คลังเรื่องเด่น
-
ปัจเจกพุทธาปธาน | เหตุให้สำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
ปัจเจกพุทธาปธาน | เหตุให้สำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
-----------------
https://www.youtube.com/@Uttayarndham -
ประโยชน์ของการสมาทานพระกรรมฐาน
ถาม : การสมาทานพระกรรมฐานมีประโยชน์ต่อพัฒนาการผลของการปฏิบัติอย่างไรครับ ?
ตอบ : การสมาทานพระกรรมฐาน จะว่าไปแล้วก็สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ขอกล่าวถึงในด้านของโลกเราก็คือว่า เท่ากับเราเป็นศิษย์มีครู ในเมื่อเราเป็นศิษย์มีครู พรรคพวกเพื่อนฝูงที่เป็นสายธรรมเดียวกันก็จะชักนำเราไปปฏิบัติธรรมด้วยกัน เวลาบุคคลที่กำลังใจไปในด้านเดียวกัน อยู่รวมกันมาก ๆ กระแสความดีจะดึงเราให้เข้าถึงธรรมโดยง่าย
อีกส่วนหนึ่งก็คือส่วนของโลกทิพย์ที่เรามองไม่เห็น ครูบาอาจารย์ที่ท่านอยู่ในกายทิพย์ทั้งหลายนั้น เมื่อเห็นเราสมาทานกรรมฐานตามแนวของท่าน ก็แปลว่าเป็นลูกศิษย์ของท่าน ถึงเวลามีสิ่งหนึ่งประการใดที่จะเกิดอันตรายท่านก็จะช่วยป้องกันให้ หรือว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของกำลังใจเรา ถ้ายังขาดนิดขาดหน่อย ท่านอาจจะช่วยชักช่วยจูงด้วยกำลังของท่าน ทำให้เราสามารถที่จะเข้าสมาธิได้ง่ายกว่าปกติ
ดังนั้น..ในส่วนของการสมาทานพระกรรมฐาน จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรที่จะขาด ยกเว้นว่าท่านทั้งหลายมีเวลาน้อยมาก ก็ให้เข้าสู่อารมณ์ของการภาวนาไปเลย แล้วหลังจากนั้น เมื่อมีเวลาเมื่อไร ค่อยมาสมาทานกันอีกทีหนึ่ง
........................................ -
หนทางต้องเดินทีละก้าว กินข้าวต้องกินทีละคำ
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นการปฏิบัติธรรมวันที่หกของบรรดาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔
เมื่อวานนี้บรรดาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเกิดอาการขวัญหนีดีฝ่อกันไปหลายรูป เหตุก็เพราะว่าผู้บรรยายถวายความรู้ในช่วงค่ำ ก็คือพระปลัดสมทบ ปรกฺกโม วัดกลาง (บางปลาม้า) ท่านเป็นผู้ที่ศึกษาทั้งในด้านพระอภิธรรมและในด้านการปฏิบัติธรรม จึงได้บรรยายถวายความรู้ด้วยภาษาทางวิชาการ แทรกศัพท์แสงทางพระศาสนาอย่างเต็มที่ ทำเอาบรรดาท่านที่ฟังอยู่ถึงขนาดใจหายว่า "ถ้าการปฏิบัติธรรมต้องยากเย็นขนาดนี้ ตนเองที่เป็นเจ้าสำนักปฏิบัติธรรม จะสามารถบริหารสำนักไปได้รอดหรือไม่ ?"
