คลังเรื่องเด่น
-
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕ (รอบปกติ)
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕ (รอบปกติ) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
เรื่องเล่าสามอริยเจ้า หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่แหวน หลวงปู่เกษม
หลวงปู่โต๊ะ และ หลวงปู่เกษม
ในวงการพระเครื่องจะรู้จักพระปิดตาปลดหนี้ขององค์หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นอย่างดีที่มีพุทธคุณสูงมีการเช่าบูชาต่อกันในราคาเรือนแสน
แต่ความบริสุทธิ์ขององค์หลวงปู่โต๊ะ มักจะไม่ทราบกัน เมื่อราวพ.ศ. ๒๕๑๔ หลวงปู่โต๊ะ ได้รับนิมนต์ไปงานพุทธาภิเษก ณ วัดนางเหลียว อ.เกาะคา จ.ลำปาง
ภาพเหรียญหลวงพ่อเกษม ออกวัดนางเหลียว สร้างปี พ.ศ. ๒๕๑๔ เหรียญนี้มีแต่เนื้อฝาบาตรหรือเนื้อทองเหลืองเพียงเนื้อเดียวเท่านั้น จัดสร้างจำนวน ๑๐,๐๐๐ เหรียญ
องค์หลวงปู่เกษม เขมโก ได้เข้าไปกราบหลวงปู่โต๊ะ และนั่งข้างล่างธรรมาสน์ตลอดเวลาในพิธีพุทธาภิเษก ซึ่งหลวงพ่อเกษมได้บอกกับลูกศิษย์ใกล้ชิด ที่ติดตามหลวงปู่โต๊ะ องค์ที่นั่งปรกอยู่ข้างบนว่า... “เราไหว้องค์นี้เพียงองค์เดียวก็พอแล้ว” (ทั้งๆ ที่งานพิธีในวันนั้น มีการนิมนต์พระเกจิชั้นยอด มาร่วมนั่งปรกหลายต่อหลายองค์)
ภาพหลวงปู่โต๊ะ อินทสุวณฺโณ-หลวงพ่อเกษม เขมโก ในงานพิธีพุทธาภิเษก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ณ วัดนางเหลียว ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง
หลวงปู่โต๊ะ และ หลวงปู่แหวน
อาจารย์เบิ้ม (อาจารย์สุวัฒน์ พบร่มเย็น)... -
การหลงลืม(สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ ขันธ์ห้าไม่เที่ยง จิตที่พ้นทุกข์แล้วไม่ใช่ขันธ์ห้า))
#พระอรหันต์หลงลืม #พระอัสสชิหลงลืม
อย่างท่านอัสสชินี่ เมื่อเช้าหลวงพ่อได้พูดลูกศิษย์พระพุทธเจ้าองค์สุดท้าย โกณฑัญญะ วัปปะ มหานาม อัสสชิ
องค์อัสสชินะ #พออายุแก่มาท่านหลงลืม แต่ว่าอันที่จริงท่านก็รู้แก่ใจว่าการหลงลืมนั้นคืออะไร #พระอรหันต์ท่านไม่ได้โง่เหมือนปุถุชนว่างั้นเถอะ แต่นี้กลัวปุถุชนนี่จะเป็นบาป พระลูกศิษย์ลูกหาปฏิบัติใกล้ชิดจะว่า เอ้า! #ทำไมพระอรหันต์จึงได้หลงได้ลืมได้?
ตามที่จริงพระอรหันต์ต้องมหาสติมหาปัญญา
ต้องรอบรู้อยู่ตลอด #แต่ทำไมท่านอัสสชิหลงลืม หลงลืมนั้น หลงลืมนี้
พระอัสสชิก็บอกว่า ท่านกราบพระพุทธเจ้าดูซิว่าทำไมเราจะหลงอย่างนี้ ขอให้ไปกราบทูลพระพุทธเจ้าด้วยว่าทำไมเราหลงอย่างนี้ ลืมอย่างนี้
พระอัสสชิให้มากราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ทำไมพระอัสสชิหลงลืม #ทำไมเป็นพระอรหันต์แล้วจึงมีการหลงลืม
พระพุทธองค์บอกว่าให้ไปถามพระอัสสชิดูซิ #อริยสัจสี่หัวใจของท่านน่ะ #ท่านลืมไหม?
