WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

ศปภ.ยันซ่อมคันชุมชนเขียวไข่กาเสร็จแล้ว

22 ตุลาคม 2554 เวลา 22:07 น. |เปิดอ่าน 1,804 | ความคิดเห็น 13
ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,

ศปภ.ยันซ่อมพนังกั้นน้ำที่ชุมชนเขียวไข่กาเสร็จแล้ว เร่งระบายลงแม่น้ำเจ้าพระยา งดเก็บค่าผ่านทางด่วนถึงสิ้นเดือน



เมื่อเวลา21.30น. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญและนายวิม รุ่งวัฒนะจินดา  โฆษกศปภ.และนายอานนท์   สนิทวงศ์ ณ อยุธยา คณะทำงานด้านภาพถ่ายทางดาวเทียม  แถลงข่าวสถานการณ์น้ำท่วมประจำวัน

พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า  ในหลวงและราชินีทรงมีพระมหากรุณาธิคุณมอบถุงพระราชทานไปมอบให้คนไทยที่ประสบภัย   โดยเฉพาะจ.ปทุมธานีที่ประสบภัยใหญ่หลวง  ตอนนี้สี่เหล่าทัพตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าอ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นำประชาชนออกมาได้หนึ่งหมื่นห้าร้อยคน แต่ประชาชนที่อยากกลับเข้าพื้นที่เพราะห่วงทรัพย์สินนั้น ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบเพื่อที่จะส่งเสบียงไปให้ แม้จะยังไม่ทั่วถึงก็ตาม  ส่วนสถานที่พักพิงและสถานที่นำรถไปจอดไว้นั้น ศปภ.จัดเพิ่มเติมไว้ให้โดยควรโทรศัพท์มาสอบถามที่หมายเลข1111กด5

 “การจราจรในกทม.บางแห่งที่น้ำท่วมสูง รถเล็กผ่านไปไม่ได้ หากไม่จำเป็นอย่าผ่านไปโดยควรติดตามจากสื่อมวลชน ทั้งนี้รมว.คมนาคมสั่งการว่า  ด่านตรวจคนเข้าเมืองและด่านตรวจพิเศษ รวมทั้งทางด่วนต่างๆบางด่านนั้น ยกเว้นค่าผ่านทางตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้ถึงสิ้นเดือนนี้เพื่อให้ประชาชนนำรถไปจอด”พล.ต.อ.พงศพัศกล่าว  

นายวิมแถลงว่า  ในวันนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน้ำท่วมย่านบางกระบือ   ด้านโรงเรียนราชินีบน พนังกั้นน้ำพังและมีรอยรั่ว เพราะวันนี้แม่น้ำเจ้าพระยาได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลหนุนสูงผิดปกติ  ทำให้พนังกั้นน้ำไม่สามารถรับน้ำได้  เพราะพนังกั้นน้ำตามแนวคันกั้นน้ำสูงจากฝั่ง2 เมตร 50เซนติเมตร แต่น้ำในแม่น้ำสูงกว่า50เซนติเมตร น้ำจึงไหลท่วมในพื้นที่ดังกล่าว ตอนนี้ได้เสริมกระสอบทรายและยับยั้งการไหลของน้ำเข้าพื้นที่ได้แล้ว  และประสานกทม.เร่งระบายน้ำลงแม่น้ำโดยเร็ว  อีกเรื่องหนึ่งคือน้ำไหลท่วมเขตดอนเมืองด้านเซียร์รังสิต สาเหตุเพราะคลองรังสิตมีรอยแตก5เมตร น้ำจึงไหลเข้าคลองเปรมประชากรและไหลมาเขตดอนเมือง ท่วมถนนวิภาวดีรังสิต สนามบินดอนเมืองตอนเหนือและเซียร์ รังสิต50เซนติเมตร ศปภ.สั่งให้ซ่อมพนังกั้นน้ำด้านนี้และใช้เวลาในคืนนี้ซ่อมแซมได้  จากนั้นมอบให้กทม.เร่งระบายน้ำต่อไป  ส่วนรายงานข่าวจากจ.ปทุมธานี ซอยใจเอื้อ ทางเข้าพระตำหนักจักรีบงกช   ปรากฏว่าชาวบ้านคนหนึ่งลุยน้ำและน่าจะโดนกรดกำมะถันจากโรงงานแบตเตอรี่ในย่านนั้นจนเกิดแผลพุพอง ศปภ.สั่งตรวจสอบและเตรียมสั่งย้ายกรดกำมะถันดังกล่าวแล้ว  

ด้านนายอานนท์กล่าวว่า การตรวจสอบมวลน้ำในวันนี้ โดยมวลน้ำจากจ.อยุธยานั้น  ผลการตรวจจากดาวเทียมไม่พบการเปลี่ยนแปลง ระดับน้ำทรงตัวและลดลงเล็กน้อย   การผันน้ำตามแนวทางของกรมชลประทานนั้นน่าจะได้ผลและขยายผลมากขึ้น ส่วนคลองรังสิตและคลองรังสิตประยูรศักดิ์จะลดการผันน้ำเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาท่วมขังเขตดอนเมือง พื้นที่นี้ท่วมแบบเฉพาะจุดไม่ใช่ไหลบ่า   ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยานั้น ลมที่ปกคลุมประเทศเปลี่ยนเป็นลมตะวันออกจากตะวันออกเฉียงเหนือ โดยฉุดตัวตามแรงหมุนของโลก น้ำเข้าอ่าวไทยตอนบนทำให้ระดับน้ำทะเลหนุนสูงและไม่สมดุลกับน้ำที่ไหลจากตอนบน   แต่เหตุการณ์วันนี้จะเป็นแบบนี้เพียงสองวันเท่านั้น  ย้ำว่าไม่เกี่ยวกับมวลน้ำจากภาคเหนือ เพราะตอนนี้ฝนในภาคเหนือหยุดตกแล้ว มวลน้ำในตอนนี้เป็นน้ำค้างทุ่งที่ค่อยๆระบายออกมา

นายอานนท์กล่าวว่า ส่วนฝั่งตะวันตกของกทม.นั้น มวลน้ำขนาดใหญ่ที่ผ่านจ.นนทบุรีจ.นครปฐม เข้าใกล้คลองมหาสวัสดิ์และทางรถไฟนั้น  หากมวลน้ำมาถึงแนวนี้จะชะลอตัว บางส่วนยกตัว บางส่วนไหลลงคลองย่อยต่างๆ   ก่อนลงมาคลองทวีวัฒนาและคลองภาษีเจริญ คณะทำงานพิจารณาว่า ต้องเพิ่มเครื่องสูบน้ำให้มากขึ้นในสองถึงสามวันข้างหน้า    ฝั่งธนบุรี และอ.พุทธมณฑลจ.นครปฐมควรเตรียมรับระดับน้ำที่จะสูงขึ้น ขอย้ำว่าไม่ใช่การเตือนภัยแต่เป็นการแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมตัว

 

พหลโยธิน ดอนเมือง ตลาดสี่มุมเมือง น้ำเพิ่ม 5-10 ซ.ม./ช.ม.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 ตุลาคม 2554 04:57 น.


       ระดับน้ำที่ ถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าดอนเมือง หน้าอนุสรณ์สถานฯ สูง 50 ซ.ม. และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 5-10 ซ.ม.ต่อชั่วโมง ถนนคู่ขนานตั้งแต่หน้ารร.สังคีตวิทยา ถึงตลาดสี่มุมเมือง รถเล็กผ่านไม่ได้ หน้าตลาดสี่มุมเมือง น้ำเพิ่มสูงขึ้น ชั่วโมงละ 5-10 ซ.ม. เตือนประชาชนที่จอดรถตามซอย ให้นำรถขึ้นที่สูง

 

ภาพถ่ายดาวเทียมเผย มวลน้ำก้อนใหญ่จ่อโถม กทม. ฝั่งตะวันตก




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก GISTDA

ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดเผย มวลน้ำก้อนใหญ่จากอยุธยามีแนวโน้มลงไปทางกทม.ตะวันตกมากกว่า – ขณะที่ฝั่งตะวันออกเริ่มควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ เปิดเผยผลวิเคราะห์จากภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด พบว่า มวลน้ำเหนือจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่จะลงสู่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีโอกาสลงไปทางด้านตะวันตกมากกว่า ซึ่งจะส่งผลให้ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาอาจมีสถานการณ์ยืดเยื้อ

ขณะที่น้ำที่จะลงสู่ทางตะวันออก ด้านคลองระพีพัฒน์ คลองรังสิต และคลองหกวา จะมีปริมาณน้อยกว่า ประกอบกับการจัดการระบายน้ำทางฝั่งตะวันออกเริ่มเป็นไปตามแผนที่สามารถควบคุมได้

 

น้ำลำตะโคงเอ่อท่วมวัดระหารฯบุรีรัมย์


23 ตค. 2554 15:22 น.

สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดใน จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 54 น้ำจากลำตะโคงได้เอ่อล้นตะลิ่งทะลักเข้าท่วมวัดระหารเกาะแก้วธุดงคสถาน ต.บ้านด่านอ.บ้านด่าน โดยน้ำได้ท่วมทั้งถนน กุฎิพระสงฆ์ กุฎิแม่ชี ศาลาการเปรียญ และสวนป่ารอบบริเวณพื้นที่วัด ซึ่งน้ำได้ท่วมประมาณ 50 เซนติเมตร และบางจุดสูงถึง 1 เมตร ทางจังหวัดทหารบกได้นำกำลังพล มาช่วยขนย้ายสิ่งของภายในวัดขึ้นไปเก็บไว้บนที่สูง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมเสียหายแล้ว
นอกจากนี้ทางทหารพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อปพร.ยังได้ใช้เชือกชักลากเรือบริการรับ-ส่งชาวบ้าน และศิษย์ยานุศิษย์ จากทั้งในและต่างจังหวัดที่เดินทางมา ข้ามน้ำเข้าไปทำบุญ และกราบไหว้สรีระของหลวงปู่จันทร์ เขมสิริ อดีตเจ้าอาวาสวัดระหารฯ ที่บรรจุไว้ในโลงแก้ว ภายในพระมหาธาตุรัตนเจดีย์ตลอดทั้งวันด้วย โดยทหาร และ อปพร.จะมาคอยบริการอำนวยความสะดวก ให้กับศิษย์ยานุศิษย์ที่จะเข้ามาทำบุญที่วัดอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์น้ำจะลดลงเข้าสู่สภาวะปกติ
นายพรเชษฐ์ แสงทอง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า ทางจังหวัดได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจากภาวะน้ำท่วมแล้ว 22 อำเภอ จากทั้งจังหวัดมี 23 อำเภอ ได้รับผลกระทบ 137 ตำบล กว่า 1,500 หมู่บ้าน นาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายแล้วกว่า 57,000 ไร่ ถนน 94 สาย วัด 3 แห่ง ส่วนบ้านเรือนกำลังอยู่ระหว่างการสำรวจ เนื่องจากขณะนี้น้ำจากลำน้ำมูล ลำน้ำชี ยังเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนในหลายพื้นที่ และทางอำเภอยังรายงานข้อมูลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง



นายกฯสั่งเฝ้าระวังน้ำทะลัก ดอนเมือง-หลักสี่


23 ตค. 2554 13:14 น.

น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธยังไม่ทราบกระแสข่าวที่มีการระบุว่า ศปภ.ได้ประเมินหากน้ำท่วมกรุงเทพมหานครจะย้ายศปภ.ไปยังจ.ชลบุรี แต่ยอมรับวันนี้น้ำอาจมีผลเข้ามาในกทม.บ้าง อย่างที่ประชาชนได้ติดตามข่าวซึ่งมีหลายจุดที่มีกระแสลมพัดสูงและทำให้น้ำเอ่อล้นแนวพนังกั้นน้ำ โดยขณะนี้กำลังประสานงานกับกทม.ในการเร่งสูบและแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะพื้นที่เซียร์ รังสิต และอาจจะมีปัญหาในพื้นที่ดอนเมือง หลักสี่ ที่น้ำท่วมขังซึ่งจะเร่งสูบระบาย แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมดของกทม. และจะพยายามเฝ้าระวังซึ่งวันนี้หลายจุดอาจจะมีน้ำเอ่อล้น แต่เจ้าหน้าที่ก็เข้าไปทำการซ่อมแซมดูแล และตอนนี้ยังมีปัญหาจุดประตูน้ำพระอินทร์ที่ยังปิดไม่ได้ โดยจะหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะหามาตรการอย่างไรที่จะปิดประตูน้ำ ซึ่งในเชิงเทคนิคเราได้พยายามใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ แต่น้ำเชี่ยวแรงมาก ทำให้การปิดประตูทำด้วยความยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้จะให้โฆษกศปภ. รายงานสถานการณ์ให้ประชาชนได้ทราบเป็นระยะๆ
“ขณะนี้น้ำยังอยู่ในแนวที่กั้นอยู่คือ แนวประตูน้ำพระอินทร์ และคลองเปรมประชากร ซึ่งตามแผนระบายน้ำ อยากให้น้ำเหวี่ยงออกทางตะวันออก คือคลองระพีพัฒน์ และคลองรังสิตประยูรศักดิ์ แต่เนื่องจากสภาพเป็นแอ่งที่ช้อนขึ้น ทำให้น้ำเข้าไปแต่ไม่มากเท่าที่เราคาดหวัง ประกอบกับน้ำที่ไหลมาจากอยุธยา ค่อนข้างแรงมารวมที่คลองเปรมประชากร และเป็นภาระหนักของประตูน้ำพระอินทร์และประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เป็นส่วนที่ทำให้เป็นห่วง และพยายามกั้นเพื่อชะลอน้ำไม่เข้ากทม. ชั้นใน” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
เมื่อถามว่า พื้นที่กทม.ที่ได้รับผลกระทบระดับน้ำจะสูงเท่าใด น.ส. ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ระดับน้ำในบางพื้นที่อยู่ที่ 50 เซนติเมตร ถึงเมตรกว่า แต่พื้นที่ที่เราเป็นห่วงคือ พื้นที่ดอนเมือง หลักสี่ ส่วนกทม. ชั้นในพยายามดูแลควบคุมสถานการณ์ สำหรับเขตพื้นที่บางกระบือที่น้ำเจ้าพระยาทะลักเข้านั้น เวลานี้น้ำล้นเข้ามาประมาณ 50 เซนต์ ซึ่งได้ประสานกับกทม. โดยทางปลัดกทม.บอกว่าจะเร่งสูบระบายน้ำออกอย่างเต็มที่ และน้ำที่ล้นเข้าทางโรงเรียนราชินีบน บริเวณบางกระบือ ก็จะพยายามเต็มที่ไม่ให้กระทบถึงเขตพระราชฐาน ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่คิดว่ายังควบคุมสถานการณ์ได้ โดยตนจะเข้าประชุมและติดตามสถานการณ์และจะรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะๆ แต่ก็ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าคนกทม. จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำเพียงใด เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่คุมไม่ได้ เนื่องจากน้ำมาจาก 2 ทิศทางรวมกัน ขณะเดียวกันพยายามทำในส่วนของพนังกั้นน้ำต่างๆ ไว้
“ขอเรียนว่าพี่น้องกทม.จะมีผลกระทบบ้าง เนื่องจากน้ำจะต้องไหลผ่านลงมาตามคลองต่างๆ โดยเฉพาะคลองแสนแสบที่จะเป็นคลองเร่งระบายน้ำ ที่ถูกทางที่สุด และต้องอาศัยท่อระบายน้ำในกทม.ปล่อยลงไปให้เร็วที่สุดด้วยก่อนที่น้ำทะเลจะหนุนสูงในช่วงสิ้นเดือนนี้ ส่วนน้ำในเจ้าพระยาที่จะขึ้นสูงสุดของวันนี้ ในเวลา 18.30 น.นั้น หลังจากเข้าไปสรุปสถานการณ์ในภาพรวมแล้วจะแจ้งให้ประชาชนทราบ แต่เบื้องต้นวันนี้ เขตพื้นที่ดอนเมือง หลักสี่ต้องเฝ้าระวังกัน และเพื่อความปลอดภัยอยากให้ประชาชนย้ายสิ่งของมีค่าต่างๆ ออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อความปลอดภัยและไม่อยู่ในความไม่ประมาท” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว



เฝ้าระวังชุมชนเขียวไข่กา 24 ชั่วโมง


23 ตค. 2554 08:27 น.

เวลา 03.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบริเวณท่าเขียวไข่กา แยกบางกระบือ ถนนสามเสน แขวงนครชัยศรี เขตดุสิต กทม.หลังจากที่น้ำเจ้าพระยาได้ทะลักใต้กำแพงโรงเรียนราชินีบนที่ติดกับแม่น้ำจ้าพระยาผ่านเข้ามาท่วมในชุมชนเขียวไข่กา และมีข่าวจากทางการว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะสูงขึ้นอีกในเวลา 03.00 น. จนชาวบ้านผวาต้องอพยพออกจากชุมชนจำนวนมาก ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่เขตดุสิต รวมทั้งชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงได้ช่วยกันทำแนวกระสอบทรายกั้นเสริมกั้นถึงสองชั้นที่บริเวณแยกบางกระบือเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเอ่อล้นท่วมเข้ารไปที่ถนนสามเสน โดยเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
นายสุเทพ ชูชาติ อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่เทศกิจสำนักงานเขตดุสิต กล่าวว่า มีการสนธิกำลังจากหลายฝ่ายเพื่อนำกระสอบทรายมาทำผนังกั้นสูงกว่า 1.30 เมตรที่บริเวณแยกบางกระบือเพื่อป้องกันน้ำไม่ให้ทะลักเข้ามาถึงถนนสามเสน และชาสวบ้านก็มีการอพยพออกมาแล้วบางส่วน อีกบางส่วนก็ยังอยู่ในบ้าน ซึ่งทางการก็มีการตัดไฟเพื่อความปลอดภัย และแอจกจ่ายเทียน เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ตลอดจนอำนวยความสะดวกให้กับชาวบ้านในเวลากลางคืนหากว่าจะเดินทางกลับเข้าบ้านโดยจะมีเรือจำนวน 3 ลำเข้าไปส่งถึงที่
ขณะที่ นายสุรวิทย์ ศิริวิทยารัตน์ เจ้าหน้าที่ อปพร.กล่าวว่า สาเหตุเกิดจากน้ำทะลักใต้กำแพงโรงเรียนราชินีบนเข้ามาขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังพยายามอุดรอยรั่วอยู่ แต่ยังอุดไม่ได้ อย่างไรก็ตามเจ้าหนาที่ก็ได้ทำพนังกั้นน้ำขึ้นมาถึง 2 ชั้น และมีการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้มีใครเอากระสอบทรายออก ส่วนที่มีข่าวออกไปว่าน้ำเจ้าพระยาจะหนุนสูงขึ้นมาในเวลาตี 3 นั้นระดับน้ำลดต่ำลงด้วยซ้ำไปสูงประมาณ 2.60 เมตรเท่านั้นจากที่สูง 3.45 เมตรในช่วง 4 โมงเย็นวันที่ 22 ตค.ที่ผ่านมา แต่คาดว่าระดับน้ำจะสูงในเวลาประมาณ 16.00 น. วันนี้ซึ่งก็ยังต้องเฝ้าระวังตลอด

