WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สมาคมต้านโลกร้อน จี้ ย้ายโรงกลั่นบางจาก พ้นกรุง-ขู่ฟ้องศาลแน่หากยังเฉย </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>4 กรกฎาคม 2555 12:43 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT><IFRAME style="WIDTH: 116px; HEIGHT: 20px" class="twitter-share-button twitter-count-horizontal" title="Twitter Tweet Button" src="http://platform.twitter.com/widgets/tweet_button.1340179658.html#_=1009824456109&count=horizontal&id=twitter-widget-0&lang=en&original_referer=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FHome%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000081841&size=m&text=%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%20%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%89%20%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%20%E0%B8%9E%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87-%E0%B8%82%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%A2%20&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FHome%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000081841&via=ASTVManager" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME>

Share
<SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js"> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><GLUSONE size="medium"></GLUSONE>
<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลย้ายโรงกลั่นบางจาก ออกนอกกรุงเทพฯ ชี้ เปรียบเสมือนคลังอาวุธมหึมาใจกลางเมืองหลวง เคยเกิดระเบิดและไฟไหม้บ่อยครั้ง แต่ยังไร้มาตรการความปลอดภัย ลั่นหากกระทรวงพลังงาน และรัฐบาลยังเฉย จะพึ่งอำนาจศาลให้เพิกถอนใบอนุญาตและรื้อโรงกลั่นออกไป

วันนี้ (4 ก.ค.) หลังจากเกิดเหตุระเบิด ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ซ.สุขุมวิท 64 เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ มีเปลวไฟลุกท่วมสูงเป็นเวลานาน สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน โดย นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคม ได้ออกแถลงการณ์เพื่อแสดงท่าทีต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเรื่อง “ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องไล่รื้อโรงกลั่นน้ำมันบางจากให้ออกไปจากพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แล้ว”

เนื้อหาแถลงการณ์ ระบุว่า กรณีการเกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในคลังน้ำมันบางจาก ซอยสุขุมวิท 64 ถนนเลียบทางรถไฟสายเก่า ย่านคลองเตย เมื่อเช้าตรู่วันที่ 4 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา จนเกิดความวุ่นวายโกลาหลในหมู่ชาวบ้านบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงดังกล่าว ที่พยายามอพยพหนีภัยออกนอกพื้นที่อย่างหวาดผวา และก่อให้เกิดปัญหาการจราจรต่อเนื่องในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างมากมาย สร้างความเดือดร้อนและเสียหายให้เกิดขึ้นกับชาวเมืองโดยชัดแจ้งนั้น

เหตุการณ์ดังกล่าวมิใช่เป็นเหตุครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับโรงกลั่นแห่งนี้ หากแต่ทว่าเป็นเหตุที่มักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และแต่ละครั้งเป็นที่หวาดผวาของชาวชุมชนโดยรอบพื้นที่ดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่โรงกลั่น หรือกระทรวงพลังงาน และรัฐบาลก็มิได้แสดงความรับผิดชอบ หรือบริหารจัดการ หรือเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยใดๆ ในแต่ละกรณีที่ผ่านมาเลย ซึ่งถือเป็นความผิดพลาด ล้มเหลวทางนโยบายของรัฐบาลทุกรัฐบาลที่ผ่านมา นับตั้งแต่ความผิดพลาดล้มเหลวในการอนุญาตให้มีโรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวตั้งขึ้นมาได้ในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อราวปี พ.ศ.2500

โรงกลั่นน้ำมันเปรียบเสมือนคลังแสงทางสรรพวุธมหึมาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง กลางพื้นที่ชุมชนที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นโดยรอบนับล้านคน เป็นการสร้างความเสี่ยง และความไม่ปลอดภัยให้กับคนเมือง โดยไม่จำเป็นตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา ซึ่งโรงกลั่นดังกล่าวนอกจากจะมีวัตถุดิบน้ำมันดิบที่เป็นแหล่งเชื้อเพลิงในการกลั่นให้ได้น้ำมันเบนซิน และดีเซล และน้ำมันอื่นๆ ซึ่งเป็นวัตถุไวไฟในปริมาณกว่า 120,000 บาร์เรลต่อวันแล้ว ยังมีวัตถุไวไฟพลอยได้อื่นอีกมากมาย เช่น น้ำมันเครื่องบิน ก๊าซหุงต้ม น้ำมันเตา และยางมะตอย ที่พร้อมจะเป็นแหล่งเชื้อเพลิงชั้นดี หากเกิดการระเบิด หรือการวินาศกรรม

ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาล โดยกระทรวงพลังงาน ที่จะต้องหยิบยกกรณีที่เกิดการระเบิด หรือไฟไหม้บ่อยครั้งในพื้นที่โรงกลั่นน้ำมันบางจากมาพิจารณา ทบทวน และออกมาตรการไล่รื้อให้โรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวให้ย้ายฐานการกลั่นออกไปอยู่ในพื้นที่นอกเมืองหรือพื้นที่ที่เหมาะสมที่อยู่ห่างไกลจากชุมชนได้แล้ว ทั้งนี้ จะไม่กระทบต่ออุปทานของการกลั่นน้ำมันและราคาเนื่องจากประเทศไทยมีโรงกลั่นน้ำมันมากกว่า 7 โรงกลั่นอยู่แล้ว มีกำลังการผลิตมากกว่า 1,100,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งใช้ในประเทศเพียง 787,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งแต่ละปีต้องส่งออกน้ำมันไปขายต่างประเทศปีละกว่า 221,000 บาร์เรลเทียบเท่านำมันดิบต่อวัน

ทั้งนี้ หากกระทรวงพลังงาน และรัฐบาลเพิกเฉย หรือไม่มีแผนหรือมาตรการไล่รื้อหรือโยกย้ายโรงกลั่นดังกล่าวออกมา สมาคมจะได้ร่วมมือกับชาวกรุงเทพมหานครทั้งหมดที่ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายหรือหวาดผวากับเหตุการณ์ไฟไหม้ หรือโรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวระเบิด จะได้นำกรณีดังกล่าวไปพึ่งอำนาจศาลเพื่อให้เพิกถอนใบอนุญาตและไล่รื้อโรงกลั่นดังกล่าวออกไปจากพื้นที่กรุงเทพฯ ต่อไป เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนกรุงเทพฯโดยรวมต่อไป คนกรุงเทพฯ ไม่ควรจะทนอยู่ในสภาพความเสี่ยง และความหวาดผวากับคลังแสงทางน้ำมันที่อยู่ใจกลางเมืองหลวงแห่งนี้อีกต่อไป...

