คลังเรื่องเด่น
-
พระพรหมมาตรวจฌาณ
พระพรหมมาตรวจฌาณ -
อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง การทำงานต้องไม่คั่งค้าง ถึงจะเป็นอุดมมงคล
คราวนี้โดยนิสัยของผมแล้ว ถ้างานไม่เสร็จ ผมไม่อยากจะเลิก เพราะว่าเคยชินกับการที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง การทำงานต้องไม่คั่งค้าง ถึงจะเป็นอุดมมงคล ตรงนี้เป็นหลักการทำงานเฉพาะตัวของกระผม/อาตมภาพเลย
เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องแปลกใจว่า จนบัดนี้สภาวัฒนธรรมอำเภอของจังหวัดกาญจนบุรีอีก ๑๒ อำเภอ ยังไม่สามารถที่จะเลือกตั้งคณะกรรมการกันได้เลย แต่ของผมไม่ใช่ ของผมถ้าหากว่าทางราชการกำหนดกรอบเวลามา ก็ต้องเสร็จในระยะเวลาที่เขากำหนดใว้
ตรงจุดนี้ถ้าหากว่าพวกท่านอ่านพระไตรปิฎก ก็จะพบที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า เวลาตถาคตแสดงธรรมจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ เหมือนราชสีห์จับเหยื่อ ดังนั้น...การที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรม จะมีพระภิกษุสงฆ์เป็นแสน เป็นหมื่น เป็นพัน เป็นร้อย หรือว่ามีญาติโยมเพียงคนเดียว พระองค์ท่านก็แสดงธรรมลักษณะเดียวกัน คือหวังผลเหมือนกัน ราชสีห์เวลาจับเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นวัว เป็นม้า เป็นกระต่าย ตัวเล็กตัวใหญ่ ต่างก็ใช้กำลังเท่ากัน เวลาราชสีห์ล่าเหยื่อจึงมักจะไม่พลาด
การทำงานของผมก็อยู่ในลักษณะอย่างนี้ ก็คือเต็มที่... -
"ความสมบูรณ์ทางกาย-ทางใจ" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"ความสมบูรณ์ทางกาย-ทางใจ"
" .. ความสมบูรณ์บริบูรณ์ทางกายนั้นอาจเกิดขึ้นได้จริงด้วยวัตถุ "แต่ความสมบูรณ์บริบูรณ์ทางใจไม่อาจเกิดได้ด้วยวัตถุ" ตรงกันข้ามสำหรับผู้มีสติและปัญญาไม่เพียงพอในธรรม "ความสมบูรณ์บริบูรณ์ทางกายจะทำให้บกพร่องทางใจยิ่งขึ้น"
เพราะเมื่อมัวหลงเพลินติดอยู่ในความสมบูรณ์บริบูรณ์ทางกาย "ก็ย่อมไม่คำนึงถึงความบกพร่องทางใจ" แม้ใจจะบกพร่องเพียงใดก็ไม่เห็นไม่เข้าใจ "เห็นทุกข์เป็นสุข เห็นชั่วเป็นดี เห็นการเสียเป็นการได้ เห็นโทษเป็นคุณ"
เช่นเดียวกับ "ที่เห็นความได้มาตามปรารถนาต้องการเป็นโชคเป็นลาภ" เป็นเครื่องเสริมความสมบูรณ์บริบูรณ์ "การเห็นเช่นนั้นเป็นการเห็นผิด" .. "
"สิ่งที่มีค่ากว่าเงินทอง"
พระนิพนธ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชชิรญาณสังวร -
ไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว อุบาสิกาผู้สิ้นกิเลสในยุคปัจจุบัน
ไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว อุบาสิกาผู้สิ้นกิเลสในยุคปัจจุบัน -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ -
กรรมฐานอย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก
กรรมฐานอย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก -
"ได้เพียงเปลือกไม้เท่านั้น" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"ได้เพียงเปลือกไม้เท่านั้น"
