คลังเรื่องเด่น
-
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
ถ้าพิสูจน์นรก-สวรรค์ไม่ได้ อย่าไปสอนคนอื่นว่ามันไม่มี
ถ้าพิสูจน์นรก-สวรรค์ไม่ได้ อย่าไปสอนคนอื่นว่ามันไม่มี
"... พระสมัยใหม่ที่เรียนแต่เพียงบาลี แล้วผู้สอนแนวการสอน ไม่ใช่รู้จริงในบางเรื่อง มักจะคิดกันหรือวางแนวกันว่า อะไรที่ตนพิสูจน์ไม่ได้ ว่าสิ่งนั้นไม่มี ผิดครับ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์แท้ นักวิทยาศาสตร์แท้นะครับ ถ้าอะไรที่พิสูจน์ไม่ได้ ต้องดูไม่ได้เพราะอะไร ไม่ได้เพราะว่าพิสูจน์แล้วมันไม่ได้ผลพิสูจน์ตามที่เป็นจริง อันนั้นไม่เป็นจริงอย่างนั้นถูก แต่พิสูจน์ไม่ได้ เพราะวิธีพิสูจน์ไม่สมบูรณ์ไม่ถูกถ้วน มันเลยไม่ได้ผลตามที่เป็นจริง อันนี้จะถือว่าพิสูจน์ไม่ได้ ไม่ได้!!! นี้ข้อที่ 1
ข้อที่ 2 คนที่พูดว่าพิสูจน์ไม่ได้ว่านรกสวรรค์อยู่ไหนมองไปไม่เห็น นรกอยู่ไหนมองไปก็ไม่เห็น ขุดไปเจอแต่ดิน ขุดจากดินเจอแร่ ขุดจากแร่เจอน้ำมัน ไม่เห็นมันมีนรกสักกะอย่าง ขุดจากนี่ทะลุประเทศไทยไปโผล่อเมริกามันตรงกันจริง ๆ นะครับ ไม่เห็นมันมีนรกอยู่ตรงไหน ก็เลยอ้างว่านี่นรกสวรรค์ไม่มี พิสูจน์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นนรกสวรรค์ไม่มี พระเองก็สอนกันอย่างนั้น
มีพระสมัยใหม่ที่พูดกันอย่างงั้น นั่นแหละครับ นรกมันจะรองรับ เพราะไม่ใช่วิธีพิสูจน์เรื่องนรกสวรรค์ที่ถูกต้อง... -
"มีธรรมะ คือมีปัญญา" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"มีธรรมะ คือมีปัญญา"
" .. ธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนนั้น ไม่ใช่ธรรมะที่เพื่อฟังเฉย ๆ หรือรู้เฉย ๆ "แต่เป็นธรรมะที่ต้องปฏิบัติ ต้องทำให้เกิดขึ้น" ต้องทำให้มีขึ้นในใจของเราให้ได้ "จะไปที่ไหนก็ให้มีธรรมะ" จะพูดก็ให้มีธรรมะ จะเดินก็ให้มีธรรมะ จะนอนก็ให้มีธรรมะ จะทำอะไร ๆ ก็ให้มีธรรมะทั้งนั้น
คำว่า "มีธรรมะ" นี้ก็คือ "จะทำอะไรก็ตาม จะพูดอะไรก็ตาม ให้ทำด้วยปัญญา" ให้พูดด้วยปัญญา ให้นึกคิดด้วยปัญญา "ผู้ใดมีสติ สัมปชัญญะควบคู่กับปัญญาอยู่ตลอดเวลาแล้ว ผู้นั้นย่อมอยู่ใกล้พระพุทธเจ้าทุกเมื่อ" .. "
"๔๘ พระธรรมเทศนา"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
"อยากรู้อะไรค้นได้ที่จิต" (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
.
"อยากรู้อะไรค้นได้ที่จิต"
" .. "ผู้ที่สามารถสอบเปรียญ ๙ ประโยคได้นั้น" ต้องมีความเพียรอย่างมากและมีความฉลาดเพียงพอ "เพราะถือว่าเป็นการจบหลักสูตรฝ่ายปริยัติ" และต้องแตกฉานในพระไตรปิฎก "การสนใจทางปริยัติเพียงอย่างเดียวพ้นทุกข์ไม่ได้ ต้องสนใจปฏิบัติทางจิตต่อไปอีกด้วย" ..
หลวงปูกล่าวว่า ..
"พระธรรมทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นั้น" ออกไปจากจิตของพระพุทธเจ้าทั้งหมด "ทุกสิ่งทุกอย่างออกจากจิต อยากรู้อะไรค้นได้ที่จิต" .. "
"หลวงปู่ฝากไว้"
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล -
ขอให้พยายามเป็นต้นแบบให้คนอื่น ก็คืออยู่ในศีลกินในธรรมตามแบบของเราไป
“ขอให้พยายามเป็นต้นแบบให้คนอื่น ก็คืออยู่ในศีลกินในธรรมตามแบบของเราไป ใครเขาจะว่าโง่ ใครเขาจะว่าบ้า ก็ช่างมัน อย่างน้อยจะได้เป็นตัวอย่างที่ดีให้คนอื่นเขาทำตามได้ โดยเฉพาะอย่าท้อถอย อย่าหมดกำลังใจ ถ้าจะท้อถอยจะหมดกำลังใจ ให้ดูในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตลอดระยะเวลา ๗๐ ปีที่ทรงครองราชย์ ต่อสู้ทุกอย่างเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน โดยไม่เห็นแก่สุขภาพของพระองค์ท่านเลย พูดง่าย ๆ ก็คือไม่เห็นแก่ชีวิต
หรือไม่ถ้าจะดูไกลกว่านั้นก็ดูพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านตรัสว่า ในสังสารวัฏที่ยาวไกลไม่เห็นต้นเห็นปลายนี้ ขึ้นชื่อว่าความท้อแม้แต่น้อยหนึ่งไม่เคยปรากฏในดวงใจของพระองค์ท่านเลย ตั้งหน้าทำไป ส่วนผลจะเกิดหรือไม่เกิดช่าง ตักน้ำรดหัวตอต่อไปเรื่อย ๆ ถึงไม่งอกให้เปียกก็ยังดี อย่างน้อย ๆ เราก็ได้ทำแล้ว
อย่าเอาแต่งอมืองอเท้าอยู่อย่างเดียว ถ้าเราไม่กล้าทำ ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด สิ่งที่ไม่ดีไม่งามจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตรัสว่า ต้องพยายามสนับสนุนให้คนดีมีอำนาจในบ้านในเมือง ถ้าหากว่าคนดีมีอำนาจในบ้านในเมือง คนชั่วก็จะแสดงอำนาจไม่ได้”
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ... -
"อภัยทาน คือการตัดเวรตัดกรรม" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"อภัยทาน คือการตัดเวรตัดกรรม"
" .. คำว่า "ให้อภัยทานนั้น" ก็หมายความว่า "ใครมาว่าเรา ด้วยกาย วาจา ต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี เราให้อภัยไปเลย" เราไม่ถือโกรธหรือเกลียด "แม้เขาจะนินทาลับหลังก็ตาม" เมื่อมีใครมาเล่าให้ฟังแล้ว "ก็ให้อภัยเขา ไม่ต้องไปคิดแก้แค้นกัน" หรือว่า "เขาจะมาแสดงกิริยา หยาบคายต่าง ๆ ต่อหน้าต่อตาเรา เราก็ไม่เอาเรื่อง ไม่ตอบโต้" ในทางที่ไม่ดี พูดง่าย ๆ ว่า เขาพูดไม่ดีต่อเรา เราก็ยังพูดดีต่อเขา
"นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า" พระพุทธเจ้าทรงสอนอย่างนี้ "เขาแสดงอาการโกรธเรา เราไม่แสดงอาการโกรธตอบ เราเจริญเมตตาจิต เวรมันถึงไม่มี" ถ้าหากว่าเขาโกรธมา เราก็โกรธตอบไปอย่างนี้ "มันก็เกิดเป็นเวรกันล่ะบัดนี้ เวรมันก็ผูกพันกันไป" อันชื่อว่า "คนมีเวรแล้วนั่น หาความสุขไม่ได้" จะไปเกิดในภพไหนชาติไหน ก็ด้องประกอบไปด้วยเวร เป็นอย่างนั้น
ดังนั้น "ขอให้ทุกคนพากันกลัวต่อกรรมต่อเวร" อย่าไปยอมสร้างกรรมสร้างเวรเกิดขึ้นมีขึ้นในตน "แม้น้อยหนึ่งก็อย่าไปสร้างมัน เรื่องกรรมเวรนี่นะ" อธิษฐานไวในใจอย่างนี้ "เพราะว่าบุคคลผู้มีกรรมมีเวเร่นี่แหละ เป็นทุกข์อยู่ในโลกวันนี้" .. "
"ธรรมโอวาท ๔"... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
คนโปรดของมาร
