คลังเรื่องเด่น
-
ละ 6 ประการ เพื่อการเจริญสติฯ ได้ง่ายขึ้น
ขอบพระคุณ...ภาพจาก https://www.facebook.com/pratripitaka/
Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/duenjitpage/ Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/duenjitfound... Youtube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/duenjit Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/duen_jit/ Soundcloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/duenjit LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://line.me/ti/g2/SStK5q9sZl2eM77... LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ Website เดินจิต : https://www.duenjit.com/ ตารางคอร์ส : https://www.duenjit.com/calendar -
บุคคลที่จิตประกอบไปด้วยบุญกุศล เมื่อปฏิสนธิแล้วก็ตั้งหน้าสร้างสมบุญบารมีต่อไป
ถาม : โดนทำร้าย ?
ตอบ : โดนบ่อย..แต่อาตมาเฉย ๆ ถือว่าเราโง่เอง เมื่อเราโง่เอง ก็โดนเขาเล่นงานมา ถ้าคิดจะตอบโต้ก็คิดไป ถ้าไม่คิดจะตอบโต้ก็ปล่อยวาง
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนเช้ามืดอาตมาทำกรรมฐาน พระท่านตรัสว่า "บุคคลที่จิตประกอบไปด้วยบุญกุศล เมื่อปฏิสนธิแล้วก็ตั้งหน้าสร้างสมบุญบารมีต่อไป บุคคลที่จิตประกอบไปด้วยบาปอกุศล เมื่อปฏิสนธิแล้วย่อมทำแต่ความชั่วด้วยแรงบาปที่ย้อมจิตอยู่ เราก้าวมาถึงเพียงนี้แล้ว จะตั้งหน้าก้าวต่อไป หรือจะถอยหลังกลับไปจ่อมจมอยู่กับความชั่วนั้นอีก ?"
อาตมาโดนด่าอย่างไพเราะมาก ตอนนั้นจะไปกระทืบช่างรับเหมา ที่รับเงินไปแล้วไม่ยอมทำงานให้ ทิ้งงานไปเฉย ๆ ช่างทิ้งงานยังไม่พอ เอาเงินไปใช้หมดแล้วด้วย จะไปกระทืบให้รู้ฤทธิ์บ้างว่าก่อนบวชอาตมาเป็นอย่างไร เมื่อ ๑๐ ปีที่แล้วตอนไปสร้างเกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ ตอนนั้นยังคิดจะกระทืบคนอยู่เลย พวกที่รู้จักช้ามา ๑๐ ปีนี่นับว่าปลอดภัยขึ้นเยอะแล้ว
จิตที่ประกอบด้วยกุศล จิตที่ประกอบด้วยอกุศล กุศล คือ ความดีความงาม อกุศล คือ ความชั่วความเลว
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน... -
"กะละมังคว่ำ" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"กะละมังคว่ำ"
" .. "เมื่อเราละบาปแล้ว บำเพ็ญบุญเพิ่มเข้ามาที่ละน้อย" ก็มีหวังที่บารมีจะเต็มได้ "เหมือนกะละมังที่ตั้งหงายอยู่กลางแจ้ง" แม้ฝนจะตกมาใส่ที่ละหยด ๆ มันก็มีโอกาสที่จะเต็มได้
"เมื่อเราทำบุญ แต่ยังไม่ละบาป" ก็เหมือนเรา "เอากะละมังไปคว่ำไว้กลางแจ้ง" ฝนตกลงมาถูกก้นกาละมังเหมือกัน แต่มันถูกข้างอก ไม่ถูกข้างใน น้ำก็ไม่มีโอกาสที่จะเต็มกะละมังได้ .. "
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
ปุณฑริก ๙ ระดับชั้นแห่งสุขาวดี
極樂淨土 九品蓮華
ปุณฑริก ๙ ระดับชั้นแห่งสุขาวดี
พระวิศวภัทร (釋廣度) ...แปล พศ. 2554
อารามวัตรมหายาน จ.นครปฐม (大乘寺)
และ อารามเป่าซานซื่อ อ.ปากช่อง (寶山寺)
มูลนิธิพุทธจักษุวิชชาลัย
สรรพสัตว์ผู้ปรารถนาจักไปอุบัติยังดินแดนสุขาวดี พึงต้องมีจิต ๓ ประการ ถึงจะไปบังเกิดได้ มี ๑.มีจิตตั้งมั่น ๒.มีจิตศรัทธาลึกซึ้ง ๓.มีจิตปณิธาน หากมีจิตทั้ง ๓ ประการนี้ ย่อมได้อุบัติที่สุขาวดีพุทธเกษตรแน่นอน
ยังมีสรรพสัตว์อีก ๓ ประเภท ที่จักได้ไปอุบัติด้วย คือ ๑.ผู้มีจิตเมตตา ไม่ฆ่าสัตว์ มีศีลสมบูรณ์ ไม่ด่างพร้อย ๒.ผู้สาธยาย อ่านท่องพระธรรมมหายาน ๓.ผู้ปฏิบัติอนุสสติ ๖(พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ ศีลานุสติ ทานานุสติ เทวานุสติ) แล้วตั้งจิตมุ่งไปเกิดยังสุขาวดีโลกธาตุ หากเมื่อสมบูรณ์ในกุศลเหล่านี้ครบ ๑ ถึง ๗ วันก็จักได้อุบัติที่สุขาวดีพุทธเกษตรแน่นอน
.