 

ชาวบางบัวทองผวา!! จระเข้บิ๊กไซส์หลุด 4 ตัว จับได้ 2 ตัว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 ตุลาคม 2554 15:17 น.


จระเข้ขนาดความยาวกว่า 2 เมตร ถูกเจ้าหน้าที่นำใส่เรือเพื่อเตรียมนำไปไว้ยังที่ปลอดภัย หลังถูกจับได้ขณะว่ายน้ำอยู่บนบริเวณข้างเทศบาลบางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ (23 ต.ค.) โดยก่อนหน้า เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบจระเข้ขนาดใหญ่ลอยคออยู่บริเวณกลางถนนที่ถูกน้ำท่วม จำนวน 4 ตัว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าจับ โดยใช้เวลาตามหาและไล่ล่านานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถจับได้ 1 ตัว นอกจากนี้ ในเวลาไล่เลี่ยกัน ชาวบ้านสามารถจับได้อีก 1 ตัว ขณะลอยคออยู่กลางถนน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่า อาจเป็นจระเข้ของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ในบ่อแห่งหนึ่ง ภายในเขต อ.ไทรน้อย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ พร้อมประกาศเตือนประชาชนให้ระวังอันตราย เนื่องจากมีจระเข้ขนาดความยาวกว่า 4 เมตร ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับได้

 

กทม.คาดใช้เวลาระบายน้ำเพิ่ม2เท่า

23 ตุลาคม 2554 เวลา 15:14 น. |เปิดอ่าน 460 | ความคิดเห็น 1
ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,

กทม.ต้องใช้เวลาระบายน้ำเพิ่มเป็น 2 เท่า หลังคาดสัปดาห์นี้มีฝนตกต่อเนื่อง ยันเปิดประตูระบายน้ำกว้างสุดเท่าที่จะทำได้แล้ว วอนรัฐดูแลคนต้านสร้างคักกั้นน้ำถ.พหลโยธินตัดคลองรังสิต

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงสถานการณ์น้ำประจำวันที่ 23 ต.ค.ว่า
จากการพยากรณ์อากาศคาดว่าในสัปดาห์นี้จะมีฝนตกต่อเนื่องเกือบทุกวัน ซึ่งคงต้องใช้เวลาในระบายน้ำท่วมขังเพิ่มมากขึ้นด้วย ประกอบกับขณะนี้กทม.เปิดประตูน้ำกว้างมากขึ้นเพื่อระบายน้ำจากเหนือไปใต้ โดยหากมีฝนตก 40-100 มล. จะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเวลาที่ต้องใช้ในการระบายตามปกติ


สำหรับสถานการณ์น้ำ 4 เขตด้านตะวันออกยังไม่น่าเป็นห่วง ปริมาณน้ำยังไม่มีผิดปกติแต่ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อไป โดยเฉพาะประชาชนที่ยังอยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วมและไม่อยากย้ายเข้าไปที่ศูนย์พักพิงที่กทม.จัดไว้ให้

สั่งถอนกำลังเสริมคันกั้นที่หลักหกหลังถูกคนต้าน

สำหรับเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ของกทม.ที่หลักหกเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นจุดอ่อนน้ำท่วม บริเวณ ถ.พหลโยธินตัดคลองรังสิต ในพื้นที่จ.ปทุมธานี โดยกทม.ได้เข้าไปสร้างคันกั้นน้ำชั่วคราว แต่พบว่ายังไม่สูงพอ จึงได้เข้าไปเสริมแนวคันกั้นน้ำและพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วนเมื่อคืนนี้ แต่ปรากฎว่ามีประชาชนบางกลุ่มต่อต้านการทำงานของกทม.โดยใช้อาวุธและความรุนแรง

เมื่อเจ้าหน้าที่ของกทม.ไม่ได้รับการคุ้มครองและอาจได้รับอันตรายถึงชีวิตจึงได้สั่งการให้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดตั้งแต่เวลา 01.00 น. ขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวจึงยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้มีน้ำทะลักเข้าพื้นที่ อาจเข้าถึงอนุสรณ์สถานและดอนเมืองในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่อาจให้เจ้าหน้าที่ของกทม.เข้าปฏิบัติงานในสถานการณ์เสี่ยงต่อชีวิตได้ หากไม่ได้รับการคุ้มครองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นต้องสั่งให้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทันทีเพื่อความปลอดภัย

ขอ ศปภ.สั่งกรมชลฯเปิดประตูระบายน้ำ เครื่องสูบน้ำทุกแห่ง

ขณะนี้ กรณีน้ำล้นคลองประปาน้ำเริ่มลดลง แต่การประปานครหลวงยังไม่สามารถสกัดน้ำได้เต็มที่นัก ระดับน้ำในคลองเปรมประชากรซึ่งรับน้ำจากคลองประปาขณะนี้สูงมากโดยเฉพาะหน้าสน.ดอนเมือง สูงกว่า 1.40 ม. ซึ่งจะส่งผลต่อพื้นที่ชั้นในของกทม. จึงจำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาที่หลักหกและที่คลองประปาอย่างรวดเร็ว

สำหรับการเปิดประตูน้ำของกทม. หากเป็นช่วงฝนทิ้งช่วงกทม.จะเปิดประตูน้ำให้กว้างที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ประตูที่พบว่ายังไม่เปิดไม่ใช่ประตูน้ำในความรับผิดชอบของกทม. เพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล จึงขอให้ศปภ. สั่งการให้กรมชลประทานเปิดประตูระบายน้ำเพื่อระบายน้ำด้านตะวันออกลงใต้ เพื่อลงสู่อ่าวไทย รวมทั้งให้เปิดเครื่องสูบน้ำในสถานีสูบน้ำทุกแห่งทำงานอย่างเต็มกำลัง

นอกจากนี้ กทม.ร่วมมือกับกรมทางหลวงปรับปรุงพื้นผิวถนนร่มเกล้าในส่วนความรับผิดชอบของกรมทางหลวงด้วย เนื่องจากพื้นที่บางส่วนของถนนอยู่ในความรับผิดชอบของกทม. แต่อีกส่วนอยู่ในความรับผิดชอบของกทม. ซึ่งมีระดับสูงเพียง 1.7 ม. เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง

เสริมคันกั้นน้ำด้านตะวันออกป้องกันนิคมอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ กทม.ได้เตรียมความพร้อมของคันกั้นน้ำมาโดยตลอด โดยเฉพาะคันกั้นน้ำด้านตะวันออกเพื่อปกป้องนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง ซึ่งหากนิคมอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม มีผลต่อการว่าจ้างแรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนชาวต่างจังหวัดด้วย

เพิ่มศูนย์พักพิง 5 แห่ง คาดรับผู้อพยพได้อีกกว่า 10,000 คน

ในขณะนี้ ในพื้นที่กทม.มีผู้อพยพเข้าไปพักอาศัยในศูนย์พักพิงของกทม.แล้ว 43 ศูนย์ฯ ใน 14 เขต รวม 2,683 คน มากที่สุดในพื้นที่เขตลาดกระบัง 225 คน ทั้งนี้ กทม.ได้เตรียมศูนย์พักพิงเพื่อรองรับผู้อพยพไว้แล้วจำนวน 40,000 -50,000 หมื่นคน แต่จะเพิ่มสถานที่อีก 5 แห่ง คาดรับผู้อพยพได้อีกกว่า 10,000 คน รวมทั้งได้รับความอนุเคราะห์จากหน่วยงานราชการ ซึ่งจะเปิดเป็นศูนย์พักพิงเพิ่มเติม เพื่อเตรียมพร้อมรองรับปัญหาที่อาจเกิดในอนาคต

