คลังเรื่องเด่น
-
"สอนให้ปฏิบัติมิได้ให้เรียนเฉย ๆ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"สอนให้ปฏิบัติมิได้ให้เรียนเฉย ๆ"
" .. พระพุทธเจ้าสอนธรรมที่ตัวคนเรา "ตัวคนเรานี้ก็มีกายวาจาใจ ถ้าไม่ครบทั้งสามก็สอนไม่ได้" เพราะศาสนาจะตั้งอยู่ได้ก็ที่ กาย วาจา ใจ คนตายแล้วไม่สามารถรักษาศาสนาไว้ได้ "สอนให้คนประพฤติ กาย วาจา ใจให้สุจริต"
โลกอันนี้จะเป็นโลกขึ้นมาก็เพราะคน "คนสร้างโลกให้เกิดขึ้น ศาสนาตามมาสั่งสอนโลกเพื่อให้โลกอยู่เป็นสุข" โลกจะฉิบหายเสื่อมสูญก็เพราะคนเราไม่มีศีลธรรมให้เข้าถึงข้อปฏิบัติที่สุจริต
เมื่อผู้ปฏิบัติ "ฝึกหัดตนจนเข้าถึงความสงบแล้ว จะเห็นความบริสุทธิ์ของใจผ่องใสสะอาดในที่นั้น" พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ลงมารวมเข้าเป็นอันเดียวกัน หมดสงสัยในคุณพระรัตนตรัย
"เรียนมากยิ่งสงสัยมาก หากมีการปฏิบัติเข้าถึงความสงบแล้วจะสิ้นสงสัยทันที" พระองค์สอนให้ปฏิบัติมิได้สอนให้เรียนเฉย ๆ เรียนเฉย ๆ "ไม่มีการปฏิบัติเท่ากับอมอาหารไม่กลืนกิน" .. "
(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
สนทนาธรรม ณ เมืองบันดุง อินโดนีเซีย -
รู้ไปหมด แต่ละไม่ได้
รู้ไปหมด แต่ละไม่ได้
----------------------------
เดินจิต -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
คุณสมบัติของพระโสดาบัน
การจะเป็นพระโสดาบันนั้น ใช้แค่อนุสติก็สามารถเข้าถึงได้แล้ว อนุสติในที่นี้ก็คือ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ คือ การเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ สีลานุสติ คือ การรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ก้าวล่วงในศีลด้วยตัวเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นทำ และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นทำการล่วงศีล
มรณานุสติ คือ รู้ตัวอยู่เสมอว่าตนเองจะต้องตาย อุปสมานุสติ เมื่อตายแล้วตั้งความปรารถนาว่าจะไปพระนิพพานแห่งเดียว
เมื่อเราเห็นชัดว่าในความเป็นพระโสดาบันนั้น เพียงแค่อนุสติก็สามารถที่จะไปได้แล้ว จึงขอให้ทุกท่านหมั่นสร้างอนุสติทั้งหลายเหล่านี้ ก็คือ เริ่มด้วยอานาปานุสติ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ สีลานุสติ มรณานุสติ และอุปสมานุสติ
ถ้าสามารถทำดังนี้ได้ ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะก้าวเข้าสู่ความเป็นพระโสดาบัน ปิดอบายภูมิทั้งสี่ ไม่ไปเกิดในนรก ในแดนเปรต ในแดนอสุรกาย ในเขตของความเป็นสัตว์เดรัจฉาน
เกิดอยู่ระหว่างมนุษย์กับเทวดา อย่างมากที่สุดก็ ๗ ชาติ อย่างกลาง ๓ ชาติ อย่างดีที่สุดก็คือชาติเดียวเท่านั้น ก็บรรลุมรรคผลเข้าสู่พระนิพพาน
...................................... -
"ตัวจริงของจิตเป็นแบบนี้" (ท่านอาจารย์วันชัย วิจิตโต)
.