ชั้นที่ ๙ (สูงสุด)
ด้วยเหตุที่บุคคลนั้นมีความเพียรแกล้วกล้า พระอมิตาภะพุทธะ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ และพระพุทธนิรมิตจำนวนอสงไขย พระภิกษุจำนวนร้อยพัน(๑๐๐,๐๐๐) หมู่เทพยดาจำนวนไม่มีประมาณ ปราสาท ทิพยมณเฑียรสถาน อันประดับด้วยสัปตรัตนะ... -
แก้ไสยศาสตร์
“ระยะหลังนี้มีญาติโยมจำนวนมากที่มาปรารภในเรื่องของไสยศาสตร์ว่า ตนเองและครอบครัวโดนบ้าง เพื่อนฝูงญาติพี่น้องคนรู้จักโดนบ้าง ถ้าหากท่านทั้งหลายพกยันต์เกราะเพชรไว้ หากมีการภาวนาสวด อิติปิ โสฯ สามห้องเป็นปกติ สามารถอธิษฐานเพื่อป้องกันไสยศาสตร์ได้
แต่มีอยู่ส่วนหนึ่งที่มาแล้วบอกว่าโดนไสยศาสตร์ แล้วอาตมาไล่ให้ไปหาหมอแผนปัจจุบันเพราะว่าอยู่ในวัยทอง เป็นอาการของคนฮอร์โมนพร่อง ไม่ใช่อาการของคนโดนไสยศาสตร์ เพราะฉะนั้น...ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ให้ไปหาหมอแผนปัจจุบันก่อน ถ้าหมอรักษาไม่ได้ค่อยไปหาอาตมา ไม่ใช่ถึงเวลาก็มาบ่นว่าโดนไสยศาสตร์อย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งบ้านโดนกันหมด
ไปนึกถึงเมื่อหลายปีก่อน มีญาติโยมพาลูกสาวตัวเองมา บอกว่าโดนไสยศาสตร์ หนีไปอยู่กับผู้ชาย กว่าจะตามกลับมาได้แทบล้มประดาตาย บอกว่าโดนผีเข้าโดนผีคุม อาตมาบอกว่าไม่มีอะไรเลย ผีกิเลสคุมให้อยากไปหาผู้ชายเท่านั้น
เรื่องของผู้หญิงผู้ชายจะเป็นไปในลักษณะของธรรมชาติ คือดึงดูดกันโดยธรรมชาติ แล้วยังมีเรื่องของวาระกรรมมาเสริมด้วย ฉะนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นเรื่องปกติ แต่คราวนี้คนเป็นพ่อแม่ก็ไม่เข้าใจว่า... -
"ผู้ละบุญละบาป" (หลวงปู่หล้า เขมปัตโต)
.
"ผู้ละบุญละบาป"
" .. "อนัตตาฝ่ายบาปเป็นฝ่ายเว้นในเบื้องต้น อนัตตาฝ่ายบุญเป็นฝ่ายเจริญทำให้เกิดให้มี" เมื่อสุดท้าย อนัตตาบุญก็ดี อนัตตาบาปก็ดี ก็ส่งคืนหมด ไม่เข้าไปยึดถือสอดแทรกเอาเป็นเจ้าของส่วนกุศลผลบุญ
"พระอนาคามี" ยังจัดเป็นกุศลผลบุญอยู่ เพราะติดอยู่ในบุญ ยังข้ามบุญไม่ได้ เพราะบุญยังไม่เต็ม "ส่วนพระอรหันต์นั้น" บุญเต็มแล้ว บาปก็ละพอแล้วเว้นพอแล้ว เหตุฉะนั้น "เหตุที่จะละบาปจึงไม่มีในท่าน เหตุที่จะละบุญจึงไม่มีในท่าน" เหตุที่จะสร้างบุญจึงไม่มีในท่าน เหตุจะละบาปก็ไม่มีในท่าน .. "
"หยดน้ำบนใบบัว" (แสงธรรมส่องทาง)
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต -
ครั้งแรกของโลก! ไทยเตรียมแปลพระไตรปิฏกฉบับบาลีเป็นภาษาอังกฤษครบ 45 เล่ม
วันจันทร์ ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2564, 20.30 น.
วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2564 พระพรหมบัณฑิต (ป.ธ.9, ศ.,ดร.,ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์, อัคคหาบัณฑิต) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ไทย ประธานศูนย์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประธานสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก อุปนายกสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Version) ครั้งที่ 1/2564 ที่หอประชุมอาคารสิริภักดีธรรม ชั้น 3 วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอุปถัมภ์ฯดำเนินการแต่งตั้ง
การจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Version) วัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย... -
การถวายข้าวพระพุทธ ถ้าเราถวายพระท่านแล้วลามากินเลย ?
ถาม : การถวายข้าวพระพุทธ ถ้าเราถวายพระท่านแล้วลามากินเลย ?