หลังจากที่หลวงพ่อพระปลัดสมทบท่านเหมายาวจนหมดรายการตอน ๒ ทุ่มครึ่ง กระผม/อาตมภาพจึงได้ให้กำลังใจทุกคนว่า สิ่งที่หลวงพ่อสมทบท่านพูดมาคือสิ่งที่ท่านปฏิบัติมาตลอด ๔๐ ปี ท่านทั้งหลายไม่สามารถที่จะใช้ระยะเวลาสั้น ๆ แค่ประมาณ ๒ ชั่วโมงซึมซับรับได้หมด หากแต่ว่าฟังไว้เป็นแนวทาง เมื่อถึงเวลาแล้วเราสามารถที่จะศึกษาเพิ่มเติมได้ เหมือนกับรับอาหารไปแล้ว ถึงเวลาก็ค่อย ๆ เคี้ยว ค่อย ๆ กลืน... -
"สมถะเป็นบาทของวิปัสสนา" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
.
"สมถะเป็นบาทของวิปัสสนา"
" .. "เมื่อจิตเราสงบภายในแล้ว อุปมาเหมือนน้ำสงบ" น้ำสงบมันก็ใส ใสแล้วก็มองเห็นเหตุ มองเห็นผล มองเห็นบุญกุศล มองเห็นสุข "มองเห็นทุกข์ มองเห็นดี มองเห็นชั่ว"
มันสงบแล้ว อันนี้จิตของเราสงบแล้ว พอมันจะออกข้างซ้าย หรือจะออกข้างขวา ข้างหน้าข้างหลัง ข้างบน ข้างล่าง เราก็รู้ จึงว่ามันตั้ง นี่ เพ่งเล็งตั้งสติอยู่ตรงนี้ นี่หละให้พึงรู้ พึงเข้าใจต่อไปการที่ทำสมาธิ
อันนี้เมื่อจิตของเราเห็นแล้วอย่างนี้ เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังขารทั้งหลายและมันจะได้เกิด ปัญญา ความรอบรู้ในกองสังขาร ใครเป็นผู้ปรุง ใครเป็นผู้แต่ง ไม่ใช่อันอื่นปรุงแต่ง กายสังขาร จิตสังขาร นี่หละ ปรุงแต่งขึ้นจากจิตของเรา
นี่หละมันจึงได้เกิดเป็น วิปัสสนา ขั้นต่อไปของสมถะ .. "
"สมถะเป็นบาทของวิปัสสนา"
" .. เดี๋ยวนี้คนทั้งหลายว่าแท้วิปัสสนา ๆ ได้ แต่ว่าไม่รู้จักว่า วิปัสสนามันเป็นยังไง นี่ "สมถะเป็นบาทของวิปัสสนา" คือเมื่อจิตสงบแล้ว มาเห็นที่เกิดแห่งสังขาร แล้วก็เห็นที่ดับแห่งสังขารนี่หละ มันเป็นยังงี้
ให้พากันรู้ เดี๋ยวนี้เราไม่รู้ว่าอะไรมันเกิดจากไหน ไม่รู้จักที่เกิดและไม่รู้จักที่ดับ... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๖ -
การฝ่าทะลุขีดจำกัดของตัวเอง
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเปิดเว็บไซต์วัดท่าขนุนขึ้นมาก็ "น้ำตาจิไหล..!" เพราะว่ามีดหมอหลวงพ่อกวยที่ตั้งใจเก็บไว้เองหายไปรวดเดียว ๓ เล่ม แต่ก็ไม่ว่ากัน เพราะว่าท่านทั้งหลายถือว่าเป็นผู้มีบุญ จึงสามารถที่จะได้ครอบครองของดีซึ่งกระผม/อาตมภาพใช้เวลาหลายปีกว่าที่จะเสาะหามาได้
สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพก็ยังกรำงานอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดนครปฐมแห่งที่ ๒ ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ในฐานะรองประธานคณะพระวิปัสสนาจารย์ตามโครงการอบรมวิปัสสนากรรมฐานแก่เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าวิธีเรียกแขกของกระผม/อาตมภาพนั้นใช้ได้ผลดี
แต่ว่าที่นึกไม่ถึงก็คือในระหว่างที่กำลังทำการเรียกแขกอยู่ ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลังว่า "ท่านหยุดพูดสักครู่หนึ่งแล้วนั่งลงก่อนได้ไหมเจ้าคะ ?" เมื่อหันมาก็เจอคณะญาติโยม ๔ - ๕ คน ถามโยมว่า "มีธุระอะไรหรือ ?" โยมบอกว่า "มาถวายภัตตาหารแก่ผู้เข้าปฏิบัติธรรม ฟังท่านมาหลายวันแล้วรู้สึกชอบใจมาก เพราะว่าท่านสามารถที่จะนำเอาเรื่องราวหลากหลาย... -