"ตัวจริงของจิตเป็นแบบนี้"
" .. ถ้าเป็นน้ำก็แหวกลงไป "แหวกจอกแหวกแหนลงไป เห็นแล้วน้ำใสสะอาดซ่อนอยู่ หลังความหมายมั่นสำคัญผิดนี่เอง" แหวกความสำคัญทั้งหลายออก ออกให้หมด ธรรมทุกประเภท อนิจจังก็แล้ว ทุกขังก็แล้ว อนัตตาก็แล้ว แหวกออก ๆ จนไม่มีอะไรให้แหวก ถึงน้ำใสบริสุทธิ์ ถึงจิตดั้งเดิม "ตัวจริงของจิตเป็นแบบนี้ ใสสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรเจือปน" ใสแท้
เห็นธรรมบรรลุธรรม เห็นกายก็จริง เหนเวทนาก็จริง เห็นจิตจริง ๆ .. ทุกสิ่งทุกอย่างจริงไปหมด .. "ฝึกแล้วฝึกเล่า ภาวนาแล้วภาวนาเล่า ทุกข์แล้วทุกข์เล่า" พยายามแหวกสิ่งที่คนทั้งหลายเขาละเลย ท่านเห็นอะไรท่านก็พินิจพิจารณาเป็นธรรม
"ได้ยินอะไรท่านก็พินิจพิจารณาเป็นธรรม" ได้กลิ่นลิ้มรสได้สัมผัสอะไรก็พินิจพิจารณาเป็นอยู่อย่างนั้น ถึงเอียงซ้ายเอียงขวามันก็ไม่เอียง ต้องปรับให้มันตรงอยู่เรื่อย ตรงความจริงอยู่เรื่อย
ในที่สุดก็แหวกออกหมด "เหลือแต่ความจริงของจิต .. ทางภาคปฏิบัติ ปฏิบัติไป ๆ เหมือนกับจะไม่เห็นฝั่งเห็นฝาอะไรเลย" เหมือนกับไม่มีวันถึงไหน .. ถึง ต้องถึง นักปฏิบัติไม่หยุด ไม่ถอย ยังไงมันก็ต้องถึง เหมือนกับมืดสนิทไม่มีวันสว่างเลย... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
ธรรมใดที่ปรุงแต่งไม่ได้ ธรรมนั้นธรรมแท้:หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล
“..ธรรมใดที่ปรุงแต่งได้ ธรรมนั้นยังเป็นสังขารอยู่ ธรรมใดที่ปรุงแต่งไม่ได้ ธรรมนั้นธรรมแท้..”
โอวาทพระอาจารย์เยื้อน ขันติพโล
———————————————
การปฏิบัติธรรมเราต้องหัดปฏิเสธ
ปฏิเสธ...การปรุงแต่งของเจ้าของ
รู้ปั๊บ...ปฏิเสธไว้
ถ้ามันปรุงได้ เราก็หยุดได้
จิตของเราจะออกไปข้างนอก
เราต้องปฏิเสธบอกว่า...
ที่ออกไป ไม่ใช่ธรรม
ธรรม ต้องไม่ออก ธรรม ต้องหยุด
ถ้าเราหยุดได้ เรา ก็หยุดการเกิดได้
ถ้าเราหยุดไม่ได้ การเกิดของเรา ก็หยุด...ไม่ได้
หยุดแล้วจะถึง...สุญญตา
ความสิ้นสุดของการปรุงแต่ง
ให้มาเห็นจิต...เจ้าของ
เห็นจิตเจ้าของแล้ว...จบเลย.
โอวาทพระอาจารย์เยื้อน ขันติพโล
———————————————
เพลย์ลิสต์ฟังพระธรรมเทศนาพระอาจารย์เยื้อน
https://youtube.com/playlist?list=PL_4BkEyJ4ugsx4-OemEZdr8WLO-y2u5SJ -
การปฏิบัติต้องหมั่นละตัวตน ไม่ใช่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก
ความจริงแล้วกระผม/อาตมภาพได้รับนิมนต์ให้ไปปลุกเสกวัตถุมงคลในงานใหญ่มาก แต่ว่าที่ไม่ไปนั้น มี ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกนั้นสำคัญที่สุด ก็คืออยู่ในช่วงจัดปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ์ พระบรมราชินี ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
เมื่อปฏิเสธไป อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้สนใจว่าสิ่งที่กระผม/อาตมภาพทำอยู่นั้นสำคัญแค่ไหน มองแต่ความสำคัญในงานส่วนของตัวเองเท่านั้น ถึงขนาดพูดในทำนองว่า "ถ้าไม่ไปก็ต้องรายงานท่านประธาน" ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของคณะสงฆ์ คงคิดว่ากระผม/อาตมภาพจะกลัวกระมัง ?