" .. ถ้าหากได้ฟังธรรมแล้ว แต่ไม่นำมาปฏิบัติ "ก็เปรียบเสมือนว่า ได้เพียงเปลือกไม้เท่านั้น" ยังไม่ได้ลิ้มรสผลของมันว่าเปรี้ยวหรือหวานอย่างไร "การฟังธรรมโดยไม่นำมาปฏิบัติ ก็เหมือนกับการ ได้จับหรือถือผลไม้เท่านั้น" ยังไม่ได้กิน ไม่ได้ลิ้มรส มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
เพราะได้แต่ถือเอาไว้ "แต่ไม่รู้จักรสชาติ หรือ ความเอร็ดอร่อยของมัน จะรู้ได้จริงก็ต่อเมื่อได้ลองรับประทานผลไม้นั้นด้วยตนเอง" ซึ่งเมื่อรู้รสด้วยตนเองแล้ว "ก็เป็นพยานในตัวเองได้" ถ้ายังไม่รู้เองเห็นเองอย่างนี้ ก็เท่ากับมีแต่พยานภายนอก คือคนที่เขาให้ผลไม้ แล้วก็ไปเชื่อตามที่เขาว่า ซึ่งไม่ใช่ความเชื่อของตนเอง .. "
"เหนือเวทนา"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
อัตภาพร่างกายนี้เราได้มาจากมารดาบิดา (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
คือบางคนเข้าใจว่าบิดามารดาเราตายไปเสียแล้ว ก็พากันโศกเศร้าปริเทวนารำพัน นึกว่าท่านตายไปจากเราเสียแล้ว
แต่ในความเป็นจริงนั้น ไอ้ความไม่ตายก็ยังเหลืออยู่กับเรา ตัวที่นั่งอยู่กับเรานี่แหละ
ถ้าขาดบิดามารดาแล้วก็เป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อเรานึกถึงคุณบิดามารดา ก็ให้นึกถึงตัวเรา ให้ทำตัวให้ดี ให้ทำตัวให้บริสุทธิ์ ให้ทำตัวเป็นผู้ประพฤติ ปฏิบัติธรรม
เพราะว่าก้อนที่เรานั่งอยู่นี่ หรือเดินไปมา ก็คือก้อนของพ่อแม่นั่นเอง เป็นมรดกตกทอดมา ฉะนั้นบุคคลที่นึกถึง บิดา มารดา ที่ล่วงลับไปแล้วนั้น ควรมาประพฤติ ปฏิบัติ
ศรัทธายังไม่มี ก็ปลูกศรัทธาขึ้นมา ความเพียรยังไม่มี ควรปลูกความเพียรเข้ามา อะไรที่มันขาดตกบกพร่องอยู่ ควรสะสมให้มันเกิดขึ้นมา เราทำเราให้มีความสุขสงบ ความสบาย
เราทำเราให้มีความสว่างไสวได้ ก็คือเราปฏิบัติต่อบิดามารดา เรา นั่ง ยืน เดิน ที่ใด บิดา มารดา เราก็อยู่ที่นั่น ถ้าระลึกถึงบิดามารดา ก็มาสร้างตัวของเรานี่ ให้มีศีล มีธรรม การทดแทนบุญคุณพ่อคุณแม่ ก็คือมาสร้างตัวของเรานี่เอง
โอวาทธรรมคำสอนของหลวงปู่ชา สุภัทโท
ที่มาจาก: พระธรรมเทศนาของหลวงปู่ชา สุภัทโท (เทศน์อิสาน) เรื่อง... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๕ -
ภาวนาค้นหาจิต วิธีละอาสวกิเลส / พระอาจารย์คม วัดป่าธรรมคีรี
ภาวนาค้นหาจิต วิธีละอาสวกิเลส / พระอาจารย์คม วัดป่าธรรมคีรี -
สร้างสมาธิให้เข้มแข็งไว้
สร้างสมาธิให้เข้มแข็งไว้
ถาม : ผมเครียดมากจนคิดฆ่าตัวตาย ตอนที่เชือดตัวเอง แล้วเลือดไม่ยอมไหล เป็นเพราะยันต์เกราะเพชรหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่ใช่หรอก..ยังไม่ถึงที่ตาย มีคนหนึ่งค่อย ๆ ซื้อยานอนหลับสะสมจนได้ ๘๐ เม็ดแล้วกินเข้าไปรวดเดียว กะจะให้ตาย หลับไปพักใหญ่ ตื่นขึ้นมาสดชื่นมาก ยังไม่ตาย เขาก็เลยเอาใหม่ ซื้อยาสะสมไปได้อีก ๕๐ เม็ด กินอีกทีหนึ่งก็หลับไปอีกตื่นหนึ่งเท่านั้น