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ศึกษา “หลุมยุบ” วางแผนสร้างอาคารที่ปลอดภัย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>4 กรกฎาคม 2555 10:49 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT><IFRAME style="WIDTH: 116px; HEIGHT: 20px" class="twitter-share-button twitter-count-horizontal" title="Twitter Tweet Button" src="http://platform.twitter.com/widgets/tweet_button.1340179658.html#_=1009824523015&count=horizontal&id=twitter-widget-0&lang=en&original_referer=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FScience%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000081752&size=m&text=%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%20%E2%80%9C%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E2%80%9D%20%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FScience%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000081752&via=ASTVScience" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME>

Share14
<SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js"> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><GLUSONE size="medium"></GLUSONE>
<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>อุปกรณ์จำลอง "หลุมยุบ" </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>อุปกรณ์จำลอง "หลุมยุบ" และการวางฐานราก</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>นายจักรพงษ์ ศิริชัยราวรรณ์ และนายคติพงษ์ อ่อนไชย</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ผศ.ดร.ทวีชัย กาฬสินธุ์</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>มจธ.-นักศึกษาบางมดผสานความรู้ธรณีวิทยาและวิศวกรรม ศึกษาพฤติกรรมหลุมยุบ ใต้ฐานรากตื้น พบความหนาของชั้นทรายมีผลต่อแรงแบกทานของฐานรากตื้น ขณะที่ความกว้างของหลุมยิ่งมากทำให้ความสามารถในการรับแรงแบกทานลดลง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามักมีข่าวจากหลายมุมโลกเกี่ยวกับเหตุการณ์ หลุมยุบ มาอย่างต่อเนื่องเช่น การเกิดหลุมยุบยักษ์ที่กัวเตมาลาเมื่อปี 2007 และเกิดอีกหลุมที่ไม่ห่างกันมากนักในปี 2010 ในกัวเตมาลา ในส่วนของประเทศไทยมีรายงานข่าวเกี่ยวกับหลุมยุบเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วง1-3 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน ทำให้สถาบันความรู้ต่างตื่นตัวและออกมาให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชน

เรื่องนี้ไม่พ้นความสนใจของน้องๆ นักศึกษาคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) นายจักรพงษ์ ศิริชัยราวรรณ์ และนายคติพงษ์ อ่อนไชย นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาครุศาสตร์โยธา สาขาวิศวกรรมโยธา นำโจทย์นี้มาเป็นหัวข้อในการทำโปรเจคจบการศึกษาของพวกเขา

จักรพงษ์ กล่าวว่า เขาสนใจเรื่องการเกิดขึ้นของหลุมยุบ ซึ่งส่งผลต่อโครงสร้างไม่ว่าจะเป็นพื้นถนน หรือบ้านเรือน จึงนำความรู้ที่เขาได้ศึกษามาทดลองหาคำตอบในหัวข้อ “การศึกษาอิทธิพลเนื่องจากขนาดของหลุมยุบที่มีผลต่อแรงแบกทานของฐานรากตื้นโดยวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์ 2 มิติ”

จากการศึกษาลักษณะการเกิดหลุมยุบมักเป็นพื้นดินที่เป็นชั้นดินทรายในพื้นที่โล่ง จึงได้จำลองโจทย์ปัญหาในสถานการณ์ในห้องปฏิบัติการ เพื่อหาเงื่อนไขที่จะช่วยสร้างบ้านพักอาศัยบนพื้นดินที่มีลักษณะดังกล่าวให้ปลอดภัย ซึ่งฐานรากจะต้องได้รับการออกแบบ ให้มีความสามารถรับแรงแบกทาน หรือน้ำหนักกดจากตัวบ้านได้โดยไม่เกิดการพังทลายหากเกิดหลุมยุบใต้ฐานราก

เนื่องจากก่อนการสร้างบ้านพักอาศัยในช่วงการเตรียมพื้นที่นั้นจะต้องใช้ฐานรากสองแบบคือ ฐานรากแบบเสาเข็มซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในบริเวณที่เป็นดินอ่อน แต่ในพื้นที่เป็นดินแข็งสามารถใช้ฐานรากตื้นได้เลยโดยไม่ต้องใช้ฐานรากเสาเข็ม “ฐานรากตื้น” จึงเป็นสิ่งที่เขาสนใจในการคำนวณหาแรงแบกทานที่เหมาะสม

“สาเหตุที่เลือกหัวข้องานวิจัยนี้เพราะตอนนี้ในประเทศไทยมักเกิดเหตุการณ์หลุมยุบอยู่บ่อยๆ ซึ่งมาจากสาเหตุหลักสามประการคือ หนึ่งน้ำกัดเซาะโพรงหินใต้ดินเกิดการพังและยุบตัว สองการสูบน้ำชั้นใต้ดินขึ้นมาใช้และทำให้เกิดโพรงใต้ดิน และสามชั้นหินและทรายบริเวณริมน้ำถูกกัดเซาะและพัดจากตลิ่งลงน้ำ ซึ่งการงานวิจัยนี้ศึกษาเพื่อดูว่า ขนาดของหลุมขยายใหญ่เท่าไหร่ จึงจะมีผลต่อฐานรากตื้นของบ้านพักอาศัย” จักรพงษ์กล่าว

ด้าน คติพงษ์ ได้อธิบายถึงขั้นตอนการทดลองแต่ละส่วนหลังจากที่ทำการสืบค้นและเก็บข้อมูลเพียงพอแล้ว ซึ่งการทดลองในส่วนแรกคือ ในห้องปฏิบัติการเพื่อจำลองหลุมยุบขนาดย่อส่วนจากขนาดจริง คือ 2.42 เมตร เหลือเพียง 11 เซนติเมตร ในลักษณะครึ่งวงกลมมีความหนาของผนังหลุม 1.3 เซนติเมตร โดยมีส่วนผสมสำหรับการทำแบบจำลองเป็น ทรายผสมกับแคลเซียมคาร์บอเนต ในอัตราส่วน 50:50 และน้ำอีก 10% ของส่วนผสมทั้งหมด