โดยหลักปฏิบัติเฉพาะตนของกระผม/อาตมภาพแล้ว ถ้ารับงานไหนไว้ก่อน งานถัดไปต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหน กระผม/อาตมภาพก็ไม่ไป ยกเว้นว่าถ้าเป็นงานส่วนตัวแล้วงานคณะสงฆ์เข้ามา ก็จะเอางานคณะสงฆ์เป็นใหญ่ ถ้าหากว่าเป็นงานคณะสงฆ์ แล้วมีงานในรั้วในวังเข้ามา ก็จะเอางานในรั้วในวังเป็นใหญ่
ในเมื่อลำดับความสำคัญในลักษณะอย่างนี้ ท่านเจ้าของงานย่อมไม่พอใจ เพราะว่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก ก็คืองานของกูต้องสำคัญที่สุด หลายต่อหลายที่ก็เป็นแบบนี้ นี่เป็นประการแรกว่า... -
"ตนเตือนตน" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"ตนเตือนตน"
" .. คนเรานั้น "จะมีคนเตือนอยู่มากในเมื่อยังเป็นเด็กอยู่" ครั้นเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ๆ คนอื่นที่จะเตือนก็น้อยเข้า ๆ ยิ่งเป็นคนดึงดันด้วยก็เลยไม่มีใครกล้าเตือน
ฉะนั้น "เป็นผู้ใหญ่ขึ้นเพียงใด ก็ต้องอาศัยวิธีเตือนตนเองมากเข้าเพียงนั้้น" พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้ "เตือนตนด้วยตน สอบสวนตนด้วยตน" และตรัสถึงผลว่า "ผู้ที่มีสติครองตน จักอยู่เป็นสุข" .. "
"๑๐๑ ญาณทรรศน์"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
กำลังศีล - เสาเข็มการฝึกสมาธิ
กำลังศีล-เสาเข็มการฝึกสมาธิ
--------------------------------------
ขอบพระคุณ และอนุโมทนา
คุณ =AZVaeXQk6mttPmSyzh3khna6AUuN_g87eD4gZvkBLe0cLZaKGC3-NPYYLw4dzq_LbR7Ie2FKq5ezHoiGGyEQN7Rzdumoir3pMiYmJZaW47Sxy3-GNpsJpyUetGapwH1Ci4LOF8CbKYoy9PTv6s2P-MOWcI4uK7lNCjOIN_hYPpH0mw&__tn__=-UC%2CP-R']กิตติชนม์ ณัฏฐ์อานนท์
https://www.youtube.com/c/กําลังจักรพรรดิ
https://web.facebook.com/profile.php?id=100004361236164 -
อาหารใจจะทำให้รู้สึกเป็นสุขอย่างแท้จริง
คนเรามีความต้องการทั้งอาหารกายและอาหารใจเป็นปกติทุกคน..แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้ความจริงในข้อนี้.. เขาเหล่านั้นน่าสงสารมาก..ดิ้นรนขวนขวายจนรวยเป็นพันล้าน หมื่นล้าน..แสวงหาวัตถุและสิ่งต่าง ๆ ที่คิดว่าดีเลิศมาสนองความต้องการเท่าไร..ใจก็ยังทุรนทุรายร้อนรุ่มไม่เป็นสุข ...จริง ๆ แล้วถ้าเขาเหล่านั้นเพียงแต่หันมาให้อาหารใจ ..ด้วยการถือศีล นั่งสมาธิ..ก็จะทำให้จิตใจชุ่มชื่นเยือกเย็น เกิดความสุขอย่างแท้จริงขึ้นได้
โลกปัจจุบันกระแสการบริโภครุนแรง..ทำให้คนที่สติปัญญาไม่เท่าทัน เกิดความต้องการเกินกว่าปัจจัยสี่ ต้องดิ้นรนขวนขวายซื้อสิ่งเกินจำเป็น ..บางรายขาดสติกระทั่งซื้อสิ่งที่เกินฐานะ เกินความสามารถในการหาเงินของตนเอง ...โดยเฉพาะการมีบัตรเครดิตหรือการซื้อด้วยเงินผ่อน. .นั่นยิ่งทำให้คนตัดสินใจใช้เงินเกินตัวกันง่ายขึ้น. .เพราะรู้สึกว่าของเหล่านั้นราคาต่ำกว่าความเป็นจริง
จึงขอแนะนำให้ทุกท่านถือสันโดษ..คือยินดีและพอใจตามกำลังที่เราหามาได้ จะได้ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายจนเกินไป.. เพราะเหนื่อยกายเราพักได้..แต่ถ้าเหนื่อยใจแล้วมีอะไรให้พักบ้าง..เพื่อไม่ให้ไหลไปตามกระแสโลก ดูอย่างศาสนาอิสลาม... -
"อย่าได้เป็นผู้ประมาท" (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
.
"อย่าได้เป็นผู้ประมาท"
" .. "การที่เราภาวนาบทใดข้อใด" อรรถธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าอันใดก็ตาม "เมื่อเรานึกถึง เราเจริญอยู่เนือง ๆ เหมือนลมหายใจเข้าออก" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เป็นคนไม่ประมาท" เพราะภาวนาได้อยู่ทุกลมหายใจ
คนใดหลงใหลลืมหมด "ไม่นึกถึงความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความไข้ ความตายที่จะมาถึงตัว" เมามัวประมาท อันนั้นแหละ "ท่านว่าคนประมาท คนใดประมาทเหมือนคนตายแล้ว" คือว่า ไม่สร้างคุณงามความดีอันใดให้เกิดขึ้นในตัวตนของตัวเองได้ "ยังมีลมหายใจอยู่ ก็ไม่ภาวนาให้ได้ทุกลมหายใจ" จะเป็นวันไหนคืนไหนเวลาใดก็ตาม "ต้องเตือนใจของเราว่า เราเกิดมาแล้วหนีความทุกข์ความเดือดร้อนในโลกนี้ไม่ได้"
บางคนเกิดมาไม่นาน ๑๐ ปีตายก็มี ๒๐ ปีตายก็มี ๓๐ ปี ๔๐ ปี ๕๐ ปีตายได้ทั้งนั้น แต่ส่วนมากนั้นไม่ค่อยมีใครเหลือไปถึง ๑๐๐ ปี ความตายนั้นสาวกทั้งหลาย "ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายจงนึกจงเจริญให้ได้ว่า ความตายนี้ไม่มีใครหลบหลีกได้" .."