"เจตนาความงดเว้นเป็นศีล" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"เจตนาความงดเว้นเป็นศีล"
" .. พระพุทธองค์ตรัสว่า "เจตนาความงดเว้นเป็นศีล เจตนานับว่าเป็นธรรมโดยแท้ เมื่อเจตนา คือธรรม งดเว้นซึ่งโทษนั้น ๆ แล้วกลายมาเป็นศีล" ศีลและธรรมจะแยกออกจากกันไม่ได้
"ผู้ชอบธรรม คือสมถะและวิปัสสนา เห็นว่าเป็นทางตรงต่อมรรคผลนิพพาน ศีลยังเป็นอาการภายนอก" แล้วสรรเอาแต่เฉพาะธรรมมาปฏิบัติ "เลยลืมนึกถึงการปฏิบัตินั้นก็เป็นศีลอยู่แล้ว"
"หรือผู้ชอบศีลเห็นว่า ธรรมเป็นของปฏิบัติยาก แล้วตั้งใจรักษาเอาแต่ศีลอย่างเดียว" เลยลืมคิดว่า "การมีเจตนางดเว้นจากโทษนั้น ๆ ก็คือธรรมนั่นเอง จิตที่แน่วแน่อยู่ในศีลนั้นเป็นสมาธิมิใช่หรือ"
พระพุทธเจ้าทรงวางธรรมเป็นอมตะไว้เป็นอย่างดีเลิศ ธรรมนั้น ๆ อันใคร ๆ ผู้ไม่หยั่งถึงธรรมของพระพุทธองค์ "ไม่ควรจะไปบัญญัติขึ้นมาใหม่ให้ถูกต้องตามกิเลสของตนเลย มันจะเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยไม่รู้ตัว" .. "
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
พระป่า กับปฏิปทาการต่อสู้ราคะกิเลส
พระป่า กับปฏิปทาการต่อสู้ราคะกิเลส -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๖ -
การปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพานของตัวเอง เป็นการทำเพื่อพระศาสนาอย่างเต็มที่ไปพร้อมกัน
ถาม : ถ้าอยากมีโอกาสในการช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ต้องอธิษฐานอย่างไร ?
ตอบ : ไม่ต้องอธิษฐาน ถึงเวลาก็ทำเลย ทำเพื่อพระศาสนา ทำเพื่อมรรคผลพระนิพพานของตัวเอง การปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพานของตัวเอง คือการทำเพื่อพระศาสนาอยู่แล้ว ถ้าศีล สมาธิ ปัญญาของเราดี สร้างความเลื่อมใสให้กับคนอื่น ทำให้เขาหันเข้ามาทำนุบำรุงพระศาสนากันมากขึ้น แล้วปฏิบัติตามหลักพระศาสนามากขึ้น คือการที่เราช่วยอย่างเต็มที่แล้ว
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com
ขอบคุณภาพจากคุณภัทร์ษกรณ์ จิระประเสริฐสุข -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๖ -
กลยุทธ์ การเรียกแขก
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันอบรมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานให้กับเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ วันที่สาม
ในงานนี้ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระศรีวิสุทธิวงศ์, ดร. (สุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู ป.ธ.๙) ประธานคณะวิปัสสนาจารย์ได้ปรารภว่า เป็นงานอบรมที่เรียบร้อยที่สุดเท่าที่เคยพบมา เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบรรดาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดทั้ง ๑๑๒ แห่งที่มานั้น ลงปฏิบัติธรรมโดยพร้อมเพรียงกันทุกรอบ
