คลังเรื่องเด่น
-
เวลาทำอะไร ให้ทำให้เต็มที่ แต่อย่าแบกเอาไว้ จะเครียดน้อย แล้วแก่ช้าลง
พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นรูปครูบาอาจารย์แล้วก็ขำ ๆ เจอกันครั้งก่อนท่านเจ้าคุณอนันต์ถามว่า “เฮ้ย..เล็ก แกไม่แก่กับใครบ้างเลยหรือวะ ?” กราบเรียนท่านว่า "แก่เหมือนกันครับ แต่ช้าหน่อย"
ถ้าเราเป็นคนไม่โกรธจะแก่ช้าหน่อย ญาติโยมอาจจะเห็นว่าเวลาอยู่วัดอาตมาด่าพระด่าเณร ด่าโยมกระจายเลย แต่พอเวลาไปด่าหมาโดนเลียหน้าเลย สรุปก็คือหมารู้ว่าด่าแต่ปาก
อะไรที่ทำถ้าผิดพลาดเสียหาย ไม่ว่าจะเสียที่ตัวเขาเองหรือเสียที่ส่วนรวม ในฐานะครูบาอาจารย์เราต้องให้เขาแก้ไข แต่คราวนี้หลายคนถ้าบอกดี ๆ แล้วเขาไม่ค่อยฟัง ต้องใช้วิธีด่า ถึงเวลาก็ด่าไป คราวนี้ญาติโยมไม่รู้แต่หมารู้ ด่าโยม..ญาติโยมเปิดหนีไปหมด แต่ด่าหมาหมาเลียหัวเลย เพราะรู้ว่าด่าแต่ปาก
เรื่องของ รัก โลภ โกรธ หลง เป็นไฟที่เผาเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่สามารถที่จะลดลงได้ โดนเผาอยู่มาก ๆ ก็แก่เร็ว เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน ถ้าอาตมาไปนั่งข้าง ๆ ก็กลายเป็นลูกชายคนโตของเขาไปแล้ว เพราะว่าพออายุ ๖๐ แล้ว ส่วนใหญ่อันดับแรกเลยคือหัวล้าน อันดับที่ ๒ คืออ้วน บางคนก็ทรุดโทรมหน้าเหี่ยว มีแต่ร่องรอยของความเครียดจากงาน
งานเราให้ทำในลักษณะที่ว่า เต็มที่แล้วได้แค่ไหนแค่นั้น... -
"ปฎิบัติเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อเอา" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"ปฎิบัติเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อเอา"
" .. การปฏิบัติทุกอย่างของพุทธศาสนา "ไม่ว่าการทำทาน รักษาศีล ภาวนา" พระพุทธองค์ทรงสอนให้ "ทำเพื่อละกิเลส" มิใช่เพื่อเอา "หวังได้นั่นได้นี่" อันทำให้ยิ่งเพิ่มโลภะ โทสะ โมหะ หาใช่พุทธศาสนาไม่
"ทุกวันนี้ไหว้เพื่อเอา เพื่อขอ" ทำบุญเพื่อเอาสวรรค์ นิพพาน หวังผลทั้งชาตินี้ชาติหน้า ซึ่งกลายเป็นพอกกิเลสยาวนาน .. "
"พระธรรมเทศนา"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
อานันทะ เมตเตยยะ ภิกขุอังกฤษรูปแรก
อานันทะ เมตเตยยะ ภิกขุอังกฤษรูปแรก
พระภิกษุ อานันทะ เมตเตยยะ ชื่อเดิม ชื่อ ชาลส์เฮนรี่ อัลลัน เป็นเนตต์ Chales Henry Allan Bennet เกิดปี พ.ศ. ๒๔๑๕ (ค.ศ. ๑๘๗๒) ในนครลอนดอน.
ตัวท่านเองได้เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ทางเคมี ฟิสิกส์.เนื่องจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของท่าน ทำให้ท่านไม่ยอมมีความเชื่อชนิดที่งมงายไร้เหตุผล เพราะฉะนั้น ท่านจึงได้ประกาศตนว่า ไม่ยอมเชื่อพระเจ้าและเป็นคนไม่มีศาสนา ในปี พ.ศ. ๒๔๓๓ (ค.ศ. ๑๘๙๐) อายุของท่านได้ ๑๘ ปี วันหนึ่งบังเอิญได้อ่านหนังสือ เรื่อง
“ประทีปแห่งทวีปอาเซีย” (Light of Asia) ซึ่งกล่าวถึงพุทธประวัติ เป็นบทกวีอังกฤษ เซอร์เอ็ดวิน อาโนลด์ ชาวอังกฤษเป็นผู้แต่ง ได้ก่อความตื่นเต้นให้แก่ท่านอย่างใหญ่หลวง ที่ได้พบหนทางสู้แสงสว่างของชีวิตวิถีใหม่ และทำให้ท่านรู้สึกว่าศาสนาทั้งหลายนั้นมีพระพุทธศาสนาศาสนาเดียวที่เข้ากันได้กับวิทยาศาสตร์
นับตั้งแต่นั้นมาท่านก็เริ่มการศึกษา อ่านตำรับตำราแปลที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาทุกชนิดเท่าที่จะหาได้ และหลังจากการศึกษาจนเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ใน พ.ศ. ๒๔๔๑ (ค.ศ. ๑๘๙๘) ท่านได้เดินทางมาสู่ประเทศลังกา ในนามของพุทธมามกะคนหนึ่ง... -
ทำอย่างไรให้คนรักเรา เมตตาเรา ?
ทำอย่างไรให้คนรักเรา เมตตาเรา ?
ถาม : เราจะพูดอย่างไรให้คนเมตตาเรา ?
ตอบ : สำคัญอยู่ที่ว่า เราสามารถที่จะพูดให้เขาเชื่อเราได้ไหม ?