ทั้งนี้ กทม.ได้เลื่อนกำหนดเปิดโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครทุกแห่ง ทุกเขตเป็นวันที่ 15 พ.ย. และจะสอนชดเชยในวันเสาร์-อาทิตย์

ประกาศเตือชาวบ้านนอกคันกั้นน้ำย้ายสิ่งของ-ออกจากพื้นที่

กทม.ได้ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์อุทกภัยกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 3/2554 เนื่องจากยังมีประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่อาศัยอยู่นอกคันกันน้ำเป็นจำนวนมาก ได้รับผลกระทบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีระดับสูงขึ้น เนื่องจากมีน้ำเหนือไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วและมีจำนวนมาก กทม.จึงขอให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของ ทรัพย์สินมีค่า รถยนต์ และปลั๊กไฟ ขึ้นบนที่สูง หรือเคลื่อนย้ายไปยังศูนย์พักพิงที่กทม.จัดไว้ โดยขอให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำจากข่าวสารของกทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจ กทม.จะทำหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างสุดความสามารถ

นอกจากนี้ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลแผนอพยพและการช่วยเหลือได้ที่เว็บไซต์ กรุงเทพฯ : Bangkok Metropolitan Administration หรือสอบถามได้ที่สำนักงานเขต หรือศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร โทร.1555

 

กทมหวั่นตลาดท่าเรือศิริราชถล่ม

23 ตุลาคม 2554 เวลา 14:55 น. |เปิดอ่าน 687 | ความคิดเห็น 2
ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,

เจ้าพระยาน้ำเพิ่มต่อเนื่องเอ่อท่วมตลาดศิริราช ผู้ค้าหวั่นน้ำเซาะพื้นคอนกรีตทำเสี่ยงถล่มหลังพบรอยร้าวหลายแห่ง

เมื่อเวลา14.30น. สถานการณ์น้ำท่วมที่ท่าเรือศิริราช ยังคงมีประชาชนเดินทางสัญจรข้ามเรือระหว่างท่าพระจันทร์ มายังท่าเรือศิริราช เหมือนเช่นปกติ ทั้งนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้เพิ่มระดับสูงขึ้นและไหลเข้าท่วมตลาดศิริราชอย่างต่อเนื่อง

นางจินดา อยู่สำราญ แม่ค้าขายเสื้อผ้าในตลาดศิริราช กล่าวว่า ระดับน้ำที่ไหลเข้าท่วมตลาดมีความรุนแรงมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา และกัดเซาะโครงสร้างใต้พื้นคอนกรีตของตลาด ทำให้พื้นมีรอยร้าวหลายแห่ง เสี่ยงต่อการถล่มของโครงสร้าง จึงต้องการให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างโดยด่วน เพราะมีร้านค้ากว่า100ร้านตั้งอยู่ในตลาดแห่งนี้

 

นครปฐมเตือนรับน้ำท่วม

23 ตุลาคม 2554 เวลา 15:02 น. |เปิดอ่าน 574 | ความคิดเห็น 1
ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,

น้ำไหลเข้านครปฐมเพิ่ม60ลบ.ม.ปภ.หวั่นซ้ำรอยนนทบุรี-ปทุมธานีให้ชาวพุทธมณฑลเชื่อฟังคำเตือน

นายธงสะทอน ศิริสาคร หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครปฐม เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในจังหวัดช่วง2 วันที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำไหลเข้าจาก 38 ล้าน ลบ.ม. เพิ่มเป็น 60 ล้านลบ.ม.จังหวัดได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนในอ.พุทธมณฑลยกข้าวของขึ้นที่สูง หนีน้ำ1เมตรแล้ว แต่ยังไม่ได้ถึงขั้นสั่งให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ หากสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจจะประกาศให้อพยพทันทีได้มีการจัดศูนย์อพยพแล้ว คือ มหาวิทยาลัยมหิดล และมหามกุฏราชวิทยาลัย

ส่วนแผนการระบายน้ำจ.นครปฐม จะพยายามอำนวยความสะดวกให้กับน้ำได้ไหลผ่านลงไปออกสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด จะไม่มีการกั้นเอาไว้เนื่องจากเห็นบทเรียนของทั้ง จ.ปทุมธานี และ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ที่พยายามปิดกั้นแต่ไม่สำเร็จ ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก

ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนในอ.พุทธมณฑล เชื่อฟังคำประกาศของเจ้าหน้าที่ทางราชการอย่างเคร่งครัด หากให้มีการอพยพออกมาจากจุดน้ำท่วมสูงก็ขอให้เชื่อฟัง เนื่องจากการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือในตอนหลัง จะต้องประสบความยากลำบาก และยุ่งยากในการนำออกมาสู่ที่ปลอดภัย เพราะอ.พุทธมณฑล มีหมู่บ้านจัดสรรอยู่เป็นจำนวนมาก.

 

บางกรวยน้ำท่วมพบจระเข้ยาว2เมตร


ตุลาคม 2554 เวลา 14:43 น. |เปิดอ่าน 689 | ความคิดเห็น 4
ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,

ถนนบางกรวย-ไทรน้อยน้ำเริ่มเอ่อท่วม ชาวบ้านพบจระเข้ยาว2เมตรคาดหลุดจากฟาร์ม ด้านคันกั้นน้ำสะพานพระราม7เริ่มรั่ว

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.สถานการณ์น้ำ บริเวณถ.บางกรวยไทยน้อย ปากทางเข้าซอย6 ได้มีน้ำเริ่มเอ่อท่วม 50 ซม.แล้ว ส่วนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ เร่งเสริมกระสอบทรายสูงประมาณ 1 เมตร ห่างจากเจ้าพระยา 50 เมตร เพื่อป้องกันน้ำเข้าท่วม

ด้านเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ว่าพบจระเข้ความยาวประมาณ 2 เมตร ขึ้นมานอนอยู่บนร้านสหรัฐสเต็ก ถนนกาญจนาภิเษก ใกล้แยกบางกรวย-ไทรน้อย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงรีบนำกำลังไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมประมงจังหวัด พบจระเข้ความยาวประมาณ 2 เมตร 1 ตัวนอนหลบแดดอยู่บริเวณหน้าร้านค้าซึ่งมีน้ำท่วมประมาณ 50 ซม. จึงรีบช่วยกันจับนานกว่า 10 นาที พร้อมทั้งประกาศเตือนประชาชนให้คอยเฝ้าระวังอาจมีจระเข้หลุดออกจากฟาร์มเลี้ยง หากพบเห็นอย่าเข้าใกล้หรือจับเองอาจเป็นอันตรายได้ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

ขณะที่บริเวณสะพานพระราม7 เริ่มมีน้ำรั่วซึมจากคันกั้นน้ำของบริษัทซีแพค ด้านหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังในบริเวณประมาณ 50 ซม. โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้ามาช่วยซ่อมแซมแล้ว ขณะที่บริษัทซีแพคได้หยุดการผสมคอนกรีตแล้ว

นอกจากนี้บริเวณริมรั้วของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้มีนักศึกษาจำนวนมากได้ช่วยกันวางกระสอบทรายเป็นคันกั้นเพื่อป้องกันน้ำ

***สภาพน้ำท่วมขังบริเวณถนนบางกรวย-ไทรน้อย***

 

เตือนศาลายารับมือน้ำ-กทม.เผชิญวิกฤตสัปดาห์นี้

23 ตุลาคม 2554 เวลา 14:23 น. |เปิดอ่าน 1,487 | ความคิดเห็น 4
ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,

"ปลอดประสพ"เตือนพื้นที่ ศาลายา เก็บของขึ้นที่สูงรับมือน้ำเหนือ คาดกทม.เผชิญวิกฤตในสัปดาห์นี้ เชื่อหนักสุดจะท่วมขังนานถึง 1เดือนครึ่ง




เมื่อเวลา 13.00น. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณ มหาวิทยาลัยมหิดลและพื้นที่ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ให้ทำการเก็บของขึ้นที่สูงและเตรียมการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังจะมาถึงโดยด่วนเพื่อความไม่ประมาท

นายปลอดประสพกล่าวว่า ในฐานะอดีตผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ สิ่งที่รัฐบาลควรทำในวันนี้คือ 1.ให้ความจริงกับประชาชน 100 % ไม่ต้องกลัวว่าประชาชนจะหวาดกลัว 2.เตือนก่อนล่วงหน้าให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ 3.มีจุดยืนและให้หาที่ปลอดภัยให้กับประชาชน 4.สถานที่ปลอดภัยดังกล่าวที่ให้ประชาชนอยู่ต้องให้ใกล้เคียงกับชีวิตปกติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ถนนที่ไหนน้ำท่วม น้ำไม่ท่วมก็ต้องบอกกับประชาชน ตรงไหนไปได้ ไปไม่ได้ก็ต้องบอกกับประชาชน ทุก 15 นาที

