คลังเรื่องเด่น
-
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๕ -
องค์คุณของพระโสดาบัน | โอคธสูตร
#โสดาบัน #โสดาปัตติยังคะ
พุทธวิธีปฏิบัติธรรม
องค์คุณของพระโสดาบัน โอคธสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๙ ข้อ ๑๔๑๔-๑๔๑๕
ข้อแนะนำในการปฏิบัติ ก่อนจะฟัง พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง เมื่อได้สมาธิดีแล้ว ฟังพุทโธวาท และน้อมธรรมมาสู่ใจ น้อมใจปฏิบัติตามพุทโธวาทตรง ๆ ให้เข้าใจแจ้ง และได้สภาวะจิตดีจริง เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง
*********************************
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดูแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก อย่างไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง... -
"บารมี อาสวะ" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"บารมี อาสวะ"
" .. ความดีที่ประพฤติติดตัวนี้ "ก็เรียกว่าเป็นบารมีคือความดีที่เก็บไว้" อันตรงกันข้ามกับ กิเลสเครื่องเศร้าหมองที่เก็บไว้ "อันเรียกว่าอาสวะอนุสัยดังกล่าวนั้น"
เพราะฉะนั้น ทุกคนที่เป็นสามัญชนจึงมีอยู่ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายร้าย "ฝ่ายดีก็คือบารมี ฝ่ายร้ายก็คืออาสวะหรืออนุสัย ประจำอยู่ในจิตใจของตนเอง" และทั้งเมื่อได้มาปฏิบัติจิตตภาวนาการอบรมจิตที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งสอนไว้ "ก็เป็นการปฏิบัตินำจิตให้น้อมไปในทางดี" ให้ประทับอยู่ในทางดี หรือพูดอย่างง่าย ๆ ว่าติดอยู่ในทางดีมากขึ้นและดีนี้เองก็จะลดชั่วให้น้อยลง
"ในเมื่อน้อมไปในทางดีมากและเมื่อลดชั่วได้" หรือว่าเก็บฝ่ายดีได้ไปโดยลำดับก็จะทำให้เป็นกัลยาณชนคือคนดี "จนถึงเป็นอริยชนคือเป็นบุคคลที่เป็นพระอริยะ" หรือที่เรียกกันว่าผู้สำเร็จ เมื่อลดชั่วได้หมดสิ้นเรียกว่าถึงที่สุดดีถึงที่สุดชั่ว "ก็เป็นพระอรหันต์ ผู้เสร็จกิจในทางพระพุทธศาสนา" .. "
"ธรรมชาติของจิต"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4303 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๕ -
ความลับที่ทำให้บริษัทญี่ปุ่นเป็นอมตะ ทำไมจึงอยู่ได้เป็นพันปี?
ทำไมญี่ปุ่นจึงมีบริษัทรุ่นพระเจ้าเหาที่ยังไม่เก่าแถมยังปรับตัวเองเข้าสู่ศตวรรษใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา?
รู้หรือไม่ว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีบริษัท “มากที่สุดในโลก” โดยมีกิจการที่มีอายุเกิน 100 ปี มากถึง 21,000 แห่ง (จากการประเมินเมื่อปี 2009) และเมื่อจากบัญชีรายชื่อจะพบว่า 10 อันดับแรกของกิจการที่เก่าแก่ที่สุด เป็นของญี่ปุ่นเสีย 6 แห่ง
บริษัที่เก่าแก่ที่สุดในโลกคือ คงโง กุมิ (Kongo Gumi) ก่อตั้งเมื่อปี 578 หรือเกือบ 1,500 ปีก่อน โดยทำธุรกิจก่อสร้างมาตั้งแต่ยุคนาระ ผู้ริเริ่มคือช่างไม้ชาวเกาหลีจากอาณาจักรแพ็กแจ ที่ได้เชิญให้มาก่อสร้างวัดวาอารามทางพุทธศาสนา เช่น วัดชิเทนโนจิ วัดสำคัญในเมืองโอซาก้า ที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ และอนุชนรุ่นหลังๆ ก็ยังมีส่วนในการสร้างปราสาทโอซากา ปราสาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
แม้ว่าคงโง กุมิจะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัททากามัตสึ ในปี 2006 แต่ทุกวันนี้ก็ยังดำเนินการอยู่ภายใต้ชื่อเดิม และยังเชี่ยวชาญในงานแขนงเดิม นั่นคือ การก่อสร้างวัดทางพุทธศาสนา
อันดับที่ 2 คือ นิชิยามะ ออนเซน เคอุนกัง (Nishiyama Onsen Keiunkan)... -
ภาพงานบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัยและอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล ณ มณฑลพิธีวัดอุทยาน
วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๐๘.๐๐ น.
พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ. เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒)
พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง)
พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน
ร่วมกันปล่อยปลา ณ ท่าน้ำริมคลองบางกอกน้อย วัดอุทยาน
ถนนริมคลองบางกอกน้อย หมู่ที่ ๕ ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี -
"ธรรมคู่โลก" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"ธรรมคู่โลก"
" .. ธรรมต้องอาศัยอยู่กับโลก "ไม่มีโลก ธรรมก็อยู่ไม่ได้" ผู้เห็นธรรม "รู้ธรรมก็คือ ผู้มารู้มาเห็นโลกตามความเป็นจริง แล้วเบื่อหน่ายคลายจากโลกเอง" ถ้ารู้เท่า รู้เรื่อง มันเป็นธรรมทั้งหมด "ผู้ปฏิบัติจะเห็นความดีความชั่วของตน" ตรงนั้นแหละ
"เมื่อไม่มีโลกแล้ว ธรรมก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปตั้งไว้ตรงไหน" จะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร โลกอันใดธรรมก็อันนั้น จะเป็นโลกหรือเป็นธรรม อยู่ที่ "ฝึกอบรม" ต่างหาก .. "
"ปรารภธรรมะให้ฟัง" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย -
ชวนเที่ยว One Day Trip ไปกลับเวียงจันทน์-หลวงพระบาง ด้วยรถไฟลาว-จีน
สปริงสรุปให้ พาเที่ยว One Day Trip ด้วยรถไฟลาว-จีน พาไปดูของจริงกับเที่ยวแบบ One Day Trip ด้วยรถไฟจีน-ลาว ที่เราเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่า รถไฟสายนี้ผ่านเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของลาวอยู่หลายเมือง ทริปนี้ติดตามบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวชาวลาว “นู” ไปรีวิว 1 วันกับการเดินทางท่องเที่ยวจากนครหลวงเวียงจันทน์ไปหลวงพระบาง ด้วยรถไฟลาว-จีน ใช้เวลาเดินทางจากเมืองหลวงสู่เมืองมรดกโลกเพียง 2 ชั่วโมง หากต้องนั่งรถยนต์ใช้เวลา 7-8 ชั่วโมง ค่าตั๋วเที่ยวละ 500 กว่าบาท ตามไปส่องความสะดวกสบายบนรถไฟหัวกระสุนที่วิ่งด้วยความเร็ว 160-200 กม./ชม. ดูทุกซอกทุกมุมของรถไฟสายนี้ พร้อมรีวิวการเดินทางที่แสนสนุก เต็มอิ่มกับธรรมชาติที่ยังคงงดงามของหลวงพระบาง
ขอขอบคุณที่มา
https://www.springnews.co.th/program/820054 -
ทำไมต้องสร้างพระ
ทำไมต้องสร้างพระ -
เทวดาใช้ชีวิตยังไง
เทวดาใช้ชีวิตยังไง
#เทวดา คืออะไร ทำยังไงถึงไปเกิดเป็นเทวดาได้ เทวดาอิ่มทิพย์จริงไหม เทวดาหน้าตาดีทุกองค์ไหม เทวดามีแก่มีตายไหม เทวดาตายยังไง มีสัญญาณอะไรบอกไหม เทวดากับนางฟ้ามีอะไรกันได้ไหม เทวดามีลูกได้รึเปล่า เจ้าที่เจ้าทางเป็นเทวดาไหม เทวดากับพรหมต่างกันอย่างไร เทวดามีกี่ชั้น เทวดาชั่นไหนเก่งที่สุด เทวดาฆ่าคนได้ไหม และอีกสารพัดคถามเรื่องชีวิตของเทวดา คืนนี้มีคำตอบแน่นอน รายการ GHOST GURU รู้เรื่องผี แล้วคุณจะไม่กลัวผี #GGR #Ghostguru -
"ธรรมท่านสอนให้ระวังตัวเอง" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"ธรรมท่านสอนให้ระวังตัวเอง"
" .. การระวังตัวเองนั้นถูกต้องแล้ว "ส่วนมากระมัดระวังแต่ผู้อื่น สิ่งอื่น" ไม่ย้อนมาระวังตัวเอง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญบ้างเลย จึงมักผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ "ธรรมะท่านสอนให้ดูตัวเอง ระวังตัวเอง" จะได้เห็นความบกพร่องของตัวเอง แล้วแก้ไขไปเรื่อย ๆ จนสมบูรณ์ได้ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๕ -
ถ้าไม่เร่งการปฏิบัติของตนเอง รู้ตัวอีกทีก็จะสายไปเสียแล้ว
วันนี้อยากฝากการบ้านให้โยมทุกท่านว่า การปฏิบัติอย่าทำเป็นเล่น ทำเป็นเล่นเมื่อไรเรายังจัดอยู่ในสังโยชน์ข้อสีลัพพตปรามาสอยู่ ศีลเรารู้จัก พรตก็คือหลักการปฏิบัติ ก็คือ ศีลพรตที่เรารักษาและปฏิบัติในลักษณะลูบ ๆ คลำ ๆ ไม่เอาจริงเอาจัง นอกจากจะช่วยเราไม่ได้แล้ว ยังจะซ้ำเติมให้เราสาหัสขึ้นอีก
อย่างเช่นการภาวนา เมื่ออารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ก็มีกำลังที่จะมาพิจารณาตัดกิเลสได้ แต่ถ้าเราไม่นำกำลังนั้นมาพิจารณาตัดกิเลส เมื่อคลายออกมา มันจะวิ่งเข้าไปหาความฟุ้งซ่านในรัก โลภ โกรธ หลงของมันเอง คราวนี้ก็จะฟุ้งซ่านเป็นหลักเป็นฐานเป็นงานเป็นการ เพราะมันได้กำลังจากสมาธิมา กลายเป็นมิจฉาสมาธิ ซ้ำเติมเราให้ลำบากยิ่งขึ้น ทำให้กิเลสมีกำลังกล้าแข็งยิ่งขึ้น ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่ปฏิบัติมา ให้ดูตัวเราเองด้วยว่า ทุกวันนี้เราปฏิบัติเพื่อสร้างบุญสร้างบารมีให้เกิด เสริมสร้างปัญญาให้เกิด หรือว่าเราปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างกำลังให้กับกิเลสทุกวัน ?