ตอบ : ไม่ต้องรอพระท่านฉันก่อนหรอก การถวายข้าวพระพุทธเป็นการบูชาพระ แค่เราระลึกถึงท่านก็เป็นอานิสงส์มหาศาลแล้ว อาจจะเว้นไว้สัก ๑๐ วินาที ๒๐ วินาทีแล้วค่อยลาก็ได้ พระท่านไม่ได้ฉัน โบราณท่านกำหนดเอาไว้เพื่อให้เรานึกถึงพระเป็นอนุสติเท่านั้น
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกันยายน ๒๕๖๑
ที่มา : www.watthakhanun.com
=AZWC_2LfaeZ5t6aUyY7j50RLrs9t2vgnIwYZVPOB-r6Snp04aED-e3RhE1ErIfNPTvc4zdJxl1UqGnKKdTPOreu8bC1RUO7xprkCuQRBMwkTiX5hnzqXIouwK5dzcyPryF33q8KN0NX46sR9VsYbqijF50NXXq5WsPL-pXMyGdFDMoYiVlhyl3A-7_LBee5QeNY&__tn__=*NK-R']#พระครูวิลาศกาญจนธรรม =AZWC_2LfaeZ5t6aUyY7j50RLrs9t2vgnIwYZVPOB-r6Snp04aED-e3RhE1ErIfNPTvc4zdJxl1UqGnKKdTPOreu8bC1RUO7xprkCuQRBMwkTiX5hnzqXIouwK5dzcyPryF33q8KN0NX46sR9VsYbqijF50NXXq5WsPL-pXMyGdFDMoYiVlhyl3A-7_LBee5QeNY&__tn__=*NK-R']#หลวงพ่อเล็ก... -
การบวชเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก
การบวชเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก ในเมื่อเกิดขึ้นได้ยากก็มีอานิสงส์มาก แต่จะไปลำบากคนบวช ทันทีที่พระคู่สวดประกาศวาระที่ ๓ ว่าการบวชนั้นสำเร็จลงแล้ว ก็เป็นอันว่าได้อานิสงส์ในการบวชไปเต็ม ๆ คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้บวช ถ้าอยู่ต่อแล้วปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อานิสงส์ก็ทวีคูณขึ้นไป ถ้าอยู่ต่อแล้วทำผิดทำพลาดก็โดนลดไปเรื่อย ถ้าหากว่าพลาดมาก ๆ ก็ขาดทุนยับเยิน
ฉะนั้น...วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือเป็นเจ้าภาพบวชชาวบ้าน อาตมาหากินทางนี้มานานแล้ว ถึงเวลาก็บวชเขาไปเรื่อย บางคนถามว่าทำไมอาจารย์บวชฟรีปีหนึ่งหลายครั้ง ตอบว่าบวชเองแล้วเอาดีไม่ได้ ก็เลยบวชชาวบ้านเขาดีกว่า
ถาม : แล้วเป็นพระอุปัชฌาย์ได้บุญไหมคะ ?
ตอบ : ดูท่าจะมีแต่เวรกรรมมากกว่า...! (หัวเราะ)
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"ไม่คิดให้ทุกข์ ใจก็จะไม่ทุกข์" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"ไม่คิดให้ทุกข์ ใจก็จะไม่ทุกข์"
" .. การโทษกรรมให้ถูกก็เป็นคุณ "คือรู้ว่ากำลังเผชิญปัญหาเดือดร้อนรุนแรงร้อยแปด ก็รู้ทันกรรม" คือรู้ว่ากรรมกำลังเข้ามาก่อความเดือดร้อนให้ชีวิตแล้ว จะไม่แพ้กรรมโดยเด็ดขาด "คือจะไม่ยอมให้กรรมสั่งให้คิดจนเป็นทุกข์เดือดร้อนไปตามบัญชาของกรรม" ไม่ยอมคิดให้เป็นทุกข์เสียอย่าง ต่อให้กรรมจะเข้ามาทำฤทธิ์ทำเดชกับเราเพียงไร ก็ไม่มีที่กรรมจะทำสำเร็จ
"กรรมจะทำให้เป็นทุกข์ไม่ได้" สำคัญที่เราต้องเก่งให้จริงในการสู้กับกรรม หัวเด็ดตีนขาดไม่ยอมแพ้กรรม "คือจะไม่คิดให้เป็นทุกข์ ไม่คิดให้ทุกข์ ใจก็จะไม่ทุกข์" ทุกข์ก็จะไม่เกิดแก่เราได้ จะเหนื่อยยากลำบากตรากตรำต้องทำงานหนักเพียงไร เพราะความยากจนนักหนาก็ตาม "เมื่อรู้ทันว่ากรรมกำลังเข้ามาครอบครองชีวิตเราแล้ว เราจะต้องชนะกรรม" จะต้องไม่ยอมให้กรรมชนะเรา
นั่นก็คือเหนื่อยยากลำบากกายก็ให้เหนื่อยให้ยากให้ลำบากไป "ต้องไม่มีความทุกข์ใจในความเหนื่อยยากนั้น" กรรมหรือจะชนะเราได้ ไม่มีทาง สำคัญที่สุดอยู่ที่ต้องระวังความคิดให้ดี "อย่าคิดให้เป็นทุกข์อย่างยอมแพ้กรรม" ต้องไม่คิดให้เป็นทุกข์กรรมจะชนะไม่ได้แน่นอน .. "
"แสงส่องใจ"... -
"ข้ามตาย" (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
.
