คลังเรื่องเด่น
-
"พิจารณาก่อนแล้วจึงทำ" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"พิจารณาก่อนแล้วจึงทำ"
" .. พิจารณาก่อนแล้วจึงทำ "หรือใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ" ทำในที่นี้หมายถึงการกระทำทั้งทางกาย ทั้งทางวาจาและทั้งทางใจ คือจะทำอะไรก็ตาม จะพูดอะไรก็ตาม จะคิดอะไรก็ตาม "พึงพิจารณาใคร่ครวญเสียก่อน" อย่าทำ อย่าพูด อย่าคิด โดยไม่พิจารณาใคร่ครวญให้รอบคอบด้วยดี "เพราะการทำ การพูด การคิดโดยไม่พิจารณาใคร่ครวญให้รอบคอบ ย่อมเกิดความผิดพลาดอันจะให้ผลที่ไม่ดี" ที่เป็นภัย ที่เป็นโทษได้โดยง่าย .. "
"การบริหารทางจิตสำหรับผู้ใหญ่"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=18797 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๔ -
กรรมทางวาจา แรงมากระวัง ขัดบุญ ขัดลาภ
กรรมทางวาจา แรงมากระวัง ขัดบุญ ขัดลาภ
หลวงปู่ท่านสอนอยู่เสมอว่า
" อย่าไปพูดไม่ดีกับใครเขา ถ้ามีคนมาว่าหรือด่าเราแต่เราไม่ว่า หรือด่าเขาตอบ มันก็จะไม่มีเรื่องกันแต่ถ้าแกไปด่าเขาเมื่อไรนั่นแหละเรื่องใหญ่
ท่านสอนศิษย์เสมอว่า อย่าไปพูดทำลายความหวังของใครเขา เพราะนั้นอาจจะเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่ ถ้าแกไปพูดเข้าเมื่อไหร่ กรรมใหญ่จะตกแก่ตนเอง "
ท่านบอกไว้อีกว่า คนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่นรวมไปถึงการพูดไม่ดีต่าง ๆ กับคนอื่นนั้น กรรมจะมาเร็วมาก เขาผู้นั้นจะเป็นคนที่มีศัตรูทั้งภายนอก และภายใน ไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป เป็นคนที่น่ารังเกียจแก่คนทั้งหลาย
กรรมนี้จะทำให้เขามีเรื่องและเดือดร้อนอยู่เสมอ ๆ ทั้งทางกายและทางใจ บางคนทำกรรมนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว พอกรรมดีที่ตนเคยสร้างมาแต่ปางก่อนหมดหรือเหลือน้อยลง กรรมชั่วที่สร้างนี้ก็จะสนองเขาอย่างหนักทั้งในภพนี้และภพหน้า ในภพนี้เวลาที่กรรมดีแต่ปางก่อนจะส่งผลให้มีความสุข หรือมีโชคลาภ กรรมชั่วก็จะเข้ามาตัดรอนกรรมดี.
**************************************************************** -
เคล็ดวิชาเปลี่ยนใจคน
เคล็ดวิชาเปลี่ยนใจคน -
อย่าเอาความไม่ยึดมั่น หรือความปล่อยวาง มาเป็นข้ออ้างที่จะปล่อยปละละเลย - สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
“อย่าเอาความไม่ยึดมั่น หรือความปล่อยวาง มาเป็นข้ออ้างที่จะปล่อยปละละเลย
…. ที่เห็นง่ายๆ ก็คือ คนที่เอาความไม่ยึดมั่น ขึ้นมายึดไว้ แล้วไม่ทําอะไร ไม่เอาอะไร แล้วก็บอกว่าฉันไม่ยึดมั่น แต่เขาไม่รู้ตัว ว่าเขาทําไปตามความไม่ยึดมั่นที่เอามายึดไว้
…. คือ เป็นเพียงความยึดมั่นในความไม่ยึดมั่นเท่านั้น เป็นความยึดมั่นซ้อนเข้าไปอีก ความไม่ยึดมั่นที่แท้นั้นเป็นไปเองด้วยปัญญา ไม่ต้องเอาความไม่ยึดมั่นขึ้นมายึดไว้
…. เพราะฉะนั้น อย่าปล่อยวางเพียงด้วยความไม่ยึดมั่นที่ยึดถือเอาไว้ และอย่าเอาความปล่อยวางมาเป็นข้ออ้างที่จะปล่อยปละละเลย เพราะอันนั้นไม่ใช่ความปล่อยวางอะไรเลย แต่เป็นความประมาทแท้ๆ”
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( ป. อ. ปยุตฺโต )
ที่มา : จากหนังสือรวมสารธรรมคำสอน "สุขง่าย ทุกข์ยาก" หน้า ๕๓
ขอบคุณที่ =AZUMp0w6Ul8wWeziWR4OawWXA_RQ96eXGuPozR3n7uYYN1sKTHmSJsWvb6NDdQ_Xg9RPHde1MWoavuGpFv-M3xqKe5VsMSnmaJzFgb_gzLw3dH3cqKLE6040ZPI7F-8IyrvnV7i0iIptfP9aab6kFz1U&__tn__=-UC%2CP-R']ธรรมะเพื่อทางพ้นทุกข์ โดย ท. ส. ปัญญาวุฑโฒ -