ถ้าหากว่าไม่ลืมนั่นล่ะ #จุดนั้นน่ะคือพระอรหันต์
จุดอื่นนั้นเป็นเรื่องสังขาร
#ความจำได้หมายรู้เป็นสังขาร สัญญาก็เป็นอนิจจังเหมือนกัน... -
เคยปล้นวัด เอาพระพุทธรูปไปขายมากมาย จะต้องชำระหนี้สงฆ์กี่ครั้ง
เคยปล้นวัด เอาพระพุทธรูปไปขายมากมาย
จะต้องชำระหนี้สงฆ์กี่ครั้ง
หลวงพ่อฤๅษีฯ ตอบปัญหาธรรม
ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงสุด ในอดีตที่ผ่านมากระผมเป็นคนไม่ดี เคยปล้นวัด เอาพระพุทธรูปไปขายมากมาย บัดนี้สำนึกบาปสำนึกผิดแล้ว จึงต้องมาพึ่งบารมีหลวงพ่อ นับเป็นที่พึ่งสุดท้าย กล่าวคือกระผมจะต้องชำระหนี้สงฆ์กี่ครั้ง และจะต้องชำระหนี้สงฆ์ประการใด...กรรมเวรที่เคยปล้นวัดจึงจะอโหสิกรรมให้ขอรับ?
หลวงพ่อ : ค่อยๆ ชำระไปก็แล้วกันนะ ถ้าถามว่าเท่าไร...ต้องเท่ากับจำนวนเงินที่นำของมา ค่อยๆ ผ่อนสบายๆ ก็แล้วกัน ถ้าถามว่าทำบุญอย่างไร...เอ่อ! วันนี้ท่านถึงเตือนเรื่อง "อนุสสติ" ตอนที่เขาเจริญพระกรรมฐานกัน พระพุทธเจ้าท่านเตือนว่า ทุกคนให้มั่นคงในอนุสสติจะไม่พลาดหวัง คือ
๑. มรณานุสสติ คิดว่าชีวิตนี้จะต้องตาย
๒. ก่อนที่เราจะตายต้องยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า
พระธรรมและพระอริยสงฆ์
๓. พยายามตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์
๔. จิตใจตั้งไว้เพื่อนิพพานโดยเฉพาะ
ผู้ถาม : อ๋อ...อย่างนี้ค่อยผ่อนหนักผ่อนเบาได้บ้าง
หลวงพ่อ : อันนี้ไม่ผ่อนหรอก...ไปได้เลย ถ้าทำตามนี้ได้มั่นคง หลบได้เลย แบบตัมพทาฐิกโจรไงล่ะ
ขอบคุณที่มา :... -
ภาวนา "สัมปจิตฉามิ" หมาหนี
ภาวนา "สัมปจิตฉามิ" หมาหนี
หลวงพ่อฤๅษีฯ ตอบปัญหาธรรม
ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ ทุกๆวัน ลูกจะต้องเดินเข้าซอย กลางซอยจะมีสุนัข ๓-๔ ตัวเป็นเจ้าถิ่นในซอย พอลูกเข้าซอยปุ๊บลูกจะท่อง "สัมปะจิตฉามิ" ทันที เพราะซอยมันเปลี่ยว
พอลูกเดินถึงเจ้าสุนัข พวกมันจะต้องเดินหลบและก้มหน้า เดินเลี้ยวไปทางอื่น พอลูกเดินพ้นพวกมัน ก็เห็นพวกมันก็มานอนที่เดิมเป็นอย่างนี้ทุกที อย่างนี้เป็นเพราะมันกลัวบทที่ลูกท่อง "สัมปะจิตฉามิ" หรือคะ ?
หลวงพ่อ : "สัมปะจิตฉามิ" เป็นบทขับนี่ ขับศัตรู
ผู้ถาม : ขับทั้งหมาทั้งคนเลยหรือครับ ?
หลวงพ่อ : ใช่...
ผู้ถาม : โอ..อย่างนี้ใครมาทวงหนี้ก็ "สัมปจิตฉามิ" ก็เปิดเลย
หลวงพ่อ : เอาเฉพาะเจ้าหนี้นะ อย่าไปไล่ลูกค้า "สัมปจิตฉามิ" เป็นคาถาย้อน ใครเขากลั่นแกล้งเราก็ตาม ก็กลับไปหาคนนั้น ของพระพุทธเจ้าท่านนะ ท่านบอกคาถาบทนี้ใครจะทำอะไรก็ตาม จะย้อนกลับ ไม่เฉพาะบุคคลนั้น ทั้งกลุ่มเลยนะ
ขอบคุณที่มา : ศูนย์พุทธศรัทธา สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง www.BuddhaSattha.com -
ทำบุญสร้างโบสถ์วิหารแล้วได้จารึกชื่อไว้ กับไม่ได้จารึกชื่อ อานิสงส์เท่ากันหรือไม่?
