คลังเรื่องเด่น
-
"สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
.
"สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ"
" .. "ดวงจิตนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ" เมื่อหากว่าพวกเราทั้งหลาย มาฝึกหัดสิ่งที่มันมีอยู่ในตัวนี้ "ให้เป็นสัมมาทิฏฐิแล้วให้มีความถูกต้องแล้ว" ตาหูจมูกลิ้นกายก็จะเป็นไปด้วยทั้งนั้น "คือมีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ" สัมมาวาจา สัมมาสังกัปโป เลี้ยงชีวิตก็ชอบ พยายามก็ชอบ ตั้งสติก็ชอบ ตั้งใจก็ชอบ
"เพราะจิตดวงเดียวนี้มันเห็นชอบแล้ว" อะไร ๆ ทั้งหมดในอวัยวะร่างกายนี้ก็ชอบไปด้วยเสียทั้งนั้น จึงพูดได้ว่าแม้จะมีอวัยวะร่างกายทุกส่วนก็จริงแต่ที่สำคัญก็คือดวงจิต โอวาทคำสอนของพระพุทธเจ้าถึงแม้จะมีมากก็จริง "แต่ว่าเมื่อเรามาพิจารณาดูแล้วก็คือ มาประพฤติปฏิบัติให้จิตดวงเดียวนี้เห็นชอบเท่านั้น" ก็เป็นอันว่ามีทางที่จะพ้นจากทุกข์ไปได้ .."
"สุภัททานุสรณ์"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) -
ลอดราวตากผ้า
ลอดราวตากผ้า
หลวงพ่อ : เอาว่าไง
อาจารย์ยกทรง : บอกว่ามันมีราวตากผ้าอยู่ จำป็นจะต้องลอดไป มีพระ มีลูกแก้ว
มีอะไรเยอะแยะ
จะท่องคาถาอย่างไร ถึงจะลอดไปได้ครับ (หัวเราะ)
หลวงพ่อ : ไม่ต้องท่องคาถาหรอก ถ้าหากว่าเราไม่ถือ ถ้าจำเป็นจะต้องไปนะ ตามธรรมดา ตามที่ต่างๆที่ไม่ควรนี่ คนเขาไม่ไปอยู่แล้ว ถ้าจะไปเขาถือว่าเป็นการจำเป็น ไม่เป็นไรของไม่เสื่อม
อาจารย์ยกทรง : เขาบอกว่าราวตากผ้า ของพวกโกเต๊กซ์ หรือไอ้ของสกปรก พุทธคุณ ธรรมคุณ จะแขวนต่องแต่ง ไม่กล้าผ่าน
หลวงพ่อ : ไม่เป็นไร ถ้าจำเป็นนะ ต้องถือว่าถ้าจำเป็นไม่เป็นไร ของไม่เสื่อม อะไรที่เป็นผ้านุ่งมันสกปรกตรงไหน ข้างในมีทั้งขี้ทั้งเยี่ยวเสร็จ มีทั้งน้ำเลือดน้ำเหลืองน้ำหนอง ทำไมห้อยอยู่ได้ ใช่ไหม
เดี๋ยวก็ต้องเทศน์แบบ พระครูโว อีกหรอก (พระครูโวทานธัมมาจารย์)
อาจารย์ยกทรง : เทศน์ว่าไงฮะ
หลวงพ่อ : เคยไปเทศน์กับ พระครูโว ท่าน วันนั้นงานหล่อพระ เขาหล่อพระประธานใช่ไหม
อาจารย์ยกทรง : ครับ
หลวงพ่อ : วันนั้นเทศน์กัน 3 ธรรมาสน์ เทศน์ไปเทศน์มา ท่านก็ถามถึงการหล่อพระมีอานิสงส์อย่างไร แล้วก็อธิบายอานิสงส์
ไอ้เราก็นึกขึ้นมาได้ สมมติเอาว่า... -
ทุกสิ่งในโลกคือสมบัติผลัดกันชม
ทุกสิ่งในโลกคือสมบัติผลัดกันชม
--------
#คาถามหาจักรพรรดิ #หลวงตาม้า #มาแรง #กดกระดิ่ง #กดแชร์ #กดติดตาม #กดไลค์ #รวมคำสอนหลวงตาม้า -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ -
ภาพงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน วันอาทิตย์ที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
วันอาทิตย์ที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
เวลา ๐๗.๐๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ประธานชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน
ประธานหน่วยอบรมประชาชนประชาชนประจำตำบลท่าขนุน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ นำพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน
รับบิณฑบาตจากนักท่องเที่ยวและประชาชนในชุมชน ตามโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าซิ่น นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์"
