คลังเรื่องเด่น
-
"บารมี คือคุณธรรมอันยวดยิ่ง" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"บารมี คือคุณธรรมอันยวดยิ่ง"
" .. พระพุทธองค์ท่านจึงให้สร้างบารมี "บารมีก็คือคุณธรรมอันยวดยิ่ง" สร้างบารมีทางจิตใจคือให้พิจารณาให้ภาวนา "ภาวนา" ก็คือการพิจารณา เหมือนเราจับเอาไม้มาตัด ต้องรู้ว่าตัดตรงนี้ มันจะสั้นไปไหมหนอ หรือจะยาวไปไหมหนอ "นี้คือภาวนาล่ะ" ไม้นี้มันจะใหญ่ไปหรือเล็กไปหนอ พิจารณาว่าจะตัดตรงไหน
"ความจริงทุกคนต้องภาวนา" แต่เราไม่รู้เรื่องของเจ้าของ "ถ้าเราพิจารณาเหตุพิจารณาผลแล้ว เราก็ทำความชั่วไม่ได้" ไม้ .. ถ้าเราพิจารณาแล้วตัดไม่ผิด ถ้าพิจารณาไม่ออกเอาตลับเมตรมาวัดดู ได้ห้าเมตรหกเมตรตามที่เราต้องการค่อยตัดไม่ผิด "นี้เรืยกว่า การภาวนา ทุกอย่างให้ได้ภาวนา"
พระพุทธองค์ท่านจึงสอนว่า "การให้ทานร้อยครั้ง ไม่เท่ารักษาศีลครั้งหนึ่ง รักษาศีลร้อยครั้งไม่เท่าภาวนาครั้งหนึ่ง ภาวนานี้มันละเอียด เพราะภาวนานี้มันถึงจิต" มันปล้อนสารพัดอย่างออกมาได้เห็นในจิตตนเอง .. "
"เหนือสิ่งอื่นใด"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ -
ธรรมซึ่งอุปมาด้วยแพ
ธรรมซึ่งอุปมาด้วยแพ
[๒๔๐] ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมซึ่งอุปมาด้วยแพแก่เธอทั้งหลาย เพื่อการสลัดออก ไม่ใช่เพื่อการยึดถือแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดีเราจักกล่าว” ภิกษุเหล่านั้นทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเรื่องนี้ว่า
“ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษผู้เดินทางไกล พบห้วงน้ำใหญ่ ฝั่งนี้น่าระแวง มีภัยเฉพาะหน้า ฝั่งโน้นเกษม ไม่มีภัยเฉพาะหน้า เรือหรือสะพานสำหรับข้ามเพื่อจะไปฝั่งโน้นไม่มี เขาจะพึงคิดอย่างนี้ว่า ‘ห้วงน้ำนี้ใหญ่นัก ฝั่งนี้น่าระแวง มีภัยเฉพาะหน้า ฝั่งโน้นเกษม ไม่มีภัยเฉพาะหน้า เรือหรือสะพานสำหรับข้ามไป ฝั่งโน้นไม่มี ทางที่ดี เราควรรวบรวมหญ้า ไม้ กิ่งไม้ และใบไม้มาผูกเป็นแพแล้วอาศัยแพนั้นใช้มือและเท้าพุ้ยน้ำก็จะข้ามฝั่งได้โดยสวัสดี’ ต่อมา เขารวบรวมหญ้า ไม้ กิ่งไม้ และใบไม้มาผูกเป็นแพ แล้วอาศัยแพนั้นใช้มือและเท้าพุ้ยน้ำข้ามฝั่งได้โดยสวัสดี เขาข้ามฝั่งได้แล้ว จะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ‘แพนี้มีประโยชน์แก่เรามากนัก เราอาศัยแพนี้ใช้มือและเท้าพุ้ยน้ำข้ามฝั่งได้โดยสวัสดี ทางที่ดี เราควรยกแพนี้ขึ้นเทินศีรษะ หรือยกขึ้นบ่าแบกไปตามความปรารถนา’... -
การทำทานมีโอกาสให้ทำไว้ก่อน
การทำทานมีโอกาสให้ทำไว้ก่อน
ถาม : เคยเห็นในอินเตอร์เน็ต เขามีขอรับบริจาคพวกโทรทัศน์เก่า เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า ของใช้มือสอง เพื่อนำมาส่งต่อให้เด็กยากไร้ หนูก็เอาไปบริจาคให้เขา แต่พี่ชายเห็นว่าไม่ควรเอาไปบริจาคเพราะกลัวว่าจะบาป ?