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า ธัมมวิจยะ การรู้จักแยกแยะในธรรม จัดเป็น ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ประการ ที่เป็นเครื่องช่วยให้เราตรัสรู้หรือบรรลุมรรคผลได้ ธรรมะของพระพุทธเจ้า... -
เจ้าพระคุณสมเด็จติดแร้วเพื่อช่วยสัตว์
เจ้าพระคุณสมเด็จติดแร้วเพื่อช่วยสัตว์
เล่ากันว่าในการจาริกไปตามชนบท เพื่อหลบเลี่ยง
การตั้งให้เป็นพระสมณศักดิ์ของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ
คราวหนึ่ง เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้จาริกไปตามหมู่บ้าน
ในชนบทแห่งหนึ่งทางภาคอิสาน
ในขณะที่ผ่านป่าละเมาะแห่งหนึ่ง ได้เห็นสัตว์ป่าชนิดหนึ่งติดแร้วอยู่
ท่านจึงได้ปลดปล่อยสัตว์ป่าตัวนั้นไป แล้วเอาขา
ของท่านเข้าไปใส่ไว้ในแร้วนั้นแทน
จบพลบค่ำ นายพรานได้มาเห็นพระแก่ๆ องค์หนึ่ง
มาติดแร้วของเขาอยู่ จึงได้ถามเรื่องราวว่า
"หลวงพ่อมาจากไหน? ทำไมจึงมาติดแร้ว?"
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ตอบแก่ชายผู้นั้นว่า
"อาตมภาพได้เดินทางผ่านมาทางนี้ และได้เห็น
สัตว์ตัวหนึ่งติดแร้วของพ่ออยู่
อาตมภาพรู้สึกเวทนาสัตว์ที่น่าสงสารตัวนั้น
จึงได้ปล่อยไปเสีย และเอาตัวของอาตมา
เข้าจำนองไว้แทน สุดแต่พ่อจะเอาไปฆ่าแกงเถอะจ๊ะ"
เมื่อนายพรานได้ยินเช่นนั้น ได้บังเกิดความเลื่อมใส
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ รีบจัดแจงปลดแร้วออก และนิมนต์
ท่านไปที่บ้าน ทั้งจัดการต้อนรับอย่างดีที่สุด เจ้าพระคุณ
สมเด็จฯ จึงได้กล่าวขอบิณฑบาตชีวิตสัตว์ทั้งหลายไว้
นายพรานผู้นั้นก็รับคำทุกประการ
ขอบคุณที่มา : ศูนย์พุทธศรัทธา... -
จะห้อยพระหรือไม่ห้อยพระดีคะ? หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ตอบปัญหาธรรม
จะห้อยพระหรือไม่ห้อยพระดีคะ?
หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ตอบปัญหาธรรม
ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ อย่างพระพุทธรูปเป็นเหรียญเล็กๆ เราเก็บรักษาไว้ที่บ้านเราไม่ห้อยคอ แต่เรานับถือในใจอย่างนี้มีผลเท่ากันไหมคะ ?
หลวงพ่อ : ก็ใช้ได้ แต่ไม่แน่นัก ว่าใจเราจะมั่นคงไปตามนั้นหรือไม่ ถ้าจิตเรามั่นคงละก็ใช้ได้เลย
ผู้ถาม : ไม่จำเป็นต้องมาห้อยคอใช่ไหมคะ ?