ทำบุญสร้างโบสถ์วิหารแล้วได้จารึกชื่อไว้
กับไม่ได้จารึกชื่อ อานิสงส์เท่ากันหรือไม่?
หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงตอบปัญหาธรรม
การเขียนชื่อติดศาลา ที่กุฏิ ที่โบสถ์ ที่วิหาร บางทีบางวัดท่านก็ว่า ใครออกเงินมากก็เขียนชื่อนามสกุลคนนั้น บางท่านที่ออกเงินได้น้อย ไม่มีชื่อติด ทั้งนี้บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทโปรดทราบว่า จงอย่าโกรธเขา ชื่อในเมืองมนุษย์จะเป็นชื่อของใครก็ตามแต่ว่าอานิสงส์ทุกท่านย่อมได้เหมือนกัน
ตัวอย่าง มฆมานพ สร้างศาลาหลังเดียว ๓๓ คน ก็ไปเกิดเป็นเทวดาทั้ง ๓๓ คน มีวิมานคนละหลัง ทั้ง ๆ ที่ศาลาหลังนั้นชื่อ ๓๓ คนไม่มี เป็นชื่อของท่านมฆมานพคนเดียว ผู้ที่ร่วมสร้างก็ไปเกิดสวรรค์ทั้งหมด มีวิมานคนละหลัง เจ้าของที่สร้างศาลาก็มี ๑ หลังเหมือนกัน
ฉะนั้นท่านบรรดาพุทธบริษัททุกท่านลูกหลานทุกคน ที่สร้างแล้วทำแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีชื่อ ก็อย่าไปสนใจเรื่องชื่อ สนใจเรื่องศรัทธาเป็นสำคัญ ศรัทธาเรามีแล้ว เราบริจาคแล้ว เราทำแล้ว อย่างนี้อานิสงส์ ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม อานิสงส์จะได้กับเราอยู่เสมอ
ขอบคุณที่มา : ศูนย์พุทธศรัทธา สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง... -
จะมีวิธีดู "พระธาตุ" ยังไง จึงจะรู้ว่าเป็นองค์จริง หลวงพ่อฤๅษีฯ ตอบปัญหาธรรม
จะมีวิธีดู "พระธาตุ" ยังไง จึงจะรู้ว่าเป็นองค์จริง
หลวงพ่อฤๅษีฯ ตอบปัญหาธรรม
ผู้ถาม :- "หลวงพ่อครับ กระผมมี พระธาตุ อยู่องค์หนึ่ง เราจะมีวิธีดูยังไงครับ จึงจะรู้ว่าเป็นของพระองค์จริง...?"
หลวงพ่อ : “ฉันไม่ดูเลย ฉันคิดว่าจะบูชาอะไรก็ตาม ถ้าใจเรานึกถึงพระพุทธเจ้าก็ใช้ได้หมด จะมัวไปนั่งติดธาตุอยู่ทำไม เราหาองค์ท่านไม่ดีรึ ใช่ไหม...เรามีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ แต่ไม่นึกถึงท่านเลย จะเกิดประโยชน์อะไร
ประโยชน์จริงๆ ก็คือว่า ถ้าเราเคารพพระพุทธเจ้าเพียงใด นั่นผลจึงจะเกิด ถ้าเรามีอยู่ เราไม่เคารพ ก็ไม่มีความหมาย ดีไม่ดีจะเกิดเป็น การปรามาส เข้าอีก จะซวยใหญ่ ใช่ไหม...ว่าตรงไปตรงมานะ
แต่ว่าถ้าเรามีอยู่จริง เราเคารพจริง ก็เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวดีเหมือนกัน ไม่ใช่ไม่ดี เอาอย่างนี้ดีกว่า จริงหรือไม่จริงเราก็ไหว้ เรานึกถึงพระพุทธเจ้าก็หมดเรื่อง ยังไงๆ ก็ถึงพระพุทธเจ้าแน่"
ขอบคุณที่มา : ศูนย์พุทธศรัทธา สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง www.BuddhaSattha.com -
พระอรหันต์ยังมีอารมณ์โกรธอยู่มั๊ย หลวงพ่อฤาษีฯ ตอบปัญหาธรรม
พระอรหันต์ยังมีอารมณ์โกรธอยู่มั๊ย
หลวงพ่อฤาษีฯ ตอบปัญหาธรรม
ผู้ถาม : "หลวงพ่อได้พูดไว้ว่า พระอรหันต์มีอารมณ์โกรธ แต่ดับอารมณ์ได้ฉับพลัน"