ตอบ : บาปตรงไหน ?
ถาม : กลัวว่าชาติหน้าจะได้ของที่ไม่ดีค่ะ ?
ตอบ : ได้ของที่ไม่ดีกับไม่ได้ทำ อย่างไหนจะแย่กว่ากัน ? บุญจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้ได้ทำไว้ก่อน เพราะว่าผลตอบแทนออกมาด้านดีทั้งนั้น
ให้ของเก่า ให้ของใช้แล้ว เขาเรียกว่า "ทาสทาน" พอถึงเวลาเราได้มา ไม่ใช่ว่าสิ่งนั้นไม่ดี เพียงแต่ว่าสิ่งที่เราได้มานั้น จะทำให้เราไม่อยากใช้ของใหม่ หันไปใช้ของเก่าแทน
การทำทานมีโอกาสให้ทำไว้ก่อน จะเป็นของกินแล้วใช้แล้วก็ดี ของที่ดีเท่าที่เรากินเราใช้ก็ดี หรือว่าดีกว่าที่เรากินเราใช้ก็ตาม ให้ได้ทำเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเรามีของไม่ดีแล้วเราไม่ทำ กลายเป็นตัดโอกาสตัดทางบุญตัวเองเสียเปล่า ๆ สำหรับคนที่เขาขาดหรือคนที่เขาไม่มี ของไม่ดีของเราคือของดีที่สุดที่เขามี คราวนี้พอเรามีของเก่า เราไม่กล้าทำบุญ เพราะกลัวว่าถึงเวลาเกิดใหม่เราจะได้แต่ของเก่า ๆ อันนั้นคิดผิดมาก... -
"ทุกข์สุขเกิดขึ้นในปัจจุบัน" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"ทุกข์สุขเกิดขึ้นในปัจจุบัน"
" .. เราต้องมีสติส้มปชัญญะควบคุมจิตใจนี้ให้มันตั้งมั่นอยู่ในปัจจุบันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากไต้ "เพราะว่าความสุขก็ดี ความทุกข์ก็ดี มันไม่ไต้มีอยู่ในอดีตอนาคต มันมีอยู่ในปัจจุบัน"
ลองสังเกตดู ถ้าไม่เชื่อนะ "เจ็บตรงโน้น ปวดตรงนี้มันก็เจ็บอยู่ในปัจจุบันนี้" ที่ล่วงมาแล้วมันก็แล้วไปแล้ว อนาคตก็ยังไม่ถึง "ลองคิดดูสิ เรื่องใด ๆ เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องดี เรื่องชั่วอะไร ก็เกิดขึ้นในปัจจุบันนี่แหละ"
ดังนั้น "เมื่อผู้ใดมาตั้งจิตแน่วแน่อยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว" มันก็เป็นเหตให้รู้เรื่องดี เรื่องชั่ว เรื่องสุข เรื่องทุกข์ "ตลอดถึงความจริงของชีวิตเป็นอยู่อย่างไรมันก็รู้ชัดตามเป็นจริงอย่างนั้น"
"ที่มันรู้ไม่ได้ก็เพราะว่าจิตมันไม่ได้ตั้งมั่นอยู่ในปัจจุบัน" ดังที่กล่าวมาแล้วนั่นแหละ ขอให้เข้าใจกัน .. "
"ธรรมโอวาท"
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ -
กรมการแพทย์ นิมนต์พระสงฆ์โทรจองคิวฉีดวัคซีนโควิด
กรมการแพทย์ นิมนต์พระสงฆ์โปรดติดต่อนัดหมายจองคิววัคซีน COVID-19 ทางโทรศัพท์ล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็ว และลดความแออัดของการให้บริการถวายการฉีดวัคซีน COVID-19 โดยโรงพยาบาลสงฆ์ ยืนยันถวายการฉีดวัคซีน COVID-19 แด่พระสงฆ์อย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (14 มิ.ย.2564) นพ.ชำนิ จิตตรีประเสริฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลสงฆ์พร้อมให้บริการถวายการฉีดวัคซีน COVID-19 แด่พระสงฆ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของพระสงฆ์ ลดอาการ ลดความรุนแรงของโรค COVID-19 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ด้วยต้องทำสังฆกรรมร่วมกันเป็นหมู่คณะ อีกทั้งยังต้องพบปะกับประชาชนที่หลากหลาย ทำให้เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อ COVID-19 มากกว่ากลุ่มเป้าหมายอื่น
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ ระบุว่า พระสงฆ์ที่มีความประสงค์รับการถวายการฉีดวัคซีน COVID-19 ที่โรงพยาบาลสงฆ์ กราบนิมนต์พระสงฆ์โปรดติดต่อนัดหมายจองคิวทางโทรศัพท์ล่วงหน้า หมายเลข 02-640-9537 และ 02-354-4305 ต่อ 5131 หรือ 096-934-8090 ได้ทุกวันทำการ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 15.00 น. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม... -