ถ้าไม่ได้ก็มีวิธีอยู่เหมือนกัน ต้องเอาคาถาไปภาวนา คาถาที่หลวงพ่อวัดท่าซุงให้ไว้ว่า "พระอะระหัง สุคะโต ภะคะวา นะ เมตตาจิต" ต้องการให้ใครเขารักเราเมตตาเรา ให้นึกถึงหน้าเขาแล้วภาวนาจนกำลังใจตั้งมั่น แล้วไปหาเขาเถอะ รับรองว่ารักเราทุกคน
แต่คราวนี้เขารักเราในลักษณะนี้จะไม่ยืนนาน เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าเราทำดีปฏิบัติดีกับเขาจะดีกว่า ได้รับความรักที่ยืนนานกว่า พระพุทธเจ้าทรงให้ปฏิบัติใน สังคหวัตถุ ๔ คือ
๑. ทาน รู้จักให้เขา สงเคราะห์เขาด้วยวัตถุสิ่งของ หรือแม้แต่อภัยทาน
๒. ปิยะวาจา พูดดีพูดเพราะกับเขาตลอดไป
๓. อัตถจริยา ยังประโยชน์ของเขาให้สำเร็จ
๔. สมานัตตตา เอาใจเขามาใส่ใจเรา เราชอบอะไรก็ทำสิ่งนั้นให้กับเขา เราไม่ชอบอะไร ก็อย่าทำสิ่งนั้นกับเขา
ท่านบอกว่า ถ้าทำอย่างนี้คนจะรักเราแน่นแฟ้นตลอดไป ดังนั้น..ตอนนี้ให้ทำ ๒ อย่างพร้อมกัน คือภาวนาคาถาไปพร้อมกับนึกถึงเขาด้วย แล้วก็ตั้งใจทำดีกับเขาด้วย เขาจะได้รักเราตลอดไป
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เดือนเมษายน พุทธศักราช... -
"ธรรมของพรหม" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"ธรรมของพรหม"
" .. "เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ล้วนสำคัญอย่างยิ่ง" ถ้าจะอบรมพรหมวิหารธรรม ก็อย่าเห็นว่าเมตตากรุณาเท่านั้นสำคัญ มุทิตาและอุเบกขาก็สำคัญอย่างยิ่ง "ไม่มีเมตตา กรุณา ก็จะมีใจโหดเหี้ยม ไม่มีมุทิตาก็จะมีความอิจฉาริษยา ไม่มีอุเบกขาก็จะไม่รู้จักวางเฉย" ไม่รู้จักปล่อยวางยึดมั่นอยู่
"ความโหดเหี้ยม ความอิจฉาริษยา ความยึดมั่นไม่ปล่อยวาง ย่อมเป็นความไม่สวยไม่งามของจิตใจ" ย่อมไม่เป็นที่พึงปรารถนา ฉะนั้น เมื่อปรารถนาจะไม่ให้ได้ชื่อว่าเป็นคนโหดเหี้ยม ขี้อิจฉาริษยา หรือไม่ปล่อยวาง "ก็ต้องอบรมพรหมวิหารธรรม เพื่อให้จิตพ้นจากสภาพที่ไม่งดงาม" ไม่เป็นที่พึงปรารถนาดังกล่าว .. "
"รสแห่งความเมตตา ชุ่มเย็นยิ่งนัก"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=11913 -
วิธีต่อชะตาให้คนที่เราเห็นว่า "หัวหาย" คือ ให้โยนผ้าใส่หัวคนที่เราเห็น แล้วบอกว่า เราต่อหัวให้
เข้าไปอ่านบทความได้ที่นี้ครับ > > > วัดท่าขนุน -
ภาวนา "พุทโธ" ไม่ได้ผลเพราะขาดเคล็ดลับ
ภาวนา "พุทโธ" ไม่ได้ผลเพราะขาดเคล็ดลับ
การภาวนา “พุทโธ” เราควรรู้เคล็ดลับ 2 ประการ คือ
1. ศรัทธาที่แรงกล้า
ผู้ปฏิบัติจะต้องเชื่อมั่นในพระพุทธองค์อย่างแรงกล้า แม้กระทั่งชีวิตก็ยอมมอบให้ได้ เรียกว่า “ตถาคตโพธิศรัทธา” ศรัทธาชนิดนี้จะมีปาฏิหาริย์ที่น่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง ดึงจิตผู้ปฏิบัติให้รวมตัวนิ่งเป็นสมาธิได้อย่างฉับไว แต่หากผู้ปฏิบัติไม่มีศรัทธาชนิดนี้แล้ว การนึกถึงพุทธคุณจะสำเร็จได้ยาก
2. ภาวนาในเวลาคับขัน
ผู้ปฏิบัติอยู่ในสถานการณ์ที่มีอันตรายถึงชีวิต เช่น อยู่ต่อหน้าเสือ อยู่ในถ้ำที่เสืออยู่ หรือถูกฝูงช้างป่าล้อม เป็นต้น การภาวนา “พุทโธ” หรือนึกถึงพุทธคุณในสถานการณ์เช่นนี้ได้ผลดีวิเศษสุด จิตจะรวมตัวพรึบลงอย่างฉับพลัน
เคล็ดลับนี้ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ใช้เสมอในการอบรมพระเณร เช่น ให้ไปภาวนาในถ้ำที่มีเสือ หรือให้ไปภาวนาในป่าเปลี่ยวอันตรายรอบด้าน ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นหลายรูปจึงสำเร็จสมาธิชั้นสูง พบกับความมหัศจรรย์ทางจิตอย่างไม่มีประมาณ