สรุปว่าถ้ายังไม่ถึงวาระ ไม่ว่าบุญหรือกรรมย่อมรักษา จำไว้ว่าคนเรากว่าจะเกิดเป็นคนได้นั้นแสนยาก ถ้าหากว่ายังไม่ทำประโยชน์ให้สมกับที่เกิดมาเป็นคน แล้วดันไปฆ่าตัวตายนี่โง่กว่าควายตั้งเยอะ..! คุณเคยเห็นควายตัวไหนมันฆ่าตัวตายบ้างไหมเล่า ? มีแต่โดนบังคับให้เข้าโรงเชือด แถมยังหนีสุดชีวิตอีกต่างหาก
อยากประสบความสำเร็จใจคอต้องหนักแน่น ใจคอจะหนักแน่นได้สมาธิต้องดี เพราะฉะนั้น..คำตอบอยู่ที่สมาธิ กลับไปจัดการสร้างสมาธิให้เข้มแข็งไว้ ให้สังเกตว่าเวลาสมาธิทรงตัว ทุกอย่างจะดีหมด
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ ณ บ้านวิริยบารมี -
ยุคนี้ผีลำบาก /ศาสตร์นี้ไม่มีอุปาทาน/รักทุกคนแต่ไว้ใจบางคน
ยุคนี้ผีลำบาก⚡ศาสตร์นี้ไม่มีอุปาทาน⚡รักทุกคนแต่ไว้ใจบางคน -
"ทุกข์จึงครอบงำไม่ได้" (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
.
"ทุกข์จึงครอบงำไม่ได้"
" .. เมื่อแยกพันธะแห่งความเกี่ยวเนื่องจิตกับ สรรพสิ่งทั้งปวงได้แล้ว "จิตก็หมดพันธะกับเรื่องโลก รูป เสียง กลื่น รส สัมผัส" จะดีหรือเลว "มันขึ้นอยู่กับจิตที่ออกไปปรุงแต่งทั้งหมด" และจิตที่ขาดปัญญา ย่อมเข้าใจผิด
เมื่อเข้าใจผิด "ก็หลงอยู่ภายใต้อำนาจ ของเครื่องร้อยรัดทั้งหลาย" ทั้งทางกายและทางใจ อันโทษทัณฑ์ทางกายอาจมีคนอื่นช่วยปลดปล่อยได้บ้าง "ส่วนโทษทางใจ มีกิเลสตัณหาเป็นเครื่องรึงรัด" ไว้นั้น ต้องรู้จักปลดปล่อยตนด้วยตนเอง
"พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านพ้นแล้วจาก โทษทั้งสองทางความทุกข์จึงครอบงำไม่ได้" .. "
"หลวงปู่ฝากไว้"
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล -
การสวดพระคาถาเงินล้าน / พระอาจารย์เอกลักษณ์ วัดพุทธพรหมยาน
การสวดพระคาถาเงินล้าน พระอาจารย์เอกลักษณ์ -
หลักปฏิบัติวิชากสิณจิต / ท่านจิตโต
หลักปฏิบัติวิชากสิณจิต / ท่านจิตโต -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ -
"ท่านจึงทรงสอนลงที่ใจ" (หลวงปู่ทสก์ เทสรังสี)
.
"ท่านจึงทรงสอนลงที่ใจ"
" .. คนที่มีใจนั้นแหละ จึงค่อยฟ้งเรื่องราวต่าง ๆ ถูก "ฟ้งธรรมเทศนา ก็รู้เรื่องศาสนา" ถ้าหากว่าคนเราไม่มีใจจะเอาศาสนาไปไว้ที่ไหน "คนมีใจจึงเทศนาให้คนรักษาศาสนา" ศาสนาไม่ได้ไว้ในป่าในดง เอาไว้ในบุคคลผู้ที่มีใจนั้น
พระพุทธองค์ทรงประดิษฐานไว้ที่นั่น "ใจอันนั้นบริสุทธหมดจดปราศจากโทษ ปราศจากมลทิน" ปราศจากกิเลส เป็นผู้บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ถึงที่สุดได้แก่พระอรหันต์ ก็ใจนั่นเองบริสุทธิ์ "ใจมัวหมอง เศร้าหมอง ขุ่นมัวด้วยกิเลสทั้งหลายก็ใจนั่นแหละ" ไม่ใช่อื่นไกลอะไร
เหตุนั้นพระองค์ "จึงทรงสอนลงที่ใจ" ใจที่ไม่บริสุทธนี่ "คนเราเกิดขึ้นมาแล้ว มาสะสมกองกิเลสไว้ที่ใจ" ตั้งแต่วันเกิดจนกระทั้งวันตาย "มีการชำระใจน้อยเหลือเกินมีแต่สะสมกิเลสรํ่าไป" ความคิดความนึก ถึงแม้จะไม่กระทำสิ่งนั้น ๆ ก็เรียกว่าสะสมกิเลส .. "
"วิธีภาวนา"
หลวงปู่ทสก์ เทสรังสี -
ทำไมคนเราต้องศึกษาอภิญญาสมาบัติ?