"อารมณ์ของกรรมฐาน" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"อารมณ์ของกรรมฐาน"
" .. อารมณ์ของสมถกรรมฐานนั้น "ท่านให้กำหนดอานาปานสติ คือลมหายใจเข้าออกนี้เป็นรากฐานควบคุมจิตของเราให้อยู่ในกระแสของลมนี้" ให้มันแน่วแน่ นิ่งนอนอยู่ เมื่อเราพยายามทำตามดังนั้น "จิตของเราก็จะสงบ" นี่ท่านเรียกว่า "อารมณ์ของกรรมฐาน"
อารมณ์กรรมฐานนี้จะทำจิตให้สงบ "เพราะจิตมันวุ่นวายมาไม่รู้กี่ปีกี่ชาติแล้ว ลองนั่งดูเดี๋ยวนี้ก็ได้อาการวุ่นวายจะเกิดขึ้นทันที" มันจะไม่ยอมให้เราสงบ "ฉะนั้นท่านจึงให้หาอารมณ์กรรมฐาน" อารมณ์อันใดถูกใจถูกจริตของเรา ท่านให้พิจารณาอันนั้น เช่น "เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ"
ท่านให้พิจารณากลับไปกลับมา เมื่อทำอย่างนี้ "บางคนพิจารณา ตโจ หนัง รู้สึกพิจารณาได้สบายเพราะถูกจริต" ถ้าอันใดถูกจริตของเรา "อันนั้นก็จะเป็นอารมณ์กรรมฐานของเรา" สำหรับปราบกิเลสทั้งหลายให้มันเบาบางลง .. "
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ -
‘ยอด’ใจสลายเป็นขี้เมาเร่ร่อน พระชี้ทางกลับตัวช่วยสังคม
จากคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างรวดเร็ว ในวัยหนุ่มหวังสร้างหลักปักฐานกับหญิงคนรัก แต่เวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยน หญิงสาวผู้เป็นที่รักปันใจไปมีชายอื่น ความหวังที่วาดไว้อยากมีชีวิตครอบครัวที่ดีพังทลายในพริบตา จิตใจที่อ่อนแอสิ้นหวังท้อแท้ทำให้ “ยอด” หรือ นายยุทธพงศ์ โฉมทอง อายุ 38 ปี ชีวิตพลิกผันกลายเป็นคนติดเหล้า ร่อนเร่ไปเรื่อยๆ ดื่มจนเมาทั้งวันทั้งคืน จะหยุดดื่มก็ในยามหลับเท่านั้น..
ทุกครั้งหลังลืมตาตื่นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ “ยอด” จะพบว่าตัวเองนอนอยู่ศาลาสวนสาธารณะบ้าง ข้างถนนบ้าง หรือในวัดบ้าง จากนั้นเขาก็จะออกเดินไปตามถนนด้วยเนื้อตัวที่สกปรก กลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้ง หน้าตามอมแมม ผมเผ้ารุงรัง วนเวียนอยู่แบบนี้ทุกวัน เวลาอยากกินเหล้า เขาก็จะแบมือขอเงินคนที่ผ่านไปมา บางคนสงสารก็ซื้อข้าวให้กิน หรือหากได้เงินมาเขาก็จะเอาไปซื้อเหล้ากินหมดทุกครั้ง ซึ่งเขาดื่มเหล้าทุกชนิดที่มีหรืออยู่ที่กำลังเงินจะซื้อหามาได้
ไอ้ขี้เมา!! คนไร้ค่า คนไร้ประโยชน์.. คำเหล่านี้ก้องอยู่ในหัวของ “ยอด” ตลอดเวลา แต่เขากลับไม่ยี่หระ เพราะคิดว่ามีชีวิตก็แค่อยู่ไปวันๆ
จนวันหนึ่ง ชีวิตของ “ยอด”... -
"บุญกุศลเปรียบเหมือนแพ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"บุญกุศลเปรียบเหมือนแพ"
ผู้ถาม : "การทำบุญทำทานนี่เราก็ทำเพื่อตัวเราเอง" คือเพื่อจะได้บุญได้กุศลนี่ก็หมายความว่าเรายังยึดเรื่องตัวเราอยู่ใช่หรือไม่
ท่านอาจารย์ : การกระทำมันต้องมีตัวตน ถ้าไม่มีตัวตนเสียแล้ว ก็ต้องเลิกการกระทำ "ทำบุญมันเกี่ยวข้องถึงเรื่องตัวตนอยู่จึงต้องทำ"
ผู้ถาม : เวลาเราทำกุศล เราถือว่าเป็นเราที่ทำกุศล "เพราะเราเป็นผู้ทำกุศลและเป็นผู้สะสมกุศลเอาไว้เพื่ออนาคต เพื่อจุดหมายปลายทางของเรา"
ท่านอาจารย์ : ทำกุศลก็ต้องมีการมุ่งหวังอย่างนั้น "เหมือนกับคนข้ามน้ำ ต้องอาศัยเรือแพ เมื่อถึงฝั่งแล้วเราก็ทิ้งแพนั้น เดินขึ้นฝั่งแต่ตัวเปล่า มิได้เอาแพไปด้วย"
"ถามตอบต่างประเทศ"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๔ -
"ปัญญาภายนอก" (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
.