"ข้ามตาย"
" .. "ข้ามตาย" ข้ามตายก็คือไม่ต้องตายอีก "ข้ามตายไม่ได้ก็ต้องกลับมาตายอีก" ตายก็ช่างมันปะไร "ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ มันตาย" ภาวนาในใจให้แน่วแน่ "มรณัง เม ภวิสสติ" จนไม่กลัวตาย ไม่กลัวเจ็บ ไม่ให้วิตกวิจาร กลัวนั่นกลัวนี่ "กลัวไปก็ไม่พ้นได้" .. "
"หลวงปู่สอนว่า"
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร -
เพิ่งรู้จักพระนิพพานชาตินี้ ไปได้จริงหากเร่งรัดการปฏิบัติ
"ระยะแรก ๆ เลยที่อาตมาปฏิบัติธรรม ไม่รู้จักพระนิพพาน ช่วงนั้นทางบ้านสอนให้อธิษฐานว่า "ถ้าเกิดใหม่ขอให้สวย ๆ ขอให้รวย ๆ ขอให้ได้พบพระศรีอาริย์" อาตมาก็อธิษฐานตามเขาอยู่หลายปี เพราะว่าผู้ใหญ่สอน คราวนี้พอรู้จักหลวงปู่หลวงพ่อที่เคารพนับถือ แต่ละท่านก็มาสายอภิญญากันหมด
ช่วงนั้นวัดแถวที่ใกล้บ้าน ถ้าไปทางบ้านแม่ก็จะมีหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ถ้ามาทางบ้านพ่อก็มีหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
บ้านใกล้เรือนเคียงอย่างกาญจนบุรีก็มี หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า ก็เลยกลายเป็นว่าปฏิบัติธรรมระยะแรก ๆ อาตมาไม่ได้ต้องการพระนิพพาน เพราะว่าไม่รู้จักพระนิพพานเลย ปฏิบัติธรรมเพราะอยากเก่ง เหมือนกับหลวงปู่หลวงพ่อที่ทางบ้านเขาเคารพนับถือกัน แล้วสมัยนั้นการไปขอวัตถุมงคลจากหลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่านก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือที่จะผลิตทีละมาก ๆ แบบสมัยนี้ก็ไม่มี ถึงเวลาไปขอตะกรุดท่านสักดอกหนึ่ง เบี้ยแก้สักตัวหนึ่งก็รอกันไปเถอะ จนกว่าท่านจะหาวัสดุได้
สมัยนั้นอาตมาเรียน ป.๕ หรือ ป.๖... -
"คนหลงเงา" (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
"คนหลงเงา"
" .. "คนที่หลงจึงต้องแสวงหา ถ้าไม่หลงก็ไม่ต้องหา" จะหาไปให้ลำบากทำไม อะไร ๆ ก็มีอยู่กับตัวเองอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว "จะตื่นเงาตะครุบเงาไปทำไม" เพราะรู้แล้วว่า "เงาไม่ใช่ตัวจริง" .. "
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต -
ผู้บริหาร มข.ถวายรางวัลพระธาตุพนมทองคำ ‘หลวงพ่อวิริยังค์’
ผู้บริหาร มข.ถวายรางวัลพระธาตุพนมทองคำ ‘หลวงพ่อวิริยังค์’
มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) แจ้งว่า มข.จัดพิธีถวายรางวัลพระธาตุพนมทองคำ พร้อมเป็นเจ้าภาพพิธีบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมอุทิศถวายแด่สมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล และอดีตประธานกรรมการบริหารคณะสงฆ์ธรรมยุตในประเทศแคนาดา โดยมีพระเทพสังวรญาณ (จิรพล อธิจิตฺโต ป.ธ.7) เจ้าคณะจังหวัดกรุงเทพมหานคร-สมุทรปราการ วัดบวรนิเวศวิหาร รักษาการเจ้าอาวาสวัดธรรมมงคลเถาบุญญนนท์วิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในการนี้ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี มข.และดร.เตช บุนนาค อุปนายกสภา มข.ประธานกรรมการสรรหาผู้สมควรได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ และรางวัลพระธาตุพนมทองคำ ร่วมเป็นประธานฝ่ายฆราวาส มีคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย เข้าร่วมพิธี ณ วัดธรรมมงคลเถาบุญญนนท์วิหาร เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
รศ.นพ.ชาญชัย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563 สภา มข.มีมติเห็นสมควรถวายรางวัลพระธาตุพนมทองคำประจำปี 2563 แด่สมเด็จพระญาณวชิโรดม เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล ซึ่ง... -
เมื่อวิบากกรรมมาสนอง ให้อดทนและรู้ไว้ว่าสิ่งที่เราทำไปถึงเวลาเราก็ต้องรับ
ถาม : ช่วงนี้กำลังได้รับวิบากกรรมที่ทำมาในอดีต โดยไม่รู้ว่าอันไหนดีหรืออันไหนชั่ว หนูควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ต้องบอกว่า "อดทน" อย่างเดียว เพราะว่าสิ่งที่เราทำไปถึงเวลาเราก็รับ ก็แปลว่าเราทำตัวเราเอง ยุติธรรมที่สุดแล้ว ก็ทนรอจนกระทั่งผลของวิบากจะผ่านไป ในระหว่างนี้ก็อดทนสร้างกุศลไปก่อน พอถึงเวลาช่วงกุศลเข้ามาสนองจะได้รวมกันพาให้ห่างจากวิบากกรรมไปได้
ถาม : ทุกวันนี้หนูต้องนอนร้องไห้ ?
ตอบ : ต่อไปนั่งร้องบ้างก็ได้ ...(หัวเราะ)... เป็นเรื่องปกติ มีใครบ้างที่ไม่เป็น พระพุทธเจ้าบอกกับปฏาจาราเถรีว่า น้ำตาของเธอแต่ละชาติที่ต้องร้องไห้ ถ้ารวมกันแล้วมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นไหน ๆ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เราคนเดียว
ถาม : ระหว่างที่หนูโดนกรรมแทรก หนูต้องทำอย่างไรให้ตัวเองมีสติอยู่ตลอดเวลา ?
ตอบ : ภาวนา ถ้าหากว่าอารมณ์ภาวนาทรงตัวก็มีสติ คนที่อารมณ์ภาวนาทรงตัวก็จะไม่ไปนอนร้องไห้ แต่จะนั่งร้องแทน ...(หัวเราะ)...