พระพุทธรูปเขาชีจรรย์ พระพุทธรูปฝีพระหัตถ์รัชกาลที่ ๑๐
“พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา” พระพุทธรูปสลักที่หน้าผาเขาชีจรรย์ ตำบลนาจอมเทียน ชลบุรี พระพุทธรูปฝีพระหัตถ์ของ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐
พระพุทธรูปเขาชีจรรย์ .. พระพุทธรูปฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
“พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา” พระพุทธรูปสลักที่หน้าผาเขาชีจรรย์ ตำบลนาจอมเทียน อำเภอ จังหวัดชลบุรี ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดญาณสังวราราม ระยะทางราว ๒.๘๕ เมตร
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกทรงมีพระดำริที่จะอนุรักษ์เขาชีจรรย์จากการระเบิดภูเขาจากทางทหารเรือ ครั้งนั้นทางทหารเรือจึงยกพื้นที่เขาชีจรรย์ถวายเจ้าพระคุณสมเด็จฯ แล้วจึงโปรดให้ ดร.สุวิชญ์ รัศมิภูติ ซึ่งครั้งนั้นยังเป็นรองอธิบดีกรมศิลปากรอยู่ เข้าไปเฝ้าที่วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อหาแนวทางในการแกะสลักพระพุทธรูปนูนต่ำบนหน้าผาเขาชีจรรย์ ขนาดความสูง ๑๐๙ เมตร แต่ด้วยขนาดที่ยากเกินจะสร้างได้ ดร.สุวิชญ์จึงหาทางเลี่ยงที่จะเข้าเฝ้าเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ในกาลต่อมา
จนกระทั่ง ดร.สุวิชญ์... -
กรรมที่ฉันทำกับข้าวตอก กฎแห่งกรรมที่ทำกับสัตว์
กรรมที่ฉันทำกับข้าวตอก เรื่องเล่า กฎแห่งกรรม ที่ทำกับสัตว์
เรื่องเล่าที่อาจจะเป็นเพราะ กฎแห่งกรรม ที่ทำกับสัตว์ จากการฆ่าสัตว์โดยที่ตั้งใจ ที่ทำให้ลุงคนนั้นเป็นเช่นนั้น
หากคุณเคยมองลึกลงไปในดวงตาของสุนัข คุณจะพบว่า มีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่ในนั้น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์เดียรัจฉาน แต่ถ้าคุณสังเกตดวงตาของมัน คุณจะรู้ว่า สุนัขเป็นสัตว์ที่สื่อสารทางสายตาได้ดีทีเดียว
บ้านฉันตั้งอยู่กลางทุ่ง ฉันจึงนอนท่ามกลางอ้อมกอดของต้นข้าวแทบทุกคืน บรรยากาศแบบนี้ใครๆ อาจมองว่าแสนโรแมนติก แต่ในความเป็นจริงบ้านฉันทั้งเงียบทั้งเหงา ในช่วงเวลาแบบนี้ เจ้าข้าวตอก สุนัขเพื่อนยากเป็นผู้ช่วยคลายเหงาให้ฉันได้มากทีเดียว มันมักจะมานอนหมอบอยู่ใกล้ๆ พลางส่งสายตาที่ (ดูเหมือน) เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจมาที่ฉัน และแน่นอนว่า วันนั้นทั้งวันมันจะไม่ทิ้งฉันไปไหน ในวันที่ฉันยุ่งกับงานจนลืมคลุกข้าวให้ แววตาของมันก็จะระคนไปด้วยการตัดพ้อ คล้ายจะต่อว่าว่า “ลืมกันได้อย่างไร”
คนที่เลี้ยงสุนัขหลายคนอาจนิยมพูดคุยกับสุนัขเพื่อคลายเหงา... -
"รู้แล้วปล่อยวาง" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
.
"รู้แล้วปล่อยวาง"
" .. อย่างเช่น "ท่านชาคโรจะมาวัดป่าพง ก็ต้องอยากมาก่อน" ถ้าไม่รู้สึกว่าอยากมาก็ไม่ได้มา โยมทั้งหลายก็เหมือนกัน "ก็มีความอยากนั่นแหละจึงได้มา" นี้จึงมาด้วยความอยาก "เมื่อมีความอยากขึ้นมา ท่านก็ว่าอย่ายึดมั่น คือมาแล้วก็กลับ"
อย่างที่สงสัยว่า "นี่อะไร" แล้วก็ยึดขึ้นมา "เออ .. มันเป็นไฟฉายนะนี่นะ แล้วก็วางมัน" นี้เรียกว่า "ยึด แต่ไม่ให้มั่น ปล่อยวาง รู้แล้วปล่อยวาง" พูดง่าย ๆ ก็ว่ารู้แล้วปล่อยวาง "จับมาดู รู้แล้วปล่อยวาง" .."