หลวงพ่อ : บางคนก็จำเป็น บางคนก็ไม่จำเป็น ถ้าใจเรามั่นคงจริงๆ เราไม่ต้องห้อยก็ได้ ไอ้ที่ห้อยก็เพื่อความมั่นใจ เห็นพระก็สบายใจ เพื่อเป็นกำลังใจก็ได้ เพื่อเป็นกำลังกายก็ได้
ผู้ถาม : เป็นกำลังกายได้หรือคะ ?
หลวงพ่อ : ก็ได้เหมือนกันนะ เพราะอะไรรู้ไหม.. ถ้าพบข้าศึกยิงมาไม่ออก ก็วิ่งกวดได้เลย ถ้ายิงมาทะลุ กำลังกายก็หมดแล้ว ก็ได้ทั้งกำลังใจ กำลังกาย
ผู้ถาม : ก็หมายความว่าคุ้มครองได้เท่าๆกันใช่ไหมคะ
หลวงพ่อ : ได้...คือว่าจิตเรายังเคารพอยู่ก็คุ้มครองได้เท่ากัน ถ้าเอาไว้ที่บ้านแต่จิตเรานึกถึงก็มีผลเหมือนกัน ถ้าเราห้อยไว้ที่คอแต่จิตเราไม่นึกถึงก็เหมือนกับเราไม่มีเลย
ความจริงพระถ้าจะเอามาห้อยกันนี่ ฉันว่าใช้หน้าตักประมาณ ๕๐ นิ้วก็ดีนะ ห้อยข้างหน้าข้างหลัง สะพายสัก ๔... -
คนเบื่อโลก ถ้าเบื่อไม่เป็นจิตจะเศร้าหมอง
คนเบื่อโลก ถ้าเบื่อไม่เป็นจิตจะเศร้าหมอง
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ คนที่ไม่เคยปฏิบัติธรรม
แต่ว่ามีความรู้สึกเบื่อโลกอย่างนี้
เป็นนิพพิทาญาณหรือเปล่าคะ ?
หลวงพ่อ : เบื่อนิพพิทาญาณหรือเบื่อหนักหนี้
หรือเบื่อกลุ้มใจ นิพพิทาญาณเขาแปลว่า เบื่อ
ญาณเขาแปลว่ารู้สึกเบื่อ เราก็ต้องดูว่าเขาเบื่อโลก
ไม่หวังเกิดอีก ไม่หวังเป็นเทวดาหรือพรหม
หวังนิพพาน นี่เป็นนิพพิทาญาณ ถ้าเบื่อเฉยๆ
ไม่อยากอยู่ในโลกนี้ อันนี้เรียกมีจิตกังวลหรือ
จิตเศร้าหมอง นิพพิทาญาณนี่เขาไม่ซึม
ผู้ถาม : อย่างนี้จะแก้โดยการเจริญสมาธิได้ไหมคะ ?
หลวงพ่อ : จะไหวเรอะ ไม่ไหวนะ ใจเขาเป็นแบบนั้น
ต้องใช้พระสูตรง่ายๆ จะเป็นเทปพระสูตรหรือหนังสือ
พระสูตรก็ได้ เอาของที่ยากไปก็ไม่ไหว ถ้าพระสูตร
หรือชาดกก็ดี ตอนที่ท่านประชุมชาดกดีมาก
(จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ มีนาคม 2541)
ขอบคุณที่มา : ศูนย์พุทธศรัทธา สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง www.BuddhaSattha.com -
นึกถึงศพ
นึกถึงศพ
แล้วก็นึกถึงศพใครคนใดคนหนึ่งที่เราเคยเห็น ว่าเขาคนนั้นในสมัยก่อนก็มีชีวิต เช่นเดียวกับเรา บางคนก็เคยคบหาสมาคมกันพูดจาปราศัยกัน แต่เวลานี้เขามีจิตออกจากร่าง หรือวิญญาณออกจากร่าง เพราะร่างกายมีสภาพไม่รู้เรื่องอะไรทั้งหมด
ขณะที่เขามีชีวิตอยู่ คนนั้นก็บอกว่าเป็นลูก คนนี้ก็บอกว่าเป็นหลาน คนนั้นก็เป็นพี่ คนนี้ก็เป็นน้อง คนนั้นก็เป็นเพื่อนทุกคนต่างมีการคบหาสมาคมซึ่งกันและกัน
แต่ว่าพอจิตออกจากร่างหน่อยเดียวทุกคนไม่อยากรู้จัก มองก็ไม่อยากจะมองจับก็ไม่อยากจะจับ เพราะอะไร เพราะร่างกายไร้วิญญาณ (จิต) แล้วก็มีสภาพเลวกว่าท่อนไม้ที่เขาไม่ต้องการ เพราะท่อนไม้ไม่เน่า แต่ร่างกายเน่า เป็นสภาวะที่ทุกคนไม่ต้องการ
ในเมื่อร่างกายมีสภาพแบบนี้ ร่างกายก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเรา มันเกิดมาเบื้องต้นเต็มไปด้วยทุกข์ฉันใด กว่าจะตายก็เต็มไปด้วยความทุกข์
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