พระพุทธเจ้าสอนให้เราเชื่อกรรม คือการกระทำของเรา สอนให้เชื่อผลของกรรมที่เรียกว่าวิบาก ก็คือเราทำดีเราก็ได้ดี ถ้าเราทำชั่วเราก็ได้ชั่ว... -
ขาดวินัย กับ ขาดกำลังใจ มีค่าเท่ากัน
ปกติหมอศัลยกรรมที่ศึกษาการศัลยกรรมก็เพื่อช่วยเหลือคนที่ประสบอุบัติเหตุ พูดง่าย ๆ ก็คือ ช่วยให้เขามีหน้าตาเหมือนเดิม แต่สมัยนี้จุดมุ่งหมายเปลี่ยนไป เป็นศึกษาไปเพื่อเปลี่ยนหน้าตาของคน จากการศึกษาแต่แรกเริ่มเพื่อประโยชน์ของคนไข้ กลับกลายเป็นศึกษาเพื่อการค้า
เดี๋ยวนี้ประเทศเกาหลีหรือประเทศไทย แต่ละปีทำเงินจากการศัลยกรรมเป็นแสน ๆ ล้าน อาตมาก็มานั่งคิดว่า คนเรายอมลงทุนเจ็บตัวขนาดนั้น แล้วก็ไปฝืนสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าฝืนไม่ได้อยู่แล้ว เวลาเห็นคนแต่งหน้าแต่งตา อาตมาจะรู้สึกเหนื่อยแทน ยิ่งอายุมากก็ยิ่งต้องแต่งมาก เพื่อจะให้ดูดีเหมือนตอนสาว ๆ ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
คำว่า "อนัตตา" มีความหมายหนึ่งว่า บังคับไม่ได้ เราต้องการจะให้เป็นอย่างไรก็ไม่เป็นไปตามนั้น มีอย่างเดียวก็คือเป็นไปโดยธรรมชาติ ถึงเวลาก็แก่ไป ร่วงโรยไป
ถ้าอาตมาสรุปว่าผู้ชายดูดี ดูสวยกว่าผู้หญิง ผู้หญิงจะยอมรับไหม ? เพราะผู้ชายไม่ต้องแต่งหน้า ก็ต้องดูดีแล้วสิ ส่วนผู้หญิงต้องแต่ง ก็คือยังดูไม่ดี...ใช่ไหม ?
เรื่องกินกับเรื่องสวย ถ้าจำเป็นต้องจ่ายอย่างเดียว ผู้หญิงจะเลือกจ่ายอย่างไหน ? ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพก็คือ อาหาร... -
"ฆ่าตัวตายเป็นบาป อย่าทำ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
"ฆ่าตัวตายเป็นบาป อย่าทำ"
" .. การทำสมาธิภาวนานั้น บางที ทำยังไงมันก็แข็ง ๆ อยู่อย่างนั้น ทำสมาธิไม่ลง ทำยังไงก็ไม่ลง ทำไป ๆ มันไม่สงบ บอกมันว่า "เจ้าเป็นผีนรกวิ่งขึ้นจากอเวจี" จึงแข็งกระด้างเพราะไฟเผา "ไล่ให้มันลงไปจมอเวจีอีก อย่าให้มันขึ้นมาอีก ให้อเวจีเผาต้มมันอีก" ด่าอีกแล้วก็ลงนอน ..
พอเช้ามาก็ไปถ่ายโถนล้างกระโถน ปฏิบัติท่านอาจารย์มั่น ท่านอาจารย์ลุกขึ้นมาว่า ..
“ท่านขาว คนเป็นประเสริฐอยู่ มาด่าตนเฮ็ดหยัง" ให้ลงนรกอเวจียังไงนี่ ประจานตนนี่ ท่านประกอบกิจอยู่อย่างนี้แล้ว "หนักเข้าละฆ่าตัวตายหนา" ครั้นฆ่าคนตายแล้วนับชาติไม่ได้หนา ที่ฆ่ากันอยู่นี่ ไม่มีพ้นทุกข์แล้ว
"ความที่โกรธนี่หนักเข้า ๆ ก็เลยฆ่าตัวตาย ฆ่าตัวตายแล้วก็ห้าร้อยชาติไปเที่ยวเอาภพเอาชาติ" ทำเวรผูกเวรกัน ฆ่าตัวตายอย่างนั้นแหละ "อย่าไปทำอีกเทียว" ตนบริสุทธิ์ "อย่าไปท้าตนอย่างนั้นอย่างนี้"
ท่านพระอาจารย์มั่นนั้น ใครนึกอย่างใด ทำอย่างใด ท่านรู้โม้ด ท่านก็อยู่กุฏิโน่นแน่ะ .. "
"อนาลโยวาท"
หลวงปู่ขาว อนาลโย -
"ให้รู้ด้วยปัญญาเฉพาะตน" (หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ)
.