ทั้งนี้ขอเสนอให้เปลี่ยนมุมกล้องจราจรให้หันไปสู่จุดที่น้ำท่วมเพื่อติดตามสถานการณ์ รวมทั้งใช้เครือข่ายวิทยุสื่อสารในการจราจรมารายงานจุดน้ำท่วม และ ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบว่าน้ำจะท่วมไปยังทิศทางใด
เช่นทิศตะวันตก ต้องบอกไปเลยว่าน้ำมาจากบางบัวทอง ต่อไปก็บางใหญ่ และก็บางกรวย ในเวลาประมาณเท่าไหร่

"ผมประเมินว่าหากสถานการณ์เลวร้ายที่สุดคาดว่าน้ำจะท่วมพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมด และน้ำจะท่วมขังเป็นเวลาพอสมควร ซึ่งได้ประเมินไว้ประมาณ 1 เดือน ถึง 1 เดือนครึ่ง เพราะน้ำมีจำนวนมาก กรุงเทพฯจะเผชิญวิกฤตสุดภายในช่วงสัปดาห์นี้ และถ้าผ่านช่วงเดือนต.ค.ไปได้ความอันตรายก็จะลดลง"นายปลอดประสพกล่าว

นายปลอดประสพกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทราบว่าประตูระบายน้ำนอกพื้นที่กรุงเทพฯ เปิดแล้วเป็นส่วนใหญ่ เท่าที่ทราบดีขึ้นจากช่วง 2-3 วันนี้เพราะก่อนหน้านี้ได้เปิดๆปิดๆ ซึ่งคำอธิบายก็บอกว่าชาวบ้านไม่เข้าใจและขัดขวาง แต่วันนี้ชาวบ้านอาจจะเข้าใจก็ได้ทำให้เปิดเป็นส่วนใหญ่

ส่วนในของกรุงเทพฯเปิดประมาณ 50% ซึ่งก็มีคำอธิบายว่า ต้องการควบคุมน้ำเพราะไม่อย่างนั้นน้ำจะท่วมในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งก็เข้าใจ แต่ในความคิดของตนนั้น ตนคิดว่ายังกลัวเกินไป ยังสามารถเปิดได้มากกว่านี้เพราะถ้าผู้สั่งการมีความรู้ด้านนี้จริงๆและส่งนักวิชาการไปเฝ้าติดตามที่ประตูน้ำ เฝ้ามอนิเตอร์ เพราะประตูระบายน้ำสั่งการด้วยสวิตช์ปิดเปิด เมื่อน้ำล้นออกมาท่วมถนนมาประมาณ 2 ซม. ก็ค่อยปิด ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องของความละเอียดและความพยายาม

 

เปิดภาพประเมินระดับน้ำท่วมในกรุงเทพฯ

23 ตุลาคม 2554 เวลา 13:20 น. |เปิดอ่าน 4,563 | ความคิดเห็น 9
ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,

เปิดแบบจำลองจากภาพถ่ายดาวเทียมประเมินระดับน้ำท่วมในกทม.พบชั้นในสูง60ซม.-1เมตร รอบนอกมากกว่า 1 เมตร ด้านกทม.แก้น้ำท่วมสามเสนแล้ว




แถบสีแทนระดับน้ำในพื้นที่ต่างๆดังนี้ น้ำตาลเข้มความสูงมากกว่า 4.09 เมตร สีฟ้าอ่อน 0.69 เมตร ส่วนสีอื่นระดับน้ำจะลดหลั่นกันลงมาดังนี้ น้ำตาลเข้ม-เหลือง-เขียว-เขียวอ่อน-ฟ้าอ่อน



เมื่อวันที่ 23 ต.ค. สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมประเมินค่าเฉลี่ยระดับน้ำท่วมในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล โดยระดับน้ำกทม.ชั้นในจะอยู่ที่ 60ซม.-1เมตร จากระดับน้ำทะเล ขณะที่พื้นที่รอบนอกจะมีน้ำท่วมตั้งแต่ 1 เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป

กทม.ระบายน้ำท่วมบริเวณสามเสนแล้ว


ขณะที่กรุงเทพมหานครแ (กทม.)ได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพฯ โดยระบุว่า สำนักการระบายน้ำได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณบางกระบือ ถนนเขียวไข่กา ซึ่งเกิดจากรั้วโรงเรียนราชินีด้านแม่น้ำเจ้าพระยาแตกได้แล้ว

นอกจากนี้ยังพบน้ำรั่วซึมแนวป้องกันบริเวณต่างๆ อาทิ บริเวณสะพานพระราม 7 หน้า เทคโนโลยีพระนครเหนือ ซึ่งเกิดจากแนวป้องกันของบริษัทซีแพค พัง 50 -60 ซม. ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าแก้ไขแล้ว

สำหรับน้ำที่รั่วจากคลองประปาถึงพหลโยธิน บริเวณอนุสรณ์สถาน รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ซึ่ง สำนักการระบายน้ำได้ดำเนินการเรียงแนวกระสอบทรายบริเวณอนุสรณ์สถานด้านถนนวิภาวดี และถนนพหลโยธิน



แจ้งวัฒนะช่วงคลองประปา-ศูนย์ราชการท่วมสูง 50 ซม.

กรณีน้ำรั่วซึมจากคลองประปาทำให้เกิดน้ำท่วมถนนแจ้งวัฒนะจากคลองประปา ถึงศูนย์ราชการ ระดับน้ำ 50 ซ.ม. ทั้ง 2 ฝั่ง จากถนนแจ้งวัฒนะถึงศรีสมาน ระดับน้ำท่วมเป็นช่วงๆ ประมาณ 20 ซ.ม. หมู่บ้านบูรพา วัดเวฬุ วัดไผ่เขียว ระดับน้ำ 50 ซ.ม. ถนนแจ้งวัฒนะหน้ากรมทหารระดับน้ำ 40 – 50 ซ.ม. ซ.แจ้งวัฒนะ 14 ระดับน้ำ 40 – 50 ซ.ม.

สำหรับระดับน้ำคลองเปรมประชากรหน้าสน.ดอนเมืองยังอยู่ในระดับสูงใกล้ขอบตลิ่ง ส่วนคลองอื่นๆ ปกติ แต่ยังคงเฝ้าระวังเขตดอนเมือง หลักสี่ บางเขน สายไหม คันนายาว มีนบุรี คลองสามวา และหนองจอกอยู่ ระดับน้ำคลองสามเสนช่วงต่อเชื่อมคลองประปา ระดับต่ำกว่าสันเขื่อน 1.84 ม. และน้ำในคลองประปาไหลสู่คลองสามเสนในอัตราต่ำกว่าที่คาด

คลองหกวาระดับน้ำสูงเพิ่ม 2 ซม.

สำหรับการคาดการณ์น้ำทะเลหนุนสูงวันนี้ เวลา 16.19 น. ที่ระดับ 0.98 ม. สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยระดับน้ำทะเลหนุนผิดปกติประมาณ 15 – 20 ซ.ม. คาดการณ์ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาสูงสุดวันนี้ที่ปากคลองตลาดโดยกรมอุทกศาสตร์ เวลา 16.16 น. ที่ระดับ 2.18 ม.สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง ระดับน้ำทุ่งเริ่มมาถึงคลองหกวาสายล่าง ระดับน้ำเพิ่มขึ้น ประมาณ 2 ซ.ม. ต้องเฝ้าติดตามเป็นระยะๆ

 

ศปภ.เร่งผันน้ำออกทะเล ป้องกันท่วม กทม.ชั้นใน ยันน้ำคลองประปาลดแล้ว

วันที่ 23 ต.ค. 2554 ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศปภ.แถลงข่าวการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมว่า สำหรับมวลน้ำที่อยู่เหนือกทม.เป็นมวลน้ำที่สะสมมาตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. มีการเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลซีกตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และปัญหาในจุดต่างๆของกทม.ก็ได้รับการแก่ไขทุกจุดเรียบร้อยแล้ว

ส่วนการซ่อมคลองประปา ตอนนี้ หยุดน้ำไม่ให้ไหลเข้าคลองประปาทำให้น้ำในคลองประปาเริ่มลดระดับลงและมีการประสานกับกทม.ให้เร่งระบายน้ำบริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิตเพื่อลดระดับน้ำลงซึ่งทาง ศปภ.ได้ทำกำหนดการในการเร่งระบายน้ำให้เสร็จโดยเร็ว

นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่าในส่วนของน้ำที่ไหลเข้ากรุงเทพฯ ขณะนี้ ส่วนหนึ่งไหลมาจากบางปะอินลงมาปะทะคลองระพีพัฒน์แยกตก ผ่านมาเข้าคลองรังสิตก่อนที่จะผ่านเข้าประตูน้ำจุฬาฯ ก่อนที่จะไหลลงคลองหกวาสายล่าง ซึ่งจะมีน้ำเอ่อล้นเข้าสู่ ถ.พหลโยธิน