_______________
จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๓๒
ฉบับที่ ๓๖๕ หน้า ๕๗
คัดลอกโดย คณะบุญสุประวีณ์ -
บทพิสูจน์ของเทวดา
บทพิสูจน์ของเทวดา
การต้องถูกพิสูจน์นี่มีน้อยคน ไม่ใช่ทุกคน ท่านที่จะถูกพิสูจน์อย่างหนักจริงๆ หนักมากก็ต้องเป็นพวกที่มาจากพระโพธิสัตว์ อดีตเคยปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน อยากเป็นพระพุทธเจ้า การที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ก็ต้องถือว่าเป็นจอมทัพ ท่านที่จะเป็นจอมทัพปราบข้าศึกคือ “กิเลส” ต้องมีความเข้มแข็งมาก ท่านพวกนี้จะถูกพิสูจน์ด้วยเทวดาขั้นจาตุมหาราชซึ่งเป็นเทวดาผู้ทรงฌาน แต่เทวดาเขาจะพิสูจน์เราก็ต่อเมื่อเราไม่กลัว ถ้าเรายังกลัวอยู่เขาไม่มาหรอก เสียเวลา และท่านพวกนี้ต้องมาจากสายพุทธภูมิ สายสาวกภูมิเขาไม่ลองมาก ขืนลองมากเดี่ยวเป็นบ้าไปเลย ดีไม่ดีเดี๋ยวเลิกเพราะกำลังใจอ่อน การทดลองของเขาก็ไม่ซ้ำแบบ ถ้าเรากล้วเขาก็เลิก หรือเราไม่รู้จักกลัวเขาก็เลิก คนไม่กลัวจริงๆ นี่เลยบาท
กำลังใจของคนทุกคน อาจสู้กันไปสู้กันมา ให้พ้นจากความตาย เหมือนสู้กับข้าศึก คนเลยบาทคิดสู้เอาชีวิตเป็นเดิมพันว่าร่างกายนี้จะตายก็ช่างมัน แต่ความดีส่วนหนึ่งต้องเอาให้ได้ ถ้าความดีส่วนนี้เราไม่ได้เพียงใดเราจะไม่ยอมเลิกเด็ดขาด มันจะตายก็ยอม เรียกว่า #รักธรรมะยิ่งกว่ารักชีวิต อย่างนี้เขาเรียก “คนเกินบาท" มีกำลังใจเข้มข้นมาก... -
คนที่ชอบสวดมนต์เป็นพระโสดาบันได้
คนที่ชอบสวดมนต์เป็นพระโสดาบันได้
...คนที่เขาไม่เคยเจริญพระกรรมฐาน แต่ชอบสวดมนต์เป็นปกติ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ จะถามว่าคนประเภทนี้เป็นพระโสดาบันได้ไหม ก็ต้องตอบว่าได้
...คนที่เขานั่งสวดมนต์เป็นปกติเขาสวดด้วยความเคารพในพระพุทธเจ้า
เคารพในพระธรรม เคารพในพระอริยสงฆ์ เพราะบทสวดมนต์ทุกบทมีค่าเท่ากันคือ
* สรรเสริญความดีของพระพุทธเจ้า
* สรรเสริญความดีของพระธรรม
* สรรเสริญความดีของพระอริยสงฆ์
แล้วเขาก็มีศีลบริสุทธิ์
...แต่ตอนนี้ต้องระวังนิดหนึ่ง ถ้าเรามีจิตเข้าเพียงเท่านี้อาจจะยังไม่ได้เป็น พระโสดาบัน อาจจะเรียกว่า "กัลยาณชน"
ทีนี้ถ้าบุคคลผู้นั้นเขามีกำลังใจเพิ่มไปอีกนิดหนึ่งว่า ที่เขายอมเคารพในพระพุทธเจ้า ยอมเคารพในพระธรรม ยอมเคารพในพระสงฆ์ มีศีล ๕ บริสุทธิ์อย่างนี้เขามีความประสงค์อย่างเดียวคือพระนิพพาน ถ้ามีอารมณ์ใจหยั่งถึงพระนิพพานอย่างนี้เป็นพระโสดาบันแน่ นี่อารมณ์ของพระโสดาบัน มีเท่านี้ พระสกิทาคามีก็เหมือนกัน
จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๕๗ หน้า ๑๘-๑๙
พระธรรมคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง) ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
เพจ:คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
พิมพ์โดย นภา อิน -
"ทำกรรมฐาน เหมือนปลูกต้นไม้" (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
.