ณ บริเวณร้านค้าชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน สวนสาธารณะหัวสะพานแขวนหลวงปู่สาย -
ข่าวชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน (พระอาจารย์เล็ก) เดือนสิงหาคม ๒๕๖๕
ชุมชนคุณธรรมออนไลน์ Palungjit.org
เครือข่ายชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
ขอรวบรวมข่าวกิจกรรมการดำเนินงานของ
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. (พระอาจารย์เล็ก)
เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เพื่อให้ทุกท่านได้โมทนาบุญในการทำงานของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
และเพื่อให้ทุกท่านได้ศึกษารูปแบบการดำเนินงานของพระอาจารย์
ซึ่งท่านเป็นต้นแบบการทำงานของ ชุมชนคุณธรรมออนไลน์ Palungjit.org
ข่าวการดำเนินงาน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๕ -
กำหนดเข้า-ออกสมาธิได้ดั่งใจ
กำหนดเข้า-ออกสมาธิได้ดั่งใจ
------------
Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/duenjitpage/ Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/duenjitfound... Youtube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/duenjit Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/duen_jit/ Soundcloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/duenjit LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://line.me/ti/g2/AZLrk-4nSh-aKn9... LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ Website เดินจิต : https://www.duenjit.com/ #วสี #ทรงฌาน #ฌาน #สมาธิ #ความชำนาญในสมาธิ #พระมหาวรพรตกิตติวโร -
อย่าฝืนธรรมชาติ เพราะกรรมที่ต้องรับคืนนั้นมากมายยิ่งนัก
ตรงจุดนี้ต้องขอยืนยันกับท่านทั้งหลายว่า ในเรื่องของธรรมชาติ ลม ฟ้า ฝน ไฟ นั้น เราไม่สามารถที่จะห้ามได้ แต่ว่าขอให้เร็วขึ้น ขอให้ช้าลง ขอให้ไปซ้าย ขอให้ไปขวา ขอให้ไปบน ขอให้ไปล่างได้
แต่ถ้าหากว่าท่านตั้งใจไปห้ามเลย กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าจะได้รับคืนหลายเท่าทีเดียว ก็คือถึงเวลาแล้วก็จะต้องมีการคิดมูลค่ากันตามสิ่งที่เราได้กระทำไป ไม่ว่าจะหนักเบาเพียงแค่ไหน รับรองว่าได้รับคืนอย่างมากมายสมกับที่เราได้ไปฝืนธรรมชาติ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ครูบาอาจารย์ท่านได้ตักเตือนเอาไว้หนักหนา และกระผม/อาตมภาพก็พยายามที่จะไม่ลืมอย่างเด็ดขาด
แต่ว่าก็ยังมีหลวงปู่หลวงพ่อบางรูป บางท่าน ที่มั่นใจในความรู้ความสามารถของตนเอง ถึงเวลาก็ไปห้ามธรรมชาติเอาไว้เลย โดยที่ไม่ได้เข้าใจถึงเรื่องธรรมชาติว่าเป็นสิ่งที่ต้องคล้อยตาม เพียงแต่ว่าขอให้เร็วช้า หรือไปในทิศทางอื่นได้ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อถึงเวลาท่านเดือดร้อนจากการกระทำของตนเอง ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะโทษใครดี
แต่กระผม/อาตมภาพนั้น เมื่อศึกษาเรียนรู้มาแล้ว ก็ไม่พยายามฝืนธรรมชาติด้วยประการทั้งปวง ต้องบอกว่าขอเอาตัวรอดแบบเท่ ๆ หล่อ ๆ ไปก่อน... -
"ภาวนาไม่ต้องกลัวตาย" (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
.