ผู้เขียนคุยกับอุบาสิกาที่สำเร็จสมาธิขั้นสูงคนหนึ่ง นางเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า “สำเร็จสมาธิขั้นสูงเพราะภาวนาพุทโธขณะที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายขั้นชีวิต”... -
การส่งจิตออกนอก เป็นต้นเหตุของความทุกข์ทั้งปวง
ระยะนี้ไม่ว่าจะเรื่องของการเมือง เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนกระทั่งภัยธรรมชาติก็ปรากฏขึ้น สร้างความเดือดร้อนอยู่ทั่วใป
ในภาวะเช่นนี้ ถ้าเราไม่สามารถทำจิตของเราให้สงบได้ ก็จะส่งส่ายวุ่นวายไปกับเหตุการณ์บ้านเมือง ตลอดจนกระทั่งความน่ากลัวของโรคภัยไข้เจ็บ และภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น
การที่จิตของเราส่งส่ายออกไปนั้น ก็บอกชัดอยู่แล้วว่าสภาพจิตไม่ได้อยู่กับตัวเรา การส่งออกของจิตนั้นเป็นต้นเหตุของความทุกข์ทั้งปวง สิ่งที่ทำให้เราเครียด ทำให้เรากังวล ทำให้เรากลัว ก็เพราะจิตของเราส่งออก แล้วยังไปปรุงแต่งเพิ่มเติมอีก
วิธีที่จะขจัดสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ออกไปก็คือ การกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก หรือเรียกว่ากลับมาอยู่กับปัจจุบัน การที่สภาพจิตของเราแน่วแน่อยู่กับลมหายใจเข้า...อยู่กับลมหายใจออก...อยู่กับคำภาวนา ไม่ส่งไปไหน ความฟุ้งซ่านต่าง ๆ ย่อมเข้ามาไม่ได้ ความเครียด ความกลัว ความกังวลต่าง ๆ ก็ย่อมลดน้อยถอยลง และหายไปโดยอัตโนมัติ ตามระดับกำลังใจของเราที่เข้าถึง
ก็แปลว่าในสถานการณ์บ้านเมืองของเราที่เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าจะด้วยภาวะการเมือง โรคภัยไข้เจ็บ หรือภัยธรรมชาติ เราจะเอาตัวรอดได้... -
"คาถากันโรคระบาด" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"คาถากันโรคระบาด"
" .. เอาพุทโธไว้นะ "ให้จับพุทโธไว้" นี่องค์ศาสดาอยู่ในหัวใจแล้วไม่เป็นไรไม่ต้องกลัว นี่เราไปเราก็ไปกับพุทโธ เราก็บอกอย่างนี้ "นี่พวกนี้อยู่ก็อยู่กับพุทโธนะ" ให้อยู่กับพุทโธ ไม่เป็นอะไรนะ ..
.. "ไปที่ไหนให้มีพุทโธ ๆ อยู่ภายในใจ มีความตายระลึกไว้ภายในใจ" คนเรามีความรู้ตัวอยู่เรื่อย ๆ ไม่ลืมตัวง่าย ๆ "มีพุทโธก็ไม่ลืมตัว" มีระลึกความตายใส่ตัวเองก็ไม่ลืมตัว "ให้มีความรู้สึกตัวรู้จักบุญรู้จักบาป" ถ้าไม่มีอันนี้ไปใหญ่นะ กิเลสมันลากไปหมดนั่นแหละ พากันจำเอานะ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1118&CatID=2 -
พระนิพพานเต็มอยู่ในใจของตัวเอง
พระนิพพานเต็มอยู่ในใจของตัวเอง
ถาม : ฆราวาสอย่างเรา ถ้าจิตก่อนตายเกาะพระนิพพานได้ จะได้ไปนิพพานไหมครับ ?
ตอบ : เกาะพระนิพพานได้ก็ไม่ไปที่อื่นแล้ว
ถาม : แล้วคนที่ไปนิพพานได้ บารมีต้องพอไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่พอจะไปได้อย่างไร ? จำไว้ว่า เกาะดีหรือเกาะชั่วก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น วาระสุดท้ายจริง ๆ แล้วจะไม่เกาะอะไรเลย แต่พระนิพพานเต็มอยู่ในใจของตัวเอง เคยบอกว่า เป็นนกอยู่บนฟ้าแล้วอธิบายให้ปลาในน้ำฟัง ว่านกบินข้างบนเป็นอย่างไร ปลาก็คงไม่รู้เรื่องหรอก..!
ให้รู้ไว้ว่า อันดับแรกให้เกาะความดีก่อน เพราะว่าความดีจะเป็นกำลังส่งให้เราหลุดพ้นไปพระนิพพานได้ แต่พอทำไป ๆ ท้ายสุดแม้แต่ดีก็ไม่เกาะ
ถามว่าในเมื่อไม่เกาะแล้วจะไปนิพพานได้อย่างไร ? ก็เพราะว่าเวลานั้น วาระนั้น คำว่าพระนิพพานจะเต็มอยู่ในใจของเราเอง ไม่ว่าเราจะอยู่ตรงจุดไหนก็รู้ว่านี่คือพระนิพพาน ก้าวไปถึงตรงไหนก็รู้ว่าพระนิพพานอยู่ตรงนั้น
ถาม : คนประเภทนี้ผมเจอเยอะ คนที่ได้มโนมยิทธิ...
ตอบ : อาตมาก็เจอมาเยอะ ๙๙ เปอร์เซ็นต์เพี้ยนหมด..!