"ให้รู้ด้วยปัญญาเฉพาะตน"
" .. "การพิจารณาขันธ์ห้าไปตามตำรา" หรือพิจารณาหมวดธรรมอื่น ๆ ก็ตาม ถึงจะพิจารณาได้ แต่ใจก็จะเฉยเป็นธรรมดาไป "ถ้าได้รู้เห็นความเป็นจริงด้วยปัญญาเฉพาะตัว" จึงเรียกว่า "ผู้นั้นพึ่งตัวเองได้ ไม่ได้ไปหยิบยืมเอาความรู้จากผู้อื่นมาเป็นของเรา"
เหมือนรับประทานอาหารสำเร็จรูปจากผู้อื่นทำไว้แล้ว "ถ้าผู้อื่นไม่ทำให้รับประทาน เราก็ต้องอด" วิ่งหาอาหารจากผู้อื่นมารับประทานต่อไป .. "
หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ -
"กายนี้คือบ่อเกิดแห่งธรรม" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"กายนี้คือบ่อเกิดแห่งธรรม"
" .. "กายนี้จะพิจารณาให้เป็นฌานก็ได้ ให้เป็นสมาธิก็ได้ ให้เป็นวิปัสสนาก็ได้" สุดแท้แต่ผู้นั้นจะมีอุบายแยบคายเชี่ยวชาญทางไหน "กายนี้ได้ชื่อว่าเป็นก้อนธรรมก้อนหนึ่ง" เป็นคัมภีร์เป็นตู้พระไตรปิฎกเคลื่อนที่ "เป็นต้นตอบ่อเกิดของพระพุทธศาสนา" ถ้าไม่มีกายอันนี้เสียแล้ว พุทธศาสนาจะเกิดได้อย่างไร
"ศีล สมาธิ ปัญญา" จะเอาไปประดิษฐานไว้ที่ไหน "เมื่อมีกายอันนี้แล้วพระพุทธศาสนาจึงได้ประดิษฐานตั้งลงที่กายนี้" ใครต่างคนก็ได้นำเอาไปปฏิบัติตามกำลังแก่ความต้องการของตน ๆ "พระพุทธศาสนาเป็นของสากล" มนุษย์ชาวโลกนี้มีใจเกิดขึ้นในที่ใดแล้ว ก็มีกิเลสหุ้มห่อในใจของมนุษย์ในที่นั้น พระพุทธเจ้าจึงอุบัติขึ้นในที่นั้นแล้ว "จึงได้บัญญัติพระพุทธศาสนาลงที่กายวาจาและใจของมนุษย์เหล่านั้น" .. "
"ของดีมีในศาสนาพุทธ"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
ทำกรรมฐานกองไหนจึงจะได้ฌานครับ?
ถาม : ผมจะทำกรรมฐานกองไหนจึงจะได้ฌานครับ?
ตอบ : กองไหนก็ได้ เพียงแต่ให้ทำจริง ๆ เท่านั้นเอง และอย่าทิ้งลมหายใจเข้าออก ชอบกองไหนทำไปเลย ถ้ามัวแต่ถามอยู่ ชาตินี้ก็ไม่ได้หรอก
ถาม : ผมไม่แน่ใจครับ ?
ตอบ : ไม่แน่ใจแล้วจะไปได้อะไร คนทำกรรมฐานต้องมั่นใจตัวเอง ขาดความมั่นใจก็ไม่ต้องทำ ไปนอนตีพุงดีกว่า
ถาม : ทำกสิณไม่แน่ใจครับ ?
ตอบ : ถ้าอยากก็ทำ ถามคนอื่นเสียเวลาไปตั้งนาน ถ้าไปลงมือทำเอง ป่านนี้คงจะเห็นหน้าเห็นหลังแล้ว มัวแต่ไปไล่ถามคนอื่นอยู่เลยไม่ได้อะไรสักที
ถาม : กสิณกองไหนก็ได้หรือครับ ?
ตอบ : เอาหนังสือคู่มือปฏิบัติกรรมฐาน ของหลวงพ่อวัดท่าซุงมาอ่าน ชอบกองไหนก็ทำกองนั้น ความชอบแปลว่าของเดิมต้องมีอยู่แล้ว ถ้าชอบหลายกองก็เลือกกองที่ชอบที่สุด หรือไม่ก็กองที่หาองค์กสิณได้ง่ายที่สุด
อาตมาเริ่มต้นปฏิบัติใหม่ ๆ สมัยเพิ่งจะเรียนมัธยม ไม่เคยสงสัยปัญหาเหล่านี้เลย คิดจะทำก็ลุยเลย ไม่เคยไปถามใคร ถ้ามัวแต่ถามอยู่ เกิดไม่มีคนให้ถาม แล้วจะทำอย่างไร ?
นึกถึงเณรของหลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่ดูลย์ท่านสอนเณรให้ถักขาบาตร เณรก็ซน ดูบ้างเล่นบ้าง ถึงเวลาหลวงปู่ก็โยนตอกให้ถัก เณรจำวิธีทำได้นิดหน่อย... -
การที่เรายังดูคนที่ความดีของเขา ไม่ได้ดูที่ฐานะ ถือว่ามีสักกายทิฐิไหมครับ ?
ถาม : การที่เรายังดูคนที่ความดีของเขา ไม่ได้ดูที่ฐานะ ถือว่ามีสักกายทิฐิไหมครับ ?
ตอบ : ต้องเรียกว่ายังสักกายทิฐิเต็ม ๆ ทั้งเขาและเรานั่นแหละ ดูคนต้องเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ได้เลือกว่าคนนี้ดีเราคบ คนนี้ไม่ดีเราไม่คบ คนนี้สวยเราคบ คนนี้ไม่สวยเราไม่คบ ถ้าหากว่ายังไม่สามารถเห็นเสมอกันว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็แปลว่ากำลังใจยังใช้ไม่ได้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกันยายน ๒๕๖๑
ที่มา : www.watthakhanun.com
=AZVPkblwQgy6gYig9VAfuLEshYyVs1N8K9dpYWOuzyeQYZ2v3N4FYDZ7Qqrwgq8sqV-Thy8O4jnf1EltmBiuZdao5momviTY5bMbMUBvb0n4uprMVjqAq4l-MUlDyGX3mddTIOZ4LHNtk6-QofHHtNJ6RjxIrRs88P8JfcagWRxXqNzS_YBJdxmi0bkSG1NAnK0&__tn__=*NK-R']#พระครูวิลาศกาญจนธรรม =AZVPkblwQgy6gYig9VAfuLEshYyVs1N8K9dpYWOuzyeQYZ2v3N4FYDZ7Qqrwgq8sqV-Thy8O4jnf1EltmBiuZdao5momviTY5bMbMUBvb0n4uprMVjqAq4l-MUlDyGX3mddTIOZ4LHNtk6-QofHHtNJ6RjxIrRs88P8JfcagWRxXqNzS_YBJdxmi0bkSG1NAnK0&__tn__=*NK-R']#หลวงพ่อเล็ก... -
การให้ เพื่อตัดความโลภ
ถาม : การให้ที่ตัดความโลภ คือให้ไปเยอะ ๆ ?