คณะสงฆ์ภาค ๑๔ มีสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ๑๒๐ แห่ง แต่ว่ามาปฏิบัติธรรมแค่ ๑๑๒ แห่ง เหตุก็เพราะว่ามีเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมบางแห่งชราภาพ เจ็บป่วย และได้รับอุบัติเหตุ ส่งใบลาโดยตรงต่อพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ แล้ว
ส่วนในเรื่องที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์สุวิทย์ได้ปรารภนั้น เกิดจากการที่กระผม/อาตมภาพใช้วิธีที่บอกกับคนอื่นว่า "เรียกแขก" ซึ่งวิธีการนี้ กระผม/อาตมภาพใช้มาตั้งแต่สมัยการปฏิบัติกรรมฐานประจำปีของบรรดานิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖ -
บุญใหญ่ที่พระพุทธเจ้าสอนเราก็คือ ทาน ศีล ภาวนา ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ นั่นเอง
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันที่สองของโครงการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ วันนี้ได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงปู่พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘) เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านเดินทางมาเป็นวิทยากรบรรยายให้ในช่วงบ่าย
พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านก็อายุกาลพรรษาถึง ๙๐ ปีแล้ว ช่วงสองปีที่ผ่านมาก็เจ็บไข้ได้ป่วยจนกระทั่งไม่สามารถที่จะรับกิจนิมนต์ที่ไหนได้ แต่เมื่อทราบว่ามีการปฏิบัติธรรมของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั้ง ๑๒๐ สำนัก ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ท่านก็เต็มใจที่จะมาบรรยายถวายความรู้ให้ โดยมีรถประจำตัวซึ่งมีบุคคลช่วยเข็นเข้ามาให้จนถึงกลางศาลา
แม้ว่าหลวงปู่ท่านจะอายุกาลพรรษามาก แต่ด้วยความที่เคยทำหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ถึงระดับเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เคยเรียนบาลีจนสอบได้เปรียญธรรม ๘ ประโยค และที่สำคัญก็คือท่านปฏิบัติธรรมแบบสัมมาอะระหังตามสายของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ
เมื่อครั้งแรก ๆ ที่กระผม/อาตมภาพจับได้ว่าหลวงปู่ท่านเป็นพระกรรมฐาน... -
"เพ่งแต่โทษผู้อื่น" (ท่านพ่อลี ธัมมธโร)
.
"เพ่งแต่โทษผู้อื่น"
" .. กิเลสหนา ปัญญาทื่อ ดวงจิตก็ดื้อ "เพ่งแต่โทษผู้อื่น คอยแต่ใส่ร้ายป้ายสีให้เขาเสียหาย ด้วยความเกลียด โกรธและความพยาบาทของตน"
บุคคลผู้นั้น "ย่อมมีแต่ความเดือดร้อนในดวงใจ หาความสงบสุขมิได้" เป็นโทษแก่ตนเองและผู้อื่นด้วย .. "
ท่านพ่อลี ธัมมธโร -
วิธีฝึกจิตไม่ให้หลงทาง : หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล
วิธีฝึกจิตไม่ให้หลงทาง
: หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๖ -
อยู่ใกล้พระ อย่ามักง่าย อย่าทำตัวเคยชิน เสี่ยงต่อการเกิดโทษ
เวลาแม่ชีอยู่กับพระ ให้ถือหลักของพระไว้ว่า "ไม่แน่ใจอย่าทำ" ศีลของพระเขามีว่า ต้องอาบัติเพราะไม่ละอาย ต้องเพราะไม่รู้ ต้องเพราะสงสัยแล้วขืนทำ ต้องเพราะสำคัญว่าควรในของที่ไม่ควร ต้องเพราะสำคัญว่าไม่ควรในของที่ควร ต้องเพราะลืมสติ ฉะนั้น..ให้ถือหลักการนั้น สงสัยก็อย่าไปทำ เอาให้แน่ใจแล้วค่อยทำ ไม่อย่างนั้นพลาดขึ้นมาแล้วได้ไม่คุ้มเสีย