"ปัญญาภายนอก"
" .. มิใช่ครั้งเดียวเท่านั้นที่หลวงปู่เปรียบเทียบธรรมะให้ฟัง มีอยู่อีกครั้งหนึ่ง หลวงปู่ว่า ..
"ปัญญาภายนอก" คือ "ปัญญาสมมติ" ไม่ทำให้จิตแจ้งในพระนิพพานได้ ต้องอาศัย "ปัญญาอริยมรรค" จึงจะเข้าถึง พระนิพพานได้ ความรู้ของนักวิทยาศาสตร์ เช่น ไอน์สไตน์ มีความรู้มาก มีความสามารถมาก แยกปรมณูที่เล็กที่สุด จนเข้าถึงมิติที่ ๔ แล้ว
แต่ไอน์สไตน์ไม่รู้จักพระนิพพาน จึงเข้าพระนิพพานไม่ได้ "จิตที่แจ้งในอริยมรรคเท่านั้นจึงเป็นไป" เพื่อการตรัสรู้จริง ตรัสรู้ยิ่ง ตรัสรู้พร้อม เป็นไปเพื่อความดับทุกข์เป็นไปเพื่อนิพพาน .. "
"หลวงปู่ฝากไว้"
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล -
น.ศ.เจอหินข้างทาง เอะใจเป็นพระโบราณ รีบแจ้ง ตร. ผู้เชี่ยวชาญฟันธงอายุกว่า 1,200 ปี
น.ศ.เจอหินข้างทาง เอะใจเป็นพระโบราณ รีบแจ้ง ตร. ผู้เชี่ยวชาญฟันธงอายุกว่า 1,200 ปี
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ สภ.เมืองนครปฐม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดี 4 ราย ได้แก่ นายวรเชษฐ ศรีสุบาล นางสาวอาริญญา กันธิโน นายธนาวัช ป้องแก้ว และนายภัทรศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง บัณฑิตวิทยาลัยเพาะช่างและนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร ว่ามีการพบพระพุทธรูปหินบริเวณข้างทางใกล้วัดพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม คาดว่าเป็นโบราณวัตถุ ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและนำไปเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยพลเมืองดีช่วยกันยกขึ้นรถกระบะไปเก็บรักษายัง สภ.เมืองนครปฐม ชั่วคราว
นางสาวอาริญญากล่าวว่า พวกตนขับรถยนต์ผ่านบริเวณจุดตัดทางรถรถไฟใกล้วัดพระงาม สังเกตเห็นก้อนหินมีลักษณะคล้ายพระพุทธรูปหันหลัง ตั้งอยู่ริมถนนใกล้ทางรถไฟ โดยมั่นใจว่าเป็นโบราณวัตถุ เนื่องจากบริเวณที่พบใกล้แหล่งโบราณคดีสมัยทวารวดี จึงตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“รู้เลยว่าเป็นโบราณวัตถุยุคทวารวดีแน่ๆ ด้วยสภาพพื้นที่ จึงได้ไปถามลุงที่อยู่ตรงนั้นแกพูดว่า เห็นเป็นหินสวยดี ยกมาตั้งไว้กะว่าจะเอามาเขียนป้าย นานหลายสัปดาห์แล้ว... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ -
144ปี ชาตกาลพระครูบาศรีวิชัย มหาโพธิสัตว์ /มารไม่มี บารมีไม่เกิด
ขอบคุณภาพพระครูบาศรีวิชัย จาก เชียงใหม่นิวส์
******************************************************************************
ธรรมะเตือนสติ
พึงระลึกเอาไว้ “มารไม่มี บารมีไม่เกิด” โปรดระวังมาร 8 ตัวนี้ให้ดี
