คลังเรื่องเด่น
-
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ◎ อานุภาพการสวดมนต์และเสียงสาธุการ
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
◎ อานุภาพการสวดมนต์และเสียงสาธุการ
สมัยที่ท่านพระอาจารย์มั่นพักอยู่บนดอยปะหร่อง (เชียงใหม่) กับพระอาจารย์มนู ตอนเช้าเที่ยวบิณฑบาต พอให้พรเสร็จ ท่านได้สอนให้ชาวบ้านกล่าวสาธุพร้อมกันด้วยเสียงสูง ท่าน (พระอาจารย์มั่น) เล่าเป็นเชิงตลกว่า มือทั้งสองข้างของเขาชูขึ้นข้างบนเหมือนบั้งไฟจะขึ้นสู่ท้องฟ้าว่างั้น
วันหนึ่ง ท่านนั่งพักในส่วนที่ทำเป็นที่พักกลางวัน มีเทพพวกหนึ่งมาจากเขาจิตรกูฏ มาถามท่านว่า
"เสียงสาธุ สาธุนั้น สาธุอะไร สะเทือนสะท้านทุกวัน พวกเทพทั้งหลายได้ฟัง มีความสุขไปตามๆ กัน"
ท่านมาพิจารณาว่า เสียงอะไร ที่ไหน จึงระลึกได้ว่า เสียงสาธุการของชาวบ้านตอนถวายทานนั่นเอง
พอรับทราบแล้วพวกเทพก็กล่าวว่า "เขาก็สาธุการด้วย" แล้วทำประทักษิณเวียนขวาลากลับไป ส่วนมากพวกเทพเขาจะทำอย่างนั้น
ท่านพระอาจารย์มั่น เลยมาพิจารณาต่อได้ความว่า
พุทธมนต์นั้นใครสวดก็ตาม จะเป็นกิจวัตรของพระสงฆ์เช้า เย็น หรือชาวพุทธทุกคน
สวดมนต์ระลึกในใจ มีอานุภาพแผ่ไปได้หมื่นจักรวาล
สวดออกเสียงพอฟังได้ มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนจักรวาล
สวดมนต์เช้าเย็นธรรมดา มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนโกฏิจักรวาล... -
อธิษฐานขอให้บุญเก่าช่วย
อธิษฐานขอให้บุญเก่าช่วย
ผู้ถาม : หลวงพ่อขอรับ เวลาปฏิบัติพระกรรมฐาน เราจะอธิษฐานบุญที่เคยบำเพ็ญมาแล้วในอดีตช่วยสงเคราะห์ในการปฏิบัติเพื่อให้ได้ผลในปัจจุบันดียิ่งขึ้น จะมีผลได้หรือเปล่าขอรับ ?
หลวงพ่อ : ก็ดีนะ ทำแบบนี้ดี มันกระตุ้นความรู้สึกหรือบุญเก่า กำลังก็จะเสริมขึ้น อันนี้ฉันเคยใช้ เมื่อก่อนก็เคยใช้
แม้แต่อุทิศส่วนกุศลก็เหมือนกันฉันก็ใช้แบบนี้ ดึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เคยทำ ตั้งแต่ชาติไหนก็ตามเรื่อยมาทั้งหมด รวมทั้งเวลาปัจจุบัน อุทิศส่วนกุศล อันนี้ดีมาก
(หลวงพ่อว่าดีมาก เราก็ควรทำมากๆ แม้แต่เวลาคนถวายของหลวงพ่อในเวลาก่อนสอนกรรมฐานตอนกลางคืน หลวงพ่อยังอธิษฐานเลย ที่ทราบเพราะมีคนถามปัญหานี้)
หลวงพ่ออธิษฐาน
ผู้ถาม : เวลาลูกมาปฏิบัติพระกรรมฐานที่บ้านสายลม เห็นคนนำถาดใส่เงินถวายหลวงพ่อ ลูกสงสัยว่าบางครั้งหลวงพ่อประนมมือหลับตา ไม่ทราบว่าหลวงพ่อพิจารณากรรมฐานอย่างไรครับ ?
