คลังเรื่องเด่น
-
"ท่านพ่อลีสร้างวัดเขาแก้ว" (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท)
.
"ท่านพ่อลีสร้างวัดเขาแก้ว"
" .. เดิมท่านพ่อลีมาปักกลดบริเวณเนินเขาแก้วนี้ ตรงนั้นมันเป็นต้นมะม่วง ไม้มะม่วงนั้นใบมันร่วง เพราะเป็นฤดูแล้ง "ตามโคนต้นมะม่วงมีมดแดงเต็มไปหมด ท่านพ่อลีก็ปักกลดอยู่อย่างนั้นไม่ย้ายไปไหน"
ตาสอนและยายทัตสองผัวเมียมาเห็นเข้า ก็นิมนต์ท่านพ่อว่า "ท่านพ่อ อยู่ตรงนี้!ไม่ได้หรอก มดแดงมันเยอะ ขอให้ย้ายไปตรงอื่นเถอะ"
"ไม่ย้ายเราจะอยู่ตรงนี้ ถึงแม้นเอาข้าวของมาถวายตรงที่อื่นเราก็ไม่รับ เราจะอยู่ตรงนี้ ปักกลด ตรงนี้แหละ"
ทีนี้เมื่อสองตายายนำเอาอาหารข้าวของมาถวาย "มดแดงมันก็มาเยอะแยะ" ยิ่งเหยียบใบไม้ดัง แกรก! แกรก! มดแดงมันมาใหญ่ทีเดียว กรูมา อู้ฮู! มากทีเดียว มดแดงมันมามากมายเหลือเกิน เป็นกองทัพมด "แต่มันไม่กัดท่านพ่อสักตัวเดียว" ท่านอยู่เป็นเพื่อนกันกับมด
สักพักหนึ่ง "มดมันก็ทยอยกันหนีเกลี้ยงอย่างน่าอัศจรรย์" เมื่อสองตายายเห็นอย่างนั้น "ก็เกิดความศรัทธาเลื่อมใส นับถือท่านพ่อลีมากขึ้น ก็เลยไปป่าวร้องให้คนทั้งหลายเข้ามาทำบุญกับพระผู้วิเศษ" ต่อมาจึงทำศาลาพักขึ้น แล้วก็ค่อยสร้างวัดขึ้นมาค่อยทำกัน
เริ่มแรกมุงจากเสาไม้ป่า "ท่านพ่อลีก็อาศัยอยู่อย่างงั้น"... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
หลักธรรมะของพระพุทธเจ้าคือความเป็นธรรมชาติ ก็เท่ากับเป็นหลักเดียวของจักรวาล
ถาม : ธรรมะของพระพุทธเจ้าเกี่ยวข้องกับจักรวาลหรือไม่ ?
ตอบ : หลักธรรมะของพระพุทธเจ้าคือความเป็นธรรมชาติ ก็เท่ากับเป็นหลักเดียวของจักรวาล คือสรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีอะไรทรงตัวอยู่ได้ วิทยาศาสตร์เพิ่งจะตามไปถึงแค่อนิจจังอย่างเดียว สรรพวัตถุล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยงเพราะเป็นแรงดึงดูดระหว่างอนุภาคคือพลังงานนั่นเอง พอเลิกดึงดูดกันก็สลาย ไม่มีอะไรเหลือ
ถาม : .... (ไม่ชัด).....มายุคสมัยเรามีการเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานตลอดเวลา ?
ตอบ : จะมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าเมื่อถึงเวลาจะใช้ถึงระดับพลังงานนั้น ต้องได้รับการฝึกถึงระดับอภิญญา สังเกตว่าคนที่ได้อภิญญา สามารถมุดน้ำดำดิน เหาะเหินเดินอากาศได้ จริง ๆ ก็แค่ดึงเอาพลังงานในตัวมาใช้เท่านั้น
ถาม : เคยดูวีดีโอ....(ไม่ชัด)... เขาดึงเอาพลังงานมาใช้หรือครับ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือพลังจิต พลังจิตที่สำคัญที่สุด เพราะสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบกายหยาบที่เป็นวัตถุธาตุได้
ถาม : จริง ๆ เราจำเป็นต้อง.... ?
ตอบ : ไม่จำเป็นต้องรู้ ทำให้ได้ก็พอ ส่วนใหญ่มัวแต่ไปฟุ้งซ่านคิดอยู่ ก็เลยทำไม่ได้สักที
ลักษณะของการคิด... -
"เราเคยทำเขาไว้" (หลวงปู่บุดดา ถาวโร)
.
