คลังเรื่องเด่น
-
หลวงตาสอนพระที่ถ้ำ
หลวงตาสอนพระที่ถ้ำ
-----------
รวมคำสอนหลวงตาม้า -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
"ฐานะอ้นเลิศนั้นมีอยู่ในมนุษย์" (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
.
"ฐานะอ้นเลิศนั้นมีอยู่ในมนุษย์"
" .. "อคฺคํ ฐานํ มุสฺเสสุ มคฺคํ สตฺตวิสุทฺธิยา" ฐานะอ้นเลิศนั้นมีอยู่ในมนุษย์ ฐานะอ้นเลิศนั้นเป็นทางดำเนินไปเพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ โดยอธิบายว่า เราได้รับมรดก มาแล้วจากนโม คือบิดามารดา กล่าวคือ "ตัวของเรานี้แล อ้นได้กำเนิดเกิดมาเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นชาติสูงสุด" เป็นผู้เลิศดั้งอยู่ในฐานะอ้นเลิศด้วยดี คือมีกายสมบัติ วจีสมบัติ และมโนสมบัติบริบูรณ์ จะสร้างสมเอาสมบัติภายนอกคือทรัพย์สินเงินทองอย่างไรก็ได้ "จะสร้างสมเอาเป็นสมบัติภายใน คือมรรค ผล นิพพาน ธรรมวิเศษ" ก็ได้
พระพุทธองค์ "ทรงบัญญัติพระธรรมวินัย ก็ทรงบัญญัติแก่มนุษย์เรานี้เอง" มิได้ทรงบัญญัติแก่ ช้าง ม้า โคกระบือ ฯลฯ ที่ไหนเลย "มนุษย์นี้เองจะเป็นผู้ปฏิบัติถึงซึ่งความบริสุทธิ์ได้" ฉะนั้น "จึงไม่ควรน้อยเนี้อต่ำใจว่า ตนมีบุญวาสนาน้อย เพราะมนุษย์ทำได้ เมื่อไม่มีทำให้มีได้ เมื่อมีแล้ว ทำให้ยิ่่งได้"
สมด้วยเทศนานัย อันมีมาในเวสสันดรชาดกว่า "ทานํ เทติ สีลํ รกฺขติ ภาวนํ ภาเวตฺวา สคฺคํ คจฺฉติ เอกจฺโจ โมกฺขํ คจฺฉติ นิสฺสํสยํ" เมื่อได้ทำกองการกุศล คือ "ให้ทาน รักษาคีล เจริญภาวนา"... -
โลกวิญญาณขอกันไม่ได้_คลื่นไตรสรณคมน์มีทั้งโลกและธรรม
โลกวิญญาณขอกันไม่ได้_คลื่นไตรสรณคมน์มีทั้งโลกและธรรม
*************
รวมคำสอนหลวงตาม้า -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
"เพราะกรรมเวรแต่หนหลัง" (หลวงปู่หรียญ วรลาโภ)
.
