คลังเรื่องเด่น
-
ปฏิจจสมุปบาทมนสิการ
สัปดาห์วิสาขบูชา ๒๕๖๔
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔
วันที่ ๕ ภาคเช้า
โพธิกถา
ปฏิจจสมุปบาทมนสิการ
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง
เล่มที่ ๔ ข้อ ๑-๓
ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
ก่อนจะฟัง
พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง
เมื่อได้สมาธิดีแล้ว
ฟังพุทโธวาท และน้อมธรรมมาสู่ใจ
น้อมใจปฏิบัติตามพุทโธวาทตรง ๆ
ให้เข้าใจแจ้ง และได้สภาวะจิตดีจริง
เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง
วีดีโอ: 13:15 นาที
ปฏิบัติ: 25 นาที
-----
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ในอุรุเวลาประเทศ
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับนั่งด้วยบัลลังก์เดียว เสวยวิมุตติสุข ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ตลอด ๗ วัน
และทรงมนสิการปฏิจจสมุปบาทเป็นอนุโลมและปฏิโลม ตลอดปฐมยามแห่งราตรี ว่าดังนี้
ปฏิจจสมุปบาท อนุโลม
เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ... -
ทำความดี ขอให้ได้ทำเท่านั้น อย่าไปหวังผล
ส่วนใหญ่ญาติโยมมักจะเข้าใจว่า ทำความดีแล้วต้องได้ดี แสดงว่ายังวางกำลังใจผิด ความดีแค่ตั้งใจทำก็เป็นความดีของเราแล้ว ส่วนทำแล้วผลตอบแทนจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องไปใส่ใจ ขอให้ได้ทำก็พอ แค่ตั้งใจทำ มหากุศลก็เกิดขึ้นแล้ว
สมมติว่าตั้งใจจะมาถวายสังฆทาน มหากุศลเกิดขึ้นแล้ว อานิสงส์เป็นของเรา ถ้ายังมาไม่ถึงวัด เกิดมีอันเป็นไปก่อน พระก็ขาดทุน ฉะนั้น..เรื่องของการทำความดี ตั้งใจทำแล้วให้ได้ทำก็พอ ไม่ต้องไปใส่ใจว่าผลตอบแทนจะมีหรือไม่มี เพราะถ้าต้องการผลตอบแทนตรงนั้น เท่ากับว่ามีโลภเจตนา พอโลภเจตนาเกิดขึ้น ผลบุญจะโดนตัดไปเยอะเลย เพราะกำลังใจไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว การให้ทานนั้น ต้องมีเจตนาบริสุทธิ์ วัตถุทานบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ ถึงจะมีผลเต็มร้อยส่วน
ฉะนั้น...ต่อไปให้วางกำลังใจเสียใหม่ เรื่องของความดี เมื่ออยากทำ ขอให้ได้ทำเท่านั้น ส่วนจะดีตอบหรือไม่ดีตอบก็ช่างเถอะ
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๘ ณ บ้านวิริยบารมี -
คำสั่งคณะกรรมการระดมทุนพัฒนา มจร.ได้แต่งตั้งคณะบุคคล ผู้ทรงคุณวุฒิสาขาต่างๆ
จากคำสั่งคณะกรรมการระดมทุนพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มจร. ได้แต่งตั้งคณะบุคคล ผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาต่างๆ ร่วมเป็น คณะอนุกรรมการ ฝ่ายกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาของมจร. ชุดใหม่ โดยมี ดร. ศุภาชัย ผ่องสวัสดิ์ ( ดร. เอ) นักร้องเพลงไทยสากลรางวัลพระราชทาน นั่งเป็นประธานอนุกรรมการ โดยมี 2 ศิลปิน
ดร. เสมา สมบูรณ์( ไชยา มิตรชัย) ดร. อธิชาติ ชุมนานนท์
ดร. ทวีศักดิ์ เผ่าบัณฑูร เป็นรองประธานอนุกรรมการ และยังได้รับเกียรติจาก ผช. รมว.ประจำกระทรวงวัฒนธรรม ( นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์)
อธิบดีกรมการศาสนา ( นายเกรียงศักดิ์. บุญประสิทธิ์)