=AZUDkywa5-dlBX3Dzyz2oZRudXM7ekZIqIEcs3aflHU4YQlddoYuLkHKiOk-s73rp6r2-hxFJiHhIYisJi4wIoIo5cIK5gq4UEqt2c4fu8Ar8GphQmvtPaXotQvl3lY-8HQ8FcfqE_KhH8CHI18jnqY4PMaBtTWDqxQdhySuMsWiV6sEXVoFcNJoLBRjjXzsYvI&__tn__=*NK-R']#คนโปรดของมาร
"คนโปรดของมาร" เป็นอย่างไร ? ขอให้ลูกหลานหลวงปู่ใหญ่ทุกคน จงสดับตรับฟัง หรือ อ่านพระธรรมเทศนาด้วยพินิจพิเคราะห์อย่างยิ่ง ดังต่อไปนี้ เถิดฯ
ลูกหลานคนใดที่ติดตามฟังเทศนาหลวงปู่อยู่เสมอ ย่อมจักพบว่า หลวงปู่เทศนาเรื่องมาร ซึ่งอยู่บนสวรรค์ชั้นสูงสุด คือ ปรนิมมิตวสวัตตี มีพญามารเป็นประมุข พญามารตนนี้นี่เองเป็นจอมทัพยกทัพหมู่มารมาผจญกับเจ้าชายสิทธัตถะก่อนพระองค์จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
เมื่อพ่ายแพ้แก่เจ้าชายสิทธัตถะ และเจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว พญามารตนนี้พร้อมด้วยบริวารมิได้หายไปไหน แต่กลับไปครองสวรรค์ชั้น 6 เหมือนดังก่อนเก่า หากแต่ลดบทบาทลงเล็กน้อย เพราะเมื่อพ่ายแพ้เพราะโลกและจักรวาลได้มีพระพุทธเจ้าเป็นดวงประทีปแล้ว ความมืดมิดแห่งมารก็ต้องลดเลือนลง
ความจริงแห่งพระสัทธรรมมีอยู่ว่า โลกและจักรวาล มีขาวคู่ดำ มีมืดคู่สว่าง และมีพุทธะคู่กับมาร... -
"ศีล คือเครื่องคุ้มครองป้องกัน" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"ศีล คือเครื่องคุ้มครองป้องกัน"
" .. กรรมไม่ดีมีโทษเป็นผลน่ากลัวจริง "ครูอาจารย์องค์สำคัญท่านพยายามสอนศิษย์ให้กลัวการทำกรรมไม่ดี" ด้วยการนำเรื่องที่ท่านเคยประสบมาเล่า ซึ่งเมื่อท่านรับรองว่า "ท่านได้รู้ใด้เห็นมาด้วยองค์ท่านเอง" ก็ไม่น่าจะมีผู้เคลือบแคลงสงสัย เป็นด้น
ท่านเล่าว่า "ครั้งหนึ่งท่านธุดงค์อยู่ในป่า มีผ้าขาวน้อยติดตามไป ตกดึกผ้าขาวตกอกตกใจวิ่งจากที่พักของตนเข้าไปหาท่าน" ปรากฏว่าได้เห็นสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเห็นเข้ามาคุกคามจะเอาชีวิต ท่านอาจารย์องค์นั้นเล่าว่า "เมื่อผ้าขาวน้อยเข้าไปหาท่านแล้วย้งแสดงความกลัว" และท่านก็ได้ยินเสียงร้องที่ไม่เคยไดยินมาก่อน
"เสียงนั้นร้องก็องก็อง ก็อยก็อย ก็องก็องก็อยก็อย" เป็นเสียงเล็ก ๆ เบา ๆ ท่านมองหาตัวก็ไม่เห็น "ท่านจึงทำสมาธิและก็ได้เห็นหน้าเล็ก ๆ หน้าหนึ่งลอยอยู่ ลักษณะเหมือนหน้าชะนี" เป็นเจ้าของเสียงร้อง ก็องก็องก็อยก้อย ก้องก็องก็อยก็อย
"เมื่อมันสบตาท่านอาจารย์ ก็หลบวูบหายไป" เสียงร้องนั้นก็หายไปด้วย "ท่านอาจารย์บอกกับสานุศิษย์ว่านั้นเป็นผีก็องก็อย" ที่มุ่งมาหาผ้าขาวน้อยนั้นเพื่อจะดูดเลือดกิน "ท่านสงสัยว่าทำไมผีตัวนั้น... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
สภาวทุกข์ คือ ทุกข์โดยสภาพที่ต้องเสื่อมไปอยู่ตลอดเวลา
เมื่อวานได้กล่าวถึงสภาพความไม่เที่ยงของตัวเราก็ดี คนอื่นก็ดี สัตว์อื่นก็ดี ตลอดจนกระทั่งวัตถุธาตุทั้งหลายทั้งปวงก็ดี วันนี้จะมากล่าวถึงสภาพที่เป็นปกติธรรมดาอีกอย่างหนึ่ง คือ ความเป็นทุกข์
มนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม ตลอดจนกระทั่งวัตถุธาตุสิ่งของทั้งหลายทั้งปวง เมื่อกำเนิดขึ้นมา ก็ตกอยู่ในห้วงทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น คนและสัตว์มีความทุกข์ต่าง ๆ เราพอเข้าใจได้ แต่วัตถุธาตุมีความทุกข์อย่างไร ?