"ภาวนาไม่ต้องกลัวตาย"
" .. การภาวนาทำความเพียรปฏิบัติบูชา ในทางพุทธศาสนานี้ "จงตั้งจิตเจตนาลงให้มั่นคง อย่าได้ให้ใจอ่อนแอท้อแท้กลัวตาย" การสร้างบุญบารมี "ภาวนาละกิเลสมันไม่ตาย ถ้าหากว่าผู้ใดภาวนาเด็ดเดี่ยวแล้วก็ตายเอาตายเอา จะมีพระพุทธเจ้าได้หรือ"
เพราะว่าภาวนาเคร่งเครียดเข้าไปก็ตาย ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า ภาวนามากเข้าไปจะได้เป็นพระอรหันต์ก็ไม่ได้ มันตายเสียก่อน "ถ้ามันเป็นอย่างนี้ก็ไม่มีพระซิ ที่มันมีพระอยู่ก็คือว่ามันไม่ตาย" .. "
"จิตพระอริยอยู่เหนือกิเลส"
พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ -
ชินคือฌาน
ชินคือฌาน -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
ปฐมฌาน สมาธิชั้นต้น โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
ปฐมฌาน สมาธิชั้นต้น โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร -
"กรรมหมือนหว่านเมล็ดพืชลงดิน" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"กรรมหมือนหว่านเมล็ดพืชลงดิน"
" .. เมื่อเราได้คิดได้พูดได้ทำอะไรลงไปแล้ว "มันก็เริ่มก่อผลเป็นวิบากขึ้นในจิต ซึ่งเป็นประจุกรรม" เหมือนข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ "เราจะไปลบ ไปล้างไปเปลี่ยน ไปแปลงอะไรไม่ได้อีกแล้ว" ได้อยู่อย่างเดียว "คือ คอยจนกว่ามันจะงอกออกมา" และผลิดอกออกผลให้เราเก็บเกี่ยว
ด้วยเหตุนี้ท่านจึงสอนว่า "สิ่งที่ทำลงไปแล้ว อย่าย้อนคิดเสียดาย" อย่าเก็บมากังวลครุ่นคิด "แต่ก่อนจะกระทำสิ่งใด ให้ไตร่ตรองจนรอบครอบเสียก่อน ด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยเหตุผล" ก่อนจะทำเรามีโอกาสเต็มที่ว่าจะทำอย่างไร "เพื่อที่จะไม่ย้อนคิดเสียใจ เสียกำลัง" เสียเวลาที่จะล้มล้างสิ่งที่เอาคืนมาอีกไม่ได้แล้ว .."
"กรรม" ของคนเราเหมือนเมล็ดพืชที่ถูกหว่านลงในดิน
(หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) -
อธิษฐานตามกัน
คนเราในยามที่รักกันมาก ก็มักพากันไปทำบุญ อธิษฐานขอให้ได้อยู่ร่วมคู่กัน ไปทุกภพ ทุกชาติ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เป็นการอธิษฐานที่มิได้อยู่บนสัมมาทิฏฐิ เป็นการไม่ยอมรับความจริง ของความไม่เที่ยง และไม่เป็นไปเพื่อการจางคลาย จากความยึดมั่นถือมั่น
สมัยก่อน ข้าพเจ้าเคยสงสัยหญิงสาวข้างบ้านคนหนึ่งว่าทำไมจึงต้องทนให้สามีขี้เหล้า ทำร้ายร่างกายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งๆที่สาวเจ้าคนนี้ ก็เป็นคนหารายได้อยู่เพียงคนเดียว แต่พอได้มาศึกษาธรรมะ จึงทำให้พอสันนิษฐานได้ว่า เหตุปัจจัยส่วนหนึ่ง คงมาจากการอธิษฐาน ขอให้ได้มาอยู่ร่วมชีวิตกันก็เป็นได้ ในเรื่องการอธิษฐานทำนองนี้ หลวงปู่ดู่ท่านสั่งห้าม ท่านว่ากาลเวลาผ่านไป แต่ละคนก็มีการสั่งสม หรือพัฒนาการต่างๆ กันไป เรียกว่า ธรรมไม่เสมอกัน
มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง มาทำบุญกับหลวงปู่ เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว ก็พากันตั้งจิตอธิษฐานอะไรอยู่ในใจ ขณะนั้น หลวงปู่ก็ทักขึ้นว่า.....