ถาม : ผมเลยไปถามหลวงปู่ท่อนว่า มโนมยิทธิเป็นอย่างไรครับ ? หลวงปู่ท่อนบอกว่า ให้จิตอยู่กับตัวเรา... -
จับภาพพระเพื่อความสงบ และเพื่อความหลุดพ้น
ถาม : ผมศึกษาตามสายของหลวงพ่อฤๅษีฯ มา ให้กำหนดภาพพระให้ชัดเจน แต่ผมนั่งสมาธิไม่ค่อยได้กำหนด เอาให้นิ่งอย่างเดียว แล้วก็ถอนออกมา จะเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าเราต้องการรู้เห็น ต้องเกี่ยวกับภาพ ยกเว้นว่าเราต้องการความสงบเฉย ๆ
ที่ทำไปก็ถูกอยู่ แต่การสงบเฉย ๆ ถือว่าขาดทุน เพราะว่าการปฏิบัติตามสายหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านหวังความหลุดพ้น ความสงบเป็นแค่สุขปัจจุบันเท่านั้น ถ้าไม่สามารถจะรักษาให้ต่อเนื่องได้ ยังไม่แน่ว่าความสุขในอนาคตจะมีได้ เพราะว่าเราอาจจะพลาดลงอบายภูมิไปเลยก็ได้
ฉะนั้น..ป่วยการที่จะกล่าวถึงประโยชน์สุขสูงสุดที่จะพึงได้คือการหลุดพ้น ถ้าเราแค่สงบเฉย ๆ แปลว่ายังไม่พอกิน
__________________
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
คัดลอกข้อความมาจาก
https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2173
#พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
#ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
#ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
#ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
#พระพุทธศาสนา #watthakhanun -
"ธรรมเป็นของอัศจรรย์" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"ธรรมเป็นของอัศจรรย์"
" .. พระพุทธเจ้าได้อุบัติขึ้นมาในโลก "เป็นศาสดาเอกด้วยการตรัสรู้ชอบเอง" ไม่มีครูอาจารย์สอน แล้วก็ทรงนำเอาธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้นั้นมาสอนแก่มวลมนุษย์ทั้งปวงด้วย
ธรรมที่สอนนั้น "สอนมีเหตุมีผล" มิใช่ไม่มีเหตุมีผล "เป็นของอัศจรรย์สมควรที่ผู้รู้ทั้งหลายจะเข้าใจได้ แลไม่ได้บังคับให้ผู้ใดมานับถือ" แต่เมื่อผู้ฟังทั้งหลายได้มาฟัง ตรึกตรองตามเหตุผลแล้วเห็นดีเห็นชอบ มีเหตุมีผลแล้วเลื่อมใสศรัทธา จึงเข้ามานับถือด้วยตนเอง
ผิดจากศาสนาอื่นแลลัทธิอื่น "บางศาสนาบางลัทธิซึ่งเขาห้ามไม่ให้วิจารณ์ศาสนาของเขา" ส่วนพระพุทธศาสนาท้าให้วิจารณ์ได้เต็มที่เลย พิจารณาเห็นเหตุเห็นผลแน่ชัดด้วยตนเองแล้ว จึงนับถือด้วยความเป็นอิสระ .. "
"ถึงโลก ถึงธรรม"
(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) -
การปฏิบัติเป็นเรื่องของการสั่งสมบารมี อย่าเบื่อ อย่าหน่าย ขยันเข้าไว้
เรื่องของการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของการสั่งสมบารมี เพราะเราไม่ใช่บุคคลประเภทอุคฆฏิตัญญู ที่ฟังธรรมแล้วบรรลุเลย ก็ต้องค่อย ๆ สร้าง ค่อย ๆ สมไปทีละเล็กละน้อย
ถ้าไปดูในอรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร หลวงพ่อรูปหนึ่งท่านบวชตั้งอายุ ๒๐ ปี ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติในอานาปานสติ ก็คือ พิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม โดยไม่ว่างเว้น แม้กระทั่งถ้ำที่ตัวเองอยู่มีรูปเขียนสีสวยงามอย่างไรก็ไม่เคยเห็น เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดินจงกรมพิจารณาอยู่ จน ๖๐ ปีให้หลัง คือท่านอายุได้ ๘๐ ปี สิ่งที่ท่านปฏิบัติมาไม่ว่าจะเป็นสมถะและวิปัสสนาก็รวมตัวกันเพียงพอ จึงได้บรรลุมรรคผลตอนนั้น
ฉะนั้น...ที่บอกว่าทำแล้วทำไม่ได้ นั่นทำมาครบ ๖๐ ปีแล้วหรือยัง ? พวกเราสมัยนี้ส่วนใหญ่ใจร้อนเกินไป พอใจร้อนเกินไปถึงเวลาทำได้ ๓ วัน ๕ วันไม่เห็นผลก็เบื่อ อยากจะเลิกแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็อีกหลายชาติกว่าจะได้อะไรกับเขาบ้าง
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"จิตไม่เห็นเองแล้วมันจะไม่ยอม" (หลงปู่ศรี มหาวีโร)
.
"จิตไม่เห็นเองแล้วมันจะไม่ยอม"
" .. "ถ้าจิตใจไม่เห็นเองแล้วมันจะไม่ยอม" คล้ายกับว่าผลหมากรากไม้ซึ่งอยู่เมืองนอก ไต้ยินแต่ชื่อเขา เล่าลือว่ามีรลเอร็ดอร่อยว่าดีปานใด "ถ้าหากไม่ได้ลิ้มชิมดู ก็ยังไม่ยอมเชื่อ" ต่อเมื่อเราไต้ลิ้มรสลองว่ามีรสเป็นอย่างไรแล้ว จีงจะตัดสินใจเชื่ออย่างเต็มที่ ถ้าไต้ยินแต่ข่าวลือก็ว่ากันไปอย่างนั้นแหละ
"เรื่องของธรรมะก็เหมือนกัน" ถ้าหากไม่เข้าถึงจิตตราบใด มันก็ไม่รู้สึกตัว ไม่รู้สึกตัวมันก็ไม่ยอมรับ ไต้ยินแต่สัญญา บอกว่าธรรมะเหล่านี้เป็นรูปนั้นวิธีนี้ ให้ผลแบบนั้นแบบนี้ว่าก็ไม่เชื่อ ถ้าหากจิตใจยังไม่ไต้ดูดดื่มรสของ ธรรมะก่อน มันต้องอาศัยความดูดดื่มของรสธรรมะ "จิตใจเข้าถึงธรรมะ ธรรมะเข้าถึงจิตใจ" เออทืนี้ก็รู้เรื่องดี
ที่นี้ก็ถึงขั้นตัดสินใจเองไต้ตามหลักสัจธรรม "หากไม่รู้เองเห็นเองแล้วเป็นไม่ยอมวางง่าย ๆ" ถ้าเทียบ ทางโลกง่าย หมายความว่า คนอื่นว่าไม่ยอมเชื่อง่าย ๆ อาจเชื่อบ้างแต่ไม่ลงถึงใจ คือไม่เห็นขัด เข่น "เทียบกับคนไปทอดแห" งมลงไปในนํ้าจับถูกงูนีกว่าเป็นปลาไหล จึงจับจนแน่น "พอยกขึ้นพ้นนั้ารู้ว่าเป็นงู ไม่รู้ว่ามือมันวางตั้งแต่เมื่อไร... -
"ศีลทำให้มุษย์เป็นเทวดา" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
"ศีลทำให้มุษย์เป็นเทวดา"
" .. "ทุกคนต้องมีศีล จึงจะเป็นคนดีได้" คนไม่มีศีลทำอะไรก็ผิด ๆ เหมือนเรือไม่มีหางเสือ เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องมีศีล ไม่ว่าจะเล่าเรียนอะไร จะมีอาชีพอะไร ศีลเป็นของคนทุกคน "ศีลทำคนให้เป็นคน ทำมนุษย์ให้เป็นเทวดา"
"คนไม่มีศีลก็เหมือนสัตว์" ทำอะไรไปตามกิเลสชักนำ กิเลสคือ โลภโกรธ หลง มันคอยชวนคนให้ทำผิดตลอดเวลา "คนที่ไม่ได้ศึกษาธรรมย่อมไม่รู้จักมัน หลงเชื่อมัน" ทำตามมัน มันก็พาไปพบทุกข์ "คนไม่รู้ก็คิดว่าเป็นความสุข" .. "
หลวงปู่ขาว อนาลโย -
"ความโกรธนี่เผาตัวเองก่อน" (หลวงปู่ลี กุสลธโร)
.
