WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

B1

รถเก๋งเจ้ากรรมหล่นลงไปหงายท้องใน ‘หลุมมฤตยูกลางนครเทียนจิน’

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กันยายน 2554 14:05 น.



เฟิ่งหวงเน็ต--รถเก๋งคันหนึ่งตกลงไปหงายท้องในหลุมขนาดใหญ่ที่มีน้ำขังบริเวณใต้สะพานถังกูไห่เหอบนถนนซินกั่งหมายเลข 3 ผู้สื่อข่าวจีนได้สอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยคมนาคม ได้ความว่าเหตุเกิดในกลางดึกวันที่ 25 ก.ย. โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

รถเก๋งสีแดงผลิตในเทียนจิน ยี่ห้อ ซย่าลี่ หล่นลงไปหงายท้องในหลุมขนาดใหญ่ราว 4 เมตร ภายในหลุมเต็มไปด้วยน้ำเน่าเหม็น ที่นั่งด้านข้างคนขับรถถูกน้ำท่วม ประตูที่นั่งคนขับเปิดออก ไร้ตัวคนขับรถ ในภาพชาวเมืองที่มามุงดูคนหนึ่งได้ใช้ไม้งัดประตูให้เปิดออกกว้าง เพื่อดูว่ามีคนอยู่ข้างในหรือไม่

ขณะนี้ ผู้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวกำลังติดต่อเจ้าหน้าที่มานำรถเก๋งออกไป และเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบต้นตอที่ก่ออุบัติเหตุนี้.

 

B1

จีนเตรียมส่งโมดูลแรกสร้าง “สถานีอวกาศ” ของตัวเอง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กันยายน 2554 23:08 น



จีนเตรียมส่งโมดูลแรกรองรับการสร้าง “สถานีอวกาศ” ของตัวเองก่อนปี 2020 ฉลองวันชาติ! และปลายปีนี้จะทดลองเชื่อมต่อยานอวกาศไร้มนุษย์เป็นครั้งแรก หากทุกอย่างไปได้สวยจะเดินหน้าเชื่อมต่อยานอวกาศอีก 2 ลำที่จะมีนักบินอวกาศเดินทางไปด้วยอย่างน้อยเที่ยวละ 1 คนในปี 2012

ทั้งนี้ การส่งโมดูลไร้มนุษย์ที่ชื่อเทียนกง-1 (Tiangong-1) หรือ “ปราสาทสวรรค์” เป็นก้าวแรกของจีนเพื่อเตรียมพร้อมสร้างสถานีอวกาศก่อนปี 2020 โดยเอเอฟพีอ้างคำแถลงของเจ้าหน้าที่องค์การอวกาศจีนว่า โมดูลดังกล่าวจะถูกส่งไปพร้อมกับจรวดฉังเจิง (ChangZheng) หรือจรวดลองมาร์ช 2 เอฟ (Long March 2 F) จากฐานปล่อยจรวดในทะเลทรายโกบี (Gobi desert) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ก่อนวันชาติจีนซึ่งตรงกับวันที่ 1 ต.ค.นี้

โมดูลเทียนกง -1 ที่ยาว 10.4 เมตร หนา 3.35 เมตร และ หนัก 8.5 ตันนี้จะถูกใช้เพื่อทดสอบการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในอวกาศ โดยโมดูลที่มีอายุใช้งาน 2 ปีในอวกาศนี้จะรอรับการเชื่อมต่อยานอวกาศไร้มนุษย์เสินโจว 8 (Shenzhou VIII) ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของจีนในการเชื่อมต่อยานอวกาศในวงโคจร หากความพยายามดังกล่าวประสบความสำเร็จจีนจะเชื่อมต่อยานอวกาศอื่นอีก 2 ลำ นั่นคือ เสินโจว 9 และ 10 ในปี 2012 ซึ่งยานอวกาศแต่ละลำจะมีมนุษย์เดินทางไปด้วยอย่างน้อย 1 คน

เอเอฟพีระบุว่าเทคโนโลยีการเชื่อมต่อในอวกาศนี้เป็นเรื่องยาก เพราะยานอวกาศ 2 ลำที่อยู่ในวงโคจรระดับเดียวกัน และโคจรรอบโลกด้วยความเร็ว 28,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นต้องค่อยๆ เชื่อมต่อกันอย่างช้าๆ เพื่อเลี่ยงการพุ่งทำลายกันและกัน โดย ชุย จี๋จวิ้น (Cui Jijun) ผู้อำนวยการศูนย์ปล่อยจรวดจิ่วเฉวียน (Jiuquan launch centre) ในมณฑลกันซู่ (Gansu) บอกทางสำนักข่าวซินหัวว่า มีการปรับปรุงจรวดนำส่งโมดูลกว่า 170 เทคนิค รวมถึงการปรับปรุงฐานปล่อยจรวดซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์คอมพิวเตอร์ เพื่อเตรียมรับเหตุไม่คาดคิดระหว่างปฏิบัติภารกิจ

ทั้งนี้ จีนเพิ่งเปิดประเทศมาประมาณ 30 ปี แต่ก็ก้าวสู่สังเวียนการแข่งขันอวกาศได้ทัน โดยเอเอฟพีได้ยกตัวอย่างกรณีการส่งมนุษย์อวกาศคนแรกของจีนเมื่อปี 2003 และแผนการเชื่อมต่อโมดูลในอวกาศปลายปีนี้ของจีน จะเป็นการตามอย่างความสำเร็จที่สหรัฐฯ และรัสเซียเคยทำไว้เมื่อช่วงทศวรรษ 1960

อิซาแบลล์ ซูร์-แวร์แซร์ (Isabelle Sourbes-Verger) นักวิจัยฝรั่งเศสบอกว่า จีนใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อแบบเดียวกับที่รัสเซียใช้ เนื่องจาก โครงการเสินโจวนี้รับการถ่ายทอดมาจากเทคโนโลยีส่งยานโซยุซ (Soyuz) ซึ่งยานโซยุซนั้นเป็นเทคโนโลยีที่คิดขึ้นโดยสหภาพโซเวียตตั้งแต่ทศวรรษ 1960 และยังคงใช้งานอยู่ถึงทุกวันนี้