"สามีภรรยา ไม่ต้องอธิษฐานตามกัน เพราะจะดึงกัน
อีกคนไปได้ อีกคนไปไม่ได้ มันจะดึงกัน"
เรื่องนี้ จึงสอนให้ระมัดระวัง ไม่ให้ไปเที่ยวอธิษฐานตามคนรัก หรือใครๆ เพราะวิบากกรรม อันเกิดจากการอธิษฐาน... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
"แม่พ่อฆ่าเขา" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"แม่พ่อฆ่าเขา"
" .. "นิทานไทยเรื่องหนึ่ง" ซึ่งรู้จักกันดี "ที่มีชายคนหนึ่งต้องโทษประหารชีวิต พ่อแม่ร้องไห้คร่ำครวญ" น้ำตาแทบเป็นสายเลือด "คำตัดพ้อของลูกชายที่กำลังเดินไปสู่ที่ประหาร" คือ "แม่พ่อฆ่าเขา" แม่พ่อไม่เคยดุด่า ไม่เคยว่า "ไม่เคยตักเตือนอบรมสั่งสอนเลย"
เมื่อเขาทำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางทียังชื่นชมว่า "เขาฉลาดที่ทรยศคดีโกงลักโขมยได้สำร็จโดยไม่ถูกจับได้" โดยไม่มีผู้รู้เท่าทัน "แม่พ่อทำให้เขาไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี" ทำผิดทำชั่วร้ายแรงร้ายกาจยิ่งขึ้นเป็นลำดับ "จนถึงต้องเดินเข้าสู่หลักประหาร"
ผู้ใหญ่ทั้งหลาย "เมื่อได้รู้เรื่องนี้แล้ว น่าจะนำไปคิดให้หนัก" อย่าให้วันหนึ่งข้างหน้าต้องถูกลูกหลานตัดพ้อต่อว่า "ทำนองเดียวกับนักโทษประหารผู้นั้น" และเมื่อถึงวันนั้น ท่านอาจมีความรู้สึกว่า ยิ่งกว่ากำลังเดินไปสู่หลักประหารด้วยตนเอง "จงดับไฟแต่หัวลม" ไทยจะได้ไม่สูญสิ้นไปต่อหน้าต่อตา พร้อมกับความสูญสิ้นของวัฒนธรรมไทยที่งดงาม .."
"พระวรธรรมคติ" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร)
ประทานบรรดาผู้เข้าเฝ้า ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ -
หลวงตาม้าเล่าเรื่อง พระแก้วแดง และเกร็ดธรรม
หลวงตาม้าเล่าเรื่อง พระแก้วแดง และเกร็ดธรรม -
การปฏิบัติที่ให้ผลเร็ว (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
"... เวลาเรามีไม่มาก เรามาฝึกจิตก็ต้องดูจิต ดูอาการของจิต ลองดูจิต ให้เห็นจิตเรา อย่าไปยึดมั่นถือมั่น
ถือมั่นก็เห็นสุขเป็นของจริง สุขเป็นเรา สุขเป็นของเรา ทุกข์เป็นเรา ทุกข์เป็นของเรา มันคิดเช่นนี้ แต่ความเป็นจริงนี้ สุขสักแต่ว่าสุข ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตนเราเขา ทุกข์นี้ก็ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา ตัวคนที่รู้ทุกข์หรือสุขนี้ ก็ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา ถ้าเราเห็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรจะเกาะ เกิดสุขขึ้นมา สุขก็เกาะเราไม่ได้ เกิดทุกข์ขึ้นมา ทุกข์ก็เกาะเราไม่ได้ ทำไมไม่ได้ เพราะว่ามันไม่แน่ เป็นของปลอมทั้งนั้น เป็นของไม่แน่นอน
ถ้าเราคิดเช่นนี้ จะภาวนาได้เร็ว จะยืน จะเดิน จะนั่น จะนอน จะไป จะมา ทุกอย่างจิตกำหนดอยู่เสมอ ให้รู้อารมณ์มันเข้ามา ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นลิ้มรส อะไรต่างๆ นี้ มันจะเกิดความชอบไม่ชอบขึ้นมาทันที มันจะเกิดสุข เกิดทุกข์ขึ้นมาทันที อันนี้เราเรียกว่าอ่านดูจิต มันจะเห็นจิต เพราะมันเกิดจากจิตดวงเดียวเท่านี้ มันจะให้สุขมันให้ทุกข์ ทุกอย่างเกิดจากจิต ถ้าเราตามดูจิตของเราอยู่เช่นนี้ มันจะเห็นกิเลส มันจะเห็นจิตของเราสม่ำเสมอเลยทีเดียว อันนี้และคือการภาวนา... -
ฐานอย่างเดียวสำคัญที่สุด
ฐานอย่างเดียวสำคัญที่สุด -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
"รักษาสมบัติของพ่อแม่ครูบาอาจารย์" (หลวงปู่ลี กุสลธโร)
.