ทำไมคนเราต้องศึกษาอภิญญาสมาบัติ?
---------------------------
สื่อฉบับนี้สร้างด้วยจิตอันเป็นกุศล ขออนุโมทนาสาธุแด่สาธุชนทุกท่านที่รับฟัง
ภูมิใจเสนอ อภิญญาและธรรมะโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง
ให้เสียงภาษาไทยโดย สิทธา
สำหรับบทความเพื่อการอ่านนั้นสามารถหาอ่านตามลิงก์ด้านล่างวิดีโอนี้ได้เลยนะครับ - J
วันนี้เสนอตอน มโนยิทธิ และการรักษาฤทธิ์ทางใจ ๑๐ ประการ
ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ "ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม"
พ่อขอเตือนลูกรักทั้งหลาย จงจำไว้เสมอว่า ขณะที่ฟังพ่อพูดให้ตั้งใจไว้ใน ศีล สมาธิ ปัญญา ฟังไปด้วย ใช้ศีล สมาธิ ปัญญา รวมตัวกันเข้าไว้ในใจจุดเดียวกันจะทำให้สะอาด
ศีล ขัดเกลาภาคพื้นของใจให้ดีขึ้น
สมาธิ จับอารมณ์ใจให้นิ่งขึ้น
ปัญญา ชำระล้างความสกปรกของจิต จิตมีอารมณ์ผ่องใสมากขึ้น
เมื่อจิตมีอารมณ์ผ่องใส กำลังใจก็เป็นทิพย์ เมื่อกำลังใจเป็นทิพย์อยากจะรู้อะไรก็รู้ได้ทันทีทันใด ที่เราเรียกกันว่า ใช้ทิพย์จักขุญาณ หรือจุตูปปาตญาณ เจโตปริยญาณ อตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ ปัจจุบันนังสญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ... -
เคล็ดลับในการทำงานให้ได้เยอะและเร็ว
ในเรื่องของการทำงาน ดังที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกพวกเราหลายครั้งแล้วว่า ถ้าเราจัดลำดับความก่อนหลังเร็วช้าของงานได้ เราก็จะไม่เครียด งานไหนมาถึงก่อนก็ทำก่อน เราจะมีงานอยู่เฉพาะหน้างานเดียว ซึ่งไม่หนักเกินกำลัง แต่คนส่วนใหญ่แล้วมักจะเอางานหลาย ๆ ส่วนมาหมกรวมกัน กลายเป็นปัญหาก้อนใหญ่ จนกระทั่งเครียด หาทางออกไม่เจอ กลายเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าขาดสติ สติที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมของพวกเรานี่แหละสำคัญที่สุด ถ้าเรามีสติ รู้จักพินิจพิจารณา ก็จะเห็นความก่อนหลังเร็วช้า สำคัญมากสำคัญน้อยของปัญหา แล้วก็จะจัดลำดับได้ทันท่วงที ทำให้สามารถที่จะทำงานแต่ละอย่างไปได้ โดยที่ไม่สับสนวุ่นวาย ไม่เอาหลาย ๆ งานมาสุมรวมกันจนรู้สึกว่าเกินกำลัง
แต่ก่อนที่ท่านจะมาถึงระดับนี้ได้ สำคัญที่สุดก็คืออานาปานสติ การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกของเรา ซึ่งบางคนก็คิดว่าเป็น "หญ้าปากคอก"
สำนวน "หญ้าปากคอก" นี่เกิดจากคนโบราณเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย พอถึงเวลาตอนเช้า เปิดคอกให้วัวควายออกไปหากิน ด้วยความที่หิวมาทั้งคืน เมื่อเปิดคอกก็ชิงกันเบียด ชิงกันออก ในเมื่อตัวหลังดันมา ต่อให้หญ้าตรงปากคอกงามขนาดไหนก็ตาม... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ -
เคล็ดลับการวางกำลังใจในการภาวนาพระคาถาเงินล้าน