จีนนั้นตั้งเป้าสร้างสถานีอวกาศที่มนุษย์อวกาสสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้เป็นเวลาหลายเดือนเหมือนสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station: ISS) หรือสถานีอวกาศมีร์ (Mir) ของรัสเซียในอดีต ให้ได้ก่อนปี 2020 แต่การจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จีนยังต้องประสบความสำเร็จในการยิงจรวดทดสอบอื่นๆ อีก หลังจากโมดูลเทียนกง-1 ตกสู่โลกในปี 2013

“หากจีนแสดงได้ว่าพวกเขามีระบบเชื่อมต่อที่ทำงานได้อย่างแม่นยำ ความสำเร็จดังกล่าวจะส่งให้พวกเขาไปยืนในตำแหน่งที่จีนจะเข้าร่วมในโครงการสถานีอวกาศนานาชาติได้ในสักวันหนึ่ง” ซูร์-แวร์แชร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจำโครงการอวกาศจีนกล่าว แต่เธอเตือนว่า ความสำเร็จดังกล่าวคงยังไม่เกิดขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ดี ในความเห็นของ มอร์ริส โจนส์ (Morris Jones) ผู้เชี่ยวชาญอวกาศออสเตรเลีย กล่าวว่า สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางจีนไม่ให้เข้าร่วมในโครงการสถานีอวกาศจะเป็นเรื่องทางการเมืองมากกว่า โดยสหรัฐฯจะคัดค้านอย่างแข็งขัน แต่ก่อนที่จะมีประเด็นเรื่องความร่วมมือระดับนานาชาติ ก็จะมีเทียนกง2 และ 3 ที่มีล้ำหน้าทางด้านเทคโนโลยีมากขึ้น และจีนจำเป็นต้องทดสอบเทคโนโลยีสำหรับสถานีอวกาศที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

ปักกิ่งเริ่มต้นโครงการส่งมนุษย์ไปอวกาศเมื่อปี 1990 หลังซื้อเทคโนโลยีจากรัสเซีย ซึ่งทำให้จีนกลายเป็นชาติที่ 3 ที่สามารถส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศได้ ตามหลังอดีตสหภาพโซเวียตและสหรัฐฯ และในวันชาติจีนเมื่อปีที่ผ่านมา จีนได้ส่งยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ-2 (Chang'e-2) และยานอวกาศลำแรกของจีนที่จะส่งไปสำรวจดาวอังคารมีกำหนดส่งขึ้นไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้โดยจรวดของรัสเซีย

ซูร์ แวร์แชร์บอกอีกว่า ยังไม่ชัดเจนว่าจีนมีแผนที่จะส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์หรือไม่ โดยเฉพาะหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศว่าไม่ส่งคนกลับไปดวงจันทร์ แต่เธอบอกว่าข้อสงสัยนี้น่าจะได้รับการคลี่คลายในเอกสารรายงานของทางการในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึงนี้

อ่านข่าวโครงการอวกาศจีน คลิกที่นี่

 

แนะเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วมชัยนาท

30 กันยายน 2554 เวลา 14:17 น.

แขวงสุพรรณบุรีแนะไปภาคเหนือเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วมชัยนาทโดยใช้เส้นทางถนนเอเชียเป็นหลักเลี้ยวโพธิ์พระยา-ท่าเรือ

นายสมนึก พันธ์อายุวัฒนะ ผู้อำนวยการแขวงการทางหลวงสุพรรณบุรีที่ 1 เปิดเผยว่าขณะนี้เส้นทาง 340 มุ่งสู่จังหวัดชัยนาท ที่จังหวัดชัยนาทมีน้ำท่วมสูงช่วงอำเภอมโนรมย์ การจราจรติดขัดเป็นอย่างมากเพราะถนนดังกล่าวเป็นถนนสายหลักที่ประชาชนใช้ขึ้นสู่ภาคเหนือ ซึ่งลดการสะสมรถช่วงจังหวัดชัยนาท โดยเฉพาะอำเภอมโนรมย์ ขอให้ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนที่สัญจรขึ้นสู่ภาคเหนือให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางถนนสาย โพธิ์พระยา – ท่าเรือ โดยสามารถเลี้ยวขวาตรงสะพานโพธิ์พระยา และใช้ถนนสายเดิมบางนางบวช –สิงห์บุรี สาย 3032 โดยสามารถเลี้ยวขวาบริเวณสี่แยกเดิมบางนางบวช

ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่จังหวัดชัยนาท ที่มีน้ำท่วมขังเพื่อขึ้นสู่ถนนสายเอเชีย ที่เป็นเส้นทางหลักและไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งทางแขวงการทางมีการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนโดยมีการปักป้ายบอกทางไว้ตลอดเส้นทางเพื่อไม่ให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางเข้าใจผิดในเส้นทางบางช่วงและจะทำให้เกิดความไม่สะดวกในการเดินทางขึ้นสู่ภาคเหนือ

 

ตรวจสอบประตูน้ำคลองเปรมฯ ยืนยันไม่ท่วมดอนเมือง

30 กย. 2554 14:56 น.