"รักษาสมบัติของพ่อแม่ครูบาอาจารย์"
" .. "หลวงปู่ลี กุสลธโร" ท่านเป็นพระกรรมฐานผู้อยู่สบายพูดง่ายพูดตรง จิตของท่านหลุดโล่งโปร่งไร้เขตแดนเป็นอิสระเสรี ไร้ทุกข์ ผ่องใส เบิกบาน ไม่ติดข้อง ไม่ถูกครอบงำรัดรึง
การเคลื่อนไปมาขององค์ท่านจึงสะดวกสบายคล่องตัวตามปรารถนา "ไม่ต้องมัวห่วงกังวลกับการปกป้องรักษาตนเอง" ท่านไปได้ทั่ว ลอยพ้นจากโลกธรรม ถึงอยู่ในโลกแต่ไม่ติดโลก อันโลกที่เพียบแปล้ไปด้วยกิเลสฉาบทาท่านไม่ได้แล้ว
ในปีนี้ "องค์ท่านได้รับนิมนต์จากคณะสงฆ์และชาวบ้านใต้อีกครั้ง" ด้วยความเมตตาชาวบ้านใต้ ท่านจึงได้ย้อนกลับมาจำพรรษา ณ สถานที่แห่งนี้อีกเป็นครั้งที่ ๒ ดำริของท่านที่มาจำพรรษาในครั้งนี้ คือ "รักษาสมบัติของพ่อแม่ครูบาอาจารย์"
คำว่า "สมบัติของครูบาอาจารย์" คือรอยมือรอยเท้ารอยธรรม "ที่ท่านพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม ได้สร้างเอาไว้ดีแล้ว" ด้วยว่าองค์ท่านกับพระอาจารย์สุพัฒน์เคยจำพรรษาและออกเที่ยวธุดงค์ภาวนาร่วมกัน ในที่หลายแห่งและท่านทั้งสองเป็นศิษย์ร่วมสำนักวัดป่าบ้านตาดในองค์พ่อแม่ครูจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
สมบัติอย่างที่หนึ่ง... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
คาถา "ทุกขาทุกขัง ปะติถิตัง สัมปติฉามิ"
คาถา "ทุกขาทุกขัง ปะติถิตัง สัมปติฉามิ"
(จากเรื่อง บันทึกความจำพิเศษ)
เป็นอันว่าลุงท่านก็รู้จักนิสัยดื้อ พระท่านก็รู้ยี่ห้อดื้อ พรหมก็รู้ดื้อ ใครก็รู้เรื่องดื้อ ใครก็รู้มันดื้อมากี่แสนชาติแล้ว แต่ความจริงก็ดื้ออย่างมีเหตุมีผล ไอ้งานที่ทำมันต้องพูด มันต้องเดินทาง นี่เดินทางคราวไรท้องผูกเครียดถ่ายไม่ออก ถ้าพูดหนักๆเข้าแม้แต่บันทึกเสียง ท้องผูกถ่ายไม่ออกอืดเสียดและงานที่ต้องทำคือสอนพระศาสนามันต้องพูด และมันก็ต้องเดินทาง และก็โรคมันขวางสองทาง เราจะอยู่เพื่ออะไร
ก็เป็นอันว่าลุงกลับ ก็นอน พอนอนลงไปก็นึกในใจว่า
คาถาบทหนึ่งที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ว่า คาถาบทนี้ถ้าทำน้ำมนต์แล้วรักษาได้ทุกโรคนั่นคือ
"ทุกขาทุกขัง ปะติถิตัง สัมปติฉามิ"
ก็นึกในใจว่าถ้าคาถาบทนี้ถ้ารักษาตัวเราเองไม่หาย จะไปรักษาใคร ในเมื่อท่านให้เรา เราก็ลองรักษาตัวดู ถ้าคาถาบทนี้รักษาเราไม่หายก็จะไม่เกิดประโยชน์กับใคร คุณสุวิทย์เธอรักษาภรรยาเธอ ให้ภรรยาเธอภาวนาบทนี้แล้วใช้มีดหมอแตะร่างกายเธอหายปวด หายปวดอย่างอัศจรรย์
ก็นอนภาวนาคาถาบทนี้เป็นฌาน คิดว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การภาวนาทุกอย่างจะใช้คาถาทนี้เรื่อยไปจนกว่าโรคจะหาย... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
วันหนึ่ง คืนหนึ่ง ให้ไหว้พระสวดมนต์ (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)
"วันหนึ่ง คืนหนึ่ง ให้ไหว้พระสวดมนต์
การไหว้พระสวดมนต์นี้ เป็นจิตเป็นใจ
เป็นสารคุณ มหาคุณต่อจิตใจของเราจริงๆ
การระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ซึ่งเป็นธรรมชาติอันเสิศเลอ เมื่อน้อมเข้ามาสู่จิต
จิตจะกลายเป็นจิตที่เสิศเลอไปตามกัน
การสวดมนต์ให้อยู่กับบทสวดมนต์ด้วยสติ
ให้สติกับคำสวดมนต์ติดแนบกันไป นั้นแล..