"เพราะกรรมเวรแต่หนหลัง"
" .. บุคคลบางคนที่มีเวรตามสนอง มีแต่ความวิบัติ ไม่มีความเจริญรุ่งเรืองไปได้ พอเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปได้หน่อย ความวิบัติมาถึงแล้ว อย่างนี้แหละ "ทั้งนี้ก็เพราะกรรมเวรแต่หนหลัง" นั่นแหละ มันตามมาสนองเอา
บางคนดูดี ๆ ทำมาหากินตาม ปกติธรรมดา "บางทีก็ไปขัดผลประโยชน์กับใครต่อใครบ้างเข้า" ฝ่ายหนึ่งก็เกิดพยาบาท วางแผนฆ่าให้ตายลงไป หมู่นี้นะ "มันล้วนเป็นเวรกันนั่นแหละ" ตามมาสนองเอา
"คนเราไม่ใช่ว่าจะไป ฆ่ากันได้ง่าย ๆ ถ้าไม่มีกรรมมีเวรมาบันดาล" คนเรานี้มันก็มี บุญกุศลติดตามมารักษา บุญกุศลมาแต่ง ตา หู จมูก ลิ้น กาย อวัยวะน้อยใหญ่ทั้งหลายให้ "บุญกุศลที่เราทำมาแต่ชาติก่อนนู้น" เมื่อมันมาแต่งอวัยวะต่างๆ มีให้แล้ว ยังรักษาไม่ให้ตายก่อน "รักษาชีวิตนี้ให้ยืนยาวนานมา ตามกำลังของบุญที่บุคคลกระทำไว้"
ผูใดได้ทำกุศลไว้น้อย มันให้ผลมา "เมื่อหมดเวลาของมันแล้วชีวิตนี้ก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ก็ต้องตาย" ผู้ใดได้สั่งสมบุญมาแต่ชาติ ก่อนไว้มากอย่างนี้ "บุญกุศลนั้นมันก็ตามรักษาชีวิตนี้ ให้มีอายุยืนยาวนานไป" ตลอดจนถึงอายุขัยของยุคหนึ่ง ๆ .. "
"ทวนกระแสจิต"
หลวงปู่หรียญ วรลาโภ -
โทษปรามาสพระรัตนตรัยเพราะนำหนังสือพิมพ์ที่มีรูปพระไปใช้
ถาม : สมมติว่ามีคนเอาหนังสือพิมพ์ที่มีรูปพระไปใช้ปูรองกินข้าว เสร็จแล้วก็รวบไปทิ้ง หรือเอาไปทำอะไรก็ตาม จะเป็นอะไรไหมคะ ต้องขอขมาไหมคะ ?
ตอบ : มีโทษปรามาสพระรัตนตรัย เห็นแล้วถ้ามีสิทธิ์เตือนได้ก็เตือนเขาหน่อย ถ้าไม่มีสิทธิ์เตือนเขาได้ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ไป เพราะว่าเดี๋ยวเราจะเดือดร้อนแทน
ถาม : อย่างถ้าเขาไม่รู้แล้วหยิบมาเช็ดกระจก ถ้าเขาขอขมาจะได้ไหมคะ ?
ตอบ : สภาพจิตของคนถ้ายังหยาบอยู่ ขาดความเคารพในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง เขาก็ทำแบบนั้นแหละ ไม่ต้องไปกังวลแทนเขาหรอก ตัวใครตัวมันเถอะ..!
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกันยายน ๒๕๖๓
ที่มา : =AT3DkFC8iSlqlWLaWrAOJ9a1rNo8gFfSfkBS24yWi134Ia87SWmUvTRg1Qw1buN3tS6HUP8ceul6Vxuu1xuJyoqzquxsbcNA4DsWCRfpLR0HkYyFKtTG6_hcjgMq4JQL3IsV0_sL54HRkmHySxE5HcAhFRVpuvBRQ_o2ddHe2UNtCNK3k47dGCZwJ5kL2v-tnRCFMaKZ_7vAXlovejkBTNv1JdKCQPF5DU8']www.watthakhanun.com... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
"ท่านสอนเหมือนกันหมด" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"ท่านสอนเหมือนกันหมด"
" .. พระพุทธเจ้าทุก ๆ "พระองค์สอนแบบเดียวกันตามสิ่งที่มีอยู่ทั้งหลาย" ขอให้พากันฟังอย่างถึงใจ "แล้วให้ละชั่วทำดี ให้มีหิริโอตตัปปะความสะดุ้งกลัวต่อความชั่วช้าลามก" ซึ่งเป็นภัยแก่ผู้ทำนั้นแล