หลวงพ่อ : ขอสงวนเป็นความลับนะ
ผู้ถาม : ปีใหม่ไม่เปิดเผยหรือครับ ?
หลวงพ่อ : เผยไม่ได้ราคามันแพง (หัวเราะ)
ไอ้นี่เขาโมทนานะ โมทนาด้วย ขอพรพระท่านด้วย ให้ช่วยสงเคราะห์ทุกคนที่เป็นเจ้าของ ให้ลูกหลานทุกคน... -
"เจ้าของจำไม่ได้ กรรมจำได้" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"เจ้าของจำไม่ได้ กรรมจำได้"
" .. ศาสนาของพระพุทธเจ้าเรานี้ "ยกกรรมเป็นที่หนึ่งเลย" ขึ้นต้น "กรรมการกระทำดีชั่วเป็นบทเป็นบาทเป็นพ่อเป็นแม่เป็นผู้บังคับบัญชา" ให้เป็นดีเป็นชั่วต่าง ๆ บอกชัดเจน คือทำดีจะไปทำที่ไหนก็ทำเถอะ อย่างที่เขาติดตะรางแหละ ไปฉกไปลักที่ไหนก็มาติดคุกติดตะรางจนได้
แต่นี้จะมาติดเฉพาะผู้ที่เขาอยู่ในที่แจ้งที่เขาเห็นหรืออะไร แต่เรื่องบาปเรื่องกรรมในพวกคนทำบาปไม่มีเศษมีเหลือมากน้อยเลย "ร้อยทั้งร้อย ๆ ทำดีทำชั่วเป็นดีเป็นชั่วทั้งร้อย ๆ เลย" ไม่มีปิดบัง
"นตฺถิ โลเก รโห นาม" ชื่อว่าที่ลับไม่มีในโลกไม่ว่าจะไปทำที่ไหน "คนอื่นไม่เห็นเจ้าของก็เห็น" ทีนี้เวลาตายไปแล้ว "เจ้าของจำไม่ได้ กรรมจำได้" กรรมติดตาม เป็นไปอย่างนั้นแหละ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
"สติ เป็นของจำเป็น" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"สติ เป็นของจำเป็น"
" .. "เรื่องสตินี้ เป็นของจำเป็นที่ทุกคนจะต้องทำ ไม่ว่าจะยากหรือง่ายก็จำเป็นต้องทำ" เหมือนกับเรามีรถ มีเรือ "เราใช้ไม่ได้ ขับไม่เป็นมันก็ไม่เป็นประโยชน์แก่พวกเราซิ" เหมือนกันนั่นแหละ
สติเรามีอยู่ "แต่เราไม่คุมสติให้อยู่ใต้อำนาจของเรา" สตินั้นก็เหลวใช้ไม่ได้ แล้วแต่สตินั้นพาเราไปทำชั่ว ทำผิด ทุจริตต่าง ๆ เราก็ไม่รู้ "เลยกลายเป็นผู้มีสติฟั่นเฟือน"
ต้องคุมให้อยู่ในอำนาจของเรา "เราทำดี ทำชั่ว ทำผิด ทำถูก ทำอะไรทั้งหมดให้รู้ตัวอยู่เป็นนิจ" เมื่อทำอย่างนี้อยู่เสมอจนเคยชินแล้วจะรู้สึกตัวว่า เมื่อไม่ได้ทำจะไม่สบาย .. "
"สนทนาธรรม ต่างประเทศ"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
สอนลูกให้รู้จักความลำบาก ให้เขารู้ว่าโลกเราโหดร้ายกว่าที่คิด จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่เนิ่น ๆ
พระอาจารย์เล่าว่า "เคยไปฟังเขาอบรมคนขายประกัน จับพลัดจับผลูได้เข้าไปฟังกับเขาด้วย คนที่ประสบความสำเร็จเขามาบอกเคล็ดลับให้คนที่กำลังเข้าไปทำว่า คุณไปหาลูกค้าคนที่ ๑ พลาด คนที่ ๒ พลาด คนที่ ๓ พลาด คนที่ ๔ พลาด อย่าเพิ่งท้อใจ ให้ทำต่อไป เขาเองไปประสบความสำเร็จกับลูกค้าคนที่ ๘๑ เขาพลาดมา ๘๐ คนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ท้อ