จึงจำเป็นจะต้องลดระดับน้ำในคลองหกวาให้ต่ำลง โดยการผันน้ำจากคลองหกวาให้ไหลทางตะวันออกในพื้นที่เขตมีนบุรี หนองจอก และลาดกระบัง ซึ่งจะมีระบบสูบน้ำต่างๆ อยู่ รวมทั้งผันน้ำลงด้านทิศใต้ด้วยเพราะมีคลองเป็นจำนวนมาก ทั้งคลองแสนแสบ คลองประเวศผ่านไปทางคลองสำโรง โดย ศปภ.จะต้องระบายน้ำให้ชัดเจน เพื่อป้องกันน้ำเอ่อเข้ามาบริเวณ ถ.สายไหม ซึ่งถ้าทำได้ กทม.จะปลอดภัยอย่างเต็มที่ สถานการณ์น้ำท่วมจะเบาบางลง

ด้านนายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและอบรมการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาฯ กล่าวว่าขณะนี้ กำลังเร่งผันน้ำลงด้านฝั่งทิศตะวันออกให้มากขึ้นซึ่งประชาชนที่อยู่ด้านล่างอาจจะได้รับผลกระทบบ้างต้องยอมรับแต่เราจะจำกัดขอบเขตในการบริหารจัดการเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งในช่วงเช้าได้ประชุมกัน

นายกรัฐมนตรีมีแนวคิดว่าถ้ามีความจำเป็นจะกำหนดให้เป็นพื้นที่หวงห้ามพิเศษ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานในพื้นที่ดำเนินการได้อย่างเต็มที่ คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าให้พื้นที่ใดบ้างเป็นพื้นที่เป็นพิเศษ ทั้งนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่นั้นๆ ดำเนินการต่อ

ส่วนพื้นทั้งตะวันตกฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จะมีมวลน้ำขนาดใหญ่มากในรอบ 7 ปีและใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และขณะนี้มวลน้ำดังกล่าวใกล้มาถึงคลองมหาสวัสดิ์แล้ว โดยจะเตรียมระบายมวลน้ำก้อนนี้ออกทางสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางส่วน โดยจะไหลลงไปทางคลองทวีวัฒนา ซึ่งตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ที่ปลายคลองแล้ว ถ้าน้ำขึ้นจะสูงประมาณไม่เกิน 50 ซม. ก็จะไม่ท่วมขังตลอดทั้งวัน

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์น้ำเอ่อล้นจากคลองประปาทำให้เข้าท่วมพื้นที่เขตดอนเมือง และเขตหลักสี่ ว่าระดับน้ำในคลองประปาลดลงแล้วและกำลังจะเข้าสู่ภาวะปกติในวันนี้ เพราะจากการตรวจสอบระดับน้ำในคลองประปาต่ำกว่าตลิ่งทำให้ไม่มีน้ำเอ่อล้นจากคลองประปา ทั้งนี้ ศปภ.ได้ประสานกับกทม.ในการเร่งสูบน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่เขตดอนเมือง และถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อที่ระดับน้ำจะได้ลดลงกลับคืนสู่ภาวะปกติเร็วที่สุด

วันนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งลดระดับน้ำในคลองเปรมประชากรให้ลดลง ส่วนน้ำที่ท่วมบนถ.วิภาวดีรังสิต และถ.พหลโยธินบริเวณหน้าห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิตนั้นนายกฯ สั่งการให้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศปภ. กำหนดวิธีการปฏิบัติ และสั่งการให้หน่วยปฏิบัติลงพื้นที่เพื่อลดระดับน้ำบนเส้นทางการจราจร ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่ปฏิบัติได้ลงพื้นที่แล้ว

 

ฝนหนัก-น้ำเขื่อนฯกระหน่ำซ้ำท่วมเมืองอุบลฯ




จากสถานการณ์ฝนตกหนักที่ จ.อุบลราชธานี เจอซ้ำเติมด้วยน้ำจากเขื่อนทางเหนือ และแม่น้ำชี-มูล ทำให้ลำน้ำสาขามีปริมาณน้ำสูงเอ่อท่วมหมู่บ้านหรู ท่วมถนนสายหลัก และหมู่บ้านริมน้ำมูล ขณะที่ผู้ว่าฯ เร่งระบายน้ำลงแม่น้ำโขงด่วน...

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2554 ว่า อิทธิพลจากน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ก่อน รวมกับน้ำจากด้านเหนือที่ถูกปล่อยจากเขื่อน ทั้งจากแม่น้ำมูล และแม่น้ำชีที่ไหลมารวมกัน ทำให้ลำน้ำสาขามีปริมาณน้ำสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยที่ลำน้ำมูลน้อย อ.เมืองอุบลราชธานี มีน้ำล้นตลิ่งสูงกว่า 50 ซม. ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าท่วมหมู่บ้านเสาวลักษณ์ ที่เป็นหมู่บ้านหรู ราคาหลังละหลายล้านบาท มีพื้นที่อยู่ติดลำน้ำมูลน้อย ตั้งอยู่ ถ.พโลชัย ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี เจ้าของบ้านหลายหลังต้องนำกระสอบทรายมาปิดกั้นไม่ให้น้ำไหลเข้าบ้าน รวมทั้งใช้เครื่องสูบน้ำออกจากพื้นบ้านตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่บริเวณถนนสรรพสิทธิ์ ใกล้ชุมชนวังแดง ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งน้ำในลำน้ำมูลน้อยก็ไหลเอ่อล้นกระสอบทรายที่เคยทำเป็นแนวกั้นไปแล้วนั้น ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ถนนสายดังกล่าว รถไม่สามารถใช้สัญจรไปมาได้





นายสุรพล สายพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า จากปริมาณน้ำในแม่น้ำมูลที่จังหวัดอุบลราชธานียังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราษฎรสองฝั่งแม่น้ำมูล เขตอำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ ได้รับความเสียหายเพิ่มมากขึ้น ทางจังหวัดได้ตั้งจุดอพยพเพิ่มเติมรวมเป็น 30 จุด ส่วนการลดปริมาณน้ำที่ท่วมในพื้นที่นั้น เนื่องจากแก้มลิงในหลายจุด เช่น หนองขอน แจระแม หนองเหล่า มีน้ำเต็มความจุแล้ว จึงสั่งการให้แต่ละอำเภอเร่งสูบน้ำเข้าไปเก็บไว้ในที่นา ซึ่งเก็บเกี่ยว ผลผลิตเสร็จ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวน 10 เครื่อง สูบน้ำมูลจากแก่งตะนะ อำเภอโขงเจียมลงสู่แม่น้ำโขง เพื่อเร่งระบายน้ำให้มีปริมาณลดลงเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังฝากถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวลือว่า น้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 1 เมตร เพราะจากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่ คาดว่าน้ำจะเพิ่มขึ้นอีกไม่เกิน 30 เซนติเมตรเท่านั้น




ทางด้านผู้อำนวยการส่วนจัดสรรน้ำ สำนักงานชลประทานที่ 7 อุบลราชธานีนายนิรันดร์ นาคทับทิม กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบัน น้ำในลำน้ำสาขาได้เริ่มลดลง แม่น้ำมูลมีระดับเพิ่มทุกจุด แต่ปริมาณการไหลต่างกัน แม่น้ำมูล ที่ M7 (เชิงสะพานเสรีฯ) มีขนาดใหญ่น้ำไหลออกเร็ว แต่น้ำมูลตอนล่างที่ อ.พิบูลมังสาหาร ยังไม่ลดลง เป็นผลทำให้แม่น้ำมูลที่ M7 ยังคงขึ้นอีกเล็กน้อย ไม่เกิน +114.75 (ประเมินในทางปลอดภัย) ประมาณวันที่ 26 คาดว่า น้ำจะลดลง แต่ก็ต้องยังเฝ้าระวังอยู่อย่างใกล้ชิด เพราะจะมีมวลน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนอุบลรัตน์ และเขื่อนลำปาว ไหลเข้ามาในพื้นที่อุบลราชธานี

นายลิขิต พลเหลา ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี กล่าวว่า ทางวิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี ได้รับมอบหมายจากกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักคณะกรรมการอาชีวศึกษาให้ดำเนินการต่อเรือเป็นการเร่งด่วน เพื่อนำไปช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งผู้ประสบภัยมีความต้องการใช้เรือเป็นพาหนะจำนวนมาก ทั้งในการดำรงชีวิตประจำวันและการขนย้ายสิ่งของต่างๆ โดยขณะนี้ได้ดำเนินการต่อเรือแล้วเสร็จและส่งมอบแล้ว 200 ลำ และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 100 ลำ ซึ่งจะเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ เรือเหล็กที่ทำการต่อนี้ มีต้นทุนประมาณ ลำละ 5,000 บาท มีราคาถูกกว่า และมีความคงทนกว่าเรือยางหรือเรือพลาสติก ที่แตกชำรุดได้ง่าย สามารถรองรับน้ำหนักการขนส่งโดยสารได้ประมาณ300 กิโลกรัม และมีความปลอดภัยสูง คาดจะสามารถบรรเทาทุกให้แก่ผู้ประสบภัยได้ในระดับหนี่ง



โดย: ทีมข่าวภูมิภาค

23 ตุลาคม 2554, 16:10 น.