ตอบ : ให้อย่างเดียวลดยาก ต้องเห็นประโยชน์ในการให้ เราให้ด้วยความเชื่อมั่นว่าการให้เป็นการสละออก เพื่อตัดความโลภ ทำให้เราหลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้ได้ นี่คือส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือการที่เราใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า สิ่งของทั้งหลายทั้งปวงจะมีประโยชน์แก่เราเฉพาะแค่โลกนี้เท่านั้น ถ้าหากเราสละออกให้ผู้อื่นเป็นบุญกุศลของเรา มีประโยชน์แม้ในโลกหน้า เราก็จะสละออกได้ง่ายขึ้น
ในเมื่อเราเห็นในลักษณะนั้น ความอยากมีอยากได้ก็ลดลง จากที่ไม่เคยให้ได้ก็เริ่มให้ จากที่ให้ได้ก็ให้ง่ายขึ้น จากที่ให้ง่ายมีเท่าไรก็ให้หมด
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"จงเห็นความสำคัญของสติ" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"จงเห็นความสำคัญของสติ"
" .. "ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี ไม่มีใครอยากเป็นคนชั่ว" แต่ที่พากันเป็นคนชั่วคนไม่ดี "ก็เพราะตกอยู่ใต้อำนาจของกรรม" โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกกรรมบัญชา ถูกกรรมสั่งให้ยอมเป็นคนไม่ดี ความยินยอมพร้อมใจไปกับกรรม "ก็เพราะขาดสติอย่างสิ้นเชิง" จนไม่รู้ดี ไม่รู้ชั่ว ไม่รู้ความควร ไม่รู้ความไม่ควร
"สติจึงสำคัญนัก สำคัญที่สุด" สติจะทำให้ผู้มีสติรู้ผิดรู้ชอบดังกล่าวแล้ว "ไม่มีใครอยากทำผิด ถ้ามีสติรู้ตัวรู้ผิดชอบ" จะรู้เมื่อกรรมเข้ามาบัญชา จะไม่ยอมแพ้กรรม "นั่นก็คือจะสามารถรักษาตัวให้พ้นจากการเป็นคนคิดชั่ว" คนพูดชั่ว คนทำชั่วได้
"จงเห็นความสำคัญที่สุดของสติ" พยายามมีสติไว้ให้เสมอ "คือพยายามอย่าให้ขาดสติ อะไรเกิดขึ้นได้จะได้ไม่ยอมเป็นผู้แพ้กรรม" จะรู้ถูกรู้ผิด รู้ดีรู้ชั่ว รู้ผิดรู้ชอบ อะไรจะพาไปถูกก็รู้ อะไรจะพาไปผิดก็รู้ อะไรจะพาไปดีก็รู้ อะไรจะพาไปชั่วก็รู้
"ความมีสติรู้เช่นนี้สำคัญนัก" ให้มีสติจริง ให้รู้จริง จะไม่ตกอยู่ใต้บังคับบัญชาที่เลวร้ายรุนแรงของกรรม กรรมที่ทุกคนได้ทำไว้มากมายด้วยกันทั้งนั้น เพราะเป็นสิ่งที่สั่งสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน .. "
"แสงส่องใจ" ๑... -
"หลักใจต้องสร้างด้วยธรรม" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"หลักใจต้องสร้างด้วยธรรม"
" .. หลักใจเป็นของสำคัญ "หลักใจต้องสร้างด้วยธรรม" ที่พึ่งภายนอกได้แก่วัตถุเงินทองข้าวของบ้านเรือนอาหารการบริโภค เหล่านี้เป็นที่พึ่งของกาย "ที่พึ่งของใจได้แก่การให้ทาน การรักษาศีล การเจริญเมตตาภาวนา" สร้างคุณงามความดีให้แก่ใจ
เวลาจะหลับจะนอน "ก็ให้พากันระลึกถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆ ภายในจิตใจนี้อยู่เสมอ" อย่าปล่อยอย่าละ "นี้คือหลักของใจโดยแท้" ฝากเป็นฝากตายได้กับธรรมประเภทนี้โดยแท้ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1325&CatID=2 -
"กว้างศอก ยาววา หนาคืบ" (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
.