ภาษาบาลีเรียกว่า สภาวทุกข์ คือ ทุกข์โดยสภาพที่ต้องเสื่อมไปอยู่ตลอดเวลา จากใหม่ก็กลายเป็นเก่า จากเก่าก็ค่อย ๆ ผุพังไป ท้ายที่สุดแม้แต่สิ่งที่คงทนอย่างก้อนหิน ภูเขา ก็ยังอุตส่าห์เสื่อมสลายลงกลายเป็นเม็ดทราย กลายเป็นดิน กลายเป็นฝุ่น
ดังนั้น ขึ้นชื่อว่าสรรพสิ่งทั้งหลายเมื่อปรากฏขึ้นแล้ว จะพ้นไปจากความทุกข์นั้นไม่มี ยกเว้นว่าเราทั้งหลายสามารถชำระจิตของเราให้ผ่องใส ปราศจากกิเลสโดยสิ้นเชิง โอกาสที่จะหลุดพ้นจากห้วงทุกข์จึงจะมีขึ้นได้
ความทุกข์ที่รุมเร้าเรานี้ มีมาตั้งแต่ก่อนเกิด คำว่าก่อนเกิดหมายความว่า ทันทีที่เราปฏิสนธิในท้องแม่ ก็โดนไฟธาตุของแม่เคี่ยวเผาเราอยู่ตลอดเวลา พระสีวลีท่านกล่าวว่า... -
"ผู้รู้ ผู้หลง" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"ผู้รู้ ผู้หลง"
" .. "คนที่รับรู้อารมณ์นั่นแหละ คือจิต" คนที่รับรู้อารมณ์ทั้งอารมณ์ดีอารมณ์ชั่วสารพัดอย่างนี้แหละ สมมุติว่าเป็นจิต "ถ้านำมันไปฝึกแล้วมันรู้จริง มันก็เป็น "พุทโธ" คือ ผู้รู้ เป็นผู้รู้จริง" คือรู้แล้วไม่มีทุกข์
"แต่ถ้าจิตนี้ยังไม่ได้ฝึกไม่ได้อบรม มันก็เป็นผู้รู้ไม่ได้" เพราะมันมี "ผู้หลง" มาปนเปมันอยู่ "คือถ้าชอบใจมันก็ดีใจ ถ้าไม่ชอบใจมันก็เสียใจอย่างนี้" ฉะนั้น "เราจึงต้องเอามันมาฝึกให้มันรู้เท่าทันอารมณ์" จนกว่าที่จิตมันจะสงบ เมื่อมันสงบมันก็ไม่ไปไหน มันขี้เกียจจะไปเหมือนกัน .. "
"การเข้าสู่หลักธรรม"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
ชวนประชาชนสวดมนต์พร้อมกันทั่วประเทศ 11 พ.ค.นี้ สร้างขวัญกำลังใจสู้โควิด
วันนี้ (7 พ.ค.64) สืบเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตหลายราย สร้างความวิตกกังวลแก่ประชาชน ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์พร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งมหาเถรสมาคมมีมติเห็นชอบกำหนดจัดพิธีดังกล่าว ขึ้นใน
วันที่ 11 พฤษภาคม 2564 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
สำหรับการจัดพิธีในพื้นที่ส่วนกลาง จะจัดขึ้นที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร วัดไตรมิตรวิทยาราม เขตสัมพันธวงศ์ และ วัดพระเชตุพนวิมลมังคราราม เขตพระนคร ส่วนภูมิภาค กำหนดให้วัดในนามเขตปกครองหนต่างๆ ดังนี้ เขตปกครองหนกลาง ณ วัดพนัญเชิงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขตปกครองหนเหนือ ณ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ เขตปกครองหนตะวันออก ณ วัดพระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร และ เขตปกครองหนใต้ ณ... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
จำไว้ว่าถ้าใจอยู่กับตัวจะไม่ตกใจ
"จำไว้ว่าถ้าใจอยู่กับตัวจะไม่ตกใจ ถ้าเผลอคิดเรื่องอื่นแล้วจะตกใจ ถ้าเราส่งจิตไปที่อื่น ถึงเวลาประสาทสัมผัสรับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น สภาพจิตวูบกลับมาอย่างรวดเร็วเพื่อรับรู้ อาการที่จิตกลับเข้าสู่ร่างเร็วเกินไป เขาเรียกว่าตกใจ
บางคนก็สงสัย ฟ้าถล่มดินทลาย พระอาจารย์เล็กเฉยมาก แรก ๆ ก็ตกใจเหมือนกับพวกเรานั่นแหละ ไปเฉยเอาตอนนั้น ไม่ทราบว่าพรรษาที่เท่าไร ไปปฏิบัติภาวนากันที่บึงลับแล มีเพื่อนพระไปด้วย ๔-๕ รูป ต่างคนก็ต่างหามุมเหมาะสมของตัวเอง ทำแคร่นอนกัน อาตมาถนัดนอนภาวนาจึงนอนว่าไปเรื่อย