ดร. ดนัย. จันทร์เจ้าฉาย ดร. มนัส โนนุช ดร. อโนมา วิจิตรวิกรม
ดร. นิตยา อรุณวงศ์ รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส ศิลปินแห่งชาติ เป็นที่ปรึกษา
และคณะอนุกรรมการ อาทิ ดร. ปภัสรา เตชะไพบูลย์ ดร. เขมชาติ ปริญญานุสรณ์. ( คฑา ขินบัญชร) ดร. นรีกระจ่าง คันถมาตร์
พิไลวรรณ บุญล้น และ นาย วีระชัย แก่นภักดี ผู้บริหารเวบพลังจิต เป็นอนุกรรมการด้วย โดยหน้าที่อนุกรรมการในการช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาตามพันธกิจของมหาจุฬาฯ สืบไป -
วิสาขบูชาโลก วิสาขบูชาไทย พ.ศ. ๑๕๖๔
เนื่องในวันวิสาขบูชา พ.ศ. ๒๕๖๔ วันที่ ๒๖ พฤษภาคม นี้ นับเป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมา-สัมพุทธเจ้า และเป็นวันที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากล และในวาระครบรอบ ๑๕๑ ปีชาตกาล พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต บุคคลสำคัญของโลก พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๔ นับเป็นปีที่พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ จะได้น้อมรำลึกถึงคุณงามความดี ปฏิปทา น้อมนำข้อวัตรปฏิบัติและคำสอนขององค์ท่าน ให้คงอยู่คู่สังคมไทยอย่างมั่นคง
ในการนี้ มูลนิธิโรคตับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนได้ร่วมน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เนื่องในวันวิสาขบูชา พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของเราเองและบุคคลรอบข้าง ตลอดจนสังคมไทยสืบไป
ที่มา : มูลนิธิโรคตับหลวงปู่มั่น -
เราทำไปตามหน้าที่ของเรา พ้นจากนี้ไปแล้ว เราจะไปพระนิพพาน
ถาม : ตอนนี้หนูทำงาน หนูรู้สึกว่าไม่มีความสุขเลยค่ะ ?
ตอบ : ถูกแล้ว...ถ้าทำงานแล้วมีความสุขก็ไม่ใช่งานสิ เกิดมาทุกข์จะตายชัก ถ้ารู้สึกว่าโลกนี้มีความสุข แปลว่าโดนมารหลอกไปเต็ม ๆ แล้ว ถ้ารู้สึกว่าทุกข์ก็ใช่เลย เพียงแต่อย่าไปแบกทุกข์เอาไว้
เราทำไปตามหน้าที่ของเราเท่านั้น พ้นจากวันนี้ไปแล้ว เราก็จะไปพระนิพพานแล้ว เราทำแบบคนมีวันนี้แค่วันเดียว ถ้าเอาละเอียดหน่อย ก็มีแค่ชั่วลมหายใจเดียว เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าเวลาน้อยแล้วไม่ทำอะไร เวลายิ่งน้อยยิ่งต้องทำให้มากเข้าไว้ เพราะไม่มีเวลาที่จะทำอีกแล้ว
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
เลิกชั่วแล้วทุกอย่างจะดีเอง
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : เลิกชั่วแล้วทุกอย่างจะดีเอง
เคราะห์กรรมทุกอย่างมาจากการกระทำของเราก็คือกรรมเก่า เพราะฉะนั้น...อะไรเกิดขึ้นก็ทำใจรับได้ก็รับไป อาตมาเองระยะนี้ตาอักเสบตลอด เกิดจากเป็นต้อหิน ไปหาหมอแล้วคุณหมอบอกว่า “ไม่ต้องเสียเวลารักษาหรอกครับ อย่างไรก็บอดแน่นอน” ก็เลยปล่อยให้เป็นไปเอง เพราะว่าเราทำเอาไว้เราถึงได้ หากเราไม่เคยสร้างกรรมเอาไว้ก็จะไม่เป็นอย่างนี้ ผลงานของตัวเองก็จงรับไปแต่โดยดี ถ้าเราดิ้นรนจิตใจก็จะเป็นทุกข์
คุณหมอบอกว่า “ผมบอกตรง ๆ แบบนี้อย่าเครียดนะครับ” ก็ได้แต่ถอนใจว่า ดีที่คุณหมอบอกอาตมา ถ้าบอกคนอื่นป่านนี้เขาเครียดหัวหงอกไปแล้ว ไปบอกเขาได้ว่าตาบอดแน่นอน ไม่ต้องเสียเวลารักษา หมอช่างมีจิตวิทยาดีเหลือเกิน ตรงไปตรงมาจนน่าตื้บ...!