 

ปชป.จี้ 'ปู'ผ่าตัดศปภ.บิดเบือนข้อมูล เตือนลิ่วล้ออย่าขัดขาผู้ว่ากทม.




รองโฆษกปชป.ซัด "ปู" ปากว่าตาขยิบ ร้องทุกฝ่ายร่วมมือแก้น้ำท่วม แต่กลับเล่นการเมือง ปล่อยลิ่วล้อขัดแข้งขัดขาผู้ว่าฯ กทม. เพื่อดิสเครดิต จี้ต้องแสดงภาวะผู้นำแก้ปัญหาขัดแย้งในศปภ. จนประชาชนหวาดผวา แถลงการณ์บิดเบือนความจริง ย้ำต้องเร่งผ่าตัดด่วนตามข้อเรียกร้อง 7 ข้อ เห็นด้วย “สมศักดิ์” เปิดสภาฯ ถกน้ำท่วม ดักทางอย่าหมกเม็ดนำ พ.ร.บ. จัดระเบียบกลาโหมเข้าวาระประชุม...

นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ ให้ผ่านสถานการณ์วิกฤติน้ำท่วมไปด้วยดี ซึ่งทุกฝ่ายพร้อมให้การช่วยเหลือ แต่รู้สึกเหมือนนายกฯ จะมีพฤติกรรมปากว่าตาขยิบ ทั้งที่เรียกร้องทุกฝ่ายให้ร่วมมือกับรัฐบาล แต่คนของตัวเองกลับนำประเด็นการเมืองมาโยงสร้างเป็นประเด็นการเมืองเสียเอง

ที่ผ่านมา นายกฯ ไม่รู้หรืออย่างไรว่า แกนนำพรรรคเพื่อไทย ภาคกทม. ได้มีการประชุม ส.ส.ในเขตที่ประสบภัยพิบัติ คือ มีนบุรี หนองจอก คลองสามวา และลาดกระบัง โดยมีลักษณะให้การบริหารงานหรือทำการขัดแข้งขัดขาผู้ว่าราชการ กทม. เช่น ให้ทีมงานใช้เสียงหอกระจายข่าวสาร ที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง เพื่อดิสเครดิต และสร้างความเกลียดชังต่อผู้ว่าฯ กทม.และคณะ ตลอดจนการทำงานของเจ้าหน้าที่ของกทม. ที่เข้าไปช่วยเหลือแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เช่น กรณีน้ำเอ่อล้นคลองประปา ก็ระบุว่า เป็นฝีมือผู้ว่าฯ กทม. ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม.

"ขอเรียกร้องให้รัฐบาล และลิ่วล้อยุติการกระทำเหล่านี้ และขอให้รู้กาลเทศะบ้างว่า ตอนนี้พี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ผู้คนแตกตื่นโกลาหล ฉะนั้นอย่าเล่นการเมืองให้มากไป ไม่ใช่สร้างสถานการณ์ให้ใครมาเล่นบทวีรสตรี เพื่อหวังลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในปีหน้า ใช้ทุกอย่างสร้างฐานเพื่อโยงการเมือง" นายสกลธี กล่าว

นายสกลธี กล่าวต่อว่า ตลอดช่วง 3 สัปดาห์ ที่มีการแต่งตั้ง ศปภ. การทำงานยังเหมือนพายเรือในอ่าง มีปัญหามากมายกัดกิน โดยเฉพาะปัญหาความน่าเชื่อถือ การให้ข่าวสร้างความแตกตื่นมากมาย และมีความขัดแย้งภายในศปภ. ทั้งรัฐมนตรีในแถวสาม สี่ ห้า กับคนไม่มีอำนาจในบ้านเลขที่ 111 ที่เตรียมจะกลับมาในวงการเมืองปีหน้า มีการแย่งซีนกัน ทำให้การทำงานของ ศปภ.ไม่ลื่นไหล รวมถึง ส.ส.เพื่อไทยขัดแย้งกันเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้นายกฯ ต้องเข้ามาจัดการ เพราะประชาชนอยากเห็นมากสุด คือ ภาวะผู้นำของนายกฯ ซึ่งที่ผ่านมา ยังได้ไม่แสดงภาวะผู้นำอย่างเพียงพอ และจากการลงพื้นที่ของพรรค พบว่า ประชาชนอยากเห็นรัฐบาลพูดความจริง แถลงอย่างตรงไปมา ไม่ใช่พอถามนายกฯ ถึงสถานการณ์น้ำว่าเป็นอย่างไร ตอบอย่างเดียวว่า ยังไม่ทราบ ให้ไปถามผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งคนระดับนายกฯ ไม่รู้แล้วจะไปถามใคร

“ตอนนี้ประชาชนเลิกกลัวน้ำท่วมแล้ว แต่กลับกลัวการแถลงของ ศปภ.มากกว่าว่า จะบิดเบือนข้อมูลความจริง ถ้าพูดความจริงคน กทม. รับได้ เพราะมีการเตรียมรับสถานการณ์ เพียงแต่อยากรู้ว่า จะท่วมตรงไหนบ้าง ท่วมเท่าไร ถ้านายกฯ ไม่สามารถให้คำตอบได้ ทั้งมีข้อมูลที่จะประมาณการได้อยู่แล้ว ขอให้บอกความจริง”

นายสกลธี กล่าวอีกว่า ตนขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี 7 ข้อ คือ 1. นายกฯ ต้องเร่งทำให้ประชาชนเบาใจ ด้วยการแสดงภาวะผู้นำจริงจัง แถลงความจริงอย่างรวดเร็ว เพื่อรับต่อสถานการณ์ และปรับปรุงรูปแบบการแถลงของ ศปภ.หาโฆษกที่พูดจารู้เรื่องกว่านี้ 2. ต้องเตือนลูกหาบ และผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่าเอาความเดือดร้อนของประชาชนมาเป็นตัวประกันเพื่อหาเสียงเก็บคะแนน หรือเตรียมตัวสมัครผู้ว่ากทม.สมัยหน้า 3. ตักเตือน ส.ส.ที่ไม่เกี่ยวข้องว่า มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ ออกมาบริภาษผู้เกี่ยวข้อง ทั้งที่คนเหล่านี้ได้ทำงานอย่างเต็มที่

4. บอกลูกพรรคให้หยุดสร้างความแตกแยกแบ่งพวกแบ่งสี เช่น บังคับให้อาสาสมัครใส่เสื้อสีแดง หรือส่งของให้กับพวกตัวเอง หรือเช่นที่เขตดอนเมืองบางแห่ง น้ำท่วมครึ่งแข้ง ก็รีบเอาของไปแจกให้ทันที ทั้งที่พื้นที่อื่นที่ประสบความเดือดร้อนก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ 5. ให้ตักเตือนรื่องการขาดตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ต้องจัดการผู้ที่กักตุนสินค้า และขึ้นราคาสินค้าอย่างเด็ดขาด

6. ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษากฎหมายดูแลทำงานให้เต็มที่ โดยเฉพาะการแต่งตั้งญาติขึ้นมาเป็นผบ.ตร.แล้ว ก็ควรจะเร่งทำงาน เพราะเริ่มมีการซ้ำเติมประชาชน เช่น การโจรกรรม และกรณีเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างเมืองนนท์กับดอนเมือง ซึ่งตัวคนทำผิดชัดเจน อยากให้แสดงฝีมือเป็นงานแรกหลังจากรับตำแหน่ง และ 7. ขอให้นายกฯ เลิกดื้อดึง และฟังความเห็นทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง และหยุดเล่นการเมืองสักพัก อย่ากีดกันที่ไม่ใช่พวกตนเองออกไป

รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวเห็นด้วยกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเรียกประชุมสภาในวันที่ 26 -27 ต.ค. เพราะปัญหาที่เกิดขึ้น ต้องการความเห็นจากทุกภาคส่วน แต่อย่าอาศัยช่วงชุลมุนหมกเม็ด นำเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าในระเบียบวาระ โดยเฉพาะร่างแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม แม้ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องนี้ในวาระ แต่ประธานสภาก็มีสิทธิ์เลือกวาระเข้ามาประชุมในสภาได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีกลุ่มองค์กรภาคประชาชนที่เข้าช่วยเหลือ ศปภ. ได้ถอนตัวจาก ศปภ.แล้ว นายสกลธีกล่าวว่า ไม่ใช่มีเฉพาะกลุ่มองค์กรภาคประชาชนอย่างไทยฟลัด( Thai Flood) เท่านั้นที่ถอนตัว แต่มีอาสาสมัครจำนวนมากได้ขอถอนตัวออกจาก ศปภ. เพราะได้เห็นข้อมูลการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของ ศปภ. เพราะนายกฯ ใช้คนไม่ถูกกับงาน ทำให้ขั้นตอนการเบิกจ่ายอยู่ที่คนเพียงคนเดียวที่มีอำนาจเซ็นอนุมัติ แต่ไม่นั่งประจำ ทำให้ปัญหาทุกอย่างติดขัดไปหมด

โดย: ทีมข่าวการเมือง

23 ตุลาคม 2554, 16:30 น.