นายเทอดธรรม วงศ์กาฬสินธุ์ หัวหน้าฝ่ายวางแผนและแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ สำนักชลประทานเขต 11 กรมชลประทาน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากสำนักระบายน้ำ เขตดอนเมือง กทม.ได้เดินทางมาตรวจสอบระดับน้ำและประตูระบายน้ำคลองเปรมประชากรใต้ ตั้งอยู่ ม.5 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นตูน้ำแห่งสุดท้าย ที่จะกั้นน้ำจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ที่ไหลมาบรรจบกับคลองเปรมประชากร ก่อนจะไหลต่อเข้าไปในเขตดอนเมือง และไหลออกแม่น้ำเจ้าพระยาที่ ต.ปากคลองรังสิต อ.เมืองปทุมธานี ในเบื้องต้นนั้นพบว่าประตูระบายน้ำแห่งนี้ยังมั่นคงและแข็งแรง

นายเทอดธรรม วงศ์กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ระดับน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ที่มีข่าวว่าสูงเพิ่มมากขึ้น และไหลเข้าไปในคลองเปรมประชากร สาเหตุมาจากการเปิดกระสอบทรายที่ประตูน้ำคลองสิบสอง อ.ธัญบุรี นั้น ในข้อเท็จจริงแล้วไม่ใช่ แต่สาเหตุที่แท้จริงคือเมื่อวันที่ 29 กย.และวันนี้ ระดับน้ำทะเลหนุนสูง ทหระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยเนื่องจากไม่สามารถระบาย ออกทะเลได้ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อเข้ามาในคลองรังสิต แต่ไม่เข้าไปในตลาดรังสิตเพราะมีประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ขวางอยู่ แม้ว่าทางเทศบาลนครรังสิตจะระดมสูบน้ำออกมาก็ตามน้ำก็จะมารวมกันอยู่หน้า ประตูคลองเปรมประชากรเหนือ และใต้ เพราะออกเจ้าพระยาไม่ได้ และเมื่อน้ำเอ่อขึ้นอย่างรวดเร็ว ประชาชนที่อยู่ริมคลองจึงได้รับผลกระทบ และอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าน้ำมาจากคลองสิบสอง

ที่ผ่านมาในจังหวัดปทุมธานี นั้นตามคลองซอยต่างๆทุกคลอง จะมีประตูระบายน้ำควบคุมระดับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาทุกคลอง แต่คลองรังสิตประยูรศักดิ์ ที่ออกแม่น้ำเจ้าพระยาในเขต ต.ปากคลองรังสิต อ.เมืองปทุมธานี นั้นไม่มีประตูระบายน้ำ ซึ่งเมื่อเจ้าพระยาสูงขึ้น น้ำในคลองรังสิตก็จะขึ้นตาม ที่ผ่านมามีการศึกษาและวางแผนจะสร้างประตูระบายน้ำบริเวณปากคลองรังสิต แต่ก็ถูกคัดค้านจากประชาชนบางส่วน ถ้าเรามีประตูระบายน้ำและมีสถานีสูบน้ำที่ปากคลองรังสิตเมื่อใด ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ในเขตชั้นในจะหมดลงไปในทันที

 

B1

เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน

อาสาสมัครฟื้นฟูประเทศไทย
★ เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน ★

หน่วยแพทย์์เคลื่อนช่วยผู้ประสบภัย (สาธารณสุข) เจ็บป่วยฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ โทร 1669 (24 ช.ม.)

สายด่วน ปภ. (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) 1784 รับแจ้งเหตุน้ำท่วม 24 ชั่วโมง

สายด่วน กรมชลประทาน โทร 1460 หรือ 02 669 2560 (24 ชั่วโมงช่วงวิกฤติ)

สายด่วน กรมทางหลวง 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง

ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1356

กรมทางหลวงชนบท 1146

การรถไฟแห่งประเทศไทย 1690

บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) 1490

ตำรวจทางหลวง โทร. 1193 สอบถามเส้นทางน้ำท่วม ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โทร 1669 กู้ชีพฟรี 24 ชั่วโมง

มูลนิธิประชาร่วมใจ นครศรีฯ พร้อมกู้ภัย โทร. 075 345 599

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 1129 ตลอด 24 ชั่วโมง

กรณีเหตุฉุกเฉินในพื้นที่ จ.จันทบุรี ติดต่อ กู้ภัยสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี 039-346347

ICT ตั้งศูนย์ปฏิบัติการรองรับเหตุฉุกเฉินแก้ไขปัญหาน้ำท่วม รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง โทร 192 ทั่วประเทศ

ขอความช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมกับไทยพีบีเอส โทร 02-790-2111 หรือ sms มาที่ 4268822 @ThaiPBS

ผู้เดือดร้อนจากน้ำท่วม กทม ปริมณฑลและภาคกลาง ติดต่อ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 1 โทร 02-281-5443

ศูนย์อุทกฯ ภาคเหนือ : 053-248925, 053-262683

ขอขอบคุณ สังคมอาสาสมัครฟื้นฟูประเทศไทย (ผู้เอื้อเฟื้อข้อมูล)

 

B1

เวียดนามสั่งอพยพ ปชช.พื้นที่เสี่ยงหนีภัย"เนสาด"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กันยายน 2554 14:31


อิทธิพลพายุโซนร้อนเนสาด ยังคงส่งผลให้เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนักแถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของจีน วันนี้ ขณะที่ กรุงฮานอยของเวียดนาม เริ่มได้รับผลกระทบ
ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ว่า พายุเนสาด จะพัดขึ้นฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนาม ในช่วงบ่ายวันนี้ หลังจากนั้นคาดว่าจะเริ่มอ่อนกำลังลง แต่ยังมีอันตรายค่อนข้างรุนแรง

ล่าสุด ทางการเวียดนามประกาศเตือนประชาชน ราว 5,000 คน บนเกาะนอกชายฝั่งเมืองไฮฟง เร่งอพยพหนีภัยพายุ พร้อมเรียกเรือประมงกลับเข้าฝั่ง และวอนเกษตรกรเร่งเก็บเกี่ยวพืชผล เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากพายุ

 

ฺB1

อีสานตอนบนรับมือผลกระทบพายุเนสาด

ข้อมูลเกี่ยวกับ:อีสานตอนบนรับมือผลกระทบพายุเนสาด

โดยกรมอุตุนิยมวิทยาของไทย ยังคงประกาศเตือนภัยผลกระทบจากพายุเนสาด

ที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและจีนในวันนี้

มีศูนย์กลางทางตะวันออกของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม 300 กิโลเมตร

เคลื่อน ตัวทางตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย มุ่งหน้าไปทางตอนใต้ของจีน