ให้ระวังให้มาก "อย่าดีดอย่าดิ้นในสิ่งที่เป็นภัยแก่ตัวเอง" แล้วอย่างน้อยเวลาจะหลับจะนอนขอให้พากันไหว้พระสวดมนต์ย่อ ๆ ก็เอา "แล้วให้นั่งภาวนาระลึก พุทโธ ๆ ก็ได้ ธัมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ บทใดก็ตามตามแต่จริตของเราชอบให้มาบริกรรม" มีสติกำกับอยู่กับคำบริกรรม "นี้เรียกว่าสร้างเรือนใจ สร้างหลักใจขึ้นที่ใจของเรา"
อันนี้แหละ "จะเป็นที่พึ่งเป็นพึ่งตายของเราในปัจจุบัน และภพชาติต่อไปโดยแท้ไม่สงสัย" อย่างอื่นพอชีวิตขาดสะบั้นลงไป สิ่งเหล่านั้นขาดไปพร้อม ๆ กันไม่มีความหมาย แต่บุญกับบาปนี้มีความหมายเต็มตัว "ใครสร้างบาป บาปก็ตามเผาคนนั้น ใครสร้างบุญ บุญจะหนุนคนนั้นให้พ้นภัยไปโดยลำดับ" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
https://luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1296&CatID=2 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
"ให้รู้จักพอ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"ให้รู้จักพอ"
" .. ความสุขของใจนั้นมันอยู่ที่ความพอ คือว่า "พอ" มันก็หยุดทันที อะไรทั้งหมดหยุดหมด จะมี จะจนหยุดหมด คำว่า "พอ" ในที่นี้มิใช่ไม่หา "หาแต่เป็นผู้รู้จักพอเป็น" หาไปทำไม ตายแล้วเอาไปด้วยไม่ได้
"เมื่อยังมีชีวิตเป็นอยู่ก็ต้องหาต้องรับประทาน" ไม่หาก็ไม่มีรับประทานรับประทานพออยู่ได้ เมื่อไม่รับประทานก็ต้องตาย "ชีวิตความเป็นอยู่มันบังคับให้ต้องทำอย่างนั้น แต่เมื่อตายแล้วก็ไม่เอาอะไรไปด้วย" เพียงแต่เกิดมายุ่งเกี่ยวด้วยเรื่องต่าง ๆ ให้ทำความชั่วนานาชนิด "แล้วทิ้งไว้ให้จิตรับเคราะห์กรรมคนเดียว" ดังนั้นทุกคนจึงควรคิด .. "
"ปุจฉาวิสัชนาต่างประเทศ"
พระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์
(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) -
ภาพบรรยากาศ หลวงพ่อและคณะไปอินเดีย - สิกขิม - ดาร์จีลิงก์
ภาพบรรยากาศ หลวงพ่อและคณะไปอินเดีย - สิกขิม - ดาร์จีลิงก์
วันที่ ๑๕ - ๒๒ มิ.ย. ๒๕๖๕
วันพุธที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
เวลา ๐๑.๓๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒) พร้อมคณะ เช็คอินรอขึ้นเครื่องไปยังสนามบินโกลกาตา ประเทศอินเดีย ณ เคาน์เตอร์ P14 สนามบินสุวรรณภูมิ เลขที่ ๙๙๙ หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ -
ประสบการณ์ธุดงค์เดี่ยวตอนเป็นพระที่ไม่เคยเล่า
ประสบการณ์ธุดงค์เดี่ยวตอนเป็นพระที่ไม่เคยเล่า
--------------------------
ขอบพระคุณ และอนุโมทนา
คุณ
=AZVaeXQk6mttPmSyzh3khna6AUuN_g87eD4gZvkBLe0cLZaKGC3-NPYYLw4dzq_LbR7Ie2FKq5ezHoiGGyEQN7Rzdumoir3pMiYmJZaW47Sxy3-GNpsJpyUetGapwH1Ci4LOF8CbKYoy9PTv6s2P-MOWcI4uK7lNCjOIN_hYPpH0mw&__tn__=-UC%2CP-R']กิตติชนม์ ณัฏฐ์อานนท์
https://www.youtube.com/c/กําลังจักรพรรดิ
https://web.facebook.com/profile.php?id=100004361236164 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
"คติอันนี้เป็นคติอันดีเยี่ยม" (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท)
.