ประมาณ ๔ - ๕ ทุ่ม แคร่พังโครม เพราะว่าทำไม่แข็งแรง พังด้านหัว พังโครมลงไป เออ...ใจเรายังนิ่งดี ก็ภาวนาไปเรื่อย อยากพังก็พังไป คราวนี้หัวก็ไหลไปเรื่อยจนกระทั่งทิ่มพื้น พื้นเป็นหินขรุขระก็รู้สึกว่าเจ็บ เลยขยับลุกขึ้น กะว่าจะซ่อมแคร่ ตอนนั้นกำลังใจนิ่งมาก แคร่พังก็ไม่ตกใจ
พอลุกขึ้น ตอนนั้นสมุห์กอล์ฟบวชใหม่ ๆ เห็นว่าแคร่พังดังลั่นเลย ทำไมอาจารย์เงียบ ๆ ก็เลยส่องไฟมา อาตมาลุกขึ้นพอดี ทางด้านหัวนอนมีก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งสูงท่วมหัวเลย พอท่านส่องไฟมา อาตมาก็เห็นพระธุดงค์รูปหนึ่งยืนมองหน้ากันอยู่... -
"อุเบกขา ต้องประกอบด้วยปัญญา" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"อุเบกขา ต้องประกอบด้วยปัญญา"
" .. "คนที่จะวางเฉยได้ ต้องมีปัญญา ประกอบด้วยปัญญา" พิจารณาถึงบุญกรรมบาปเวร บุญวาสนาบารมีของมนุษย์สัตว์ทั่วไปว่า "มนุษย์สัตว์ทั้งหลายเกิดมามีกรรมเป็นของของตน ตนนั่นแหละเป็นผู้ได้รับผลของกรรม คนอื่นจะรับแทนไม่ได้"
คนอื่นเป็นแต่ผู้ช่วยเมตตาแนะนำและตักเตือนให้เขาเว้นจากความชั่ว "เมื่อเขาไม่ได้ทำกรรมชั่ว เขาก็ไม่เดือดร้อน" เมื่อเขาไม่ทำกรรมชั่วและไม่เดือดร้อนแล้ว "ใจของเขาก็สบาย เป็นอุเบกขา เป็นความดีของเขาที่ทำตามคำสอนของเรา"
คราวนี้เมื่อเราสอนเขาแล้ว "เขาไม่ทำตามคำสอนของเรา จนกระทั่งเขาทำความผิด ได้รับโทษนานาประการ" เราก็พิจารณาเช่นนั้นเหมือนกันว่า "น้ำขี้โคลนมองไม่เห็นตัวปลาฉันใด คนที่ทำกรรมกิเลสมากไม่มีปัญญา" ใครจะตักเตือนชี้เหตุผลให้ฟังสักเท่าใด ๆ ก็ย่อมรู้ตามไม่ได้ "เอาแต่ใจของตัวถ่ายเดียว เมื่อพิจารณาอย่างนี้แล้วใจก็วางเฉยได้" .. "
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
"ภาวนา เป็นรั้วกั้นของใจ" (ปู่มั่น ภูริทัตโต)
.
"ภาวนา เป็นรั้วกั้นของใจ"
" .. ภาวนา "คือการอบรมใจให้ฉลาดเที่ยงตรงต่อเหตุผลอรรถธรรม" รู้จักวิธีปฏบัติต่อตัวเองและสิ่งทั้งหลาย "การภาวนาเป็นรั้วกั้นความคิดฟุ้งของใจ" ให้อยู่ในเหตุผลอันจะเป็นทางแห่งความสงบสุข
ใจที่ยังมิได้รับการอบรมจากภาวนา "จึงเปรียบเหมือนสัตว์ที่ยังมิได้รับการฝึกหัด" ยังมิได้รับประโยชน์จากมันเท่าที่ควร จำต้องฝึกหัดให้ทำประโยชน์ จึงจะได้รับประโยชน์ตามควร
"ใจจึงควรได้รับการอบรมให้รู้เรื่องของตัว" จะเป็นผู้ควรแก่งานทั้งหลาย ทั้งส่วนเล็กส่วนใหญ่ภายนอกภายใน "ผู้มีภาวนาเป็นหลักใจ จะทำอะไรชอบใช้ความคิดอ่านเสมอ" ไม่เสี่ยงและไม่เกิดความเสียหายแก่ตนและผู้เกี่ยวข้อง .. "
"ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม"
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
อย่ายื่นหน้าไปให้เขาตบ
อย่ายื่นหน้าไปให้เขาตบ
เมื่อครู่ที่ถามว่า เวลามีคนมาสนใจเรา แล้วควรจัดการอย่างไร ? ของอย่างนี้ถ้าเราไม่ไปตบมือร่วมกับเขา ก็ไม่มีปัญหาหรอก จะมีปัญหาตรงที่ไปตบมือร่วมกับเขา หรือเขาตบมือข้างเดียวแต่เราดันยื่นหน้าเข้าไป ฉะนั้น..ที่บอกว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง แต่ถ้ายื่นหน้าเข้าไปก็ดังสนั่น..!