"จงปฏิบัติธรรม อย่าได้เป็นผู้ประมาท"
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร -
เวลาใส่บาตร เวลาทำบุญทุกอย่าง ทำหวังนิพพานทั้งหมด
" เวลาใส่บาตร เวลาทำบุญทุกอย่าง ทำหวังนิพพานทั้งหมด ไม่ต้องการมีของตอบแทน ให้ข้าวกับคน คนจะทำงานตอบแทนหรือไม่ก็ช่างหัวมัน
เราต้องการนิพพาน อะไรก็ตามเราต้องการนิพพาน เมื่อเป็นอย่างนี้ทุกคนตายแล้ว ทุกคนจะต้องอย่างต่ำต้องเป็นเทวดาและนางฟ้า ต้องเป็น...เว้นไว้แต่คนดื้อ คนดื้อไม่เป็น คนฉลาดเป็น "
ที่มา : หนังสือ คำสอนหลวงพ่อ วัดท่าซุง เล่มที่ ๑ (หน้า ๑๓๓)
หลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดจันทาราม(ท่าซุง)
พิมพ์ธรรมทาน นภา อิน -
อย่าฝืนกาย สมาธิจะไม่ทรงตัว
อย่าฝืนกาย สมาธิจะไม่ทรงตัว
วิธีจับภาพพระพุทธเจ้ากับความใส อันนี้ขอแนะนำไว้หน่อยหนึ่งคือว่า อย่าหลงกายเกินไป จงอย่าบังคับกายว่าต้องนั่งแบบนั้น ต้องนั่งแบบนี้ ห้ามนอน ห้ามยืน ห้ามเดิน อันนี้ไม่ถูก เรื่องทางกายนี่ ต้องคิดว่าเรายังไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ความจริงพระอรหันต์ท่านก็ต้องการความสุขของร่างกายเหมือนกัน อย่าฝืนกาย ถ้าฝืนมันจะปวดเมื่อยขึ้นมาแล้วสมาธิจะไม่ทรงตัว
ถ้าเราทำอยู่ทึ่กุฏิของเราเอง หรือว่าทำที่บ้านของเราละก็ นั่งตามสบาย นอนตามสบาย จะนั่งก็ได้ จะนอนก็ได้ จะยืน จะเดินก็ได้ การนั่งจะนั่งในลักษณะไหนก็ได้ แต่โปรดอย่าเหยียดเท้าไปทางพระพุทธรูปก็แล้วกัน จะนั่งเก้าอี้ก็ได้ นั่งห้อยขา เอนกายก็ได้ อันนี้ไม่เลือก วิธีปฏิบัติจงอย่าให้เครียด ถ้าเครียด ผลจะเสีย
หลังจากนั้นเอาตาดูพระพุทธรูป จำทั้งองค์ ไม่ต้องจำมาตั้งแต่เศียร หน้าผาก คอบ้าง อันนี้ไม่ต้องทำตามที่เขาอธิบายกัน เคยได้ยินว่าให้จับส่วนบนมานิดหนึ่งก่อน ดูเกศจับเกศได้เลยลงมาถึงหน้าผาก อันนี้ไม่จำเป็น องค์ท่านไม่กว้างเกินวงตาเรา แสงสว่างของวงตาของเรากว้างกว่าพระพุทธรูป ฉะนั้นจับทีเดียวเต็มองค์เลย ลืมตาดูให้ชัด... -
หลวงพ่อฟังเทศจากพระพุทธเจ้าที่พระจุฬามณีฯ จากหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
หลวงพ่อฟังเทศจากพระพุทธเจ้าที่พระจุฬามณีฯ
จากหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
เมื่อคืนวันที่ 28 พ.ย.2514 ฉันฝันอีก คราวนี้ฝันว่า
ฉันออกจากตัวไปที่พระจุฬามณีที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อไปถึงเชิงจุฬามณี ที่ตรงนั้นฉันเคยพบพรหมและ
เทวดามากมาย แต่วันนี้เงียบเชียบเหลือเกิน
หาใครสักคนก็ไม่ได้ ฉันเดินเข้าไปใกล้ประตู
ด้านทิศตะวันตกของจุฬามณี เห็นท่านมเหสักขา
ท่านเป็นเทวดายามอยู่ที่หน้าประตู ท่านยกมือไหว้
แล้วท่านรายงานว่า วันนี้พระพุทธเจ้ากำลังเทศน์
จึงไม่ใคร่มีใครเดินหรือยืนให้เห็น
ฉันรีบเข้าไปเห็นพรหม เทวดา พระ นั่งกันสงัดเต็มจุฬามณี
แยกเป็นพวก ๆ พรหมแยกออกเป็น 2 ฝ่าย คือ พรหมโลกีย์
นั่งอยู่พวกหนึ่ง พรหมอริยะนั่งอยู่พวกหนึ่ง เทวดาก็เหมือนกัน พวกที่ได้ญาณแต่ยัง ไม่ตายเห็นไปนั่งอยู่พวกหนึ่ง
ฉันเดินหลังต่ำ (ก้มหลัง) เข้าไปนั่งรวมกับพระที่ไม่อยากเกิด
ได้ยินเสียงเทศน์ว่า "คนที่ละขันธ์ 5 ได้แล้วมีความสุขกว่า
พวกทรงขันธ์ 5 มาก เช่น เทวดาหรือพรหมก็ตามที่นั่งอยู่ในที่นี้ต่างก็ละขันธ์ 5 มาแล้ว"
ลูกหลานก็คงจะเข้าใจแล้วว่าขันธ์ 5
คืออะไร เพื่อความแน่ใจหลวงตา คือฉันจะย้ำสักหน่อย