"ทำกรรมฐาน เหมือนปลูกต้นไม้"
" .. "การทำกรรมฐานต้องกำหนดต่อกันไปเรื่อย เหมือนปลูกต้นไม้" ถ้าเราเอาต้นไม้มาปลูกลงตรงนี้ ๓ วัน แล้วถอนออกไปปลูกตรงนั้นอีก ปลูกตรงนั้นได้อีก ๓ วันถอนไปปลูกต้นโน้นอีก ตายเลย ไม่ได้กินหรอก ต้นไม้ก็ตาย
"กรรมฐานก็หมดเหมือนกันอย่างนั้น" เข้าใจด้วยนะ มันเป็นอย่างนั้น ไปพิจารณานะ กลับไปนี่เอาต้นไม้ไปปลูกก็ได้ ปลูกตรงนี้ได้ ๓ วัน ถอนไปปลูกตรงนั้นได้ ๓ วัน ถอนอีกอยู่อย่างนั้นน่ะ ไม่ได้กินหรอก ตายหมด ไม่มีเหลือแล้ว
กรรมฐานก็เหมือนกัน "ไปนั่งกรรมฐาน ๗ วัน ออกมา เล่นตั้ง ๗ เดือน ปล่อยจิตไปทำสกปรกหมด" แล้วก็อีก ๗ วันก็มาทำกรรมฐานอีก ไม่พูด เฉย แล้วก็เลิกอีก "เหมือนกับต้นไม้แหละ ตายหมดไม่มีเหลือเลย" กรรมฐานไม่เกิดแล้ว ต้นไม้ก็ไม่เกิด กรรมฐานก็เหมือนกันอาตมาว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ผลหรอก .. "
"สมาธิภาวนา" (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
วัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=201 -
พระครูวิโรจน์กาญจนเขต,ดร.เจ้าอาวาส วัดอุทยาน เป็นพระปฎิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน
เปิดประวัติ “พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร.” เจ้าอาวาสวัดอุทยาน สานต่องาน “พระอาจารย์ศรี”
พระครูวิโรจน์กาญจนเขต,ดร.เจ้าอาวาส วัดอุทยาน เป็นพระปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ท่านเป็นพระนักการศึกษา นักพัฒนา บุคลิกของพระครูวิโรจน์ฯ ท่านเป็นพระที่มีระเบียบ และมีความเคร่งครัดในการปฎิบัติธรรม มีความเมตตาต่อบรรดาลูกศิษย์ เวลาทำอะไรจะยึดถือปฏิบัติตามแบบโบราณตามที่ครูบาอาจารย์สอน
สำหรับประวัติพระครูวิโรจน์กาญจนเขต ดร. บรรพชาเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2547 ขณะนั้นอายุ 17 ปี ณ วัดทรงเมตตาวนาราม จ.ชลบุรี โดยมีพระครูวิบูลธรรมบาล อดีตเจ้าคณะอำเภอสัตหีบ อดีตเจ้าอาวาสวัดสัตหีบ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ศึกษาบาลีจนจบเปรียญธรรม 3 ประโยคตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 สมัยเป็นสามเณร อุปสมบทในวันที่ 14 มกราคม2550 ณ วัดราษฎร์ประชุมชนาราม จ.กาญจนบุรี
โดยมีพระเทพเมธากร อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ (หลวงพ่อเล็ก) วัดท่าขนุน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ศึกษาปฏิบัติตามแนวปฏิปทาหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ) จากพระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. (หลวงพ่อเล็ก... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๕ -
ขอเชิญร่วมงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ
ขอเชิญร่วมงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ
วันอาทิตย์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๑.๐๐ น.
ณ วัดอุทยาน ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
ประธานในพิธี
พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ. วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) (พระคุณหลวงตาวัชรชัย)
พระครูวิลาศกาญจนธรม, ดร. (พระอาจารย์เล็ก)
กรุณาปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคระบาดอย่างเคร่งครัด
๑. ใส่หน้ากากตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่
๒. ร่วมมือคัดกรองตามจุดที่จัดเตรียมไว้
๓. ล้างมือบ่อย ๆ
๔. เว้นระยะระหว่างกันอย่างเหมาะสม
ที่มา
พระครูวิโรจน์กาญจนเขต ดร. นัทกฤต ทีปังกโร
https://www.facebook.com/jaroonroj.chopathumma -
"เวลาพักผ่อนของจิตใจ" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"เวลาพักผ่อนของจิตใจ"
" .. เวลานี้เป็น "เวลาพักผ่อนของจิตใจ" ขอให้เตือนตนอย่างนี้ เวลานี้เป็นเวลาพักผ่อนของจิตใจในขณะนี้ "เบื้องต้นนี้ก็อยากคิด อยากรู้นั้น รู้นี้" เห็นนั่น เห็นนี้ก่อน "คือพยายามตั้งสติ กำหนดลมหายใจเข้า หายใจออก"
อธิษฐานจิตถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ว่า "เป็นที่พึ่งที่ระลึกของตนแล้ว ก็พยายามประกอบจิตนี้ให้หยุดคิด หยุดนึก" ให้กำหนดรู้เฉพาะแต่ลมหายใจเข้า หายใจออกเท่านี้ก่อน เพราะเวลานี้ให้เข้าใจว่าเราพักผ่อนจิตใจ
คำว่าพักผ่อน "คือหยุดคิด หยุดนึกในการงานต่าง ๆ เลย" วางจิตลงให้สบาย สบาย ไม่ต้องกังวลข้างหน้า ข้างหลังอะไรเลย "กำหนดรู้อยู่แต่ปัจจุบันนี้เท่านั้น เอาปัจจุบันนี้เป็นหลักเลย" ชีวิตนี้ก็ให้กำหนดว่ามีอยู่แค่ปัจจุบัน ๆ นี้ เท่านั้นแหละ .. "
"เคล็ดปฏิบัติสมาธิ" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
วัดอรัญญบรรพต ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17448 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๕ -
เกรงจะติดรูปฌาณ-อรูปฌาณ ..ข้ามไปเลยไม่ได้หรือ?