"คติอันนี้เป็นคติอันดีเยี่ยม"
" .. เราได้ค้นคว้า "พินิจพิจารณาร่างกาย จนละเอียดลออไปทุกส่วน ทุกชิ้นทุกอัน จนได้สภาวะของใจ" ได้ลงถึงความจริงประจักษ์ใจ "โลกทั้งหลายนี้ไม่มีปรากฏชิ้นกับใจ ขาดสูญไปหมด อยู่จำเพาะใจอันนั้นอันเดียว ไม่มีสิ่งใดที่เจือปน" ไม่มีเจือปนอยู่ในใจนั้น
แล้วเรานั้นก็ได้เอาสิ่งเหล่านั้นไปนมัสการครูบาอาจารย์ท่าน "ไปเล่าถวายความเป็นไปให้ท่านฟัง" ตั้งแต่เบื้องต้นในการด้นคว้าพินิจพิจารณา จนกระทั้งถึงที่สุดของการค้นคว้าพิจารณาอย่างนั้นลงไปแล้ว ในสภาวะของใจลำดับนั้น มันขาดพึ่บลงไป โดยที่คล้าย ๆ ขาดสติ แต่ไม่ใช่ขาดสติ "มันก็ปรากฏโลกทั้งหลายขาดลงไป ไม่มีอันใดเลย แม้แต่ร่างกายของเราอย่างนี้ก็สูญหายไปหมด เหลือความบริสุทธิ์ของใจอันเที่ยงแท้อันเดียว"
ก็เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วเข้าไปเรียนถาม ท่านก็บอกว่า "เออ! เอาอย่างนั้นแล ให้พิจารณาอย่างนั้น ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ" นี่ท่านไม่มีการคัดค้าน ไม่มีการโต้เถียง หรือไม่มีการที่จะกระโตกกระตาก อะไรทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้น "คติอันนี้จึงเป็นคติอันดีเยี่ยม" .. "
หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท
พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
กระแสโลกนั้นเหมือนกับน้ำที่ไหลงลงต่ำ นักปฏิบัติจึงต้องเพียรว่ายทวนน้ำไว้เสมอ
กระแสโลกนั้นเหมือนกับน้ำ ถ้าหากว่าจะต่อต้านกระแสโลก เราต้องว่ายทวนน้ำขึ้นไป คราวนี้พอเราว่ายทวนน้ำไป ถึงเวลาก็ปล่อยไหลตามน้ำ กว่าจะว่ายอีกทีหนึ่ง แค่คราวที่แล้วก็เหนื่อยแล้ว ตอนนี้จะเอาเรี่ยวเอาแรงที่ไหนมาว่ายต่อ ? ดังนั้น...การปฏิบัติของเราจึงจำเป็นที่จะต้องทำให้ต่อเนื่องอยู่เสมอ
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"ชีวิตเราต้องถึงซึ่งความตาย" (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
.
"ชีวิตเราต้องถึงซึ่งความตาย"
" .. ภาวนามรณกรรมฐานเตือนจิตใจนี้อยู่เสมอว่า "ชีวิตของเรานี้ต้องถึงซึ่งความตาย" ที่ใครคิดว่าเมื่อเกิดโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ก็จะไปโรงพยาบาลให้มันดีมันหาย "มันไม่มีทางที่จะหายได้" มันนับวันนับคืน นับชั่วโมงนาทีวินาที มันใกล้ไปสู่ความตายทุกวันเวลา
"เมื่อมันเจ็บไข้ได้ป่วยได้ แล้วจะไม่ตายนั้นไม่ได้" มันต้องตายแน่ ๆ มันแสดงให้เห็นแล้วว่าหนีไม่พ้น เมื่อหนีไม่พ้นแล้วนั้น "มันก็มีทางพ้นอยู่ ก็คือการภาวนา" เอาจิตใจให้มันหลุดมันพ้นออก ไม่ให้ใจหลงใจเมามาอยู่ภายในนี้
ท่านจึงมีวิธี "การภาวนาพุทโธ ภาวนามรณกรรมฐาน ภาวนาลมหายใจ เพื่อให้จิตใจเราทุกดวงจิตดวงใจสงบระงับ" ตั้งมั่นเป็นดวงหนึ่งดวงเดียว เดี๋ยวนี้จิตมันฟุ้งไปซ่านไปมัวเมาไป ไม่มีที่สุดที่สิ้น เลยวุ่นวายอยู่อย่างนั้นเอง .. "
"จิตพระอริยอยู่เหนือกิเลส"
พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ -
ธรรมสโมธานของผู้ที่ปราถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
หลายท่านคงจะเคยได้ยินว่าคนที่ปราถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาติที่จะต้องได้รับพุทธทำนายจากพระพุทธเจ้าครั้งแรกจะต้องมีธรรมสโมธาน 8 ประการ
1. เป็นมนุษย์
2. ทำบุญใหญ่ต่อหน้าพระพักตร์เช่นถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา
3. มีอุปนิสัยเป็นพระอรหันต์
4. เป็นนักบวช
5. มีฌาน อภิญญา
6. เป็นเพศชาย
7. พบพระพุทธเจ้า
8. มีความพอใจที่จะปราถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในส่วนของผู้ที่ปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในชาติแรกที่จะได้รับพุทธทำนายจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. เป็นมนุษย์
2. เป็นเพศชาย
3. เห็นผู้หมดกิเลส(พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
4. ทำบุญใหญ่เช่นใช้ร่างกายตัวเองเป็นสะพานให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสาวกข้ามไป
5. มีความพอใจในการปราถนาเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า
นอกจากผู้ที่ปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องมีธรรมสโมธาน 8 ประการแล้ว ส่วนผู้ที่ปรารถนาเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้าต้องมีธรรมสโมธาน 5 ประการแล้ว ผู้ที่ปรารถนาเป็นอัครสาวก พระอสีติมหาสาวก ก็ต้องมีธรรมสโมธาน 2 ประการ
1. ทำบุญใหญ่ต่อหน้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
2.... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
"มันเป็นภาษาของธรรมะ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
.
"มันเป็นภาษาของธรรมะ"
" .. วิชาทุกวิชานี่น่ะจะต้องเห็นเอง "คือบอกไปแล้วก็เห็นไม่ชัด ต้องดำเนินงานให้เห็นเองจึงจะรู้ความเป็นจริงได้" เอาผลไม้ผลนี้ให้เขาทานเสีย รสของผลไม้นี้ไม่ต้องตามไปบอกเขาแล้ว "เขาจะรู้เองทั้งนั้น" และพระพุทธศาสนานี่น่ะ เรื่องศาสนาเรื่องธรรมะนี้ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาไทย ภาษาลาว ภาษาอะไร ๆ ทั้งหมดนั่นแหละ อาตมาว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
"ภาษาธรรมนี้ไม่ใช่ภาษาอะไรทั้งนั้น มันเป็นภาษาของธรรมะ" เช่นนํ้าร้อนนี่น่ะมันร้อน ทีนี้ให้คนไทยเราเอามือไปจุ่มดูซิ มันจะรู้สึกอย่างไร ให้เขมรเอามือไปจุ่มดูซิมันจะรู้สึกอย่างไร ให้คนจีนเอามือไปจุ่มดูซิมันจะรู้สึกอย่างไร "ทั้งหมดมันรู้สึกอย่างเดียวกันหมด นั่นคือภาษาธรรม" .. "
"สุภัททานุสรณ์"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
หลักการสมานฉันท์ระหว่างศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม คือ ศีล ๕
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ได้เดินทางไปกราบสักการะสังขารท่านอาจารย์สายชล (พระครูปฐมจินดากร) ที่วัดไร่แตงทอง แล้วเดินทางเลยมายังวัดอุทยาน เพื่อเตรียมที่จะไปงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลให้กับทางวัดธรรมปัญญาราม (บางม่วง) เมื่อมาถึงก็มีสารพัดเรื่องราวที่ประเดประดังเข้ามา