“เหตุผลที่เลือกใช้แคลเซียมคาร์บอเนตมาทำแบบจำลองเนื่องจากมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับลักษณะพื้นดินที่เกิดการละลายจากน้ำกัดเซาะ ส่วนแบบจำลองฐานรากตื้นจากพื้นที่จริงเป็นคอนกรีตแต่จำลองโดยใช้อะลูมิเนียมอัลลอยด์เป็นฐานรากตื้นวงกลมขนาด 8.5 และหนา 4.5 เซนติเมตร โดยสัดส่วนทั้งหมดย่อจากสัดส่วนจริง 22 เท่า และเมื่อแบบจำลองเซ็ตตัวแล้วจึงเริ่มทดสอบ จากการศึกษาพบว่า ถ้าความลึกของหลุมยุบยิ่งมากโครงสร้างของหลุมยุบจะได้รับอิทธิพลจากแรงกดจากฐานรากน้อย ส่วนความกว้างของหลุมยิ่งมากทำให้ความสามารถในการรับแรงแบกทานของฐานรากลดลง” คติพงษ์กล่าว

นอกจากนี้ จักรพงษ์และคติพงษ์ ยังทดลองในส่วนที่สองผ่านโปรแกรมสำเร็จรูป “ วิธีไฟไนต์เอลิเมนต์” หรือโปรแกรมที่จำลองพฤติกรรมของดิน ซึ่งสามารถนำมาจำลองพฤติกรรมของหลุมยุบเท่าขนาดจริง 2.42 เมตรได้ และฐานรากตื้นขนาด 1.8 เมตร ทั้งนี้ ในการทดสอบได้มีการเพิ่มขนาดของหลุมยุบเพื่อเป็นกรณีศึกษาตั้งแต่ขนาด 0.5, 1, 2.4, และ 3.4 เมตร และเพิ่มความลึกของหลุมทุกๆ 0.5 เท่าของความกว้างหลุม จากการทดสอบพบว่า หลุมที่มีขนาดเป็น 0.97 เท่าของฐานรากขนาด 1.8 เมตร จะเกิดการพังทลายทันทีเมื่อได้รับแรงกดจากฐานราก ในขณะที่หลุมขนาดเล็กกว่า 1.50 เมตร สามารถรับแรงกดจากฐานรากจะลดลงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความลึกของหลุม

ผศ.ดร.ทวีชัย กาฬสินธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชาครุศาสตร์โยธา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของโปรเจคนี้ ให้ความเห็นว่า จุดเด่นของงานวิจัยน่าจะอยู่ที่นักศึกษาทั้งสองคนสามารถกำหนดปัญหาขึ้นเอง และนำความรู้ที่ได้เรียนมาใช้แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพซึ่งการทดลองนี้นับเป็นชิ้นแรกที่นำโจทย์เรื่องหลุมยุบมาเป็นหัวข้อการทำโครงงานวิทยานิพนธ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาและเป็นจุดเริ่มต้นในการต่อยอดงานวิจัยที่เกี่ยวข้องของนักศึกษารุ่นถัดไป

“แต่ถ้าพูดถึงปัญหาหลุมยุบที่เกิดในสังคมการจะแก้ไขปัญหานี้ได้ดีที่สุดต้องอาศัยการผสมผสานศาสตร์ความรู้ทั้งทางด้านธรณีวิทยา และวิศวกรรมเทคนิคธรณี รวมทั้งงานวิจัยนี้สามารถนำไปต่อยอดความรู้ได้ทั้งในเรื่องของการคำนึงด้านความปลอดภัย เรื่องของการออกแบบและปรับปรุงคุณภาพของดินเพื่อใช้ในงานวิศวกรรมฐานราก รวมถึงการเตรียมเทคโนโลยีให้พร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคต เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือความพร้อมในการแก้ไขปัญหาที่ดี และถึงแม้งานวิจัยนี้จะเพิ่งเริ่มต้น แต่หวังว่าจะเป็นการเริ่มต้นงานวิจัยที่ดีเพื่ออนาคตต่อไป” ผศ.ดร.ทวีชัยกล่าว

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อุตุฯประกาศเตือนภัยฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันฉบับที่9</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>5 กรกฎาคม 2555 05:26 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>


<SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js" gapi_processed="true"> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><GLUSONE size="medium"></GLUSONE>
<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนภัย"ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก" ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 05 กรกฎาคม 2555

ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้

ประกาศ ณ วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ออกประกาศ เวลา 05.30 น.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำท่วมใหญ่รัฐอัสสัมในอินเดีย ตาย95ไร้ที่อยู่เกือบ2ล้าน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>4 กรกฎาคม 2555 23:35 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>


<SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js" gapi_processed="true"> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><GLUSONE size="medium"></GLUSONE>
<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> เหตุอุทกภัยในอินเดีย ที่นายกรัฐมนตรีแดนภารตะให้คำจำกัดความว่าเลวร้ายที่สุดในรอบไม่กี่ปี คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 95 ศพในรัฐอัสสัม และอีกเกือบ 2 ล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย

แม่น้ำพรหมบุตรล้นทะลุกระหว่างพายุฝนฟ้าคะนองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อน้ำไหลบ่าเข้าท่วมหมู่บ้านมากกว่า 2,000 แห่งและสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนราษฎรจำนวนมากในทางภาคเหนือของอินเดีย

รายงานข่าวระบุว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ถูกพัดไปตามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว แต่มีอยู่ 16 รายที่ถูกฝังทั้งเป็นจากดินถล่มลงมาทับหลังมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ขณะที่สำนักงานจัดการภัยพิบัติรัฐอัสสัมระบุได้รับแจ้งว่ามีประชาชนสูญหายอย่างน้อย 14 คน

นายกรัฐมนตรีมันโมฮาน ซิงห์ บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์(2) ว่าประชาชนเกือบ 5 แสนคน ต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่บางส่วนก็ไปพักอยู่กับญาติๆหรือใช้ชีวิตอยู่ในที่โล่ง โดยใช้เตนท์ผ้าใบเป็นสถานที่กินอยู่หลับนอน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทั่วทุกภาคมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>5 กรกฎาคม 2555 06:02 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>


<SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js" gapi_processed="true"> {lang: 'th'}</SCRIPT><IFRAME style="POSITION: static; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; WIDTH: 90px; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 20px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=I1_1341451559972 title=+1 tabIndex=0 marginHeight=0 src="https://plusone.google.com/_/+1/fastbutton?bsv=pr&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FHome%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000082271&size=medium&count=true&origin=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&hl=th&jsh=m%3B%2F_%2Fapps-static%2F_%2Fjs%2Fgapi%2F__features__%2Frt%3Dj%2Fver%3D-m4k14Xrf_g.th.%2Fsv%3D1%2Fam%3D!0Tt3uNrLr0Coc6egjA%2Fd%3D1%2Frs%3DAItRSTP0Sq1-P7cwOMz-U6MGGYLIdpPGUg#id=I1_1341451559972&parent=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&rpctoken=893300308&_methods=onPlusOne%2C_ready%2C_close%2C_open%2C_resizeMe%2C_renderstart" frameBorder=0 width="100%" allowTransparency name=I1_1341451559972 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME>

<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม 2555 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อ่างทองดินยุบอีกถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาพังกว่า 100 เมตร

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม 2555 เวลา 09:14 น.

<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-container -->
<!-- /.images-list-wrapper -->
<!-- /.slide-container -->
<!-- /.slide-wrapper -->
<!-- /.more-img -->

<!-- /.featured-img -->ถนนลาดยางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา เส้นย่านซื่อ-ตลาดอ่างทอง ใน ต.ย่านซื่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง ที่ชาวบ้านใช้สัญจรไปตลาดอ่างทอง เกิดการทรุดตัวลงไปกว่า 1 เมตร เป็นทางยาวกว่า 100 เมตร ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 5 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจาก นายเสถียร จันทร เจ้าของสถานีวิทยุชุมชน ว่า ถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหมู่ที่ 4 ต.ย่านซื่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง ได้เกิดทรุดตัวและพังทลายลง ทำให้กำแพงกั้นน้ำที่เพิ่งสร้างเสร็จประมาณ 1 เดือนพังเสียหายตามไปด้วย จึงเดินทางไปตรวจสอบ บริเวณที่เกิดเหตุเป็นถนนลาดยางเลียบริมแม่น้ำเจ้าพระยา เส้นย่านซื่อ-ตลาดอ่างทอง พบว่าถนนมีการทรุดตัวลงไปกว่า 1 เมตร เป็นทางยาวกว่า 100 เมตร
นายอัมพร กลิ่นพะยอม อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/2 หมู่ 4 ต. ย่านซื่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง เปิดเผยว่า ถนนเส้นนี้เริ่มทรุดตัวตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่ไม่มากนัก ยังพอสัญจรไปมาได้ แต่เมื่อ 2 วันมานี้ ถนนสายนี้ได้ทรุดตัวอย่างรุนแรง จนเกิดพังทลายลง และแตกแยกจนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ นอกจากนี้ยังทำให้กำแพงกั้นน้ำที่ผู้รับเหมาเพิ่งสร้างเสร็จได้ประมาณ 1เดือนต้องพังตามไปด้วย สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในย่านนี้อย่างมาก
นายอัมพร กล่าวอีกว่า ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ชลประทานที่ 12 ชัยนาทลงมาตรวจสอบหาสาเหตุแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องเจาะเพื่อตรวจสอบเนื้อดินด้านล่าง หลังจากเจาะลงไปในชั้นดิน ช่วงความลึกประมาณ 4-5 เมตร ซึ่งมีลักษณะเป็นดินเลน พบว่าดินเกิดการสไลด์ตัวลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา จึงทำให้ดินที่อยู่ด้านบนยุบตัวตามลงไป ส่วนสาเหตุจะเกิดจากการที่ผู้รับเหมาสร้างกำแพงกั้นน้ำหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่หลังจากสร้างเสร็จได้เดือนเดียวก็เกิดเหตุการณ์ดินยุบตัวอย่างที่เห็น ซึ่งพื้นที่นี้น้ำก็ไม่ท่วม จึงอยากให้หน่วยราชการเร่งหาทางช่วยเหลือซ่อมแซมถนนโดยด่วน เพราะชาวบ้านใช้สัญจรไปตลาดอ่างทอง.

อ่างทองดินยุบอีกถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาพังกว่า 100 เมตร | เดลินิวส์

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>คลอรีนรั่วลงระบบประปาตุรกี ล้มป่วย 73 คน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>5 กรกฎาคม 2555 11:57 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>


<SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js" gapi_processed="true"> {lang: 'th'}</SCRIPT><IFRAME style="POSITION: static; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; WIDTH: 90px; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 20px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=I1_1341465442126 title=+1 tabIndex=0 marginHeight=0 src="https://plusone.google.com/_/+1/fastbutton?bsv=pr&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FHome%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000082376&size=medium&count=true&origin=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&hl=th&jsh=m%3B%2F_%2Fapps-static%2F_%2Fjs%2Fgapi%2F__features__%2Frt%3Dj%2Fver%3D-m4k14Xrf_g.th.%2Fsv%3D1%2Fam%3D!0Tt3uNrLr0Coc6egjA%2Fd%3D1%2Frs%3DAItRSTP0Sq1-P7cwOMz-U6MGGYLIdpPGUg#id=I1_1341465442126&parent=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&rpctoken=854825024&_methods=onPlusOne%2C_ready%2C_close%2C_open%2C_resizeMe%2C_renderstart" frameBorder=0 width="100%" allowTransparency name=I1_1341465442126 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME>

<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ที่จอร์เจีย ชานกรุงทบิลิซิพบสารคลอรีนรั่วไหลลงระบบน้ำประปา ส่งผลให้ชาวบ้านล้มป่วย 73 คน ในจำนวนนี้ 27 คน ยังคงต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ขณะที่การตรวจสอบพบว่าสารคลอรีนรั่วไหลออกมาจากถังของบริษัทน้ำประปาแห่งหนึ่ง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ภูเก็ตฝนตกหนักทำน้ำท่วมขังหลายจุดป่าตองท่วมอีก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>5 กรกฎาคม 2555 12:14 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>


<SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js" gapi_processed="true"> {lang: 'th'}</SCRIPT><IFRAME style="POSITION: static; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; WIDTH: 90px; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 20px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=I1_1341466589088 title=+1 tabIndex=0 marginHeight=0 src="https://plusone.google.com/_/+1/fastbutton?bsv=pr&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FSouth%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000082383&size=medium&count=true&origin=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&hl=th&jsh=m%3B%2F_%2Fapps-static%2F_%2Fjs%2Fgapi%2F__features__%2Frt%3Dj%2Fver%3D-m4k14Xrf_g.th.%2Fsv%3D1%2Fam%3D!0Tt3uNrLr0Coc6egjA%2Fd%3D1%2Frs%3DAItRSTP0Sq1-P7cwOMz-U6MGGYLIdpPGUg#id=I1_1341466589088&parent=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&rpctoken=501853502&_methods=onPlusOne%2C_ready%2C_close%2C_open%2C_resizeMe%2C_renderstart" frameBorder=0 width="100%" allowTransparency name=I1_1341466589088 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME>

<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 35px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrshort.aspx?NewsID=9550000082383&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ฝนตกหนักทำน้ำท่วมถนนผังเมืองสาย ก. ป่าตอง จ.ภูเก็ต ขณะที่ในเขตเทศบาลนครภูเก็ต มีน้ำท่วมขังหลายจุด เหตุน้ำระบายไม่ทัน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>น้ำท่วมถนนผังเมืองสาย ก.ที่ป่าตอง เกิดซ้ำซาก เหตุถนนลุ่ม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> วันนี้ (5 ก.ค.) จากกรณีฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตติดต่อกันตั้งแต่เมื่อวานนี้ (4 ก.ค.) จนถึงวันนี้ ส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ตมีน้ำท่วมขัง เนื่องจากไม่สามารถระบายน้ำลงทะเลได้ทัน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ที่มีน้ำท่วมขังบริเวณถนนผังเมืองสาย ก. ด้านหน้าโรงพยาบาลป่าตอง ตั้งแต่เมืองวานนี้จนถึงวันนี้ เป็นระยะทางยาวประมาณ 200 เมตร บางจุดน้ำท่วมขังสูงประมาณ 50 ซม. ทำให้การสัญจรถนนบริเวณดังกล่าวไม่สะดวก รถเล็กไม่ควรที่จะใช้เส้นทางดังกล่าวในการสัญจร ส่วนรถใหญ่ยังสามารถสัญจรไปมาได้

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>น้ำท่วมถนนผังเมืองสาย ก. หาดป่าตอง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> นายพูนศักดิ์ นาคเสนา ปลัดเทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากบริเวณถึงผังเมืองสาย ก. หน้าโรงพยาบาลป่าตอง ว่า จุดดังกล่าวเป็นที่ลุ่ม ประกอบกับฝนตกหนัก ทำให้น้ำไม่สามารถระบายลงทะเลได้ทัน ส่งผลให้น้ำท่วมขังในบริเวณดังกล่าวทุกครั้งที่มีฝนตกหนัก ซึ่งขณะนี้ ในพื้นที่ดังกล่าวรถเล็กไม่ควรสัญจรเข้าไป และให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน ส่วนรถใหญ่ยังสามารถสัญจรไปมาได้

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>น้ำท่วมถนนผังเมืองสาย ก.หาดป่าตอง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> อย่างไรก็ตาม สำหรับสาเหตุที่น้ำท่วมขังในบริเวณดังกลางซ้ำซาก อีกสาเหตุหนึ่งก็เกิดจากพื้นที่ดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งถนนผังเมืองสาย ก. นั้น กรมทางหลวงชนบทได้สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการก่อสร้างประมาณ 250 ล้านบาท การก่อสร้างจะแล้วเสร็จประมาณปี 2556 ซึ่งหลังจากสร้างแล้ว เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องของน้ำท่วมขังเวลาฝนตกหนักในบริเวณดังกล่าวได้ เพราะในการก่อสร้างถนนได้มีการวางท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ไว้แล้ว

นายพูนศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน ในช่วงที่มีฝนตกหนัก และน้ำท่วมขังนั้น ทางเทศบาลได้ระดมเครื่องสูบน้ำลงไปสูบน้ำเพื่อระบายน้ำลงทะเลให้ได้โดยเร็ว ซึ่งก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>น้ำท่วมในตัวเมืองภูเก็ตเกิดขึ้นหลายจุด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> อย่างไรก็ตาม สำหรับในพื้นที่เขตเทศบาลนครภูเก็ต พบว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.วันนี้ (5 ก.ค.) มีน้ำท่วมขังในพื้นที่เขตเทศบาลนครภูเก็ตหลายจุด เนื่องจากระบายน้ำลงทะเลไม่ทัน เช่น ที่บริเวณถนนสุรินทร์หน้าปั๊มน้ำเชลล์ ถนนเยาวราช หน้าร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า แสงฟ้า บริเวณ ถ.บางกอก และ ถ.รัษฎา (ธนาคารกรุงไทย) ถนนพังงา ถนนวิรัชหงษ์หยกทางไปตลาดนัดท้ายรถ และจุดอื่นๆ อีกหลายจุดด้วยกัน

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แอดมิชชันฟอรัมชงเลิกสอบ PAT1-3 ให้ใช้คะแนนสามัญแทน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>4 กรกฎาคม 2555 15:08 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>


<SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js" gapi_processed="true"> {lang: 'th'}</SCRIPT><IFRAME style="POSITION: static; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; WIDTH: 90px; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 20px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=I1_1341467230073 title=+1 tabIndex=0 marginHeight=0 src="https://plusone.google.com/_/+1/fastbutton?bsv=pr&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FQOL%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000081951&size=medium&count=true&origin=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&hl=th&jsh=m%3B%2F_%2Fapps-static%2F_%2Fjs%2Fgapi%2F__features__%2Frt%3Dj%2Fver%3D-m4k14Xrf_g.th.%2Fsv%3D1%2Fam%3D!0Tt3uNrLr0Coc6egjA%2Fd%3D1%2Frs%3DAItRSTP0Sq1-P7cwOMz-U6MGGYLIdpPGUg#id=I1_1341467230073&parent=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&rpctoken=20376261&_methods=onPlusOne%2C_ready%2C_close%2C_open%2C_resizeMe%2C_renderstart" frameBorder=0 width="100%" allowTransparency name=I1_1341467230073 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME>