ถ้าตามที่หมอของโรงพยาบาลรัตนินบอก ว่ารักษาไม่หายหรอกเพราะต้อหินกินประสาทตา ก็ได้แต่รอวันที่หมดไป ระยะนี้ก็เห็นบ้างไม่เห็นบ้างสลับกันไปสลับกันมา เป็นทั้งสองข้าง แต่ไปหนักอยู่ข้างหนึ่ง แล้วหนักไปข้างที่ถนัดเสียด้วย
มองไม่เห็นภาระก็ลดไปเยอะ ยังขำ ๆ ตอนที่ถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่าจะแก้ไขได้ไหม ? ท่านบอกว่าข้าก็ไม่ได้ดีกว่าแกหรอก... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
ทำอานาปานสติ สลับกับ วิปัสสนาญาณ
ถาม : แต่ก่อนหนูปฏิบัติแบบยกมือของหลวงปู่เทียน ตอนนี้หนูเลิกแล้ว หันมาดูลมแบบอานาปานสติ ทำ ๆ ไปเหมือนสมถะก็ไม่แน่น ภาวนาไปแล้วก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง แล้วก็จะฟุ้ง คราวนี้พอฟุ้งก็รับมือกับมันไม่ถูกเหมือนแต่ก่อน ไม่เคยเห็นว่าความคิดมาเยอะขนาดนี้ อารมณ์ก็เยอะ กลายเป็นว่าเห็นว่าเราเลวแบบที่เราไม่เคยเห็น รู้สึกว่ากิเลสหยาบ ๆ เราก็เอาชนะไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าเราทำผิดหรือเราทำถูกค่ะ ?
ตอบ : การปฏิบัติ ถ้าเห็นความเลวของตัวเอง จริง ๆ แล้วก็คือความก้าวหน้า ถ้าหากว่าความก้าวหน้าไม่มี เราจะไม่เห็นโทษตรงนี้ ก็แปลว่าจริง ๆ แล้วดีมากกว่า เพียงแต่ว่าเราอย่าไปฟุ้งซ่านตาม ให้อยู่กับลมหายใจเข้าออกตามปกติ ถ้าเราสามารถรักษาความรู้สึกอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้ รัก โลภ โกรธ หลง จะโดนดับไปชั่วคราว
จริง ๆ แล้วก็คือความก้าวหน้า เพียงแต่ว่าก้าวหน้าโดยที่เราเห็นตัวเรามีความชั่วมากขึ้นเรื่อย ๆ การเห็นลักษณะนี้แหละที่จะทำให้เราเบื่อหน่าย พอเบื่อแล้วเราก็ไม่อยากได้ใคร่ดี ไม่อยากเกิดมามีร่างกายอย่างนี้ ไม่ต้องการเกิดมาในโลกนี้ ก็จะได้กำลังใจในส่วนที่เหลือ เหมือนอย่างกับว่าพร้อมที่จะสลัดหลุดไปทุกเวลา
ถาม : ถ้าบางทีเราดูลม... -
จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีมิจฉาฯ
จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีมิจฉาฯ
อาจารย์ไชย ณ พล
Q ถาม :
กราบอาจารย์ค่ะ สิ่งหนึ่งที่กลัวที่สุดทั้งในชาตินี้และในชาติที่ต้องเกิดอีกในอนาคตคือ มีมิจฉาแล้วไม่รู้ตัว
ช่วงหลังมานี้ได้พิจารณาว่า มิจฉาตัวไหนที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วคนเราจะหลงผิดแบบไม่รู้ตัวมากที่สุดทั้ง ๆ ที่มีสัมมาทิฏฐิประกบอยู่ระดับหนึ่ง ก็เห็นว่ามิจฉาสมาธิ มิจฉาญาณะ แล้วก็มิจฉาวิมุตติ น่าจะเป็นสามตัวที่น่ากลัวที่สุดเพราะเป็นสิ่ง (พิเศษ) ที่ผู้ปฏิบัติประจักษ์ด้วยการปฏิบัติของตนเองที่ทำให้บางคนเข้าใจว่าตัวเองพิเศษกว่าผู้อื่นหรือว่าได้บรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่งแล้วหรือเปล่า
จึงขอเรียนถามอาจารย์ว่า มิจฉาสมาธิ มิจฉาญาณะ แล้วก็มิจฉาวิมุตติ เกิดขึ้นได้อย่างไร มีอาการเป็นอย่างไร แล้วเราจะรู้ตัวเองได้อย่างไรว่าเรามิจฉาอยู่ เพื่อว่าหากเกิดขึ้นกับตัวเอง จะได้มีปัญญารู้ตัวแก้ไขได้ทันค่ะ
A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :
มิจฉาสมาธิ
มีหลายลักษณะ คือ
1. เข้าสมาธิด้วยเป้าหมายที่ผิด เช่น เข้าสมาธิเพื่อจะถอดจิตไปหาแฟน ณ แดนไกล ในโลกนี้บ้างในโลกอื่นบ้าง ก็ทำได้นะ แต่ยังวนเวียนอยู่ในทุกข์เหมือนเดิม และสมาธิก็จะลุ่ม ๆ ดอน ๆ เดี๋ยวได้เดี๋ยวหาย
2.... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
กรรมที่เรากำลังเผชิญอยู่ ล้วนเกิดจากสิ่งที่เราเคยทำเอาไว้เองทั้งนั้น
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : เลิกชั่วแล้วทุกอย่างจะดีเอง
เคราะห์กรรมทุกอย่างมาจากการกระทำของเราก็คือกรรมเก่า เพราะฉะนั้น...อะไรเกิดขึ้นก็ทำใจรับได้ก็รับไป อาตมาเองระยะนี้ตาอักเสบตลอด เกิดจากเป็นต้อหิน ไปหาหมอแล้วคุณหมอบอกว่า “ไม่ต้องเสียเวลารักษาหรอกครับ อย่างไรก็บอดแน่นอน” ก็เลยปล่อยให้เป็นไปเอง เพราะว่าเราทำเอาไว้เราถึงได้ หากเราไม่เคยสร้างกรรมเอาไว้ก็จะไม่เป็นอย่างนี้ ผลงานของตัวเองก็จงรับไปแต่โดยดี ถ้าเราดิ้นรนจิตใจก็จะเป็นทุกข์
คุณหมอบอกว่า “ผมบอกตรง ๆ แบบนี้อย่าเครียดนะครับ” ก็ได้แต่ถอนใจว่า ดีที่คุณหมอบอกอาตมา ถ้าบอกคนอื่นป่านนี้เขาเครียดหัวหงอกไปแล้ว ไปบอกเขาได้ว่าตาบอดแน่นอน ไม่ต้องเสียเวลารักษา หมอช่างมีจิตวิทยาดีเหลือเกิน ตรงไปตรงมาจนน่าตื้บ...!