"ความโกรธนี่เผาตัวเองก่อน"
" .. ตัวเรานะต้องฝึกหัดตัวเราเอง ถ้าเราไม่ฝึกหัดไม่ได้ มันจะเป็นเภทภัยอยู่อย่างนั้นแหละ "ความโกรธตัวนี้มันเผาผู้เป็นเจ้าของก่อน" มันไม่ไปเผาคนอื่น ถ้าผู้มีธรรมในใจแล้วเขาไม่สนใจแล้วเขาสบายแล้ว บ้าก็อยู่ที่ปากของเขาจะดีก็อยู่ที่ปากของเขา เราจะไปสนใจอะไร ผู้เห็นอรรถธรรมเป็นอย่างนั้น .. "
"เศรษฐีธรรม"
หลวงปู่ลี กุสลธโร -
เป้าหมายที่แท้จริงของมโนมยิทธิ คือ รู้พระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรง
ถาม : ผมขออนุญาตถามเกี่ยวกับเรื่องการภาวนาครับ ?
ตอบ : ชอบอย่างไรให้ทำอย่างนั้น ขอให้ทำจริง ๆ เท่านั้นแหละ ถ้าเป็นไปได้ก็คือ ตลอด ๒๔ ชั่วโมงอย่าทิ้งการภาวนา แต่ส่วนใหญ่พวกเราทำครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงแล้วก็ทิ้ง เหลืออีก ๒๐ กว่าชั่วโมง ก็เลยไม่พอรับประทานสักที
ถาม : ระหว่างกรรมฐาน ๔๐ กองกับมโนมยิทธิ ผมควรจะฝึกอะไร ?
ตอบ : เอาอานาปานสติเป็นหลัก เพราะสร้างสติและทำให้เกิดกำลังในการต่อต้านกิเลส สำหรับมโนมยิทธิ ถ้าเราไม่มีความเข้าใจอย่างแท้จริง จะหลงทางได้ง่ายที่สุด
ให้เข้าใจไว้ว่ามโนมยิทธิจริง ๆ แล้วเป็นกรรมฐานที่ช่วยให้เราตัดกิเลสได้ง่ายที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ยึดติดได้ง่ายที่สุด หลงผิดได้ง่ายที่สุด
เป้าหมายที่แท้จริงของมโนมยิทธิ คือ รู้พระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรง จดจำเอาอารมณ์ที่ปราศจากกิเลสข้างบน แล้วมาปฏิบัติต่อข้างล่าง พอซักซ้อมจดจำอารมณ์ที่ปราศจากกิเลสไว้บ่อย ๆ กิเลสไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ ท้ายสุดก็จะหมดสภาพไปเอง
แต่เท่าที่เจอมาร้อยละ ๙๙.๙๙ ก็คือ พอรู้แล้วแทนที่จะละ กลับรู้แล้วไปยึด คนโน้นเป็นอย่างโน้นกับเรา คนนี้เป็นอย่างนี้กับเรา... -
"นรกบุคคล" (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
.