ถาม : มีคนพูดว่าพระบรมธาตุเมืองนคร จะอยู่ถึงห้าพันปี จริงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่เคยได้ยิน พระบรมธาตุเมืองนครนี่ไม่รู้นะ แต่ถ้าเป็นที่ตั้งศพของพระมหากัสสปะ จนป่านนี้เทียนก็ยังไม่ดับเลย ตอนแรกก็คิดว่าเป็นไปได้หรือ แต่ปรากฏว่าในเรื่องของการใช้กำลังอภิญญาอธิษฐานไว้ อย่างไรก็เป็นไปได้
มีอยู่ช่วงหนึ่งอาตมาออกธุดงค์ แล้วไปเป็นระยะเวลานาน เทียนที่พกไปจะหมด เหลือเทียนเกลียวยาวประมาณคืบกว่า ๆ น่าจะโตสักประมาณเหรียญ ๕ บาท เหลือต้นสุดท้ายแล้ว คิดว่าถ้าต้นนี้หมดก็คงไม่มีจุดถวายเป็นพุทธบูชาแล้ว วันนี้เราคงจะได้จุดเป็นวันสุดท้าย แล้วก็นั่งกรรมฐานภาวนา ๕ ชั่วโมงผ่านไป ลืมตาขึ้นมาหมดไปนิดเดียว ประมาณ ๑ นิ้วฟุตเท่านั้น ไม่รู้ว่าท่านไหนช่วย คงกลัวว่าอาตมาไม่มีจะใช้ เวลา ๕ ชั่วโมงเทียนต้นเท่านั้นอย่างไรก็ไม่เหลือหรอก กลายเป็นว่าหมดไปนิดเดียว
หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยเล่าให้ฟังว่า นายแจ่ม เปาเล้ง ภาวนาคาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ประเภทภาวนาเป็นล่ำเป็นสัน บอกลูกบอกเมียว่า หลวงพ่อปานบอกว่าคาถาบทนี้ภาวนาแล้วรวย เพราะฉะนั้น..ข้าจะภาวนา พวกแกมีหน้าที่ส่งข้าวส่งน้ำเท่านั้น อย่างอื่นห้ามยุ่ง แกก็ภาวนาของแกไปเรื่อย... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ -
คนยุคนี้โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง/การต่ออายุของเทวดา
คนยุคนี้โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง / การต่ออายุของเทวดา -
ไม่ว่าจะเป็นหลักธรรมในระดับไหนก็ตาม พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงปัญญาประกอบท้ายไว้เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นหลักธรรมในระดับไหนก็ตาม พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงปัญญาประกอบท้ายไว้เสมอ โดยเฉพาะหลักใหญ่ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าจะทำเรื่องใหญ่ เรื่องเล็ก เรื่องทางโลก หรือว่าเรื่องทางธรรม เราต้องรู้จักใช้ปัญญาคิดและตรองด้วย
กระผม/อาตมภาพนั่งอยู่ตรงนี้ กระจกคั่นอยู่ทั้งบาน โยมมาถึงก็ถือพวงมาลัยมานั่งมองหน้ากัน ถ้าสามารถส่งทะลุมาได้ ก็จะรับเหมือนกัน แล้วท้ายที่สุดก็ถามว่า "จะให้ผมทำอย่างไรครับ ?" ก็ตอบว่า "ก็ให้มึงเอาหัวแม่ตีนคิดดู...! ว่ามึงควรที่จะทำอย่างไร ?"
ของบางอย่างถ้าหากว่าไม่ใช้วาจาแรง ๆ คนก็จะไม่จำ แล้วพอไม่จำ ต่อไปก็จะพลาดอีก ดังนั้น...เมื่อถึงเวลาใช้วาจาแรง บางคนก็ไปนินทาลับหลัง เขาบอกว่า "เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนดุอย่างกับหมา..!" จะว่าไปแล้วก็ภูมิใจเหมือนกัน เพราะแสดงว่าที่เคยด่าไป อย่างน้อยก็ได้ผล เขาจำกันได้ว่าเจ้าอาวาสดุเหมือนหมา..!