ถ้าตามที่หมอของโรงพยาบาลรัตนินบอก ว่ารักษาไม่หายหรอกเพราะต้อหินกินประสาทตา ก็ได้แต่รอวันที่หมดไป ระยะนี้ก็เห็นบ้างไม่เห็นบ้างสลับกันไปสลับกันมา เป็นทั้งสองข้าง แต่ไปหนักอยู่ข้างหนึ่ง แล้วหนักไปข้างที่ถนัดเสียด้วย
มองไม่เห็นภาระก็ลดไปเยอะ ยังขำ ๆ ตอนที่ถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่าจะแก้ไขได้ไหม ? ท่านบอกว่าข้าก็ไม่ได้ดีกว่าแกหรอก... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
พญานาคมังกรพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีเพื่อโพธิญาณ
=AZVg5wYVW2gEal2T9GD3-1pZ_v_Pa4jnzaX_aNiUEemDNb2y0VDWrj0pALh151lwRyhoWweSOkBXw2xZJ5g0KVuQc9LVI5LjjvaKYvcflhE6I0N7uhBOv5zYRiaVomqs_1D4O_Bth_uUZ3AbZowG8Dousu2k8HENuLKZctoeW1MtQnLiT0dZrm44Mk3N5IrDd6k&__tn__=*NK-R']#พญานาคมังกรพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีเพื่อโพธิญาณ
=AZVg5wYVW2gEal2T9GD3-1pZ_v_Pa4jnzaX_aNiUEemDNb2y0VDWrj0pALh151lwRyhoWweSOkBXw2xZJ5g0KVuQc9LVI5LjjvaKYvcflhE6I0N7uhBOv5zYRiaVomqs_1D4O_Bth_uUZ3AbZowG8Dousu2k8HENuLKZctoeW1MtQnLiT0dZrm44Mk3N5IrDd6k&__tn__=*NK-R']#หลวงปู่จาม มหาปุญโญ
=AZVg5wYVW2gEal2T9GD3-1pZ_v_Pa4jnzaX_aNiUEemDNb2y0VDWrj0pALh151lwRyhoWweSOkBXw2xZJ5g0KVuQc9LVI5LjjvaKYvcflhE6I0N7uhBOv5zYRiaVomqs_1D4O_Bth_uUZ3AbZowG8Dousu2k8HENuLKZctoeW1MtQnLiT0dZrm44Mk3N5IrDd6k&__tn__=*NK-R']#วัดป่าวิเวกวัฒนาราม มุกดาหาร
................................................