ครูบาเจ้าศรีวิชัย หรือครูบาศีลธรรม เป็นครูบาที่ได้รับการนับถือมากที่สุดในแผ่นดินล้านนา ท่านเกิดในหมู่บ้านยากจนที่บ้านปาง จ.ลำพูน นับตั้งแต่ท่านเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ท่านก็มุ่งหน้าศึกษาธรรมและยังประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาตลอดชีวิตของท่าน โดยเฉพาะการสร้างและบูรณะวัดวาอารามทั่วแผ่นดินล้านนา ด้วยหวังจะให้เป็นที่ขัดเกลาจิตใจ และเป็นศูนย์รวมในการทำความดีของศรัทธาประชาชนทั่วไป คนทั้งประเทศต่างถิ่นมักจะรู้จักท่านในผลงานสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ ที่เป็นผลงานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งจากหลายร้อยผลงาน
ตลอดชีวิตของท่านต้องพบ “มาร” มาขัดขวางการสร้างบุญบารมีตลอดเวลา ต้องถูกใส่ป้ายสีจนต้องอธิกรณ์มีการสอบสวนหลายครั้ง กักขังท่านเป็นระยะๆ มารทำกับท่านมากมายสารพัด เพียรพยายามจะ “สึก” ท่านให้ได้ด้วยอุบายต่างๆ ในท่ามการมรสุมร้ายเหล่านี้ ครูบาเจ้าท่านนิ่งสงบ มีเมตตา มีอุเบกขาเป็นที่ตั้ง
ท่านเพียงบอกว่า “มารไม่มี... -
ความเจ็บไข้ได้ป่วยสำหรับนักปฏิบัติแล้วถือเป็นกำไร
ความเจ็บไข้ได้ป่วยสำหรับนักปฏิบัติแล้วถือเป็นกำไรใหญ่ อันดับแรก...ได้เห็นว่าร่างกายนี้ไม่ดีจริง ๆ อันดับที่สอง...การประคับประคองร่างกายตัวเองต้องใช้กำลังของสติ สมาธิมากกว่าปกติ ในลักษณะอย่างนั้นกิเลสจะกินใจของเราไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นความตายมาอยู่ตรงหน้า อาการเจ็บไข้ได้ป่วยหนักอย่างนี้ไม่ทราบว่าจะรอดหรือเปล่า ? ถ้าท่านที่ทำได้ก็จะส่งใจไปเกาะพระหรือเกาะพระนิพพานไว้ก่อน เป็นการประกันความเสี่ยง แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักปฏิบัติธรรม บางทีก็โอดครวญอยู่กับความเจ็บป่วยนั้น
ถ้าเป็นนักปฏิบัติที่ปฏิบัติไปได้ระยะหนึ่ง บางทีไม่รู้ว่าตัวเองทำไปแล้ว ผลในการปฏิบัติมีมากน้อยเท่าไร ตอนเจ็บไข้ได้ป่วยหนัก ๆ จะรู้ว่าต้นทุนของเรามีเพียงพอหรือไม่ เพราะกำลังที่เราปฏิบัติได้ทั้งหมดจะมารวมตัวกัน แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตอนนั้นเรามีกำลังเท่าไร ถ้าใครเป็นแล้วกำลังใจไม่เกาะร่างกาย ปล่อยวางได้เป็นปกติ รักษาไปตามหน้าที่...หายก็หาย ถ้าไม่หาย...จะตายก็เชิญตามสบาย ถ้าไม่มีความหวั่นไหว ปล่อยวางได้ขนาดนั้น โอกาสที่จะไปพระนิพพานก็มีสูง จึงสามารถวัดผลการปฏิบัติของตนเองได้ด้วย... -
"อยู่ที่ใจนั่นแหละ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"อยู่ที่ใจนั่นแหละ"
" .. อะไรในโลกนี้ .. มารวมอยู่ที่ใจ "ทุกข์ทั้งโลก-สุขทั้งโลกมารวมอยู่ที่ใจหมด" เวลาชำระได้แล้วเหลือแต่สุขล้วน ๆ "อยู่ที่ใจนั่นแหละ" แสนสบายตรงนั้น นอกนั้นไม่อะไรสบายล่ะ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ -
คำแนะนำในการปฏิบัติสำหรับพระ
คำแนะนำในการปฏิบัติสำหรับพระ
ถาม : ขอคำแนะนำในเรื่องการปฏิบัติครับ ?