ส่วนใหญ่บุคคลที่อยู่กับพระไประยะหนึ่ง แล้วมักจะเกิดความเคยชิน พอเกิดความเคยชิน คำว่า “ไม่เป็นไร” หรือ “อย่างไรก็ได้” เกิดขึ้น ก็จะลำบากมาก เพราะพาให้เกิดโทษได้ง่าย
พระพุทธเจ้าตรัสกับพระมหากัสสปะว่า ให้เกรงใจในภิกษุทั้งเป็นผู้เก่า ผู้ปานกลาง และผู้ใหม่อย่างแรงกล้า จะดีจะชั่วอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยสิ่งที่เขาห่มอยู่ก็คือธงชัยพระอรหันต์ เขาเอาผ้าเหลืองไปห่มต้นโพธิ์ เอาผ้าเหลืองไปห่มตอยังยกมือไหว้ได้ โบราณเขาถึงได้ใช้คำว่า "ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์" เอาปลอดภัยไว้ก่อน แต่คราวนี้เราอยู่ในเหตุการณ์ บางอย่างถ้าจะเอาอย่างนั้นก็เสียหาย ทำไปแล้วก็ขอขมาพระเสีย
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน... -
"สมบัติใดในโลก ไม่เสมอด้วยใจ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
,
"สมบัติใดในโลก ไม่เสมอด้วยใจ"
" .. นี่ละจิต ไม่ใช่เป็นเรื่องเล็กน้อยเรื่องของจิต จะทำให้เลวไม่มีอะไรที่จะเลวกว่าจิตกว่าคนไป ถ้าจะทำให้ดีก็ไม่มีอะไรที่จะดียิ่งกว่าจิตกว่าคนเราไป ธรรมะทั้งหมดจึงทุ่มเทลงที่จิตใจของคน
ศาสนาจึงสอนคนเราให้รู้เรื่องว่า "ของดีเยี่ยมคืออะไร คือดวงใจที่ได้รับการระมัดระวังรักษา" ดวงใจที่ได้รับการซักฟอกตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงอวสานสุดท้ายนี้ "เป็นใจที่ประเสริฐ สมบัติใดในโลก จะไม่เสมอเหมือนสมบัติคือใจ" นี้
ก่อนที่เราจะหาสมบัติอื่น เราต้องพยายามรักษาสมบัติ คือใจและชีวิตร่างกายของเรานี้ไว้ เป็นหลักประธานหรือหลักประกันไว้ก่อน ถ้าอันนี้ดีแล้วสิ่งอื่น ๆ ก็เป็นผลพลอยได้ไปตาม ๆ กัน
ยิ่งได้รับการอบรมให้ถูกต้องตามหลัก จนถึงความบริสุทธิ์วิมุตติในปัจจุบันจิตด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นผู้เสมอตัว ไม่มีคำว่าได้ว่าเสียอยู่ภายในใจ จึงไม่มีการกล้าการกลัวอะไรทั้งนั้น มีแต่ความจริงล้วน ๆ ที่อยู่ภายในใจ นั่นละท่านว่าเสมอตัว .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
บอกวิธีการปฏิบัติภาวนาอย่างละเอียด ทีละขั้นตอน /หลวงพ่อเยื้อน
บอกวิธีการปฏิบัติภาวนาอย่างละเอียด ทีละขั้นตอน /หลวงพ่อเยื้อน -
สมาบัติ 8 / เดินจิต - พระมหาวรพรต
สมาบัติ 8 | คอร์สเดินจิตสติปัฏฐาน 4 ตอนที่ 17 || 06 มี.ค. 66 (ค่ำ) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๖ -
เทศน์วันมาฆบูชา วันพุธที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕
เทศน์วันมาฆบูชา วันพุธที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
สพฺพปาปสฺส อกรณํ
กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ
เอตํ พุทฺธาน สาสนํ ติฯ