"๔๘ พระธรรมเทศนา"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) -
คนใกล้จะตายควรแนะนำอย่างไร
₪₪►คนใกล้จะตายควรแนะนำอย่างไร◄₪₪
“..ถ้าป่วยใหม่ๆ อาตมาแนะนำให้ทำดังนี้คือ
๑) ให้นำพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร พร้อมอาหารและของใช้ที่จำเป็น นำไปให้ผู้ป่วยเห็นและให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า
“ของทั้งหมดนี้ขอถวายเป็นสังฆทานแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลผลบุญทั้งหมดนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วยได้โมทนาและอโหสิกรรมให้ผู้ป่วยด้วย”
แล้วญาติก็นำของทั้งหมดไปถวายพระเป็นสังฆทาน จิตใจของผู้ป่วยจะได้สบายเพราะได้เห็นพระพุทธรูปและได้ทำบุญ
๒) ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีก ก็ควรนำเงินจะมากหรือน้อยตามแต่ศรัทธา ให้ผู้ป่วยถือเงินไว้และให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า
“เงินจำนวนนี้ขอถวายชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าเคยไปหยิบหรือนำของสงฆ์มาโดยเจตนาหรือไม่ได้เจตนาก็ตาม”
๓) ในระหว่างที่นอนป่วยอยู่ ควรนำพระพุทธรูปมาตั้งไว้ให้ผู้ป่วยได้มองเห็น อย่าไปตั้งไว้ในที่ผู้ป่วยเห็นไม่ถนัด ผู้ป่วยลืมตาขึ้นมาเมื่อใดก็จะเห็นพระทันที จิตของผู้ป่วยจะได้จับอยู่ที่พระ ใจจะสบายช่วยให้คลายจากทุกขเวทนาได้บ้าง และถ้าตายเมื่อใดก็จะไม่ลงนรก
๔) ถ้าป่วยมากมีทุกขเวทนามาก ควรแนะนำสั้นๆ ให้นึกถึงพระพุทธเจ้า หรืออย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่า... -
เอ๋ เชิญยิ้ม ช่วยคนจน อาสาส่งศพฟรีช่วงโควิด อิ่มบุญอิ่มใจคนชมตลกพ่อพระ
เอ๋ เชิญยิ้ม ช่วยคนจน อาสาส่งศพฟรีช่วงโควิด เผยอิ่มบุญอิ่มใจ อยู่วงการมา 10 ปี จากเคยถูกมองตลกไร้ค่า ปลื้มคนชมเป็นพ่อพระใจบุญ
นักแสดงตลก เอ๋ เชิญยิ้ม หรือ วีรพล จันทร์ตรง ทีมสัปเหร่อเจอผี อาสาช่วยคนจนส่งร่างไร้วิญญาณฟรีช่วงโควิด พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้สำหรับคนที่ลำบากไม่มีเงิน ซึ่งตลกคนดัง เปิดใจกับ ข่าวสดออนไลน์ ถึงจุดเริ่มต้นทำงานจิตอาสา เผยถึงความรู้สึกอิ่มบุญอิ่มใจได้ทำประโยชน์ช่วยเหลือคนยากจน ตนแสดงตลกมา 10 ปี จากเคยถูกมองเป็นตลกไร้ค่า กลายเป็นตอนนี้มีแต่คนชื่นชมตลกพ่อพระใจบุญช่วยเหลือคนลำบากทุกข์ยาก
อาสาส่งศพโควิดฟรีช่วงโควิด? “ในการติดต่อตามหาญาติให้กับศพ หรือว่าศพที่ไม่มีตังค์เผา ผมขอเป็นเจ้าภาพให้เองซึ่งงบมันไม่ได้เยอะ คำว่าเป็นเจ้าภาพเผาศพ คนจะคิดว่าสวด 3 คืนแล้วเผา ไม่ใช่ครับ รูปแบบผมก็คือถ้าคนที่ไม่มีตังค์จริงๆ เราเอาศพขึ้นตั้งเมรุเลยแล้วสวดหน้าไฟใส่ซองพระองค์ละ 300 รวม 1,200 ค่าน้ำมันเตา 700 แสดงว่าใช้งบประมาณแค่ 2,000 บาท นี่คือเจ้าภาพที่ผมพูดถึง ญาติก็แค่เอากระดูกกลับสำหรับคนที่ไม่มีจริงๆ”
“เราอิ่มใจที่ได้ทำบุญจริงๆ มันมีความสุขบอกไม่ถูก... -
อานิสงส์ของการ 'ปลูกต้นไม้ในวัด' กับ 'ในที่สาธารณะ' (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