ต้องรู้จักระมัดระวังตัวเอง กฎเกณฑ์ระเบียบวินัยต่าง ๆ พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้หมดแล้ว ถ้าเราเอาไปปฏิบัติ โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ยกเว้นวาระกรรมใหญ่มาถึงจริง ๆ ไม่สามารถที่จะต้านทานได้ เห็นแล้วก็มืออ่อนตีนอ่อน แต่ประเภทนั้นก็นาน ๆ ถึงจะเจอสักที
ถาม : ถ้าเขามาแผนสูง ชวนไปนั่นไปนี่ ชวนไปวัด ?
ตอบ : ต้องมีเส้นแบ่งที่ชัดเจน อย่าให้ล้ำเส้น ล้ำเส้นเมื่อไรเป็นเรื่องทันที ผู้หญิงกับผู้ชายจะอยู่ร่วมกันโดยไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง ความเป็นไปได้เกือบจะเป็นศูนย์ ยกเว้นท่านเหล่านั้นมีความมุ่งมั่นและกำลังใจสูงจริง ๆ
ตัวอย่างในพระไตรปิฎกที่ชัดเจนที่สุด ก็คือพระมหากัสสปะหรือปิปผลิมาณพ กับนางภัททกาปิลานี ไม่ใช่ว่านางภัททกาปิลานีไม่สวยนะ ขนาดนางงามจักรวาลยังสู้ไม่ได้ แต่ท่านตั้งใจอยู่แล้วว่าจะบวช... -
"ลักษณะของคนไม่เอาไหน" (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
.
"ลักษณะของคนไม่เอาไหน"
" .. เมื่อมีแขกหรืออุบาสกอุบาสิกาไปกราบนมัสการหลวงปู่ แต่หลวงปู่มีปรกติไม่เคยถามถึงเรื่องอื่นไกล มักถามว่า "ญาติโยมเคยภาวนาบ้างไหม?" บางคนตอบว่าเคย บางคนตอบว่าไม่เคย
ในจำนวนนั้นมีคนหนึ่งฉะฉานกว่าใครเขา กล่าวว่า ..
"ดิฉันเห็นว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องมาวิปัสสนาอะไรให้ มันลำบากลำบนนัก เพราะปีหนึ่ง ๆ ดิฉันก็ฟังเทศน์มหาชาติจบ" ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ตั้งหลายวัด ท่านว่า "อานิสงส์ของการฟังเทศน์ มหาชาตินี้จะได้ถึงศาสนาพระครือาริย์" ก็จะพบแต่ความสุข ความสบายอยู่แล้ว ต้องมาทรมานให้ลำบากท่าไม ฯ
หลวงปู่ว่า ..