"เราเคยทำเขาไว้"
" .. ตอนเด็ก ๆ หลวงปู่เคยตกปลา "ขณะปลาติดเบ็ด หลวงปู่สงสาร" จึงได้แกะปลาออกจากเบ็ดแล้วปล่อยมันไป ..
ต่อมาภายหลังเมื่อหลวงปู่บวชแล้ว ขณะที่นั่งอยู่ในศาลา "เผอิญมีแมวตัวหนึ่งมองเห็นเงาของมันในตาของหลวงปู่ จึงใช้หน้าขาของมันข่วนใต้ตาของหลวงปู่อย่างแรง เลือดไหลอาบหน้า" แล้วแมวก็มาหลบอยู่ขางหลังหลวงปู่ ทำให้ชาวบ้านหาแมวไม่เจอ
หลวงปู่บอกว่า "ไม่เป็นไร เราเคยทำเขาไว้" แล้วให้ลูกศิษย์เอาน้ำนมแม่ลูกอ่อนมาหยอดตาและให้ชาวบ้านนำแมวกลับไปเลี้ยงที่บ้าน "โดยสั่งกำชับไม่ให้ชาวบ้านรังแกมัน" .. "
ที่มา : หลวงปู่สอนศิษย์
หนังสือที่ระลึกวันละสังขาร หลวงปู่บุดดา ถาวโร
.
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14365 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
สติเป็นเครื่องป้องกัน (หลวงปู่ลี กุสลธโร)
สติเป็นเครื่องป้องกันเป็นเครื่องกลั่นกรองอารมณ์ ทางที่อารมณ์จะผ่านเข้ามานั้นคือ ทางตาทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจ เราต้องมีสติคอยควบคุมกำลังจิตไว้เสมอ สติเปรียบเหมือนทราย อารมณ์เปรียบเหมือนน้ำ
คนโบราณเมื่อต้องการใช้น้ำที่สะอาดเขาเอาทรายใส่ในหม้อน้ำแล้วเทน้ำลงไปทรายจะกลั่นกรองของที่ไม่สะอาดไว้ น้ำที่สะอาดจะไหลซึมลงในหม้อที่รองไว้ตามความประสงค์ ฉันใด จงกลั่นกรองอารมณ์ไว้ ฉันนั้น
คือ ไม่ปล่อยให้จิตใจลุ่มหลงในอารมณ์ที่น่าลุ่มหลง ไม่ปล่อยให้จิตขัดเคืองในอารมณ์ที่ขัดเคือง ไม่ปล่อยให้จิตมัวเมาในอารมณ์ที่น่ามัวเมา จิตก็จะต้องอยู่ตามสภาพปรกติ นั่นคือความสงบสุข
ลิขิตธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
คัดจากหนังสือ “ธรรมลี เศรษฐีธรรม” หลวงปู่ลี กุสลธโร
พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งเศรษฐีธรรม โดยพระมหาธีรนาถ อคฺคธีโร
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook... -
รูปแบบการถ่ายทอดธรรม / พระมหาวรพรต
รูปแบบการถ่ายทอดธรรม -
"บุญมาวาสนาส่ง" (หลวปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"บุญมาวาสนาส่ง"
ผู้ถาม : คนที่ปฏิบัติภาวนาเป็นนั้น "เพราะกรรมที่เขาสร้างสมมาที่เรียกว่าบารมีชาติก่อนที่สร้างไว้ใช่หรือไม่" หรือจะเป็นเพราะวิริยะที่ทำความเพียรชาตินี้เอง
ท่านอาจารย์ : "ถ้าภาวนาเป็นแล้ว บุญก็มาวาสนาก็ส่งให้อะไร ๆ ก็ดีไปหมด" ถ้าภาวนาไม่เป็นแล้วอะไร ๆ มันก็ตันตื้นไปหมดภาวนาเป็นแล้วถึงขนาดนั้น มันก็ไม่พ้น ขี้เกียจอยู่ดี ๆ นั่นเอง
ผู้ถาม : "ทำไมท่านอาจารย์สอนจึงเข้าใจ" แต่อื่นพูดไม่เข้าใจ
ท่านอาจารย์ : นั่นเรียกว่า "บุญมาวาสนาส่งแล้ว เพราะเราก็มีศรัทธา แล้วก็มีครูบาอาจารย์มาสอนให้ด้วย" เราทำตามคำสอนของท่าน ก็เป็นไปตามปรารถนา "บุญ คือทุนเดิมมีอยู่แล้ว ศรัทธาเพิ่มบุญ ให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป" เอาบุญมาสร้างบุญยิ่ง ๆ ขึ้น ในสิงคโปร์นี้จะมีที่ไหนที่สร้างบ้านแล้วมีพระมาอยู่ให้อย่างนี้ ..