การปลูกต้นไม้ในวัด จะเป็นไม้ดอกหรือไม้ผลก็ตาม กับปลูกนี่สาธารณะมีอานิสงส์ต่างกัน เพราะวัดเป็นเขตของสงฆ์ เป็นพุทธเขต เป็นที่อยู่ของผู้ทรงศีลทรงธรรม ฆราวาสสร้างให้เป็นที่อยู่ของผู้ทรงศีลทรงธรรมแต่ผู้อยู่จะทรงศีลทรงธรรม หรือไม่นั้นเป็นเรื่องของส่วนบุคคล แต่จริงๆแล้วบรรดาพุทธบริษัทอุทิศตรงเพื่อพระพุทธศาสนาจึงจัดว่าเป็นของสงฆ์ โดยตรง เป็นของพระพุทธศาสนาโดยตรง การไปซ่อมแซมวัดก็ดี บำรุงวัดก็ดี สร้างวัดก็ดี สร้างสวนผลไม้ในวัดก็ดี สร้างสวนดอกไม้ในวัดก็ดี ก็ชื่อว่าเป็นผู้มีส่วนบำรุงวิหารทาน ร่วมในการสร้างวิหารทาน คือร่วมกันสร้างกุฏิวิหารเป็นที่อยู่มีความสุข สวนผลไม้ทำให้อิ่มหนำสำราญมีความสุข ดอกไม้สร้างความชื่นใจให้เกิดขึ้นมีความสุข จึงจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิหารทาน
ฉะนั้น อานิสงส์การสร้างในเขตของวัด ก็เหมือนกับท่านอินทกะ ถวายทานแด่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนามีอานิสงส์มาก สำหรับสวนสาธารณะใครก็ได้ คนมีศีลมีธรรมก็ใช้ได้ คนมีศีลมีธรรมกระพร่องกระแพร่งบ้างก็ใช้ได้ คนไร้ศีลไร้ธรรมก็ใช้ได้ ฉะนั้นอานิสงส์ที่จะพึงได้ก็เหมือนท่านอังกุรเทพบุตร แต่ว่าบรรดาพุทธบริษัทก็จงอย่าเลือกเฉพาะผลใหญ่อย่างเดียว... -
"รู้ทัน มันก็ดับไปเอง" (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
.
"รู้ทัน มันก็ดับไปเอง"
ถาม : หลวงปู่ครับ "ทำอย่างไรจึงจะตัดความโกรธให้ขาดได้"
หลวงปู่ตอบว่า : ไม่มีใครตัดให้ขาดได้หรอก "มีแตรู้ทัน" เมื่อรู้ทันมันก็ดับไปเอง
"หลวงปู่ฝากไว้"
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล -
พระโคราช ใช้วิชาอาคมรักษากระดูกหัก เผยเคยไล่ผีมาแล้ว
วันนี้(27 สิงหาคม 2564) ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า มีการเผยแพร่คลิปของพระภิกษุสงฆ์วัดป่าดอนน้อย ตำบลดอนใหญ่ อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา รูปหนึ่ง กำลังประกอบพิธีรักษาต่อกระดูกให้กับชาวบ้าน เป็นชาย ที่ประสบอุบัติเหตุ ขาหัก มาขอให้พระภิกษุสงฆ์รูปนี้รักษาให้ ใช้วิธีรักษาการต่อกระดูกแบบโบราณ การเป่าคาถาลงไปในขวดน้ำมันงาดำ ที่ใช้สำหรับนวดขาของผู้ป่วย
โดยพระภิกษุสงฆ์รูปดังกล่าว ได้มีการสวดมนต์คาถา ลงไปในขันน้ำมนต์ นานกว่า 20 นาที ก่อนที่จะให้ชาวบ้านคนดังกล่าวดื่มกิน จากภาพจะเห็นว่า ผู้ที่มาขอให้พระรักษากระดูกขาให้ ได้ดื่มกินน้ำมนต์ ใช้น้ำมันงาดำ จากขวดที่พระรูปดังกล่าวลงคาถาให้ ทาบริเวณปลายเท้า
และพระภิกษุสงฆ์รูปดังกล่าวยังได้เข้าไปเยี่ยมคนป่วยซึ่งเป็นคนแก่ที่กำลังฝึกหัดเดิน เพราะชายสูงอายุคนดังกล่าว เคยไปขอรับการรักษากับพระภิกษุรูปนี้ด้วย โดยเชื่อว่าการรักษาต่อกระดูกแบบโบราณ จากพระรูปนี้ เป็นการรักษาที่น่าเหลือเชื่อ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ พากันไปขอรับการรักษาจากพระภิกษุรูปนี้เป็นจำนวนมาก
ขอขอบคุณที่มา
https://www.sanook.com/news/8433954/ -
หลวงปูไม อินทสิริ ประทีปแก้วแห่งเขาภูหลวงละสังขารแล้ว
พระครูกิตติอุดมญาณ (หลวงปูไม อินทสิริ) ได้ละสังขารแล้วเมื่อ เวลา 01.12 น. วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 แรม 4 ค่ำ เดือน 9 ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี
สิริอายุ 73 ปี 7 เดือน 2 วัน 54 พรรษา
... ขอน้อมกราบแสดงความอาลัยหลวงปู่ไม อินทสิริด้วยเศียรเกล้า _/\_
... ขอน้อมกราบนมัสการน้อมส่งหลวงปู่สู่แดนพระนิพพานครับ _/|\_
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก ศิษย์หลวงพ่อไม อินทสิริ https://web.facebook.com/sitluangpormai/ -
"ปัญญาหาได้ทีใจ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"ปัญญาหาได้ทีใจ"