เพื่อความมั่นใจ... -
เทวดาเมืองนครศรีธรรมราช ยกรถไฟ
เทวดาเมืองนครศรีธรรมราช ยกรถไฟ
ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อพาคณะศิษย์จากกรุงเทพฯ
โดยทางรถไฟ ไปจังหวัดนครศรีธรรมราช
ข้าพเจ้ามารับหลวงพ่อที่สถานีรถไฟทุ่งสง
พอรถไฟแล่นออกจากทุ่งสงได้ระยะหนึ่ง
ถึงเวลาเพลข้าพเจ้านิมนต์หลวงพ่อ และหลวงอา
มหาอำพัน บุญหลง วัดเทพศิรินทร์ ไปนั่งที่รถเสบียง
หลวงอานั่งตรงข้ามหลวงพ่อ ข้าพเจ้าสั่งอาหารมา
แล้วนั่งบนพื้นรถไฟข้างๆ หลวงพ่อ และหลวงอา
ข้าพเจ้าได้ยินหลวงพ่อรำพึงว่า
"พระจะฉันข้าว เทวดาจะมาก็มา"
ขณะนั้นรถไฟกำลังแล่นด้วยความเร็วขึ้นสะพานเล็กๆ
สะพานหนึ่ง พอรถไฟลงไปจากสะพานปรากฏว่า
รถโบกี้เสบียงคันนั้นลอยสูงขึ้นวูบหนึ่ง ข้าพเจ้าตกใจมาก
เพราะรถลอยขึ้นพ้นจากรางเช่นนั้นมักจะตกราง โอกาสที่รถ
จะตกลงมาบนรางอย่างเดิมพอดีนั้น ยากมาก ทันใดนั้น
โบกี้รถไฟคันตามหลังรถเสบียงก็ชนกระแทกโบกี้รถเสบียงดังสนั่น และโบกี้ถัดๆ ไปก็ชนกันเข้ามาตามลำดับ เสียงดังโครมๆ ขณะนั้นเองจานข้าวของหลวงพ่อ กับหลวงอาพร้อมด้วย
ชามแกงต้มยำ ก็ลอยสูงขึ้นไปในอากาศแล้วตกลงมาบนโต๊ะ
จานและชามแตกเป็นสองเสี่ยง น้ำแกงใหลซู่ลงมา
เลอะขาข้าพเจ้า และเปื้อนจีวรหลวงพ่อและหลวงอา
ข้าพเจ้าควักผ้าเช็ดหน้า... -
หลวงพ่อเทศน์เรื่องพิเศษการต่ออายุ โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
หลวงพ่อเทศน์เรื่องพิเศษการต่ออายุ
โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
วันนี้อาตมาขอเทศน์เรื่องพิเศษสักเรื่องหนึ่งให้ทราบ
เพราะว่าฟังเทศน์วันนี้จากอาตมาภาพ ก็ไม่แน่ใจว่า
บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายจะได้ฟังเทศน์จากอาตมา
ต่อไปหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะปี ๒๕๒๓ ปีนั้นต้องตาย
ไปประมาณ ๒-๓ ชั่วโมง ความจริงอายุขัยอาตมา
มีอายุเพียงแค่ ๒๗ ปี ตอนนั้นสมัยหลวงพ่อปานอยู่
เขาเชิญนิมนต์พระศรีอาริย์ไปไว้วัดบางนมโค พระศรีอาริย์
เขาต้องยกตั้ง ๘ คน ตอนดึกตี ๒ หลวงพ่อปานท่านมานั่ง
อยู่หน้าพระศรีอาริย์ ให้ตาเชิดที่เป็นลูกศิษย์ไปเรียกอาตมา
มาจากที่นอน
พอดีเป็นเวลาที่อาตมาตื่นมาเพื่อเจริญพระกรรมฐาน
ก็ลงมาหาท่าน ท่านรออยู่องค์เดียว และก็บอกว่า
"เอายังงี้ก็แล้วกันนะ ที่ฉันเรียกเธอมาวันนี้ ฉันต้องการ
อยากให้เธอรู้ว่าเธอต้องตายในปีไหน" ก็ลองยกพระศรีอาริย์ดู
ยกไปปีที่ ๑ปีที่ ๒ ปีที่ ๓ ปีที่ ๔ ปีที่ ๕ มันก็ยกไม่ขึ้น พอถึง
ปีที่ ๒๗ หมายถึงอายุ ๒๗ ปี ยกขึ้นเบามาก ท่านบอกว่า
"อายุขัยของแกมีแค่ ๒๗ ปี ขอให้ต่ออายุเสีย" อาตมาเวลานั้นเจริญพระกรรมฐาน ทรงณาน สำหรับวิปัสนาญานยังอ่อนอยู่
แต่ณานน่ะหนักแน่นมาก... -
พระสยามเทวาธิราชคือใคร โดย หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
พระสยามเทวาธิราชคือใคร
โดย หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
พระสยามเทวาธิราช นี่นะ เริ่มมีเมื่อสมัยก่อน รัชกาลที่ ๔ มีนะ
แต่ก่อนพระเจ้าแผ่นดินสมัยนั้นก็บูชาเทวาชื่อนั้นชื่อนี้ ที่เป็น
ญาติผู้ใหญ่เป็นคนสำคัญ ขออย่างนั้นอย่างนี้ต่อมา
สมัยรัชกาลที่ ๔ ท่านเป็นนักปราชญ์ เป็นนักบาลี
ก็มาตั้งชื่อใหม่ว่า พระสยามเทวาธิราช หมายถึงว่า
เทวดาทั้งหมดที่รักษาประเทศสยาม ทีนี้ที่ถามว่า
ให้คุณให้โทษทางไหน ให้โทษนี้ก็ไม่ทราบ ให้คุณนี่ก็ไม่รู้