หลวงพ่อ : "ฉันสงสัย...ฉันเขียนผิดหรือคนอ่านจำผิด อารมณ์โกรธไม่มีตั้งแต่อนาคามี แต่ท่าทางแสดงความโกรธน่ะมีอยู่ ไม่ใช่อารมณ์โกรธ ที่แสดงแบบนั้นกลัวคนนั้นจะเสีย ก็แสดงท่าว่าโกรธ อย่างที่พระพุทธเจ้าลงโทษพระสงฆ์ มีคำสั่งลงโทษ นั่นไม่ใช่โกรธนะ...หวังดี นี่จำผิดแล้ว
ถ้าอารมณ์โกรธมีและดับได้เร็วนี่เป็นสกิทาคามี อนาคามีนี่เขาไม่มีแล้ว แต่ถ้าความโกรธเกิดขึ้นจะดับไม่ยาก ซื้อรถดับเพลิงไว้ พอเริ่มโกรธปั๊บ...สตาร์ทพรืด น้ำพ่นพรวด หกคะเมนเกนเก้ หายไปเอง นั่นไม่ใช่อรหันต์นะ ฉันคงไม่เขียนผิดละมั้ง ต้องกลับไปอ่านใหม่ แต่ว่าแสดงความโกรธนั้นมีอยู่ เพราะว่าจะลงโทษ คือไม่ลงโทษก็ยับยั้ง ไม่ยังงั้นคนนั้นจะเสีย
อย่างพระพุทธเจ้าลงโทษพระต่างๆ อย่าง "พระฉันนะ" ก็เหมือนกัน หนักมาก ที่สั่งให้พระสงฆ์ลงพรหมทัณฑ์ "พระฉันนะ" อันนี้เรื่องใหญ่มากเชียว ไม่ใช่พระพุทธเจ้าโกรธ แต่ต้องการให้ "พระฉันนะ" ดี แต่ในเมื่อพระสงฆ์ลงพรหมทัณฑ์ท่านก็เสียใจ คิดว่าตอนพระพุทธเจ้าอยู่ใครๆ ก็คุยด้วย... -
ทนายอนันต์ชัย ถาม ! หมอปลา คุณเป็นใครบุกเข้าไปในวัด
ถ้าบุคคลใดกระทำการบุกรุกเข้าไปในวัด โดยที่ไม่ได้ไปเพื่อที่จะบำเพ็ญสาธารณกุศของตัวเอง แต่ไปจับผิดพระ เข้าไปในกุฎิ แจ้งข้อหาบุกรุกได้เลย ถ้า 5 คนก็โทษฉกรรจ์ -
ภาพวันวิสาขบูชาประจำปี ๒๕๖๕
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๐๕.๕๙ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ประธานชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน
ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลท่าขนุน เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน)
ทำพิธีบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและปลุกเสกพระยอดขุนพลกาญจนบุรี ณ มณฑลพิธีอุโบสถวัดท่าขนุน -
"จิตใจเป็นผู้ละกิเลส" (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
,
"จิตใจเป็นผู้ละกิเลส"
" .. กิเลสนั้น เมื่อผู้ใดเลิกได้ละได้แล้ว ไม่เลือกว่าเณร ไม่เลือกว่าพระ ไม่เลือกว่าจะสมมุติว่าเป็นธรรมยุต เป็นมหานิกาย อะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ใช่สมมุตินั้นละกิเลส "การละกิเลสมันเป็นเรื่องภายในจิตใจของแต่ละดวงจิตดวงใจ" ผ้าขาวผ้าเหลืองไม่ได้มาละกิเลสให้ สถานที่ก็ไม่ได้มาละกิเลสให้แก่เรา "จิตใจเรานั้นเองเป็นผู้ละกิเลส"
เมื่อภาวนาพุทโธ ๆ เมื่อภาวนามรณกรรมฐานได้ทุกลมหายใจเข้าออก "จนดวงจิตดวงใจผู้รู้อยู่นี้ไม่ไปไหน" อยู่ภายในสงบนิ่งแน่วเป็นดวงเดียว ตั้งมั่นอยู่ภายในจิตใจได้ตลอดเวลา "นั่นแหละต้นทางที่จะเป็นไปเพื่อละกิเลส" ตัดกิเลสตัณหาได้ "เพราะกิเลสตัณหานั้นมีอยู่ภายใน" ไม่ใช่มีแต่ภายนอก .. "
"จิตพระอริยอยู่เหนือกิเลส"
พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
"กายนี้แลเป็นตัวธรรม" (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
.