เรื่องแรกเลยก็คือพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร.ได้รับอาราธนาไปเป็นผู้บรรยายในรายการสมานฉันท์ระหว่างศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นก็ได้บอกว่า หัวข้อการบรรยายนั้นง่ายมาก เพราะว่าพระพุทธศาสนาของเรานั้น เชื่อมั่นว่าบุคคลทุกคนสามารถที่จะพัฒนาได้ เพียงแต่ว่าการพัฒนานั้น มีการพัฒนาทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ พัฒนาการทั้งหลายเหล่านี้ ก็เกิดขึ้นจากหลักการที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้วางไว้ คือหลักไตรสิกขา ซึ่งย่อลงมาจากมรรคมีองค์ ๘ เหลือเพียงศีล สมาธิ และปัญญา
การที่เรารักษาศีลนั้น เป็นการพัฒนากายและวาจาของเราให้เรียบร้อย ทางกายก็งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการลักทรัพย์ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม งดเว้นการจากดื่มสุราหรือเสพยาเสพติด ทางวาจาก็คือ งดเว้นจากการโกหกหลอกลวงผู้อื่น... -
"เรื่องเบียดเบียนกันนี่แหละ" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"เรื่องเบียดเบียนกันนี่แหละ"
" .. การที่บุคคล "จะไปนรกอบายภูมินั้น ก็เพราะความโกรธ ความพยาบาทจองเวรกัน เบียดเบียนกันนี่เอง" ไม่ใช่เรื่องอื่นใด เราคิดดูซิบุคคลจะทำบาป "มันก็เรื่องเบียดเบียนกันนี่แหละ" เขาเรียกว่าทำบาปนั้น ไม่ใช่อย่างอื่น "ถ้าใครเว้นจากการเบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่นได้แล้ว" ผู้นั้นไม่ได้ทำบาปเลย ไม่ได้ทำบาปแล้ว "เรื่องนี้มันก็ต้องคิดให้เห็นด้วยตนเอง" ถ้ามันไม่เห็นด้วยตนเองแล้วมันก็ละบาปไม่ได้ เป็นอย่างนั้น
ลำพังแต่ผู้อื่นพูดให้ฟัง "ถ้าตนไม่น้อม เข้าพิจารณาให้เห็นด้วยตนเองแล้ว มันก็ไม่ยอมละบาปนั้น" ไม่ยอมละแม้ของโกรธ "เสียดายมันมาก กลัวจะไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนบ้าน แล้วก็เลยหวงความโกรธนั้นไว้" เมื่อ หวงไว้ไป ๆ มา ๆ ถูกเพื่อนด่าว่าเอา ตัวก็ทนไม่ไหว แล้วก็ต้อง แสดงบทบาทออกไป มันเป็นอย่างนั้น .. "
"อุบายละสังขารรูปนาม"
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
น้อมกราบถวายความอาลัย พระครูปฐมจินดากร (สายชล จิตฺตกโร)
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ต้องบอกว่าเป็นวันที่น่าเสียใจและน่าเสียดายอย่างยิ่งวันหนึ่ง เพราะว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงท่านหนึ่ง ก็คือพระครูปฐมจินดากร (สายชล จิตฺตกโร) หรือที่พวกเราเรียกกันง่าย ๆ ว่า ท่านอาจารย์สายชล อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง อดีตเจ้าคณะตำบลทุ่งลูกนก ทายาทสืบสายวิชาพญาเต่าเรือนของหลวงปู่หลิว ปณฺณโก มรณภาพลงด้วยอายุ ๕๕ ปี ๓๓ พรรษา