" .. ปัญญาเป็นของไม่มีตัวมีตน "แต่เราหาปัญญาได้ที่ใจ" ถ้าเรารับรองว่าใจของเรามี ถ้าเราจะตัดสินว่าสิ่งนี้ดีสิ่งนี้ให้แน่แล้ว "จำเป็นจะต้องอบรมใจให้สงบจากความวุ่นวายเสียก่อน" เพราะความวุ่นวายเป็นเหตุให้ใจเศร้าหมองจึงมองเห็นความดีไม่ได้ "เมื่อใจสงบจากความวุ่นวายแล้วนั้นแล" จึงจะตัดสินได้แม่นยำว่าสิ่งใดดีควรทำและสิ่งใดไม่ควรทำ .. "
"ถามตอบปัญหาต่างประเทศ"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
คณะอนุกรรมการฝ่ายกิจกรรมฯ มจร. มอบเครื่องอุปโภคบริโภคถวาย วัดท่าซุง เพื่อร่วม''โครงการวัดช่วยวัด''
เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔
เวลา ๑๒.๓๙ น. คณะอนุกรรมการฝ่ายกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มจร. โดยมีท่านพระปลัดสำเภา สุธมฺมปวโร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการ ฝ่ายกิจกรรมฯ ดร.อรพรรณ สินประสงค์ ประธานอนุกรรมการ ฝ่ายกิจกรรมฯ วิทยาเขตขอนแก่น ดร.ศุภาชัย ผ่องสวัสดิ์ ประธานอนุกรรมการฝ่ายกิจกรรมฯส่วนกลาง และ นายวีระชัย แก่นภักดี อนุกรรมการ ฝ่ายกิจกรรมฯ เป็นตัวแทนมอบเครื่องอุปโภคบริโภค ร่วมถวายให้กับทางวัดจันทาราม(ท่าซุง) เพื่อร่วมในโครงการวัดช่วยวัด คณะสงฆ์จังหวัดอุทัยธานี
โดยมีท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ ท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุง เป็นผู้รับมอบ
ซึ่งรายการเครื่องอุปโภคบริโภค มีรายการดังนี้
๑.ข้าวสาร(ถุงละ ๕ กก.) จำนวน ๖๐๐ ถุง
๒.น้ำดื่ม จำนวน ๑๐๐ โหล
และถวายเงินปัจจัยอีก เป็นจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท
สำหรับโครงการ “วัดช่วยวัด” คณะสงฆ์จังหวัดอุทัยธานี มีจำนวนวัดและที่พักสงฆ์ รวมทั้งหมด จำนวน ๔๑๐วัด/แห่ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ๘ อำเภอ ของทางจังหวัดอุทัยธานี
โดยในวันพุธที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔ นี้ ทางวัดท่าซุงก็จะนำเครื่องอุปโภคบริโภค เดินทางไปมอบให้แก่วัดและที่พักสงฆ์... -
บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ แต่จำไม่ได้ควรทำอย่างไร?
ถาม: หากเคย บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วจำสิ่งที่บนไม่ได้ แล้วเกิดความไม่สบายใจ กระวนกระวาย (เพราะกลัวไม่ได้ไปแก้บนแล้วจะเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นกับตัว) ควรทำอย่างไรให้รู้สึกสบายใจขึ้นคะ?
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล มีคำตอบเรื่องนี้ไว้ดังนี้
ตอบ: เพื่อความสบายใจ คุณควรหาสิ่งที่คุณคิดว่าสมควรมาเป็นเครื่องแก้บน แล้วบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า เนื่องจากคุณจำไม่ได้ว่าจะถวายอะไรเป็นเครื่องแก้บน ดังนั้นจึงขอให้สิ่งเหล่านี้เป็นตัวแทนของสิ่งที่เคยบนเอาไว้
อาตมาขอแนะนำเพิ่มเติมว่า คราวหลังคุณควร บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้น้อยลง แล้วหันมาพึ่งความเพียรของตนให้มากขึ้น โดยอาศัยธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องหนุนนำ โดยเฉพาะ พละ ๕ อันได้แก่ ศรัทธา ปัญญา วิริยะ สมาธิ และสติ มั่นใจได้ว่าจะทำให้คุณมีชีวิตที่เจริญงอกงามและผาสุกได้อย่างแน่นอน
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล: พระอาจารย์ผู้ไขปัญหา
Credit: ขอขอบคุณที่มาจาก Dhamma Daily: บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ แต่จำไม่ได้ ควรทำอย่างไร โดยคอลัมน์ Dhamma Daily นิตยสาร Secret -
"ให้รีบทำเร็ว ๆ" (หลวงปู่จันศรี จนฺททีโป)
..