แต่ท่านเป็นเทวดาเอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ
เมื่อปี ๒๕๑๘ ปีนั้นพระเจ้าอยู่หัวนิมนต์เข้าไป ที่พระที่นั่ง
ไพศาลทักษิณ พอเข้าไปทำบุญ วันจักรี พอเข้าไปนั่งปั๊บ
ไม่ต้องคุยกับใครละ บรรดาพระสยามเทวาธิราชมากัน
เยอะแยะเลย โอ้โฮ้ไม่ใช่องค์เดียว ๒ องค์นะ ไม่ทราบว่า
จะมากเท่าใดในบริเวณเต็มไปหมด ไม่ใช่เฉพาะในวังนะ
เราก็ชักสงสัยว่าองค์ไหนชื่อ พระสยามเทวาธิราช
พอถามว่าองค์ไหนชื่อ พระสยามเทวาธิราช ให้บอก
ชี้องค์นั้นก็ไม่ใช่ ชี้องค์นี้ก็ไม่ใช่ ต่างคนต่างบอกชื่อ
ของตัวหมด ก็เลยนึกขึ้นมาว่า เออ ยังไงเทวดานี่
เลยบอกว่า ถ้าไม่ใช่ พระสยามเทวาธราช แล้วมาทำไมล่ะ
พระเจ้าอยู่หัวก็ดี พระราชินีก็ดี... -
ชนะมารด้วยกำลังใจที่ทรงความดี ธรรมโอวาท หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
ชนะมารด้วยกำลังใจที่ทรงความดี
ธรรมโอวาท หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นโลกธรรม ให้ถือว่าเป็นธรรมดาของโลก
ให้วางมันเสีย กรรมของเราที่มีความโง่เกิดมาในโลกนี้
โลกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน ความร้อนมันก็ถูกเรา
แต่ว่าให้มันถูกแต่กาย อย่าให้มันเข้าไปถึงใจ
ความสุขความทุกข์ในโลกอย่าสนใจ สนใจอย่างเดียว
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน
ให้เรามีความสุข ร่างกายของเราจะอยู่ในโลกนี้
อีกไม่กี่วันมันก็พัง
ฉะนั้นในเมื่อพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปแล้ว ท่านบอกว่า
ท่านมีความสุข พระอรหันต์ทั้งหลายร่างกายของท่านพัง ท่านบอกว่าท่านมีความสุขเราก็พยายามทำให้สุข
เหมือนท่านบ้าง ข้อสำคัญจงจำไว้ว่า จงอย่าคิดว่าเราดีไว้เสมอ มองดูความบกพร่องของจิตว่าจิตเราบกพร่องตรงไหนบ้าง พยายามแก้ไขให้สู่ระดับความดี อย่างนี้เป็นความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงต้องการ
บรรดาลูกรักของพ่อทุกคนปฏิปทาใดที่องค์สมเด็จพระทศพล
บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความชนะในมารฉันใด
ขอบรรดาลูกรักทั้งหลายจงชนะในมารฉันนั้นด้วยกำลังใจ
ที่ทรงความดี
ขอบคุณที่มา : ศูนย์พุทธศรัทธา สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง... -
วิธีฝึกทิพย์จักษุญาณ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
วิธีฝึกทิพย์จักษุญาณ
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
ความจริงวิชาทิพยจักษุญาณนี้เป็นของไม่ยากอะไรเลย
เป็นหลักสูตรที่เบาที่สุดในพระพุทธศาสนา พระเรียน
นักธรรมตรีเรียนยาก และเสียเวลามากกว่า หรือนักเรียน
ป.1 ยากกว่ามากที่ทำกันไม่ได้ก็เห็นจะเป็นเพราะไม่สนใจ
หรือสนใจเหมือนกัน แต่ไม่เอาจริง บางรายเอาจริงเหมือนกัน
แต่ไม่ทันถึงจริงก็เลิก บางรายเอาจริง ถึงจริงแล้ว มีอารมณ์
เป็นทิพย์แล้ว แต่เหลิงเกินไปเลยไม่ได้ผล
วิธีฝึกทิพยจักษุญาณในพระพุทธศาสนามีหลายแบบ
แต่ละแบบก็มีอรรถเป็นอันเดียวกัน คือต้องกำหนดภาพ
เรื่องกำหนดภาพนี้จะเว้นมิได้เพราะเป็นเครื่องพยุงจิต
ให้เข้าสู่ระดับสมาธิจะขอแนะนำแบบง่าย ๆ ที่คนส่วนใหญ่
ทำได้ คณะศิษย์รุ่นเก่าสมัยอยุธยาเขาทำกันได้มาก
และใช้เวลาไม่นาน จะแนะให้ทราบ
1. ตัดความยุ่งอารมณ์ออกเสียในขณะที่ฝึก ควรใช้เวลา
ไม่นานเกินไปในระยะแรกอย่างมากไม่ควรเกิน 5 นาที
ในขณะนั้นตัดกังวลให้หมด ไม่ว่าเรื่องของความรัก