ท่านอาจารย์สายชลเป็นเพื่อนร่วมรุ่น เรียนหนังสือมาด้วยกันตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรีสาขาพระพุทธศาสนา ปริญญาโทสาขาการจัดการเชิงพุทธ แต่ท่านไม่ได้เรียนต่อปริญญาเอก เพราะว่าติดงานบริหารวัดไร่แตงทอง โดยเฉพาะในการซื้อที่ดินเพื่อถวายวัด ซึ่งบรรดาญาติโยมต่าง ๆ ก็ล้วนแล้วแต่เห็นพระเป็นบ่อทองให้ขุด..! ที่ดินรอบวัด ถ้าขายทั่วไปไม่เป็นไร แต่ถ้าขายให้วัดเมื่อไร ราคามักจะสูงกว่าปกติหลายเท่า
สมัยที่กระผม/อาตมภาพอยู่ที่วัดท่าซุง ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสังเกต จะเห็นว่าช่วงระหว่างทางเข้าศาลา ๒ ไร่ (ซึ่งรวมศาลา ๔ ไร่กับศาลา ๑๒ ไร่ด้วย) กับทางด้านหลังศาลาพระนอนฝั่งจุฬามณี มีช่วงว่างอยู่ช่วงหนึ่ง... -
"การทำตนที่ชั่วให้ดีได้ เป็นกุศลที่สูงที่สุด" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"การทำตนที่ชั่วให้ดีได้ เป็นกุศลที่สูงที่สุด"
" .. "การช่วยให้คนชั่วเป็นคนดีนั้น" ผู้ใดทำได้จักได้กุศลสูงยิ่ง "การช่วยตนเองที่ประพฤติไม่ดีให้เป็นประพฤติดีนั้น ก็เป็นการช่วยคนชั่วให้เป็นคนดีเช่นกัน และจะเป็นกุศลที่สูงที่สุดเสียด้วยซ้ำ" เพราะนอกจากตนเองจะช่วยตนเองแล้ว คนอื่นยากจักช่วยได้
นี่หมายความว่า "อย่างน้อยตนเองต้องยอมรับฟังการแนะนำช่วยเหลือของผู้อื่น" ยอมปฏิบัติตามผู้อื่นที่ปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีให้ปรากฏอยู่ "คือทำตนเองให้เป็นผู้ประพฤติธรรมของสัตบุรุษ ละการประพฤติปฏิบัติธรรมของอสัตบุรุษให้หมดสิ้น" .. "
"การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสงวร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
ใช้จิตสั่งกาย ยิ่งนานขึ้นเท่าไร อำนาจจิตจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ถาม : อยากจะฝึกสมาธิให้คุณพ่อค่ะ (คุณพ่อเดินไม่ได้ ช่วยกันอุ้มขึ้นมาข้างบนเพื่อถวายสังฆทาน)
ตอบ : ให้คุณพ่อดูลมหายใจ หายใจเข้า...ตามไปจนสุด หายใจออก...ตามออกมาจนสุด ดูอยู่แค่นั้น ถ้าไม่รู้จะนึกอย่างไรก็ พุท..เข้า โธ..ออก พุทโธ..พุทโธ ไปเรื่อย ถ้าคิดถึงเรื่องอื่นก็กลับมานึกถึงลมหายใจตรงนี้ใหม่ แรก ๆ จะลำบากหน่อย เพราะว่าเรามักจะคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อย แต่ถ้าหากว่าพอนาน ๆ ไปจะอยู่ได้นานขึ้น..นานขึ้น ยิ่งนานขึ้นเท่าไร อำนาจจิตจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ท่านอาจารย์ของอาตมาคือ ดร. มนตรา เลี่ยวเส็ง ตอนที่ท่านเรียนปริญญาโท เครียดมากจนเส้นเลือดในสมองแตก เป็นอัมพาตนอนแข็งทื่อ ด้วยความที่ท่านเป็นเด็กวัดมาก่อน ฝึกกรรมฐานเป็น ตามดูลมเป็น ดูไป ๆ อำนาจจิตมากขึ้น..มากขึ้น สมาธิแข็งแรงขึ้น แข็งแกร่งมากขึ้น ก็ตั้งใจว่า “เราต้องลุกได้..!” สั่งตัวเองเลย..! ท้ายสุดท่านก็ลุกขึ้นเดินได้
นั่นเกิดจากอำนาจจิตตัวเองล้วน ๆ เลย คิดอยู่อย่างเดียวว่าถ้าเรานอนอยู่ ให้คนอื่นคอยป้อนน้ำป้อนข้าว อุ้มไปถ่ายอุจจาระปัสสาวะแบบนี้ไม่ไหว เราต้องลุกเองให้ได้ ก็เลยตั้งใจทำสมาธิแล้วก็ลุกได้...
หน้า 64 ของ 402