"ให้รีบทำเร็ว ๆ"
" .. จะทำอะไร "ที่เป็นบุญเป็นกุศลให้รีบทำเสีย" ถ้าเราช้าอยู่ เวลาจะตายถึงจะทำบุญ "ดังนั้นให้ทำในขณะที่เรายังไม่เจ็บ ไม่ไข้ ให้รีบทำเสียให้เร็ว ๆ" เท่าที่เราคิดได้และทำใจของเราให้มั่นคงดำรง มีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต ทำจิตใจให้ผ่องใสตลอดไป .. "
"๑๐๓ โอวาทธรรมคำสอน"
หลวงปู่จันศรี จนฺททีโป -
เคล็ดวิชาพลิกชีวิต
เคล็ดวิชาพลิกชีวิต -
เจริญสมถวิปัสสนาภาวนา ตรวจภพภูมิต่างๆตามแนววิชชาธรรมกาย( วัดปากน้ำฯ และวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม)
เจริญสมถวิปัสสนาภาวนา ตรวจภพภูมิต่างๆ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ -
โคราช พบ พระนั่งวิปัสสนา จำวัดในโลงศพ นานกว่า 7 ปี
เรื่องแปลก พระลูกวัดโคราช วัย 67 ปี นั่งวิปัสสนาและจำวัดในโลงศพที่ญาติโยมบริจาค นานกว่า 7 ปี ชี้ ในช่วงโควิด19 ระบาดเราควรแบ่งปันเพื่อนมนุษย์เพื่อทำกรรมดี
วันที่ 25 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบพระลูกวัด วัดสุทธิสีมังคลาราม หรือ วัดหนองไผ่ล้อม ตำบลในเมือง อำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมา ได้ใช้โลงศพที่ญาติโยมบริจาคมาไว้ในกุฏิห้องเล็กๆเป็นสถานที่นั่งวิปัสสนากรรมฐานและจำวัดนานกว่า 6-7 ปี แล้วอีกทั้งในพื้นที่ด้านหน้ากุฏิก็มีที่เก็บอัฐิของญาติโยมเต็มไปหมด ซึ่งเป็นที่แปลกประหลาดกับญาติโยมที่เดินทางมาทำบุญเป็นอย่างมากกับเรื่องดังกล่าว
พระวันชัยติสาโรอายุ67ปีพระลูกวัดเล่าว่าอาตมาบวชพระมาตั้งแต่ปี2552 รวมกว่า 11 พรรษาแล้วและเริ่มนอนในโลงศพทรงเทพนมสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความกว้างของหีบศพ 20 นิ้ว ความยาวของหีบศพ 185 ซม. ความสูงของหีบศพ 55 ซม. ที่ญาติโยมนำมาบริจาคให้วัดเมื่อปี 2558 รวมกว่า 6-7 ปี
โดยด้านในบุด้วยผ้าสีเหลืองมีที่นอนและหมอนรวมไปถึงผ้าห่มการนอนในโลงศพทุกคืนนั้นจะพิจารณาถึงก่อนความตายว่าในแต่ละวันเราทำประโยชน์อะไรให้กับพระพุทธศาสนาและนอนทำสมาธิว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นสัจธรรมของมนุษย์... -
รักษากายใจ (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)
… ขอลูกรักจงรักษากายไว้ด้วยดี อย่าเอากายไปฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม
และจงรักษาวาจาไว้ให้ดี อย่าพูดปดมดเท็จที่ไม่ตรงความจริงอย่าพูดคำหยาบหรือด่าคนอื่น อย่าใช้วาจาเป็นเครื่องทำลายความสามัคคี คือยุให้คนแตกร้าวกัน อย่าใช้วาจาเหลวไหลไร้ประโยชน์
ด้านใจ จงรักษาไว้ด้วยดี คือไม่อยากได้ของๆใครที่เขาไม่เต็มใจให้ ไม่โกรธแค้นอาฆาตพยาบาทใคร ไม่เมาใจจนเห็นผิด คิดว่าตัวเป็นคนประเสริฐ อารมณ์เท่านี้เป็นพื้นฐานที่จะให้เข้าถึงพระนิพพาน
เมื่อรักษากายใจได้ดังนี้แล้ว ต่อไปใจจะสะอาดขึ้นทีละน้อยๆ จนไม่ต้องระวังทั้ง กาย วาจา ใจ จะทรงไว้แต่ความดีอย่างเดียว ในที่สุดก็ถึงนิพพาน
ขอน้อมกราบนมัสการหลวงพ่อฤๅษีลิงดําด้วยความเคารพอย่างสูง _/\_
ขออนุญาตเผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทาน… ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆท่านยิ่งๆขึ้นไปเทอญ _/|\_
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจากการคัดลอกบางส่วนจากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๒ หน้า ๑๕ -
"ศีลธรรมเป็นที่พึ่งของใจ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"ศีลธรรมเป็นที่พึ่งของใจ"