"กายนี้แลเป็นตัวธรรม"
" .. การปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไหน "ในเมื่อกายยาว ๑ วา หนา ๑ คืบ นี้แลเป็นตัวธรรม" เป็นตัวโลก เป็นที่เกิดแห่งธรรม เป็นที่ดับแห่งธรรม เป็นที่ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้อาศัยบัญญัติไว้ซึ่งธรรมทั้งปวง
แม้ใครใคร่จะปฏิบัติธรรม "ก็ต้องปฏิบัติที่กายและใจนี้ หาได้ปฏิบัติที่อื่นไม่" ดังนั้น ถ้าตั้งใจจริงแล้ว "นั่งอยู่ที่ไหน ธรรมก็เกิดที่ตรงนั้น" นอนอยู่ที่ไหน ยืนอยู่ที่ไหน เดินอยู่ที่ไหน ธรรมก็เกิดที่ตรงนั้น .. "
"หลวงปู่ฝากไว้"
พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) -
ท่านพระมหาโมคคัลลานะอาพาธ
ท่านพระมหาโมคคัลลานะอาพาธ
ทุติยคิลานสูตร ว่าด้วยผู้อาพาธ สูตรที่ ๒
[๑๙๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน สถานที่ให้เหยื่อกระแต เขตกรุงราชคฤห์ สมัยนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะอาพาธ ได้รับทุกข์ เป็นไข้หนัก อยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ
ครั้นในเวลาเย็น พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่หลีกเร้น เข้าไปหาท่านพระมหาโมคคัลลานะถึงที่อยู่ ประทับนั่งบนพุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้แล้ว ได้ตรัสถามท่านพระมหาโมคคัลลานะดังนี้ว่า
“โมคคัลลานะ เธอยังสบายดีหรือ ยังพอเป็นอยู่ได้หรือ ทุกขเวทนาทุเลาลงไม่กำเริบขึ้นหรือ อาการทุเลาปรากฏ อาการกำเริบไม่ปรากฏหรือ”
ท่านพระมหาโมคคัลลานะทูลตอบว่า “ข้าพระองค์ไม่สบาย จะเป็นอยู่ไม่ได้ ทุกขเวทนามีแต่กำเริบหนักขึ้น ไม่ทุเลาลงเลย อาการกำเริบปรากฏ อาการทุเลาไม่ปรากฏ พระพุทธเจ้าข้า”
“โมคคัลลานะ โพชฌงค์ ๗ ประการนี้เรากล่าวไว้ชอบแล้ว ที่บุคคลเจริญ ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน”
โพชฌงค์ ๗ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. สติสัมโพชฌงค์เรากล่าวไว้ชอบแล้ว ที่บุคคลเจริญ ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน
ฯลฯ
๗.... -
แบงก์ชาติ รับมอบทองคำ เพื่อสมทบเข้าเป็นทุนสำรองเงินตรา
วันนี้ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ได้รับมอบทองคำจำนวน 7 กิโลกรัม จากหลวงปู่คลาด ครุธัมโม วัดป่าบ้านใหม่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ประธานสงฆ์และผู้แทนคณะศิษยานุศิษย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) ที่ได้รับจากการจัดงานบุญประเพณี "ผ้าป่า 12 เมษาฯ สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา" ตามเจตนารมณ์ของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อสมทบเข้าเป็นทุนสำรองเงินตรา
ทองคำที่ได้รับมอบในครั้งนี้ พร้อมกับทองคำน้ำหนัก 25 กิโลกรัมที่คณะศิษยานุศิษย์ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระราชทานให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2565 จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองเงินตรา โดยปัจจุบัน สินทรัพย์ที่รับมอบแล้วทั้งสิ้นแบ่งเป็นทองคำแท่งน้ำหนักรวมประมาณ 13,070.866 กิโลกรัม และเงินตราต่างประเทศจำนวน 10,457,159.63 ดอลลาร์ สรอ.
Credit: ขอขอบคุณที่มาจาก Facebook ธนาคารแห่งประเทศไทย - Bank of Thailand -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
"กามคุณเหมือนต้นไม้ที่มีผล" (หลวงปู่เหรียญ ววรลาโภ)
.