“... -
การทำบุญ ทำเร็ว ๆ ทำไว ๆ จะได้อะไรมาง่าย ๆ
จูเฬกสาฎกเป็นตัวอย่างของคนที่ทำบุญช้า บางรายโยมเขามาทำบุญตรงนี้ ก็เข้าแถวรอหรือนั่งรอเพื่อนก่อน นั่งรอครอบครัวก่อน เป็นอาตมาไม่รอหรอก ใครทำบุญก็เอาด้วย ฝากเขาร่วมทำบุญทันที
จูเฬกสาฎกเป็นพราหมณ์ มีฐานะยากจน จริง ๆ แล้วพราหมณ์ไม่ใช่รวยนะ พราหมณ์ที่รวยส่วนใหญ่แล้วก็คือพราหมณ์ที่ได้ทำพิธีในวัง หรือทำพิธีให้กับมหาเศรษฐี และที่เขาบูชายัญกันครั้งละมาก ๆ นั่นเป็นอุบายหลอกกินของพราหมณ์ เพราะสัตว์ที่เอามาฆ่าบูชายัญ พราหมณ์จะเอาไปกินหมด บางทีก็เอาไปขาย เอาไปให้ลูกให้เมียบ้าง
จูเฬกสาฎกแกจน มีผ้านุ่งผืนเดียว พูดง่าย ๆ ว่าผัวกับเมียมีผ้านุ่งคนละผืน แต่ผ้าห่มมีผืนเดียว ถ้าจะออกจากบ้านต้องผลัดกันห่มออกไป ถ้าเปรียบกับสมัยนี้ก็คือมีกางเกงคนละตัว แต่ไม่มีเสื้อ พอออกจากบ้านต้องผลัดกันใส่เสื้อ
จูเฬกสาฎกได้ข่าวว่าพระพุทธเจ้ามาโปรดก็เลยไปฟังธรรม ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าเทศน์ถูกใจจูเฬกสาฎกเหลือเกิน คนนั้นก็มีสิ่งของถวายพระพุทธเจ้า คนนี้ก็มีสิ่งของถวายพระพุทธเจ้า ส่วนจูเฬกสาฎกไม่มีของถวาย ก็เลยอยากจะปลดผ้าห่มตัวเองถวาย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ายาย (ภรรยา) ยังอยู่ที่บ้าน
พระพุทธเจ้าเทศน์ดีขนาดนี้ ถ้าปลดผ้าถวายไป... -
ผู้มีบุตรย่อมได้รับความทุกข์เพราะบุตร ผู้มีโคย่อมได้รับความทุกข์เพราะโค
ผู้มีบุตรย่อมได้รับความทุกข์เพราะบุตร ผู้มีโคย่อมได้รับความทุกข์เพราะโค
ในสังยุตตนิกาย สคาถวรรค มีเทวดามากล่าวบทคาถาต่าง ๆ เหมือนกับเป็นโคลงเป็นกลอน ถ้าบทไหนถูกต้อง พระพุทธเจ้าก็จะประทานสาธุการให้ ถ้าบทไหนที่ยังไม่ตรงกับความจริง พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสแก้ไข
มีเทวดาท่านหนึ่ง กล่าวกับพระพุทธเจ้าว่า "ผู้มีบุตรย่อมปลื้มใจเพราะบุตร ผู้มีโคย่อมปลื้มใจเพราะโค" พระพุทธเจ้าไม่ได้ค้านแม้แต่คำเดียว แต่พระองค์ท่านเปลี่ยนใหม่ว่า "ผู้มีบุตรย่อมได้รับความทุกข์เพราะบุตร ผู้มีโคย่อมได้รับความทุกข์เพราะโค"
ถาม : ทำไมถึงบอกว่าการมีบุตรเป็นทุกข์ ในขณะที่พ่อแม่เขาเห็นลูก เขาก็มีความชื่นใจ เขาจะทุกข์ได้อย่างไร ?
ตอบ : ชื่นใจมากเลย แต่ไม่เหนื่อยเพราะเลี้ยงลูกใช่ไหม ? ต้องอดตาหลับขับตานอนเลี้ยงดู เจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องคอยเฝ้ารักษา
มีฝรั่งคนหนึ่งเขาบอกว่า ใครก็ตามที่คิดจะแต่งงานให้เตรียมตัวดังนี้ ข้อแรก ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ประมาณห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน ตื่นขึ้นมาแล้วเอาหมอนไปชุบน้ำให้เปียก ๆ อุ้มหมอนใบนั้นเดินไปเดินมาสัก ๒ ชั่วโมง ถ้าทำอย่างนี้ทุกคืน ๆ ต่อเนื่องได้เป็นเดือน ก็แปลว่าพอที่จะแต่งงานได้
ข้อที่สอง... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
การฝึกเพ่งภาพพระพุทธรูป
ถาม : การฝึกเพ่งภาพพระพุทธรูป เมื่อนิมิตติดตาแล้ว สามารถนึกได้ทุกครั้งที่ต้องการ ต้องชัดขนาดไหนครับ จึงจะฝึกขยายให้เล็กให้ใหญ่ได้ ?