การที่จะทำสิ่งหนึ่งประการใด อย่าหาตัวประกัน ก็คืออย่าถามคนอื่น เราต้องตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจของเราเอง ผิดก็คือผิด เก็บไว้เป็นบทเรียน คราวหน้าจะได้ทำถูก ถ้าทำถูกก็จดจำเอาไว้ว่า คราวหน้าเราต้องตัดสินใจในลักษณะแบบนี้... -
"ปฏิบัติภาวนาได้ทุกที่" (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
.
"ปฏิบัติภาวนาได้ทุกที่"
" .. ในครั้งพุทธกาลท่านไม่เลือกท้าวพญามหากษัตริย์ "พอได้ยินได้ฟังธรรมท่านก็ภาวนา" ตัวอย่างพุทธบิดาพ่อพระพุทธเจ้า "ท่านก็ไม่ได้ไปบวชไปเรียนที่ไหน ไม่ได้เข้าป่าไปธุดงค์ที่ไหน" ท่านก็ภาวนาอยู่ที่หอปราสาทราชมณเฑียรกรุงกบิลพัสดุ์
เมื่อพระพุทธเจ้าของเราได้ตรัสรู้ "ก็มาโปรดมาสอน สอนให้มีทาน มีศีล มีภาวนา ให้ทำความเพียรละกิเลส" พระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดา "ก็ได้สำเร็จเป็นพระโสดา พระสกิทาคามี พระอนาคามี" บั้นท้ายสุดในชีวิต "พระพุทธเจ้าก็ไปโปรด ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์" ดับขันธ์เข้าสู่นฤพานที่หอปราสาทนั้นเอง .. "
"ถ้าตั้งใจจริงย่อมมีเวลาภาวนา"
พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร) -
ยุคนี้ต้องถนอมรูปนาม⚡ช่วยคนป่วยจนหายเราจะรับกรรมเค้าไหม ?
ยุคนี้ต้องถนอมรูปนาม⚡
ช่วยคนป่วยจนหายเราจะรับกรรมเค้าไหม ? -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ -
เราเคยเกิดมารวยที่สุด จนที่สุดมาแล้ว ยังอยากเกิดอยู่อีกหรือ ?
แต่ละชาติแต่ละภพที่เกิดมา รวยที่สุดก็รวยแล้ว จนที่สุดก็จนแล้ว มีอำนาจมากที่สุดก็มีแล้ว ด้อยวาสนาที่สุดถึงขนาดที่เป็นขอทานอดตายข้างทางก็มีแล้ว แล้วแต่ละชาติมีชาติไหนที่เราไม่ทุกข์บ้าง ปัจจุบันของเราชาตินี้ เราเกิดอยู่เราก็ทุกข์อีก อนาคตข้างหน้าเกิดใหม่ก็ทุกข์ต่อไป ควรจะตัดสาเหตุของการเกิดได้สักทีหรือยัง ?
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"กระทำไปเถอะ" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"กระทำไปเถอะ"
" .. การปฏิบัตินั้นให้พยายามทำ "มันจะสงบหรือไม่สงบก็ช่าง" ปล่อยไว้ก่อน เอาเรื่องเราปฏิบัติเป็นเรื่องแรก "เอาเรื่องเราได้สร้างเหตุนี่แหละ" ถ้าทำแล้วผลจะเป็นอย่างไรก็ได้
เราได้ทำแล้ว "อย่ากลัวว่าจะไม่ได้ผล มันไม่สงบ" เราก็ได้ทำ ทีนี้ถ้าเราไม่ทำ ใครเล่าจะได้ ใครเล่าจะเห็น คนหานั่นแหละจะเห็น "คนกินนั่นแหละจะอิ่ม"
ดังนั้น ถ้าจะปฏิบัติแล้ว "ให้ตั้งศึล สมาธิ ปัญญาไว้ในใจของเรา" ให้นึกถึงพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เลิกสิ่งทั้งหลายทั้งปวงออกเสีย "การกระทำของเรานี้เองเป็นเหตุ" เกิดขึ้นในภพในชาติหนึ่งจริง ๆ "กระทำไปเถอะ" .."
"กุญแแจภาวนาตามดูจิต"
หลวงปู่ชา สุภัทโท
หน้า 44 ของ 402