พอคนที่ ๘๑ ยอมเซ็นสัญญาทำกรมธรรม์กับเขา เขาถามลูกค้าคนนั้นว่าตัดสินใจทำเพราะอะไร เมื่อรู้ความต้องการของลูกค้าก็ไปนำเสนอลูกค้าคนต่อไปได้ง่ายขึ้น พอได้ลูกค้าคนต่อไปก็ถามเขาอีกว่าทำเพราะอะไร ต้องการอะไร แล้วก็นำเสนอลูกค้าคนต่อไป ท้ายสุดเขาประสบความสำเร็จ ได้รางวัลไปเที่ยวต่างประเทศจนเบื่อไปเอง ถ้าเขาท้อตั้งแต่ ๒๐ คนแรก หรือ ๕๐ คนแรก เขาจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าที่เขาประสบความสำเร็จคือคนที่ ๘๑
พระพุทธเจ้าตรัสโอวาทปาฏิโมกข์ ก็คือหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา คำแรกเลยคือ ขันตี ปรมัง ตะโป ตีติกขา ความอดทนเป็นตบะอย่างยิ่ง อันนี้พูดมาแล้วฟังไม่รู้เรื่อง ก็คือ ความอดทนเท่านั้นที่จะหลอมเคี่ยวเรา จนกระทั่งประสบความสำเร็จออกมาเป็นศิลปะวัตถุที่งดงาม เป็นที่ตรึงตราต้องใจของบุคคลทั่วไป... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
เคล็ดลับในการภาวนาพระคาถาเงินล้าน “ให้ขึ้น”
ญาติโยมที่ไม่เคยใช้พระคาถาเงินล้านแล้วอยากจะใช้ ขอให้ทราบว่า คนที่จะทำพระคาถาเงินล้านให้ได้ผล หรือที่เรียกว่า "ทำขึ้น" อันดับแรกเลย...ต้องประกอบไปด้วยศรัทธา คือ ความเชื่อมั่น
อันดับที่สอง...ต้องมีการสวดภาวนาอย่างสม่ำเสมอ เคยทำวันละเท่าไร ต้องทำวันละเท่านั้น อันดับที่สาม...ต้องมีการให้ทานเป็นปกติ เพราะว่าทานเป็นพื้นฐานของโภคสมบัติและความร่ำรวยทั้งปวง
อันดับที่สี่...ต้องมีสมาธิที่ทรงตัว อาตมาเคยบอกว่าให้ภาวนาวันละ ๑๐๘ จบ ก็เพื่อว่าอย่างน้อย ๆ ในช่วงนั้นกำลังสมาธิของเราจะได้สูงขึ้น
ดังนั้น...ใครอยากจะทำพระคาถาเงินล้านให้ได้ผล ก็ให้ดูกติกาด้วยว่าเราทำได้ครบถ้วนหรือไม่ ? เราทำด้วยความเคารพศรัทธาหรือทำเพราะอยากรวย ? เรามีความเพียรพยายามปฏิบัติได้สม่ำเสมอทุกวันหรือเปล่า ? เรามีการทำบุญใส่บาตร ถือศีลปฏิบัติธรรมทุกวันหรือเปล่า ? เรามีกำลังสมาธิที่ทรงตัวหรือเปล่า ? ถ้าหากว่ากฎเกณฑ์กติกาเหล่านี้ครบ ท่านทำต่อเนื่องไม่เกิน ๒ เดือน จะเกิดผลแน่นอน
ปกิณกธรรม งานสวดพระคาถาเงินล้านถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔
https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=7827... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
การที่จะประสบความสำเร็จจริง ๆ คือ เมื่อล้มแล้วต้องรีบลุก
พระอาจารย์กล่าวว่า "การที่เราทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นงานใหญ่งานเล็กก็ตาม ไม่มีใครทำด้วยความมั่นใจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ว่าจะสำเร็จ ทุกอย่างต้องศึกษาลู่ทางให้ดีที่สุด แล้วก็ตัดสินลงมือทำไปตามข้อมูลที่มีอยู่ ระหว่างนั้นถ้ามีปัญหาก็ต้องปรับแก้ไปตามหน้างาน ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้พวกเราเจอมาทุกคน ไม่ใช่ว่าพอวางแผนงานมาแล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้นเป๊ะ ๆ คราวนี้การปรับตามหน้างานถือว่าเป็นวิวัฒนาการ เราจะเห็นว่า ไม่ว่าพืชหรือสัตว์ก็ตาม ถ้าปรับตัวไม่ได้นี่ก็สูญพันธุ์หมด