ตอบ : ถ้าภาพติดตาแล้ว เรามีหน้าที่ประคับประคองรักษาภาพไปเรื่อย ๆ ภาพนั้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนสีไปเรื่อย ถ้าเป็นพระพุทธรูปแก้วการเปลี่ยนแปลงก็น้อย
แต่ถ้าเป็นพระพุทธรูปไม้หรือโลหะทองเหลือง จะเปลี่ยนไปเรื่อย จากสีทองทึบก็จะจางลง ๆ ลักษณะเหมือนกับเป็นสีเหลืองก่อน เป็นสีเหลืองอ่อน แล้วเป็นสีขาว สีขาวก็ใสเรื่อย จนกระทั่งใสเจิดจ้าเหมือนเรามองหลอดไฟ หรือมองดวงอาทิตย์ ถึงตอนนี้ก็อธิษฐานให้ใหญ่ให้เล็กได้ ไม่ใช่ว่าชัดแค่ไหน แต่เป็นว่าสว่างแค่ไหนต่างหาก
__________________
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
คัดลอกข้อความมาจาก
https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2603
=AZU1qX0wZxnYB4Dbzsoq77i_PoMwDrjFo9HzU_kq1DCozcHsXLCCtrzambbM2xs_XCRYWTvjAKHEY1GVeoZfyHQJJ-11nGHRM9bSpCIE0FC7EBOiz7MCOpj55Wil73X2RYPTmlYHH0bbAYUCttek7gDjN2y8K76c5PDmjKaDeFFPUENDODi1ZsJuMdZha84Q0wU&__tn__=*NK-R']#พระครูวิลาศกาญจนธรรม... -
สภาวะของการละนันทิ
สภาวะของการละนันทิ
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/duenjitpage/ Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/duenjitfound... Youtube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/duenjit Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/duen_jit/ Soundcloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/duenjit LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://line.me/ti/g2/SStK5q9sZl2eM77... LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ Website เดินจิต : https://www.duenjit.com/ ตารางคอร์ส : https://www.duenjit.com/calendar
ขอบคุณภาพประกอบจาก พระไตรปิฏกดอทคอม -
ถ้าหากว่าธาตุสี่แปรปรวนไปก็เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าขาดหายไปก็ถึงแก่ความตาย
วันนี้จะขอกล่าวต่อจาก ๒ วันก่อน คือการที่เราได้พิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ของสรรพสิ่งทั้งหลายไปแล้ว สำหรับวันนี้คือการพิจารณาให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา ยึดถือมั่นหมายไม่ได้ โดยเฉพาะอัตภาพร่างกายนี้ที่เรารักที่สุด หวงแหนที่สุด
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ร่างกายนี้ประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ส่วนที่แข็งเป็นแท่ง เป็นก้อน เป็นชิ้น เป็นอัน จับได้ ต้องได้ คือ ธาตุดิน ประกอบไปด้วย ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ กระดูก เยื่อในกระดูก เส้นเอ็น อวัยวะภายในอื่น ๆ อย่างเช่น ตับ ไต ไส้ ปอด สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่ว่าจะอยู่ภายนอก อยู่ภายใน จับได้ ต้องได้ มีความแค่นแข็ง สิ่งนั้นถือว่าเป็นธาตุดิน เราลองแยกเอาไว้ส่วนหนึ่ง
ส่วนที่มีอาการเหลวไหล เอิบอาบ ชุ่มชื้น เคร่งตึงอยู่ในร่างกายของเราคือธาตุน้ำ ได้แก่ เลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำตา น้ำลาย น้ำดี เหงื่อ ไขมันเหลว ปัสสาวะ ลองแยกไว้อีกส่วนหนึ่ง
ส่วนที่พัดไปมาในร่างกายของเราเรียกว่า ธาตุลม ได้แก่ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ลมที่ค้างอยู่ในท้องในไส้ ที่เรียกว่าแก๊ส... -
"ให้เอาชนะตัวเอง" (หลวงพ่อชา สุภทโท)
.
"ให้เอาชนะตัวเอง"
" .. การตั้งไว้ในใจของผู้ประพฤติปฏิบัตินี้ "ให้เอาชนะตัวเอง" ไม่ต้องเอาชนะคนอื่น "ให้สอนตัวเอง" ไม่ต้องพยายามสอนคนอื่นให้มากที่สุด เดินไปก็ให้สอนตัวเองทั้งนั้น
นั่งก็ให้สอนตัวเองได้ทุกอย่างให้มีในตัวของเราอยู่เสมอ "เรียกว่าสติ สตินั้นแหละเป็นแม่บทของผู้เจริญกรรมฐาน" สติอันนั้นเมื่อมันมีความรู้สึกขึ้นปัญญาก็จะวิ่งมา "ถ้าสติไม่มี ปัญญาก็เลิก ไม่มี"
ฉะนั้นจงพากันตั้งใจถึงแม้ว่าเราจะมีเวลาน้อยก็ช่างมัน "เวลาน้อยก็ยังเป็นอุปนิสัย ยังเป็นปัจจัย" อย่างอื่นจะหาเป็นที่พึ่งอย่างพุทธศาสนานี่ไม่มี มันจบอยู่ตรงนี้ไปไหนก็ไม่จบ "แต่พุทธศาสนาทำให้มันจบอยู่ตรงนี้" .. "
"ตามดูจิต การปฏิบัติที่ให้ผลเร็ว"
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทโท) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
คำเรียกขานผู้ที่บวชเป็นพระในภาคต่าง ๆ
ถาม : ทางอีสาน พระบวชใหม่เขาเรียกว่าครูบา ?