ตอบ : ในเรื่องของพระ สำคัญที่สุดก็คือ ศีล ทุกสิกขาบทต้องระมัดระวังให้ดี และงานของพระ สวดมนต์ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐานต่าง ๆ อย่าทิ้งเป็นอันขาด ถ้าทิ้งเมื่อไรกำลังเราจะไม่พอสู้กิเลส จะทำให้อยู่ในผ้าเหลืองไม่ได้
ถ้าหากเรารู้สึกว่า เดินจงกรมภาวนาแล้วเครียดไป ก็เปลี่ยนอิริยาบถไปทำอย่างอื่น เช่น ทำความสะอาดวัด ต้องรู้จักปรับตัวเอง ถ้าหากไม่ปรับตัวเอง มัวแต่เอาทื่อตรง ๆ อย่างเดียว บางทีไปไม่รอดหรอก แล้วก็ให้ทวนศีลไว้ทุกวัน
ถาม : กรรมฐานที่ควรทำ ?
ตอบ : ให้ใช้อานาปานสติเป็นหลัก หลังจากนั้นก็ควบพุทธานุสติ ถ้าหากได้สักอย่างหนึ่งแล้ว ที่เหลือเดี๋ยวมาเอง เพราะใช้กำลังจะเท่ากันหมด
ในการทรงฌานสี่ พอถึงเวลาเราทำได้สักกองหนึ่ง แล้วเปลี่ยนกองกรรมฐาน เปลี่ยนแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง ถ้าได้กองหนึ่ง ที่เหลือไม่ยากหรอก
ถาม : แล้วอานาปานสติต้องนึกภาพพระด้วยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าสามารถกำหนดด้วยได้ก็ดี เพิ่มงานให้ใจจะได้ไม่ฟุ้งไปเรื่องอื่น ควบพุทธานุสติไว้ปลอดภัยกว่า อย่างน้อย ๆ ถ้าเราตายก็ขอไปอยู่กับท่าน
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.... -
‘วิปัสสนากรรมฐาน’ ลดภาวะเครียด-ซึมเศร้าได้
ผศ.ดร.ตวงเพชร สมศรี เลขานุการหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา ภาคเสาร์-อาทิตย์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงการสอบป้องกันดุษฎีนิพนธ์ ของนิสิตระดับปริญญาเอก โดยพบว่ามีงานวิจัยที่น่าสนใจ คือ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่ส่งผลต่อการพัฒนาสุขภาพจิตของบุคคล ของพระปลัดสมภาร สมภาโร (ทวีรัตน์) ซึ่งดำนเนินการวิจัยเรื่องดังกล่าว เพื่อ 1.ศึกษาหลักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในพระไตรปิฎกเพื่อการพัฒนาสุขภาพจิต 2.ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีการพัฒนาสุขภาพจิต และรูปแบบ วิธีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามหลักสติปัฏฐานในประเทศไทย 3.ศึกษาประสิทธิผลของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่มีต่อสุขภาพจิตของบุคคล โดยวิจัยแบบผสมผสานประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณกึ่งทดลอง และการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้แบบสอบถามแบบวัดสุขภาพจิตในคนไทย เฉพาะ 3 ด้าน คือ 1.อาการทางกายเนื่องจากความผิดปกติทางจิต 2.ภาวะซึมเศร้า 3.ความวิตกกังวล เพื่อประเมินระดับสุขภาพจิตก่อนและหลังการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เป็นเวลา 7 คืน 8 วัน ในกลุ่มตัวอย่าง 50 คน... -
"ผู้ปฏิบัติเพื่อออกจากโลกนี้" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"ผู้ปฏิบัติเพื่อออกจากโลกนี้"
" .. "ผู้ใดชอบความสงบ" ประพฤติปฏิบัติไปเพื่อความสงบทางจิตใจ "ผู้นั้นได้ชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติออกจากโลกนี้" มองเห็นโลกนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ยุ่งเหยิง มีการอิจฉา พยาบาท เบียดเบียนซึ่งกันและกัน "ไม่รู้จักให้อภัยต่อกันและกัน"
เข้าทำนองว่า "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" อันนี้มันมีอยู่ในโลกนี้หาได้ถมไป นักปราชญ์ผู้มีปัญญา "ท่านพิจารณาเห็นอย่างนี้แล้ว จึงเหนื่อยหน่าย" ไม่ปรารถนาจะมาเกิดในโลกนี้อีก
"จึงภาวนาเข้าไป ใช้ปัญญาสอนจิต" ให้ปล่อยให้วางขันธ์ทั้ง ๕ อันนี้ไปเรื่อย ๆ "เมื่อใจปล่อยวางขันธ์ ๕ นี้ได้ ก็เป็นอันว่าจบลง" ไม่ต้องมาเกิด มาอาศัยขันธ์ ๕ นี้อีกต่อไป .. "
"สำรวมจิตของตนให้แน่วแน่"
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ -
ในหลวงโปรดเกล้าฯเชิญสัญญาบัตรพัดยศและผ้าไตรถวายแด่พระเทพมงคลวชิรมุนี
ในหลวงโปรดเกล้าฯเชิญสัญญาบัตรพัดยศและผ้าไตรถวายแด่พระเทพมงคลวชิรมุนี
วันที่ 09 มิ.ย. 2564 เวลา 16:36 น.