"สนทนาธรรม" (หลวปู่เทสก์ เทสรังสี)
สิงคโปร์ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
การเข้าถึงมรรคผลทุกระดับ ต้องมีการตัดสินใจที่เด็ดขาด
การเข้าถึงมรรคผลทุกระดับ ต้องมีการตัดสินใจที่เด็ดขาด อย่างเช่นว่าเมื่อฟังธรรมไปแล้ว เราสามารถที่จะทำได้ตรงจุดไหน เราก็ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นว่าจุดนี้เราทำได้ เราจะทำด้วยชีวิตตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าอย่างนี้โอกาสที่ท่านทั้งหลายจะเข้าถึงความดี จะเข้าถึงมรรคถึงผลก็จะมีได้
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"ใจเป็นผู้บงการ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"ใจเป็นผู้บงการ"
" .. พระพุทธเจ้าทรงประทานพระโอวาทไว้ทั้งหมด "ทรงมุ่งหวังต่อจิตใจเท่านั้นเป็นสำคัญกว่าอย่างอื่น" เพราะใจเป็นนาย ใจเป็นหัวหน้างานทุกแผนก "เรียกว่าใจเป็นนาย กายกับวาจานี้เป็นบ่าว" กิริยาอาการจะแสดงออกในลักษณะใด "ขึ้นอยู่กับใจเป็นผู้บงการ"
เมื่อใจได้รับการอบรมที่ถูกต้องตามหลักอรรถหลักธรรมแล้ว "ย่อมจะสามารถยังความเคลื่อนไหวของกาย วาจาให้แสดงออกในทางที่ถูกทางเสมอไป" และไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ตนและผู้เกี่ยวข้องมากน้อย "จิตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะได้รับการอบรม" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
https://luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1985&CatID=2 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
"ตัวเองหลงตัวเอง" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"ตัวเองหลงตัวเอง"
" .. ถ้าหากว่า "ตัวเองหลงตัวเอง หลงสำคัญว่า มีตัว มีตนแล้ว" ถ้าเขาด่ามา มันก็จะหลงเข้าใจว่าเขาด่าเราอีก "เพราะว่าจิตเป็นผู้รับรู้คำด่า"
ทีนี้ถ้าหากว่า "สติสัมปชัญญะได้เจริญ แก่กล้าจนเห็นตามสภาพความจริงแล้ว มันจะปฏิเสธทันทีเลย" เขาด่ามา เป็นอย่างนั้นเองนะ ..ไม่ใช่เรา ..ไม่มีเรา ..ไม่มีอยู่ในนี้ "มันจะปฏิเสธในใจทันทีเลย"
เมื่อมันปฏิเสธอย่างนั้น "มันก็ไม่รับเอาคำด่า คำว่า คำสรรเสริญเยินยอของคนอื่นเลย" เมื่อมันไม่รับเอาแล้ว มันก็ไม่มีเรื่องอะไร บัดนี้มันก็ไม่ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทเถียงกันแต่อย่างใด "เวรทั้งหลายก็ย่อมระงับไปโดยปริยาย" มันมีผลดีทั้งแก่ตนเองและทั้งแก่ผู้อื่นด้วย .. "
"สติปัฏฐาน ๔" ธรรมโอวาทหลวงปู่เหรียญ
พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
อย่าได้เป็นผู้ร้อนใจในภายหลังเลย
อย่าได้เป็นผู้ร้อนใจในภายหลังเลย -
ภาพงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
วันอาทิตย์ที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
เวลา ๐๗.๐๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ประธานชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน
ประธานหน่วยอบรมประชาชนประชาชนประจำตำบลท่าขนุน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ นำพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน
รับบิณฑบาตจากนักท่องเที่ยวและประชาชนในชุมชน ตามโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าซิ่น นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์"
ณ บริเวณร้านค้าชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน สวนสาธารณะหัวสะพานแขวนหลวงปู่สาย -
"ทางแห่งความหลุดพ้น" สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
.