ส่งผลให้บริเวณประเทศไทยตอนบน ทางภาคอีสานตอนบนบริเวณจังหวัด

หนองคาย, มุกดาหาร, สกลนคร, นครพนม, อุดรธานี และบึงกาฬ

มีฝนตกหนักในบางพื้นที่ เช่นเดียวกับทางภาคเหนือด้านตะวันออก บริเวณจังหวัด

เชียงราย, พะเยา, และน่าน

ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน

น้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ คลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทย

มีกำลังค่อนข้างแรง 2-4 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

 

ฺB1

ผู้ว่าฯ ลำปางแจ้งเตือน ปชช.เฝ้าระวังดินโคลนถล่ม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กันยายน 2554


นายอธิคม สุพรรณพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ทางน้ำไหลผ่าน และที่ลุ่มริมแม่น้ำในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก เนื่องจากที่ผ่านมาในบางพื้นที่บางอำเภอ มีดินไหลและน้ำหลากในบางพื้นที่แล้ว จึงขอให้ติดตามประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างใกล้ชิด หากสังเกตพบสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติ ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ในทันที

ทั้งนี้ ได้ประสานให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัย เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยในระยะนี้เป็นพิเศษ โดยหมั่นตรวจวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง หากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติให้รีบแจ้งเตือนชาวบ้านอพยพหนีภัย ตามแผนที่กำหนดไว้โดยเร็วที่สุด

 

ดินแยกลำปางยาวกว่า1ก.ม.-เตือนปชช.ระวัง

ข่าวภูมิภาค วันศุกร์ที่ 30 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 15:19 น.

เกิดรอยดินแยกยาวกว่า 1 ก.ม. บริเวณบ้านดินดำ วัดพระธาตุดอยเต่าคำ ม. 3 ต.แจ้ซ้อน จ.ลำปาง เตือนชาวบ้านเฝ้าระวัง

นายอุดม จันตาใหม่ นายอำเภอเมืองปาน จ.ลำปาง เข้าตรวจสอบรอยแผ่นดินที่เกิดแยกตัวยาว ซึ่งถือว่ายังคงเกิดขยายความยาวอย่างต่อเนื่อง โดยมีความยาวกว่า 1 กิโลเมตรแล้ว ส่วนรอยแผ่นดินแยกดังกล่าวอยู่ในเขตพื้นที่บ้านดินดำ หมู่ 3 ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ส่วนทางอำเภอเมืองปาน ยังคงเกิดความป็นห่วงว่า พายุลูกใหม่ที่จะเข้ามาอีก อาจจะส่งผลให้เกิดความเสียหายและขยายวงกว้างออกไปอีก

ทั้งนี้ ทางอำเภอเมืองปาน ได้ประกาศเตือนชาวบ้านในพื้นที่บ้านดงดินดำ ให้เฝ้าระวัง โดยเฉพาะจุดสำคัญ บริเวณวัดพระธาตุดอยเต่าคำ วัดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ด้านบน ก็ได้เกิดทรุดตัว และแยกตัวยาวอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากน้ำฝนและน้ำป่าในพื้นที่ในปีนี้ที่ตกลงมาหลายครั้ง และน้ำป่ายังได้ไหลกัดเซาะทำให้เกิดรอยดินแยกเป็นแนวยาว ขณะที่น้ำในลำห้วยแม่มอญ ก็ยังได้กัดเซาะฐานเนินเขาลูกดังกล่าว จนทำให้เกิดแผ่นดินทรุด และแยกตัว ส่งผลให้บันไดนาค ที่เก่าแก่ของวัดพระธาตุดอยเต่าคำ ที่มีจำนวน 60 ขั้น ได้เกิดรอยแยกออกจากกัน จำนวน 6 จุด

Link : ดินแยกลำปางยาวกว่า1ก ม เตือนปชช ระวัง

 

ฺB1

เครื่องบินเล็กตกบนภูเขาในอินโดฯ18คนยังไม่รู้ชะตากรรม

30 กย. 2554 15:02 น.



เครื่องบินเล็กแบบใบพัดรุ่น คาซ่า ซี-212 ที่ผลิตในสเปนของสายการบิน นูซันทารา บัวน่า แอร์
ของอินโดนีเซียประสบเหตุตกบนภูเขาใกล้เมืองเมดาน ใกล้กับจังหวัดอาเจะห์บนเกาะสุมาตรา
ของอินโดนีเซียเมื่อวานนี้ ระหว่างการบินจากจังหวัดสุมาตราเหนือไปยังอาเจะห์ที่ใช้เวลาเพียง
30 นาที โดยเครื่องบินขาดการติดต่อกับหอบังคับการบินไปในช่วงที่บินไปได้ครึ่งทางแล้ว และ
เพียงไม่กี่นาทีต่อมา เครื่องบินก็ส่งสัญญาณฉุกเฉินและหายไปจากจอเรดาร์

จุดที่เครื่องบินตกอยู่ที่ระดับความสูง 1,524 เมตรบนภูเขาในหมู่บ้านบาโฮร็อก ซึ่งอยู่ห่างจาก
เมืองเมดาน 70 กิโลเมตร หน่วยกู้ภัยยังไม่สามารถเดินทางเข้าไปถึงจุดที่เครื่องบินตกได้เพราะ
สภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขา มีหมอกหนาและฝนตกหนัก

และแม้ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าผู้โดยสาร 14 คนซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็ก 4 คนและลูกเรืออีก
4 คนจะรอดชีวิต แต่หน่วยกู้ภัยยังมีความหวังว่าจะยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ในเครื่องบิน เนื่องจากผล
การสำรวจทางอากาศโดยทีมเฮลิคอปเตอร์พบว่า ซากเครื่องบินยังอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ดี
มีประตูบานหนึ่งเปิดออกเพราะแรงกระแทกจากการตก

ขณะที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานว่า ครอบครัวของผู้สูญหายได้เริ่มออกตามหาญาติด้วยตัวเอง
แล้วเพราะทนต่อความล่าช้าไม่ไหว

 

ฺB1

สิงห์บุรีสังเวยน้ำท่วมอีกศพ-เจ้าพระยาลงแล้ว20ซม.