ตอบ : บวชใหม่ก็คือพระ
ถาม : เพื่อนไปบวชแล้วเขาเรียกครูบา ?
ตอบ : ถ้าหากว่าได้รับการสรงน้ำจากโยม ๓ ครั้งขึ้นไป เขาเรียกว่า “จารย์” ถ้าหากว่าเป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาเรียก “ญาคู” ถ้าสึกออกมาก็เป็น “เซียง” ถ้าไม่เรียกญาคูก็เรียก “ญาท่าน” คำนี้มาจาก “อาชญา” หรือ “อาญา” ก็คือมีอำนาจในการที่จะลงโทษคนอื่น ถ้าสั่งสอนแล้วไม่ฟังก็ “ผัวะ” ได้เลย..!
ถาม : เวลาเขาบอกว่า มีพระเถรานุเถระจากอีสาน ก็จะมีครูบานั้นครูบานี้ ?
ตอบ : อาจจะเป็นธรรมเนียมเฉพาะที่ อย่างบางที่อาตมาไป เขาเรียกพระทุกรูปว่า “ครูบา” คำนี้เป็นธรรมเนียมภาคเหนือไม่ใช่ธรรมเนียมอีสาน
ครูบาภาคเหนือแบ่งเป็นสองส่วนด้วยกัน ส่วนหนึ่งก็คือได้รับการอภิเษก คำว่าอภิเษกนี้แบ่งเป็นสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ ทางคณะสงฆ์เห็นสมควรก็สวดยกขึ้นเป็นครูบา อีกส่วนหนึ่งก็คือ ทางบ้านเมืองเห็นสมควร เป็นครูบาอาจารย์ที่บรรดาเจ้าใหญ่นายโตเขาเคารพนับถือ ก็ขอร้องพระให้ช่วยสวดยกขึ้นเป็นครูบา แต่ว่าทั้งสองอย่างเหมือนกันก็คือ ต้องมีอายุสมควร มีพรรษาสมควร มีความดีเป็นที่เคารพนับถือเลื่อมใสของผู้คนจริง... -
"สันโดษเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"สันโดษเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง"
" .. เพราะทำให้จิตใจได้รู้จักกับความมั่งมี "จิตใจที่ขาดสันโดษประกอบด้วยความปรารถนากระหายในสิ่งต่าง ๆ ย่อมรู้จักว่าขาดแคลนอยู่เสมอ" แม้จะได้ภูเขาที่เป็นทองทั้งลูกก็คงขาดแคลนอยู่นั่นเอง ท่านจึงแสดงว่า "แม่น้ำเสมอด้วยตัณหาคือความอยากไม่มี" .. "
"แสงส่องใจ"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
คำแนะนำในการภาวนาพระคาถาเงินล้าน
คำแนะนำในการภาวนาพระคาถาเงินล้าน
เก็บตกจากงานพุทธาภิเษกที่วัดเขาวง
๓๐ เมษายน - ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓
องค์พระปัจเจกพุทธเจ้าต้องการให้พวกเราทุกคน เข้าใจถึงวิธีในการเจริญภาวนาคาถาเงินล้าน เพื่อให้เกิดผลสูงสุด ที่จะพึงมีพึงได้ตามวาสนาบารมีของแต่ละคน ดังนั้นขอให้ทุกท่านตั้งกายให้ตรง แต่ไม่ใช่เกร็ง เวลาหายใจเข้า นึกถึงคาถาเงินล้านที่เราภาวนา ไหลตามลมหายใจเข้าไป จนสุดลมหายใจของเรา ให้อยู่ตรงนั้น นั่นคือศูนย์กลางกาย
ให้ทุกคนขยับโยกหน้าโยกหลัง หาความตรงพอดี ๆ ให้เป็นศูนย์กลางของเรา เสร็จแล้วคำภาวนาทั้งหมดของเรา ให้กำหนดจดจ่อลงตรงนั้น โดยใช้สมาธิเพียงเบา ๆ ท่านที่ทรงสมาธิในระดับใช้งานได้จะเข้าใจตรงจุดนี้เลย แต่ถ้าหากว่าท่านที่ยังไม่เข้าใจ ให้รู้สึกเหมือนลมหายใจแตะแผ่ว ๆ อยู่ตรงศูนย์กลางกาย แล้วภาวนาคาถาเงินล้านของเราไปเรื่อย ๆ
องค์พระปัจเจกพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า ถ้าใครสามารถทำอย่างนี้ได้ต่อเนื่องกัน วันละประมาณ ๑ ชั่วโมง จะมีความคล่องตัวมาก จะทำงานใหญ่ขนาดไหน เงินทองก็จะไม่ขาดมือ ยิ่งถ้าเป็นบุคคลที่เริ่มด้วยทานบารมีมาตั้งแต่อดีต ทรัพย์สินเงินทองจะไหลมาเทมามากเป็นพิเศษ... -