คือการบำเพ็ญธรรมอยู่ในนั้น
และขอให้พี่น้องทั้งหลาย ได้นำธรรมนี้ เป็นที่ระลึก
ไหว้พระสวดมนต์ จากนั้นให้พากันทำความสงบใจ
บำเพ็ญเพียรภาวนา จึงสมชื่อว่าเป็นชาวพุทธ"
โอวาทธรรม หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
"หลวงตาสอนลูกหลาน"
วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook พุทธมหาเจดีย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ภูผาแดง -
"พุทธะเกิดที่ใจ เกิดจากใจ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"พุทธะเกิดที่ใจ เกิดจากใจ"
" .. "พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาที่ใจ พุทธะเกิดที่ใจ" ใจมันเข้าถึงผู้รู้แล้วก็เข้าถึงพุทธะ "พุทธะ คือผู้รู้คือผู้เห็น" เห็นเหตุเห็นผลเห็นเรื่องราวต่าง ๆ เห็นสิ่งแวดล้อมเรื่องใจนั้น เช่น "เห็นความโลภ ความโกรธ ความหลง" มันเกิดจากใจนั้น .."
" .. แท้ที่จริง "พุทธะ ก็เกิดที่ใจ เกิดจากใจ" เพราะการปฏิบัติบำบัดเรื่องต่าง ๆ ออกจากใจ ทำให้ผ่องใสสะอาด ชำระให้หมดจดจากใจ เหตุนั้น "ใจจึงเป็นของสำคัญที่สุด" ถ้าปฏิบัติเข้าถึงใจเมื่อไรจึงจะเห็นใจเมื่อนั้น เป็นพุทธะเมื่อนั้น ถ้าไม่ถึงใจแล้วยังไม่ถึงพุทธะหรอก .. "
"หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี" -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
ตอนเป็นมนุษย์ทำบุญมากมาย ทำไมตายแล้วไปเกิดเป็นเปรต (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
หลวงปู่ขาว อนาลโย เจอเปรตตนหนึ่ง แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ เปรตตนนี้ ตัวเป็นเปรตแต่หัวเป็นเสือ โยมผู้นี้สมัยมีชีวิตอยู่ชอบทำบุญ ใครชวนทำบุญก็ทำ แต่เวลาตายทำไมถึงเป็นเปรต
หลวงปู่ขาว ท่านถามเปรตตนนั้นว่า "ทำไมหรือคุณโยมจึงมาเป็นเสือ ทำบุญตั้งมากมาย ทำบุญจนจะหมดตัวอยู่แล้ว .. ?"