"กว้างศอก ยาววา หนาคืบ"
" .. ในตัวเรานี้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "กว้างศอก ยาววา หนาคืบ" มีอยู่เท่านี้ "เราก็ภาวนาอยู่ภายใหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ" ดูภายในเต็มไปด้วยโลหิต เต็มไปด้วยของไม่สะอาดด้วยระการต่าง ๆ
ร่างกายสังขารจะอยู่ได้ ก็หล่อเลี้ยงด้วการบริโภคอาหาร นำของโสโครกปฏิกูลเข้าไปเลี้ยงดูร่างกายสังขารนี้ "เพราะร่างกายนนี้เป็นของโสโครกปฏิกูล" ได้มาจากของโสโครกปฏิกูล จึงได้มีการเลี้ยงดูด้้วยของโสโครกปฏิกูล .. "
"หลวงปู่สอนว่า"
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร -
ผู้พยากรณ์อรหัตผลโดยชอบ
https://www.facebook.com/uttayarndham
ผู้พยากรณ์อรหัตผลโดยชอบ
สุนักขัตตสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง
เล่มที่ ๑๔ ข้อที่ ๖๗-๗๙
-----------
พระสุนักขัตตะลิจฉวีบุตรได้ทราบข่าวว่ามีภิกษุมากรูปด้วยกันได้ทูลพยากรณ์อรหัตผลในสำนักของพระผู้มีพระภาค จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้ทราบข่าวดังนี้ว่า มีภิกษุมากด้วยกันได้ทูลพยากรณ์อรหัตผลในสำนักของพระผู้มีพระภาค
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกภิกษุที่ทูลพยากรณ์อรหัตผลได้ทูลพยากรณ์อรหัตผลโดยชอบหรือ หรือว่าภิกษุบางเหล่าในพวกนี้ได้ทูลพยากรณ์อรหัตผล ด้วยความสำคัญว่าตนได้บรรลุ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรสุนักขัตตะ พวกภิกษุที่พยากรณ์อรหัตผลในสำนักของเรานั้น มีบางเหล่าในพวกนี้ได้พยากรณ์อรหัตผลโดยชอบแท้ แต่ก็มีภิกษุบางเหล่าได้พยากรณ์อรหัตผลด้วยความสำคัญว่าตนได้บรรลุบ้าง
ในภิกษุเหล่านั้น ภิกษุพวกที่พยากรณ์อรหัตผลโดยชอบแท้นั้นย่อมมีอรหัตผลจริงทีเดียว ส่วนภิกษุพวกที่พยากรณ์อรหัตผลด้วยความสำคัญว่าตนได้บรรลุนั้น ตถาคตมีความดำริอย่างนี้ว่า จักแสดงธรรมแก่เธอ... -
วิธีฝึก "บารมี" ในช่วงที่ออกจากบ้านไม่สะดวก
เข้าไปอ่านบทความได้ที่นี้ครับ > > > วัดท่าขนุน -
วิธีการแก้วิบากกรรม คือการปฏิบัติ ในศีล สมาธิ ปัญญา
ถาม : ชีวิตมีแต่วิบากกรรม ?
ตอบ : มีทุกคนนั่นแหละ การจะแก้วิบากกรรมที่ดีที่สุดคือศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าหากว่าปฏิบัติอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา วิบากกรรมให้ผลไม่เกิน ๒๕ เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นตั้งหน้าตั้งตารักษาศีล เจริญสมาธิ ใช้ปัญญาพิจารณาวิปัสสนาญาณว่าเกิดมากี่ชาติก็มีแต่วิบากแบบนี้ แล้วยังจะเกิดอีกไหม ? ถ้าใจบอกว่าไม่เกิดแล้ว ก็เกาะนิพพานไว้เป็นหลัก ไม่มีใครหรอกที่เกิดมาแล้วสบาย ๆ มีวิบากกรรมหรือเจ้ากรรมนายเวรทั้งนั้น จะไปยากอะไร ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
อ่านหนังสือเป็นการฝึกสมาธิแบบหนึ่ง
ถาม : การที่เราอ่านหนังสือธรรมะ แล้วรู้สึกว่าได้ข้อคิดดี จึงชอบอ่านหนังสือธรรมะต่าง ๆ จนกระทั่ง แม้จะมีคนมาพูดคุยกันอยู่ใกล้ ๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยรำคาญนัก รู้สึกสนุกในการอ่านหนังสือธรรมะมากกว่า สามารถอ่านไปได้เรื่อย ๆ ท่ามกลางเสียงต่าง ๆ แบบนี้ถือว่าเป็นครุกรรมฝ่ายบุญหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ครุกรรมฝ่ายกุศล มีการสร้างฌานสมาบัติให้เกิดขึ้นแก่ตน หรือ การที่ได้ทำบุญกับผู้ที่ออกจากนิโรธสมาบัติ การอ่านหนังสือท่ามกลางเสียงต่าง ๆ ได้ แค่อุปจารสมาธิขั้นปลายก็ทำได้แล้ว
__________________
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ -
"มันเป็นของกลาง" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"มันเป็นของกลาง"
" .. ธรรมแท้ที่พระองค์ทรงสอนนั้นมิได้สอนอื่น "แท้จริงก็คือสอนให้เห็นแลเข้าใจชัดแจ้งในเรื่องความเป็นอยู่แลเป็นไปของโลกนั้นเอง" จึงจะหายกังวลสงสัยพ้นจากความข้องเกี่ยวในโลก ไม่มีทุกข์ "ผู้ที่ไม่เข้าใจแลรู้เรื่องของโลกตามเป็นจริงเท่านั้นที่เป็นทุกข์"
คนเราเกิดมาที่ว่า "เป็นทุกข์ ๆ นั้น มันทุกข์ตรงที่ไม่เข้าใจแลรู้เรื่องของโลก แล้วเข้าไปยึดเอาโลกมาเป็นตนเป็นตัว" เป็นของเรานี้เท่านั้น ผู้ที่เข้าไปยึดเอาธาตุสี่ขโมยธาตุสี่ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่เอามาประกอบเป็นตนเป็นคนขึ้นมานี้ "มันเป็นของกลาง" ไม่มีใครเป็นกรรมสิทธิ์สักคนเดียว เราตายแล้วทอดทิ้งไว้ในโลกนี้ตามเดิม .. "
"โลกกับธรรมสัมพันธ์" ๑๘ ธันวาคม ๒๕๒๙
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
หน้า 127 ของ 403