สถานการณ์น้ำ จ.สิงห์บุรี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดลงประมาณ 20 ซม. แต่กระแสน้ำยังแรง แผ่กระจายออกไปสู่ทุ่งนาจำนวนมาก ประชาชนยังเดือดร้อน สลดมีคนจมน้ำตายเพิ่มอีก 1 ศพ...

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. สถานการณ์น้ำใน จ.สิงห์บุรี ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดลงประมาณ 20 ซม. แต่ความแรงของกระแสน้ำยังแผ่กระจายออกไปสู่ทุ่งนาเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนยังคงเดือดร้อน เมื่อเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.แสวง สนูหมื่น พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสิงห์บุรี รับแจ้งเหตุมีคนจมน้ำตาย ที่ถนนเลียบคลองวัดจักรสีห์ หมู่ 6 ต.จักรสีห์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์เวรและสมาคมกู้ภัยจังหวัดสิงห์บุรี ที่เกิดเหตุพบศพ นายเหรียญ ตะปะสา อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/1 หมู่ 7 ต.จักรสีห์ เป็นภารโรงรับจ้าง ร.ร.วัดจักรสีห์

จากการสอบสวน นางเรือง ตะปะสา พี่สาวของผู้ตาย ให้การว่า เมื่อคืนวันที่ 29 ก.ย. เวลา 19.00 น. นายเหรียญได้มารับประทานอาหารที่บ้าน และบอกว่าจะไปอยู่เวรที่ ร.ร.วัดจักรสีห์ แล้วขี่รถ จยย.ยี่ห้อโนวา สีน้ำเงิน ทะเบียน 2ท-2241 กรุงเทพมหานคร พอรุ่งเช้าก็มีคนมาพบศพพร้อมรถ จยย. ตกลงไปในคลองชลประทาน ริมถนนในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า พอผู้ตายขี่รถ จยย.มาถึงที่เกิดเหตุ คงเสียหลักขับลงคลองจนถึงแก่ความตายดังกล่าว จึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป



ด้าน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลเข้าท่วม ต.หัวป่า หมู่ 1-4 รวม 4 หมู่บ้าน จำนวน 553 ครัวเรือน และ ต.โรงช้าง หมู่ 1-6 รวม 6 หมู่บ้าน จำนวน 1,011 ครัวเรือน โดยเฉพาะหมู่ 4-5-6 ต.โรงช้าง ระดับน้ำลึกประมาณ 2-3 เมตร ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

นายทองล้วน เปลี่ยนพันธ์ นายก อบต.โรงช้าง เข้าช่วยเหลือประชาชนด้วยการจัดหาที่พักและนำเครื่องอุปโภค-บริโภคไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม และวันนี้ที่บริเวณลานตลาดนัด หมู่ 3 ต.โรงช้าง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี นายสวนิต คงสิริ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ ผู้แทนสภากาชาดไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางมามอบถุงยังชีพพระราชทานให้แก่ประชาชนชาวตำบลหัวป่าและโรงช้าง จำนน 1,600 ชุด โดยมี นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวต้อนรับและรายงานสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สิงห์บุรี พร้อมร่วมแจกถุงยังชีพพระราชทานแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม.



โดย: ทีมข่าวภูมิภาค

30 กันยายน 2554, 15:16 น.

 

B1

จ.สงขลา - นครหาดใหญ่เปิดศูนย์อำนวยการเตรีมพร้อมรับมือน้ำท่วม

นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย เทศบาลนครหาดใหญ่ ประจำปี 2554 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานและอำนวยความสะดวกในการบรรเทาเหตุ รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการติดตามสภาพอากาศและระดับน้ำ โดยการเชื่อมต่อข้อมูลโดยตรงจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก และสำนักชลประทานที่ 16 สงขลา นอกจากนั้น ยังได้จัดตั้งหน่วยสื่อสารวิทยุศูนย์อุทกภัย 54 และศูนย์อุทกภัยเครื่องแดง พร้อมเปิดหมายเลขโทรศัพท์ 3 คู่สาย และทางสายด่วนกุญชร 1559 เทศบาลนครหาดใหญ่ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพในการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยของเทศบาลนครหาดใหญ่และบรรเทาความกังวลใจของประชาชนได้อีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกัน ยังได้เปิดศูนย์อำนวยการย่อยแบ่งเป็น 4 เขต และกำหนดตัวบุคลากร เครื่องจักร อุปกรณ์กู้ภัย พร้อมกำหนดสถานที่ในการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงและจุดจอดรถในช่วงประสบปัญหาน้ำท่วม เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบได้ล่วงหน้า เพื่อจะได้เตรียมตัวรับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

ลำพูน - น้ำแม่กวงหนุนสูงท่วมลำพูนฉับพลันอีก 2 อำเภอ

นายประจักษ์จิตต์ อภิวาท รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ย้ำเตือนประชาชนพื้นที่ลุ่มต่ำและทางน้ำไหลผ่านให้เก็บทรัพย์สินขึ้นบนที่สูงไว้ล่วงหน้า เนื่องจากยังมีฝนตกหนักด้านเหนือของจังหวัดลำพูนอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันขึ้นอีก ล่าสุดแม่น้ำแม่กวงระดับน้ำสูงอีกครั้งจากฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้น้ำทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชนใน 2 อำเภอ 10 ตำบล คือ อ.เมือง กับ อ.บ้านธิ และมีแนวโน้มขยายพื้นที่ ชาวบ้านเร่งขนของหนีน้ำกันจ้าละหวั่น ทำให้ขณะนี้จังหวัดลำพูนมีน้ำท่วมแล้ว 3 อำเภอ คือ อ.เมือง บ้านธิ และป่าซาง สำหรับแม่น้ำแม่กวงขณะนี้ระดับน้ำอยู่ที่ 5.04 เมตร เกินจุดวิกฤติ 4 เซนติเมตร ปริมาณการไหลของน้ำ 155 ลูกบาตรเมตรต่อวินาที