มีคนเขาบอกว่า "คนโง่มองว่าตัวเองขาดอะไร คนฉลาดมองว่าตัวเองมีอะไร" อาตมาไปบรรยายเกี่ยวกับการบริหารงานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนให้ประสบความสำเร็จว่าต้องทำอะไรบ้าง ก็เลยบอกว่า บังเอิญอาตมาจะว่าโง่ก็ไม่ใช่ จะว่าฉลาดก็ไม่เชิง ก็เลยมองทั้ง ๒ อย่าง คือ มองว่าเราขาดอะไรแล้วสร้างใหม่ขึ้นมา มองว่าเรามีอะไรแล้วปรับให้ดียิ่งขึ้นไป
ฉะนั้น...การจะประสบความสำเร็จจริง ๆ ก็คือ การล้มลุกคลุกคลานมานับครั้งไม่ถ้วน เพียงแต่ว่าต้องไม่ท้อถอย คราวนี้การที่ล้มลุกคลุกคลานนั้น ก็สำคัญตรงที่ว่าใครจะลุกได้เร็วกว่า ก็คือบุคคลที่ไม่ใส่ใจกับความผิดพลาด... -
ข่าวชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน (พระอาจารย์เล็ก) เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖
ชุมชนคุณธรรมออนไลน์ Palungjit.org
เครือข่ายชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
ขอรวบรวมข่าวกิจกรรมการดำเนินงานของ
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. (พระอาจารย์เล็ก)
เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เพื่อให้ทุกท่านได้โมทนาบุญในการทำงานของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
และเพื่อให้ทุกท่านได้ศึกษารูปแบบการดำเนินงานของพระอาจารย์
ซึ่งท่านเป็นต้นแบบการทำงานของ ชุมชนคุณธรรมออนไลน์ Palungjit.org
ข่าวการดำเนินงาน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๖ -
สิ่งที่เราทำในวันนี้ เวลานี้ จะส่งผลต่อชีวิตเราในอนาคต
คนเราเกิดมาก็ต้องเล่าเรียนศึกษา หาการหางานทำ หวังมีชีวิตที่มั่นคง ถึงเวลาแต่งงานก็หวังว่าจะได้คู่ชีวิตที่ดีมีความซื่อสัตย์ รักเดียวใจเดียว พอมีลูกก็หวังให้ลูกเป็นเด็กดี มีความกตัญญู ขยัน ใฝ่รู้ใฝ่เรียน
อยากจะถามว่าความหวังเหล่านี้เป็นไปได้ไหมที่จะสำเร็จไปทุกเรื่อง ? ต้องบอกว่าถ้าได้สักเรื่องหนึ่งก็โชคดีมากแล้ว เพราะว่าเราเกิดมาในกองทุกข์ ยืน เดิน นั่ง นอนอยู่บนกองทุกข์ตลอดเวลา ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาแล้วที่จะไม่กระทบกระทั่งกับความทุกข์นั้นไม่มี