เจ้าสงสัยว่า การปฏิบัติพระกรรมฐาน ในเมื่อรู้ว่ารูปฌานและอรูปฌานเป็นเหตุทำให้จิตติดสุขในฌาน มีผลทำให้ต้องเกิดเป็นพรหมและอรูปพรหมได้
แล้วทำไมจึงไม่ข้ามการรู้เรื่องฌานทั้ง ๒ ไปเลยไม่ได้หรือ
สมเด็จองค์ปฐม ทรงตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ มีความสำคัญดังนี้
ที่เจ้าสงสัยว่า การปฏิบัติพระกรรมฐาน ในเมื่อรู้ว่ารูปฌานและอรูปฌานเป็นเหตุทำให้จิตติดสุขในฌาน มีผลทำให้ต้องเกิดเป็นพรหมและอรูปพรหมได้ แล้วทำไมจึงไม่ข้ามการรู้เรื่องฌานทั้ง ๒ ไปเลยไม่ได้หรือ
ทรงตรัสว่า ข้ามไปไม่ได้หรอก เพราะร่างกายอาศัยอยู่ได้ด้วยลมหายใจเข้า - ออก คนเกิดมาจนกระทั่งตายไป หากไม่รู้จักคิด ตายไปก็ยังไม่รู้จักลมหายใจเข้า - ออกก็มี และที่เจ้าพิจารณาว่าคนเรานี่อยู่กับความสกปรกตลอดเวลา ที่ต้องอาบน้ำ -แปรงฟัน - ชำระสิ่งโสโครกอยู่ตลอดเวลา เพราะจิตต้องการความสะอาด
คนที่ไม่รู้มองไม่เห็นความสกปรกของร่างกาย ก็ทำความสะอาดให้ร่างกายตั้งแต่วันเกิดไปจนถึงวันตาย แต่ก็ยังไม่เห็นความสกปรกของร่ายกายก็มีมาก
การบริโภคอาหารก็เช่นกัน เห็นแต่ความอร่อย ติดในรสของอาหาร กินอิ่มทุกมื้อคิดว่าเป็นสุขดี แต่ไม่เคยเห็นความสกปรก - ความเสื่อม -... -
หลวงปู่บุดดา พระอริยะเจ้าผู้บรรลุฯด้วยการสนทนาธรรม
วันนี้วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๕ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพหลวงปู่บุดดา ถาวโร
รำลึก ๒๘ ปี อาจาริยบูชาคุณ "พระอริยเจ้าผู้บรรลุธรรมจากการสนทนาธรรม"
ซึ่งขณะนั้น ท่านบวชได้เพียง ๔ พรรษา ได้ออกบำเพ็ญสมณธรรมอย่างหนัก ขณะออกธุดงค์ และอยู่รุกขมูลในถ้ำภูคา จ.นครสวรรค์ ท่านได้สนทนาธรรมกับหลวงปู่สงฆ์ พรหมสโร ขณะเถียงข้อธรรมกันอยู่นั้น หลวงปู่บุดดา ได้พิจารณาธรรมตามอรรถ ตามธรรม ขณะนั่งลืมตาอยู่อย่างนั้น ๓ ชั่วโมงจนตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทประหาร หยุดวัฏฏะการเวียนเกิดเวียนตายอีกต่อไป จึงขอน้อมนำชีวประวัติหลวงปู่บุดดา ถาวโร มาเป็นมรณานุสติ และสังฆานุสติครับ
"คนเราจะเป็นสุขเมื่อรู้จักพอดี ไม่มีใครได้อะไรตลอดไป หรือเสียอะไรตลอดไป ไม่มีใครหรือสิ่งไหนคงอยู่ตลอดไปโดยไม่สูญสิ้น ขอเพียงแค่รู้จักพอดีทุกคนจะเป็นสุข"
โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่บุดดา ถาวโร
• =AZV4xifORKM81j8xa9gp0Lgk5wKt6Ze4PutzTpIt-LgA7rqgcsCGhXpipWu4GPrlIISCwlYxAITgVT46JVFYCgBq3AKRzT314tFglkiEaF3osrI0oVBoqZVjxK1W1JAssrr5um1N7Jyuny3JhAl8DnO4224xFq57RXaSyVM19SB1VDX9Oqd32MvW6uab2FG45q0&__tn__=*NK-R']#ชีวประวัติและปฏิปทาหลวงปู่บุดดา_ถาวโร •... -