ณ โอกาสบัดนี้ อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชชนาในมาฆปูชากถา เพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองคศรัทธาบารมีของบรรดาทานิสสราธนบดีทั้งหลาย ที่พร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันมาฆบูชา ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้
ญาติโยมทั้งหลาย วันมาฆบูชานั้นจัดว่าเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งวันหนึ่งในพระพุทธศาสนา เนื่องจากว่าเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้นทรงประกาศโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งถ้าหากว่าญาติโยมทั้งหลายซึ่งเป็นบุคคลสมัยใหม่ ไม่ว่าเราจะไปบริหารหน่วยงานก็ดี บริหารบริษัทใดก็ตาม ตลอดจนกระทั่งถ้าหากว่าบริหารราชการในระดับอำเภอ จังหวัด หรือว่าประเทศ เราก็ต้องประกาศนโยบาย เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลายจะได้ทราบว่า แนวทางของการบริหารองค์กรของเราจะเดินไปในทางไหน -
โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ณ วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
รายละเอียดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน
สนใจติดต่อ พระพัฒน์ ฐิตาจาโร
โทร ๐๙๒-๖๗๐-๑๓๗๕ (092-670-1375) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๖ -
ทำอย่างไรไม่ให้โกรธ
ทำอย่างไรไม่ให้โกรธ
ถาม : ถ้าหากจะไม่ให้โกรธเจ้าคะ..?
ตอบ : ต้องมีสติรู้ให้ทัน
ความโกรธจะเข้ามาหาเราง่ายที่สุด ทางตา กับทางหู เมื่อตาเห็นรับเข้าไปสู่ใจ ก็ไม่พอใจ หูได้ยินรับเข้าไปสู่ใจ เกิดความไม่พอใจ
ในเมื่อไม่พอใจ ก็จะเริ่มกรุ่นขึ้นมา ลักษณะเหมือนกับควันขึ้น
พอควันขึ้น ถ้าเราปล่อยโดยการที่ไปนึกคิดปรุงแต่งต่อ ก็จะเป็นเปลวไฟลุกขึ้นมา คราวนี้กลายเป็นโทสะ
พอทำเขาไม่ได้ ด่าเขาไม่ได้อย่างใจ ทำร้ายเขาไม่ได้อย่างใจ คราวนี้จะกลายเป็นไฟสุมขอน คือพยาบาท
ไฟโทสะก็มีแต่เผาทำลายเราอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้น..สติต้องรู้เท่าทัน พอตาเห็น ต้องสักแต่ว่าเห็นเท่านั้น หูได้ยิน ต้องสักแต่ว่าได้ยินแค่นั้น อย่ารับเข้ามาสู่ใจ
ให้คิดว่าธรรมดาของเขาเป็นอย่างนั้น บุคคลที่ยังไม่เห็นทุกข์เห็นโทษ ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นโทษแก่คนอื่นอย่างไร เป็นโทษแก่ตัวเองอย่างไร เขาก็ยังทำสิ่งนั้นอยู่ด้วยความยินดีและเต็มใจ
แต่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นโทษสาหัสกับเขาในภายภาคหน้า เขาไม่สามารถจะมองเห็นได้ คนที่มองไม่เห็นโทษของตัวเองจริง ๆ ไม่ใช่คนที่น่าโกรธ แต่หากเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด
ถ้าเรารู้จักคิดอย่างนี้ก็จะไม่โกรธ... -
ถ้าจิตอยู่ในฐาน(กรรมฐาน)..คลื่นไม่ดีจะลดลงเอง
ถ้าจิตอยู่ในฐาน(กรรมฐาน)คลื่นไม่ดีจะลดลงเอง -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๖ -
"มาฆบูชา" - ย่อธรรม หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง
"มาฆบูชา" - ย่อธรรม หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๖
หน้า 35 ของ 402