พระพุทธเจ้าถึงได้บอกวิธีให้เราหนีพ้นจากกองทุกข์ ก็ขึ้นอยู่กับสติ ปัญญาของเราว่ามีมากเท่าไร ขณะเดียวกันก็ต้องขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ว่าทำดีทำถูกเท่าไร มีหลายท่านเกิดมาเพราะมีปุพเพกตปุญญตา คือ บุญที่สร้างสมมาดีแต่ปางก่อน ทำดีทำถูกตั้งแต่ยังไม่เข้าวัดเข้าวา ไม่รู้จักพระจักเจ้า ไม่รู้จักศีลจักธรรม แต่ด้วยบุญที่ตัวเองสร้างมาทำให้มีมโนธรรม รู้ว่าอะไรควรไม่ควร แต่ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีอย่างนั้น
ฉะนั้น...พวกเราทุกคนมีโอกาสทำผิดพลาดทั้งนั้น เพียงแต่ว่าผิดพลาดแล้วต้องรีบแก้ไข จึงจะกลับจากเรื่องร้ายกลายเป็นดี แล้วก็เอาบทเรียนพยายามสร้างเสริมในสิ่งที่ดี... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๖ -
ก่อนหน้านี้ตั้งใจจะไปพระนิพพาน แต่ความมุ่งมั่นหมดแล้ว ต้องแก้ไขอย่างไรคะ ?
สำหรับวันนี้มีเรื่องที่น่าสนใจมาก ก็คือมีโยมคณะหนึ่งมาสอบถามว่า ก่อนหน้านี้มีความตั้งใจมุ่งมั่นจะไปพระนิพพานให้ได้ ปัจจุบันนี้ความมุ่งมั่นนั้นหายไปหมดแล้ว ควรจะทำอย่างไรดี ?
เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วก็ เกิดจากการปฏิบัติที่ไม่ต่อเนื่อง เมื่อทำไม่ต่อเนื่อง ผลดีไม่เกิด กำลังใจที่จะต่อสู้เพื่อที่จะปฏิบัติให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปก็ไม่มี ถ้าจะกล่าวไปแล้วก็คือ ละทิ้งโอกาสที่ดีไปอย่างน่าเสียดาย เนื่องเพราะว่าโดยปกติของปุถุชนอย่างพวกเราทั้งหลาย มีการทำดีทำชั่วสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเป็นปกติ
เมื่อวาระของกุศลกรรมหรือความดีเข้ามาหนุนเสริม ก็อยากที่จะถือศีลปฏิบัติธรรมให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ในช่วงนั้นถ้าจัดการได้ถูก ก็จะก้าวหน้า เห็นหน้าเห็นหลังไปเลย คำว่าจัดการให้ถูกในที่นี้ก็คือ ทุ่มเทให้กับการปฏิบัติอย่างชนิดที่เอาชีวิตเข้าแลก แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วจัดการไม่ถูก ก็คือมักจะทำแบบแก้บน หรือทำพอเป็นพิธี ไม่ได้สมกับความตั้งใจที่ว่าจะปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าสู่พระนิพพาน
บุคคลที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อพระนิพพานนั้น ต้องสร้างบารมีมานับไม่ถ้วน เกิดแล้วเกิดอีก อย่างน้อยก็ ๑ อสงไขยกับแสนมหากัป ซึ่งจะว่าไปแล้ว... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๖ -
ถ้าอยากจะดวงดีจริง ๆ ให้ภาวนาทุกวัน
ส่วนใหญ่แล้วพวกเราก็ยังเลือกทำบุญในส่วนของสังฆทาน วิหาร แล้วก็ธรรมทาน ถ้าบอกว่ามีประโยชน์น้อย พวกเราก็คงจะช็อกตาตั้ง เพราะอย่าลืมว่า แม้ว่าจะเป็นสังฆทาน วิหารทาน และธรรมทาน ก็ยังอยู่ในระดับของทานเท่านั้น ยังมีระดับของศีลที่สูงกว่านั้น ระดับของภาวนาที่สูงกว่านั้น แต่หลายคนกลับติดอยู่แค่นี้
ผลอะไรไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นกับตัวเอง ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำทานอย่างเดียว โดยหวังว่าผลของทานจะไปแก้ไขวิถีชีวิตของเราได้ดีขึ้น ต้องบอกว่าหลงทางไปไกล สิ่งที่จะแก้ไขชีวิตของเราให้ดีขึ้นก็คือการภาวนา ถ้าสมาธิทรงตัว ปัญญาก็จะเกิด จะเห็นหนทางแก้ไขได้เร็วยิ่งขึ้น
ถามว่าแล้วทำทานไม่ถูกหรือ ? ถูก...แต่ถูกไม่หมด เพราะว่าส่วนใหญ่เราไปหวังผลของทานในการเปลี่ยนแปลง..ซึ่งยาก การทำทานเราทำตามหน้าที่ ทำตามรูปแบบ ทำตามกำลังใจที่เราสละออก แต่ผลที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ดีขึ้นอย่างชัดเจนก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะว่าควบคุมกาย วาจา ใจของเราทั้งหมด
แต่ปัจจุบันนี้จำนวนมากด้วยกัน ถึงเวลา เอ้า...ไปทำบุญ ดวงไม่ดี...ไปทำบุญ ถ้าอยากจะดวงดีจริง ๆ ให้ภาวนาไว้ทุกวัน เช้า กลางวัน เย็น หรือตลอดทั้งวันได้ยิ่งดี... -
ภาพบรรยากาศการเดินทาง "ไปหาที่ตายในชมพูทวีป..!"
ภาพบรรยากาศการเดินทาง "ไปหาที่ตายในชมพูทวีป..!"
ณ ประเทศอินเดีย
เวลา ๐๔.๕๐ น. เคาน์เตอร์ W สนามบินสุวรรณภูมิ
เวลา ๐๔.๕๕ น. เจ้าหน้าที่ NC Tour ติดหมายเลขประจำกระเป๋าให้กับทุกคน
รับแจกเอกสารสำหรับการเดินทาง - ท่องเที่ยว -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๖ -
ถ้าไม่สามารถรักษาอารมณ์ให้หลับกับตื่นรู้ตัวเท่ากันได้ ก็ต้องรีบตื่นขึ้นมาหาความดีใส่ใจให้เร็วที่สุด
ถาม : ถ้าทำกรรมฐานแต่ไม่พิจารณา กิเลสจะดึงกำลังไปนาน ประเภทเอาไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ถ้าจะแงะกิเลสตัวนั้นออกได้ต้องเข้าถึงสมาธิระดับเดิมใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องถึงระดับเดิมก็ได้ แต่ให้ถึงปฐมฌานขึ้นไปจะกดกิเลสได้ชั่วคราว
เวลากิเลสพาเราเตลิดไปแล้ว จะเอาคืนยากมาก หลายวันเชียวกว่าจะได้คืน ฉะนั้น..อย่าเผลอปล่อยให้เป็นทีของเขา ต้องพยายามให้เป็นทีของเราไว้เสมอ ถ้าไม่สามารถรักษาอารมณ์ให้หลับกับตื่นรู้ตัวเท่ากันได้ ก็ต้องรีบตื่นขึ้นมาหาความดีใส่ใจให้เร็วที่สุด เพราะว่าความดีความชั่วเข้ามาในใจของเราได้อย่างเดียว ไม่สามารถจะชั่วกับดีปนกันได้ ถ้าให้ความชั่วเข้ามาก่อน เราก็ฟุ้งซ่านเดือดร้อนทั้งวัน ถ้าให้ความดีเข้ามาก่อน ความชั่วเข้าไม่ได้ เราก็มีความสุข เย็นกายเย็นใจไปทั้งวัน แต่ถ้ากำลังไม่พอ อาจจะได้ชั่วโมงเดียว ก็ต้องเริ่มต้นกันใหม่
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
โทษของการเดินทาง