"นรกบุคคล"
" .. การเกิดมาเป็นคนก็เป็นนรกอันหนึ่ง ท่านว่าเป็น "นรกบุคคล" คือว่า "เกิดมาก็มีทุกข์เป็นของแต่ละบุคคล" ทุกข์ในความเกิดนี้ พระพุทธองค์ตรัสว่า "ชาติความเกิดเป็นทุกข์" ต้องกำหนดให้เห็นด้วยสติปัญญาของตัวเอง ไม่ใช่ผู้อื่น
เทศน์สั่งสอนแล้วก็เชื่อตามไปทีเดียว "เราไม่เห็นแจ้งเห็นจริงในความเกิดนั้น" ก็เข้าใจว่าเป็นความสุข แท้ที่จริงไม่เป็นความสุข .. "
"หลวงปู่สอนว่า"
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร -
"อิทธิบาท" ..หลวงปู่มั่นพยากรณ์อายุ และการต่ออายุกายสังขาร
"อิทธิบาท" ..หลวงปู่มั่นพยากรณ์อายุ และการต่ออายุกายสังขาร -
“แอ๊ว อำภา” สยอง เคยถูกคุณไสย เสกฟันกราม ผิวหนังมีขนเข้าท้อง พ่อรับเคราะห์เสียชีวิตแทน
“แอ๊ว อำภา” เล่าประสบการณ์สยอง เคยโดนคุณไสยเสกฟันกราม ผิวหนังที่มีผมขึ้นเข้าท้อง มิหนำซ้ำยังมีวิญญาณมาตามจะเอาชีวิต ตนรอดแต่พ่อต้องมาเสียชีวิตแทน
ยังคงรับงานในวงการอย่างต่อเรื่อง สำหรับ “แอ๊ว อำภา ภูษิต” ล่าสุดแอ๊วได้มาเล่าประสบการณ์ถูกคุณไสยเล่นงานในรายการ Z story ทางช่องอมรินทร์ เมื่อปี 2540 ตนเคยถูกคนทำไสยศาสตร์ใส่ เสกฟันกราม และผิวหนังที่มีผมขึ้นเข้าท้อง หนำซ้ำยังมีวิญญาณมาตามจะเอาชีวิต แม้ตนเองจะรอด แต่ต้องสูญเสียพ่อไปแทน
“ในชีวิตเคยโดนของดำน่ากลัวมาก จนต้องสูญเสียพ่อ มันน่ากลัวมาก อยู่ๆ วันนึงเราลื่นล้ม คือเดินไปที่ซักล้าง แล้วก็ลื่นปื๊ดแล้วก็ลงไปนั่งกับพื้น หลังก็กระแทกโดนขอบ เราก็เลยมีความรู้สึกว่าเราเจ็บ ก็เลยไปหาหมอที่เกษมราษฏร์ พอไปหาหมอ หมอก็บอกว่าเอ็กซ์เรย์แล้วนะครับ เป็นแบบนี้ แบบนี้ แต่ที่เอ็กซ์เรย์มามีฟันกราม แม่ก็ตกใจบอกว่าคุณพระช่วยหมายความว่าไงคะ ท่านก็บอกว่าถ้าพูดตามหลักวิทยาศาสตร์ก็คือมีเนื้องอกเกิดที่ปีกมดลูกข้างซ้าย แต่ถ้าพูดแบบไสยศาสตร์คือคุณอำภาโดนของ
ตอนเอ็กซ์เรย์เห็นแค่ฟัน เสร็จแล้วหมอก็บอกว่าเอาให้ชัวร์ให้ไปเอ็กซ์เรย์ อัลตราซาวด์อีกสัก 2-3 โรงพยาบาล... -
จำไว้ว่ากิเลสไม่เคยหย่อนมือให้กับเรา รักจะรบกับกิเลสต้องเอาจริง
จำไว้ว่ากิเลสไม่เคยหย่อนมือให้กับเรา รักจะรบกับกิเลสต้องเอาจริง ไปทำเป็นเล่น ๆ เดี๋ยวโดนตีตาย พวกเราพออยู่ไประยะหนึ่งแล้วทำตัวเหมือนคนมีเวลามาก ทำตัวเหมือนคนมีเวลามากก็ประมาทเกินไป มีโอกาสต้องรีบบี้กิเลสให้ตายคามือไปเลย ไม่ใช่ปล่อยแล้วปล่อยอีก เขาเรียกว่าเมตตาผิดประเภท
เมตตาคน เมตตาสัตว์ เมตตาอะไรก็ได้ แต่อย่าไปเมตตากิเลส ทำตัวเหมือนกับวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิต ทุ่มเทให้เต็มที่ ถึงไม่สำเร็จเราก็ตอบตัวเองได้ ว่าได้ลงมือทำเต็มที่แล้ว
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"โยมแม่รักเรามาก" (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท)
.
"โยมแม่รักเรามาก"
.. พระอาจารย์เจี๊ยะจึงเล่าต่อว่า ..
" .. "เรานี่นะ รักโยมแม่มากกว่าโยมพ่อ" เพราะเรากินนมแม่ "โยมแม่อยู่ในใจเราตลอด" ตอนเป็นเด็ก ๆ ทำผิด บางที โยมแม่เอาแส้ไล่หวด เราก็วิ่งไปหลบอยู่ในคลองน้ำ บางทีแม่ไล่ตี เราก็วิ่งหนีเข้าโรงฝิ่น ไปฟังเขาคุยกันในโรงฝิ่นสนุกดี แต่เราไม่ได้ไปสูบฝิ่น
โยมแม่เป็นคนเจ้าระเบียบเรียบร้อยใจดี "โยมแม่รักเรามาก" เพราะภายในใจท่านคิดเสมอว่า "จักให้เราดำรงวงศ์ตระกูลให้ยั่งยืน" ปกครองทรัพย์สมบัติที่ท่านหามาไว้ได้ "เมื่อท่านตายไปแล้ว ก็หวังให้เราทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้" .. "
"พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้หริ้วห่อทอง"
หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท -
ระวังกิเลสตีกลับอย่างไรดีคะ ?
ถาม : เริ่มเบื่อน้อยลงแล้วค่ะ ?
ตอบ : เริ่มเบื่อน้อยลง ก็แย่นะสิ
ถาม : อย่างทำงาน รู้ว่าเป็นหน้าที่ก็ทำ ๆ ให้เสร็จ ๆ สักแต่ว่าทำไป จึงเบื่อน้อยลงเรื่อย ๆ
ตอบ : ให้กำลังใจของเราอยู่กับปัจจุบันด้วย คือ ทำงานก็ให้อยู่กับงานตรงนั้นเลย ไม่อย่างนั้นแล้วความเบื่อที่น้อยลง อาจเป็นเพราะว่ากิเลสของเราตีกลับ คือ กำลังใจเราไปทุ่มเทกับงาน อาจจะเป็นในลักษณะที่ว่า "ตรงนี้ได้กำไรเยอะ ต้องรีบทำหน่อย" กลายเป็นว่ากิเลสย้อนกลับมาแล้วเราไม่รู้ตัว
เพราะฉะนั้น..ให้วางกำลังใจอยู่กับปัจจุบันตรงนั้นจริง ๆ ต้องระมัดระวังไว้ อย่าไปคิดว่าเราก้าวผ่าน ให้คิดอยู่เสมอว่าเราถดถอย จะได้ไม่ประมาท
ถาม : แล้วมีวิธีดูไหมคะ ว่าเราถอยหรือเราดีขึ้น ?