"สิ่งอันประเสริฐที่มีอยู่เฉพาะหน้าแล้วไม่สนใจ" กลับไปหวังไกลถึงสิ่งที่เป็นแต่เพียงการกล่าวถึง "เป็นลักษณะของคนไม่เอาไหนเลย" ก็ในเมื่อมรรคผลนิพพานในศาสนาสมณโคดมในปัจจุบันนี้ ยังมีอยู่อย่างสมบูรณ์ กลับเหลวไหล ไม่สนใจ "เมื่อถึงศาสนาพระศรีอาริย์ ก็ยิ่งเหลวไหลมากกว่านี้อีก" .. "
"หลวงปู่ฝากไว้"
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
จำไว้ว่า เราต้องมั่นคงต่อความดี
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๒๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ความจริงวันนี้เป็นวันเทศบาล ต้องมีการทำบุญ แต่ก็โดนยกเลิกไป
ขอเจริญพรญาติโยมทั้งหลายที่อยู่ทางบ้าน ไม่ว่าจะเป็นต่างจังหวัด ต่างประเทศก็ดี ตอนนี้โยมได้เห็นการรบกัน ประมาณเทวาสุรสงคราม อาตมาแพ้มา ๒ สนามติด ๆ กันแล้ว ...(หัวเราะ)... เมื่อต้นเดือนอยู่ที่บ้านเติมบุญ คุยด้วยความภูมิใจว่าอำเภอทองผาภูมิยังไม่มีคนติดโควิด-๑๙ แม้แต่คนเดียว จังหวัดอุทัยธานีทั้งจังหวัดไม่มีคนติดโควิด-๑๙ แม้แต่คนเดียว พูดไม่ทันจะจบคำ โควิดระลอก ๓ ระเบิดตูม...! ติดกระจายทุกจังหวัดเลย
สำหรับท่านทั้งหลายอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคนที่รบกับมารมาตลอดอย่างอาตมา นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ จากที่เคยพูดเอาไว้หลายครั้งหลายคราวว่า มารใช้คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว ในการขัดขวางไม่ให้เราเข้าถึงพระนิพพาน ครั้งนี้ก็เช่นกัน โรคภัยไข้เจ็บจะต้องระบาดอยู่แล้ว เพราะเป็นวาระที่คนส่วนใหญ่สร้างกรรมเอาไว้ในอดีต แต่ว่าวาระนี้เราจะเห็นว่ามาทัน ๆ กันกับที่อาตมาประกาศเลย
แล้วเมื่อวานอาตมาก็ประกาศที่ตรงนี้ กลางศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สายวัดท่าขนุนว่า "จะไม่ถอยให้อีกแล้ว... -
การทำอะไรซ้ำ ๆ ไม่เสียเปล่า เมื่อกำลังรวมตัว ความเข้าใจจะเกิดขึ้น
ถาม : พระอาจารย์เรียนบาลีด้วยหรือครับ ?
ตอบ : เรียนอยู่ระยะหนึ่ง พอท่องไปท่องมาแล้วเหมือนมีอะไรแตกโป๊ะอยู่ในหัว แล้วเข้าใจหมดเลย ตอนเช้า ๆ บิณฑบาตก็เขียนใส่ซองปัจจัยที่เขาถวายมา ถึงแกะออกมาแล้วก็ไม่ทิ้ง เป็นซองเล็ก ๆ เขียนใส่ไว้ประเภทเดินไปท่องไป ๆ โยมบางคนเห็นก็ “อาจารย์..จดหมายแฟนหรือ ?” ไม่คิดจะเข้าใจเป็นอย่างอื่นเลยใช่ไหม ? โยมส่วนใหญ่เขาเอาซองถวายพระก็ใส่ซองสีชมพูมา ผมก็เขียนตัวหนังสือเสียเต็มซองเลย
ตอนแรกท่องไป ท่องสักแต่ว่าจำ..ไม่เข้าใจ พอวันนั้นไม่รู้ว่าเป็นอะไร ท่องไปท่องมา รู้สึกเหมือนมีอะไรแตกโป๊ะอยู่ในหัวตัวเอง แล้วเข้าใจหมดเลย ทุกวันนี้เวลาไปนั่งแปลให้ประโยค ๙ เขาฟัง เขาก็ยังงง ๆ ว่าพระอาจารย์แปลได้ลึกขนาดนี้เลยหรือ ? อือ...ก็เข้าใจ
อย่างช่วงที่ผ่านมาการปฏิบัติธรรมของนิสิต มจร. อาจารย์ที่คุมก็เป็นประโยค ๙ ผู้ดูแลก็ประโยค ๙, ด็อกเตอร์ ลูกศิษย์ก็ประโยค ๙ ถ้าผมแปลผิดนี่ตายเลย..! มีอยู่อย่างเดียวก็คือจะต้องแปลให้ลึกกว่าที่เขารู้
ต้องจับไมค์ฯ พูดวันหนึ่งอย่างน้อย ๔ รอบ รอบละประมาณชั่วโมงหนึ่ง ผมเองเป็นคนที่ไม่เรียกนิสิตเข้าห้องปฏิบัติธรรม แต่ใช้วิธีเล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ... -
"ภาวนาเพื่อหาวิธีดับทุกข์" (พระอาจารย์เปลียน ปัญญาปทีโป)
.