"จะพ้นทุกข์ได้ต้องทำจิตให้สงบ" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"จะพ้นทุกข์ได้ต้องทำจิตให้สงบ"
" .. บุคคลจะพ้นทุกข์ได้นั้น "ก็เพราะมาพยายามภาวนา ทำจิตใจให้สงบ ทวนกระแสจิตเข้ามาในปัจจุบัน" เห็นตามว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ไม่ใช่ตัวตนอะไร เมื่อมันมาเห็นแจ้ง มันก็ตื่นตัว "รู้ว่าตนนั้นมาหลงอาศัยอยู่ในของไม่เที่ยง" มาอาศัยในสิ่งที่บังคับไม่ได้ ไม่เป็นไปตามใจหวัง
เมื่อมันรู้ดังนี้ "มันก็ปล่อยวาง" นี่แหละ "ไม่ยึดไม่ถือ ไม่สำคัญว่าเป็นตัวเป็นตน" ก็เป็นอันว่า "รู้จักต้นเหตุแห่งทุกข์" คืออุปาทานความยึดถือ "เมื่อละความยึดถือนี่ได้ ทุกข์ทางใจมันก็ดับไปหมดเลย" เป็นอย่างนั้น .. "
"ธรรมโอวาท"
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
"สอนลงที่ใจ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"สอนลงที่ใจ"
" .. ศาสนาพุทธเรานี้ไม่นิยมในการก่อการสร้าง "สร้างหัวใจเป็นสำคัญ ท่านสอนลงที่หัวใจ สร้างลงที่หัวใจ แก้ที่หัวใจนี่" แก้นี้แล้วกาย วาจา ความประพฤติ หน้าที่การงาน มันหากเป็นไปตาม ๆ กันหมดถ้าใจดีเสียอย่างเดียว ท่านสอนลงในจุดนี้ต่างหาก .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1270&CatID=2 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
ถ้าพิสูจน์นรก-สวรรค์ไม่ได้ อย่าไปสอนคนอื่นว่ามันไม่มี
ถ้าพิสูจน์นรก-สวรรค์ไม่ได้ อย่าไปสอนคนอื่นว่ามันไม่มี
"... พระสมัยใหม่ที่เรียนแต่เพียงบาลี แล้วผู้สอนแนวการสอน ไม่ใช่รู้จริงในบางเรื่อง มักจะคิดกันหรือวางแนวกันว่า อะไรที่ตนพิสูจน์ไม่ได้ ว่าสิ่งนั้นไม่มี ผิดครับ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์แท้ นักวิทยาศาสตร์แท้นะครับ ถ้าอะไรที่พิสูจน์ไม่ได้ ต้องดูไม่ได้เพราะอะไร ไม่ได้เพราะว่าพิสูจน์แล้วมันไม่ได้ผลพิสูจน์ตามที่เป็นจริง อันนั้นไม่เป็นจริงอย่างนั้นถูก แต่พิสูจน์ไม่ได้ เพราะวิธีพิสูจน์ไม่สมบูรณ์ไม่ถูกถ้วน มันเลยไม่ได้ผลตามที่เป็นจริง อันนี้จะถือว่าพิสูจน์ไม่ได้ ไม่ได้!!! นี้ข้อที่ 1
ข้อที่ 2 คนที่พูดว่าพิสูจน์ไม่ได้ว่านรกสวรรค์อยู่ไหนมองไปไม่เห็น นรกอยู่ไหนมองไปก็ไม่เห็น ขุดไปเจอแต่ดิน ขุดจากดินเจอแร่ ขุดจากแร่เจอน้ำมัน ไม่เห็นมันมีนรกสักกะอย่าง ขุดจากนี่ทะลุประเทศไทยไปโผล่อเมริกามันตรงกันจริง ๆ นะครับ ไม่เห็นมันมีนรกอยู่ตรงไหน ก็เลยอ้างว่านี่นรกสวรรค์ไม่มี พิสูจน์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นนรกสวรรค์ไม่มี พระเองก็สอนกันอย่างนั้น
มีพระสมัยใหม่ที่พูดกันอย่างงั้น นั่นแหละครับ นรกมันจะรองรับ เพราะไม่ใช่วิธีพิสูจน์เรื่องนรกสวรรค์ที่ถูกต้อง...
หน้า 121 ของ 403