหลือหนึ่งกาย.......เข้าโลง ตัวเอง
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1523451#post1523451
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2008
  20. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    [​IMG]


    อันมหาภูตสี่ที่ท่านกล่าว
    ล้วนบอกเล่าข้อความตามแถลง
    เหมือนดั่งธรรมพุทธองค์ทรงแสดง
    กระจ่างแจ้งให้ถึงซึ่งความจริง

    เรามนุษย์ที่กำเนิดเกิดมานี้
    ต่างล้วนมีร่างกายเป็นแหล่งสิง
    ได้สถิตชิดเชื้อเอื้อแอบอิง
    แต่ความจริงก็ล้วนเป็นอนิจจา


    มีแต่ความแปรเปลี่ยนเวียนตลอด
    ตั้งแต่คลอดจนกำเนิดเกิดสาขา
    จนลุล่วงลงสู่วัยให้ชรา
    แล้วก็พาร่างฝังยังกองฟอน

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...