<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> แอดมิชชันฟอรัม ชงยกเลิกสอบ PAT1, 2, 3 ใช้คะแนนสอบวิชาสามัญ 7 วิชาแทน ด้าน ประธาน ทปอ.มอบให้กลับไปศึกษาข้อดีข้อเสียก่อน ขณะที่อธิบดีบางคนระบุวัตถุประสงค์การใช้ต่างกันแทนกันไม่ได้ ชี้หากปรับจะมีผลต่อแอดมิชชันปี 58 “พงษ์อินทร์” แจงเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่รองรับเข้าสู่อาเซียน ย้ำหากปรับเปลี่ยนต้องประกาศล่วงหน้า 3 ปี

ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในฐานประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เมื่อเร็วๆ นี้ คณะทำงานแอดมิชชันฟอรัม ที่มี ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเนชั่น เป็นประธาน ได้เสนอให้มีการยกเลิกการสอบความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการ หรือ PAT ในส่วนของ PAT1 คือ ความถนัดทางคณิตศาสตร์ PAT2 หรือ ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ และ PAT3 คือ ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์ และใช้คะแนนจากการสอบวิชาสามัญ 7 วิชาแทน ทั้งนี้ ที่ประชุม ทปอ.ยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว และได้ขอให้คณะทำงานแอดมิชชันฟอรั่ม ไปศึกษาถึงข้อดีข้อเสียเรื่องนี้ก่อน และนำมาเสนอที่ประชุม ทปอ.ในวันที่ 26 สิงหาคมอีกครั้ง หากผลจากการประชุมครั้งนี้มีมติให้มีการยกเลิกสอบ PAT1, 2, 3 ก็จะเริ่มปรับใช้ในปี 2558

“มีการอภิปรายในที่ประชุมค่อนข้างมากเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว โดยท่านอธิการบดี บางส่วนไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิก PAT1, 2, 3 แล้วมาใช้วิชาสามัญ 7 วิชาแทน เพราะเห็นว่าการสอบ PAT เป็นการสอบเฉพาะเรื่องและมีความจำเป็น หากเอาวิชาสามัญ 7 วิชามาแทนคงไม่ได้ เพราะวัตถุประสงค์ของการสอบไม่เหมือนกัน ซึ่งหากมีการปรับเปลี่ยนก็จะมีผลต่อระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษา หรือ แอดมิชชัน ในปีการศึกษา 2558 เพราะโดยปกติการปรับเปลี่ยนใดๆ ก็ตามจะต้องประกาศล่วงหน้า 3 ปี อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมเองย้ำเสมอว่าไม่อยากให้ปรับบ่อย เพราะยิ่งปรับบ่อยยิ่งมีปัญหาแลไม่ช่วยให้เกิดผลดีกับนักเรียน และผมเชื่อว่า ทุกระบบนั้นมักจะมีปัญหาแต่เราก็สามารถปรับแก้ไขได้” ศ.ดร.สมคิด กล่าว

ด้าน ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวของคณะทำงานแอดมิชชันฟอรัมนั้น เป็นข้อเสนอเชิงนโยบายระยะยาวเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเพราะต่างประเทศก็ไม่มีการสอบวัดความถนัดทั่วไป หรือ GAT/PAT ประเทศไทยเองก็ต้องปรับตัวทำระบบการศึกษาให้มีมาตรฐานเป็นระบบสากล ก็จะทำให้นักเรียนต่างประเทศ หรือนักเรียนไทยที่เรียบจบจากต่างประเทศสามารถเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขมาก ซึ่งสามารถใช้คะแนนสอบวัดผลในระดับมัธยม หรือคะแนนทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) และคะแนนสอบวิชาสามัญ 7 วิชามาสมัครมาใช้สมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้เลย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหลายมหาวิทยาลัยได้เสนอให้แยกสอบเป็นรายวิชา อย่างเช่น PAT2 วัดความถนัดในวิชาวิทยาศาสตร์ ให้แยกเป็น PAT2.1 ถนัดเฉพาะวิชาฟิสิกส์ PAT2.3 ถนัดเฉพาะวิชาเคมี และ PAT2.3 เฉพาะวิชาชีววิทยา ส่วน PAT1 และ PAT3 ก็มีปัญหาว่า ผลคะแนนของเด็กที่สอบไม่เป็นไปตามความถนัดที่ต้องการจะเน้นจริงๆ เช่น PAT3 วัดความถนัดด้านวิศวกรรมศาสตร์ ที่ควรเน้นในวิชาฟิสิกส์ก็เป็นการสอบสายวิทยาศาสตร์ร่วมๆ และทั้ง PAT1, 2, 3 สอดคล้องกับการสอบวิชาสามัญ 7 วิชา ซึ่งมีการสอบวิชาเหล่านี้อยู่แล้ว จึงคิดว่าน่าจะยกเลิกการสอบเหล่านี้ เพื่อลดจำนวนการสอบของเด็กลง

“เวลานี้ยังไม่มีข้อสรุป เพราะ ทปอ.มอบให้คณะทำงานแอดมิชชันฟอรั่ม ไปศึกษาข้อดีข้อเสียก่อน ในการประชุมที่ผ่านมานั้น มีทั้งคนที่เห็นด้วยไม่เห็นด้วยโดยผู้ที่ไม่เห็นด้วย เสนอว่าควรจะให้มีการสอบ GAT/PAT ต่อ เนื่องจากเพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างเด็กในโรงเรียนดังที่มีคะแนนในวิชาเหล่านี้ดีกว่าเด็กจากต่างจังหวัด จึงขอให้มองผลดีผลเสียให้รอบด้านก่อนสรุป” ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ กล่าว