"ทางแห่งความหลุดพ้น"
" .. เจ้าประคุณสมเด็จฯ มักจะกล่าวกับสานุศิษย์ทั้งหลายอยู่เสมอว่า "ชีวิตมนุษย์อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยปีก็ต้องตายและถูกหามเข้าป่าช้า" ดังนั้นจึงควรประพฤติปฏิบัติอยู่ใน ..
- ศีล
- สมาธิ
- ปัญญา
เพื่อให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏ ท่านเปรียบเทียบว่า "มนุษย์อาบน้ำชำระกายวันละสองครั้ง" เพื่อกำจัดเหงื่อไคลสิ่งโสโครกที่เกาะร่างกาย "แต่ไม่เคยคิดจะชำระจิตให้สะอาดแม้เพียงนาที"
ด้วยเหตุนี้ "ทำให้จิตใจของมนุษย์ยุคปัจจุบันเศร้าหมองเคร่งเครียดและดุดัน" ก่อให้เกิดปัญหาความพิการในสังคม ความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน จนกระทั่งเกิดความขัดแย้ง และกลายเป็นสงครามมนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกัน
ขอให้ท่านได้พิจารณาไตร่ตรองให้จงดีเถิดว่า "ร่างกายของเรานี้ไฉนจึงต้องชำระทุกวันทั้งเช้าและเย็น" จะขาดเสียไม่ได้ ทั้งที่หมั่นทำความสะอาดอยู่เป็นนิจ แต่ยังมีกลิ่นไม่น่าอภิรมย์ออกมา แม้จะพยายามหาของหอมมาทาทับ ก็ปกปิดกลิ่นนั้นไม่ได้
ใจของเราล่ะ ซึ่งเป็นใหญ่กว่าร่างกาย เป็นผู้สั่งบัญชางานให้กายแท้ ๆ "มีใครเอาใจใส่ชำระสิ่งสกปรกออกบ้าง" ตั้งแต่เล็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มันสั่งสมสิ่งไม่ดีไว้มากเพียงใด... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
"หลักธรรม เครื่องป้องกันตัว" (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
.
"หลักธรรม เครื่องป้องกันตัว"
" .. "มีสติปัญญาเป็นอาวุธสำคัญ" จะเป็นเครื่องมั่นคง ไม่สะทกสะท้าน มีสติปัญญาแฝงอยู่กับตัวทุกอิริยาบถ จะคิด พูด ทำอะไร ๆ ไม่มีการยกเว้น มีสติปัญญาสอดแทรกอยู่ด้วยทั้งภายในและภายนอก
"มีความเพียรที่จะประกอบคุณงามความดี" ไม่มีความอ่อนแอ โง่เง่าเต่าตุ่น วุ่นวายอยู่กับอารมณ์เครื่องผูกพัน ด้วยความนอนใจและเกียจคร้านในการที่จะยกตนให้พ้นภัย .. "
"มุตโตทัย"
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
ในหลวง ทรงรับ ‘ครูบาบุญชุ่ม’ เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์
ภาพจาก มูลนิธิดอยเวียงแก้ว
จากกรณีที่ มูลนิธิดอยเวียงแก้ว พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร อรัญวาสีภิกขุ ได้ออกประกาศว่า ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร อรัญวาสีภิกขุ เดินทางมารักษาอาการอาพาธที่ประเทศไทย ผ่านพรมแดนแม่สาย และ โดยสารเครื่องบินเช่าเหมาลำไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เรียบร้อยแล้ว โดยในอดีต ได้เคยอาพาธด้วยโรคมาลาเรียขึ้นสมองมาก่อนนั้น
มูลนิธิดอยเวียงแก้ว ออกประกาศเผย ครูบาบุญชุ่ม บินรักษาอาการอาพาธที่กทม.