ในหลวงโปรดเกล้าฯ องคมนตรี เชิญสัญญาบัตรพัดยศและผ้าไตรถวายพระเทพมงคลวชิรมุนีในโอกาสตั้งพระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2564 เวลา 13.20 น. ที่ วัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี เชิญสัญญาบัตร พัดยศและผ้าไตร ถวายแด่พระเทพมงคลวชิรมุนี (หลวงปู่หา สุภโร) ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการ โปรดพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์พระราชาคณะ พระณาณวิสาลเถร เป็นพระเทพมงคลวชิรมุนี ภาวนาวิธีวราจารย์ ไพศาลศาสนกิจจาทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี พระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ สถิต ณ วัดสักกะวัน จังหวัดกาฬสินธุ์
พระเทพมงคลวชิรมุนี หรือหลวงปู่หา สุภโร เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ และอดีตรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ มีนามเดิมว่า หา ภูบุตตะ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2468 ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บ้านนาเชือก ตำบลเว่อ... -
"เหตุแห่งความยึดมั่นถือมั่น" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"เหตุแห่งความยึดมั่นถือมั่น"
" .. อันความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องทั้งปวงก็มีทุกข์โทษภัย "เช่นเดียวกับการจับต้องถ่านไฟอันลุกแดง แต่เพราะทุกคนไม่รู้ชัดจึงไม่กลัว" จึงเข้าไปยืดมั่นถือมั่นไว้และเมื่อได้รับทุกข์โทษภัยเพราะการยึดมั่นถือมั่น
ก็มีโมหะทำให้หลงผิดไปว่า "ทุกข์โทษภัยทั้งหลายที่เกิดกับตนนั้น เป็นเพราะผู้นั้นผู็นี้หรือสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นต้นเหตุ" หาได้เห็นความจริงว่า "เหตุที่แท้ของทุกข์โทษภัยที่ตนได้รับนั้นคือ ความยึดมั่นถือมั่นของตนเอง" .. "
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร -
มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ วอนบริจาคข้าวสารอาหารให้คนพิการ
9 มิ.ย. 2564 05:05 น.
มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการองค์กรสาธารณกุศลด้านคนพิการ ที่ดูแลผู้พิการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เข้าขั้นวิกฤติหนักทั้งข้าวสารอาหารแห้ง และของใช้จำเป็นในการเลี้ยงดูคนพิการที่อยู่ในความดูแลขาดแคลน
โดย ดร.สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์ เลขาธิการมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เปิดเผยว่า จากการระบาดระลอก 3 ของโควิด-19 ที่รุนแรงกว่าเดิม ส่งผลให้สภาวะเศรษฐกิจที่ทำท่าจะดี กลับตกต่ำอย่างต่อเนื่องลงไปอีก อันเป็นเหตุให้การดำเนินงานของมูลนิธิได้รับผลกระทบอย่างหนักถึงขึ้นวิกฤติก็ว่าได้ เนื่องจากขาดแคลนข้าวสารอาหารและของใช้จำเป็นต่างๆอย่างหนัก ซึ่งมูลนิธิได้บริโภคข้าวสาร 7 หมื่น กก.ต่อปี สำหรับเรื่องของอาหาร ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ณ เวลานี้ เนื่องจากสต๊อกข้าวสารอาหารแห้งและของใช้จำเป็นของมูลนิธิลดลงอย่างมาก เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤติก็ว่าได้ จึงวอนขอความเมตตา
เลขาธิการมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการกล่าวต่อว่า สืบเนื่องจากมูลนิธิฯ มีนักเรียนและนักศึกษาซึ่งเป็นคนพิการในความดูแลที่อาศัยอยู่ประจำ รวมบุคลากรและครู ซึ่งอยู่ในความดูแลกว่า 800 คน... -
เตรียมจิตสุดท้ายอย่างไร?