" .. ใจมีอะไรเป็นอาหารเครื่องหล่อเลี้ยงบ้าง "ถ้าใจมีศีลมีธรรมมีความสงบเย็นใจเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง นี้แลเป็นอาหารของใจ" ใจอาศัยกับอารมณ์แห่งความดีอันนี้ไปเลย "นี่ท่านว่าสุคโต อยู่ก็ดีไปก็เย็น"
ถ้าหากทำใจให้เดือดร้อนแล้ว "อยู่ก็เป็นทุคโต อยู่ก็เดือดร้อนไปก็เดือดร้อน" อิริยาบถทั้ง ๔ ไม่สบาย "ขาด อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ทำที่พึ่งของตนไม่ได้" อย่างอื่นเราทำได้หมด "แต่จะมาทำที่พึ่งให้ตัวโดยเฉพาะเท่านั้น เราไม่สามารถ" จะแสดงว่า "เราโง่หรือเราฉลาด" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ -
ระดับการพัฒนาของคน - สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( ป. อ. ปยุตฺโต )
ระดับการพัฒนาของคน
…. “ พุทธศาสนาย้ำเรื่องนี้ คือ หลักความไม่ประมาท ท่านเตือนว่า แม้แต่เป็นอริยบุคคลขั้นพระโสดาบัน หรือพระสกิทาคามี จนถึงพระอนาคามี ตราบใดยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์แล้วอย่านอนใจอาจจะประมาทได้ตลอดเวลา มีแต่พระอรหันต์เท่านั้นที่จะไม่ประมาทได้อย่างแท้จริง เพราะคนเรานี้ เวลามีความสุข อย่างหนึ่ง ยามประสบความสำเร็จ อย่างหนึ่ง หรือ คราวที่เกิดความรู้สึกภูมิใจว่าเรานี้ดีแล้ว อย่างหนึ่ง สามตัวนี้มักล่อให้หย่อน หรือไม่ก็หยุดเลย พูดสั้นๆว่า ตกหลุมความประมาท
…. เมื่อประสบความสำเร็จหรือมีความสุขแล้วประมาทนั้นเห็นได้ชัด แต่คนที่มีความดี ถ้าเกิดความภูมิใจก็ต้องระวัง อย่างพระโสดาบัน ภูมิใจว่าเราได้บำเพ็ญความดีสำเร็จมาถึงแค่นี้ พอเกิดความพอใจอย่างนี้ ก็ชักจะเฉื่อย ไม่เร่งรัด ไม่กระตือรือร้น พระพุทธเจ้าตรัสเตือนพระอริยบุคคลที่เป็นอย่างนี้ว่า เธอเป็น “ปมาทวิหารี” แปลว่า “ผู้อยู่ด้วยความประมาท” ฉะนั้นอย่าได้นอนใจ ชาวพุทธต้องเดินหน้าเสมอ
.
…. ตามที่พูดมาในที่นี้ เราสามารถแบ่งมนุษย์ได้เป็น ๔ ระดับ โดยวัดจากมาตรฐานปุถุชน คือ
.
…. ๑. มนุษย์ที่ต่ำกว่ามาตรฐานปุถุชนสามัญ... -
ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ... ในดวงใจ
ประเทศไทยเลิศล้ำ......... แดนดิน
ใต้ร่มพระภูมินทร์......... จอมปราชญ์
พืชพรรณมั่งมีกิน......... ถิ่นฐาน
วางกฎระเบียบราษฎร์......... ด้วยพระบารมี
สุขีมีพ่อหลวง......... ปวงชน
“ภูมิพล” มงคล......... ถิ่นแท้
ทรงธรรมยืนหยัดบน......... ราชธรรมเฮย
หวังต่อพอเพียงแก้......... ปากท้องปวงประชา
มาลาสง่าด้วย......... ภักดี
มอบแด่องค์จักรกรี......... พ่อแก้ว
ธ ดั่งไทรขจี......... ร่มฟ้า ผองไทย
ทวยราษฎร์ทั่วไทยแผ้ว......... จิตพร้อมพลีถวาย
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้… ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ธ สถิตในดวงใจไทยตราบนิจนิรันดร์
ข้าพระพุทธเจ้า “Ray”
สมาชิกในเว็บพลังจิต
ผมภูมิใจมากที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย บนผืนแผ่นดินไทย และ เกิดภายในรัชสมัยแห่งในหลวงรัชกาลที่ ๙ ครับ -
"ทำไมเราต้องทำกรรมฐาน" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"ทำไมเราต้องทำกรรมฐาน"
".. "จิตของคนตามธรรมชาตินั้นไม่มีความดีใจเสียใจ" ที่มีความดีใจเสียใจนั้นไม่ใช่จิต แต่เป็นอารมณ์ ๆ มาหลอกลวงจิตก็หลงไปตามอารมณ์ไม่รู้ตัว ก็เป็นสุขเป็นทุกข์ไปตามอารมณ์ "เพราะยังไม่ได้ฝึกยังไม่ฉลาด" แล้วเราก็นึกว่าจิตเราเป็นทุกข์ นึกว่าจิตเราสบาย ความจริงมันหลงอารมณ์