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กระบี่ประกาศพื้นที่ ม.1 อ่าวนาง เป็นเขตโรคระบาด หลังพบควายเป็นโรคปากเท้าเปื่อย </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>5 กรกฎาคม 2555 08:33 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>


<SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js" gapi_processed="true"> {lang: 'th'}</SCRIPT><IFRAME style="POSITION: static; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; WIDTH: 90px; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 20px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=I1_1341467343208 title=+1 tabIndex=0 marginHeight=0 src="https://plusone.google.com/_/+1/fastbutton?bsv=pr&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FSouth%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000082278&size=medium&count=true&origin=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&hl=th&jsh=m%3B%2F_%2Fapps-static%2F_%2Fjs%2Fgapi%2F__features__%2Frt%3Dj%2Fver%3D-m4k14Xrf_g.th.%2Fsv%3D1%2Fam%3D!0Tt3uNrLr0Coc6egjA%2Fd%3D1%2Frs%3DAItRSTP0Sq1-P7cwOMz-U6MGGYLIdpPGUg#id=I1_1341467343208&parent=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&rpctoken=990631362&_methods=onPlusOne%2C_ready%2C_close%2C_open%2C_resizeMe%2C_renderstart" frameBorder=0 width="100%" allowTransparency name=I1_1341467343208 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME>

<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> กระบี่ - จังหวัดกระบี่ ประกาศให้พื้นที่ ม.1 ต.อ่าวนาง เป็นเขตโรคระบาดชั่วคราว และพื้นที่ในรัศมี 5 กิโลเมตร รวมระยะเวลา 30 วัน หลังพบวัวควายเป็นโรคปากเท้าเปื่อยจำนวนมาก ส่วนพื้นที่ ต.คลองประสงค์ อยู่ระหว่างตรวจสอบ

นายไพบูลย์ เลิศวัฒนาสมบัติ ปศุสัตว์จังหวัดกระบี่ กล่าวถึงกรณีที่พบควายในพื้นที่ ต.คลองประสงค์ อ.เมืองกระบี่ มีอาการป่วยคล้ายเป็นโรคปากเท้าเปื่อยหลายสิบตัว ซึ่งเบื้องต้นนั้น ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบพบว่า ควายมีแผลเปื่อยตามกีบเท้า และปาก ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับโรคปากเท้าเปื่อย จึงได้ฉีดวัคซีนป้องกัน และให้ยาฆ่าเชื้อ แต่ยังไม่สามรถระบุได้ชัดเจนว่า เกิดจากโรคปากเท้าเปื่อยหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการประกาศเขตสงสัยโรคระบาดปากเท้าเปื่อยชั่วคราว แล้วในพื้นที่ ม.1 ต.อ่าวนาง อ.เมือง หลังพบวัวป่วยโรคปาก และเท้าเปื่อย จำนวน 17 ตัว และพื้นที่รัศมี 5 กิโลเมตร คือ หมูที่ 4 ต.อ่าวนาง หมู่.1 ต.หนองทะเล และ ม.4 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ โดยห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ก่อนได้รับอนุญาต ภายในระยะเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันนี้ (3 ก.ค.) และห้ามเจ้าของสัตว์ที่ป่วยเคลื่อนย้ายสัตว์ป่วยออกจากพื้นที่ ซึ่งหลังจากนี้ จะเก็บตัวอย่างสัตว์ป่วยในพื้นที่ตำบลคลองประสงค์ ส่งไปตรวจสอบอีกครั้ง คาดว่ารู้ผลไม่เกิน 1 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม ทางปศุสัตว์กระบี่ ได้มีแผนในการป้องกันโรคกับสัตว์ โดยจะออกฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่ขึ้นทะเบียนไว้ปีละ 2 ครั้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงที่ 2 คือ ระหว่างเดือน พ.ค.-ส.ค. ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนั้น อาจมาจากภาวะฝนที่ตกต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ขณะนี้ยังถือว่าไม่รุนแรง และกรณีที่มีข่าวออกไปว่า มีควายตายนั้นไม่เป็นความจริง มีเพียงแค่ป่วยเท่านั้น

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทัศนียภาพพิศวง! "ปิรามิดจิ๋ว” เรียงสลอนใต้สะพานในก่วงตง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>5 กรกฎาคม 2555 08:45 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>


<SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js" gapi_processed="true"> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><GLUSONE size="medium"></GLUSONE>
<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ก้อนปูนรูปทรงสามเหลี่ยมปลายแหลม ปูพรมกว่าร้อยตารางเมตรบริเวณใต้สะพานหวงสือทางเข้าสนามบินไป๋อวิ๋นนครก่วงโจว มณฑลก่วงตง เมื่อคืนวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา (ภาพ หนันตูหวั่ง)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซี--กลุ่มสื่อจีนรายงาน เมื่อเร็วๆนี้ ชาวก่วงโจวต่างพากันพิศวงงงวยกับภาพที่ดูเหมือนเป็น “ทัศนียภาพใหม่” ของมหานครก่วงโจว นั่นคือ ปูนรูปทรงสามเหลี่ยมปลายแหลมเหมือนปิรามิด เรียงสลอนตามใต้สะพานหรือใต้ถนนลอยฟ้าแห่งต่างๆในนครก่วงโจว ก้อนปูนทรงสามเหลี่ยมปลายแหลมที่ปูพรมตามพื้นใต้สะพานเหล่านี้ บางแห่งปรากฎมาเป็นปีๆแล้ว

“ทัศนียภาพใหม่ ปูนรูปทรงปิรามิด”ตามใต้สะพานและถนนลอยฟ้าในก่วงโจวได้กลายมาเป็นประเด็นร้อนถกเถียงกันในสื่อสังคมออนไลน์จีน โดยหลายเสียงชี้ว่า “ก้อนปูนรูปทรงปิรามิด” เหล่านี้ เป็นผลงานของสำนักงานเทศกิจ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อสกัดกั้นกลุ่มคนไร้บ้าน-จรจัด ที่เที่ยวมายึดครองพื้นที่ตามใต้สะพานเป็นที่หลับนอนในยามราตรีนั่นเอง

เสียงวิพากษ์วิจารณ์มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หลายคนก็ชี้ว่าสำนักงานเทศกิจ ซึ่งรับผิดชอบจัดการระเบียบในเมือง ก็ควรเห็นอกเห็นใจคนไร้บ้าน หาวิธีจัดการที่มีความเป็นมนุษย์กว่านี้