"กามคุณเหมือนต้นไม้ที่มีผล"
" .. "กามทั้งหลายเปรียบเหมือนอย่างต้นไม้ที่มีผล" ธรรมดาต้นไม้ที่มีผลนี่ นอกจากพวกนกพวกสัตว์ต่าง ๆ มากินกันแล้ว "หมู่มนุษย์ก็ไปตัดไปลานกิ่งก้านของมันลง เพื่อจะเอาผลมันมาบริโภค" ก็ต้องได้ถูกรบกวน ต้นไม้ที่มีผลน่ะ
ฉันใด "บุคคลผู้ยินดีในกามคุณทั้งหลาย" เมื่อได้รูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัสนั้นมาแล้ว ก็มีผู้อยากมายื้อแย่งเอาไปอยู่อย่างนั้นแหละ "ต้องได้รักษา ต้องได้กังวลห่วงใยอยู่" อย่างนั้นแน่ะ
มีเงินมีทองข้าวของมาแล้ว ยิ่งมีคนพยายามจะมายื้อแย่งเอาไป "ถ้ามีเมียสวย ๆ งาม ๆ ยิ่งแล้วใหญ่" ยิ่งเป็นเวร "ดีไม่ดีเขาฆ่าตัวตายซํ้าเลย" อันนี้ก็มีอยู่ถมไป นี่แหละ เพราะฉะนั้น "พระองค์เจ้าก็จึงได้เปรียบกามคุณไว้เหมือนกันกับต้นไม้ที่มีผล" .. "
"ธรรมโอวาทหลวงปู่เหรียญ ๑"
(หลวงปู่เหรียญ ววรลาโภ) -
"อย่าพูดคำว่า... ไม่มี" (หลวงปู่ไพบูลย์ สุมังคโล)
อย่าพูดคำว่า ไม่มี หลวงพ่อไม่ชอบ
สมบัติเต็มแผ่นดิน แค่มันยังไม่ถึงเวลาของเรา
มันอยู่ที่เราเคยได้สร้างได้ทำไว้หรือเปล่าแค่นั้นเอง
เมื่อวาสนาเรามีอยู่ที่ไหน ก็ตกทับเราเอง
ทำใจ ให้มีไว้เสมอ ใจมีอำนาจมาก
มีกระเเสพลังมาก มันจะดึงดูดมาเอง
ใจที่มีพลัง เหมือนแม่เหล็กที่ดูด เหล็กด้วยกันเองได้
ใจก็เหมือนกัน อย่าคิด อย่าพูดคำว่า ไม่มี
ให้คิดว่า มี ไว้เสมอ จะมีมากมีน้อย ก็ให้คิดว่ามี
อย่าพูดคำว่า ไม่มี
โอวาทธรรม หลวงปู่ไพบูลย์ สุมังคโล
๙ ธันวาคม ๒๕๖๑
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น -
หลวงปู่สอนกรรมฐานยังไง ?
หลวงปู่สอนกรรมฐานยังไง ?
--------------------------------
รวมคำสอนหลวงตาม้า -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
"ให้มีสติประจำใจ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
"ให้มีสติประจำใจ"
" .. เวลาเราทำสมาธิ เราต้องตั้งใจว่าเวลานี้เราจะทำหน้าที่ของเรา "หน้าที่ของเรา คือจะกำหนดให้มีสติประจำใจ" ไม่ให้มันออกไปสู่อารมณ์ภายนอก ให้มีสติประจำใจอยู่ ไม่ให้ไปภายนอก เดี๋ยวนี้หน้าที่ของเราจะภาวนา จะทำหน้าที่ของเรา "ไม่ต้องคิดการงานข้างนอก" เมื่อออกแล้วจะทำอะไรก็ทำไป
เวลาเราจะทำสมาธิ ทำความเพียรของเรา "ต้องตั้งสัจจะลง" ตั้งใจกำหนดอยู่ในสกนธ์กายนี้ "กำหนดสติให้รู้กับใจ เอาใจรู้กับใจ ให้จิตอยู่กับจิต" กำหนดจิตขึ้น ให้ทำให้มันพออาศัย ศรัทธา วิริยะ "เหตุทำให้มาก ๆ อันนี้แหละก้อนธรรม" พระพุทธเจ้าว่า ก้อนธรรมอันนี้แหละ ก้อนธรรมหมด .. "
"อนาลโยวาท" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
วัดถํ้ากลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภู -
อย่าไปร่วมตกนรก...กับคนอื่นเค้า
#อย่าไปร่วมตกนรกกับคนอื่นเค้า
ท่านเจ้าคุณชั้นเทพ พระเทพวชิรญาณมุนี หลวงปู่หา สุภโร (หลวงปู่ไดโนเสาร์) อายุ 96 ปี 75 พรรษา
วัดสักกะวัน(ภูกุ้มข้าว) จังหวัดกาฬสินธุ์