 

B1

ฟิลิปปินส์ - เตือนพายุลูกใหม่เตรียมพัดเข้าถล่มในช่วงสุดสัปดาห์



ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่น “เนสาด” ในฟิลิปปินส์เพิ่มเป็น 43 รายแล้วในวันนี้(30) ขณะที่ทางการประกาศเตือนพายุลูกใหม่เตรียมพัดเข้าถล่มในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งจะซ้ำเติมความทุกข์ยากแก่ประชาชนเกือบ 1 ล้านคนที่ยังไม่ผ่านพ้นอุทกภัยครั้งใหญ่

ไต้ฝุ่นเนสาดทำให้เกิดฝนตกหนักทั่วทั้งเกาะลูซอนตั้งแต่วันอังคาร(27)ที่ผ่านมา จนเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านจมหายอยู่ใต้กระแสน้ำ

รัฐบาลฟิลิปปินส์ ระบุว่า มีผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันเกือบ 1 ล้านคน และสำนักอุตุนิยมวิทยายังเตือนว่า จะมีพายุลูกใหม่พัดเข้าถล่มเกาะลูซอนอีกในวันพรุ่งนี้ (1)

“ปัญหาคือจะต้องเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังออกสู่ทะเล แต่ฝนที่ตกบนภูเขาใกล้เคียงก็ทำให้มีมวลน้ำไหลลงสู่ที่ราบเพิ่มขึ้นอีก” กราเซียโน ยูมูล ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ เอบีเอส-ซีบีเอ็น

“และเมื่อ นาลเก เคลื่อนตัวมาถึง ก็จะดึงเอาความชื้นจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เข้ามาสู่บริเวณเดียวกันนี้ ทำให้เกิดฝนตกเพิ่มขึ้น”

สภาจัดการและบรรเทาความเสี่ยงภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นเนสาดเพิ่มเป็น 43 ราย จากเดิม 39 รายเมื่อวานนี้(29) เนื่องจากได้รับรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มในพื้นที่ห่างไกล

ทั้งนี้ ยังมีผู้สูญหายไม่ทราบชะตากรรมอีก 30 คน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวประมงที่ออกเรือไปก่อนที่เนสาดจะพัดเข้าฝั่ง

 

B1

ภาพถ่ายดาวเทียม AVN Color แสดงถึงความเร็วลมในบริเวณต่างๆ



แผนที่อากาศบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก



แผนที่ลม





แผนภาพแสดงปริมาณน้ำฝนใน 24 ชั่วโมง



จุดเสี่ยงที่จะเกิดพายุหมุนเขตร้อน

 

B1

ภัยพิบัติอาจมาถึงโดยไม่ทันตั้งตัว

การเตรียมรับภัยพิบัติเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะต้องรู้จักหาข้อมูล ความรู้ เตรียมพร้อมในเรื่องสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นยามฉุกเฉิน รู้จักวิธีเอาตัวรอดเมื่อตนเองประสบภัย ตลอดจนรู้จักวิธีการช่วยเหลือผู้อื่น เช่นในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เป็นอาทิ

ดังนั้นเพื่อความสะดวกจึงรวบรวมความรู้เพื่อการเตรียมรับภัยพิบัติมาให้ทราบเพื่อสามารถที่จะนำไปปฏิบัติจริงได้






...... เตรียมพร้อม รับภัยพิบัติที่อาจมาไม่รู้ตัว (1)

...... เตรียมพร้อม รับภัยพิบัติที่อาจมาไม่รู้ตัว (2)

การเตรียมตัวสำหรับเอาชีวิตรอดเมื่อไร้บ้าน

หากรอดจากภัยพายุ แผ่นดินไหว และออกจากอาคารได้ ควรเตรียมพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยกลางแจ้ง จึงควรเตรียมเป้สะพายหลังใบไม่ต้องใหญ่เพื่อความสะดวกในการเดินเท้า เข็มขัดแบบเอนกประสงค์เพื่อมีที่เก็บของมากขึ้นและไม่เป็นภาระักับเป้บนหลังมากไป เลือกสีดำ น้ำตาล ดีที่สุด

เป้ควรมีเชือกหรือแถบรัดด้านนอกหลายๆเส้นเพื่อใช้รัดของอื่นๆเช่นผ้าห่ม ซึ่งสามารถซุกเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน ถุงเท้า ผ้าขนหนู ถุงขยะใบใหญ่ๆ ฯลฯ ม้วนไว้ด้านใน นอกจากนี้ ควรเก็บอุปกรณ์ขุด ตัก ตัด แซะ ขนาดย่อม (Handtools) ให้หยิบฉวยได้เมื่อต้องการ สำหรับผ่านอุปสรรคกีดขวางทางหนี หรือ สร้างอุปกรณ์จำเป็นไว้ใช้ รวมถึงการก่อไฟ หุงหาอาหาร ฯลฯ หม้อสำหรับต้มน้ำ ยา เฃือกยาวๆ ที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือ ไม้ขีดไฟหรือไฟแช็คห่อในถุงพลาสติกกันน้ำ ไฟฉาย ถ่านก้อนเยอะๆ ใส่ถุงกันน้ำเช่นกัน เตรียมล่วงหน้าได้แต่ควรเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 6 เดือน หากไม่ได้ใช้ให้นำของเก่าไปใช้ก่อนเสมอ

ในการเดินทางควรสวมรองเท้าหุ้มส้น ถุงเท้า และหมั่นผึ่งถุงเท้า เสื้อผ้าใช้แล้ว (หากไม่มีที่ซักและตาก) ห้ามใส่เครื่องประดับเด็ดขาด