พูดถึงจิตของเราแล้ว "มันมีความสงบอยู่เฉย ๆ มีความสงบยิ่ง" เหมือนกับใบไม้ที่ไม่มีลมมาพัดมันก็อยู่เฉย ๆ ถ้ามีลมมาพัดมันก็กวัดแกว่ง มันเป็นเพราะลมมาพัดและมันก็เป็นเพราะอารมณ์ มันหลงอารมณ์ ถ้าจิตไม่หลงอารมณ์แล้ว จิตก็ไม่กวัดแกว่ง "ถ้ารู้เท่าอารมณ์แล้วมันก็เฉย" เรียกว่าปกติของจิตมันเป็นอย่างนั้น
ที่เรามาปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ "ก็เพื่อให้เห็นจิตเดิม" เราคิดว่าจิตมันสุขมันทุกข์ แต่ความจริงจิตมันไม่ได้สร้างสุขสร้างทุกข์ "อารมณ์มาหลอกลวงต่างหากมันจึงหลงอารมณ์"
ฉะนั้น "เราจึงจะต้องมาฝึกให้ฉลาดขึ้น" ให้รู้จักอารมณ์ ไม่ให้เป็นไปตามอารมณ์ จิตก็สงบ "เรื่องแค่นี้เอง ที่เราต้องมาทำกรรมฐานกันยุ่งยากอยู่ทุกวันนี้".. "
"สุภัททานุสรณ์"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
ศูนย์พักคอยสุดหลอน! ผู้ป่วยโควิดเจอผีหลอก 4 คืนติด นิมนต์พระพรมน้ำมนต์
ศูนย์พักคอยสุดหลอน! ผู้ป่วยโควิดเจอผีหลอก 4 คืนติด นิมนต์พระมาทำพิธี ให้เจ้าหน้าที่พรมน้ำมนต์แทน เพราะเข้าไม่ได้ รวมทั้งยกพระพุทธรูปมาให้กราบไหว้
วันที่ 23 ส.ค.64 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์พักคอย อบต.สะเดียง นำพระพุทธรูปรวมทั้งบาตรน้ำมนต์ ไปทำการปะพรมน้ำมนต์ให้แก่ผู้ที่กักตัวอยู่ในศูนย์พักคอยขององค์การบริหารส่วนตำบลสะเดียง พร้อมข้อความว่า “ สี่วันสี่คืนที่ผู้ป่วยศูนย์CIสะเดียงแจ้งว่า โดนผีหลอก ..หลายๆ เสียงแจ้งมา ..ทีมงานจะนิ่งนอนใจก็คงไม่ได้..ผู้ป่วยเขาไม่สบายใจ และกลัวกัน…ทีมงานนิมนต์พระท่านทำน้ำมนต์ พร้อมพระพุทธรูปไปตึกผู้ป่วยพระท่านสอนบทสวด หมีก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ท่องผิดท่องถูก สวดไปพรมไป จุดธูปไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เอาเป็นว่า ผู้ป่วยสบายใจ..คืนนี้คงนอนกันได้แล้วนะคะ”
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้ใช้เฟซบุํกดังกล่าว ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ศิริพร นาคสำราญ นักพัฒนาชุมชนชำนาญการพิเศษ องค์การบริหารส่วนตำบลสะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ โดยได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลศูนย์พักคอยของ อบต.สะเดียง... -
วิธีแยกจิตออกจากกายทำอย่างไร
วิธีแยกจิตออกจากกายทำอย่างไร
ท่านที่สามารถแยกจิตออกจากกายได้เด็ดขาดคือ ไม่ติดใจ ไม่มีเยื่อใยในกายอีกต่อไป ถือว่าจิตกับกายเป็นคนละส่วนกัน คือ พระอรหันต์ จิตของพระอรหันต์เป็นจิตที่มีประกายพรึกงดงาม แสงสว่างสดใส ไม่มีกิเลสพัวพันอีก
ท่านที่แยกจิตออกจากกายได้ 75 % คือ พระอนาคามี อีก 25 % ยังติดในรูปฌานและอรูปฌาน มานะ ถือตัว จิตฟุ้งซ่านในฝ่ายกุศลนอกเรื่องจากอรูปฌาน มานะ ถือตัว จิตฟุ้งซ่านในฝ่ายกุศลนอกเรื่องจากพระนิพพาน มีอวิชชา เล็กน้อย คิดว่าได้คุณธรรมแค่พระอนาคามีก็พอแล้ว อย่างไร ๆ ก็ได้ ไปเกิดชั้นสุทธาวาสเป็นพรหมสบาย ๆ อยู่แล้ว ค่อยไปปฏิบัติต่อที่พรหมเพื่อไปพระนิพพานต่อก็ได้
จิตที่ไม่ติดใจในกายได้ 50 % คือ จิตของพระสกิทาคามี ยังมีกามฉันทะ ปฏิฆะ ความโกรธไม่พอใจเล็กน้อย มีความเห็นตรงตามคำสอนพระพุทธองค์ มีศีล 5 ครบ มีกรรมบถ 10 ครบถ้วน ไม่พูดเพ้อเจ้อ หยาบคาย เหลวไหล
ท่านที่แยกจิตออกจากกายได้ 25 % คือ พระโสดาบัน ท่านเอาจิตไปพิจารณาว่ากายต้องตายเพราะกายเป็นธาตุ 4 เป็นของโลก จิตเป็นของละเอียด เป็นนามธรรมมาอาศัยกายซึ่งเป็นรังที่แสนสกปรกรกรุงรัง...
หน้า 108 ของ 402