เปรตเสือตอบว่า "ดิฉันโกรธมาก เมื่อความโกรธ มันขึ้นมาอยู่ที่หน้าตา ดิฉันมองไม่เห็นใครเลย ด่าพระ ด่าเจ้า ด่าข้าทาสบริวาร ด่าลูกด่าหลาน ด่าผัวด่าลูก ด่าเชื้อด่าชาติ ของที่เราเคารพนับถือ มีคุณมีค่าแต่เก่าก่อน ยกขึ้นมาด่าจนหมดสิ้น"
"เป็นเพราะความโกรธตัวเดียว".......ทำให้ดิฉันหมดความดี คือ "อริยทรัพย์" ตายแล้ว จึงเกิดมาเป็นเสือเสวยทุกขเวทนา เป็นเปรตเสืออยู่อย่างนี้แหละ" เจ้าค่ะ
บางคน ทำบุญทำทานกันใหญ่โตมโหฬาร แต่เสียเพราะความโกรธ ความมีโทสะ ความโกรธไปไหม้กุศลผลบุญจนหมดสิ้น เมื่อหมดบุญหมดกุศล บาปก็พลอยทวีคูณขึ้น ผลทานก็หนี ผลศีลก็ไม่มี ผลภาวนา ก็หนีเข้าป่าไปหมด ตายแล้ว ก็ไปเกิดเป็นเปรต
โอวาทธรรม หลวงปู่ขาว อนาลโย
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น -
การบวชเป็นการฝึกตนที่จะมีบททดสอบมาให้ทำตลอดเวลา
เรื่องของสมาธิภาวนาเป็นการทำซ้ำ ท่านทั้งหลายจะเบื่อไม่ได้ จะล้าไม่ได้ พวกเราส่วนใหญ่มีข้อบกพร่องก็คือทำตัวเป็นคนเบื่อง่าย แล้วในเมื่อทำตัวเป็นปลาตายลอยน้ำ เดี๋ยวก็ล้า..หมดกำลังใจที่จะทำต่อ
ไม่ต้องอะไรมากมาย แค่กรรมฐานช่วงเช้า ถ้าเป็นบุคคลที่ทรงกำลังใจมั่นคงจริง ๆ จะมาก่อนเวลาเสมอ ไม่ใช่กรรมฐานจบแล้วค่อยโผล่มาทำวัตรเช้า หรือไม่ใช่หมดไปตั้งครึ่งตั้งค่อนแล้วค่อยโผล่มา การวัดกำลังใจของตัวเรา แค่นี้ก็จะรู้แล้วว่าเราจะมีความก้าวหน้าในพระพุทธศาสนา หรือว่าท้ายสุดก็กลายเป็นซากศพที่โดนคลื่นซัดสู่ฝั่ง..!
เพราะว่าในเรื่องของการบรรพชาอุปสมบทนั้น สิ่งทดลองต่าง ๆ ที่มาในรูปลักษณ์ของ รัก โลภ โกรธ หลง แตกแขนงออกไปเป็นล้าน ๆ แบบ ถ้าเราประมาทแม้แต่นิดเดียว ก็จะเปิดโอกาสให้กิเลสทำอันตรายเราได้ แล้วเราก็จะกลายเป็นผู้แพ้ โดนคัดออก..!
อย่างที่ "หลวงปู่ไดโนเสาร์" ท่านใช้คำว่า "สอบตก" เดี๋ยวพวกท่านก็จะบอกอีกว่า "สอบได้เป็นของตลก สอบตกเป็นของธรรมดา" จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องจริง แต่ว่าสอบตกก็คือพลาด ผิดพลาดตรงไหน ต้องเอามาเป็นบทเรียนแล้วแก้ไข จนกว่าเราจะไม่พลาดอีก เราจึงต้องทำซ้ำแล้ว ๆ เล่า ๆ อยู่ตลอดเวลา... -
"ธรรมทั้งหลายเกิดจากจิต" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"ธรรมทั้งหลายเกิดจากจิต"
" .. ธรรมทั้งหลายย่อมเกิดจากจิตนี้โดยตรง "ธรรมที่เป็นอกุศลก็ดี ที่เป็นกุศลก็ดี ย่อมมีจิตนี้เป็นผู้สร้างขึ้น" เพราะฉะนั้น ให้พึงพากันเข้าใจ "ไม่ใช่มันมาเอง บาปบุญถ้าใจไม่คิด ไม่ดำริขึ้นแล้ว ไม่มี" แต่ว่าจิตนี้ก็ต้องได้อาศัยร่างกายนี้แหละ จึงคิดไปทางบุญทางบาปได้ "ถ้ามีแต่ลำพังจิต ไปทำบุญทำบาปอะไรไม่ได้เลย" ต้องพิจารณาดู
ดังนั้นการปฏิบัติในพุทธศาสนา "พระศาสดาจึงทรงสอนให้ สำรวมกาย สำรวมวาจา สำรวมใจ" ไปพร้อม ๆ กันเลย เพราะมันเนื่องกัน "แล้วยังสอนให้สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เข้าไปอีก" เพราะว่าตาเป็นต้นนี้ เหล่านี้ ถ้าเมื่อไม่สำรวม ไม่พิจารณา จิตมันก็หลงไปตามตาเหมือนกัน .. "
"อุบายฝึกจิตไม่ให้ข้องในโลกนี้"
(หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) ๔ กรกฏาคม ๒๕๓๓
หน้า 59 ของ 402