ล่าสุดในคืนวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ปรากฏ “ก้อนปูนรูปทรงปิรามิด” ปูพรมใต้สะพานทางด่วนหวงสือทางเข้าสนามบินนานาชาติไป๋อวิ๋น “ปิรามิดจิ๋ว”แต่ละอันสูงราว 10 ซม. วางห่างกัน 10 ซม. เรียงสลอนเป็นแถวเป็นแนวในบริเวณเกือบ 200 ตารางเมตร ราว 2,000 อัน

เมื่อผู้สื่อข่าวจีนไปตรวจสอบดู ก็เห็น “ปิรามิดจิ๋ว” บางหย่อมถูกแซะออกไปเป็นพื้นที่ว่าง สำหรับคนหนึ่งคนนอนได้

นายหลี่ ผู้อาศัยในเขตเทียนเหอ กล่าวว่าเขาเห็นก้อนปูนทรงสามเหลี่ยมปลายแหลมโผล่ขึ้นมานับสิบตารางเมตรบริเวณถนนอู่ซาน เป็นปีๆแล้ว แต่ไม่รู้ว่าสร้างขึ้นมาแต่เมื่อไหร่ หน่วยงานไหนสร้าง

เจ้าหน้าที่บริษัทก่อสร้างทางทางด่วนสนามบินไป๋อวิ๋น บอกว่าก้อนปูนปั้นปลายแหลมมิใช่ผลงานพวกเขา แต่เป็นหน่วยงานในเทศบาลเมืองสร้างขึ้นมา เหตุผลก็น่ามาจากมีกลุ่มคนไร้บ้านจำนวนมากมายึดครองพื้นที่ ไม่เพียงเป็นที่อาศัยหลับนอน ยังก่อไฟทำอาหาร ซึ่งดูไม่ปลอดภัย

ชี้ ก้อนปูนปลายแหลมแก้ปัญหาคนจรจัด “ไม่เป็นมนุษย์”
หาน จื้อเผิง แห่งคณะกรรมการปรึกษาการเมืองสาขานครก่วงโจว กล่าวว่า "หากก้อนปูนรูปทรงสามเหลี่ยมปลายแหลม ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะแก้ปัญหาคนจรจัด ก็เป็นวิธีที่ “ไม่เป็นมนุษย์เอาเสียเลย” ก่วงโจวเป็นเมืองที่มีภาพลักษณ์โดดเด่นในด้านออมชอมให้อภัย มีมิตรจิตมิตรใจแก่กัน ปัญหาคนจรจัดไร้บ้าน ก็ควรสร้างศูนย์ที่พักพิง และช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหาต่างๆ มิใช่ด้วยวิธีการเช่นนี้ โดยอ้างว่าเป็นวิธีที่ช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์ที่สวยงามแก่เมือง"

ภาพปูนปั้นทรงสามเหลี่ยมตามบริเวณใต้สะพานและถนนลอยฟ้าแห่งต่างๆในนครก่วงโจว มณฑลก่วงตง ที่สร้างความพิศวงแก่ชาวเมือง (ภาพ หนันตูหวั่ง)

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ก้อนปูนรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าบริเวณใต้ถนนลอยฟ้าแห่งหนึ่งในก่วงโจว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

หนองบัวลำภูเร่งระบายน้ำท่วมเขตเทศบาลเมืองจากฝนตกหนัก

วันพฤหัสบดี ที่ 05 ก.ค. 2555

หนองบัวลำภู 5 ก.ค.- ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู เช้าวันนี้ (5 ก.ค.) มีน้ำท่วมขังหลายจุด หลังฝนตกหนักมาตั้งแต่เวลา 02.00- 05.00 น. โดยสถานีอุตุนิยมวิทยาหนองบัวลำภูรายงานปริมาณน้ำฝนวัดได้ 102.0 มิลลิเมตร ทำให้น้ำระบายไม่ทันและยังคงมีน้ำท่วมขังในระดับ 15 เซนติเมตร เช่น หน้าโรงเรียนอนุบาลหนองบัวลำภูคริสเตียน ถนนหน้าตลาดสดเทศบาล 1 ระยะทางกว่า 100 เมตร และทางเข้าศูนย์ราชการจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สำนักงานบำรุงทาง เทศบาลเมืองหนองบัวลำภู ระดมเจ้าหน้าที่นำเครื่องจักรออกไปแก้ไข คาดว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติก่อนเที่ยงวัน
นอกจากนี้ ทางหลวงสาย 210 หนองบัวลำภู-นากลาง หน้าสถานีไฟฟ้าย่อย กฟผ. บ้านดอนน้อย ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง น้ำท่วม 20 เซนติเมตร ระยะทางกว่า 50 เมตร รถเล็กผ่านลำบาก และการจราจรทั้งสองฝั่งติดขัด เจ้าหน้าที่เร่งอำนวยความสะดวกระบายรถ.-สำนักข่าวไทย

 

อุตุฯ เตือนภัยฉบับ 10 "ฝนตกหนัก-น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าหลาก" คลุมเหนือ อีสาน ตอ. ใต้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2555 12:55 น.

หลังจากที่ช่วงเช้าวันนี้ (5 ก.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยาไอ้ออกประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก" ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00น. ได้ประกาศออกประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก" ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 โดยมีรายละเอียดดังนี้

ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ เลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้

ประกาศ ณ วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ออกประกาศ เวลา 11.00 น.
สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

 

น้ำท่วมหูหนัน! 16 คนงานเหมืองติดค้าง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2555 13:11 น.

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า เกิดเหตุน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของมณฑลหูหนัน ทางภาคกลางของประเทศ ทำให้คนงานเหมือง 16 คนติดอยู่ใต้เหมืองแห่งหนึ่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางไปยังพื้นที่แล้ว เพื่อเร่งดำเนินการช่วยเหลือต่อไป
นับเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคนงานเหมืองในประเทศจีนอีกครั้ง ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัย โดยปีที่แล้วมีคนงานเหมือง เสียชีวิตทั้งสิ้น 1,973 คนจากหลายสาเหตุ