เตรียมแพ็คอาหารแห้ง เมล็ดพันธุ์พืชเพื่อปลูกไว้รับประทาน ถ้าเป็นท้องถิ่นที่มีพืชที่ใช้เป็นอาหาร เป็นยาได้ รวมทั้งเนื้อสัตว์บางชนิดที่รับประทานได้ ก็ควรศึกษาไว้บ้าง แมลงเป็นแหล่งโปรตีนและไขมัน จิ้งหรีดมีกรดอะมีโน แต่ไม่ควรรับประทานเนื้อสัตว์สดๆ ให้นำไปผ่านความร้อนก่อน เพราะอาจมีปาราสิต และอย่ารับประทานสัตว์ที่ตายแล้วเพราะอาจติดโรคได้ ก่อนทำให้สุกควรเด็ดหัว ปีก ขาแมลงออกก่อน อย่าเลือกสัตว์ที่รู้อยู่แล้วว่าอาจมีพิษ สัตว์ที่มีมากกว่า 8 ขา หากมีเหลืออาจนำไปตากแห้ง แล้วบดเก็บไว้ประกอบอาหารในภายหลังได้

ใช้น้ำฝนให้เป็นประโยชน์มากที่สุด แต่ไม่ควรดื่มน้ำฝนหรือน้ำจากแหล่งธรรมชาติโดยตรงเพราะอาจมีสารปนเปื้อน แต่ควรต้มเสียก่อนหรือ หาวิธีกลั่นหรือกรองน้ำให้สะอาด หรือดื่มน้ำจากต้นไม้แทน ควรมีภาชนะบรรจุที่มีฝาปิดมิดชิดไว้สำหรับเก็บน้ำดื่ม น้ำใช้

การสร้างที่หลบภัยฉุกเฉิน

กรณีต้องหลบภัยฉุกเฉินเพื่อพักพิงก่อนได้รับความช่วยเหลือ หรือก่อนย้ายไปยังที่ที่ปลอดภัยกว่า ก็สามารถทำที่หลบภัยง่ายๆได้เพียงแต่ดึงกิ่งก้านใบไม้บริเวณนั้นมาพันและผูกเข้าด้วยกันให้เป็นที่กำบัง เมื่อเสร็จภาระกิจก็สามารถแก้ปมที่ผูกออก เพื่อคืนกิ่งก้านใบไม้กลับสู่สภาพเดิมได้

หากมีผ้าใบสักผืน เชือกยาวพอผูกมัดผ้าใบกับสิ่งที่ยึดได้ ก็สามารถทำที่หลบภัยที่กันลมแรงๆได้

อีกวิธีคือหาศษวัสดุเท่าที่พอจะนำมาใช้ได้ มาสร้างเป็นเพิงหลบชั่วคราว

tips & tricks อื่นๆจะนำมาเสนอต่อไปค่ะ

ขอบคุณที่มาอ่านและแสดงความคิดเห็นค่ะ

ปิรันญ่า
23 กรกฎาคม 2551


ในหลวง"ทรงเตือนคนไทย-รับภัยพิบัติ"

พลังงาน ทดแทน ระวังเฟ้อ


ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสแสดงความเป็นห่วงเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทรงให้เตรียมพร้อม ประเทศไทยอาจเกิดแผ่นดินไหวได้ เป็นสิ่งที่น่ากลัว ให้เตรียมตัวเตรียมใจรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งทรงเล่าเคยประสบมาแล้วที่เชียงใหม่ ทรงแนะนำให้ฟังผู้เชี่ยวชาญถึงวิธีการรับมือ นอกจากแผ่นดินไหวแล้วก็ยังมีภัยน้ำท่วม และภัยจากพายุ

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทานแก่ คณะเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ไทยที่ปฏิบัติราชการอยู่ในต่างประเทศ และคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสที่กระทรวงการต่างประเทศ จัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยประจำปี 2551 เมื่อเย็น วันที่ 27 พ.ค. 2551

"..... ถ้าเรามีการทำการเกษตรเพื่อเป็นอาหาร หรือเป็นสิ่งที่ขายต่างประเทศมากเกินไป เราก็ไม่ผลิตอะไรที่มาช่วยให้การเป็นอยู่ดีขึ้น อันนี้เป็นสำคัญ ตอบยากว่าแค่ไหนพอเหมาะ ได้เห็นมาว่าเอะอะอะไรจะทำอะไรก็เห่อกัน เห่อว่าจะทำอะไรให้มากเกินไป ถ้าทำการเกษตรเพื่อเป็นพลังงานทดแทน นี่แหละคงหมายความว่าอย่างนั้น พลังงานทดแทน ถ้ามากเกินไปลงท้ายก็เฟ้อ"

"อย่างแผ่นดินไหวทางประเทศที่จะมีแผ่นดินไหวก็มีหลายแห่ง โดยเฉพาะเขตแดนใกล้พม่านี้ก็มี มีแผ่นดินไหว แล้วเขาก็ถามว่าอยากไปอยู่ที่ไหนที่ไม่ค่อยมี เขาก็บอกว่า แถวภาคอีสานมีน้อย แต่ภาคอีสานก็มี แผ่นดินไหวมีทุกแห่งในโลกนี้ ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมกาย เตรียมใจว่าในประเทศไทยก็อาจจะมีทุกเมื่อ แผ่นดินไหว หรืออะไรที่น่ากลัว"

"คือวันที่มีภัยพิบัติ มีได้หลายอย่าง ก็ต้องเตรียมตัวว่ามีได้ อันนี้ก็ที่จะเตรียมตัวทำยังไง ก็ผู้เชี่ยวชาญอย่าง คุณสมิทธ (สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ) เขาบอกวิธีทำอย่างไรให้ ต้องเชื่อกันบ้าง เพราะถ้าคนที่มีความรู้ ก็ต้องฟังอยู่บ้าง ในเมืองไทยอาจมีภัยพิบัติ ภัยพิบัติมีอยู่ได้หลายแห่ง ฉะนั้นก็ เขาก็