ตอบ : วัดจากนิวรณ์ ๕ ก็พอ ไม่ต้องมากมาย ถ้าโผล่มาเมื่อไรแสดงว่าเราพังไปนานแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง
ถาม : เวลาไปกราบพระ หนูต้องบินฝ่าแดดฝ่าลมไป มีวิธีที่นึกแล้วถึงเลยไหมคะ ?
ตอบ : เราต้องคิดว่าเราอยู่ตรงหน้านั้นแล้ว แต่ก็อาจจะเป็นรูปแบบเฉพาะตัวของเราก็ได้ แบบเดียวกับพระยาครุฑ เคยอ่านกากีไหม ? เขาว่าดังนี้
เราจะแจ้งทางทุเรศเขตอรัญ........สัตตภัณฑ์คั่นสมุทรใสศรี... -
"บรรลุธรรม" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"บรรลุธรรม"
" .. ผู้บรรลุธรรมนั้นคล้ายกันกับว่า เรามองเห็นงูเห่าที่มันเลื้อยไป "เราก็รู้ว่างูนั้นเป็นอสรพิษ" ถ้ามันกัดใครมันจะถึงตายหรือเจียนตาย อันนี้เรียกว่าเรารู้ในงูเห่าตามความเป็นจริง แล้วก็ไม่กล้าไปจับงูนั้น
"ใครจะบอกอย่างไรก็ไม่กล้าจับ" คือเราบรรลุถึงพิษของมัน "ความชั่วทั้งหลายก็เหมือนกัน ถ้าเราเห็นโทษของมันก็ไม่อยากทำ" ขอให้เราปฏิบัติไปพิจารณาไป มันก็จะเลิกจะถอนของมันเอง .. "
"๔๘ พระธรรมเทศนา"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
เณรผู้มีบุญบารมีสละตนออกบวช..เพื่อปลุกศรัทธาให้โยมพ่อโยมแม่..เข้าถึงธรรม
ผมสละตนออกบวช..
เพื่อปลุกศรัทธาให้โยมพ่อโยมแม่..เข้าถึงธรรม
เณร5ขวบสวดปาฏิโมกข์ได้
=AZUhrXxub1qCQcbVJ5Mk5IDnXBRiCkWFAPzNd5c-AA3OjqhsvQazSTbhlORd4GVa9Vh7CiO71pFnSIqM-7t6rM3Jf3PZClHZw4SwKS1AV9Pkbr8qPw-e6glVS3BZBIezNiLYVLWuh_OQQAv6eVMEp-Yv1L4JVki_qzbC9YUl1a3c6NbOx0PRXiYs6d2HW7FpkdAgiuf6oV-MmMl0Wmsypv7L&__tn__=*NK-y-R']#สามเณรอุทุมพร
=AZUhrXxub1qCQcbVJ5Mk5IDnXBRiCkWFAPzNd5c-AA3OjqhsvQazSTbhlORd4GVa9Vh7CiO71pFnSIqM-7t6rM3Jf3PZClHZw4SwKS1AV9Pkbr8qPw-e6glVS3BZBIezNiLYVLWuh_OQQAv6eVMEp-Yv1L4JVki_qzbC9YUl1a3c6NbOx0PRXiYs6d2HW7FpkdAgiuf6oV-MmMl0Wmsypv7L&__tn__=*NK-y-R']#เณรน้อยผู้มีความกตัญญูสูง
=AZUhrXxub1qCQcbVJ5Mk5IDnXBRiCkWFAPzNd5c-AA3OjqhsvQazSTbhlORd4GVa9Vh7CiO71pFnSIqM-7t6rM3Jf3PZClHZw4SwKS1AV9Pkbr8qPw-e6glVS3BZBIezNiLYVLWuh_OQQAv6eVMEp-Yv1L4JVki_qzbC9YUl1a3c6NbOx0PRXiYs6d2HW7FpkdAgiuf6oV-MmMl0Wmsypv7L&__tn__=*NK-y-R']#โยมแม่ครับ
แม่ไม่ต้องเก็บทรัพย์สมบัติอะไรให้ผม
ที่ผมสละตนเองออกบวช
เพื่อนำพาโยมพ่อโยมแม่ก้าวเดิน
บนเส้นทางที่จะไม่ต้องเกิดมาเจอทุกข์บนโลกอีก
ปลุกศรัทธาให้โยมพ่อโยมแม่... -
นักปฏิบัติที่ดีควรมุ่งหน้าเอามรรคผลของตนเอง
นักปฏิบัติที่ดีควรมุ่งหน้าเอามรรคเอาผลของตนเอง เพราะชีวิตของเราเป็นของน้อย จะตายลงไปเมื่อไรก็ไม่แน่ มัวแต่ไปสนใจภายนอกอยู่ ถ้าหากตายลงไปก่อนที่ตนเองจะหมดกิเลส ก็กลายเป็นเสียชาติเกิดไปอีกชาติหนึ่ง
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"หลวงปู่ขาวท่านเล่าให้ฟัง" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"หลวงปู่ขาวท่านเล่าให้ฟัง"
.. ท่านบอกว่าโหล่งขอด อ.พร้าว ท่านไปสำเร็จอยู่ที่นั่น ..