ยืนยัน ‘ครูบาบุญชุ่ม’ รักษาอาการอาพาธ ที่รพ.เอกชนในเชียงราย สะพัด ส่งต่อ กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ทรงรับครูบาบุญชุ่มเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ รักษาอาการอาพาธโรคไข้มาลาเรียที่โรงพยาบาลกรุงเทพ โดยโรงพยาบาลกรุงเทพได้ส่งเครื่องบินไปรับจากจังหวัดเชียงรายเมื่อคืนวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา
พระบาครูชุ่ม ได้อาพาธเป็นโรคมาลาเรียตั้งแต่จำศีลภาวนาอยู่ในถ้ำเมืองแก๊ด จังหวัดเมืองสาด เมียนมา เป็นเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 วัน กระทั่งออกจากถ้ำ ต่อมาเมื่อความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... -
ความกตัญญู' ในแบบของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
ความกตัญญู' ในแบบของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ -
วีดีโอ Technique การปฏิบัติกัมมัฏฐาน - พระครูเกษมธรรมทัต
Technique การปฏิบัติกัมมัฏฐาน - พระครูเกษมธรรมทัต -
ความมหัศจรรย์ 12 ประการของ พระพุทธมารดา(พระนางสิริมหามายา)/ พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
ความมหัศจรรย์ 12 ประการ ของ พระพุทธมารดา พระนางสิริมหามายาเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก
พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกลัทธิต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจนกว่าจะเป็นศาสนานั้น มีอยู่จำนวนมากด้วยกัน ที่ให้คุณค่าให้ความสำคัญต่อเพศพ่อและเพศแม่มาก เพราะถือว่าเป็นผู้ให้กำเนิดชีวิต
อย่างศาสนาฮินดูก็มีการบูชาศิวลึงค์ ศิวลึงค์จะตั้งอยู่บนฐานโยนีที่ถือว่าเป็นอวัยวะของพระอุมา ถือว่าเป็นจุดกำเนิดชีวิต เป็นศูนย์รวมของพลังทั้งหมด พอเป็นศาสนาขึ้นมาแล้ว ตอนหลังก็ลามมาในศาสนาพุทธ กลายเป็นพุทธตันตระ
มีการกล่าวถึงพลังของเพศแม่ที่จะมาเสริมเต็มในความเป็นพ่อ คือ ความเป็นพ่อจะมีแต่ความแข็งแกร่ง ความเป็นแม่จะมีความอ่อนโยน แข็งอ่อนผสมรวมกันก็จะสมดุลพอดี ดังนั้น..ในทาง พุทธตันตระนี้ พระพุทธเจ้าของเขา ก็จะมีนางตาราที่เป็นศักติ คือคู่บารมี เป็นส่วนเสริมเต็มในบารมีของพระพุทธเจ้าท่านอยู่
เพราะฉะนั้น..ระยะหลัง ๆ เราไปเห็นรูปว่ามีผู้หญิงกอดเอวพระพุทธเจ้าอยู่ ก็ไปว่าเขาสร้างรูปลามกอนาจาร แต่ความจริงเราไม่ได้เข้าใจปรัชญาศาสนาของเขาว่าคืออะไร เขาถือว่าผู้หญิงกับผู้ชายต้องอยู่ด้วยกัน ความสมดุลถึงจะมี... -
น้ำใจของแม่ ........สตรีผู้ตั้งปณิธานเป็นพระพุทธมารดา
มารดาของนายเรือผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ (อดีตพระชาติของ พระนางสิริมหามายา)
จะเผยเบื้องหลังกว่า พระนางสิริมหามายา จะได้เป็นพระพุทธมารดา
พระชาติแรกของพระนางที่เริ่มตั้งจิตอธิษฐานเป็นพระพุทธมารดา
พระพุทธมารดา ตำแหน่งนี้ใหญ่หลวงนัก
พระพุทธมารดาหลังจากให้ประสูติพระโอรสแล้ว ต้องสิ้นพระชนม์ในอีก 7 วันต่อมาทันที พระโบราณาจารย์อธิบายว่า พระครรภ์นี้จะมีใครมาเกิดอีกไม่ได้นอกจากพระโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติแล้ว พระพุทธมารดาต้องสิ้นพระชนม์ทันที ด้วยบุญแห่งการเป็นพระพุทธมารดาจึงส่งผลให้อุบัติเป็นเทวดาเสวยทิพยสมบัติบนสวรรค์ชั้นดุสิต
ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับสิทธิพิเศษเหนือบรรดาแม่ทั้งหลาย ได้เกิดเป็นถึงพระพุทธมารดา แต่ไม่มีโอกาสได้ชมพระบารมีของพระโอรสในวันที่ประสบความสำเร็จ ด้วยความกตัญญูกตเวที พระพุทธองค์ถึงแม้จะทรงได้รับการเลี้ยงดูและน้ำนมจากพระถัน (เต้านม) จากพระน้านาง (พระนางปชาบดีโคตมี) ก็ตาม แต่ด้วยบุญคุณที่ยิ่งใหญ่ หากไม่มีพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา พระองค์จะอุบัติขึ้นบนโลก คงเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง ดังนั้นจึงต้องทดแทนพระคุณในฐานะบุตร... -
อยู่กับปัจจุบัน ก็คืออยู่ที่ลมหายใจเข้าออกตรงนี้
การที่เราฟุ้งซ่าน ถ้าไม่ไปหวนหาอาลัยในอดีต ก็จะไปฟุ้งถึงอนาคต อดีตเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้ ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้ ควรจะเป็นอย่างนั้น ควรจะเป็นอย่างนี้ อนาคตอยากมี อยากได้ อยากเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หลุดจากปัจจุบันเมื่อไรก็เดือดร้อนเมื่อนั้น แล้วจะอยู่กับปัจจุบันได้อย่างไร ก็อยู่ที่ลมหายใจเข้าออกตรงนี้
ตราบใดที่ความคิดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา สภาพจิตก็ปรุงแต่งไม่ได้ เพราะว่างานตรงหน้าก็คือตามลมเข้าไป ตามลมออกมา อยู่กับปัจจุบันตรงนี้ อดีตก็ไม่ไป อนาคตก็ไม่ไป หยุดได้เมื่อไร รัก โลภ โกรธ หลง ทุกอย่างหยุดหมด ดับหมด ต่อให้ดับเพียงชั่วคราวก็ยังดี
บุคคลที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา อยากจะให้ไฟดับ สักวินาที ๒ วินาทีก็ยังเอา แล้วเราที่โดนไฟกิเลสเผามานับชาติไม่ถ้วน แล้วจะไม่พยายามลองหยุดดูบ้างหรือ ?
ถ้าหากว่าเราหยุดอยู่กับปัจจุบันได้ สภาพจิตจะผ่องใสมาก เหมือนอย่างกับน้ำที่ตกตะกอน ความใสเริ่มปรากฏ ไม่มีกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง มากวนให้ขุ่น สภาพจิตยิ่งผ่องใสเท่าไร สติก็ยิ่งแหลมคมว่องไวเท่านั้น ปัญญาก็จะเกิด... -
"ธ สถิตในใจ ไทยทั้งชาติ"
.
"ธ สถิตในใจ ไทยทั้งชาติ"
" .. ข้าพเจ้าจำคำพระที่เป็นอาจารย์สอนไว้ว่า คนเรานี่การเกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดาของสัตว์โลกถ้วนหน้า แตว่าชีวิตที่กิดมาทั้งทีให้ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด หมายถีงเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นที่สุดและก็มีความกล้าหาญที่จะทำงานทุกอย่าง อย่างภาคภูมิใจ ไม่สนใจคำติฉินนินทาใด ๆ .. "
"พระราชดำรัส" พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ
ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล
เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๒๕ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
วีดีโอ หลวงปู่พุธ ฐานิโย : การฝึกสมาธิภาวนา
หลวงปู่พุธ ฐานิโย : การฝึกสมาธิภาวนา -
ก่อนนอนให้ตั้งใจขอไปอยู่กับพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ภาวนาแล้วหลับไปเลย
ถาม : ที่ผ่านมาตัวผมเองเคยสวดมนต์นั่งสมาธิตอนกลางคืน ทีนี้เราตั้งขอบเขตเกินไปว่าเราจะต้องทำให้ได้ ปรากฏว่าร่างกายเราไม่ไหว ก็เลยคิดว่านึกพระพุทธเจ้าหรือหลวงพ่อให้ได้ตลอดวันดีกว่า น่าจะทำได้ ?
ตอบ : ดีกว่าเยอะเลย คือการที่จะทำอะไรเป็นแบบเป็นแผน ให้มาทำตอนตื่นนอน เพราะร่างกายเราพักมาเต็มที่แล้ว ถ้าทำก่อนนอนบางทีเราเหนื่อยมาทั้งวันเพลียมาก ร่างกายก็ไม่เอาด้วย หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตั้งใจว่าตอนนี้เราจะนอนแล้ว คนนอนลงเหยียดยาวก็เหมือนกับคนตาย ตั้งใจขอไปอยู่กับพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ภาวนาแล้วหลับไปเลย อย่างนี้ง่ายกว่า
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com
หน้า 57 ของ 402