ต้องเตรียมใจ เตรียมกาย และเตรียมสถานการณ์ ที่จะดูว่าจะมีอย่างไร ถ้าดูจริงๆ เมืองไทยเนี้ย ก็นับว่าดีมาก ที่ไม่ค่อยมีเหตุการณ์
แต่ก็เกิดขึ้นก็มีอยู่แล้ว คือน้ำท่วมก็มี แผ่นดินไหวก็มี พายุก็มี ก็ต้องเตรียมที่จะมีพายุ
แต่อาจไม่รุนแรงเท่าที่จะเป็น"

 

ฺB1

สุำพรรณบุรี ฝนตกแล้วจ้า 16.15 น. 30-09-2011 :boo:

 

ฺB1

เตาความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่ทำง่ายที่สุด-ถูกที่สุด

http://travelandgetrich.wordpress.com/tag/เตาสำหรับใช้ในยามภัยพิ/

 

แนวคิด
ออกแบบขึ้นโดยแนวคิดเพื่อป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยตามฤดูกาล และตั้งอยู่บนพื้นดินในภาวะปกติ โดยให้บ้านทั้งหลังสามารถลอยสูงขึ้นได้ตามระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไรก็ตามบ้านลอยน้ำนี้ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีน้ำไหลเชี่ยวกรากรุนแรง

ขนาดพื้นที่
ประมาณ 60 ตารางเมตรประกอบด้วยพื้นที่อยู่อาศัย 23 ตารางเมตร ส่วนทำอาหารห้องน้ำและซักล้าง รวม 37 ตารางเมตร

ราคาค่าก่อสร้าง
โดยประมาณ 719,000 บาท (กรณีปลูกสร้างเอง) ไม่ต้องใช้ผู้รับจ้างเหมาและประมาณ 915,000 บาท (กรณีมีผู้รับจ้างเหมา)

วัสดุก่อสร้าง
ใช้วัสดุก่อสร้างพื้นฐานทั่วไปที่สามารถหาได้ง่ายในท้องตลาดซึ่งสามารถดัดแปลงได้ตามความเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ทุ่นลอยเป็นถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร หรือถังไฟเบอร์กลาสกรณีต้องการความทนทานเพิ่มขึ้น

ระบบสุขาภิบาล
ใช้ระบบการย่อยสลายโดยมีถังบรรจุจุลินทรีย์ EM ติดตั้งอยู่ใต้ห้องน้ำเพื่อย่อยสลายและเร่งการตกตะกอนของสิ่งปฎิกูล



[
จากภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ได้ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมากทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัย กรมโยธาธิการและผังเมืองซึ่งมีภารกิจหลักประการหนึ่งคือการให้บริการแบบบ้านเพื่อประชาชนที่มีอยู่อย่างหลากหลายรูปแบบในระดับราคาต่างๆ กัน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของบ้านที่จะสามารถป้องกันภัยดังกล่าวได้ จึงได้เริ่มทำการศึกษาเพื่อการออกแบบจากแหล่งต่างๆ ทั้งจากในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บ้านท่าขนอน อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งยังมีบ้านลอยน้ำภูมิปัญญาชาวบ้าน ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในพื้นที่

27 กันยายน พ.ศ. 2550 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมายังกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อทรงเปิดพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เมื่อได้ทอดพระเนตรนิทรรศการแบบบ้านเพื่อประชาชนของกรมฯ แล้วได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับ “บ้านลอยน้ำ”

กรมโยธาธิการและผังเมืองจึงได้ออกแบบบ้านหลังนี้ขึ้นโดยปรับใช้แนวคิดจาก “บ้านลอยน้ำท่าขนอน” และเรือนแพของชาวบ้านในอดีต นำมาประยุกต์ใช้กับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ซึ่งในฤดูแล้งตัวบ้านจะตั้งอยู่บนพื้นดินตามปกติ แต่เมื่อมีน้ำท่วมก็จะลอยขึ้นตามระดับน้ำได้ โดยจะมีการยึดตัวบ้านไว้กับเสาหลักทั้งที่มุมเพื่อป้องกันการโคลงตัวหรือลอยไปตามกระแสน้ำ และเมื่อระดับน้ำลดลงตัวบ้านก็จะกลับมาตั้งอยู่บนพื้นดินตามเดิม

ขนาดของบ้านลอยน้ำที่ได้ออกแบบขึ้นนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของขนาดวัสดุสำเร็จรูปที่มีขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาด เพื่อให้เป็นการใช้วัสดุที่คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้และทำการก่อสร้างได้ง่าย เนื่องจากมีระบบวิศวกรรมโครงสร้างเป็นรูปแบบอย่างง่ายชาวบ้านที่มีความรู้ด้านช่างในระดับทั่วไปก็จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้เอง

บ้านหลังนี้มีขนาดพื้นที่รวมประมาณ 60 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เพื่อความสะดวกในการก่อสร้างและการลอยน้ำแต่หากมีความต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้นก็อาจเชื่อมต่อหลายหลังเข้าด้วยกัน โดยใช้สะพานทางเชื่อมพาดระหว่างชานรอบตัวบ้าน

สำหรับราคาค่าก่อสร้างประมาณการได้ว่ากรณีดำเนินการก่อสร้างเองจะมีราคาประมาณหลังละ 719,000 บาท หากจ้างเหมาราคาประมาณหลังละ 915,000 บาทเนื่องจากต้องมีการคิดค่าดำเนินการ กำไรและภาษีด้วย

แบบบ้านลอยน้ำของกรมโยธาธิการและผังเมืองนี้ น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องอยู่อาศัยในพื้นที่ที่อาจต้องประสบภัยน้ำท่วมตามฤดูกาลได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อยู่อาศัยในบริเวณเที่เป็นที่ลุ่ม โดยอาจปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบและพื้นที่ใช้สอยให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องตามความต้องการที่แท้จริงของตนเองต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก กรมโยธาธิการและผังเมือง

 

ฺB1

จับตา sun ยังระเบิดอยู่เรื่อยๆ