" .. ท่านเดินออกไป ท่านไปอาบน้ำ ท่านว่าอย่างนั้นนะ "ไปเห็นข้าวเขากำลังสุก" เขียวก็มี กำลังพอทำข้าวเม่านี้ก็มี อ่อนอยู่ก็มี ท่านก็ดู นี่ละธรรมะจะไต่ไปตามนั้น ข้าวมีหลายประเภท "คนที่มีบารมีแก่กล้าแล้วก็เหมือนข้าวสุก" ไม่เป็นอื่น จะสุกโดยถ่ายเดียว
ผู้ที่บารมีลดลงมาก็เป็นอย่างนี้ ๆ ท่านไล่ลงไปนะ "ข้าวประเภทลดกันลงมา ก็บารมีอยู่ในขั้นนี้ ๆ ท่านไล่ไปจนกระทั่งลงถึงรากถึงโคน" ที่มันเป็นดอกเป็นผลไปแล้วก็เป็น ที่อยู่กับต้นมีแต่ใบเฉย ๆ มันคอยจะตายอยู่กับต้นก็มีใช่ไหมล่ะ ในต้นข้าวต้น นั้นแหละ ที่เป็นดอกเป็นผลไปแล้วก็มี ที่รองกันลงมาก็มี ที่ฝังอยู่กับโคนของมันก็มีคอยแต่จะตาย
ท่านพิจารณาไป "จิตของเรามันเริ่มแรกมาตั้งแต่ต้น ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อได้รับการบำรุงเสมอก็เป็นอย่างนี้ ๆ ท่านพิจารณา" อาบน้ำก็มีแต่อันนี้เป็นอารมณ์ ท่านว่าอย่างนั้นนะ อาบน้ำเสร็จ มันไม่เสร็จ ท่านว่า เข้าห้องไปที่นั่งภาวนาเลย เอาอันนี้เข้ามาเป็นสนามมวยเลย ซัดกันเลยผึงขึ้นในคืนวันนั้น "อย่างนั้นแหละธรรมะอัตโนมัติ" ท่านเล่าให้ฟัง .. "... -
"อำนาจธรรมเข้าถึงใจ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"อำนาจธรรมเข้าถึงใจ"
" .. นามธรรมคืออรรถธรรมเข้าสู่ใจ "ธรรมนี้สำคัญมากนะ ธรรมกับใจเป็นสำคัญมาก" ขอให้ใจเข้าสู่ธรรมเถอะ ทุกสิ่งทุกอย่างจะแน่นหนามั่นคงขึ้นมาด้วยกัน คนที่เคยกินเหล้าเมาสุรา สูบฝิ่นกินกัญชาอะไร การพนันขันต่อนี้มันจะลด ๆ ลงเป็นลำดับ นี้ธรรมดา
"บางรายขาดสะบั้นไปเลย ตัดขาดเลย เพราะอำนาจแห่งธรรมเข้าหนุนกำลังใจ" ตัดสิ่งทั้งหลายที่เลวทรามและทำความเสียหายแก่เรานั้นออกให้หมดโดยสิ้นเชิง "นี้ละอำนาจแห่งธรรมเป็นอย่างนั้น" ถ้าได้เข้าถึงใจแล้ว .."
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3349&CatID=2 -
"พื้นฐานของพระพุทธศาสนา" (หลวงปู่ศรี มหาวีโร)
.
"พื้นฐานของพระพุทธศาสนา"
" .. ในทางพระพุทธศาสนา "ท่านพยายามแก้หัดจริตนิสัยของคน ให้เป็นคนเสียสละหรือเป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวาง" เฉลี่ยเจือจานเอื้อเฟือเผื่อแผ่แก่บรรดามนุษย์ ตลอดจนถึงสรรพสัตว์ทั่ว ๆ ไป
ฉะนั้น ถ้าทุกคนอุตส่าห์พยายามเอาใจใส่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างที่เป็นมาแล้ว "อันนี้เป็นพื้นฐานของพระพุทธศาสนา" ที่เรียกว่า "การทานหรือการให้" .. "
วีระปฏิปทา มหาวีโร
หลวงปู่ศรี มหาวีโร -
คุณหมอแม่พระของสตรี เด็ก โสเภณี! เกิดในตระกูลใหญ่ เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของเด็กกำพร้า!!
คนในราว พ.ศ.๒๕๐๐ คงไม่มีใครไม่รู้จัก “คุณหมอเพียร” ดร.เพียร เวชบุล ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “แม่พระ” ของสตรี เด็ก และโสเภณี โดยเฉพาะในประเภทหลังนี้ไม่มีสุภาพสตรีรายใดกล้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่คุณหมอซึ่งเป็นสาวโสดก็เข้าไปรับรู้ปัญหาอย่างใกล้ชิด บางครั้งก็เข้าไปฉีดยาให้ถึงในสำนักโดยไม่รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์หรือสายตาใคร จนถูกผู้ชายแมงดาจับโยนออกมา เมื่อครั้งไปดูงานที่อเมริกา ก็ยังเคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนางบังเงากับเขาด้วย แม้ชายนักเที่ยวก็ได้รับการช่วยเหลือจากคุณหมอในเรื่องโรคที่ได้มาจากการไปหาความสนุก โดยเปิดสถานีอนามัยรักษากามโรคโดยเฉพาะขึ้นที่นางเลิ้ง คุณหมอเป็นผู้ก่อตั้งบ้านเกร็ดตระการ ที่เกาะเกร็ด นนทบุรี เพื่อดูแลสงเคราะห์หญิงขายบริการและเด็กเร่ร่อน ไม่แต่คนไทยเท่านั้นที่ชื่นชมและยกย่อง คุณหมอยังได้รับรางวัลยกย่องจากต่างประเทศมากมาย องค์กรต่างประเทศขอเข้ามาเยี่ยมชมกิจการมูลนิธิของคุณหมอ ฮอลลีวูดขอนำชีวิตของคุณหมอไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ให้ชื่อว่า “ผู้หญิงมหัศจรรย์” นิตยสาร “รีดเดอร์ไดเจส” นำประวัติของคุณหมอไปพิมพ์โด่งดังไปทั่วโลก
คุณหมอเพียรเกิดในปี ๒๔๔๑ ที่จังหวัดลำปาง...
หน้า 129 ของ 403