อยู่กับโลกเราก็อยู่ในกรอบของศีล
ถาม : หลัง ๆ นี้ ผมก็มีสังคมกับคนอื่น ๆ ไปตามสถานการณ์ แต่ข้างในไม่ค่อยชอบการเกาะเกี่ยว คนโทรศัพท์มาหายังไม่อยากคุยด้วยเลย แต่ไม่ได้แสดงอะไรให้เขารู้ บางทีการไปวัดหรือไปไหน ผมก็ไปเอง ไม่รู้สึกว่าต้องขอความช่วยเหลือจากใคร แต่มักจะโดนเพื่อน ๆ ต่อว่า ว่าไม่บอกบ้าง หรือไม่นึกถึงเขาบ้าง ในการใช้ชีวิต ในสังคม ในโลก ผมก็ต้องทำตัวตามปกติ สนุกสนาน เอื้อเฟื้อกัน ฯลฯ แต่ผมไม่ชอบการเกาะเกี่ยว ไม่ชอบการผูกพัน รู้จักกันได้ รู้สึกดีกันได้ แต่ส่วนใหญ่เวลาคนอื่นให้ผมทำอะไร ๆ ในเชิงให้เห็นพวกเขาเป็นคนสำคัญ ผมจะหนีทุกที ดูเหมือนขัดแย้งในตัวเอง ผมปรับไม่ถูก หลวงพ่อพอมีคำแนะนำไหมครับ ? กิริยาภายนอกทำให้เขาไม่สงสัยได้ แต่ความรู้สึกของตัวเอง ปรับให้กลมกลืนไม่ได้เลย
ตอบ : ใครเขาให้กลมกลืนวะ ? อุตส่าห์หนีห่างมาขนาดนั้น ภายนอกก็ตามโลกไป แต่ตามไปแค่กรอบของศีล ส่วนภายในให้รักษากำลังใจของเราไว้ ใครเขาให้ไปปรับกำลังใจให้กลมกลืนกับเขา ? ถ้าไปปรับให้กลมกลืนกับเขาก็เท่ากับถอยหลังไปหากิเลสใหม่
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน... -
"ทำไมคนเราจึงมองไม่เห็นธรรม" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"ทำไมคนเราจึงมองไม่เห็นธรรม"
คำถาม : (พระบุญตา ปสนฺนจิตฺโต)
เรื่องของธรรมะเป็นของมีอยู่ประจำในตัวของแต่ละบุคคล จะสูงจะต่ำหยาบหรือละเอียดก็ดี "ทำไมคนเราจึงมองไม่เห็นธรรมนั้น" เพราะเหตุใด ..
คำตอบ : (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
" .. เรื่องธรรมะเป็นของเห็นได้ยากเหมือนกัน "ธรรมะมีประจำไม่ใช่เฉพาะบุคคลเท่านั้น แท้จริงธรรมะเป็นของมีอยู่ทั่วหมดในโลกอันนี้" ที่ท่านเรียกว่า "รูปธรรม นามธรรมนั่นเอง" ที่คนมองเห็นได้ยาก ก็เพราะพื้นฐานภูมิของใจมันยังมืดอยู่ด้วยกิเลส ซึ่งไม่สามารถจะรับรองหรือรับเอาธรรมะนั้นมาไว้คิดพิจารณาค้นคว้า ได้แก่ใจยังไม่สงบ
"ความสงบของใจเป็นพื้นฐานที่ตั้งของธรรมะ" ธรรมะเป็นความสงบ คือคนเราโดยมากหาธรรมะ "มีแต่คิดส่งส่ายออกไปภายนอก" ถึงรู้ก็ตามเถิด รู้ตามปริยัติที่บัญญัติไว้ในตำรา หรือว่าพิสูจน์ตามหลักฐานคือศัพท์หรือคำบาลีนั้น ยังไม่ใช่ตัวธรรมะที่แท้จริง "เป็นแต่รู้ตามตำรา" จะเอามาใช้ให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริงยังไม่ได้ก่อน "ต่อเมื่อรู้ด้วยปัจจัตตังเฉพาะตนเท่านั้น" จึงจะนำเอามาใช้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ฉะนั้นจึงเป็นของเห็นได้ยาก .. "
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
หน้า 86 ของ 402