"ภาวนาเพื่อหาวิธีดับทุกข์"
" .. "การเจริญเมตตาภาวนา" เพื่อจะหาวิธีแก้ไข "หาวิธีดับทุกข์ ที่เกิดขึ้นกับตน" เรียกว่า "เกิดขึ้นกับเราแล้วต้องแก้ปัญหาที่เรา" เราจะไปแก้ปัญหากับคนอื่น มันไม่ไต้ แก้แล้วมันก็ไม่สงบ เพราะเราจะพบความโกรธเกลียดเคียดแค้นกันอยู่ ทำให้เกิดทุกข์ นี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด "ตราบใดที่เราไม่ฝึกฝนอบรมจิตใจของเราให้สงบ เราจะดูไม่ได้ ดับทุกข์ไม่ได้ แก้ไม่ได้"
เมื่อเราควบคุมได้ เราจะค่อยแก้ปัญหาไปเรื่อย ๆ ปัญหาอะไรเกิดขึ้น นั่งอยู่ ดูคิดเรื่องอะไรอยู่เดี๋ยวนี้ "คิดแล้วมันทุกข์หรือมันสุข คิดถูกหรือคิดผิด นี่เขาเรียกว่า พิจารณาจิตในจิต" เราจะดับทุกข์อยู่ตรงนี้เอง ทุกข์มันเกิดขึ้น เรื่องราว อะไรต่าง ๆ เกิดขึ้นภายในจิตใจ มันต้องคิดก่อน เข้าใจไหม .. "
"จิตตภาวนา มหัศจรรย์ลมหายใจ"
พระอาจารย์เปลียน ปัญญาปทีโป -
การน้อมใจฟังอนุปุพพีกถาทำให้จิตปราศจากนิวรณ์
การน้อมใจฟังอนุปุพพีกถาทำให้จิตปราศจากนิวรณ์
*************
[๔๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน เขตกรุงราชคฤห์ สมัยนั้น ชายคนหนึ่งชื่อสุปปพุทธะ เป็นโรคเรื้อน ยากจน กำพร้ายากไร้
วันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคมีบริษัทหมู่ใหญ่แวดล้อมประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ ชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะได้เห็นหมู่มหาชนนั้นนั่งประชุมกันแต่ที่ไกล ได้มีความคิดดังนี้ว่า “ชนทั้งหลายกำลังแจกของเคี้ยวหรือของบริโภค ในที่นี้เป็นแน่ ทางที่ดีเราควรเข้าไปยังหมู่มหาชนนั้น พึงได้ของเคี้ยวหรือของบริโภคในที่นี้บ้าง”
ลำดับนั้น ชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะได้เข้าไปยังหมู่มหาชนนั้น ได้เห็นพระผู้มีพระภาคมีบริษัทหมู่ใหญ่แวดล้อมประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ จึงมีความคิดดังนี้ว่า “ชนทั้งหลายคงไม่แจกของเคี้ยวหรือของบริโภคในที่นี้ พระสมณโคดมนี้แสดงธรรมในบริษัท ทางที่ดีเราควรฟังธรรมบ้าง”
จึงนั่งลง ณ ที่สมควรในที่นั้น ด้วยตั้งใจว่า “เราจักฟังธรรม”
ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคทรงมนสิการกำหนดจิตของบริษัททุกหมู่เหล่าด้วยพระทัยว่า ในบริษัทนี้ ใครหนอแลควรรู้แจ้งธรรม... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔ -
"เสียดายความโกรธ" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"เสียดายความโกรธ"
" .. การที่บุคคลจะไปนรกอบายภมินั้น "ก็เพราะความโกรธ ความพยาบาทจองเวรกัน เบียดเบียนกันนี่เอง" ไม่ใช่เรื่องอื่นใด "เราคิดดูชิบุคคลจะทำบาป มันก็เรื่องเบียดเปียนกันนี่แหละ" เขาเรียกว่าทำบาปนั้นไม่ใช่อย่างอื่น
"ถ้าใครเว้นจากการเบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่นได้แล้ว ผู้นั้นไม่ได้ทำบาปเลย" ไม่ได้ทำบาปแล้ว เรื่องนี้มันก็ต้องคิดให้เห็นด้วยตนเอง ถ้ามันไม่เห็นด้วยตนเองแล้วมันก็ละบาปไม่ได้ เป็นอย่างนั้น
ลำพังแต่ผู้อื่นพูดให้ฟัง "ถ้าตนไม่น้อมเข้าพิจารณาให้เห็นด้วยตนเองแล้ว มันก็ไม่ยอมละบาปนั้น" ไม่ยอมละแม้ของโกรธ เสียดายมันมาก "กลัวจะไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนบ้าน แล้วก็เลยหวงความโกรธนั้นไว้" เมื่อหวงไว้ ไป ๆ มา ๆ ถูกเพื่อนด่าว่าเอา ตัวก็ทนไม่ไหว แล้วก็ต้องแสดงบทบาทออกไป มันเป็นอย่างนั้น .. "
"ธรรมโอวาท"
พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) -
วีดีโอ ภาวนากลางตลาด โดย พญ.ดร.อมรา มลิลา
ภาวนากลางตลาด 1 โดย พญ.ดร.อมรา มลิลา -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔
หน้า 122 ของ 403