โยม: หลวงปู่เจ้าขาโยมรู้สึกเสื่อมศรัทธากับพระสงฆ์ทุกวันนี้จังเลยเจ้าค่ะ
หลวงปู่: ทำไมหล่ะ
โยม: ก็มีข่าวไม่ดีเกี่ยว
กับพระออกมาบ่อยจังเลย ทั้งมั่วสุม
ทั้งเรื่องสีกา พระตุ๊ดเณรแต๋ว
ล่าสุดมีข่าวพระมีเครื่องบินอีก
หลวงปู่: เขาเอาอะไรทำพระหล่ะ
โยม: ไม่เข้าใจเจ้าค่ะ
หลวงปู่: พระพุทธรูปเขาเอาอิฐ หิน ปูน ทราย ทองคำ เงิน ทำ พระเหล่านั้น
ไม่มีข่าวเรื่องนี้เลยใช่ไหม
โยม: เจ้าค่ะ
หลวงปู่: แต่พระอย่างหลวงปู่
เขาเอาคนทำ พระสงฆ์อื่นๆ
เขาก็เอาคนทำจึงมีเรื่องแบบนี้ แต่คุณ ต้องเข้าใจนะเรื่องการปฏิบัติ
เรื่องการพระศาสนาเป็นเรื่อง
ส่วนบุคคล ใครทำดีผลดีย่อมสนองใครทำชั่วผลชั่วย่อมติดตาม
คุณความคิดหน่ะเป็นกรรมที่ไม่มีวิบากนะ
แต่การพูด การกระทำ เมื่อพูด
เมื่อทำออกไปแล้วย่อมมีวิบาก
ไม่ดีก็เสีย การที่เขาทำชั่วมัน
เป็นเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของเรา
ถ้าเราไปวิจารณ์ ไปแสดงออก
แล้วเราย่อมมีส่วนในกรรมนั้น
เพราะเราเอาใจส่งไปหาเขา แทนที่เขา... -
พุทธวิธีวิปัสสนาโลก ๑ (โลกว่างเปล่า) | สุญญสูตร
พุทธวิธีวิปัสสนาโลก (โลกว่างเปล่า)
สุญญสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๘ ข้อ ๑๐๒
-------------------------------------
ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่าโลกว่างเปล่า ๆ ดังนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ จึงเรียกว่า โลกว่างเปล่า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ เพราะว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน ฉะนั้นจึงเรียกว่า โลกว่างเปล่า อะไรเล่าว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน จักษุ-รูป จักษุวิญญาณ จักษุสัมผัส สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ก็ว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน หู-เสียง โสตวิญญาณ โสตสัมผัส สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ก็ว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน จมูก-กลิ่น ฆานวิญญาณ ฆานสัมผัส สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ก็ว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน ลิ้น-รส ชิวหาวิญญาณ ชิวหาสัมผัส สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ก็ว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน กาย-โผฏฐัพพะ กายวิญญาณ... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
นำไตรสรณคมน์ เข้ามาที่จิต...
"... สมัยที่ฝึกกับท่าน.. (หลวงปู่ดู่) คนที่มาทาน ทานป้๊บ สว่างปุ๊บนะ
แต่กับคนที่นั่งสวด ความสว่างมันต่างกันมากเลย
เรานำไตรสรณคมน์ เข้ามาที่จิตเรานะ
ซึ่งท่านรวมแล้ว ตั้งแต่พระพุทธเจ้าองค์ปฐม มาถึงองค์ปัจจุบัน
และองค์ข้างหน้า มันสว่างขนาดไหนล่ะ ที่อยู่ในโลกเนี่ย
แล้วบุญที่เราทำอีกนะ ข้อวัตรที่เราอธิษฐานอีกนะ .. มันสว่างมาก.."