เตรียมจิตสุดท้ายอย่างไร? -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ -
พระสงฆ์กว่า 10,000 รูปทั่วประเทศ ได้รับการถวายวัคซีนโควิด-19 แล้ว
“อนุชา” เผย พระสงฆ์กว่า 10,000 รูป ได้รับการถวายวัคซีนโควิด-19 แล้ว ห่วงมีความเสี่ยงติดเชื้อ ส่วนเรื่องความเห็นต่าง พ.ร.ก.กู้เงิน มอง เป็นเรื่องปกติ เชื่อรัฐบาลแจงได้ทุกประเด็น
วันที่ 8 มิถุนายน 2564 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีการถวายการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แด่คณะสงฆ์ ตามที่สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ติดตามและอำนวยการความสะดวกแก่พระสงฆ์ที่เข้ารับถวายการฉีดวัคซีน โดยย้ำสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ ให้เร่งสำรวจข้อมูลและประสานกับสาธารณสุขจังหวัด เพื่อถวายการฉีดวัคซีนแด่คณะสงฆ์ให้ครอบคลุม ขณะในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ได้นิมนต์คณะสงฆ์มารับการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลสงฆ์ กระทรวงสาธารณสุขจัดทำขึ้น
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยต่อไปว่า ได้รับการรายงานข้อมูลปัจจุบันมีคณะสงฆ์ได้รับการถวายวัคซีนแล้วกว่า 10,000 รูปทั่วประเทศ ซึ่งยังคงมีคณะสงฆ์ทยอยรับการถวายวัคซีนอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลพยายามจัดสรรวัคซีนให้คณะสงฆ์อย่างทั่วถึง และส่วนตัวมีความเป็นห่วงคณะสงฆ์ที่อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19... -
การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ถาม : อานิสงส์การถวายพระพุทธรูปกับพระบรมสารีริกธาตุต่างกันหรือไม่ครับ ? เช่น การถวายพระบรมสารีริกธาตุ ๑ องค์มีอานิสงส์เทียบเท่ากับการถวายพระพุทธรูป ๑ องค์หรือไม่ครับ ? ถ้าไม่เท่ากัน กราบขอเมตตาพระอาจารย์สงเคราะห์ บอกอานิสงส์การถวายพระพุทธรูปและพระบรมสารีริกธาตุด้วยครับ ?
ตอบ : การถวายพระพุทธรูปเราได้อานิสงส์พุทธบูชา ถ้าหากว่าเกิดเป็นพรหมหรือเทวดาก็มีรัศมีกายสว่างมากกว่าผู้อื่น แต่การถวายพระบรมสารีริกธาตุยังไม่เคยมีตัวอย่างปรากฏมาก่อน ถ้าเราถือในลักษณะของการถวายเป็นพุทธบูชาควรที่จะทำให้สมพระเกียรติที่สุด
สมัยก่อนเรื่องของพระบรมสารีริกธาตุ เป็นวัตถุที่หายากมาก ๆ เราจะเห็นว่าบางที่บางแห่ง มีพระบรมสารีริกธาตุ ๑ องค์บ้าง ๒ องค์บ้าง หรือ ๓ องค์บ้าง แต่ว่ามีการสร้างเจดีย์ใหญ่โตมหึมาเพื่อบรรจุ แล้วมีการสละทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทอง บรรจุลงไปจนนับไม่ถ้วน อย่างกรุวัดราชบูรณะที่อยุธยา เฉพาะพลอยดิบอย่างเดียวเขาบอกว่าหลายสิบกระสอบ ฉะนั้น..ถ้าคิดจะเอาอานิสงส์ตรงนี้โปรดทราบว่า ทำให้สมกับพระเกียรติยศขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย... -
"อดีตล่วงไปแล้ว" (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)
.
"อดีตล่วงไปแล้ว"
" .. ถ้าเรามีสติอยู่ทุกขณะที่กระทำงานนั้น "เรียกว่าเป็นผู้มีสติและสัมปชัญญะ ความรู้ตัวอยู่เสมอ" เมื่อเราตั้งสติตรวจดูให้ละอียดละออแล้ว "เราจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า สิ่งที่เราทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้ว" เมื่อเรามาปฏิบัติในด้านจิตใจเช่นนี้ "ก็ให้สละสิ่งเหล่านั้นเสีย" อย่าเอามาคิดให้จิตของเรามันฟุ้งซ่าน .. "
"๑๐๓ โอวาทธรรมคำสอน"
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๔
หน้า 119 ของ 403