เรื่องที่ไม่พอใจอารมณ์ทั้งหลาย ความง่วง และความสงสัย
ระงับให้หมด คิดอย่างเดียว คือ คาถาภาวนา และลมหายใจ
เข้าออก
2. ก่อนภาวนา กำหนดรูปพระหรือลูกแก้วอย่างใดอย่างหนึ่ง... -
เร่งรัดบารมี...ไปนิพพาน
เร่งรัดบารมี...ไปนิพพาน
โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
บารมีนี่มันเร่งได้ ถ้าเราต้องการชาตินี้จริงๆ
ก่อนภาวนาทั้งหมดให้ทุกคนคิดถึงทุกข์เสียก่อน
ให้สร้างความเข้าใจตามความเป็นจริงว่าวันนี้ทั้งวัน
เรามีงานอะไรบ้างงานทุกอย่างมันเป็นสุขหรือมันเป็นทุกข์
ความทุกข์เข้ามาครอบงำเราทุกวัน มันเบียดเบียนเราทุกวัน
นั่นคือความหิว ชิฆัจฉา ปรมา โรคา
ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง ความหิวเป็นทุกข์
การปวดอุจจาระปัสสาวะก็มีกับเราทุกวันก็เป็นทุกข์
ถ้าเรายังเกิดอย่างนี้มันก็ต้องทุกข์อย่างนี้ และความแก่
ก็ครอบงำเราทุกวัน การป่วยไข้ไม่สบายก็เข้ามายุ่งกับเราทุกวัน ในที่สุดความตายก็เข้ามาถึง มันเป็นทุกข์อย่างหนึ่งมันค่อยๆ
เห็นนะ แต่ว่าทั้งๆ ที่เราค่อยๆ เห็นเราก็ตัดสินใจง่ายๆ
ขึ้นชื่อว่าการเกิดเป็นมนุษย์มันทุกข์อย่างนี้ เราก็จะขอเกิด
เพียงชาติสุดท้าย
ขึ้นชื่อว่าการเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี เป็นเทวดาก็ดี เป็นพรหมก็ดี
จะไม่มีสำหรับเราอีกต่อไป เราต้องการนิพพาน หลังจากนั้น
ก็ภาวนาจับลมหายใจเข้าออก ภาวนาว่าพุทโธเรื่อยไป
หรือว่าท่านผู้ใดได้มโนมยิทธิก็ขึ้นไปนิพพาน แต่ว่าท่าน
ที่ไม่ได้มโนมยิทธิจะใช้อุปสมานุสสติกรรมฐานก็ได้
ภาวนาว่า... -
คำขอขมาลาโทษทั้ง 31 ภูมิ โดย พระอาจารย์ จำเนียร สีลเสฏโฐ วัดถ้ำเสือ
คำขอขมาลาโทษทั้ง 31 ภูมิ
โดย พระอาจารย์ จำเนียร สีลเสฏโฐ วัดถ้ำเสือ อ.เมือง จ.กระบี่
กายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ มโนกรรม ๓ กรรมดีอันใด เป็นบุญกุศล
ที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้ว ด้วยกาย วาจา ใจ ในอดีตชาติก็ดี
ปัจจุบันชาติก็ดี ขอให้ถึง แก่ท่านทั้งหลาย ที่มีภพมีภูมิ
มีชาติเป็นแดนเกิด มีชรามรณะ มีจิต มีชีวิต มีวิญญาณ
มีขันธสันดาน มีวิบากแห่งกรรม มีการกระทำ เจ้ากรรมนายเวร
เจ้าการบัญชี จตุโลกบาลทั้ง ๔ ยมบาล มนุษย์ ๑ สวรรค์ ๖
พรหม ๒๐ อบายภูมิทั้ง ๔
บัดนี้ข้าพเจ้า ได้สร้างกองการกุศล มีผลทานผลศีล ผลภาวนา
ผลแผ่เมตตา ขอให้ถึง แก่ท่านทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้ล่วงเกิน
ทำกรรมไว้ ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี เจตนาก็ดี
ไม่เจตนาก็ดี รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ต่อหน้ากันก็ดี ลับหลังกันก็ดี
ขอให้ท่านทั้งหลาย จงอโหสิกรรม ให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้
เป็นต้นไป อย่ามีเวรภัย เกิดชาติหนึ่งภพใด ขอให้ได้สร้าง
แต่กรรมดี สร้างบารมีของตน ให้พ้นภัยพาล ลุล่วงบ่วงมาร
ในอนาคตกาล อันใกล้นี้ ด้วยเทอญ
บุญกุศลทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญ ขอให้เป็นปัจจัยแก่
พระนิพพานพลันทีเดียว ตราบใดที่ยังไม่ถึงพระนิพพาน... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ -
วิธีใช้คลื่นกำลังจักรพรรดิ
วิธีใช้คลื่นกำลังจักรพรรดิ (How to)
------------------------------
รวมคำสอนหลวงตาม้า -
ภาพงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน วันอาทิตย์ที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
ภาพงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ณ วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
วันอาทิตย์ที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๐๗.๐๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ประธานชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน
ประธานหน่วยอบรมประชาชนประชาชนประจำตำบลท่าขนุน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ นำพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน
รับบิณฑบาตจากนักท่องเที่ยวและประชาชนในชุมชน ตามโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าซิ่น นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์"
ณ บริเวณร้านค้าชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน สวนสาธารณะหัวสะพานแขวนหลวงปู่สาย หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี -
"รีบเร่งสะสมอริยทรัพย์" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
"รีบเร่งสะสมอริยทรัพย์"
" .. อัตภาพร่างกายเป็นของไม่มีสาระแก่นสาร "ทรัพย์ภายนอกก็ไม่มีสาระแก่นสาร" ชีวิตของพวกเรา ความเป็นอยู่ก็ไม่มีสารแก่นสาร เรามาพิจารณารู้อย่างนี้แล้ว "เราเป็นผู้ไม่ประมาท" รีบเร่งทำคุณงามความดีประกอบขึ้น "รีบเร่งสะสมอริยทรัพย์" ศีลของเราก็บริบูรณ์ไม่มีด่างพร้อย ตามภาวะของตน ศีล ๕ ศีล ๘
เดี๋ยวนี้พวกท่านกำลังอบรมสมาธิ กำลังจะเอาทรัพย์อันนี้ เรียกว่าอริยทรัพย์ "ศีลก็เป็นอริยทรัพย์อันหนึ่ง สมาธิก็เป็นอริยทรัพย์" หมั่นอบรมจิตใจ "ปัญญาก็เป็นอริยทรัพย์" หมั่นอบรมจิตใจ เวลาเราเข้าสมาธิ "จงให้สติประจำใจ กำหนดสติให้แม่นยำ รักษาจิตใจของเราให้อยู่กับที่" และให้จิตใจปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง .. "
"อนาลโยวาทะ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
วัดถ้ากลองเพล จ หนองบัวลำภู -
ฐานจิต และ ฐานธรรม ... ต่างกันอย่างไร? ( ในการปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน4 )
ฐานจิต และ ฐานธรรม ... ต่างกันอย่างไร? ( ในการปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน4 ) -
ค้างคาวฟังสวดอภิธรรม แม้จะไม่เข้าใจเนื้อหา แต่เมื่อตายได้ไปเกิดบนสวรรค์
ค้างคาวฟังสวดอภิธรรม แม้จะไม่เข้าใจเนื้อหา แต่เมื่อตายได้ไปเกิดบนสวรรค์
*************
...ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสป ภิกษุเหล่านั้นเป็นค้างคาวหนู ห้อยอยู่ที่เงื้อมแห่งหนึ่ง เมื่อพระเถระ ๒ รูปจงกรมแล้วท่องอภิธรรมอยู่ ได้ฟังถือเอานิมิตในเสียงแล้ว
ค้างคาวเหล่านั้นไม่รู้ว่า “เหล่านี้ ชื่อว่าขันธ์, เหล่านี้ ชื่อว่าธาตุ” ด้วยเหตุสักว่าถือเอานิมิตในเสียงเท่านั้น จุติจากอัตภาพนั้น แล้วเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติสิ้นพุทธันดรหนึ่ง จุติจากเทวโลกนั้นแล้ว เกิดในเรือนตระกูลในกรุงสาวัตถี เกิดความเลื่อมใสในยมกปาฏิหาริย์ บวชในสำนักของพระเถระแล้ว ได้เป็นผู้ชำนาญในปกรณ์ ๗ ก่อนกว่าภิกษุทั้งปวง. ...
...................
ข้อความบางตอนใน เรื่องยมกปาฏิหาริย์ พุทธวรรควรรณนา อรรถกถาขุททกนิกาย ธรรมบท
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=24&p=2
หน้า 65 ของ 402