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ พรุ่งนี้กับมะรืนนี้ กระผม/อาตมภาพมีภารกิจนอกวัด ๒ วัน หลังจากนั้นก็จะเดินทางไปประเทศอินเดีย กว่าจะกลับมา รวมหัวท้ายก็น่าจะประมาณ ๑๐ วัน คราวนี้ในช่วงที่พวกเราอยู่กันทางด้านนี้ กิจกรรมหน้าที่อะไรต่าง ๆ ก็ให้ทำกันไปตามปกติ เพียงแต่ว่าแบ่งคนมาทำความสะอาดทางด้านกุฏิสำนักงานของกระผม/อาตมภาพบ้าง
ในส่วนของการเดินทางนั้น โดยปกติแล้ว กระผม/อาตมภาพไม่ใช่คนนิยมการเดินทาง เพราะเห็นโทษมาตั้งแต่สมัยเป็นพระใหม่ ว่าการเดินทางแต่ละครั้ง สิ่งที่สภาพจิตของเรารับเข้าไป ถ้าจัดการไม่เป็นจะทำให้เราฟุ้งซ่านไปนาน กลับวัดมาแล้วก็ยังคิดถึง อยากที่จะไปอีก อยากจะทำอย่างนั้นอีก หลายต่อหลายครั้งก็เตือนให้ท่านทั้งหลายที่ลาบ่อย ๆ ว่า ให้ระวังตรงนี้ไว้ด้วย เพราะว่าสำหรับนักปฏิบัติแล้ว ผลเสียมีมากกว่าผลดี
เพราะว่าทันทีที่เราหลุดออกจากระบบ ซึ่งก็คือระเบียบวัดของเรา ว่าในแต่ละวันเราจะต้องทำอะไรบ้าง ขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้ก็คือการเสริมสร้างบุญกุศลใน ศีล สมาธิ ปัญญา ของเรา พอหลุดกรอบออกไปแล้ว ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเผลอก็จะลืม ไม่ได้ปฏิบัติตาม... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๖ -
จงทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ที่ปราศจาคอคติ ๔
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ มีฝนพรำลงมาซ้ำให้ร้อนยิ่งขึ้น ก็คือบ้านเราส่วนใหญ่แล้วอากาศชื้น ทำให้ร่างกายเราระบายความร้อนไม่ออก แล้วก็มักจะกลายเป็นเหงื่อท่วมตัว ถ้าที่ไหนอากาศแห้ง ร่างกายโดนดึงความชื้นไปเร็ว เราก็จะรู้สึกหนาว
แต่คราวนี้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมชาติ อย่างที่ได้บอกกล่าวไปตอนก่อนทำวัตรค่ำรอบแรกว่า ถ้าเราทำใจให้ยอมรับไม่ได้ เราก็จะมีความทุกข์มาก เพราะว่าไปดิ้นรน ต่อต้าน ผลักไส แต่ถ้าเราทำใจยอมรับได้ ก็แก้ไขกันไปตามสถานการณ์
การยอมรับในที่นี้เป็นการยอมรับอย่างบุคคลที่มีปัญญา ก็คือได้แก้ไขทุกวิถีทางแล้ว ไม่สามารถจะแก้ได้เราถึงได้ยอมรับสภาพ ไม่ใช่ว่ายังมีหนทางอยู่แล้วเราไม่ทำอะไรเลย โดยที่บอกว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงอย่างนั้น ถ้าแบบนั้นก็ถือว่าขาดปัญญา เพราะว่าหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกส่วนลงท้ายด้วยปัญญา
ใหญ่ ๆ เลยคือหลักไตรสิกขา "ศีล สมาธิ ปัญญา" ปัญญาในที่นี้เป็นปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งปัญญาทั้งสองส่วนนี้ความจริงไปด้วยกันได้ เพียงแต่ว่าพวกเรามักจะหาจุดพอเหมาะพอดีไม่พบ... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๖
หน้า 31 ของ 402