คำสอนของหลวงตาม้า (พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร) วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ)
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook =AZVathjc_RHyULE61FWCJpRNQJu-gV-YJsKopbnfAANpWB-ZE7JZEt-Mh81JE7FB5mXp-ilbPtVi8no3AI2vqwsAaH4Z6ETuAGonFMy6h1Nrrv3EF5mHo50Ka12cjs6Ozp1BNEyOHxoCBlvmMP5FK9wFC8kRCw_3RSjmxpsFPsGwJLVkc5iY-mhXkmQatwaHMOw&__tn__=%2CO%2CP-R']ศิษย์มีครู หลวงปู่ดู่หลวงตาม้า -
นักปฏิบัติที่แท้จริง จะไม่ทำตนเองให้เป็นทุกข์โทษเวรภัยต่อใครเลย
หลักการปฏิบัติต้องโลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย เราอาจจะเห็นว่าไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจในโลก แต่ไม่ใช่ เพราะถ้าตัวเรายังเป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่น แสดงว่าเรายังขาดเมตตา ต้องระมัดระวังไม่ให้ กาย วาจา ใจ หรือสิ่งที่เรากระทำ เป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่นเขา
ของบางอย่างมีขอบเขตกั้นอยู่ เรื่องระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายก็ดี ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ก็ดี เราก็ยังต้องถือ ต้องเคารพตามสมมติทางโลก ไม่อย่างนั้นแล้วยุ่งตายชัก จะไป "ช่างมัน" อย่างเดียวไม่ได้หรอก อาตมาเคยบอกว่าวางได้ แต่โปรดระมัดระวังอย่าไปวางใส่หัวคนอื่น ส่วนใหญ่แล้วนักปฏิบัติส่วนหนึ่ง พอถึงระยะที่เห็นชัดว่าเรื่องทางโลกไม่มีประโยชน์ ไร้สาระ ก็จะเน้นหนักเอาเรื่องทางธรรมอย่างเดียว แล้วลืมไปว่าตัวเองยังอยู่กับโลก นอกจากจะเป็นโทษกับคนอื่นแล้ว ท้ายที่สุดโดนคนอื่นเขากีดกันเพราะเขาไม่เห็นด้วย ก็กลายเป็นโทษกับตัวเองไป
อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า โยมไปปฏิบัติกรรมบถ ๑๐ ขณะทำงาน เจ้านายถามก็ไม่พูดด้วย กลัวผิดกรรมบถ ๑๐ เพื่อนถามก็ไม่พูดด้วย กลัวผิดกรรมบถ ๑๐ แล้วเกิดอะไรขึ้น ก็อยู่ไม่ได้นะสิ อยู่ในโลกไปปิดวาจาแล้วจะไปสื่อสารกับใคร ?
ถาม : ถ้าทำถูกแล้ว ?
ตอบ :... -
"สติทำให้มาก เจริญให้มาก" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"สติทำให้มาก เจริญให้มาก"
" .. นี่ท่านว่า "เจริญสติ ทำให้มากเจริญให้มาก" อันนี้เป็นธรรมะคุ้มครองรักษากิจการที่เราทำอยู่หรือทำมาแล้ว หรือกำลังจะกระทำอยู่ในปัจจุบันนี้ "เป็นธรรมะที่มีคุณประโยชน์มาก ให้เรารู้ตัวอยู่ทุกเมื่อ" ความเห็นผิดชอบมันก็มีอยู่ทุกเมื่อ "เมื่อความเห็นผิดชอบมีอยู่ เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อ" ความละอายก็เกิดขึ้น จะไม่ทำสิ่งที่ผิด หรือสิ่งที่ไม่ดี "เรียกว่าปัญญาเกิดขึ้นแล้ว"
เมื่อรวบยอดเข้ามา "มันจะมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา" คือการสังวรสำรวมที่มีอยู่ในกิจการของตนนั้นก็เรียกว่าศีล "ศีลสังวร" ความตั้งใจมั่นอยู่ในความสังวร สำรวมในข้อวัตรของเรานั้น "ก็เรียกว่ามันเป็นสมาธิ" ความรอบรู้ทั้งหลายในกิจการ ที่เรามีอยู่นั้น "ก็เรียกว่าปัญญา" พูดง่าย ๆ ก็คือจะมีศีล จะมีสมาธิ จะมีปัญญา ศีลก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี เมื่อมันกล้าขึ้นมา มันก็คือ "มรรค" นี่แหละคือหนทาง ทางอื่นไม่มี .. "
"การทำจิตให้สงบ"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ -
มองดูจิตของตน (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
"ผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์นั้น แม้จะมากด้วยทาน
หรือศีลนับหมื่นนับแสนครั้งก็ตาม แต่ไม่อาจ
พ้นนรกได้ อย่างดีก็เพียงแค่ "มนุษย์" เท่านั้น
จิตที่เจือด้วยอารมณ์ชั่วก็ต้องไปสู่คติชั่ว
จิตที่เจอด้วยอารมณ์ดี ก็ย่อมไปสู่คติสูง
ได้เป็น "เทพ"
ถ้าเป็นจิตวิสุทธิ์ ก็ได้เป็น "อริยะ"
ฉะนั้น จงพากันมองดูจิตของตนเองอย่างเดียว
อย่าให้มันรั่วไหลออกมาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
ถ้ามันขุ่นก็จงทำให้มันใส พยายามขับไล่
อารมณ์ต่างๆ ออกไปให้หมดสิ้น จนเหลือ
แต่ธาตุทองแท้ คือ "จิตวิเวก" หรือ "จิตวิสุทธิ์"
ให้พากันตั้งใจทำ ณ บัดนี้"
โอวาทธรรม พระสุทธิธรรมรังสี (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook โลกร้อน เย็นธรรม
หน้า 69 ของ 402