 

สมุทรปราการ เร่งขุดลอกคลองในพื้นที่ เพื่อเตรียมรับน้ำจาก กทม.

นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อพิจารณาสนับสนุนงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเพิ่มเติมโดยขอขยายวงเงินจาก 100 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท ซึ่งมี อำเภอบางพลี บางบ่อ บางเสาธง และอำเภอเมืองสมุทรปราการ ขอรับการสนับสนุนงบในการขุดลอกคลองในพื้นที่เพื่อเตรียมรับน้ำจากกรุงเทพมหานครที่จะผ่านมาทางคลองพระองค์เจ้าไชยยานุชิตเพื่อระบายออกสู่ทะเล พร้อมทั้งให้เตรียมจัดหากระสอบทราย 3 แสนใบ เพื่อใช้เป็นแนวป้องกันน้ำท่วม โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอบางบ่อ อำเภอบางพลี และอำเภอบางเสาธง ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำ รวมทั้งจัดเตรียมถุงยังชีพ 10,000 ชุด เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ถูกน้ำท่วม ทั้งนี้จังหวัดสมุทรปราการได้ให้แต่ละอำเภอได้จัดเตรียมจุดอพยพประชาชนหากเกิดน้ำท่วมสูงไว้แล้ว โดยเฉพาะอำเภอบางบ่อมีพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมสูง 10 หมู่บ้าน ในตำบลเปร็งและตำบลบางบ่อ ซึ่งเป็นจุดอยู่ใกล้กับคลองพระองค์เจ้าไชยยานุชิต ซึ่งเป็นคลองสายหลักที่จะระบายน้ำลงสู่ทะเล ทางจังหวัดได้ให้อำเภอและท้องถิ่นแต่ละแห่งแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้อาศัยอยู่ใกล้กับคลองสายหลักซึ่งจะใช้เป็นเส้นทางระบายน้ำอาจจะได้รับผลกระทบน้ำท่วมจากน้ำเอ่อล้น



ผู้ว่าฯกทม. ระบุ สถานการณ์น้ำทั่วไปของกรุงเทพมหานครยังปกติ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั่วไปยังคงปกติ แต่ระดับน้ำในคลองทวีวัฒนามีปริมาณเพิ่มขึ้น 1 เซนติเมตร และคลองสองเพิ่มขึ้น 4 เซนติเมตร โดยคาดว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาน้ำทะเลจะหนุนสูงสุดในเวลา 16.19 น. ระดับน้ำสูงสุดที่คาดการณ์จะอยู่ที่ 2.18 เมตร สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง ส่วนกรณีน้ำรั่วซึมในจุดต่างๆ สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้วและยังคงเร่งดำเนินการแก้ไขในบริเวณบางกระบือและถนนเขียวไข่กา นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร ต้องเฝ้าระวัง 3 จุดที่น่าเป็นห่วงได้แก่ บริเวณถนนพหลโยธิน กับ คลองรังสิต ซึ่งกรุงเทพมหานครได้เสริมคันกั้นน้ำ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จพอสมควร จุดที่สอง คือระดับน้ำจากคลองเปรมประชากร เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้บริเวณ สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ระดับน้ำเต็มตลิ่งถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานครฝั่งเหนือ และจุดที่สามระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากระดับน้ำจะสูงขึ้นอย่างฉับพลัน


นายกเทศมนตรีเมืองคูคต เผย น้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร

นายเมธา ใจบริสุทธิ์ นายกเทศมนตรีเมืองคูคต เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำในพื้นที่ว่า น้ำได้ทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ต.คูคต ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งน้ำที่เข้าท่วมนั้น มีผลกระทบมาจากพนังกั้นน้ำบริเวณสะพานแดงพังทลายลง โดยขณะนี้ระดับน้ำบริเวณวัดลาดสนุ่นอยู่ที่ประมาณ 70 - 80 ซ.ม. และบริเวณซอยวิเชียร ด้านหน้าเมืองเอกอยู่ที่ 50 - 60 ซ.ม. ส่วนการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่นั้น อยู่ระหว่างประสานกองทัพอากาศเพื่อนำรถจีเอ็มซี และเรือเข้าช่วยเหลือในการขนย้ายประชาชน และสิ่งของออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่จัดไว้ คือ วัดโพสพผลเจริญ และวัดประยูรธรรมาราม สำหรับจุดที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือ บริเวณวัดลาดสนุ่น เนื่องจากระดับน้ำยังคงมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ มีชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่แล้วจำนวน 120 คน

ศรีสะเกษ อุณหภูมิลดลง 2 - 3 องศา ชาวบ้านแห่ซื้อเสื้อกันหนาวกันอย่างคึกคัก

เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหมอกกับมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยอุณหภูมิลดลง 2 - 3 องศา ทำให้พื้นที่ใน จ.ศรีสะเกษ เริ่มมีลมหนาว อุณหภูมิเริ่มต่ำลง ซึ่งทำให้ชาวศรีสะเกษ พากันมาหาเลือกซื้อเสื้อผ้าและเครื่องกันหนาวมากขึ้น โดยเฉพาะที่ตลาดนัด ถ.กวงเฮง ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่า ได้มีชาวศรีสะเกษ และจากอำเภอใกล้เคียง ได้เดินทางมาหาซื้อสิ่งของในตัวเมืองศรีสะเกษ และพากันแวะมาหาซื้อเสื้อผ้ากันหนาวกันคึกคัก


ซึ่งบรรดาพ่อค้า แม่ค้า ที่ขายเสื้อผ้ากันหนาวหลายรายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เสื้อผ้ากันหนาวที่นำมาขายส่วนใหญ่เป็นเสื้อกันหนาวมือสอง ซึ่งในปีนี้มีราคาใกล้เคียงกับปีที่แล้ว จะมีตั้งแต่ราคาตัวละ 30 บาท ไปจนถึงตัวละ 400 บาท ในปีนี้จะขายดีมากเป็นพิเศษ

 

หมาก็ยังสู้ ...

 

กาฬสินธุ์วิกฤติ!น้ำชีทะลักท่วม 4 พันหลัง

ข่าวภูมิภาค วันอาทิตย์ที่ 23 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 16:47 น.




สถานการณ์น้ำท่วมกาฬสินธุ์ ยังวิกฤติหนัก น้ำชีเจาะพนังขาดหลายจุด เจ้าหน้าที่อุดไม่อยู่ น้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 4 พันหลัง



สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ยังคงวิกฤติอย่างหนัก เนื่องจากพนังดินกั้นแม่น้ำชี ในเขต อ.ฆ้องชัย ยาวไปถึง อ.กมลาไสย โดยเฉพาะบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 21 - 22 ซึ่งเป็นเขตรอยต่อระหว่าง 2 อำเภอ ยังถูกน้ำชี เซาะจนแตกไปแล้ว 8 จุด บางแห่งยาวเกือบ 100 เมตร และลึกกว่า 2 เมตร

ทั้งนี้แม้ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายถาวร กุลโชติ ปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์ นายธนูสินธ์ ไชยศิริ นายอำเภอกมลาไสย ได้ระดมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน พร้อมทั้งกำลังทหาร นักศึกษาวิชาทหาร และชาวบ้านอีก
หลายร้อยคน เข้าทำการซ่อมแซมพนังที่แตกมานานถึง 4 วัน แต่ก็สามารถซ่อมได้เพียงบางจุดเท่านั้น แม้จะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ยังเหลืออีก 3 จุดใหญ่ๆ ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทำได้เพียงการชะลอน้ำให้ไหลช้าลง เนื่องจากจุดที่
แตก มีกระแสน้ำแรง และมีความลึก เครื่องจักรไม่สามารถเข้าไปถึงได้ น้ำจึงไหลทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดพบว่า ปัญหาพนังที่ขาด ได้ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนแล้วกว่า 4,000 ครอบครัว

Link : กาฬสินธุ์วิกฤติ น้ำชีทะลักท่วม 4 พันหลัง

 

กทม. ประกาศฉบับ3 ให้ปชช.ริมฝั่งเจ้าพระยา ขนของขึ้นที่สูง





ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์อุทกภัยฉบับที่ 3 ให้ประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ ที่ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีระดับสูงขึ้น

ขอให้ขนย้ายสิ่งของและทรัพย์สินมีค่า รถยนต์และปลั๊กไฟฟ้าขึ้นบนที่สูง และพิจารณาเคลื่อนย้ายไปยังศูนย์พักพิงที่กทม.จัดไว้และขอให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำจากข่าวสารของ กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด อย่าได้ตื่นตระหนก หลังแม่น้ำเจ้าพระยาจะเพิ่มระดับสูงขึ้น เนื่องจากน้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุนในช่วงนี้

นอกจากนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจ กทม.จะทำหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างสุดความสามารถ เพราะได้เตรียมแผนอพยพและช่วยเหลือประชาชนไว้แล้ว โดยสามารถเปิดดูที่เว็บไซต์ www.bangkok.go.th หรือสอบถามได้ที่สำนักงานเขต หรือศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 1555